ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #3 : หวานใจ ตอน 03 ::: ใจหาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.52K
      8
      20 ก.ค. 56


    [Fic] หวานใจ >///<

    ตอน 03: ใจหาย

    Fiction by 2nd Admin

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ทันทีที่อาจารย์สั่งงานเสร็จ ยังไม่ทันบอกเลิกคลาสด้วยซ้ำ ร่างสูงก็กวาดหนังสือและอุปกรณ์ทุกอย่างลงกระเป๋า มองนาฬิกาข้อมือรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันแล้วเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะรัวๆ ด้วยความกระวนกระวาย ใจน่ะมันร้อนจนลอยไปหาใครอีกคนแล้ว แต่คริสก็ยังมีมารยาทพอจะอดทนรอจนอาจารย์หันหลังจะเดินออกจากห้องถึงได้ลุก ขึ้นยืน คว้ากระเป๋าได้เจ้าของช่วงขายาวก็รีบก้าวออกจากห้องทันทีจนเพื่อนร่วมแก๊งค์ ที่รีบลุกตามมายังคว้าแม้แต่ชายเสื้อไว้ไม่ทัน

     

     

     

    “ไอ้คริสจะรีบไปไหนของมันนักหนา?”

     

     

     

    รีบแค่ไหนก็ยังไม่เท่าใจที่มันลอยไปหาเจ้าของดวงหน้าหวานกับรอยยิ้มละมุนที่ทำ ให้อุ่นวาบไปทั้งอกเพียงแค่นึกถึง ปกติคริสไม่ชอบวิ่ง สารร่างสูงสง่าขนาดนี้จะมาลุกลี้ลุกลนวิ่งให้กระหืดกระหอบก็ทำลายมาดเท่ๆ เสียเปล่าๆ ยิ่งในเขตมหาลัยที่มีคนคอยมองแทบจะตลอด เวลา คริสก็ไม่อยากให้เป็นที่สะดุดตามากไปกว่านี้ แต่ตอนนี้ใจมันคิดถึง อยากไปหาคนที่รักจะแย่ ขายาวที่ก้าวเร็วๆ ก็เลยแทบจะกลายเป็นวิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดีไปตลอดทาง นาทีนี้คริสไม่สนเลยว่ากี่สายตาจะมองเขาบ้าง

     

    ดูเอาเถอะ หนุ่มหล่อเพลย์บอยที่ไม่เคยจริงจังไม่ว่ากับเดทครั้งไหน กลับตื่นเต้นแทบตายกับแค่จะทำเซอร์ไพรซ์แฟนด้วยเดทครั้งแรกในวันที่แสนพิเศษ แบบนี้

     

    พิเศษยังไงน่ะเหรอ?

     

    ก็วันนี้น่ะ ...วันวาเลนไทน์ ...วันแห่งความรักเชียวนะ

     

     

     

    หนึ่งอาทิตย์มาแล้วที่อี้ชิงย้ายมาอยู่ที่คอนโดด้วยกัน นอกจากพาไปทานอาหารมื้อเย็นนอกบ้าน กับไปทานเค้กที่ร้านโปรด คริสก็ยังไม่มีโอกาสได้พาอี้ชิงไปเดทที่ไหนแบบจริงๆ จังๆ ซักครั้ง อันที่จริงแค่ได้อยู่กับน้องตามลำพังทุกวัน ได้เห็นยิ้มหวานๆ ได้กอดร่างนุ่มๆ ได้ฝังทั้งปากและจมูกลงบนแก้มหอมๆ แค่นี้คริสก็มีความสุขมากแล้ว แต่เขาก็อยากมีช่วงเวลาพิเศษๆ ในวันดีๆ แบบนี้เหมือนที่คู่รักคู่อื่นเค้ามีกันบ้าง แผนเดทสวีทๆ เลยถูกคิดขึ้นในหัวโดยไม่ได้บอกให้อี้ชิงรู้ล่วงหน้า

     

    เขาอยากพาน้องไปทานเค้กที่ร้านโปรดหลังมหาลัย ก่อน จากนั้นค่อยพาไปดูหนังรักหวานๆ ซักเรื่อง ปิดท้ายด้วยดินเนอร์สุดหรูในห้องอาหารที่จองไว้เป็นส่วนตัว ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกใต้แสงเทียนกับดนตรีเบาๆ ที่ขับกล่อม เขาจะมอบกุหลาบช่อใหญ่ที่เตรียมไว้เซอร์ไพรซ์คนน่ารัก พร้อมกระซิบบอกรักอี้ชิงที่ข้างหูให้คนตัวเล็กได้ยิ้มเอียงอาย แล้วมอบจูบที่หวานซึ้งจนอี้ชิงตัวอ่อน ซวนซบลงกับอกของเขา

     

    ส่วนเรื่องต่อจากนั้น... ก็เผื่อว่าน้องจะใจอ่อน... แล้วก็...

     

    คริสกัดปากไม่ให้ตัวเองยิ่งยิ้มกว้างไปกับความคิดเจ้าชู้ เร่งฝีเท้าให้ยิ่งก้าวเร็วๆ ทันหัวใจที่ลอยไปอ้อนแฟนที่ป่านนี้คงนั่งรออยู่ในห้องสมุดแล้ว

     

     

     

    “ไอ้คริสสสสส!!” มาชะลอฝีเท้าเอาก็ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกแบบประสานเสียงเนี่ยแหละ เจ้าสามคนที่วิ่งตามหลังมาดูกระหืดกระหอบเหมือนวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาซักสิบ รอบได้ “เดินหรือวิ่งวะ พวกกูตามแทบไม่ทัน!

    “ก็กูกำลังรีบ แล้วพวกมึงจะตามมาทำไม?”

    “วันนี้วันอะไร มึงลืมไปแล้วรึ?”

