ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #13 : หวานใจ ตอน 12 ::: ขายจูบ~ ❤

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.74K
      13
      9 พ.ย. 56


    [Fic] หวานใจ >///<

    ตอน 12: ขายจูบ

    Fiction by 2nd Admin
     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “เลย์น้องร้ากกกก!

    เสียงเรียกยานคางอย่างอารมณ์ดีนั้นทำให้คนตัวขาวที่นั่งอยู่ในซุ้มโต๊ะหน้าตึกคณะต้องหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าของเสียงกำลังก้าวยาวๆ มาทางเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง

    “เลิกเรียนแล้วหรือครับ รุ่นพี่มินโฮ”

    “เลิกตั้งนานแล้ว แวะไปหาแทมมาแล้วก็มาหานายนี่แหละ”

    อี้ชิงแค่ยิ้มรับ ระหว่างที่รุ่นพี่ร่างสูงกำลังสอดตัวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้าม รุ่นน้องก็ก้มลงลอกแล็คเชอร์บรรทัดสุดท้ายลงสมุดให้เรียบร้อยก่อนจะพับเก็บ แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้น

    “แล้ววันนี้ไม่มีซ้อมหรือครับ?”

    “มีช่วงเย็น ตอนนี้ว่าง” มินโฮตอบด้วยรอยยิ้มที่ค้างบนใบหน้า จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ จ้องเอาๆ จนอี้ชิงชักเริ่มเอะใจ จริงๆ ก็เอะใจตั้งแต่ตอนที่เดินอารมณ์ดีเข้ามาหาเมื่อกี้นี้แล้วล่ะ

    “มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”

    ชเวมินโฮดีดนิ้วประมาณว่าถามเข้าทาง ยื่นหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ

    “ศุกร์นี้นายพอจะว่างมั้ย?”

    “อืม... ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายถึงเย็นยังไม่มีโปรแกรมอะไร”

    “งั้นฉันจอง มีกิจกรรมนิดหน่อยอยากให้ช่วย”

    “กิจกรรมอะไรครับ?”

    “ที่ชมรมของแทมเค้าจะจัดออกค่ายไปแถบชานเมือง ทำบุญน่ะ บ้านเด็กกำพร้า ฉันก็เลยรับอาสาเป็นพ่องานหาเงินทุนให้ นี่ก็เพิ่งประชุมเสร็จแล้วก็เลยมาหาทีมงานไปช่วย นึกถึงนายเป็นคนแรกเลยนะ”

    อี้ชิงพยักหน้ายิ้มๆ เขาควรดีใจสินะ

    “ตกลงเอาไง จะช่วยรึเปล่า?” เพราะเป็นเรื่องของแฟน รุ่นพี่มินโฮถึงได้กระตือรือร้นนัก แต่แทมหรือแทมินก็เป็นรุ่นน้องของอี้ชิงตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล ยิ่งเป็นงานบุญงานกุศลด้วยแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ช่วย

    “ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”

    “รับปากแล้วนะ ไม่ใช่ว่าพอแฟนขี้หวงของนายไม่อนุญาตแล้วก็จะมายกเลิก”

    ว่าไปนั่น อี้ชิงหรี่ตาแล้วทำปากยื่น อยู่ดีๆ มาแซะแฟนเราทำไม

    “พี่คริสเค้ามีเหตุผลพอหรอกน่า”

    หนุ่มนักกีฬาย่นจมูก หมั่นไส้คนเข้าข้างแฟน

    “ให้มันจริงเหอะ เดี๋ยวพอรู้ว่ามาช่วยงานฉันแล้วก็จะไม่ยอมปล่อยให้มา ยิ่งจะขี้หึงไม่เข้าเรื่องอยู่ ตัวเองก็ออกจะเพลย์บอยขนาดนั้น เอาจริงๆ นะ ฉันยังไม่เชื่อหรอกว่าหมอนั่นจะหยุดอยู่ที่นายจริงๆ ถึงนายจะน่ารักขนาดนี้ก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าหมอนั่นจะเลิกนิสัยเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้ามาฟัดนายคนเดียวได้ทุกวัน”

    พูดจาโผงผางตรงไปตรงมาได้สมกับที่เป็นรุ่นพี่มินโฮซะจริง เรื่องแบบนี้ยังคุยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไปได้ อี้ชิงได้แต่เกาขมับแล้วเสสายตาไปมองทางอื่น แก้มงี้ร้อนผ่าวไปหมด

    “แล้วนายจะหน้าแดงทำไม?” พอรุ่นพี่ทัก คนตัวขาวก็เอาหลังมือทาบแก้ม เอาเรื่องแบบนี้มาคุยได้หน้าตาเฉย ใครไม่อายอี้ชิงนี่แหละอาย อายมากด้วย

     

    “เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่า...?” หนุ่มนักกีฬาหรี่ตาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด อาการที่รุ่นน้องยิ่งก้มหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนแก้มแดงๆ นั่นมันฟ้อง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเขินขนาดนั้น อี้ชิงยังไร้เดียงสาเหมือนไม่เคย...

     

    “หรือว่า... หมอนั่นยังไม่ได้แอ้มนาย?!

     

    “รุ่นพี่!” เสียงดังขนาดนี้ กลัวคนที่นั่งถัดไปอีกสองโต๊ะเค้าจะไม่ได้ยินกันรึไง ยังจะมาชี้หน้ากันอีก

    “จริงๆ ใช่มั้ย? หมอนั่นยังไม่ได้แอ้มนายจริงๆ ใช่มั้ย?”

    “ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย พี่เลิกพูดซักที” เพราะอี้ชิงใสซื่อเกินกว่าจะโกหก ยิ่งอาการลุกลี้ลุกลน หลบตาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับหรือปฏิเสธเต็มคำ มินโฮก็ตบโต๊ะอย่างมั่นใจ

    “ใช่จริงๆ นั่นแหละ! ว่าแล้วเชียวว่าทำไมถึงได้ออกอาการนัก เฮอะ! ที่แท้ก็หวงก้าง ตัวเองยังไม่ได้กินมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงจริงๆ”

    “รุ่นพี่มินโฮ!” อี้ชิงหน้าแดงก่ำ ตอนนี้เริ่มจะเคืองขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ

    “นายจะอายทำไม หมอนั่นต่างหากที่ต้องอาย แฟนออกจะน่าฟัดขนาดนี้ยังไม่มีปัญญา เสียชื่อเพลย์บอยชะมัด ฮ่าๆๆๆ” คนตัวเล็กยกสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องคราง พี่มินโฮหัวเราะเสียงดังเกินไปแล้วนะ ป่านนี้โต๊ะใกล้ๆ คงหันมามองกันหมด อี้ชิงไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องแบบนี้มันน่าขำตรงไหน คนเป็นแฟนกันยังไม่มีอะไรกันมันผิดปกตินักหรือไง ทำไมพี่มินโฮต้องเห็นเป็นเรื่องสนุกขนาดนั้น

    “ถ้ายังไม่หยุดพูด ผมไม่คุยด้วยแล้วจริงๆ นะ”

    “เดี๋ยวก่อนสิ จะรีบไปไหน ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย” มินโฮพูดทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะ มือไม้ไวพอจะคว้าข้อมือเล็กของรุ่นน้องไว้เมื่อคนตัวขาวคว้ากระเป๋าเป้แล้วลุกขึ้นทำท่าว่าจะเดินหนี

     

    และคนที่เพิ่งมาถึงก็ทันได้เห็นภาพที่ชวนให้ขุ่นใจนั้นพอดี

    “จับมือถือแขนแฟนคนอื่น ระวังจะเล่นกีฬาไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิตนะ”

    พอหันไปเห็นว่าเป็นใคร มินโฮก็ปล่อยมือจากข้อมือบางโดยอัตโนมัติ

    “โว้ว! มาพอดี ฉันกำลังคิดถึงนายเลย”

    ดวงตาคมหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจ ยิ้มแบบนี้ พูดแบบนี้ ดูน่าระแวงยังไงชอบกล แต่พอคนตัวเล็กตรงเข้ามาหา สีหน้าของอดีตเพลย์บอยคนดังก็อ่อนโยนลง

    “ทำไมมาที่นี่ล่ะครับ?” อี้ชิงถามเพราะค่อนข้างแปลกใจ ปกติจะนัดเจอกันที่ห้องสมุด แต่วันนี้เขาเลิกเรียนเร็วกว่าตั้งหนึ่งชั่วโมง คนตัวเล็กก็เลยตั้งใจว่าจะลอกแล็คเชอร์ให้เสร็จแล้วค่อยไปรอ แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาที่พี่คริสจะเลิกเรียนด้วยซ้ำ

    “อาจารย์ยกเลิกชั่วโมงสุดท้าย พี่เลยเลิกเร็ว นึกแล้วเชียวว่าเรายังอยู่ที่นี่” เห็นคนน้องยิ้มหวานแล้วก็ชื่นใจ คริสลืมความขุ่นใจเมื่อครู่ไปสิ้น ยกมือขึ้นลูบกลุ่มไหมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ อย่างแสนรัก สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองจนคนตัวเล็กต้องเขินอายนั้นทำให้คนที่นั่งมองอยู่อดจะหมั่นไส้ไม่ได้

    “เลิกเรียนปุ๊บก็รีบมาหาแฟน ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีเหลวไหลเลยจริงๆ”

    คริสปรายตามองคู่ปรับคนสำคัญที่นั่งยิ้มยั่วโมโหอยู่แล้วก็แค่นยิ้มกลับ

    “ฉันมีแฟนก็ต้องมาเฝ้า หรือจะให้ไปเฝ้าแฟนคนอื่นเหมือนนาย?”

