ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #6 : หวานใจ ตอน 06 ::: รุ่นพี่ (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      6
      18 ก.ค. 56

    [Fic] หวานใจ >///<

    ตอน 06: รุ่นพี่ (1)

    Fiction by 2nd Admin

     

     


    .

     

    .

     

    .

     

     

    อี้ ชิงยืนอยู่เบื้องหน้าในระยะที่แทบไม่ต้องเอื้อมมือก็ดึงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ได้ง่ายๆ กลิ่นหอมหวานเหมือนขนมที่อุ่นอวลอยู่ปลายจมูกชวนให้คริสนึกอยากจะกอดรัดฟัด หอมคนรักเสียให้ชื่นใจ แต่ยังต้องอดใจไว้ ทั้งที่คนตัวเล็กกำลังขะมักเขม้นกับเส้นผ้าเนื้อดีที่คล้องอยู่บนคอเสื้อเขา ตาคู่สวยไล่มองแค่เพียงช่วงอกไม่ยอมเงยขึ้นมองหน้า แต่แก้มเนียนใสกลับเรื่อสีแดงอย่างน่ารัก น่าเอ็นดูไปเสียทั้งตัวจนคริสเกือบจะทนยืนนิ่งๆ อยู่ต่อไปไม่ได้

     

    “เรียบร้อยแล้วครับ”

    มือ บางจัดแต่งปมไทและคอเสื้อคนรักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยิ้มน้อยๆ อวดรอยบุ๋มบนแก้มแดงๆ ภูมิใจในผลงานล่ะก็ใช่ ไม่เคยผูกเนคไทให้ใครมาก่อน พี่คริสเป็นคนแรก แต่แบบนี้มันเหมือน... คู่สามีภรรยากันเลยนะ

     

    “พี่ หล่อหรือยัง?” คริสแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าน้องกำลังเขิน คนตัวเล็กก็เอาแต่พยักหน้ารัวๆ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตา พอคนพี่โน้มใบหน้าเข้าหา น้องก็ยิ่งก้มหลบไปอีก “สงสัยจะไม่หล่อจริง ขนาดแฟนยังไม่อยากมองหน้า”

    “ฮื่อออ~” สุดท้ายกระต่ายน้อยก็แพ้ทางเพลย์บอยหนุ่ม พออี้ชิงยอมเงยหน้าเพราะคำตัดพ้อ คริสที่รอจังหวะอยู่แล้วก็รีบฉวยโอกาสกับกลีบปากนุ่ม

     

    Kiss~

     

    “อื้อ~ พี่คริส~!” คน ตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ติดแขนยาวที่คว้าเอวคอดเข้าประชิดตัวอย่างว่องไว คริสกดทั้งจมูกทั้งปากฟัดแก้มนุ่มเสียจนแทบช้ำ ให้สมกับที่ต้องทนหมั่นเขี้ยวอยู่ตั้งหลายนาที กำปั้นเล็กรัวทุบลงกับอกแต่คนตัวสูงยังลอยหน้าลอยตาหัวเราะ “อื้อออ~ เดี๋ยวเสื้อยับนะครับ”

    “อี้ ชิงก็อย่าดิ้นสิ พี่ไปงานแล้วไม่หล่อนี่โทษเราเลยนะ” ยังมีหน้ามาโบ้ยกัน พออี้ชิงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วก็ไม่เห็นพี่คริสจะเลิกฉวยโอกาสซักที

     

    “แน่ ใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน?” คริสถามทั้งที่ยังกอดเอวเล็กไว้ ความจริงเขาถามแบบนี้มาเป็นสิบรอบ ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของมารดา ว่าจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวธุรกิจใหม่ในเครือบริษัทของครอบครัว ความจริงคริสจะไม่ไปก็ได้ แต่เขาไม่อยากต้องถูกซักไซ้ไล่เลียงให้เรื่องยาว ก็เลยต้องยอมรับปากง่ายๆ แต่จะทิ้งให้น้องอยู่บ้านคนเดียวก็ยังนึกห่วงอยู่ดี  

     

    “พี่พาเราไปด้วยได้นะ เชื่อสิ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก”

    แต่คนตัวเล็กยังคงส่ายหน้า คริสก็จนใจจะตื๊อต่อ สุดท้ายก็เลยต้องยอมตามใจ

     

     

    ทั้ง ที่ไม่อยากให้ต้องอยู่ไกลหูไกลตา แต่สุดท้ายคริสก็ทำได้แค่ส่งน้องลงที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับ โรงแรมที่จัดงาน ใจนึงก็เพราะไม่อยากให้อี้ชิงต้องอยู่บ้านคนเดียว ให้ออกมาเดินเล่นแบบนี้จะได้ไม่เหงา แต่เหตุผลจริงๆ คือคริสอยากเจอน้องเร็วขึ้น พอออกจากงานปุ๊บก็แวะมารับได้เลย

    “อีกประมาณชั่วโมงนึงพี่มารับนะ”

    “ครับ”

    “อย่าเพิ่งทานอะไร รอทานพร้อมพี่”