    ไม่ได้ลืม แต่เพราะแทบจะนับถอยหลังให้ถึงวันนี้เร็วๆ ต่างหากล่ะ ถึงได้รีบขนาดนี้ ยิ่งวันนี้อี้ชิงเลิกเรียนก่อนตั้งชั่วโมงนึง น้องบอกจะรอที่ห้องสมุด ที่หยุดยืนคุยอยู่ตรงนี้ก็หน้าห้องสมุดแล้ว ใจคริสมันคอยแต่จะดึงให้ขาก้าวเข้าไปอยู่ แต่ติดที่ไอ้เพื่อนตัวดีสามคนมันยังดึงแขนไว้

    “จะวันอะไร ก็เป็นวันที่กูควรจะต้องอยู่กับแฟนแทนที่จะไปเที่ยวเล่นกับพวกมึงไง ปล่อยได้แล้ว! กูรีบ”

     

    “พี่คริสคะ” เสียงใสดังมาจากทางเดียวกับที่เจ้าสามตัวนี้เพิ่งวิ่งมา รุ่นน้องสองคนเดินยิ้มเข้ามาหาแล้วยื่นกล่องช็อคโกแล็ตกับดอกไม้ให้เขาด้วย ท่าทางเอียงอาย “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ”

    “ขอบคุณครับ” คริสจำต้องรับไว้โดยมารยาท อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็ได้มาอีกเพียบ ยัดใส่ล็อคเกอร์แทบไม่หมด กะว่าพรุ่งนี้จะเอามาแจกเพื่อน แต่สองชิ้นนี้ไม่ทันแล้ว คงต้องเอาใส่รถไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน

    “เย็นนี้พี่คริสมีนัดกับใครรึยังคะ?”

    “ครับ พี่นัดกับ...”

    “ไม่มีครับ! ไอ้คริสมันยังไม่ได้รับนัดใครเลย”

    “เฮ้ย! ไอ้เพื่อนตัวดีดันตัดหน้าตอบไปแบบนั้น ที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้มันไม่ได้ฟังเลยรึไง! “ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ว่าง กูนัดกับ...!

    “อย่าเสียมารยาทสิวะ สาวๆ เค้าอุตส่าห์เอาของมาให้ มึงควรพาเขาไปทานอะไรเป็นการตอบแทนบ้างนะ”

    ตั้งแต่เช้ากูได้ของขวัญจากสาวเกือบครึ่งมหาลัย นี่กูไม่ต้องจัดโต๊ะจีนเลี้ยงทั้งหมดเลยรึไงวะครับคุณเพื่อน?! คริสจิกตามองตัวแสบทั้งสามอย่างรู้ทัน ไอ้พวกนี้มันว่างเกินไปแล้วจริงๆ ขนาดวันที่คนอื่นเขาต้องอยู่กับแฟน มันก็ยังว่าง!

     

    ถ้าเป็นเมื่อก่อน คริสก็คงเออออรับนัดไป เพลย์บอยอย่างเขามักจะดึงดูดสาวๆ เจ้าพวกนี้ก็แค่รอรับผลพลอยได้ แต่ตอนนี้คริสไม่เหมือนเมื่อก่อน เขามีคนที่จริงจังด้วยแล้ว ไม่อยากไปนั่งเป็นตัวล่อเหยื่อให้ใครมาติดกับเจ้าพวกนี้อีก

     

    พอเห็นว่าคริสทำท่าจะปฏิเสธ เพื่อนตัวดียังมีหน้ามากระซิบขู่

    “ไหนมึงบอกจะไม่ทิ้งเพื่อนไง”

    “แต่กูนัดอี้ชิงไว้แล้ว”

    “มึงก็ได้อยู่กับแฟนอยู่แล้วทุกวัน ไปกับพวกกูแค่สองสามชั่วโมง อี้ชิงใจดีจะตาย แค่นี้น้องไม่โกรธหรอก”

    “แต่กูไม่...!

    “พี่คริสไปกับเพื่อนเถอะครับ”

     

    เจ้าของเสียงนุ่มหวานหูมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาเลิกเรียนแล้ว น้องก็เลยออกมารอ นี่คงได้ยินที่เพื่อนเขาพูดหมดเลยสิ แต่ไม่ได้หรอกนะ วันอื่นไม่เป็นไร แต่อี้ชิงจะมาใจดีวันนี้ไม่ได้

    “แต่วันนี้พี่ตั้งใจจะพาเราไปเดทนะ”

    ร่างขาวอึ้งไปเล็กน้อย แก้มใสเรื่อสีแดงน่ารักก่อนที่จะตัวจะก้มหน้าแล้วกัดปาก นี่ถ้าอยู่กันสองคนคริสคงได้เห็นยิ้มอายๆ ของน้อง คงได้ฝังจมูกทับรอยบุ๋มให้หายหมั่นเขี้ยวไปแล้ว ต้องโทษเจ้าเพื่อนตัวดีพวกนี้นั่นแหละ!

     

    คริสสะบัดจนแขนทั้งสองข้างเป็นอิสระจากเพื่อน แล้วก้าวตรงเข้าหาร่างโปร่งบางที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แขนยาวเอื้อมไปข้างหน้าหมายดึงคนรักเข้ามากอดให้หายคิดถึง แต่ประโยคที่อี้ชิงตอบมาทำให้เขาชะงัก

    “เราเจอกันทุกวัน นัดกันใหม่ก็ได้นี่ครับ”

    “.....!

    “เห็นมั้ยน้องอนุญาตแล้ว ไปกับพวกกูเหอะ”

    เพราะมัวแต่อึ้งก็เลยถูกกลุ่มเพื่อนตามมากระตุกแขนอีกครั้ง แต่คริสยังไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าหวาน ดวงตาคมกระพริบปริบ มองร่างขาวบางตรงหน้าตาละห้อย

     

    แล้วเดทของเราล่ะครับ? หนังรักหวานๆ ดินเนอร์ใต้แสงเทียน กับแผนบอกรักที่แสนจะโรแมนติกของพี่ล่ะครับคนดี?

