ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic : นายนักเลงจอมบู๊กับนายคุณหนูจอมเหวี่ยง [NoRitz]

    ลำดับตอนที่ #2 : [ตอนจบ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 456
      2
      26 ต.ค. 55

    ขอบใจนะ... คำขอบคุณสั้น ๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากของคนหน้าตี๋ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน หากแต่ริทก็จำต้องหุบยิ้มอย่างคนรักษาฟอร์ม

    ขอบใจทำไม ฉันก็พูดไปงั้นแหล่ะ เสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับบ้าน เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าเบา ๆ คนร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไป ใบหน้าหวานก็หันมามองคนที่ยังนั่งอยู่ พลางถามถึงสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ

    นายเป็นเกย์หรอ ?

    คำถามสั้น ๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวย ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

    อยู่ดี ๆ ก็มาถามว่าเขาเป็นเกย์หรอ...

    ไอ้ตัวเล็กนี่...ยังไงของมันวะ ?

    นายไปเอามาจากไหนว่าฉันเป็นเกย์ โตโน่ถามคนตรงหน้ากลับ พลางยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าช้า ๆ

    ก็เพื่อนฉันบอกว่านายไม่ชอบผู้หญิง... ริทตอบพลางเดินถอยหลัง เมื่อเห็นท่าทางคุกคามของคนร่างสูง

    ไม่ชอบผู้หญิง ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นเกย์...

    ปึก!

    แผ่นหลังบางกระแทกเข้ากับผนัง ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปใกล้ พลางยื่นมือทั้งสองข้างไปยันไว้ที่กำแพงเพื่อกางกั้นให้คนร่างเล็กตกอยู่ในอาณัติของเขา

    นะ นายเขยิบออกไปเลยนะ คิดจะทำอะไรน่ะ!” ริทเริ่มโวยวายเมื่อใบหน้าหล่อตี๋เลื่อนมาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดพวงแก้มขาวของเขา

    แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ... ถามพลางเลื่อนปลายจมูกเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น และเพราะการกระทำนี้ของโตโน่ที่ทำให้ร่างเล็กเริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวผสมกับความรู้สึกแปลก ๆ

    ใจหนึ่งเขาก็กลัวว่าจะโดนคนตรงหน้าทำอะไร...

    แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกแปลก...เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นแรง จนเหมือนมันจะกระเด็นออกมานอกอก

    เขาไม่เคยใจเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อน...แม้แต่กับนาว...

    ส่วนโตโน่เองก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากคนตรงหน้านัก เพราะมือที่ยันกำแพงของเขาสั่นน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไร

    ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบผู้ชาย

    แต่กับคนตรงหน้าคนนี้..ทำไมทำให้เขารู้สึกอยากแตะ อยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้แบบนี้ก็ไม่รู้...

    หรือเขาจะเป็นเกย์...

    ไม่น่ะ! เพราะกับผู้ชายคนอื่นเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้...

    บ้าเอ๊ย!” โตโน่สบถออกมา ก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม มือหนายกขึ้นมาขยุ้มผมของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ

    นี่เขาเป็นอะไร ??

    นะ นาย...เป็นอะไร... ริทเอ่ยถามออกมา พลางยกมือขึ้นมาจับที่อกด้านซ้ายของตัวเอง เพื่อต้องการบรรเทาอาการใจเต้นแรง

    ที่ฉันบอกเพื่อนนายว่าฉันไม่ชอบผู้หญิง เพราะฉันแค่อยากจะปฏิเสธเค้า...ฉันไม่ได้เป็นเกย์... คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตาที่จริงจัง ทำให้คนที่ได้รับคำตอบพยักหน้ารับรู้เบา ๆ

    อืม...ฉันหายข้องใจแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะ... พูดจบ ร่างเล็กก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องนี้ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นประตู คำถามของคนที่อยู่ด้านหลังก็เรียกใบหน้าหวานให้หันกลับมา...อีกครั้ง

    นายชื่ออะไร...?