    “ก็เพราะมัวแต่เฝ้าน่ะซี้ ถึงยังไม่ได้...”

    “รุ่นพี่!” อี้ชิงรีบขัดขึ้น กัดปากแล้วถลึงตาใส่รุ่นพี่ตัวเองแต่มินโฮกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “ถึงยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยเนี่ย พูดกันได้สองสามคำ นายก็มาละ” เสเปลี่ยนเรื่องพูดได้ทันที สมกับเป็นชเวมินโฮซะจริง

    อี้ชิงไม่อยากให้ร่างสูงทั้งสองเผชิญหน้ากันนานๆ เดี๋ยวอดใจไม่ไหวพี่มินโฮก็หาเรื่องแขวะแฟนเขาให้ได้ขุ่นใจกันอีก ถึงได้ยกสองมือขึ้นเกาะแขนคนรักแล้วเอ่ยชวน

    “ผมหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรทานกันนะครับ”

     

    “อ้อ เลย์ นายอย่าลืมขออนุญาตผู้ปกครองเรื่องที่จะไปทำกิจกรรมกับฉันด้วยล่ะ”

    คริสที่เดินไปแล้วหันหลังกลับมาแล้วเลิกคิ้ว เห็นรอยยิ้มยียวนแล้วก็ไม่อยากต่อคำ ถึงได้เลือกที่จะถามเอากับคนรัก

    “กิจกรรมอะไร?”

    “หาเงินทุนไปช่วยงานออกค่ายชมรมของแทมิน รุ่นน้องผมน่ะครับ”

    “แฟนฉันเอง” หนุ่มนักกีฬาเสริมให้พลางยักคิ้ว คริสปรายตามองเพียงแว่บเดียวก็กลับมามองหน้าคนรัก

    “แล้วทำอะไร เมื่อไหร่?”

    “เอ่อ...”

    “วันศุกร์นี้ กิจกรรมง่ายๆ ไม่ยากหรอก” มินโฮชิงตอบเสียเอง โอกาสปั่นหัวคนหล่อแบบนี้ไม่มีพลาด ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วก้าวเข้าหาร่างสูงพร้อมรอยยิ้มแบบที่คริสไม่ชอบเอาเสียเลย

     

    “คิสฟอร์เซลล์ ขายจูบน่ะ รู้จักมั้ย?”

     

    “ว่าไงนะ!

     

    “อ.. อะไรนะครับ?!” อี้ชิงตกใจเสียยิ่งกว่า มองสีหน้าคนรักแล้วก็มองรุ่นพี่ที่ยังยิ้มกวน “แต่เมื่อกี้รุ่นพี่ไม่ได้บอก...”

    “ฉันยังไม่ได้บอกรายละเอียดหรอกเหรอ? โทษที แต่ยังไงก็ห้ามปฏิเสธแล้วนะ นายรับปากฉันแล้ว” อย่ามาทำตีมึนแบบนี้นะ ขายจูบคืออะไร? นั่งนิ่งๆ ให้ใครต่อใครมาจูบเพื่อแลกกับเงินบริจาคน่ะหรือ? พี่มินโฮล้อเล่นใช่มั้ย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกมีหรืออี้ชิงจะรับปาก

    “ไม่มีทาง พี่ไม่ปล่อยให้เราไปทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ” อี้ชิงหันไปส่ายหน้ารัวเร็วให้คนที่ตรงเข้าจับต้นแขน ให้รู้ว่าตัวเองก็ไม่มีทางทำแบบนั้น แต่คนต้นคิดก็ยังย้ำคำไม่เลิก

    “แต่นี่ค่ายอาสา งานกุศลนะ แล้วนายก็รับปากฉันแล้วด้วยเลย์”

    “พี่ไม่ให้ไป”

    หนุ่มนักกีฬาถอนหายใจ แสร้งตีสีหน้าเหนื่อยหน่าย

    “กะแล้วว่าแฟนนายต้องไม่ให้ไป ก็อย่างว่าล่ะนะ ยังไม่ได้กะ...”

    “รุ่นพี่!” อี้ชิงไม่ทันรู้ตัวตอนที่สะบัดแขนจนหลุดจากมือหนาแล้วปรี่เข้าเอามือปิดปากรุ่นพี่ไว้ ประเด็นส่วนตัวดูเหมือนจะกลายเป็นจุดอ่อนให้พี่มินโฮเอามาแกล้งได้ กับเขาน่ะไม่เป็นไร แต่พี่คริสคงรู้สึกเสียหน้าถ้าถูกหัวเราะเยาะ พี่มินโฮใจร้ายเกินไปแล้วจริงๆ!

     

    มินโฮย่นคิ้วใส่คนตัวขาวแล้วก็ดึงมือบางออกจากปากตัวเอง

    “ไม่รู้แหละ รับปากแล้วห้ามคืนคำ”

    “แต่ว่า...!” ต้นแขนเล็กถูกดึงไว้อีกครั้ง คริสก้าวเข้าขวางแล้วจ้องหน้าหนุ่มนักกีฬาตรงๆ

    “เหมือนนายจะฟังไม่ชัดนะ ฉันบอกแล้วว่าไม่ให้อี้ชิงไปทำอะไรแบบนั้นแน่!

    ชเวมินโฮดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม จ้องตาตอบดวงตาคมที่ลุกวาวแล้วพยักหน้าช้าๆ ฝ่ายตรงข้ามกำลังเดือดแต่เขายังใจเย็น ยิ่งหัวเสียแบบนี้ยิ่งน่าแหย่ให้อกระเบิด เพลย์บอยอะไร ขี้หึงชะมัด ทั้งที่ยืนประจันหน้ากัน แต่มินโฮกลับเลื่อนสายตาไปที่คนตัวเล็กที่ถูกดึงไปหลบอยู่ด้านหลัง ยิ้มแล้วถามอย่างใจเย็น

    “เอาไงดีล่ะอี้ชิง? หรือจะให้ฉันบอกใครต่อใครว่าที่นายมาช่วยงานไม่ได้เพราะแฟนหวง และที่แฟนหวงขนาดนี้ก็เพราะพวกนายสองคนยังไม่ได้...”

    “โอเคครับ ก็ได้!” คนตัวขาวปรี่เข้าขวางตรงกลางระหว่างคนรักกับรุ่นพี่ไว้ สองมือดันแผ่นอกแข็งแรงของหนุ่มนักกีฬาแล้วหลับหูหลับตาพูดรัวเร็ว “ผมรับปาก ผมจะไปช่วย”

    “อี้ชิง!” เสียงทุ้มเข้มทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง อี้ชิงมองหน้าคนรักแล้วก็ต้องใจหาย ดวงตาคู่คมฉายแววตัดพ้อและผิดหวังเสียจนคนมองร้อนผ่าวไปทั้งอก

    “พี่คริส... คือผม...” ระล่ำระลักจะอธิบายแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างสูงหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้อี้ชิงวิ่งตามโดยไม่หันกลับมามอง

     

    หนุ่มนักกีฬามองรุ่นน้องร่างเล็กวิ่งตามคนรักอย่างน่าสงสารแล้วรอยยิ้มยียวนบนใบหน้าก็ค่อยจางลง ยกมือขึ้นกอดอกพลางถอนลมหายใจหนักหน่วง เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เลย์ต้องลำบาก แค่อยากดัดนิสัยของไอ้หล่อเพลย์บอยนั่น ไม่ทันถามไถ่อะไรให้รู้เรื่องราวก็โมโหหน้ามืด ถ้ายอมคุยกันดีๆ เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้

     

    โทษทีนะเลย์ แฟนนายมันขี้เก๊กจนน่าหมั่นไส้เอง

     

     

     

     

    “พี่คริสครับ พี่คริส”

    ร่างสูงไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีก้าวด้วยซ้ำ อี้ชิงได้แต่ซอยเท้าถี่ๆ ตามแผ่นหลังกว้างอย่างร้อนใจ จากหน้าตึกคณะไปถึงลานจอดรถ หัวใจดวงน้อยๆ เต้นถี่จนเจ็บไปทั้งอก ทั้งเหนื่อย ทั้งกลัว ...กลัวว่าพี่คริสจะโกรธ สายตาที่ตัดพ้อเมื่อครู่อี้ชิงยังจำได้ติดตา พี่คริสต้องเสียใจมากแน่ๆ อี้ชิงจะทำยังไงดี

     