     

    “อี้ชิง แต่ว่าพี่...”

    “ไปเถอะครับ” คนน้องก็เอาแต่ยิ้มใจดี ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหน้าหวานๆ ในองศาเอียงแบบนี้มันทรมานใจคนที่ได้แต่มองแค่ไหน

     

    “เดี๋ยวผมกลับไปรอที่บ้านนะ”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ร้านที่กลุ่มเพื่อนของคริสชอบมานั่งเป็นร้านอาหารแบบกึ่งผับ คือมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มพร้อม มีดนตรีเล่นให้ฟังแบบสดๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคริสกับเพื่อนจะนั่งแช่กันจนเกือบได้เวลาร้านปิดถึงจะกลับ แต่วันนี้ร่างสูงเอาแต่กระวนกระวาย คอยมองนาฬิกาแล้วก็เช็คข้อความในโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด

     

    ตั้งแต่แยกกันที่มหาลัย คริสก็ส่งข้อความหาอี้ชิงแทบจะทุกห้านาที ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีซักวันที่จะปล่อยให้น้องต้องกลับบ้านคนเดียว เป็นห่วงใจแทบขาด ตอนแรกๆ ส่งไปก็ตอบกลับทุกครั้ง แต่ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี่เริ่มทิ้งระยะห่าง ครั้งสุดท้ายเห็นบอกว่าเพื่อนชวนไปทานเค้กที่ร้านโปรด หลังจากนั้นผ่านมาสิบห้านาทีแล้วก็ยังไม่มีข้อความใหม่ คริสเริ่มนั่งไม่ติด   

     

    “เฮ้ย! จะไปไหน?”

    ทันทีที่ร่างสูงลุกพรวด เพื่อนก็รีบฉุดแขนเขาไว้

    “จะกลับบ้าน ดึกแล้ว กูเป็นห่วงอี้ชิง”

    “ป่านนี้น้องกลับถึงบ้านแล้วก็อาบน้ำนอนรอนายอยู่บนเตียงแล้วมั้ง ไม่ต้องรีบหรอกน่า”

    นั่นมันยิ่งต้องรีบเลยไม่ใช่รึไงไอ้เพื่อนบ้า! ทำแผนสวีทวันวาเลนไทน์ของเขาพังไม่เป็นท่า ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก!

    “พวกมึงนั่งกันต่อเถอะ มื้อนี้กูเลี้ยงเองก็ได้ แต่ต้องขอตัวจริงๆ”

    “พี่คริสจะกลับแล้วเหรอคะ?”

    เสียงสองสาวที่ร่วมโต๊ะอ้อนถามพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม อดีตเพลย์บอยอย่างคริสรู้ดีว่าถ้าเขาเอ่ยปาก พวกเธอจะลุกตามมาทันที

     

    แต่คริสมีคนที่อยากอยู่ด้วยทั้งคืนอยู่แล้ว น้องกำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน ดังนั้นร่างสูงจึงเพียงแค่ยิ้ม

     

    “ขอโทษนะครับ พี่คิดถึงแฟน อยากกลับไปกอดแฟนจะแย่อยู่แล้ว”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “อี้ชิง พี่กลับมาแล้ว”

    ร่างสูงสลัดรองเท้าหนังทิ้งแบบไม่สนใจจะเก็บขึ้นชั้นวาง ก่อนจะรีบเปลี่ยนมาสวมรองเท้าแตะ ยังไม่ทันเต็มเท้าดีก็รีบถลาเข้ามาในห้อง ไฟอัตโนมัติติดพรึ่บขึ้นแทบจะพร้อมกันทุกดวงทำให้ทั้งห้องสว่าง คริสสาวเท้าเร็วๆ ตรงไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน พอไม่พบร่างโปร่งบางที่นั่นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังห้องครัวอย่างรวดเร็ว

     

    “อี้ชิงครับ?”

    แต่คนที่คิดถึงก็ไม่ได้อยู่ในนั้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน คอนโดราคาแพงของเขามีพื้นที่ค่อนข้างกว้างมากก็จริง แต่เสียงเขาไม่ใช่เบาๆ เรียกขนาดนี้ถ้าน้องอยู่ในบ้านคงได้ยินแล้วออกมาส่งยิ้มหวานต้อนรับให้ชื่น ใจแล้ว

     

    หรือว่าจะอยู่ในห้องเลยไม่ได้ยิน?

     

    ช่วงขายาวก้าวไวเท่าความคิด ไม่เกินอึดใจคริสก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องที่ยกให้อี้ชิงใช้เป็นห้องส่วนตัว แม้บางวันเขาจะเนียนเข้ามานั่งคุยเล่นแล้วก็แกล้งหลับไปทั้งอย่างนั้น หรือชวนน้องไปดูดีวีดีที่ห้องเขา แล้วก็ผล็อยหลับไปทั้งที่ยังกอดกัน แต่อี้ชิงก็เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวส่วนใหญ่ไว้ในห้องนี้

     

    “อี้ชิงครับ อยู่ในห้องรึเปล่า?” เขาถามเสียงเบาเหมือนตอนที่เคาะประตู เผื่อว่าน้องหลับอยู่จะได้ไม่สะดุ้งตกใจ แต่รออยู่ซักพักก็ยังไม่มีเสียงตอบ ลองเคาะประตูอีกสองสามครั้งก็ยังเงียบ ร่างสูงพรูลมหายใจหนักๆ ระหว่างที่ยื่นมือออกไปจับลูกบิดประตู

     

    ...ทำไมถึงรู้สึกหวิวๆ ในอกแบบนี้นะ

     

    ที่จริงคริสใจคอไม่ดีตั้งแต่ผ่านประตูหน้าเข้ามา อากาศในห้องมันเย็นเกินไป ไม่มีไออุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนเวลาที่คนตัวเล็กอยู่บ้าน น้องไม่ตอบข้อความเขาอีกเลยตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน คริสเข้าใจว่าอี้ชิงคงจะถึงบ้านแล้ว ป่านนี้อาจจะกำลังง่วนอยู่ในครัวก็เลยไม่ทันได้ดูมือถือ แต่เพิ่งมานึกเอะใจเอาก็ตอนกลับมาถึงแล้วไม่มียิ้มหวานๆ กับเสียงขานรับนุ่มๆ ตอนที่เขาเรียกหา แม้จะภาวนาขอให้คนรักนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าน้องไม่อยู่ล่ะ?