    คน น้องพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มหวาน พอเอื้อมมือไปจะเปิดประตู คนพี่ก็เรียกไว้ เอียงแก้มให้แล้วแตะนิ้วชี้ลงเป็นสัญญาณให้อี้ชิงรู้ว่าควรต้องฝากอะไรไว้คน ที่กำลังจะไปงานเลี้ยงได้คิดถึงเสียหน่อย แต่ตรงนี้มันหน้าห้างฯ ผู้คนก็ออกจะเยอะแยะ อี้ชิงมองผ่านกระจกรถออกไปด้านนอกแล้วก็แสนจะลำบากใจ

     

    แต่ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นใบหน้าหล่ององ้ำ พี่คริสแสนงอนยิ่งกว่าใครทุกคนที่อี้ชิงเคยเจอมา และเพราะไม่อยากให้คนหล่อต้องหน้าบูดบึ้งไปออกงาน คนน้องก็เลยต้องฝืนความอาย ยืดตัวขึ้นแตะปลายจมูกบนผิวแก้มคนรักแล้วรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว พอคริสโน้มตัวเข้าหาหมายจะดึงคนตัวนิ่มเข้ามากอดแล้วหอมคืนหนักๆ ซักฟอด น้องก็เปิดประตูรถแล้วโดดแผล็วออกไปยืนโบกมืออยู่นอกรถแล้ว

     

    “ขับรถดีๆ นะครับ”

     

    คริสได้แต่ถอนใจ ชี้นิ้วคาดโทษให้คนน้องเตรียมตัวรับมือกับบทลงโทษเมื่อกลับถึงบ้านไว้ได้เลย

     

     

     

    รถ สปอร์ตเคลื่อนออกไปแล้ว อี้ชิงก็รีบก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ แล้วเดินจ้ำเข้าห้างฯ ซักพักก็ชะลอฝีเท้าลง มองไปรอบๆ ตัวแล้วก็ถอนหายใจออกมา ปกติแล้วชอบเดินเล่นก็จริง แต่ไม่ใช่ในห้างสรรพสินค้าแบบนี้ คนเยอะเกินไป เสียงดังเกินไป พี่คริสบอกให้เดินเล่นหรือเลือกซื้อของอะไรก็ได้ อุตส่าห์ยัดเยียดบัตรเครดิตมาให้ด้วยซ้ำ แต่เวลาจะซื้ออะไรอี้ชิงมักวางแผนไว้ก่อน ไม่ใช่มาเดินเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายแบบนี้

     

    ถอน หายใจอีกรอบแล้วอี้ชิงก็หันมองซ้ายขวาอย่างช้าๆ เจอร้านหนังสือที่อยู่แถวนั้นก็ค่อยยิ้มออก ไม่อยากเดินเล่น ไปหาหนังสือนั่งอ่านฆ่าเวลาดีกว่า

     

     

    ใคร บางคนเหลียวมองร่างโปร่งบางที่เพิ่งเดินสวนจนต้องหันหลัง ตาคู่คมหรี่ลงด้วยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ใครคนหนึ่งที่เคยรู้จักก็เป็นแบบนี้ ทั้งที่น่ารักมากๆ แต่ก็ชอบเดินก้มหน้า ถึงได้ไม่เคยรู้สึกตัวเมื่อถูกเดินตาม ...ตอนนี้ก็เหมือนกัน

     

    “เลย์?” เสียงนั้นไม่เชิงว่าคุ้นหู แต่อี้ชิงก็ยังหันไปมอง ร่างสูงโปร่งเจ้าของผิวสีคร้ามแดดอย่างนักกีฬายืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มในทันทีที่เห็นหน้ากันชัดๆ “นั่นเลย์ใช่มั้ย?”

    เช่นเดียวกับอี้ชิงที่ยิ้มกว้างเมื่อจำได้ว่าเจ้าของรอยยิ้มเปี่ยมสเน่ห์คนนั้นคือใคร

    “รุ่นพี่!

    “ใช่นายจริงๆ มองอยู่ตั้งนาน นึกว่าจำคนผิดซะแล้ว”

    อี้ ชิงวางหนังสือในมือลงแล้วเดินไปหาอีกฝ่ายซึ่งเดินเข้ามาหาเช่นกัน ยังไม่ทันได้ผงกศีรษะตามมารยาท มือใหญ่ก็วางลงบนผมแล้วยีเบาๆ แทนคำทักทาย

    “ไม่เจอกันตั้งนาน น่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะ”

    อี้ชิงย่นคอเล็กน้อยร่างสูงก็ยอมยกมือออก

    “รุ่นพี่สบายดีรึเปล่า?”

    “มากๆ เลยล่ะ บังเอิญจริงๆ แล้วนี่มาทำอะไร ซื้อของเหรอ?”

    “อ่า... ก็เดินดูไปเรื่อยๆ น่ะครับ”

    “แล้วมากับใคร?”

    “เอ่อ...” ท่าทางอึกอักผิดปกติของรุ่นน้องทำให้ร่างสูงหรี่ตา เด็กคนนี้ขี้อายก็จริง แต่ก็กล้าพูดกล้าแสดงออก จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้รุ่นน้องของเขาต้องเขินขนาดนี้ นอกเสียจาก...

