ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #8 : หวานใจ ตอน 08 ::: น้องรหัส (1/3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      6
      28 ก.ค. 56

    [Fic] หวานใจ >///<

    ตอน 08: น้องรหัส (1)

    Fiction by 2nd Admin

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้แข่งแพ้นะ เสมอกันแบบนี้ แบ่งรางวัลคนละครึ่งมั้ย?”

     

    คริสสูดหายใจเข้าจนลึกแล้วปล่อยออกมาหนักๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาจากหน้าจอไอแพดขึ้นมองหน้าหนุ่มนักกีฬามาดกวนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ข้างๆ กันนั้นคือจางอี้ชิงแฟนของเขา ชเวมินโฮยักคิ้วให้เขาแล้วหันไปส่งยิ้มให้คนตัวขาวอย่างน่าหมั่นไส้

     

    ไม่รู้จะตามตอแยกันไปถึงไหน วันนี้คริสไม่มีเรียนคาบบ่าย อุตส่าห์มานั่งเฝ้าน้องทำรายงานที่ห้องสมุด กะว่าจะได้อยู่กันสองต่อสอง หมอนี่ก็ดันว่างตามมาด้วย แล้วยังตัดหน้าแย่งที่นั่งข้างคนตัวเล็กให้เขาต้องระเห็จมานั่งอีกฝั่ง นี่คริสหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดซีรี่ส์ดูไปคนเดียวเงียบๆ แล้วนะ หมอนี่ยังหาเรื่องมากวนอารมณ์จนได้

     

    “ลืมไปได้เลย รางวัลน่ะฉันเหมาหมดแล้ว”

    “เฮ้ย ได้ไงอ่ะ เสมอกันก็ต้องได้หอมคนละฟอดสิ ...โอ๊ย!” คริสหัวเราะหึเมื่อคู่อริถูกมือเล็กตีเพียะเข้าให้ที่ต้นแขน “เจ็บนะเลย์”

    “ถ้ารุ่นพี่ไม่มีอะไรทำ ผมว่าน่าจะไปเตะบอลกับพวกมินฮยอกนะครับ”

    “อยากอยู่กับแฟนสองต่อสองก็บอกมา ..เดี๋ยว! ตีอีกทีนะจะหอมจริงๆ ด้วย! ...โอ๊ย!” คราวนี้เป็นคริสเองที่จงใจเตะหน้าแข้งร่างสูงตรงข้าม มีอย่างที่ไหน คำก็หอมสองคำก็จะหอม นี่แฟนคนอื่นนะ และคนอื่นที่ว่าก็นั่งหัวโด่อยู่นี่!

    พอมินโฮโอดโอยเสียงดัง แล้วตั้งท่าจะโวยเขากลับ อี้ชิงก็รีบเอามือปิดปากรุ่นพี่ตัวเองไว้

    “นี่มันห้องสมุดนะครับ เบาๆ หน่อยสิ”

    มินโฮขมวดคิ้วฉับ ยังไม่ทันได้ตำหนิอะไรรุ่นน้องร่างสูงตรงข้ามก็ดึงมือเล็กออกแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือให้แฟนตัวเองใหญ่ ปากเขาน่ารังเกียจมากนักรึไงกัน!

     

    “เออๆๆ เดี๋ยวนี้เข้าข้างแฟนมารุมกันเลยใช่มั้ย”

    อี้ชิงสั่นหัวดิก แต่มินโฮยังทำหน้าบึ้งใส่ จิ้มนิ้วบนปลายจมูกรุ่นน้องไม่เบาจนใบหน้าหวานหงายไปด้านหลังเล็กน้อย คริสกำลังทำท่าว่าจะลุกเดินข้ามโต๊ะมาเคลียร์กับจอมหาเรื่องซะเอง เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงมันก็ดังขึ้นเบาๆ มินโฮหยิบขึ้นมามองหน้าจอดูชื่อคนโทรเข้า พอรู้ว่าเป็นใครก็รีบกดรับ

     

    “ครับๆ เดี๋ยวเหาะไปเลย อีกห้านาทีเจอกัน” ท่าทางรีบร้อนขึ้นมาทันที อี้ชิงมองรุ่นพี่ตัวเองคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายแล้วลุกพรวด จะไปอยู่แล้วยังหันมายีผมเขาเสียจนยุ่ง “ไปก่อนนะเด็กเนิร์ด”