    “พี่คริส...” เกือบจะหมดแรงก้าวขาอยู่แล้วตอนที่ร่างสูงหยุดเดินในที่สุด อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถสปอร์ตสีแดงแต่อี้ชิงหยุดยืนหอบอยู่ตรงนั้นในขณะที่คนตัวสูงจับประตูรถฝั่งคนขับไว้มั่น เกินอึดใจกว่าที่อี้ชิงจะเห็นว่าแผ่นหลังกว้างนั้นขยับน้อยๆ คนรักหันกลับมาเพียงเสี้ยวหน้าขอบตาก็ร้อนผ่าว นั่นยังไม่เท่าน้ำเสียงเยียบเย็นที่แทบจะฉุดให้คนอ่อนแรงต้องทรุดลงตรงนั้น

     

                “พี่ยังไม่ค่อยหิว ค่อยกลับไปทำอะไรทานที่บ้านก็แล้วกัน”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

                คริสไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทางจากมหาวิทยาลัยจนถึงคอนโด พอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่เอ่ยอะไรทั้งนั้น อี้ชิงที่เดินตามมาเงียบๆ ก็ได้แต่ยืนรออยู่หน้าประตู ผ่านไปครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าร่างสูงคงไม่กลับออกมาแน่ๆ ถึงได้ถอดใจแล้วเดินเข้าครัวไป เขาเลือกทำสปาเก็ตตี้ผัดซอสของโปรดของคนรัก กลิ่นหอมฉุยของซอสผัดน่าจะลอยไปสะกิดจมูกคนที่ยังอยู่ในห้องนอนได้ แต่อี้ชิงคิดผิด เขายกจานอาหารเข้าไปรอในห้องนั่งเล่นพักใหญ่ๆ แล้ว แต่พี่คริสก็ยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้อง

     

                เสียงทุ้มต่ำบอกสั้นๆ ว่าประตูไม่ได้ล็อค คนตัวเล็กถึงได้หมุนลูกบิดแล้วดึงบานประตูออกช้าๆ เสียงกระหึ่มจากหนังแอคชั่นซักเรื่องที่เปิดจากเครื่องเล่นดีวีดีดังลอดออกมาทันทีที่แง้มประตู อี้ชิงมองคนรักที่นั่งเหยียดขาพิงหลังไว้กับพนักหัวเตียง ดวงตาคู่คมไม่แม้แต่จะปรายมาทางเขาด้วยซ้ำ คนตัวเล็กถึงได้ส่งเสียงถามอยู่แค่หลังบานประตู

     

                “พี่คริส... ยังไม่หิวหรือครับ?”

                “ยัง อี้ชิงทานก่อนเลยก็ได้” น้ำเสียงราบเรียบทว่ากดลึกเข้าไปในอกของคนฟัง ไม่เคยมีซักครั้งที่พี่คริสจะปล่อยให้เขาต้องทานข้าวคนเดียว หากเป็นแค่อาการงอนเหมือนที่ผ่านมา อี้ชิงคงไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปออดอ้อนง้องอนให้คนตัวโตอารมณ์ดี  แต่เพราะครั้งนี้เป็นเรื่องที่จริงจังกว่านั้น อี้ชิงผิดเองที่ทำให้พี่คริสเสียใจ เขาไม่โกรธที่ถูกคนรักเมินเฉย พี่คริสไม่รู้ถึงได้โกรธ อี้ชิงแค่อยากอธิบาย แต่ตอนนี้... แค่ให้คนรักหันมามองบ้างเขาก็ดีใจมากแล้ว

     

                คนตัวเล็กก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ สองขาเล็กพาร่างตัวเองเข้าไปใกล้เตียงกว้างของคนรักก่อนจะนั่งลง พี่คริสยังคงจับสายตาที่หน้าจอแอลซีดีที่ผนังห้องเหมือนไม่อยากให้ใครรบกวน มือเล็กที่ยื่นออกมานั้นจึงสั่นน้อยๆ ...กลัวเหลือเกินว่าจะถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

     

                “...โกรธผมหรือครับ?” ถามเสียงเบาจนแทบจะถูกความดังของเสียงปืนในหนังกลบได้ พี่คริสคงไม่ได้ยินถึงไม่ยอมหันมา แต่คนตัวขาวยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ริมฝีปากอิ่มขยับคล้ายจะเอ่ยคำพูดแต่กลับไม่มีเสียงใดหลุดรอด สุดท้ายจึงได้แต่เม้มปากแน่น ความเย็นชาจากคนรักทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ อย่างสาหัส ทั้งที่สั่งตัวเองให้เข้มแข็งมาได้ตั้งนาน แต่ตอนนี้... ขอบตาที่ร้อนผ่าวไม่อาจทำหน้าที่กักกั้นคลองน้ำใสไว้ได้อีก เพียงหลุบตาลงมองมืออันสั่นเทาของตัวเองที่อยู่บนต้นขาอีกฝ่าย น้ำใสหยดแรกก็กลิ้งผ่านแก้มขาว ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะถูกผลักไสหรือไม่ แต่อี้ชิงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากซบดวงหน้าลงกับท่อนแขนของคนรัก “ผมขอโทษ...”

     

                ร่างสูงผ่อนลมหายใจอย่างยากลำบาก ปิดเปลือกตาลงช้าๆ แล้วหลับตาอยู่อย่างนั้น ที่เขาทนใจแข็งขนาดนี้ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร ในตอนนั้น อารมณ์ขุ่นมัวพาสองเท้าก้าวเร็วเพราะลืมตัว แต่คริสใจอ่อนตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ วิ่งตามมาข้างหลัง อี้ชิงยืนหอบตัวโยนใช่ว่าเขาจะไม่อยากเข้าไปกอดปลอบ แต่ทั้งที่รักมากขนาดนี้ คริสกลับรู้สึกเหมือนมันยังบางเบาเกินไปและไร้น้ำหนักเสียจนถูกมองข้าม ยิ่งทะนุถนอมและอยากปกป้องเท่าไหร่ อี้ชิงก็เหมือนจะยิ่งผลักไสเขาออกไปไกลมากเท่านั้น ถ้าอ้อมแขนที่กางกั้นอย่างหวงแหนนั้นทำให้คนรักรู้สึกอึดอัด แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก

     

                ความผิดหวังและน้อยใจนั้นยังไม่ทำร้ายให้ทั้งอกต้องเจ็บร้าวได้เท่าเมื่อความรู้สึกอุ่นชื้นซึมผ่านแขนเสื้อ ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ คริสก็จะขาดใจเสียให้ได้ เขากัดริมฝีปากแน่น สุดท้ายก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ หยิบรีโมทขึ้นมากดปิดเครื่องเล่นดีวีดีแล้วดึงเอาร่างโปร่งบางเข้ามากอดไว้แนบอก กดจูบเหนือกลุ่มผมนุ่มแล้วแนบแก้มคลอเคลียอย่างแสนรัก

     

                “รู้ใช่มั้ยว่าพี่รักเรามาก” เอ่ยเสียงอ่อน คำตอบคือการที่คนในอ้อมแขนพยักหน้าน้อยๆ เสียงสะอื้นยิ่งดัง คริสก็รัดอ้อมแขนให้ยิ่งแน่น “...รักมากก็หวงมาก พี่ไม่อยากห้ามถ้าเราจะออกไปทำกิจกรรมอะไรกับเพื่อน แต่ไม่ชอบให้เอาเนื้อตัวไปให้คนอื่นแตะต้องฉาบฉวยแบบนั้น อยากทำบุญ มีทางอื่นอีกตั้งเยอะแยะ ทำไมจะต้อง...”

                “ฮึก ...ผมขอโทษ”

                “ถ้ารู้ว่าพี่จะโกรธแล้วทำไมถึงไปรับปากเค้าแบบนั้น” อี้ชิงไม่มีคำตอบให้นอกจากเสียงสะอื้น อกเสื้อของคริสเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาและดูเหมือนว่ามันจะไม่เหือดแห้งไปง่ายๆ ร่างสูงจึงกลั้นใจดึงคนรักออกจากอกแล้วประคองดวงหน้าหวานที่เปียกปอนให้เงยขึ้น ซับคราบน้ำตาด้วยปลายนิ้วอย่างทะนุถนอม “ไม่ไปได้มั้ย?”

                อาการที่คนรักเม้มริมฝีปากแน่นแสดงถึงความลำบากใจ เมื่อคำตอบไม่เป็นอย่างที่หวัง อกของคริสก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง

                “คิดว่าพี่จะทนเห็นแฟนตัวเองไปจูบกับใครต่อใครได้รึไง”

                อี้ชิงส่ายหน้าแล้วโถมทั้งตัวเข้ากอดเขาไว้ ซุกดวงหน้าลงกับซอกคอร้อนผ่าวแล้วยิ่งสะอื้นหนัก

     

                “ผม.. ฮึก ...รักพี่คริสนะครับ อย่าโกรธ.. ผมเลยนะ ฮึก ฮืออ...”