    “มา กับแฟนล่ะสิ” อาการเม้มปากและนิ่งเงียบคือคำตอบ ยิ่งแก้มใสเรื่อสีแดงก็ยิ่งชัด “อยู่ไหนล่ะ ขอดูหน้าแฟนน้องเลย์เด็กเนิร์ดหน่อยเถอะ”

    “ไม่อยู่หรอกครับ ไปทำธุระ อีกประมาณชั่วโมงนึงถึงจะเจอกัน”

    หนุ่ม นักกีฬาครางเสียงอย่างเสียดาย อี้ชิงก็ยิ้มจนใจ แต่แอบพรูลมหายใจอย่างโล่งอกอยู่เงียบๆ ก่อนที่รุ่นพี่จนซักไซ้อะไรที่เขาตอบไม่ได้ อี้ชิงคิดว่า เขาควรเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก่อนดีกว่า

     

    “แล้วนี่... รุ่นพี่มาซื้อของเหรอครับ?”

    “ใช่แล้วล่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่หอแถวนี้ ก็เลยมาซื้อของใช้นิดหน่อย”

    “อยู่หอแถวนี้? ทำไมแถวนี้ล่ะครับ ก็มหาลัยรุ่นพี่อยู่ตั้งไกล”

    “ไม่ไกลแล้ว ฉันซิ่วมา”

    “อะไรนะครับ?”

    “เรื่องมันยาว ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ นายเองก็มีเวลา เราไปหาร้านนั่งคุยกันดีกว่า”

    “แต่เอ่อ...” อึกอักอีกแล้ว รุ่นพี่ร่างสูงเลยได้โอกาสจับผิดจนได้

    “นั่นแน่ะ มื้อเย็นไม่ได้สินะ งั้นชากาแฟอะไรก็ได้”

    อี้ชิงก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ชั่งใจ มีเพื่อนนั่งคุยยังไงก็ดีกว่าเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างแบบนี้แน่ๆ

     

    “ก็ได้ครับ รุ่นพี่มินโฮ

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คริ สอยู่ในงานเลี้ยงได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เดินออกมาสูดอากาศด้านนอก ใบหน้าที่ปรุงแต่งด้วยรอยยิ้มในฐานะทายาทฝ่ายเจ้าภาพยามที่ต้องพบปะทักทาย แขกเหรื่อมากมายที่ให้เกียรติมางานเลี้ยงเปลี่ยนไปพร้อมกับเสียงพรูลมหายใจ ยาวเหยียด ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่ความรู้สึกอึดอัดทำให้นึกอยากจะปลดเนคไทและแกะ กระดุมเสื้อออกซักสองเม็ด

     

    แต่ เมื่อมือใหญ่สัมผัสเนื้อผ้าราคาแพง ภาพเจ้าของมือเล็กที่บรรจงผูกปมไทด้วยความขวยเขินก็ผุดขึ้นมาให้คิดถึง ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอ่อนโยนขณะที่ลูบปลายนิ้วไปตามเส้นผ้า ก่อนที่มืออีกข้างจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความด้วยหัวใจที่เต้นระรัวเพียงแค่นึกถึงว่า อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เจอหน้าหวานๆ ของคนที่รักแล้ว

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “ไม่อยากเชื่อเลยว่ารุ่นพี่จะลงทุนขนาดนั้น”

    “นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนจริงจังแค่ไหน ถ้าลองตั้งใจอะไรแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ แน่”

    อี้ ชิงพยักหน้า มองหนุ่มนักกีฬาที่ยกแก้วกาแฟขึ้นดูดแบบรวดเดียวหมดแล้วก็ยิ้ม ก็รู้ว่าพี่มินโฮเป็นคนเก่งคนกล้า แต่ไม่คิดว่าจะยอมเสียเวลาที่เรียนมาตั้งสองปีมาสมัครเข้าเรียนที่มหาลัยใหม่

    “แบบนี้ก็เท่ากับว่า พี่มินโฮเป็นรุ่นน้องผม?”

    “ฝัน ไปเถอะเรา” นิ้วชี้จิ้มเข้าให้ที่หน้าผากเนียนเบาๆ พอให้รุ่นน้องหัวเราะคิกคัก “ฉันเทียบโอนหน่วยกิตที่ใช้ได้ ตอนนี้ก็อยู่ปีสองเหมือนนายนั่นแหละ จะไม่เรียกรุ่นพี่ก็ได้นะ แต่ต้องเรียกว่า พี่ ยังไงฉันก็อายุมากกว่า ห้ามเทียบรุ่นเด็ดขาด เข้าใจ๊?”

    “ผมรู้หรอกน่า”  

    คน ตัวเล็กหัวเราะเสียงใสทั้งที่โดนยีผมเสียจนยุ่ง แก้มขาวแต้มตำหนิรอยบุ๋ม ตาคู่สวยเป็นประกายสดใส เด็กอะไรน่ารักจนน่าชัง ชเวมินโฮถอนหายใจพลางส่ายหน้า สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนเกลี่ยปอยผมที่ระหน้าระตาให้อยู่ดี

    “...อยากเห็นหน้าแฟนนายจริงๆ”

    “รุ่นพี่ว่าอะไรนะครับ?”