     

    บ้าน่า! ก็น้องบอกแล้วนี่ว่าจะกลับมารอ ดึกป่านนี้แล้ว ถ้าไม่อยู่ในห้องแล้วจะไปไหนได้

     

    มือใหญ่หมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดออกจนกว้าง ความมืดและไอเย็นที่ลอยเข้าปะทะเหมือนจะย้ำให้คริสจำต้องเชื่อในสังหรณ์แรก ...อี้ชิงไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ ด้วย

     

    ขายาวที่เคยแข็งแรงกลับสั่นตอนที่ก้าวถอยออกมา คริสกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างไร้จุดหมาย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าห้องพักมันกว้างไปจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน

     

    ...อี้ชิงอยู่ที่ไหน เขาจะหาน้องได้ที่ไหน?

     

     

    โทรศัพท์ ยังอยู่ในมือตั้งแต่แยกกับกลุ่มเพื่อนที่ร้านอาหาร แม้จะโทรไม่ติดเลยตั้งแต่ตอนนั้น แต่คริสก็ยังเพียรกดปุ่มโทรออกอยู่ทุกห้านาที และตอนนี้เขาก็อยากจะลองอีกครั้ง

     

    เสียงผู้หญิงที่คริสไม่เคยเห็นหน้ายังคอยย้ำว่าเขาไม่สามารถติดต่ออี้ชิงทาง โทรศัพท์ได้ คริสลองโทรออกอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม มือใหญ่กำสมาร์ทโฟนราคาแพงไว้จนแน่นก่อนจะทิ้งสองแขนลงข้างตัว นอกจากโทรศัพท์แล้วคริสก็นึกไม่ออกว่าจะติดต่อน้องได้ยังไงอีก อี้ชิงบอกว่าไปกับเพื่อน ...จริงสิ! น้องไปกับเพื่อน เขาเคยเห็นหน้าเพื่อนในกลุ่มเด็กเรียนของอี้ชิงอยู่สองสามคนนี่นา!

     

    แต่... ไม่รู้เบอร์โทร

     

    “บ้าชะมัด!” คริสสบถ ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีสว่างลวกๆ แล้วค้างไว้อย่างนั้น เขาเดินวนไปวนมาอยู่แค่หน้าห้องคนตัวเล็ก ใบหน้าหล่อเหลาในตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล

     

    ดึกป่านนี้แล้วทำไมอี้ชิงยังไม่กลับบ้าน แค่ไปทานขนมกับเพื่อนก็ไม่น่ากลับดึกขนาดนี้ เพื่อนอี้ชิงไม่มีแฟนรึไง ถึงต้องมาชวนอี้ชิงของเขาไปเที่ยวในวันแบบนี้ ...ไม่สิ เขาเองก็มีแฟน ยังไปนั่งแช่อยู่กับเพื่อนได้เป็นชั่วโมงเลย โทษใครไม่ได้หรอก ความผิดเขาเองทั้งนั้น ผิดที่ปล่อยให้น้องกลับบ้านคนเดียว ต่อให้ไปกับเพื่อนก็น่าจะพาน้องไปด้วย แผนเดทวันวาเลนไทน์ของเขาพังไม่ใช่เพราะใคร เพราะความโง่ของเขาเองนี่แหละ! เอาแต่เป็นห่วงทั้งที่ตัวก็อยู่ห่างกันขนาดนี้ ถ้าน้องเป็นอันตรายขึ้นมาจริงๆ จะไปช่วยอะไรได้!

     

    คริสตำหนิตัวเองซ้ำๆ ก่อนจะทิ้งแผ่นหลังลงพิงผนังห้องไว้ เงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างใช้ความคิด ...นี่เขาไม่มีเบอร์ติดต่อเพื่อนของอี้ชิงซักคนเลยรึไงนะ!  

     

     

    เสียงสัญญาณสั้นๆ เตือนให้รู้ว่ามีข้อความส่งเข้ามา คริสรีบร้อนเปิดดูหน้าจอมือถือด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ...ต้องเป็นอี้ชิงแน่ๆ!

     

    แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับยิ่งเครียดขึง เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเมื่อเจ้าตัวเพ่งมองแต่ละตัวอักษรบนหน้าจอเหมือน ว่าการเรียนรู้ที่ผ่านมาตลอดยี่สิบปีนั้นทำให้เขาเข้าใจความหมายของมันผิด

     

     

    ถ้าไม่มีผมอยู่ด้วย พี่คงจะมีความสุขมากกว่านี้...

     

     

    หมายความ... ว่ายังไงกัน?!

     

    คริสไม่คุ้นเบอร์ที่ส่งข้อความนี้มาสักนิด จะใช่อี้ชิงรึเปล่า? ทำไมถึงตัดพ้อกันแบบนี้? หรือว่าอี้ชิงจะโกรธที่เขาอยู่กับเพื่อนแทนที่จะอยู่ด้วยกันในวันสำคัญ? ...เขาโทรหาอี้ชิงไม่ได้ น้องตั้งใจปิดมือถือเพราะไม่อยากคุยกับเขาใช่มั้ย?

     

    อี้ชิงคิดจะทิ้งเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

     

    “ไม่นะ ไม่...” คริสพึมพำด้วยน้ำเสียงและหัวใจที่สั่นระรัว

    ต้องมีใครล้อเล่นแน่ๆ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ! นี่ไม่ใช่เบอร์มือถือของอี้ชิง น้องไม่มีทางส่งข้อความแบบนี้มาหาเขาแน่ๆ!