     

    คริสพยักหน้าส่งๆ เมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลา พอมินโฮไปแล้วเขาถึงได้ย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ น้อง อี้ชิงกำลังเอามือสางผมตัวเองให้กลับมาเป็นทรง คริสก็ช่วยเกลี่ยปอยผมด้านหน้าให้

    “เมื่อไหร่จะถึงงานกีฬามหาลัยซักที หมอนั่นจะได้เอาเวลาไปซ้อมแทนที่จะมานั่งเฝ้าแฟนคนอื่นแบบนี้”

    อี้ชิงยิ้มหวานอวดรอยบุ๋มน่ารักที่ข้างแก้ม คริสที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ยังอดใจแทบไม่ไหว ที่บอกมินโฮว่าเหมาหมดแล้วน่ะ ยังไม่ได้ซักฟอดเลยด้วยซ้ำ นึกแล้วก็อยากจะทวงของรางวัลขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้เลยเชียว

    “คงได้แค่วันนี้แหละครับ พรุ่งนี้ก็ต้องไปเฝ้าแฟนตัวเองแล้ว”

    “แฟน? หมอนั่นมีแฟนด้วย?”

    “ครับ ชื่อแทมิน เป็นรุ่นน้องผมอีกที แทมินเพิ่งเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่นี่เทอมนี้เอง พี่มินโฮเค้าก็เลยย้ายมหาลัยตามน้องมา”

    “มิน่าล่ะ...” คริสพยักหน้าช้าๆ พอมานึกย้อนดูว่าทำไมชเวมินโฮถึงได้กลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ก็เพราะเข้าใจว่าหมอนั่นซิ่วจากที่เก่าเพื่อตามอี้ชิงมาเรียนที่นี่ คนที่ยอมลงทุนขนาดนี้แสดงว่าจริงจังมาก ถึงได้ไม่ถูกกันตั้งแต่เจอหน้า แต่นี่กลายเป็นว่ามีคนรักของตัวเองอยู่แล้ว แสดงว่าที่ผ่านมาก็แค่อยากจะกวนประสาทเขาเล่น ไม่ได้คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างจริงจัง คริสควรจะโล่งใจที่ตัดคู่แข่งออกไปได้ แต่เดี๋ยวก่อน...!

     

    ร่างสูงหันทั้งตัวมาหาคนตัวเล็กข้างๆ หรี่ตามองอย่างจับผิด

    “จางอี้ชิงครับ”

    “ครับ?” อี้ชิงเงยหน้าจากกองหนังสือขึ้นมามองแล้วกระพริบตาปริบ

    “ทำไมพี่จำไม่ได้ ว่าอี้ชิงเคยบอกเรื่องที่หมอนั่นมีแฟนแล้ว?”

    “ผม.. ยังไม่ได้บอกพี่คริสเหรอครับ” ตาใสๆ กลิ้งหลบเล็กน้อย ริมฝีปากล่างถูกกลืนหายแล้วคนตัวเล็กก็ทำหน้าเหมือนพยายามจะนึก สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มอ่อน “ก็.. สงสัยจะลืม”

     

     

    ฟอดดดดด!

     

     

    “ฮื่อออ~! พี่คริส”

    “ลงโทษเด็กเจ้าเล่ห์ ที่ไม่บอกนี่เพราะอยากแกล้งให้พี่หึงเราใช่มั้ย”

    “เปล่านะครับ ..ฮื่อออ~! พี่คริส นี่มันห้องสมุดนะ” น้องเอามือปิดแก้มไว้ข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ดันอกคนตัวสูงที่จู่โจมหมายจะขโมยหอมฟอดที่สอง แค่ฟอดเดียวก็เล่นเอาแก้มร้อนไปหมดแล้ว พี่คริสนี่ก็ช่างกะไร ถึงจะเป็นโต๊ะด้านในสุดของห้องสมุดก็เถอะ เกิดใครเดินมาเห็นเข้าจะว่ายังไง

    “อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคนก็หันมามองหรอก” กล้าพูด! ยังมีหน้าดึงมือบางทั้งสองข้างไปรวบไว้ แล้วมือปลาหมึกก็โอบไหล่เล็กรั้งร่างนุ่มให้เข้ามาใกล้จนหมดโอกาสขัดขืน

     

    อี้ชิงที่ถูกริบสองมือไว้หมดก็ได้แต่มองซ้ายทีขวาทีด้วยความระแวง หันกลับมามองหน้าแฟนแล้วก็ทำหน้ามุ่ยใส่ คิดว่าพี่คริสจะกลัวมั้ย? กลับยิ้มอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ด้วยซ้ำ

     

    “ไหนบอกซิ พี่กับหมอนั่น ใครหล่อกว่า?”