     

    เสียงเรียกเข้ามือถือดังขัดขึ้นก่อนที่มินโฮจะทันได้พูดซ้ำ อี้ชิงมองชื่อบนหน้าจอแล้วก็รีบกดรับ

    “ครับพี่คริส      ...ถึงแล้วเหรอครับ? ไหนว่าจะโทรมาบอกก่อนไง ผมจะได้ลงไปรอที่หน้าห้างฯ รอเดี๋ยวนะครับ ผมกำลังไป...”

    “เฮ้ยเดี๋ยวเลย์! นายลืมกระเป๋านะ”

     

    .

    .

    .

     

    นั่นเสียงใคร?

     

    คริ สดับเครื่องรถแล้วตั้งใจฟังให้ถนัด อาจจะเป็นใครซักคนที่บังเอิญเดินผ่าน แต่ทำไมอี้ชิงถึงหยุดคุยกับเขาแล้วหันไปพูดอะไรซักอย่างที่เขาได้ยินไม่ถนัด ก่อนจะหัวเราะเสียงใส

    “อยู่กับใครน่ะ? อยู่ที่ไหน?”

    [ครับ? อ๋อ ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นสองน่ะครับ พี่คริสอยู่ลานจอดรถใช่มั้ย ผมกำลังจะลงไปนะ]

    “ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปหาเราเอง”

     

    .

    .

    .

     

    อี้ ชิงแปลกใจที่พี่คริสตัดสายปุบปับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่ว่าจะลงไปหาที่ลานจอดรถ ติดก็แค่ต้นแขนข้างหนึ่งยังถูกคนตัวสูงอีกคนดึงไว้

    “รอจ่ายตังค์ให้เสร็จก่อนไม่ได้รึไง จะรีบอะไรขนาดนั้น เมื่อกี้ก็ลืมกระเป๋า”

    “ก็รุ่นพี่บอกว่าจะเลี้ยง”

    “ก็ใช่ ฉันเลี้ยง แต่รอกันบ้างสิ นี่อะไร จะหนีไปก่อน”

    “ขอโทษที แต่ผมต้องรีบไปนี่นา”

    “กลัว แฟนรอนานว่างั้น?” อี้ชิงทำแก้มป่องใส่มินโฮก็เลยยกสองมือขึ้นยอมแพ้ แต่ก็ต้องรีบกลับมาคว้าต้นแขนเล็กไว้เมื่อรุ่นน้องทำท่าจะเดินหนี “แป๊บเดียวน่า เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง อยากเห็นหน้าแฟนนายอยู่พอดี”

    “อะ.. อะไรนะครับ?”

    หนุ่มหล่อหันไปรับเงินทอนและใบเสร็จจากพนักงานร้านแล้วหันกลับมายักคิ้วให้รุ่นน้องตัวขาว

    “อยากเห็นหน้าแฟนน้องเลย์ ยิ่งนายรีบขนาดนี้ฉันยิ่งอยากรู้ว่าหมอนั่นมีดียังไง  ป่ะ ทีนี้ก็ไปกันได้แล้ว”

     

     

    อี้ ชิงขืนตัวน้อยๆ ไปตลอดทางที่ถูกรุ่นพี่ตัวสูงดึงแขนให้เดินตาม ท่าทางกระตือรือร้นที่มากจนชัดเจนทำเอาอี้ชิงนึกระแวงขึ้นมา รุ่นพี่มินโฮขึ้นชื่อเรื่องจัดเต็มมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เชิงว่าไฮเปอร์หรือฮาร์ดคอร์ แต่เพราะชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยอยู่เฉยไม่ค่อยเป็น ชอบทำแต่เรื่องสนุกๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนเก่ง เก่งไปเสียทุกเรื่องทุกทางอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตที่เคยเงียบสงบของอี้ชิงยุ่งเหยิงไปหมดก็เพราะมีรุ่นพี่ขี้เล่นคนนี้ เข้ามาป่วน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้ช่วงเวลาในวัยมัธยมมีสีสันและน่าจดจำขึ้นมาก

     

    ตอน ลงบันไดเลื่อน อี้ชิงก็ดึงแขนกลับมาเป็นของตัวเองได้ แต่จะให้หาทางบ่ายเบี่ยงตอนนี้คงไม่ทัน ไม่ใช่ว่าเขาอยากปิดบังเรื่องที่มีพี่คริส แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเปิดตัว เขาแค่จะออกมาเดินเล่น ไม่ได้คิดเผื่อว่าจะต้องมาแนะนำแฟนตัวเองให้รุ่นพี่สมัยมัธยมได้รู้จักเสีย หน่อย

     

    “รุ่นพี่ครับ คือว่า...”