     

    สองขามันสั่นจนพยุงร่างตัวเองให้ยืนแทบไม่อยู่  สองหูก็อื้อไปหมด คริสไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ...มันหยุดเต้นไปแล้วหรือเขาทำมันหล่นหายไปที่ไหน เขาอยากเจออี้ชิง อยากถาม อยากอธิบาย ...แต่เขาจะไปตามอี้ชิงได้ที่ไหนกัน?

     

    ร่างสูงทิ้งแผ่นหลังลงพิงผนังห้องอีกครั้ง ภาพใบหน้าหวานที่คิดถึงยิ่งทำให้ปวดร้าวไปทั้งอก เขาอยากได้ยินเสียงหัวเราะ อยากให้คนตัวเล็กเข้ามากอดแล้วบอกว่าเรื่องทั้งหมดนั้นแค่ล้อเล่น อยากให้น้องบอกว่าจะอยู่กับเขา ไม่หนีไปไหน คริสหลับตาลงแล้วหวังว่าอี้ชิงที่ซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งของห้องจะค่อยๆ ย่องออกมา ...แต่ก็ไม่มี

     

    คริสทำหัวใจหายไปแล้วจริงๆ

     

     

     

     

    แล้วยังไง? จะปล่อยให้น้องหนีไปแบบนี้หรือ?

     

    ทั้งที่รู้หัวใจตัวเองตั้งแต่วันที่เจ้าของรอยยิ้มหวานหันมาสบตา จังหวะหัวใจที่รัวแรงกับความรู้สึกอุ่นวาบทั่วทั้งแผ่นอก ...ความสุขของเขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

     

    จางอี้ชิง คือความสุขเพียงหนึ่งเดียวของคริส เขาจะยอมเสียน้องไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

     

    คริสยืดตัวขึ้นได้ตรงอีกครั้งเมื่อสติกลับมา เขาจะมามัวใจลอยอยู่แบบนี้ไม่ได้ น้องไม่กลับมาเขาก็ต้องออกไปตาม คิดสิว่าตอนนี้น้องควรจะอยู่ที่ไหน คิดสิคริส!

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ประตูลิฟท์เปิดออกในชั้นที่เป็นลานจอดรถ คริสก้าวยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็สอดตัวเข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับ เพราะใจมันร้อนอยากหาคนรักให้เจอเร็วๆ พอเสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องได้ ร่างสูงก็เหยียบคันเร่งถอยรถออกจากซองด้วยความเร็ว ไม่ทันได้มองว่ามีรถอีกคันที่แล่นสวนมา เสียงแตรดังสนั่นลั่นลานจอดรถก่อนที่แสงจากไฟหน้าของรถคันนั้นจะทำให้คริ สต้องหักหลบอย่างรวดเร็ว!

     

    ท้ายรถสปอร์ตคันงามกระแทกเข้ากับเสาปูนขนาดใหญ่อย่างจัง ตัวคนขับก็ถูกแรงกระแทกจนถลำไปข้างหน้า โชคดีที่คริสคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ก่อนแล้ว

     

    “เป็นอะไรมากมั้ยคุณ?”

    คู่กรณียังต้องลดกระจกลงมาถามเพราะเห็นสภาพยับเยินของท้ายรถสปอร์ตราคาแพง แล้วอดสยองแทนไม่ได้ คริสเงยหน้าขึ้นช้าๆ หลังจากเรียกสติกลับมาจนครบถ้วนแล้วพบว่าตัวเองไม่ได้เจ็บปวดหรือมีบาดแผล ตรงไหน เขาโบกมือให้ฝ่ายนั้นเป็นเชิงว่ายังโอเคอยู่ คู่กรณีจึงยืนยันว่าจะเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยดูให้ ก่อนจะออกรถไป

     

    กว่าเจ้าหน้าที่ของทางคอนโดกับทางบริษัทประกันที่คริสโทรเรียกจะมาถึง ตกลงเรื่องค่าเสียหายอะไรกันเสร็จเรียบร้อย คริสก็เสียเวลาไปอีกครึ่งชั่วโมง สภาพรถแบบนี้คงต้องอยู่ในศูนย์ไปอีกพักใหญ่ๆ แต่คืนนี้เขาต้องรีบออกไปหาคนรัก ร่างสูงจึงต้องใช้บริการรถแท็กซี่ทั้งที่ไม่เคยใช้มาหลายปีแล้ว

     

     

    ที่แรกที่คริสนึกออกคือร้านเค้กหลังมหาลัย ครั้งสุดท้ายที่ได้รับข้อความ น้องบอกว่าไปกินเค้กกับเพื่อน แต่ตอนที่เขาไปถึง ร้านก็ปิดแล้ว คริสนั่งเงียบอยู่ในรถแท็กซี่นานกว่าสิบนาที คิดจนต้องเอามือกุมขมับว่าควรจะไปตามหาน้องที่ไหนต่อ ความจริงที่เพิ่งสำนึกได้คือเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอี้ชิงเลย เจอน้องแค่ที่มหาลัย ที่ๆ ชอบไปก็ร้านเค้กร้านโปรด นอกจากนั้นก็แค่เคยไปส่งที่หอพัก...

     

    ...หอพัก? จริงสิ!

     

     

    คริสบอกทางกับคนขับแท็กซี่ให้มาส่งจนถึงหน้าหอพักที่อยู่ติดกับมหาลัย พอลงจากรถได้ก็รีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่คุมหอชาย แต่ทางนั้นยืนยันว่าไม่มีชื่อจางอี้ชิงกลับเข้ามาพัก คริสขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจดูซ้ำให้อีกรอบ แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม สุดท้ายร่างสูงก็ต้องเดินคอตกกลับออกมา

     

    คริสไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะทั้งชีวิตเขาไม่เคยถูกใครทิ้ง แต่เพราะเขาหาอี้ชิงไม่เจอ แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นยิ้มหวานๆ ของคนตัวเล็กอีก น้ำตามันก็พาลจะไหล หัวใจหายร่างกายมันก็ยืนไม่อยู่ คริสแทบจะทรุดลงกับพื้น ยังดีที่ได้กำแพงหนาช่วยรองแผ่นหลังไว้

     

    “อี้ชิง... นายอยู่ไหนกัน...”

