ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] 璐贤 ลู่เสียน - Krisyeol

    ลำดับตอนที่ #1 : ลู่เสียน : 1 - 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      4
      24 มี.ค. 59

    1

     

     

     

     

     

     

     

     

    เรียวขายาวสวมรองเท้าหุ้มหนังราคาแพงก้าวเดินไปตามทางที่ปูลาดด้วยพรมสีแดงทองที่ทอดยาวไปจนสุดประตูบานใหญ่สุดทางเดิน ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมมือข้างซ้ายที่คอยแกว่งไกวดาบเงินคู่ใจที่อาบไปด้วยเลือดนั้นไปมา ลิ้นสีสดถูกแลบเลียออกมานอกปากอิ่มนั้นอย่างท่าทะเล้น ผมสีขาวนั้นสะบัดพลิ้วตามแรงลมที่พัดพาจากทะเลเบื้องล่างผ่านหน้าต่างที่ยาวจนสุดทางเดิน แววตาดุดันทว่าแฝงเล่ห์กลและเปี่ยมไปด้วยแววเจ้าชู้นั้นมองตรงไปที่ประตูบานใหญ่ตรงหน้าก่อนจะตวัดสายตามองเหล่านางในชุดแพรนุ่งน้อยที่หมอบอยู่แทบเท้าของเขา

     

    "เปิดให้ข้าสักนิดได้หรือไม่"

     

    สุนธรเสียงนุ่มลึกแฝงไปด้วยพลังอำนาจนั้นเอ่ยวาจากับนางหน้าประตูที่นั่งตัวสั่นเป็นไข้จับสั่น

     

    "ฮึก ... "

     

    มีเพียงเสียงสะอื้นไห้เท่านั้นที่ร่างสูงได้กลับมา วรกายงดงามที่สวมชุดเกาะนั้นได้หยัดยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนยกเท้าขึ้นแตะเบาๆจนร่างหญิงนางในคนนั้นหงายหลังไป เหล่าทหารที่อยู่หลังร่างสูงนั้นได้แต่ซี้ดซาดปากเมื่อผ้าแพรบางนั้นเน้นส่วนเว้าโค้งจนเห็นถันงามนั้นโผล่พ้นขอบแพรขึ้นมา ร่างสูงได้แต่มองนางเพียงหางตาก่อนเอ่ยปากออกมาเพียงบางเบา

     

    "พวกเจ้าออกรบมาเหนื่อยใช่ไหม ข้ายกแม่นี่ให้เป็นรางวัลความดีของพวกเจ้า ลากมันออกไป!"

     

    หญิงสาวได้แต่เบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาก่อนออกแรงดีดดิ้นเมื่อเหล่าทหารกรูกันเข้ามาหานางเหมือนหมาหิวโซ นางกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะค่อยๆหายไปเมื่อถูกหามไปไกล

     

    "จื่อเทา ไม่เอาบ้างหรือ ?"

    ตาคมตวัดมองนางในจำนวนที่เหลือที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ แต่ละนางสวยใช่เล่นซะที่ไหน สมกับคำร่ำลือว่าเป็นเมืองสวรรค์อุดมไปด้วยพืชพรรณจวบจนหญิงงามแม้แต่ชายยังงาม ก่อนจะลากสายตามาหยุดที่แม่ทัพคู่ใจ ร่างสูงที่หน้าหล่อคมเข้มเป็นที่หมายตาของหญิงและชายติ้งทั้งอู่หลงอย่าง 'แม่ทัพหวงจือเทา'

     

    "อี้ฟาน ใยเจ้าจึงอารมณ์ดีนัก"

     

    จื่อเทาเอ่ยปากเตือนอย่างสนิทสนมเพราะทั้งสองมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเพียงแต่อี้ฟานนั้นเป็นรัชทายาทและจื่อเทาคือองค์ชายรองลูกของเสด็จอาของอี้ฟาน

    ร่างสูงได้แต่ยิ้มตอบก่อนจะใช้ปลายดาบผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก

     