    “เดี๋ยว แป๊บนึงนะ” มินโฮยกมือขึ้นห้ามในขณะที่มืออีกข้างก็ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋า กางเกงขึ้นมากดรับ อี้ชิงได้ยินเสียงทุ้มตอบรับอย่างร่าเริงแค่สองสามคำก่อนจะกดตัดสาย ตอนนั้นทั้งคู่ก็ลงมาถึงชั้นหนึ่งของห้างแล้ว

     

    “ถือว่าแฟนนายโชคดี” รุ่นพี่หันมาบอกขณะที่เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า “ฉันต้องรีบไป คงไปส่งนายไม่ได้”

    อี้ชิงแอบพรูลมหายใจพี่มินโฮก็ยังอุตส่าห์เห็น วางมือบนหัวเขาแล้วจับให้เงยหน้า ก่อนจะจิ้มนิ้วลงบนปลายจมูกเล็ก จ้องตาแล้วขู่

    “เอาไว้คราวหน้าฉันไม่พลาดแน่ จะซักฟอกแฟนนายให้ตัวซีดเลยคอยดู”

    พี่ มินโฮไม่เคยเจอพี่คริส อย่างพี่คริสไม่มีทางจนมุมให้ใครง่ายๆ แน่ อี้ชิงปัดนิ้วที่ปลายจมูกออกแล้วแลบลิ้นใส่รุ่นพี่ตัวสูง ก่อนจะถูกยีผมเสียจนยุ่ง

     

     

     

    อี้ชิงน่ารักแล้วยังน่าเอ็นดู คริสถึงได้ชอบแกล้งให้คนตัวเล็กเขินอาย แต่คริสไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่ชอบทำแบบนั้นเหมือนกัน

     

    ภาพ ที่คนรักหยอกล้ออยู่กลับร่างสูงแปลกหน้าหยุดฝีก้าวยาวๆ ด้วยความร้อนใจของคริสไว้ ร่างสูงยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับเวลาได้ผ่านไปหลายนาทีทั้งที่จริงแล้วเพียง ชั่วครู่ ก้อนเนื้อในอกมันเต้นแปลกๆ

     

    หมอนั่นเป็นใคร? ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก!

     

     

    แกล้ง รุ่นน้องจนพอใจแล้วมินโฮถึงได้แยกตัวไปอีกทาง อี้ชิงยืนยิ้มส่งอยู่เพียงครู่เดียวก็หันกลับไปทางเดิม ก้าวเท้าไปได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องชะงัก ร่างสูงของคนที่เพิ่งโทรมาเมื่อซักห้านาทีก่อนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เท่านั้น

     

    “พี่คริส”

    คนตัวเล็กฉีกยิ้มจนกว้างแล้วรัวฝีก้าวเร็วๆ เข้ามาหา แทนที่จะดีใจที่ได้เจอหน้า แต่คริสกลับยิ้มไม่ออก

    “นั่น ใคร?” เขาถามเสียงเข้มจนแม้แต่ตัวเองก็นึกไม่ออกว่ามันเปลี่ยนบรรยากาศไปแค่ไหน แต่อี้ชิงยังยืนอยู่ข้างๆ มองหน้าเขาทั้งที่เขาเอาแต่มองแผ่นหลังกว้างที่เพิ่งถูกกลืนหายไปในกลุ่มคน

    “ครับ? อ๋อ พี่มินโฮ รุ่นพี่สมัยมัธยม”

    “แล้วทำไมมาเจอกันได้”

    “บังเอิญ น่ะครับ พี่เค้ามาซื้อของแถวนี้” คริสมองใบหน้าหวานที่ยังยิ้มน้อยๆ เขาอยากจะยิ้มตอบแต่มันทำไม่ได้ มุมปากมันคอยแต่จะตกลงในขณะที่เรียวคิ้วไม่ยอมคลายขมวด

     

    “กลับกันเถอะ”

     

    ร่างสูงหันหลังแล้วเดินกลับไปตามทางที่มา ลืมไปด้วยซ้ำว่าต้องคอยแอบเกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ ตอนที่เดินไปด้วยกันเหมือนทุกครั้ง

     

     

     

     

    คริ สไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน บรรยากาศในรถเกือบจะเงียบเกินไปเมื่ออี้ชิงเองก็ไม่กล้าชวนคุย ยังดีว่ามีเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ช่วยกลบเสียงลมหายใจของทั้งคู่ไว้ได้

     

    พอกลับ มาถึงคอนโด ร่างสูงก็เดินเข้าห้องนั่งเล่นไปเงียบๆ อี้ชิงเดินตามไปเกาะขอบประตูดูก็เห็นพี่คริสเหวี่ยงเสื้อสูทพาดไว้กับพนัก โซฟาตัวเล็ก แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว เอนร่างลงพิงเบาะอย่างสบายๆ ขัดกับสีหน้าที่ดูยังเคร่งเครียดผิดปกติ

     

    หรือ ว่าจะหิวข้าว? ก็พี่คริสบอกให้อี้ชิงรอ จะได้ไปทานข้าวด้วยกัน แสดงว่าพี่คริสเองก็ยังไม่ได้ทานอะไร เมื่อครู่อาจจะเหนื่อยและอยากกลับมาพักที่บ้าน ก็เลยลืมเรื่องนี้ไป

     