     

                คริสหมดแรงจะคาดคั้นอะไรอีก ลมหายใจอัดแน่นกันอยู่ในอกเหมือนหาทางออกไม่เจอ เขาหลับตาแล้วเงยหน้า พิงศีรษะกับพนักหัวเตียงไว้ สองแขนมีแรงเพียงยกขึ้นโอบตอบแผ่นหลังเล็ก คริสไม่รู้จะทำยังไงให้คนรักหยุดร้องไห้ สมองของเขาตื้อตันไปด้วยความน้อยอกน้อยใจและคำถามต่างๆ นานาที่ประดังกันเข้ามากดดันให้เขาอยากยอมแพ้ คริสยอมเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อปกป้องคนตัวเล็กไว้ แต่ถ้าน้องเป็นฝ่ายอยากเดินออกไปจากอ้อมอกเขา คริสยังจะมีปัญญาทำอะไรได้อีก

     

                “พี่จะทำยังไง... อี้ชิงบอกสิ พี่ควรทำยังไงดี...”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    กว่าเพื่อนสนิทจะรู้เรื่องก็ช่วงพักกลางวันของวันถัดมาแล้ว อี้ชิงมาเรียนแต่เช้าด้วยดวงตาแดงช้ำ ทั้งจองชินและมินฮยอกสังเกตุเห็นแต่กว่าจะมีโอกาสได้คุยกันก็ต้องรอให้หมดชั่วโมงเรียนเช้าก่อน ขณะที่คนอื่นๆ มุ่งหน้าไปแคนทีน แต่หนุ่มป๊อปทั้งสองกลับดึงเพื่อนตัวขาวไปที่ซุ้มโต๊ะหน้าตึกคณะ พอซักไซ้จนได้ความ ทั้งคู่ก็แทบไม่อยากเชื่อ

    “ห๊า! นายเนี่ยนะรับปากจะไปช่วยขายจูบหาเงินทุนอ่ะ?”

    พอถูกถามย้ำอี้ชิงก็ทำหน้าม่อย พยักหน้าช้าๆ อย่างจำนน

    “บ้าไปแล้วแน่ๆ จางอี้ชิง แฟนนายเค้าจะยอมเหรอ?”

    คำตอบมีเพียงเสียงถอนหายใจบางเบา เห็นเพื่อนตัวเล็กก้มหน้าน้ำตาคลอ จองชินก็พอจะรู้สาเหตุของการที่ดวงตาคู่สวยแดงช้ำ

    “หน้าตาแบบนี้ไม่ต้องสืบเลย ไม่ยอมแน่ๆ แล้วก็ทะเลาะกันมาแล้วด้วยใช่มั้ย?”

    “เหอะ อย่าว่าแต่พี่เค้าเลย เป็นฉันก็ไม่ให้ไป แฟนทั้งคน จะให้ไปจูบกับคนนั้นคนนี้” มินฮยอกช่วยเสริมแต่จองชินกลับหัวเราะหึ

    “แต่นายทำได้สินะ”

    “เอ๊า ก็ฉันยังโสด โอกาสที่จะได้จูบกับสาวๆ สวยๆ นี่ไม่ได้หาง่ายๆ นะ”

    “สาวน่ะก็ใช่” เพราะพี่มินโฮรับปากไว้แล้วว่าจะให้มินฮยอกขายจูบให้กับสาวๆ เท่านั้น “แต่สวยเนี่ย นายแน่ใจเหรอ พอถึงเวลานั้นมันก็เลือกไม่ได้นะ”

    “เออจริง แต่เฮ้ย มันก็ต้องมีสวยๆ หลุดมาบ้างแหละน่า” มัวแต่แหย่กันเอง หันมาอีกทีเพื่อนตัวเล็กก็เอาแต่ก้มหน้านิ่ง จองชินต้องเอาศอกสะกิดเพื่อนหัวฟูให้หยุดเพ้อเจ้อแล้วหันมาสนใจคนตรงหน้า

     

    จางอี้ชิงเป็นคนขี้เกรงใจ แต่ก็ขี้อายมากๆ ถึงจะยอมช่วยงานเพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ แต่ถ้ารู้ว่าต้องทำกิจกรรมถึงเนื้อถึงตัวอะไรแบบนี้ คงไม่ยอมรับปากแน่ๆ ยิ่งมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบนี้แล้วด้วย ข้อนี้ทำให้หนุ่มนักดนตรีอดสงสัยไม่ได้

    “นายไม่ได้อยากไปช่วยงานมินโฮฮยองจริงๆ หรอก ใช่มั้ย?”

     

    “หวัดดีฮะพี่อี้ชิง รุ่นพี่” เสียงเล็กที่ดังขัดขึ้นเรียกให้สามหนุ่มหันไปมอง เจ้าของร่างเล็กกับผิวขาวบอบบางอย่างลูกผู้ดีกำลังยืนยิ้มตาหยีให้พวกเขา

    “อ้าว น้องแบคฮยอนนี่เอง” มินฮยอกจำได้ น้องรหัสรุ่นพี่คริสคนนี้แหละ สาเหตุของเรื่องวุ่นวายคราวก่อน เล่นเอาทะเลาะกันใหญ่โตจนอี้ชิงต้องมาพักทำใจที่หอพักของเขา

     

    พยอนแบคฮยอนก้มศีรษะน้อยๆ ให้คนทั้งสามก่อนจะสอดตัวเข้านั่งบนม้านั่งยาวข้างกันกับรุ่นพี่ตัวขาวโดยที่จองชินซึ่งยืนพิงสะโพกอยู่กับโต๊ะต้องหลีกทางให้ เด็กหนุ่มมองใบหน้าหวานแล้วก็เอาแต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายอี้ชิงก็เลยเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง

    “มีอะไรรึเปล่า?”

    “รุ่นพี่มินโฮบอกให้มารอที่นี่ฮะ เดี๋ยวจะมีประชุมย่อยเรื่องกิจกรรมวันศุกร์นี้”

    “อ้าว นี่แบคฮยอนก็ร่วมกิจกรรมขายจูบด้วยเหรอ?” จองชินยังไม่ลืมว่าวันนี้พี่มินโฮนัดให้มารวมตัวกันช่วงบ่าย แต่ไม่ยักรู้ว่ามีคนอื่นด้วย

    “ฮะ รุ่นพี่มินโฮโทรมาชวนตั้งแต่เมื่อวาน บอกว่าพี่อี้ชิงก็ร่วมด้วย ผมก็เลยโอเค”

    “โว้ว ได้เงินเพียบแน่เลยงานนี้” เท่าที่รู้มา พยอนแบคฮยอนปีหนึ่งคนนี้ก็มีแฟนคลับเยอะไม่เบา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ พี่มินโฮนี่ฉลาดชะมัด ไปดึงตัวเด็กเรทติ้งดีแบบนี้มาช่วย

    “รุ่นพี่บอกว่าเป็นงานบุญ แล้วอีกอย่าง แค่ปากแตะปาก ไม่ใช่จูบลึกซึ้งเสียหน่อย ไม่เห็นต้องคิดมากนี่ฮะ”

    “โอ้ว แรง” พูดจบก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกศอกแหลมสะกิดเข้าที่พุง มินฮยอกหันไปจิ๊ปากใส่แต่กลับถูกจองชินส่งสายตาดุให้สงบปากสงบคำ

    “ก็ผมยังโสดนี่ฮะ เรื่องแบบนี้ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ที่แปลกใจคือทำไมถึงมีพี่อี้ชิงด้วย อย่างพี่คริสไม่น่าจะยอมให้พี่ไปทำอะไรแบบนั้นไม่ใช่เหรอฮะ?”

    อี้ชิงมองหน้ารุ่นน้องแล้วก็มองหน้าเพื่อนทั้งสอง เม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยเสียงเบา

    “ที่จริงก็... ไม่ยอมหรอก”

    “อ้าว”

    “แต่ฉันรับปากรุ่นพี่มินโฮเค้าไว้แล้ว”

    “งั้นก็แปลว่าจริงๆ แล้วพี่อี้ชิงไม่ได้อยากไปน่ะสิ?” อี้ชิงส่ายหน้าช้าๆ กับรุ่นน้องก็ไม่อยากโกหก “ถ้าไม่อยากไปแล้วรับปากพี่มินโฮทำไมล่ะฮะ?”

    “ก็...” แต่จะให้พูดความจริงเสียทั้งหมดก็คงจะไม่เหมาะ ที่ยอมรับปากรุ่นพี่ก็เพราะไม่อยากให้คนรักต้องเสียหน้า แต่ถ้าอี้ชิงเป็นฝ่ายเล่าเสียเองมันจะต่างอะไร สุดท้ายคนตัวขาวก็เลยได้แต่ก้มหน้า ปล่อยให้คนที่รอฟังถอนหายใจแก้เก้อกันไปคนละเฮือกสองเฮือก

     

    “เป็นยังไงกันบ้าง หนุ่มๆ ฟลาวเวอร์บอยของป๋า” น้ำเสียงร่าเริงนั้นมาพร้อมกับเรือนกายสูงโปร่งและผิวสีคร้ามแดดอย่างนักกีฬา เด็กหนุ่มทั้งสี่ทักทายรุ่นพี่ตามมารยาทแล้วขยับหลีกทางให้ชเวมินโฮสอดตัวเข้านั่งข้างๆ กันกับอี้ชิง รุ่นน้องคนสนิท “พร้อมสำหรับวันศุกร์นี้หรือยัง?”