    “ก็... หล่อคนละแบบ ..พี่คริส!” โดนไปอีกหนึ่งฟอด อี้ชิงได้แต่ทำตาโตใส่เมื่อหนีไปไหนก็ไม่ได้

    “ตอบไม่ถูกใจต้องโดนลงโทษ ตอบใหม่ซิ ใครหล่อกว่า”

    ถามแบบนี้บังคับให้ตอบเอาใจชัดๆ คนเสียเปรียบจะทำอะไรได้ ได้แต่เอียงใบหน้าหนีตอนที่ตอบ

    “พี่มินโฮ... ฮื่อออ~! เดี๋ยวสิครับ ผมจะบอกว่าพี่มินโฮหล่อสู้พี่คริสไม่ได้ต่างหาก” ระล่ำระลักแก้ตัวเพราะกลัวว่าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาเปรียบจะไม่ทนรอฟังให้จบ พอคริสยิ้มแล้วถอยออกห่างอี้ชิงก็โล่งใจนึกว่าจะรอดแล้ว ...แต่ที่ไหนได้

     

    ฟอดดดดด!

     

    “พี่คริส!

    “ตอบถูกใจต้องได้รางวัล”

     

    นี่มันรางวัลคนตอบหรือคนถามกันแน่นะ!

     

     

    คริสยังเนียนนัวเนียน้องต่ออีกพักใหญ่ๆ กว่าจะยอมปล่อยให้อี้ชิงได้ทำรายงานต่อโดยไม่กวน เปิดซีรี่ส์บนไอแพดไว้ก็จริง แต่สายตาคอยแต่จะเลื่อนมามองคนตัวขาวที่ตั้งอกตั้งใจกับหนังสือกองโตตรงหน้ามากกว่า อี้ชิงเวลาตั้งใจทำอะไรจะน่ารักมากๆ ดวงตาคู่สวยเป็นประกายใคร่รู้ พอนึกสงสัยหรือไม่เข้าใจก็จะกระพริบปริบ เวลาครุ่นคิดก็จะเม้มปากตัวเองจนกลีบปากอิ่มแวววาว บางทีก็พึมพำกับตัวเองคนเดียว นิ้วเรียวสวยที่จับปากกาเขียนบ้างเคาะกับหน้าหนังสือบ้างก็น่าเอ็นดูนัก คริสนั่งมองคนตัวเล็กอยู่เงียบๆ ได้เป็นชั่วโมงโดยไม่บ่นซักคำ ซ้ำยังยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนเพ้อ ต้องยอมรับว่าเขาหลงน้องเอามากๆ ความใสซื่อของอี้ชิงทำให้น้องไม่ทันสังเกตุด้วยซ้ำว่าถูกสายตาเจ้าชู้จับจ้องอยู่นานแค่ไหน

     

    จนตกเย็นแล้ว เด็กเรียนถึงได้ปิดหน้าหนังสือทุกเล่มลง พอเงยหน้าขึ้น คนหล่อก็ยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว

    “เสร็จแล้วหรือ?”

    “ครับ ที่เหลือก็แค่พิมพ์ลงคอมพ์แล้วก็ส่งเมลล์ให้อาจารย์”

    “งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่ช่วย แต่เย็นนี้ไปเดินห้างฯกับพี่หน่อยนะ พี่มีของที่ต้องซื้อ”

    อี้ชิงพยักหน้าโดยไม่อิดออด อันที่จริงพี่คริสคงตั้งใจจะออกไปซื้อตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ แต่ก็ถูกรุ่นพี่มินโฮกวนใจเข้าเสียก่อน นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ...ประโยคที่พี่คริสบอกทำให้เขาได้แต่ร้องไห้หนัก สะอึกสะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก

     

    “...อย่าเลิกกันนะ ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ...อย่าเหนื่อยที่จะรัก ..อย่าเบื่อพี่ อย่าเลิกรักพี่เลยนะ อี้ชิง...”