     

     

     

     

    เสียงพูดคุยและหัวเราะของคนกลุ่มหนึ่งดังแว่วมาขณะที่สติของคริสยังไม่อยู่กับ ร่องกับรอยดีนัก เขาแยกแยะไม่ได้ว่าหนึ่งเสียงใสที่ปะปนมานั้นควรจะคุ้นหูเขามากที่สุด ร่างสูงซุกใบหน้าลงกับสองมืออย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่ถึงอย่างนั้น รูปร่างสูงสง่าที่ยืนพิงหลังกับกำแพงก็คุ้นตาใครบางคนที่อยู่ในกลุ่มนัก ศึกษาที่กำลังเดินตรงมาทางหอพัก

     

    “พี่คริส?”

    เสียงที่เรียกเหมือนดังมาจากในฝัน แต่เมื่อคริสเงยหน้าแล้วหันไปมองตามต้นเสียง ร่างโปร่งบางที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ทำให้หัวใจที่อ่อนแรงกลับมา เต้นใหม่อีกครั้ง

    “...อี้ชิง!

    “มาทำอะไรที่นี่ครับ? แล้วเพื่อนๆ พี่... อ๊ะ!” ยังไม่ทันจะถามได้จบประโยค อี้ชิงก็ต้องตกใจเมื่อทั้งร่างถูกดึงเข้าหาอกอุ่นที่กำลังสั่น คริสรัดสองแขนกอดเขาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ริมฝีปากเย็บเฉียบที่แนบอยู่ข้างหูก็พร่ำบอกสิ่งที่อี้ชิงไม่เข้าใจเลยสักนิด

     

    “ไม่นะ! อย่าไปไหน! นายต้องอยู่กับพี่นะอี้ชิง พี่ไม่ยอมให้นายไปไหนทั้งนั้น!

    “พี่คริส... เป็นอะไรไปครับ?”

    “พี่รักนายนะอี้ชิง รักนายคนเดียว พี่จะไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียวอีกแล้ว พี่สัญญา อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะอี้ชิง”

    “ด.. เดี๋ยวนะครับพี่คริส” ร่างขาวดันตัวเองออกจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้นอย่างยากลำบาก พี่คริสไม่ยอมคลายวงแขนบ้างเลย อี้ชิงทำได้อย่างมากก็แค่ทาบสองมือลงบนแผ่นอกกว้างเพื่อเพิ่มระยะห่าง จะได้มองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักให้ถนัด ...ใจหายเมื่อได้เห็นแววเศร้าหมองในดวงตาคมคู่นั้น “พี่คริสเป็นอะไร พูดเรื่องอะไรครับ ผมงงไปหมดแล้ว”

    “ทำไมนายถึงส่งข้อความมาแบบนั้น ใจพี่แทบขาดน่ะรู้มั้ย ทำไมถึงบอกว่าจะไม่อยู่ด้วยกัน พี่ทำผิดใช่รึเปล่า อี้ชิงโกรธพี่ใช่มั้ย?”

    “ข้อความ?” คราวนี้ยิ่งไม่เข้าใจหนัก อี้ชิงเอียงคอมองหน้าคนรักแล้วย่นคิ้ว “โทรศัพท์ผมแบตหมดไปนานแล้วนะครับ”

    “แล้วนี่ล่ะ?”

    คริสเปิดข้อความสุดท้ายที่เขาได้รับในมือถือให้ดู ข้อความตัดพ้อนั่นยังไม่ทำให้อี้ชิงแปลกใจเท่าเบอร์ที่ส่งมันมา

    “เอ๋? เบอร์นี่...”

     

    “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะอี้ชิง”


    เสียงประสานแหลมแสบแก้วหูมาจากสองสาวเพื่อนร่วมคณะที่เดินมาด้วยกันเมื่อครู่แต่ แอบแว่บไปยืนหลบอยู่ตรงประตูทางเข้าหอพักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อี้ชิงหันไปมองแล้วก็นิ่วหน้าใส่ แต่พวกเธอกลับยิ่งหัวเราะชอบใจ “ถ้าพี่คริสดูแลแฟนไม่ดี ปล่อยให้เราขโมยอี้ชิงไปได้อีก คราวหน้าจะไม่เอามาคืนแล้วนะคะ”

    “อะไรกันเล่า...” อี้ชิงมุ่ยหน้า พอเห็นสายตาคาดโทษที่คนน่ารักส่งมา สองสาวก็รีบโบกมือแล้ววิ่งเข้าหอพักไป อี้ชิงถอนหายใจแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ระอากับความแก่นแก้วของเพื่อนเสียจริง

     

    แต่คริสยังตามไม่ทัน ชี้นิ้วไปทางที่สองสาวเพิ่งวิ่งหายไปแล้วก็กลับมามองหน้าคนรัก

    “นี่.. หมายความว่า...?!