    “พร้อมยิ่งกว่าพร้อมซะอีกครับ แค่คิดว่าจะได้จูบกับสาวๆ สวยๆ ผมก็ตื่นเต้นจะแย่” หนุ่มหัวฟูนักฟุตบอลสุดป๊อบของมหาวิทยาลัยตอบพร้อมรอยยิ้มสนุก

    “แล้วนายล่ะ?”

    จองชิน หนุ่มป๊อปนักดนตรียักไหล่หน้านิ่ง

    “ผมยังไงก็ได้”

    “ส่วนแบคฮยอนนี่ฉันไม่ห่วงเลย แต่งานนี้นายอาจจะรับศึกหนักหน่อยนะ เตรียมตัวให้ดี”

    “สบายมากฮะ”

    มินโฮพยักหน้าแล้วยิ้ม เขาจงใจไม่ไต่ถามความรู้สึกของรุ่นน้องตัวขาว เขาเพียงแค่ปรายตามองแล้วลอบยิ้ม ถูกแกล้งข้ามคืนก็น่าสงสารจะแย่ รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันเฉลยแล้วนายคงยิ้มออก หนุ่มนักกีฬามองหน้ารุ่นน้องทั้งสามที่เหลือแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “จำไว้ให้ดีนะ พวกนายแค่นั่งนิ่งๆ ให้คนที่บริจาคเอาปากมาแตะได้ไม่เกินสามวินาที ถ้ามีใครลวนลามพวกนายมากเกินกว่านั้น ฉันอนุญาตให้โวยวายหรือป้องกันตัวเองได้ แต่อย่าให้รุนแรงนัก” บอกกับเหล่าฟลาวเวอร์บอยแล้วถึงได้หันมามองคนที่วางตัวไว้ให้ทำหน้าที่สำคัญตั้งแต่ทีแรก “ส่วนนาย...”

    “ออกค่ายต้องใช้เงินเท่าไหร่” แต่เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น และทุกสายตาต่างหันไปจับจ้องด้วยความแปลกใจ มีเพียงมินโฮที่ถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหันไปมองอย่างช้าๆ เสียงเก๊กขรึมแบบนี้ไม่มีใครหรอก พอเห็นว่าใช่คนที่คิดก็หัวเราะเหอะ

    “ถามทำไม? ถ้าคิดจะบริจาคซะเองทั้งก้อนล่ะก็ไม่ต้องนะ ฉันรู้ว่านายรวย แต่ฉันชอบทำกิจกรรมมากกว่า คนอื่นๆ เค้าจะได้มีส่วนร่วมทำบุญด้วย”

    คริสแค่นยิ้มเพราะรู้อยู่แล้วว่าวิธีนี้คงไม่สำเร็จ คนอย่างชเวมินโฮชอบความท้าทาย อะไรที่ได้มาง่ายๆ หมอนี่คงไม่ชอบ แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่เขาชอบเช่นกัน

    “หมายความว่ายังไงก็ต้องจัดให้ได้ใช่มั้ย กิจกรรมหาเงินทุนเนี่ย”

    “แน่นอน คนอย่างฉันพูดคำไหนเป็นคำนั้น”

    คริสพยักหน้าช้าๆ งั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นอีก

    “ถ้าอย่างนั้นฉันทำเอง” เขาบอกอย่างหนักแน่นและนั่นก็ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ ร่างสูงเลื่อนสายตามองสบเจ้าของร่างขาวที่ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ

     

    “ฉันจะช่วยงานนายแทนอี้ชิงเอง”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

                    อี้ชิงจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นช่างลางเลือนเหมือนไม่ได้เกิดขึ้นจริง พี่คริสพูดอะไรบ้าง พี่มินโฮตกลงหรือเปล่า อี้ชิงจำไม่ได้เลย หูของเขามันอื้อไปตั้งแต่วินาทีไหนก็ไม่รู้ สมองหยุดประมวลผลจนชั่วโมงแล็คเชอร์ภาคบ่ายแทบไม่เข้าหู แม้แต่ตอนที่นั่งมาด้วยกันในรถ อี้ชิงยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเอาแต่จ้องหน้าคนรักจนกระทั่งร่างสูงหันมาถาม และเขาก็ไม่มีคำตอบใดให้นอกจากการส่ายหน้า เนื้อตัวมันชาไปหมด มีเพียงคำเดียวที่วนถามตัวเองซ้ำๆ อย่างหาคำตอบไม่ได้

     

                    ทำไมกัน...

     

     

                    “ทำอะไรอยู่ครับคนเก่ง?”

                    “อ๊ะ” เพราะมัวแต่เหม่อทั้งที่กำลังทำครัว พี่คริสเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ พอเอวบางถูกรวบกอดพร้อมเสียงกระซิบที่ข้างหู ร่างขาวบางก็สะดุ้งเฮือก มีดหั่นผักที่ถืออยู่หลุดจากมือลงไปอยู่บนเขียงพลาสติก

                    “พี่ขอโทษ ตกใจหรือ? มีดบาดหรือเปล่า ไหนพี่ดูซิ” คริสรีบคว้ามือเล็กขึ้นมาสำรวจดูด้วยความห่วงใย จนแน่ใจว่าผิวเนื้อบอบบางไม่มีรอยตำหนิตรงไหนถึงได้พรูลมหายใจอย่างโล่งอก เงยหน้าขึ้นมองคนรักพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าดวงตาคู่สวยกำลังจับจ้องใบหน้าของเขาด้วยแววกังขา “ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น?”

                    “พี่คริสครับ ทำไมถึง...” เผลอหลุดปากเอ่ยคำถามที่อยู่ในใจทั้งที่อีกเสียงในความคิดร้องห้ามว่าไม่ควร เขาไม่ควรถามจุกจิกให้พี่คริสรำคาญใจ อะไรที่พี่คริสตัดสินใจที่จะทำ อี้ชิงไม่ควรก้าวก่ายหรืออยากรู้เหตุผลถ้าเจ้าตัวไม่อยากบอก เพราะอย่างนั้นจึงได้แต่กลืนริมฝีปากกลั้นคำถามที่ค้างคาใจไว้

     

                    คริสมองหน้าคนรักที่นิ่งไปแล้วก็คลี่ยิ้มบาง ลูบมือกับกลุ่มผมนุ่มเบาๆ

                    “ทำไมถึงเสนอตัวไปช่วยงานมินโฮแทนอี้ชิงน่ะหรือ? นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว” เสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้ความกังวลของอี้ชิงค่อยคลายลง มองสบดวงตาคู่คมที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนแล้วพยักหน้าน้อยๆ

                    “ก็รุ่นพี่ของอี้ชิงเค้าอยากหาเงินทุน แล้วก็อยากทำกิจกรรมด้วยใช่มั้ย แล้วอี้ชิงก็รับปากไปแล้วว่าจะช่วยงาน ปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะไม่อยากให้ผิดคำพูด พี่ก็เลยเสนอตัวเข้าไปช่วยงานแทนอี้ชิงไง มินโฮเค้าก็ได้ทำกิจกรรมของเค้า ส่วนพี่ก็จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าแฟนพี่จะถูกใครลวนลาม แบบนี้ก็แฟร์สุดๆ แล้วนะ”

                    น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคนรักทำให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงจนรู้สึกเจ็บอยู่ในอก อี้ชิงมัวแต่คิดหาเหตุผลมากมาย แต่สุดท้ายพี่คริสก็ทำเพื่อเขาคนเดียวทั้งนั้น ทั้งที่โกรธแทบตายตอนที่รู้ว่าอี้ชิงจะไปทำเรื่องแบบนั้น แต่พี่คริสก็ยังหาทางออกเพื่อถนอมน้ำใจทุกฝ่าย คนโง่อย่างจางอี้ชิงก็คิดได้แค่ว่ามันคงเป็นเรื่องง่ายกว่าสำหรับพี่คริส กับการที่จะไปจูบกับใครต่อใคร พี่คริสคงเคยชินและเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถึงได้เสนอตัวไปทำแทนแบบนั้น โกรธตัวเองจังเลยที่มองคนรักในแง่ร้าย ...ทำไมเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้นะจางอี้ชิง

     

                    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น? ร้องไห้หรือ? ไหนพี่ดูซิ ร้องทำไมครับ หืม?” คริสประคองดวงหน้าหวานให้เงยขึ้นเพื่อจะมองให้ชัด ตาคู่สวยแวววามไปด้วยน้ำใสที่เอ่อคลอ อี้ชิงเม้มริมฝีปากกลั้นน้ำตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัด เพราะแรงสะอื้นนั้นตีขึ้นมากดดันจนแน่นไปทั้งอกแล้ว

                    “ถ้าพี่คริสไป... ขายจูบ พี่คริสก็ต้องจูบ... กับใครบ้างก็ไม่รู้”

                    “มันก็ต้องอย่างนั้น แต่พี่ไม่แคร์หรอกนะ รุ่นพี่ของอี้ชิงว่ายังไงนะ? แค่ปากแตะปาก คิดอะไรมากมาย จริงมั้ย?”