     

    อี้ชิงกอดพี่คริสไว้แน่นขนาดนั้นแล้วพี่คริสจะเข้าใจหรือเปล่านะ เพราะสุดท้ายแล้วก็ได้แต่ร้องไห้จนเพลีย แล้วก็เผลอหลับทั้งที่ยังซบอยู่บนอกอุ่นๆ คิดถึงตรงนี้ดวงหน้าหวานก็แดงเรื่อโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

     

    “อมยิ้มอะไรอยู่คนเดียว เล่าให้พี่ฟังบ้างสิ”

    พออี้ชิงรู้สตัวก็รีบส่ายหน้า

    “ไม่มีอะไรครับ เรา.. ไปกันเถอะ ผมจะได้ซื้อของเข้าบ้านด้วย”

    คริสไม่ตอแยทั้งที่รู้ว่าเรื่องที่น้องคิดต้องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ เวลาอี้ชิงเขินอยู่คนเดียวน่ะน่ารักมากๆ คริสแค่มองก็ยิ้มตามได้แล้ว ถ้าจะให้คาดคั้นก็คงได้ แต่ก็คงได้นัวเนียกันอีกหลายรอบกว่าจะได้ออกจากห้องสมุด คริสเก็บความหมั่นเขี้ยวไว้หาโอกาสกับน้องตอนที่กลับบ้านแล้วดีกว่า

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คริสเป็นคนที่ใช้เวลาในการเลือกซื้อของได้นานมากๆ จนน่าแปลกใจ แค่เสื้อเชิ๊ตซักตัวเขายังใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการตัดสินใจเลือกระหว่างสีฟ้าอ่อนกับสีฟ้าอ่อนกว่า สองชั่วโมงที่อยู่ในห้างฯ ในมือคริสก็เลยมีแค่ถุงเสื้อและเนคไทจากร้านดัง กับรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ของน้อง และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในร้านสมาร์ทโฟนเพื่อเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมอีกสองสามอย่าง

     

    คริสมัวเพลินกับความฉลาดของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่พนักงานขายกำลังแสดงให้ดู หันกลับมาอีกทีก็เห็นคนตัวเล็กกำลังเอากำปั้นน้อยๆ ทุบหน้าขาตัวเอง

    “เมื่อยแล้วหรือ?”

    อี้ชิงได้แต่ยิ้มอ่อน คริสก็เลยแตะแขนพาน้องไปนั่งพักบนหน้านั่งยาวริมทางเดินที่อยู่หน้าร้าน

     

    คริสไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยกับการที่ต้องยืนหรือเดินนานๆ โดยไม่พัก แต่เขาลืมไปว่ากับอี้ชิงคงไม่ใช่ เห็นชอบทำงานบ้านหรือเข้าครัวบ่อยๆ แต่อี้ชิงไม่ใช่คนโลดโผน คริสเคยชวนออกไปวิ่งจ้อกกิ้งบ้างแต่ไม่เคยได้ออกกำลังกายหนักๆ น้องตัวเล็กๆ บอบบาง แล้วก็ดูเหนื่อยง่าย เดินเป็นเพื่อนเขาได้เป็นชั่วโมงแบบนี้ก็เก่งเท่าไหร่แล้ว

     

    คริสลูบผมน้องเบาๆ ระหว่างที่อี้ชิงใช้มือเล็กๆ บีบนวดต้นขาตัวเอง

    “รออยู่นี่นะ พี่ไปซื้อน้ำให้”

     

    น้องไม่ห้ามหรือขอตามมาด้วยคงเพราะหมดแรงแล้วจริงๆ คริสต้องลงบันไดเลื่อนมาเพราะร้านกาแฟอยู่ชั้นสอง เขาสั่งมอคค่าเย็นให้ตัวเองและชานมให้น้อง ระหว่างที่ยืนรอของที่สั่งก็มองดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งมีเสียงเรียกจากด้านหลัง

     

    “รุ่นพี่!

    ตอนแรกคริสไม่นึกว่าจะเป็นตัวเอง แต่ก็หันไปมองด้วยความเคยชิน

     

    เจ้าของร่างเล็กที่ยืนห่างออกไปส่งยิ้มกว้างมาให้เมื่อคริสหันไปมอง ก่อนจะวิ่งเข้ามาหา

    “หวัดดีฮะ บังเอิญจัง ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นพี่แถวนี้”

    “มาซื้อของน่ะ แล้วนายล่ะ?”