    ฉันชื่อริท

    ฉัน...โตโน่นะ...

    อืม...

    บทสนทนาหยุดลงเพียงเท่านั้น ก่อนที่ริทจะเดินออกไปจากคลินิกด้วยใบหน้าที่อมยิ้มหน่อย ๆ เนื่องจากความสุขที่ลอยเกลื่อนในหัวใจ

    ความสุขที่ไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดาง่าย ๆ น่าจะมาจาก...คนที่ชื่อ โตโน่

    ส่วนคนอีกคนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะเขายกยิ้มขึ้นมาทันที ที่ร่างเล็กเดินพ้นประตูออกไป

    บางที...เขาอาจจะเริ่มผู้ชายขึ้นมาแล้วก็ได้...

    แต่ต้องเป็น ผู้ชายคนนี้ คนที่เพิ่งเดินออกไปคนเดียวนะ!

     

     

     

    ริท...นาวขอโทษนะที่ช่วยริทย่องานไม่ได้ พอดีช่วงนี้นาวกำลังอกหัก นาวไม่อยากทำอะไรเลย...

    ไม่เป็นไรหรอกนาว เดี๋ยวริทหาวิธีทำเอง นาวกลับไปพักผ่อนเถอะ แล้ว...นาวดีขึ้นแล้วใช่ไหม คำถามของริทคล้ายไปสะกิดต่อมน้ำตาของคนถูกถาม หญิงสาวร้องไห้ออกมาก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันที ร่างเล็กลุกขึ้นและทำท่าจะวิ่งตาม หากแต่เมื่อนึกถึงงานที่เขากำลังทำค้างอยู่ เขาก็ไม่สามารถวิ่งตามคนที่วิ่งออกไปแล้วได้

    นาวเป็นคนสำคัญก็จริง...แต่งานที่เขาต้องย่อให้เสร็จเพื่อส่งพรุ่งนี้เช้าสำคัญกว่า...

    เพราะถ้าเขาย่องานไม่เสร็จ เขาจะตกต้องวิชานี้...

    นาวจ๋า...ริทขอโทษนะ

    เฮ้อ...แล้วจะเขียนยังไงวะเนี่ย ดันเป็นมือขวาซะด้วย... ริทบ่นพลางยกมือข้างขวาที่มีผ้าสีขาวพันอยู่ขึ้นมาดู แล้วใบหน้าหวานก็ระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

    สายลมที่หอบเอาดอกชมพูพันธุ์ทิพย์สีชมพูร่วงหล่นมาตรงหน้า เรียกมือบางให้เอื้อมไปหยิบ จังหวะนั้นก็มีมือหนาของคนอีกคนหนึ่งยื่นมาหยิบเช่นเดียวกัน

    ริทเงยหน้าขึ้นไปมองคนเป็นเจ้าของมือทันที แล้วเขาก็พบกับใบหน้าขาวตี๋ของคนที่เขากำลังคิดถึงเมื่อสักครู่นี้

    นาย ?

    ฉันน่าจะอายุมากกว่านายนะ เรียกฉันว่าพี่สิไอ้ตัวเล็ก โตโน่ว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ม้าหินตรงข้ามกับคนที่มองเขาตาโต

    ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย...โอ๊ย!” พูดกวนยังไม่ทันจบประโยคดี หน้าผากมนก็โดนนิ้วเรียวดีดมะกอกใส่

    ฉันอยู่มหาลัยปีสุดท้ายแล้ว ส่วนนายอยู่แค่ม.ปลาย เพราะงั้น...นายก็ต้องเรียกฉันว่าพี่สิ หรือไม่จริง

    ก็จริง แต่ไม่อยากเรียก อ๊ะ ๆ ๆ ๆ เรียกก็ได้...ทำไมชอบใช้กำลังนักนะ... คนหน้าหวานบ่น พลางทำปากจู๋ใส่คนหน้าคมที่กำลังอมยิ้ม