                   

                    ถ้อยคำยอกย้อนยิ่งตอกย้ำให้คนฟังรู้สึกผิดจนใจเสีย ใช่ว่าไม่รู้ว่าพี่คริสเคยผ่านใครต่อใครมามาก สัมผัสทางกายคงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับร่างสูงไปแล้ว กับใครก็ได้ ไม่แคร์ ไม่รู้สึก แต่กับอี้ชิงแล้วไม่ใช่ อี้ชิงไม่อยากแบ่งพี่คริสให้ใคร ทั้งสัมผัสที่อ่อนโยนและไออุ่นหวานละมุนที่ได้รับ อี้ชิงคงทนเห็นพี่คริสมอบมันให้ใครคนอื่นไม่ได้ เขาผิดเองที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้ พี่คริสกระวนกระวายใจแค่ไหนตอนที่อี้ชิงรับปากพี่มินโฮในตอนนั้น ตอนนี้อี้ชิงเข้าใจดีแล้ว

     

                    ใช่ว่าไม่รู้ว่าคำพูดของตนทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ แค่ไหน เห็นน้องก้มหน้าน้ำตาคลอ คริสเองก็เจ็บ เขาดึงร่างขาวบางเข้ามากอดไว้กับอกก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะกลิ้งผ่านแก้มขาว

                    “คนดี... อี้ชิงของพี่...” ย้ำจูบซ้ำๆ เหนือเนินหน้าผากและกลุ่มผมนุ่มอย่างปลอบโยน อกเสื้อของคริสเปียกและร่างในอ้อมแขนก็สะอื้นจนตัวสั่น คริสสงสารน้องจับใจแต่ก็อยากให้อี้ชิงได้เรียนรู้ เรื่องของความรัก บางทีก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ “เจ็บใช่มั้ย ไม่อยากให้พี่ไปใช่หรือเปล่า? พี่ขอโทษ แต่อี้ชิงฟังนะ นี่คือความรู้สึกหึงหวง พอคิดว่าคนที่เรารักจะต้องถูกคนอื่นแตะต้อง มันเจ็บปวดมาก และพี่ก็เจ็บกว่าเราหลายเท่า เจ็บที่อี้ชิงใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมากกว่า ทั้งๆ ที่พี่รัก พี่หวง แต่อี้ชิงกลับไม่เห็นค่า”

                    อี้ชิงดันตัวเองออกจากอ้อมแขนอุ่น ส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาเปียกปอน

                    “ไม่จริงนะครับ ไม่จริงเลย พี่คริสสำคัญที่สุด ผมรู้ว่าพี่คริสเป็นห่วงผมมาก แต่ว่า...”

                    “แต่ว่าอะไร?” ยิ่งคนตัวเล็กอ้ำอึ้งผิดสังเกตุ คริสก็ยิ่งคาดคั้น “มีอะไรที่ไม่ได้บอกพี่ใช่มั้ย?”

     

                    ยังไม่ได้บอกจริงๆ นั่นล่ะ ตั้งใจจะบอกตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาส อี้ชิงจ้องหน้าคนรักแล้วกระพริบตาปริบ พอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้ม มือใหญ่กว่าก็ช่วยเช็ดให้อย่างทะนุถนอม ก่อนที่สองแก้มนุ่มจะถูกอุ้งมือหนากอบประคองไว้

                    “หมอนั่นรังแกเราใช่มั้ย? มินโฮเค้าข่มขู่เราใช่รึเปล่า?”

                    “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ว่า...”

     

                    คริสปล่อยมือจากสองแก้มนุ่มเมื่อถูกมือเล็กดึงออก พอน้องเขย่งปลายเท้าเขาก็โน้มใบหน้าลงแล้วเอียงหูให้คนตัวเล็กได้กระซิบ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่นในทีแรกเพราะมัวแต่ครุ่นคิดว่าชเวมินโฮจะก่อเรื่องอะไรไว้ แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่คนตัวเล็กบอก คิ้วหนาก็คลายปม ดวงตาที่หรี่ลงในทีแรกกลับเบิกกว้าง คนตัวเล็กถอยออกช้าๆ แล้วมองสีหน้าเขา แก้มขาวเริ่มจะเรื่อสีแดง

     

    “นี่... ที่อี้ชิงยอมรับปากไปขายจูบ เพราะหมอนั่นเอาเรื่องนี้มาขู่งั้นเหรอ?”

    คนน้องพยักหน้าช้าๆ แก้มแดงยิ่งแดงจัด

    “ก็... พี่มินโฮหัวเราะเสียงดัง ผมกลัวว่าถ้าเค้าเอาไปบอกคนอื่นแล้วพี่คริสจะ...”

     

    อาย? น้องกลัวเขาอายที่ยังไม่ได้แอ้มแฟนตัวเองเนี่ยนะ?

     

    ให้ตายเถอะ!

     

    คริสยกมือขึ้นปิดใบหน้าเสี้ยวหนึ่งแล้วนิ่งไป สุดท้ายก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    “พี่คริส...?”

    “แฟนใครทำไมน่ารักอย่างนี้น้า~” รวบเอวบางแล้วดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ ฟัดหอมแก้มซ้ายขวาอย่างแสนรักจนคนตัวขาวร้องฮื่อ

     

    ก็น่ารักน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ คริสเองก็นึกว่าเรื่องร้ายแรงอะไร เรื่องแค่นี้เองแท้ๆ แต่เพราะน้องเห็นความรู้สึกของเขาสำคัญจนไม่อยากให้ใครมาทำเป็นเรื่องล้อเล่น ถึงได้ยอมขัดใจเขา อี้ชิงนึกถึงแต่คนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอเลย ข้อนี้ทำให้คริสว้าวุ่นใจไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาดีใจมากๆ อี้ชิงทำเพื่อเขาขนาดนี้ จะให้รักน้อยลงไปกว่านี้ได้ยังไง

     

    คริสจูบหน้าผากเนียนอีกครั้งแล้วมองสบดวงแก้วสวยใสที่จ้องมองเขาอย่างไร้เดียงสา

    “ฟังพี่นะ ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แต่พี่รักอี้ชิง พี่รักพี่ก็อยากถนอม แค่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้พี่ก็มีความสุขมาก ถึงบางทีจะอยากกอดเราไว้ทั้งคืน แต่ถ้าอี้ชิงยังไม่พร้อมพี่ก็ไม่อยากฝืน พี่รักเรามากขนาดนี้ จะต้องอายหรือกลัวคืนอื่นหัวเราะเยาะไปทำไมกัน”

    ดวงหน้าหวานค่อยคลี่ยิ้มบาง แก้มแดงนั้นแต้มรอยบุ๋มน่ารักจนคริสอดใจไม่ไหว ต้องฝังจมูกลงไปอีกรอบ คราวนี้คนตัวเล็กเลยซุกใบหน้าลงกับอกกว้างหนีการเอาเปรียบ

     

    คริสไม่รู้เลยว่าถ้าไม่ใช่จางอี้ชิง ชาตินี้จะหาแฟนที่น่ารักแสนดีขนาดนี้ได้ที่ไหนอีก ใครบางคนก็คอยจ้องจะหาโอกาสเล่นงานเขาอยู่เรื่อย ถึงขนาดเอาเรื่องแบบนี้มาต่อรองกับเด็กคิดมากอย่างอี้ชิง เกินไปแล้วจริงๆ!

     

    แบบนี้คงปล่อยให้แล้วกันไปไม่ได้!

     

     

    “อี้ชิงเคยบอกพี่ว่าแฟนมินโฮเค้าเรียนอยู่คณะไหนนะ?”

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    เย็นวันต่อมา

    “ขอโทษที รอนานมั้ยที่รัก?”

    เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือซึ่งกำลังเล่นคลิปวิดีโอการเต้นแบบป๊อปปิ้ง มองร่างสูงที่วิ่งตรงมาแล้วก็ยิ้ม

    “ซักพักเองฮะ” ร่างเล็กบอบบางอย่างเด็กชายที่โตไม่เต็มวัย ผิวขาวสะอาด ผมสีดำเส้นเล็กสวยเรียงตัวล้อมกรอบหน้าหวาน ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตสวยเป็นประกายสดใส นี่คือลีแทมิน ยอดดวงใจของชเวมินโฮผู้เก่งกล้า “ยุ่งๆ เรื่องกิจกรรมวันศุกร์นี้เหรอฮะ?”

    “ใช่แล้วล่ะ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ ที่รักไม่ต้องเป็นห่วงเลย”

    “ลำบากพี่มินโฮกับคนอื่นๆ แย่เลย” แค่เสียงหวานเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนบางมินโฮก็ชื่นใจจะแย่ แต่มือเรียวเล็กที่ยื่นออกมาจับมือเขาเบาๆ นี่จะถือว่าเป็นกำไรก็ได้ หนุ่มนักกีฬารีบคว้ามือแฟนขึ้นมากุมตอบ

    “เพื่อแทม พี่ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” เสียงใสหัวเราะเบาๆ แล้วดึงมือกลับ ทำเอาคนตัวโตหน้ามุ่ย เวลาเขาพูดหวานๆ ทีไรแทมชอบคิดว่าพูดเล่นอยู่เรื่อย

    “เห็นว่ารุ่นพี่เลย์ก็มาช่วยด้วยหรือฮะ?”