    ภายในนั้นมีสนมกำนัลขันทีมากมายนั่งอยู่รอบบัลลังก์ทองที่มีชายสูงวัยนั่งถือมงกุฎทองอยู่ ด้านซ้ายมือคือพระราชินีที่งามล้ำไปด้วยรูปโฉมที่อี้ฟานพอจะเคยได้ยินนามอยู่ครั้งนึงว่า 'ซื่อเซียน' ถัดไปด้านขวามือทันทีที่เห็นทำเอาริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี

     

    "ถวายบังคมพะยะค่ะ ฝ่าบาท"

     

    เอ่ยปากทำความเคารพเพียงแต่ก้าวเดินเข้าหาเพียงเฉย พระเนตรสวยคมนั้นเหลือบมองของต้องตาอยู่เป็นระยะโดยของกำนัลชิ้นนั้นได้หาหลบสายตาเขาไม่

     

    "ไง อี้ฟาน"

     

    น้ำเสียงทุ้มลึกสูงวัยนั้นเอ่ยแค่นตอบมาอย่างคนถือดีทำเอาอี้ฟานคิ้วกระตุกไม่ยากเย็นนัก

     

    "ทำอย่างไรดีเซี่ยเหิง เจ้ากำลังจะเสียงบัลลังก์ทองคู่ใจให้หนุ่มรุ่นลูกอย่างข้า เหตุใดใยขี้ขลาดนัก! จับดาบขึ้นมาแล้วใยไม่ออกไปสู้รบกับเหล่าทหารกล้าหน้าโง่ที่หลงไว้ใจปกป้องกษัตริย์ขลาดเช่นเจ้า หากพวกมันรับรู้ว่าเจ้าเป็นเช่นนี้ พวกมันคงอาฆาตแค้นนัก"




    "เจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!! "

     

    เสียงทุ่มหวานเอ่ยขัดขึ้นมากะทันหันจนทุกคนในท้องพระโรงต้องหันพุ่งสายตาไปทางเดียว 'ของกำนัล' ที่ร่างสูงหมายตานั้นกำลังแผงฤทธิ์เดชให้ร่างสูงได้สัมผัส ตาหวานฉ่ำนั้นจ้องเขม็งราวจะกินเลือดเนื้อให้เขาตายลงตรงนี้

     

    "อ๊า .. องค์หญิงรึนี่??"

     

    ขายาวก้าวอย่างถือดีไปยังบัลลังก์เล็กเคียงข้างพระราชาทางขวามือ ร่างสูงผอมในชุดผ้าแพรสีขาวสะอาดนั้นกำหมดแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว

     

    "ข้าเป็นชาย! หาได้มีส่วนใดคล้ายสตรีเพศไม่"

     

    ปากอิ่มสีชมพูฉ่ำวาวนั้นเอ่ยกระแทกเสียงแข็งใส่องค์รัชทายาทรูปงาม พระนาสิกอมชมพูรูปทรงหยดน้ำนั้นงามหยดย้อยจนอี้ฟานแทนอยากจับถวายตัวตรงนี้ ไหนจะพวงแก้มชมพูอ่อนสีธรรมชาติไร้การปัดแต่งที่งามกว่าหญิงจับแต่งเป็นไหนๆ

     

    "อย่ายุ่งกับลูกข้า ! ถอยไป!"

     

    เสียงตวาดดังขึ้นอีกหนด้วยชายสูงอายุที่นั่งมองการต่อล้อต่อเถียงของผู้รุกรานกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรูปงามที่โดนวาจาดูหมิ่นมิอาจทำให้เขาอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป  ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นดีกลับถูกวัตถุเย็นแหลมจ่อเข้าที่คอด้วยฝีมือเหนือเมฆของพยัคฆ์ขาวจากอู่หลงที่ขยับเพียงไม่กี่ก้าวกลับประชิดเซี่ยเหิงอย่างว่องไว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและความตกใจของเหล่าทหารและนางในที่อยู่ในท้องพระโรง

     

     

     

    "หุบปากแล้วนั่งลงซะ ก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาสได้นั่งอีก"

     

    น้ำเสียงเฉียบแหลมเอ่ยขึ้นพร้อมแววตาที่ส่องแววเย็นชาที่ส่งสัญญาณมาว่าพร้อมจะฟันบั่นคอเขาลงมาทุกเมื่อ

     

    "เสด็จพ่อ!"