    “จะเรียกว่าเดินเล่นก็ได้มั้งฮะ คุณอาผมเป็นเจ้าของห้างฯนี้ คุณพ่อกับคุณแม่มาคุยธุระกับคุณอาแล้วก็ลากผมมาด้วย เลยติดแหงกอยู่ที่นี่”

    คริสพยักหน้ายิ้มๆ กับสีหน้าปลงๆ ของรุ่นน้อง พยอนแบคฮยอนเป็นเด็กผิวขาวตัวเล็กๆ ท่าทางคุณหนู ฟังจากที่เล่าแล้วฐานะทางบ้านก็คงไม่เบาเหมือนกัน แต่เท่าที่คริสรู้จัก รุ่นน้องคนนี้ไม่เคยพูดจาอวดร่ำอวดรวยกับใคร ถึงจะเป็นเด็กที่ดูจัดจ้านไปซักหน่อย คงเพราะนิสัยมั่นใจในตัวเอง กล้าพูดกล้าทำ แต่ก็ไม่ใช่ประเภทเอาแต่ใจเหมือนลูกคนรวยทั่วไป ออกจะเป็นเด็กอารมณ์ดีและไม่คิดมากกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยซ้ำ

     

    เมื่อพนักงานสาวส่งเครื่องดื่มที่สั่งให้ คริสก็หันไปชำระเงิน แบคฮยอนมองแก้วเครื่องดื่มสองแก้วในมือเขาแล้วก็ถาม

    “พี่คริสมากับเพื่อนเหรอฮะ?”

    “ฉันมากับแฟน”

    รุ่นน้องพยักหน้า ก่อนจะทำตาลุกวาว

    “เจ๋งเลย! ผมจำได้ รุ่นพี่เคยบอกว่าจะแนะนำแฟนให้รู้จัก เค้าอยู่ไหนล่ะฮะ?”

    “รออยู่ข้างบนน่ะ”

    “ผมไปด้วยนะ อยากเห็นหน้าแฟนพี่จะแย่ พวกพี่จงฮยอนก็บอกว่าแฟนพี่คริสน่ารักมากๆ”

    คริสยิ้มเพลียเมื่อนึกถึงแก๊งค์เพื่อนตัวแสบ นี่ไปเล่าอะไรให้น้องรหัสเขาฟังบ้างก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ ถึงยังไงคริสก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องที่มีอี้ชิงอยู่แล้ว

     

    และที่บอกว่าแฟนเขาน่ารักมากๆ น่ะ มันก็จริงซะด้วย

     

    “แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะ?”

    รุ่นน้องยักไหล่ ท่าทางไม่ยี่หระ

    “ไม่เป็นไรหรอกฮะ ปกติมาหาคุณอาก็จะคุยกันนาน ผมมีเวลาเดินเล่นรอบห้างฯได้สองรอบเลย”

     

     

     

    แต่ตอนที่คริสกลับมาที่เดิม อี้ชิงก็ไม่ได้อยู่บนม้านั่งยาวแล้ว พอมองหาก็เจอร่างโปร่งบางยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ถัดไป กำลังสนอกสนใจวิดีโอตัวอย่างที่ฉายบนจอแอลซีดีบนกระจกหน้าร้าน

    “อี้ชิง” คริสเรียก และน้องก็หันมายิ้มให้ เขาส่งแก้วชานมให้น้องก่อนจะบอก “มีคนอยากเจอแน่ะ”

     

    อี้ชิงเอียงใบหน้าแล้วกระพริบตาปริบ ก่อนจะเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกคนชะโงกออกมาจากด้านหลังคนรัก พอสบตากันฝ่ายนั้นก็ยิ้มกว้าง ก้าวออกมายืนข้างๆ พี่คริสแล้วค้อมศีรษะให้เขา

     

    “สวัสดีฮะ ผมชื่อพยอนแบคฮยอนเป็นน้องรหัสของพี่คริส ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”

     

    อี้ชิงมองรุ่นน้องแล้วมองหน้าคนรัก พอพี่คริสยิ้มให้แล้วพยักหน้าน้อยๆ เขาก็ทักทายกลับ