    “พี่ คริสหิวมั้ยครับ ผมทำอะไรให้ทาน” อี้ชิงยังเกาะขอบประตูแต่ชะโงกหน้าเข้ามาถาม ถ้าพี่คริสพยักหน้าเขาก็จะเดินเลยไปห้องครัวทันที แต่คำตอบกลับตามมาหลังเสียงถอนหายใจ

    “ไม่ล่ะ”

     

    คน ตัวเล็กก้าวออกมาจากหลังกรอบประตูอย่างช้าๆ พี่คริสไม่มองหน้าเขา เอาแต่มองหน้าจอโทรทัศน์ที่เพิ่งเปิดขึ้นเมื่อครู่ อาการแบบนี้อี้ชิงน่าจะคุ้นเคยดี ถ้าเป็นเพราะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้า เขาคงเดาได้ทันทีโดยไม่ต้องสงสัยว่าพี่คริสกำลังงอน แต่พอมานึกทบทวนดูให้ดีแล้ว ตั้งแต่พี่คริสไปงานเลี้ยง เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่ขัดใจร่างสูงเลยซักอย่าง

     

    ถ้า อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องอื่น พี่คริสอาจจะรู้สึกเครียดๆ บางด้านมุมของชีวิตส่วนตัว แม้จะในฐานะคนรัก อี้ชิงก็ไม่เคยก้าวก่าย พี่คริสไม่เคยเล่าเรื่องทางบ้านให้ฟัง เขาก็ไม่เคยถาม แต่วันนี้พี่คริสไปงานเลี้ยงทางธุรกิจซึ่งครอบครัวเป็นเจ้าภาพ อาจจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ร่างสูงต้องครุ่นคิด

     

    คน ตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ ก่อนจะเบียดร่างนุ่มๆ ลงนั่งข้าง อี้ชิงไม่ได้อยากเซ้าซี้ เขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆ เผื่อว่าพี่คริสอยากเล่าอะไรให้ฟัง ...ก็แค่นั้น

     

    “งานเลี้ยงเป็นยังไงบ้างครับ สนุกรึเปล่า”

    คริสถอนหายใจอีกครั้งก่อนตอบ

    “ก็ งั้นๆ คนเยอะ ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ” เห็นท่าจะเป็นอย่างนั้นจริง สีหน้าพี่คริสก็บอกว่าไม่มีเรื่องอะไรน่าสนุก อี้ชิงรออยู่ซักพัก คนรักของเขาก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก บางที... พี่คริสอาจจะอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ก็ได้

    “...พี่คริสกลับมาเหนื่อยๆ คงอยากพักผ่อน ผมไม่รบกวนแล้ว ขอตัว... อ๊ะ!

    แต่พอจะลุกขึ้น ทั้งร่างก็เซถลาเพราะแรงดึงที่ข้อมือ ก่อนจะหล่นปุ้บลงบนตักกว้าง แล้วเอวเล็กก็ถูกกอดไว้ในทันที

     

    พออี้ชิงมองหน้าร่างสูงเจ้าของตักด้วยความแปลกใจ คนที่ยังตีหน้าเครียดอยู่เมื่อครู่ก็วางคางลงบนไหล่เขา

    “ถอดเนคไทให้พี่หน่อยสิ”

    “ค.. ครับ?”

    “พี่ร้อน... ถอดไทแล้วปลดกระดุมเสื้อให้พี่ซักสองเม็ดนะ”

    แก้ม ขาวร้อนผ่าวเมื่อเสียงกระซิบแผ่วเบาอยู่ชิดริมใบหู น้ำเสียงทุ้มที่ยังฟังเหนื่อยหน่ายอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลับออดอ้อนเสียจนอี้ชิงทำตัวไม่ถูก ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดผิวแก้มทำให้คนตัวเล็กไม่กล้าสบตา ได้แต่ก้มหน้าตอบแบบไม่เต็มเสียง

    “พี่คริสก็... ถอดเองสิครับ”

    “ก็ เมื่อเช้าเราแต่งตัวให้พี่ ผูกให้ก็ต้องถอดให้ด้วยสิ” คนตัวโตยิ่งอ้อนจะเอาแต่ใจ คนน้องก็ยิ่งก้มหน้า แก้มขาวใสแดงเรื่อจนถึงใบหู มือเล็กทั้งสองบีบท่อนแขนใหญ่ที่โอบรอบเอวตัวเองไว้จนแน่น น่าเอ็นดูตรงที่เจ้าตัวคงไม่รู้ ทำแบบนี้พี่คริสคงไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แน่

     

     

    คริ สยอมรับว่าก่อนหน้านี้ในอกเขามันร้อนไปหมด ร้อนรุ่มเหมือนไฟรุมมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้างฯ ตอนที่มองเห็นไกลๆ หมอนั่น... รุ่นพี่ของอี้ชิง รูปร่างสูงใหญ่และดูดีมากๆ คริสไม่เคยเห็นเวลาอี้ชิงอยู่กับเพื่อน นอกจากยัยสองแสบนั่นแล้ว คริสก็ไม่เคยเห็นอี้ชิงสนิทสนมกับใคร (จริงๆ แล้วก็คงจะมี สองสาวเอบีเคยลิสต์รายชื่อเพื่อนสนิทมาให้อยู่) พอมาเห็นเวลาที่คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว แล้วยังหัวร่อต่อกระซิกกัน คริสก็แทบจะเข้าไปกระชากหมอนั่นให้ออกห่าง