    อี้ชิงยิ้มแห้งๆ เกานิ้วชี้กับข้างแก้มก่อนจะเฉลยเสียงอ่อน

    “แบตมือถือผมหมดตั้งแต่ตอนที่อยู่ในร้านเค้กน่ะครับ ผมเลยว่าจะขอยืมเครื่องเพื่อนส่งข้อความไปบอกพี่คริสว่าวันนี้อาจจะกลับดึก หน่อย แต่ยัยพวกนั้นไม่ยอม บอกว่าจะส่งเอง พอออกจากร้านก็ดึกแล้ว สองสาวเค้าก็อ้อนให้มาส่งที่หอพัก ผมไม่รู้ว่ายัยตัวแสบจะมีแผนแบบนี้”

    คริสได้ฟังก็อ้าปากค้าง พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก็พยักหน้าช้าๆ

    “เหอะ! ให้ตาย” เขาแค่นหัวเราะ อี้ชิงทั้งอ่อนโยนแล้วก็อ่อนหวานขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเพื่อนแก่นเซี้ยว วางแผนลักพาตัวแฟนเขาในวันพิเศษอย่างนี้ซะได้  แสบพอๆ กับเจ้าสามตัวในแก๊งค์เขาเลย สงสัยต้องแนะนำให้รู้จักกันเองซะหน่อยแล้ว ทีหลังจะได้ไม่มีเวลาว่างมาแกล้งป่วนชีวิตรักคนอื่นแบบนี้อีก!

     

    “ขอโทษด้วยนะครับ พวกสาวๆ ชอบทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อยู่เรื่อยเลย”

    พอเห็นว่าเขาเงียบไปอี้ชิงก็เริ่มหน้าเสีย คงนึกว่าพี่จะโกรธ โถ... ใครจะไปโกรธแฟนที่น่ารักขนาดนี้ได้ลง คริสยิ้มปลอบแล้วลูบผมคนรักเบาๆ

    “โทษพวกเธอก็ไม่ถูก พี่ผิดเองที่ดูแลนายไม่ดี วันพิเศษแบบนี้ยังจะไปกับคนอื่น ปล่อยให้นายอยู่คนเดียว ดีเท่าไหร่แล้วที่เป็นพวกเพื่อนๆ นาย ถ้าเป็นคนอื่นมาพานายไป พี่จะได้อี้ชิงของพี่คืนมารึเปล่าก็ไม่รู้”

    แก้มแดงระเรื่อป่องออกเพราะอี้ชิงอมลมเข้าไปเก็บไว้ คนตัวขาวพยักหน้าน้อยๆ เหมือนรับรู้แต่ก็เขินกับคำหวานเกินจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด อี้ชิงของพี่คริสน่ารักก็ตรงนี้ ท่าทางเขินอายที่ไร้เดียงสาเนี่ยแหละ เห็นแล้วอยากจะดึงเข้ามากอดไว้แน่นๆ แล้วฟัดหอมเสียให้หายหมั่นเขี้ยว แต่ก็กลัวว่าร่างขาวบางจะบอบช้ำเพราะแรงรักเสียก่อน

     

    เพราะว่าอยากทะนุถนอมให้สมกับเป็นที่รัก ที่คริสทำก็เลยแค่ดึงคนตัวนิ่มเข้ามากอดไว้หลวมๆ

    “ไม่เอาแล้วนะ ทีหลังอย่าหายไปแบบนี้อีก จะไปไหนกับใครก็ต้องบอก เวลาที่หานายไม่เจอ ใจพี่แทบขาด”

    อี้ชิงเคลียแก้มกับอกอุ่นของคนรัก เอ่ยคำขอโทษเบาๆ แต่คริสแตะนิ้วกับริมฝีปากนุ่มห้ามไว้ เขาว่าเขาเองเนี่ยแหละที่ต้องเอาใจใส่ทุกเรื่องของอี้ชิงให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็เบอร์โทรของเพื่อนสนิททุกคน เอ... หรือจะซื้อโทรศัพท์ให้น้องอีกซักเครื่องดี เอาไว้เปลี่ยนใช้เวลาแบตหมด จะได้ไม่ขาดการติดต่อ

     

     

    “ที่จริง... ผมดีใจมากนะครับ ตอนที่พี่คริสบอกว่าจะพาไปเดท”

    “หืม?” คริสก้มหน้าลงมองคนที่ซบอยู่กับอก อี้ชิงกอดเขาไว้แน่น เสี้ยวหน้าที่ไม่จมหายไปกับอกยิ่งแดงจัด

    “เป็นครั้งแรกเลยที่พี่คริสชวนผมแบบนั้น”

    “แล้วทำไมถึงบอกให้พี่ไปกับเพื่อนล่ะ?”

    “ก็เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ย เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ผมกลัวว่าพี่คริสจะเบื่อ ก็เลย...”

    “คิดแบบนี้อีกแล้วนะ” เพราะอยากสบตากันตรงๆ คริสเลยจับไหล่บางแล้วดันออกให้น้องต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา “ที่อี้ชิงคิดแบบนี้แสดงว่ายังไม่เชื่อใจพี่ใช่มั้ย ถึงคิดว่าพี่จะเบื่อเราง่ายๆ”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”

    “ดูเอาเถอะ ไอ้เรารึอยากอยู่กับเค้าทั้งวันทั้งคืน ทำไงได้ล่ะ คนมันประวัติไม่ดี พอไปรักใครเข้าจริงๆ เค้าก็ไม่เชื่อ”

    “พี่คริส...”

    “รู้มั้ยวันนี้พี่เตรียมแผนอะไรไว้เซอร์ไพรซ์เราบ้าง ทั้งดูหนัง ดินเนอร์ ช่อดอกไม้ แล้วไหนจะ...”

     

     

    Kiss~~

     

     

    ความนุ่มนวลที่แตะลงบนกลีบปากหยุดคำตัดพ้อของร่างสูงไว้ คริสสบตาคนที่ปิดปากเขาด้วยจูบผิวเผินแบบเด็กน้อยได้ไม่นาน คนขี้อายก็ก้มหน้างุด ซุกหน้าลงกับอกแล้วกอดเอวเขาไว้แน่น

    “พี่คริสคนดี อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

     

    ทำเอาคนที่แกล้งงอนอยู่เมื่อครู่เกือบจะเป็นลมล้มทั้งยืน รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าหล่อๆ เรื่อยไปจนถึงใบหู คริสเม้มริมฝีปากซึมซับความหวานที่แม้จะเพียงนิดเดียวก็แต่ทำให้ใจเขาเต้น แรงได้ก่อนจะกัดเอาไว้ กลั้นไม่ให้ตัวเองต้องฉีกยิ้มกว้างไปมากกว่านี้

     

    ...ใครสั่งใครสอนให้ง้อแฟนได้น่ารักแบบนี้นะ จางอี้ชิง?