    “สวัสดี ฉันชื่ออี้ชิง” คนตัวขาวมองร่างเล็กตรงหน้าอย่างสำรวจ เด็กคนนี้ตัวเล็กๆ ขาวๆ ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาเรียวเล็กเป็นประกาย เวลายิ้มแบบนี้เหมือนเด็กน้อยเลย พี่คริสเคยบอกว่ามีน้องรหัสที่อยากให้รู้จัก เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่คริสถึงได้ดูเห่อรุ่นน้องคนนี้นัก กลีบปากอิ่มค่อยคลี่รอยยิ้มออกจนกว้าง “น้องน่ารักมากเลย”

    “พี่อี้ชิงก็น่ารักมากๆ เลยฮะ ยิ้มหว๊านหวาน”

    อี้ชิงจับแก้มรุ่นน้องเบาๆ ด้วยความเอ็นดู คริสเองก็ยิ้มตาม ก่อนจะแสร้งถอนหายใจเบาๆ

    “เอาล่ะสิ งานนี้มีคนหัวเน่าแน่ๆ”

    คนตัวเล็กทั้งสองพากันหัวเราะเสียงใส

     

    แบคฮยอนมองเลยช่วงไหล่ของรุ่นพี่ตัวขาวไปยังจอแอลซีดีที่อยู่ด้านหลัง บนจอนั้นกำลังฉายวิดีโอหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดระบายสีขาว นั่งเล่นเปียโนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสี

    “เมื่อกี้ผมเห็นพี่อี้ชิงยืนดูจอนี้อยู่ ชอบเปียโนเหรอฮะ”

    “อื้ม ชอบฟัง เพราะดีนะ”

    “แต่ผมเห็นพี่ขยับนิ้วตามด้วย” อี้ชิงอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่อาจจะเป็นเพราะความเคยชิน เวลาที่ได้ฟังเพลงเพราะๆ นิ้วมันก็จะไล่คีย์ไปเอง

     

    “พี่อี้ชิงเล่นเปียโนได้ใช่มั้ยฮะ?”

     

    คริสไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าอย่างไรตอนที่อี้ชิงมองมา และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่คนเล็กตอบคำถามอย่างอึกอัก

    “ก็... พอเล่นได้น่ะ เคยเรียนมาบ้าง แต่ไม่เก่งอะไรหรอกนะ”

    แบคฮยอนดูตื่นเต้นกับคำตอบที่ได้ฟัง ดวงตาเรียวเล็กเป็นประกายด้วยความสนใจ ซักพักก็เหมือนจะนึกอะไรได้  ยื่นมือออกไปจับมือบางของรุ่นพี่หน้าหวานไว้

    “มากับผมแป๊บนึงนะฮะ”

     

     

    อี้ชิงยอมให้รุ่นน้องจูงมือพาขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้นสี่ของห้างฯ บนชั้นนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในบ้านชิ้นใหญ่ๆ แบคฮยอนยังจูงมือบางไปจนถึงร้านที่อยู่ฝั่งขวาสุดของชั้นโดยมีคริสเดินตามไปด้วย อี้ชิงชะงักและหยุดอยู่เพียงหน้าร้านเมื่อมาถึง ในขณะที่แพคฮยอนผลักบานประตูกระจกเข้าไปในทันที

     

    “หวัดดีฮะนูน่า”

    “ต๊าย~ คุณหนูแบคฮยอน” หญิงสาววัยยี่สิบปลายๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอบนโซฟาตัวยาวสีแดงเข้มที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน เดินตรงรี่เข้ามาตอนรับเด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างคุ้นเคย ดูจากคำเรียกแล้วเธอคงรู้ฐานะของเด็กหนุ่มเป็นอย่างดี “ทำไมวันนี้มาเยี่ยมร้านพี่ได้ล่ะคะ”

    แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขามองไปรอบๆ ร้านซึ่งเต็มไปด้วยเปียโนทั้งหลังเล็กหลังใหญ่อย่างสำรวจ

    “วันก่อนเห็นนูน่าบอกว่าคุณอาสั่งซื้อเปียโนเก่ามาหลังนึง ให้นูน่าหาช่างมาลองเสียงให้หน่อย”