    “ใช่”

    “แต่พี่เลย์เค้ามีแฟนแล้ว แล้วนี่ก็กิจกรรมขายจูบ แฟนเค้าจะยอมเหรอฮะ?”

    “หมอนั่นไม่มีทางยอมอยู่แล้ว แต่ความจริงพี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เลย์เค้าไปทำอะไรแบบนั้นหรอก รุ่นพี่ของแทมน่ะขี้อายจะตาย แถมยังหวานนุ่มนิ่มยังกับขนม หมอนั่นไม่เหมาะที่จะให้ใครต่อใครมาแตะต้องหรอก อันที่จริงพี่แค่จะให้เค้านั่งประจำบู้ท คอยเฝ้ากล่องรับบริจาคเท่านั้นแหละ”

    “แล้วพี่ได้บอกพี่เลย์ไปรึเปล่า?”

    หนุ่มนักกีฬาย่นจมูกเสียหนึ่งที ส่งเสียงหึ

    “ไม่ทันได้บอกหรอก ก็เพลย์บอยแฟนเค้านั่นน่ะ ไม่ยอมฟังอะไรเลย ยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่องก็โมโหฟาดงวงฟาดงา ตอนประชุมเมื่อวานก็ว่าจะบอกอยู่ แต่หมอนั่นก็ดันเข้ามาขัดจังหวะอีก แถมยังเสนอตัวทำงานซะเอง พี่เลยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้หมอนั่นโชว์ออฟเต็มที่”

    “แบบนี้พี่เค้าก็ต้องไปขายจูบแทนพี่เลย์จริงๆ น่ะสิฮะ”

    “ก็คงงั้น” มินโฮยักไหล่ไม่แคร์ อยากรนหาที่เองทำไม

    “ถ้าอย่างนั้นพี่เลย์ก็คงไม่สบายใจแย่ แฟนทั้งคน ต้องไปจูบกับคนอื่น”

    “ช่วยไม่ได้นี่ มีแฟนไม่ดีก็ทุกข์ใจแบบนี้แหละ”

    “แต่นี่เป็นเพราะกิจกรรมที่พี่มินโฮจัดนะฮะ พี่เลย์เค้าเสียใจ พี่มินโฮไม่สงสารเค้าเหรอ?”

    “ก็... ก็สงสาร” รุ่นน้องคนโปรดทั้งคน ทำไมมินโฮจะไม่รู้สึกอะไร เห็นโผงผางอย่างนี้แต่เขาก็ทะนุถนอมคนอื่นเป็นนะ เจ้าเด็กเนิร์ดนั่นอยู่ในสายตาเขามาแต่ไหนแต่ไร ใครแตะต้องเป็นไม่ได้ ภาพที่คนตัวเล็กวิ่งตามคนรักต้อยๆ นั่นยังติดตาเขาจนถึงตอนนี้ มินโฮรู้สึกผิดแน่ๆ ล่ะ แต่จะให้ทำยังไง เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว “เอาน่า เดี๋ยวค่อยหาโอกาสชดเชยให้แล้วกัน”

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าแฟนตัวเองปากแข็งแค่ไหน แต่ลีแทมินก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาแสนซื่อที่ว่าง่ายไปเสียทุกอย่าง การมีแฟนเป็นชเวมินโฮก็ไม่ธรรมดาแล้ว เขาต้องรู้วิธีรับมือกับหนุ่มนักกีฬาคนเก่ง และแน่นอนว่าไม้แข็งย่อมไม่ได้ผล

    “อันที่จริง กิจกรรมวันพรุ่งนี้ก็เพื่อหาเงินมาช่วยชมรมของผม ผมน่าจะช่วยทำอะไรบ้าง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ”

    “หือ? ก็พี่บอกแล้วไงว่าแทมไม่ต้อง...”

    “เอาเป็นว่าผมจะเป็นฟลาวเวอร์บอยให้พี่มินโฮอีกคน พรุ่งนี้ผมจะไปช่วยขายจูบนะฮะ” แทมินบอกแล้วยิ้มหวาน และนั่นก็ทำให้มินโฮจี๊ดขึ้นสมอง

    “ห.. ห๊า! ไม่ได้นะ ไม่ได้! พี่ไม่อนุญาต”

    “ทำไมล่ะฮะ?”

    “ก็แทมเป็นแฟนพี่ แล้วพี่จะ... ฮึ่ย! พี่จะยอมให้แทมไปจูบกับคนอื่นได้ยังไง!

    เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย เด็กหนุ่มเอียงคอมองหน้าคนรัก ใบหน้าหวานยังเปื้อนยิ้มละมุน

    “ไม่เห็นเป็นไรนี่ฮะ” เด็กหนุ่มเก็บมือถือ รวบหนังสือบนโต๊ะแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย ลุกขึ้นจากโต๊ะโดยที่ร่างสูงรีบพรวดพราดลุกขึ้นตาม

     

    “ก็แค่ปากแตะปาก ไม่ได้จูบลึกซึ้งเสียหน่อย ไม่เห็นต้องคิดมากเลย จริงมั้ยฮะ?”

     

    ชเวมินโฮอ้าปากค้าง รู้สึกจุกเหมือนโดนหมัดหนักๆ อัดเข้าซักสิบหมัดได้ กว่าจะเรียกสติคืนได้จนหายมึน ร่างบางของแฟนก็เดินไปโน่นแล้ว

     

    “ไม่ได้นะแทม! คัมมอนนน คุยกันก่อนที่รัก ทำแบบนี้ไม่ได้นะ พี่ไม่ยอมหรอก แทม แทม!

     

     

    สองสาวที่อาศัยพุ่มไม้เตี้ยที่ข้างตึกคณะเป็นที่กำบังกายส่งเสียงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นหนุ่มนักกีฬาวิ่งตามคนรักพร้อมเสียงโวยวายไปตลอดทาง ก่อนจะหันมาตีมือกันแสดงความดีใจที่งานที่ได้รับมอบหมายนั้นสำเร็จลุล่วงได้ดีเกินคาด โชคดีที่แทมินเป็นเด็กน่ารักและเข้าใจอะไรง่าย ที่เหลือต่อจากเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง พวกเธอก็แทบไม่ต้องทำอะไร

     

    หลังจากนี้ก็แค่กลับไปนอนนึกถึงกระเป๋าสวยๆ หรือรองเท้าแพงๆ ซักคู่ ที่จะให้พี่คริสสมนาคุณให้ตามสัญญาละกันนะ

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    อ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในระบบแชทของสมาร์ทโฟนแล้วริมฝีปากได้รูปก็เหยียดออกเป็นรอยยิ้ม ผลงานของสองสาวเอบีนี่ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ คริสส่งเสียงหึแค่ในลำคอ เป็นขณะเดียวกับที่ร่างขาวบางเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น

    “ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวครับ?”

    “ไม่มีอะไร อ่านข้อความแล้วมันตลกดีน่ะ” คริสปิดมือถือแล้ววางมันไว้ข้างตัว กางแขนออกให้เจ้าของร่างนุ่มนั่งลงเคียงข้างแล้วค่อยโอบไหล่บางให้น้องเอนซบลงกับอกเขาต่างพนักโซฟา “แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา?”

    เพราะเมื่อครู่คริสกำลังดูหนังเรื่องโปรดและเสียงก็ดังมาก อี้ชิงก็เลยขอตัวออกไปรับโทรศัพท์นอกห้องนั่งเล่นเพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคนรัก คริสเองก็ปล่อยให้น้องไปโดยไม่อิดออด พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าปลายสายโทรมาเรื่องอะไร

    “มินฮยอกน่ะครับ โทรมาโวยวายใหญ่เลย เห็นบอกว่ารุ่นพี่มินโฮจะเปลี่ยนแผนพรุ่งนี้ จากกิจกรรมขายจูบเป็นขายกอดแทน แล้วก็ให้จองชิน มินฮยอก กับแบคฮยอนทำงานแค่สามคน ส่วนผมกับแทมินคอยถือกล่องรับบริจาค”

    “อ้าว แล้วพี่ล่ะ?”