     

     

    “จริงสิ! นี่กี่โมงแล้ว?” เพราะถึงแผนออกเดทจะพังไม่เป็นท่าแต่คริสก็ยังไม่ลืมความตั้งใจบางอย่าง คว้าข้อมือบางได้ก็มองตัวเลขดิจิตอลที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา พอเห็นว่าเลยเที่ยงคืนมาจะครบนาทีแล้วก็โอดครวญ “ข้ามวันแล้ว? ให้ตาย! พลาดอีกจนได้” 

    อี้ชิงได้แต่เอียงหน้ามองคนรักแทนคำถาม คริสเลยต้องเฉลยด้วยความเสียดาย

    “วาเลนไทน์ทั้งที พี่อยากจะบอกรักนายให้โรแมนติกซักหน่อย”

    “ทำไม ต้องวันนี้ล่ะครับ พี่คริสรักผมแค่วันเดียวเหรอ?” ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบ น้องไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่รู้ ก็เพราะอี้ชิงน่ารักใสซื่อแบบนี้นี่แหละ คริสถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น

     

    เกลี่ยหลังมือกับแก้มนุ่มของคนรักเบาๆ แล้วคริสก็ยิ้ม สบตาคู่สวยตอนที่บอกคำหวานให้คนตัวเล็กฟัง

    “ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่พี่รักนายทุกวัน ยิ่งรักมากขึ้นทุกๆ วัน พี่อยากทำให้ทุกช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเป็นวันที่มีค่า อยากทำอะไรดีๆ ในวันพิเศษเพื่อให้นายจดจำ”

    “แต่ผมขี้ลืม พี่ก็รู้”

    “ก็เพราะรู้น่ะสิ พี่ถึงอยากให้เรามีแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน ถึงจะจำวันที่ไม่ได้ แต่นายก็จะจำได้ ว่าพี่รักนายมากแค่ไหน”

     

    คำรักแสนหวานทำให้แก้มขาวขึ้นสีน่ารัก คนน้องกัดปากแล้วก้มหน้า บอกกับคนตัวสูงเสียงเบา  

    “ที่ จริง... นี่ก็ยังไม่เลยวันที่สิบสี่...” อี้ชิงจับมือคนรักขึ้นมา ดึงแขนเสื้อขึ้นพอให้อีกฝ่ายมองเห็นเข็มเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนแพง ...เหลืออีกสามนาทีกว่าที่เข็มยาวจะถึงเลขสิบสอง

    “อะไรกันเนี่ย?”

    “ผมตั้งนาฬิกาให้เร็วไว้ห้านาทีน่ะครับ”

    พออี้ชิงเฉลยแล้วคริสก็แทบจะตบหน้าผากตัวเอง เด็กดีของเขาให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ

     

    พอเห็นน้องทำหน้าไม่ถูกคริสก็หัวเราะออกมา สบตาคู่สวยแล้วเลื่อนมือขึ้นประคองดวงหน้าหน้าหวานไว้ ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปจนทั่วสองแก้มขาวนุ่ม แตะเบาๆ ที่ปลายจมูกเล็กน่ารัก ก่อนจะทาบหน้าผากตัวเองไว้กับคนตรงหน้า  

    “พี่รักนาย จางอี้ชิง จะวันนี้หรือวันไหน จะผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ จำไว้นะว่าพี่รักนาย ...มาก” จูบอีกครั้งหนักๆ บนเนินหน้าผาก ก่อนที่คริสจะดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดไว้แนบอก ซุกปลายจมูกโด่งลงบนกลุ่มผมนุ่มหอมอย่างรักใคร่ “...อยู่กับพี่ ...อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”

     

    คนน่ารักไม่ได้ตอบ แต่หัวใจของคริสรับรู้ได้เมื่อดวงหน้าหวานที่ซุกอยู่กับอกขยับน้อยๆ ร่างสูงยิ้มอย่างเป็นสุขยามที่ลูบมือลงบนแผ่นหลังบาง ได้ยินเสียงตีบอกเวลาของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่หอสมุดของมหาลัยดังแว่วมา คริสพรูลมหายใจเมื่อค่ำคืนของวันแห่งความรักผ่านพ้น

     

    ...แค่มีจางอี้ชิงคนนี้ในอ้อมกอด เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จบนะ ^^

     

     

     

     

     

     

    2nd Admin: มันดีเลย์จากที่ตั้งใจไปเยอะนะ ตอนแรกกะว่าจะลงซักวันที่สิบห้าสิบหก (ลงวันวาเลนไทน์เลยไม่ไหวจริงๆ เมาผงถ่านคาร์บอนด์ = = ) คือด้นกันสดๆ วันนั้น เพราะตอนแรกกะว่าจะเอาตอนพิเศษที่เป็นตอนจบแบบ กด 1’ ของหวานใจมาลง แต่ไม่อยากให้ต้องส่งเมลล์กันให้วุ่นวาย ไหนๆ จะจัดหวานๆ แล้วก็อยากให้หวานกันให้เต็มที่แบบไม่มีสะดุด ระหว่างนั้นก็เจออุปสรรคมายมาย (ไหนจะลุคแบดบอยของเควิน อู๋ ณ แวนคูเวอร์อีก = = )  ไปๆ มาๆ เลยล่าช้ามาจนถึงป่านนี้

     

    อ่านแล้วฟินก็ซึมซับความหวานกันให้เต็มที่นะคะ เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าคนรองจะมีปัญญาเขียนฟิคหวานๆ ออกมาอีกได้มั้ย เหอๆๆ

     

    ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×