     

    เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยเกิดความรู้สึกว่าต้องหวงใคร ก็เลยทำตัวไม่ถูก หัวเสีย หงุดหงิด ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของน้อง แต่มันก็อดเคืองไม่ได้ ยิ้มหวานทำไม น่ารักทำไม คริสโกรธเวลาที่คนอื่นได้เห็นความน่าเอ็นดูของน้อง มันเป็นความเอาแต่ใจ คริสยอมรับ แต่มันแก้ไม่ได้ ให้คริสเลิกหวงคนตัวเล็ก บอกให้อี้ชิงน่ารักน้อยลงยังง่ายกว่า 

     

     

    เห็นน้องยังก้มหน้าเงียบ คริสก็รัดวงแขนให้ยิ่งแน่นแล้วย้ำแรงกดปลายคางกับไหล่เล็ก ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่เพียงแก้มเนียนใส

    “เอาใจพี่หน่อยเถอะ เมื่อกี้พี่เกือบจะงอนเราอยู่แล้วนะรู้มั้ย”

    “งอนผม? งอนเรื่องอะไรครับ?”

    “ก็ผู้ชายตัวสูงที่อยู่ในห้างฯ เล่นหัวกัน หัวเราะกันสนุกสนาน”

    “ผมบอกแล้วไง พี่มินโฮเป็นแค่รุ่นพี่”

    “แต่พี่หงุดหงิด พี่ไม่ชอบ”

    อี้ชิงขยับตัว หันมาจ้องหน้าเขาตรงๆ ริมฝีปากอิ่มยื่นออกเล็กน้อย

    “พี่คริสไม่ไว้ใจผม?”

    “ไม่ ใช่ไม่ไว้ใจ แต่อี้ชิงน่ะไม่เคยรู้ตัวหรอก เวลายิ้มเวลาหัวเราะแล้วน่ารักแค่ไหน ใครเห็นก็ตกหลุมรักเอาได้ง่ายๆ แล้วหมอนั่นก็... หน้าตาพอใช้”

    “พอใช้อะไรกันครับ พี่มินโฮป๊อปที่สุดในโรงเรียนมาตั้งแต่มอต้น เรียนก็เก่ง กีฬาก็เลิศ แล้วยัง... ฮื่อออ~ พี่คริสอ่า...~” เจ้าของตักทำท่ากระสับกระส่าย คริสกระแทกลมหายใจหนักๆ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง มือเล็กก็ทาบลงที่สองข้างแก้มแล้วจับให้เขาหันกลับมามองหน้ากันตรงๆ “อย่าเพิ่งงอนสิครับ”

    คริสจ้องสายตางอนๆ ใส่คนรัก

    “ทำไงได้ล่ะ ก็พี่ขี้งอน นอกจากหน้าตาดีแล้วก็ไม่เก่งอะไรซักอย่าง ไหนเลยจะสู้รุ่นพี่นักกีฬาสุดป๊อบ มีแฟนคลับเป็นร้อยๆ”

    “ฮื่อออ~ แต่ผมเป็นแฟนพี่คริสเแค่คนเดียวไง ไม่ได้เป็นแฟนคลับใครซักหน่อย”

     

    ตา คู่คมมองจ้องเจ้าของมือนิ่มที่ประกบบนสองข้างแก้มเขา น้องมองตอบ ปากอิ่มบู้เข้าหากันเล็กน้อย ทั้งสีหน้าและประกายตาเว้าวอนอยากให้รู้ว่าคำอ้อนนั้นจริงจัง แค่แก้มใสๆ ที่เรื่อสีแดงก็ทำให้คริสใจอ่อนไปถึงไหน คนตัวเล็กง้องอนเขาทั้งที่อายแสนอาย คริสล่ะอยากจะฝังจมูกให้จมไปกับลักยิ้มบุ๋มแต่ก็ต้องอดใจ ร่างสูงหรี่ตาแสร้งว่ายังไม่หายงอน

     

    “แล้ว แฟนกับแฟนคลับต่างยังไง” แก้มแดงๆ ยิ่งแดงหนัก จางอี้ชิงก้มหน้าแล้วเม้มปากจนแก้มบุ๋ม คริสแกล้งน้องแต่ตัวเองก็ใจจะขาด แกล้งแบบนี้เพราะจงใจหวังผล พอคนตัวเล็กชำเลืองตาขึ้นมองเขาก็หลับตาแล้วยื่นหน้าหล่อๆ เข้าหา

     

    Chu~♡

     

    แต่ริมฝีปากนุ่มแตะลงที่ข้างแก้มเพียงเบาๆ แล้วก็รีบถอยออก คริสยังไม่ทันได้ชื่นใจเลยด้วยซ้ำ

    “แค่นี้เอง?”