    “ใช่จ้ะ พี่สาวโทรตามแล้ว แต่ช่างยังไม่ว่าง ก็เลยย้ายไปไว้ทางด้านโน้นก่อน” เธอชี้ไปทางด้านในสุดของร้านอย่างไม่ใส่ใจนัก คิดว่าเด็กหนุ่มคงคงถามไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้จริงจังอะไร แต่แบคฮยอนกลับเดินไปที่ประตูแล้วดึงมือเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเข้ามาหาเธอ

    “นี่รุ่นพี่ผมที่มหาลัยฮะ พี่เค้าเล่นเปียโนได้ ผมอยากให้พี่เค้าลองดูหน่อย”

    อี้ชิงขืนมือกลับเมื่อแบคฮยอนบอกแบบนั้น

    “จะดีเหรอแบคฮยอน คุณอาจะว่าเอาได้นะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกฮะ คุณอาใจดีจะตายไม่เคยดุผมซักคำ  นูน่าพาพวกเราไปหน่อยนะฮะ”

    “ได้สิจ๊ะ ทางนี้เลย” การที่หญิงสาวผู้ดูแลร้านยิ้มรับอย่างยินดีที่จะให้เด็กหนุ่มได้แตะต้องของชิ้นสำคัญขนาดนี้นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าแบคฮยอนถูกตามใจอย่างไม่มีข้อยกเว้น แต่อี้ชิงก็ยังลังเล

    “แต่ฉันว่า...”

    “นะฮะ ผมอยากฟังพี่อี้ชิงเล่นเปียโน นะฮะ~

    เจอลูกอ้อนของเด็กน้อยเข้าไป อี้ชิงก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธ เขาหันกลับไปมองหน้าพี่คริสที่ยืนรออยู่ห่างๆ พอฝ่ายนั้นพยักหน้าแล้วยิ้มบาง อี้ชิงก็เลยยอมให้รุ่นน้องดึงมือไป

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “แบคฮยอนเค้าน่ารักดีนะครับ เป็นเด็กสดใสร่าเริงมากๆ คุยสนุกด้วย”

     

    ขึ้นรถมาซักพักแล้ว แต่อี้ชิงยังชื่นชมน้องรหัสของคริสไม่ขาดปาก แบคฮยอนเป็นเด็กที่อยู่ด้วยแล้วสนุกจริงๆ ออกจากร้านเปียโนแล้วพวกเขาก็ไปหาอะไรทานกันต่อ เพราะมัวแต่ฟังแบคฮยอนเล่าเรื่องนั่นนี่โน่น อี้ชิงก็เลยไม่ทันสังเกตุว่าคริสเริ่มเงียบไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้อยู่ในรถด้วยกันสองคนแล้ว การที่พี่คริสเอาแต่ครางรับในคอโดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกินกว่าสองคำ อี้ชิงก็เลยเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพูดคนเดียว

     

    “พี่คริสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

    “หืม? ...อ๋อ เปล่าหรอก พี่ไม่ได้เป็นอะไร” รอยยิ้มของคริสเจือจาง นั่นมันบอกให้รู้ว่ามีบางสิ่งรบกวนใจ ดูท่าว่าคริสคงซ่อนมันไว้ไม่มิด เพราะถึงอี้ชิงจะไม่ซักไซ้อะไรต่อ แต่ก็เอาแต่มองหน้าเขาด้วยแววตาที่ไม่สบายใจนัก

     

    คริสทนให้น้องเป็นกังวลได้ไม่นานก็ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทางในที่สุด มือที่จับพวงมาลัยอยู่กำแน่น ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายมันออกพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจ คริสไม่อยากเป็นแบบนี้ น้องกำลังอารมณ์ดี เขาไม่อยากทำให้น้องไม่สบายใจ แต่ถ้าไม่พูดอะไรออกไปบ้าง อี้ชิงก็คงเป็นกังวลยิ่งกว่า

     

    “พี่.. แค่รู้สึกว่า.. ทำไมพี่เพิ่งจะรู้นะ ว่าอี้ชิงเล่นเปียโนได้”

    “โธ่... พี่คริส...” ร่างโปร่งบางโผเข้ากอดคนรักเอาไว้ แนบแก้มใสคลอเคลียกับแผงอกอุ่น นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ ตอนที่แบคฮยอนถามก็ยังกลัวอยู่เลยว่าพี่คริสจะงอน เรื่องแบบนี้พี่คริสคงอยากรู้เป็นคนแรกมากกว่ามารู้พร้อมคนอื่น แต่เพราะอี้ชิงเองก็ไม่ได้เล่นเปียโนมานานมากจนเกือบลืมไปแล้ว ถึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ “...อย่าเป็นแบบนี้สิครับ ผมไม่อยากให้พี่คริสรู้สึกแย่นะ”