     

    เพชรน้ำงามของหลีฮวนได้แต่มองบิดาของตนด้วยแววตาอาทร 'ปาร์ค ชานยอล' รู้สึกผิดยิ่งนักที่ไม่เชื่อฟังและไม่ยอมเรียนตำราสงคราม หากเขาไม่ดื้อดึง บ้านเมืองคงไม่พ่ายแพ้เช่นนี้

     

    "ห่วงพ่อเจ้ารึเด็กน้อย ?  "

     

    เบนสายตากลับมามองชานยอลด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะหันกลับไปมองเหยื่อในกรงเล็บมังกรอย่างเซี่ยเหิง

     

    "ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับบัลลังค์ของเจ้า หากเจ้ายอมยกให้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า......"

     

    "อะ อะไร"

     

    ร่างสูงยิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคฉุดลมหายใจของกษัตริย์สูงวัยไป

     

    "ยกชานยอลให้เป็นเมียข้าซะ"

     


    "อึก..."

     

    "ว่าไง....หืม ?"

     

    กล่าวย้ำพร้อมกดปลายดาบแหลมคมนั้นลงไปที่คอของชายสูงวัยจนมีโลหิตไหลออกมาตามคมดาบ

     

    "ทะ ท่านพี่ ฮือ "

     

    องค์ราชินีรูปงามได้เพียงนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆพร้อมส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ยกให้เด็ดขาด หากแต่เพียงบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงนั้นผลุดลุกยืนขึ้นกระทันหันก่อนจะเอ่ยวาจาเสียงดังพอที่จะให้มังกรหนุ่มลดดาบลงจากคอบิดาของตน

     

     

    "ได้ ข้าจะไป "

     

    รอยยิ้มแห่งชัยชนะนั่นผลุดขึ้นมาที่มุมปากของร่างสูงก่อนที่จะละดาบลงไป

     

    "อ๊ากกกกกก!!!"

     

    "ฝ่าบาทท!!"

     

    "เสด็จพ่อ!! "

     

    ไวเท่าสายฟ้า เพลงดาบของอี้ฟานฟันลงจังๆที่แขนขาวของเซี่ยเหิง หากแต่ราชทายาทหนุ่มมิได้ลงแรงเท่านักจึงไม่คมกริบขนาดตัดถึงกระดูก เพียงแค่สร้างแผลฉกรรณ์ให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นก่อนจะทิ้งดาบให้จื่อเทาที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังก่อนจะตรงเข้าไปช้อนเอวบางดั่งหญิงแรกแย้มของชานยอลก่อนจับร่างโปร่งขึ้นพาดบ่า ชานยอลเบิกตากว้างออกแรงทุบตีที่แผ่นหลังของร่างสูงหากแต่มีผลอันใดเกิดขึ้นไม่ ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมามองบิดามารดาด้วยใบหน้าเคล้าน้ำตา ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ก่อนที่เขาจะถูกร่างสูงแบกเดินออกมาไกลขึ้นเรื่อยๆ จนท้องพระโรงนั้นลับสายตา เสียงสะอื้นฮักช่างน่าเวตทนาหากแต่มิใช่กับ 'อู๋อี้ฟาน'

     

     

    "สวัสดี ปาร์ค ชานยอล"

     

    "อึก .. ฮืออ "

      

     

    ร่างสูงแบกร่างโปร่งที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเดินไปตามพรมผืนเดิมทีเขาเพิ่งเหยียบย่ำไปเมื่อไม่กี่สิบนาทีที่แล้ว เหล่าทหารนางในต่างก้มลงคำนับองค์ชายน้อยแนบเท้า บ้านเมืองที่สงบสุขนั้นแปรเปลี่ยนไปจากเดิม รอยยิ้มและเสียงแห่งความสุขนั้นถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นไห้ ชานยอลได้แต่มองคนเล่านั้นผ่านม่านน้ำตา