    “อืม... ไม่เห็นรุ่นพี่มินโฮพูดถึงพี่คริสเลยนะครับ”

    คริสเบะปาก กะแล้วว่าหมอนั่นต้องกันเขาออก แต่ไม่สนหรอก ไม่ให้ยุ่งก็จะยุ่ง อยากมาใช้งานแฟนเขาทำไม พรุ่งนี้จะไปยืนเฝ้าให้เกะกะลูกตาเล่น ดูซิจะไล่ยังไง

    “ไม่ขายจูบก็ดีแล้วนี่ แล้วมินฮยอกจะโวยวายทำไม”

    “หมอนั่นเค้าเสียดาย บ่นใหญ่เลยว่าโอกาสที่จะได้จูบกับสาวๆ แบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ แต่คิดๆ ดูก็น่าแปลกนะครับ ทำไมรุ่นพี่มินโฮถึงเปลี่ยนแผนกะทันหัน กิจกรรมก็จะมีพรุ่งนี้แล้วด้วย”

    คริสไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก เขากำลังสงสัยว่าอี้ชิงเปลี่ยนแชมพูใหม่มากกว่า ปลายจมูกโด่งจมหายเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มที่หอมเหมือนกลิ่นครีมเค้กรสสตรอเบอรี่ สูดกลิ่นหอมหวานอย่างเพลินใจ

    “อืม คงมีใครไม่อยากให้ทำ แล้วคนนั้นก็เป็นคนที่มินโฮปฏิเสธไม่ได้ล่ะมั้ง”

    อี้ชิงเป็นคนคิดช้านะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ฉลาด คนรักพูดขึ้นมาแบบนั้นมันฟังดูน่าสงสัย คนตัวเล็กก็เลยหันมาหรี่ตาใส่เจ้าของอกกว้าง

    “พี่คริสพูดเหมือนรู้อะไร แอบไปทำอะไรรุ่นพี่ผมหรือเปล่า?”

    “ฮื่อ พี่จะไปทำอะไรหมอนั่นได้ ก็พี่อยู่กับเราตลอดเวลา อี้ชิงก็เห็น” ว่าพลางแนบจมูกลงข้างขมับขาว ดุนดันอย่างออดอ้อน คนตัวหอมก็ช่างน่ารักที่มัวแต่สงสัยเรื่องอื่นจนไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังถูกเอาเปรียบ

    “งั้นก็น่าแปลก ปกติพี่มินโฮเป็นคนมุ่งมั่นมาก คิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ ไม่เคยเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆ”

    “มันมีปัจจัยตั้งใจหลายอย่างที่เป็นเหตุผลในการที่คนเราจะตัดสินใจทำอะไร มินโฮเองก็ใช่ว่าจะคาดการณ์ได้ถูกทุกเรื่องเสียหน่อย มันต้องมีพลาดกันบ้าง”

    อี้ชิงพยักหน้าช้าๆ หรือบางทีรุ่นพี่อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนแผนเองเพื่อความเหมาะสมก็เป็นได้ อี้ชิงก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้นัก เขาเคยช่วยรุ่นพี่ทำกิจกรรมมาเยอะแยะตั้งแต่สมัยไฮสคูลก็จริง แต่ยังไม่เคยวางแผนทำอะไรเอง มันก็คงต้องคิดต้องตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่างอย่างที่พี่คริสว่าจริงๆ

     

    “เสียดายมั้ยครับที่ไม่ได้ไปขายจูบ?” คริสแสร้งทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “เสียดายสิ เสียดายมากด้วย” คนที่แกล้งถามแต่แรกก็เลยหน้างอ ปากอิ่มที่ยื่นออกนั้นยั่วสายตาคนมองนัก แต่คริสเลือกกดจมูกง้อแก้มขาวที่ป่องออกน้อยๆ หนึ่งฟอดใหญ่ๆ ก่อน “พี่ล้อเล่นน่า มีอี้ชิงอยู่แล้วทั้งคนพี่จะอยากไปจูบใคร แฟนตัวเองน่ารักออกขนาดนี้ ทั้งนุ่ม... ทั้งหวาน... พี่หลงจนหัวปักหัวปำจะไปมีเวลามองใครได้”

    ที่พูดนั่นสาบานได้ว่าเรื่องจริงล้วนๆ และเขาก็ชอบเวลาที่คนตัวเล็กหลบตาแล้วยิ้มเขิน แก้มขาวที่แต้มรอยบุ๋มแดงปลั่งน่ารัก ร่างสูงใช้โอกาสที่น้องหันหน้าหนีแนบริมฝีปากชิดใบหูนิ่มที่ร้อนผ่าว กระซิบเสียงหวานให้คนตัวขาวต้องอ่อนไหว

     

    “อันที่จริงถ้าไม่อยากให้ชเวมินโฮแซวเรื่องของเราสองคน พี่ว่าเราน่าจะ...”
     

    เมื่อเสียงกระซิบขาดห้วงอี้ชิงก็หันกลับมามองคนรักด้วยแววตาใคร่รู้ แต่แววเชื่อมหวานในดวงตาคมที่มองกลับมานั้นก็สื่อความหมายชัดเจนเสียจนคนตัวเล็กใจสั่น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าหา อี้ชิงก็หลับตาลงช้าๆ สัมผัสอ่อนโยนแตะลงเพียงกลีบปากอิ่มที่เม้มเข้าหากัน ดูดดึงให้อี้ชิงยอมเปิดทางให้คนตัวสูงได้ไล้เล็มความอ่อนนุ่มของเยลลี่สีสดอย่างไม่หวงห้าม มือเล็กไต่ขึ้นหาอกกว้างอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งคริสจู่โจมเข้าหา ความขลาดเขินก็ยิ่งดึงร่างขาวให้ถอยหนีกระทั่งแผ่นหลังบางเอนราบลงไปกับพื้นโซฟา อี้ชิงลืมตาขึ้นอีกครั้ง มองคนรักที่วางแขนคร่อมอยู่เหนือร่างอย่างตื่นๆ ดวงตาคมที่สำรวจทั่วใบหน้าหวานอย่างหลงใหลนั้นทำให้ร่างเล็กยิ่งสั่น สมองน้อยๆ เพิ่งประมวลถึงความหมายที่คนรักอยากจะบอก

     

    ถ้าไม่อยากให้พี่มินโฮแซวว่าพี่คริสกับอี้ชิงยังไม่มีอะไรกัน ถ้าอย่างนั้น... พี่คริสจะ...

     

    ความไร้เดียงสาทำให้ทุกกิริยานั้นไร้การแต่งแต้มใดๆ เมื่อคริสโน้มใบหน้าเข้าหาจนปลายจมูกสัมผัสกัน อี้ชิงก็หลับตาแน่น แต่มือเล็กที่ขยำอกเสื้อยืดทำให้คริสต้องชะงัก ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกดจูบเพียงเนินหน้าผากขาวแล้วถอนใบหน้าออก อี้ชิงค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ และพบว่าคนรักกำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

     

    “พี่ล้อเล่นน่า ไม่ต้องกลัวหรอก”

    สองแขนเล็กถูกคนรักดึงเพื่อให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถูกโอบให้เอนซบลงกับอกกว้างเหมือนอย่างตอนแรก คริสเปิดเครื่องเล่นดีวีดีอีกครั้ง ดวงตาคมจับจ้องเพียงภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอแอลซีดีติดผนัง ขณะที่อี้ชิงไม่อาจละสายตาจากเสี้ยวหน้าอันหล่อเหลาได้ เสียงเล็กๆ ในใจดังค้านคำพูดของคนรักว่าเขาไม่ได้กลัว ...อี้ชิงไม่ได้กลัวอ้อมกอดและสัมผัสเหล่านั้น แต่ไม่กล้าพูด ทำยังไงพี่คริสถึงจะรู้

     

    “พี่คริส...” เสียงเรียกนั้นเบาเสียจนถูกเสียงเอฟเฟคในหนังกลบกลืน ร่างสูงไม่ได้ยินอะไร ดวงตาคู่หวานที่เฝ้ามองสีหน้าคนรักจึงอ่อนแสงลง อี้ชิงก้มหน้าแล้วซุกตัวเข้าหาร่างกายที่อบอุ่นของคนรัก รับรู้ได้ถึงสัมผัสอ่อนหวานที่แตะลงเหนือกลุ่มผมก่อนที่มือใหญ่จะลูบแขนเขาเบาๆ

     

    ...อี้ชิงไม่กลัวแล้ว ทำยังไงพี่คริสถึงจะรู้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     





     

     จบตอน ^^






     

    คนรอง: จบแล้ววววววว ^^ ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกๆ คนที่ตามอ่านทุกวัน และขอบคุณทุกๆ คนที่ทนรอจนจบนะคะ ^^

     

    จริงๆ ตอนนี้ตั้งใจจะเขียนแบบเบาๆ แต่ไหงออกมาเรียกน้ำตานิดๆ แบบนี้ได้ก็ไม่รู้ เขียนไปอ่านไปแล้วมันไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ ก็เลยจัดตอนท้ายเพิ่มไปอีกนิดหน่อย เดี๋ยวจะลืมชื่อเรื่องกัน ฮี่ๆๆ

     

    ตอนนี้รู้สึกจะจัดเต็ม ดึงตัวละครในเรื่องมาครบทุกคนเลย ยังขาดใครอีกมั้ย?

     

    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกการติดตามนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้า ^^

     

    ปอลอ เคยอ่านฟิคที่ลุ้นกันตัวโก่งเพราะนึกว่าจะมีอะไร แล้วมาเจอตอนจบพบว่าไม่มีอะไร แบบนั้นมั้ย? จะบอกว่าหวานใจก็เป็นแบบนั้นอ่ะ แป้กนิดๆ ฮ่าๆๆๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×