    “งื้อออ~” ครางเสียงอ่อนแล้วคนตัวเล็กก็โผเข้าหา วาดแขนขึ้นโอบรอบคอ ซุกดวงหน้าร้อนผ่าวลงกับซอกคอเขา คริสหัวเราะเบาๆ แล้วก็เลื่อนมือขึ้นโอบหลังน้องตอบ

     

    คริ สไม่ใช่คนโลภ ถ้าให้น้องเริ่มก่อน แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว ร่างสูงรู้ว่าไม่ควรเรียกร้องหรือกดดันอี้ชิงให้มากนัก แค่น้องไม่ปฏิเสธเวลาที่เขาฉวยโอกาส ...เหมือนอย่างตอนนี้ที่คริสซุกปลายจมูกลงคลอเคลียกับกลุ่มผมนุ่ม เลยเถิดไปถึงฝากรอยจุมพิตไว้บนต้นคอขาว คนตัวขาวที่อยู่บนตักยังไม่คิดจะถอยหนี

     

    ความ ไร้เดียงสาที่สัมผัสได้ไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง คริสนิ่งนอนใจมาเสมอว่าอี้ชิงไม่เคยมีใคร เขาไม่เคยระแวง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้เห็นภาพบาดตา คริสถึงรู้ว่าควรต้องคิดใหม่ อี้ชิงอาจไม่เคยมองใคร แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนน่ารักขนาดนี้จะไม่มีใครมอง ที่สำคัญคือทั้งที่แสนอายขนาดนี้ กับเขานี่ยังแทบจะฝังตัวลงกับอกถ้าเป็นไปได้ แต่กับรุ่นพี่คนนั้นกลับเล่นหัวกันอย่างสนิทสนม คริสไม่เชื่อหรอกว่านอกจากเขาแล้วจะไม่มีคนอื่นที่คอยคิดจะฉวยโอกาส

     

    “อย่าทำแบบนี้อีกได้มั้ย...”

    “...ครับ?”

    “อย่าอยู่กับคนอื่นสองต่อสอง อย่าสนิทกับใครให้มาก อย่าให้ใครถูกเนื้อตัวเรา พี่โกรธ พี่โมโห อกมันจะระเบิดให้ได้”

    “แต่พี่มินโฮเค้า...”

    “พี่ หมายถึงทุกคน” คริสค่อยดันร่างบางออกจากอก ดวงตาคมจ้องมองอย่างคาดคั้นแต่ตาคู่สวยก็คอยแต่จะก้มหลบ คริสต้องเชยปลายคางเล็กขึ้นให้น้องมองหน้าเขาตรงๆ “อี้ชิงเป็นแฟนพี่ พี่หวงได้ใช่มั้ย?”

     

    หลุบตาแล้วเม้มปากอย่างใช้ความคิดอยู่เพียงครู่ คนตัวเล็กก็พยักหน้าช้าๆ

    “...แต่ผมไม่เคยมองใครสำคัญเท่าพี่คริส”

    “พี่ รู้...” คริสดึงร่างเล็กให้เอนซบลงอีกครั้ง ลูบปลอบไหมนุ่มลื่นมือเล่นก่อนจะแนบจูบลงบนเนินหน้าผาก “...แต่เพราะพี่รัก รักมากก็หวงมาก”

     

    อี้ ชิงเบียดกายนุ่มให้ยิ่งแนบชิด แนบใบหน้ากับอกหนาฟังเสียงกลองทุ้มระรัวที่คล้ายกันกับของตัวเอง คำบอกรักที่ฟังกี่ครั้งก็ทำให้เนื้อตัวร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้ได้ทุกที

     

    “พี่ ขี้งอนแล้วยังเอาแต่ใจอีก อี้ชิงเบื่อหรือเปล่า?” หัวกลมๆ ส่ายไปมาอยู่กับอก พออี้ชิงชำเลืองตาขึ้นมอง คริสก็กดจูบตรงหว่างคิ้วให้หนักๆ

    “มีใครรู้มั้ยครับว่าพี่คริสขี้งอน”

    “อืม... คิดว่าไม่นะ” ขนาดตัวเองก็ยังเพิ่งรู้ว่านิสัยเสียได้ขนาดนี้เลย

    “ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” คนน้องยิ้มแล้วก็ซุกดวงหน้าลง “ผมจะได้แน่ใจว่ามีแค่ผมที่ง้อพี่คริสแบบถึงตัวอย่างนี้ได้คนเดียว”

     

    คริสหรี่ตามองคนตัวเล็กที่หัวเราะคิกคัก เด็กอะไรชอบแกล้งให้หัวใจเขาทำงานหนักอยู่เรื่อย

     

    ...หวานใจของเขานี่ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันแล้วนะ >///<

       

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

    จบตอน ^^

     

     

     

     

     คนรอง: ชเวมินโฮทั้งที ก็เลยต้องหาบทให้เล่นเยอะหน่อย ตอนเดียวไม่พอ ขอยกยอดไปตอนหน้าด้วย ^^

    ตอนนี้มาสั้นๆ นะคะ ว่าจะจัดให้พี่คริสหึงหนักๆ แต่สุดท้ายก็เป็นห่วงคนคอยง้อ ก็เลยจัดมาให้แค่นี้ก่อน ตอนหน้าค่อยว่ากันใหม่เนอะ ^^

       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×