    หากเขาไม่อ่อนแอ เขาคงช่วยเสด็จพ่อต่อสู้กับรัชทายาทใจร้ายนี่ได้ หากแต่เขากลับมิเคยสนใจศึกกลรบใดๆ เพียรร่ำเรียนแต่แนวทางบริหารบ้านเมือง ด้วยไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น  ปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรงเมื่ออีกฝ่ายโยนเขาขึ้นพาดหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ ตากลมโตฉายแววหวาดหวั่นเมื่อเจ้าของใบหน้าคมเข้มนั้นก้มมองเขาในระดับเดียวกัน ก่อนที่จะเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อริมฝีปากหนานั่นฉวยฉกลงมาอย่างรุนแรง

     

    "อื้อ!!!"

     

    เรียวลิ้นของร่างสูงนั้นไล่เลียไปทั่วริมฝีปากสีชมพูของเขา ชานยอลได้แต่เม้มปากหลับตาแน่นเมื่อฟันคมกัดเข้าที่ปากล่าง เจ็บจนเผลออ้าปากร้อง ทันทีที่มีโอกาสอี้ฝานสอดลิ้นเข้าฉกชิงความหอมหวานจากโพรงปากอิ่ม ลิ้นร้อนไล่กวาดต้อนเรียวลิ้นเล็กที่ไม่ประสีประสาอะไร เกี่ยวพันพร้อมดูดดุลจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบน่าขายหน้า

     

    "อึก .. อื้ออ !!"

     

    "อืม ..ม "

     

    คำรามในลำคออย่างผู้ชนะก่อนจะถอดถอนริมฝีปากออกมา ปากอิ่มบวมเจ่อจนร่างสูงแทบอยากจะปล้ำจูบให้ร่างโปร่งตรงหน้าละลายจมไปกับอ้อมออกเขา หากแต่เมื่อสบตาหวาดหวั่นนั่นแล้วเขาคงมิอาจหักหาญน้ำใจชานยอลไปมากกว่านี้ เพียงเท่านี้มันก็เพียงพอให้ร่างโปรงนี้อับอายได้บ้างกระมัง

     

     

    "คนชั่ว!! เจ้ามันคนหยาบช้าที่สุด!! "

     

    เสียงห้าวสั่นน้อยๆเอ่ยออกมาอย่างดื้อด้าน หากแต่แววตานั้นสั้นระริกเปรียบลูกนกน้อยที่เผชิญหิมะหนาวเหน็บอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ฝ่ามือใหญ่ยื้นออกมาบีบคางเรียวนั้นจนร่างโปร่งร้องครางออกมาเบาๆด้วยแรงเจ็บ ใบหน้าคมของอี้ฟานยื่นเข้าไปชิดติดใกล้ใบหน้าหวานก่อนจะกระซิบเพียงแผ่วเบาหากแต่ย้ำในความเป็นจริงจนร่างโปร่งร้องไห้โฮออกมาอีกครา

     

    "ยังไงเจ้าก็ได้คนชั่วอย่างข้าเป็นสามีเช่นเดิม ครางให้ถึงใจข้า ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงามไม่แพ้นางโสเภณีชั้นสูงหรอก ... ชานยอล"

     

     

    เอ่ยจบร่างสูงก็กระโดดขึ้นม้าก่อนจะรั้งชานยอลเอามาชิดตัวแล้วคุมบังเหียนม้าให้ออกวิ่ง ร่างโปร่งทำได้เพียงหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าและยอมจำนนต่อโชคชะตานี้  ในใจดวงน้อยว้าวุ่นถึงในวังว่าบิดาของตนนั้นอาการเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลงไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด แรงกระแทกกระทั้นจากม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วนั้นช่างน่าปวดหัวเหลือเกิน ใช่ว่าชานยอลขี่ม้าไม่เป็นหากแต่ไม่เคยนำม้าออกวิ่งไปตามป่าเขาเช่นนี้. ก่อนที่สติอันน้อยนิดจะดับวูบลงไป





    - 100% -


    ป.ล. สำหรับคนที่จะขอ cut part ขอความกรุณาเมนชั่นมาที่ @kreamyeol พร้อมติดแท็ก #kyเมียเชลย นะคะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×