    “พี่รู้...” คริสกดจูบเหนือกลุ่มผมนุ่มแล้วยกแขนขึ้นกอดตอบน้องให้ยิ่งแน่น “พี่ขอโทษ พี่ผิดเองที่ไม่เคยถาม”

     

    คริสโทษตัวเองมากกว่าโทษคนรัก อี้ชิงไม่ใช่แค่เล่นเปียโนได้ เขาเองก็เคยเรียนเปียโนมาก่อน แต่ตอนที่คนตัวบางนั่งอยู่หน้าเปียโนหลังใหญ่ พอเรียวนิ้วสวยได้กดลงบนแป้นคีย์ รอยยิ้มหวานชวนมองก็บอกให้รู้ว่าอี้ชิงถูกใจแค่ไหน เพลงที่อี้ชิงเล่นนั้นเพราะมาก แล้วน้องก็ดูมีความสุขมาก ภาพที่คริสเห็นตอนนั้นมันช่างงดงามราวกับภาพวาด คริสชอบเวลาที่ได้เห็นคนรักยิ้มอย่างมีความสุข แต่ภาพที่สวยงามนั้นกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บในอกอยู่ลึกๆ อี้ชิงทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยนเหมือนเสียงของโน้ตในเพลงคลาสสิค ทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าน้องชอบดนตรี คริสอยากให้น้องมีส่วนร่วมในทุกๆ อย่างของชีวิตไม่ว่าเขาจะทำอะไร แต่คริสไม่เคยถามเลยว่าน้องชอบหรืออยากทำอะไรบ้าง

     

    “ผมเคยให้เพื่อนสอนเล่นกีตาร์ด้วยนะครับ” จู่ๆ อี้ชิงก็พูดขึ้น ในขณะที่คริสไม่รู้จะเริ่มตรงไหน อี้ชิงเหมือนรู้ว่าคริสกำลังคิดอะไร และรู้ว่าต้องทำยังไงให้คนรักรู้สึกดีขึ้น “แต่มันเจ็บนิ้วก็เลยเลิก”

    “หืม ไม่ใช่เพราะนิ้วสั้นจับคอร์ดไม่ถึงหรอกเหรอ?”

    “พี่คริสอ่ะ” มือเล็กตีลงบนอกคริสก็แสร้งทำเป็นว่าเจ็บ ออดอ้อนเสียจนคนตัวเล็กต้องหอมแก้มเพื่อเรียกขวัญ กำไรของคริสก็คือได้หอมแก้มแฟนกลับอีกสองฟอดใหญ่ๆ

     

    เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้วทำให้หัวใจของคริสพองโตขึ้นมาได้อีกครั้ง อี้ชิงทำให้คริสเข้าใจ ว่าความสุขของเขาคือการที่ได้กอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน เขารักช่วงเวลาในตอนนี้ที่มีจางอี้ชิงอยู่ข้างๆ ทั้งอดีตและอนาคตไม่ใช่เรื่องสำคัญ บางทีมันอาจจะเป็นแค่องค์ประกอบ พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้กันไปได้ คริสอยากรู้ทุกๆ เรื่องของอี้ชิง แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เขาไม่อยากกดดันให้น้องต้องเป็นกังวลใจ

     

    เพราะบางที... เรื่องที่อี้ชิงยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา ...อาจจะมีเยอะกว่าก็เป็นได้


     









     

    TBC.






    คนรอง: ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อตอนเล็กน้อย ^^
    ยังยืนยันว่าน้องรหัสมาแบบใสๆ แต่ที่ต้องตัดออกเป็นสองตอนเพราะอยากให้เต็มอิ่มกับความหวานในตอนนี้กันไปก่อนก่อน ตอนหน้าอาจมีความดราม่าปะปน แม่ยกอี้ชิงเตรียมผ้าซับน้ำตาไว้ได้เลย ส่วนจะน้ำตาใครนั้น... อีกเรื่อง ^^

    ปอลอ จินตนาการเพลงที่น้องเล่นเป็นเพลงที่แปะมาประกอบนี่ละกันนะคะ ^^





     



    BG song: Time by July
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×