    แล้วทำอะไรอยู่

    กำลังจะย่องานส่งอาจารย์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอีท่าไหน มือข้างที่ถนัดก็ดันมาเจ็บแบบนี้ พูดพลางชูมือขึ้นให้คนถามดู

    ให้ฉันช่วยทำให้ไหม ? โตโน่ถาม ก่อนที่เขาจะหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

    เฮ้ย!!! ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันหาทางทำเอง ริทรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ฟังเขา เพราะมือหนาเอื้อมมาหยิบสมุดของเขาไป

    ย่อตรงไหน ย่ออะไรบ้าง บอกมาสิ...จะได้เสร็จก่อนมืด

    เมื่อเห็นว่าคนถามคงจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ ริทจึงตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปแล้วเริ่มอธิบายว่าเขาจะต้องย่องานบทไหนบ้าง และเมื่ออธิบายเสร็จ มือหนาก็เริ่มจรดปากกาและเขียนย่องานตามที่คนตรงหน้าบอกทันที

    เวลาผ่านไป คนที่นั่งมองก็ค่อย ๆ หลับตาลงเนื่องจากบรรยากาศรอบตัวชวนให้หลับใหล ริทแนบใบหน้าไปกับกองหนังสือกองโตที่วางอยู่เบื้องหน้า แล้วเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ใบหน้าหวานที่หันไปทางคนที่กำลังนั่งเขียนย่องาน เรียกดวงตาเรียวตี่ให้เงยขึ้นมามอง

    หลับซะแล้ว...ไอ้ตัวเล็กเอ๊ย... โตโน่พึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมไปปัดผมม้าที่ระหน้าผากมน ใบหน้าคมยิ้มออกมา แล้วก้มหน้าก้มตานั่งย่องานให้คนตรงหน้าต่อ

    อย่าถามถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาทำแบบนี้

    เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...

    ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอ ใครแต่เมื่อได้มาเจอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาทัก และเมื่อเขามาทัก...เขาก็ต้องมาทำแบบนี้

    เวลาที่เคลื่อนตัวจากที่เห็นแสงแดดสีอ่อนในยามบ่ายก็ค่อย ๆ ถูกความมืดกลืนกิน จนบัดนี้ คนที่นั่งเขียนย่องานจนถึงบรรทัดสุดท้ายก็ต้องยกนาฬิกาขึ้นมาดู

    ทุ่มนึงแล้วหรอเนี่ย ไวชะมัด...เสร็จสักที และเมื่อตัวอักษรตัวสุดท้ายถูกเขียนลงไป ร่างสูงก็ยกสองแขนขึ้นมาบิดขี้เกียจ

    อากาศที่เย็นจนเกือบหนาว ทำให้โตโน่ต้องยกมือขึ้นมาถูไปถูมาเพื่อให้เกิดความอบอุ่น ดวงตาเรียวมองไปยังคนที่ยังคงหลับ ร่างเล็กที่สั่นเทาเบา ๆ เรียกมือหนาให้ถอดเสื้อยีนส์แขนยาวที่เขาสวมอยู่ไปคลุมให้กับร่างเล็ก

    เจ้าตัวเล็ก...ริท...ไอ้ตัวเล็กกกกกกกกกกก เมื่อเห็นว่าเรียกดี ๆ ไม่ยอมตื่น ใบหน้าคมก็ก้มลงไปใกล้กับใบหูเล็กแล้วตะโกนเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงที่ดังมาก

    งื้อ...ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยเนี่ย เรียกเบา ๆ ก็ตื่นแล้ว ริทว่าพลางยกสองมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง พลางทำปากจู๋ใส่คนที่กำลังหัวเราะเขา

    กลับบ้านได้แล้ว มืดแล้วนะ อีกอย่าง...งานนายก็เสร็จแล้วด้วย คนพูดไม่พูดเปล่า แต่ยังยื่นสมุดที่มีลายมือที่พอดูได้เขียนอยู่ขยุกขยิกคืนให้คนที่เหมือนจะยังไม่ตื่นดี

    โห...ว้าว! สุดยอดไปเลยพี่โน่!!! ขอบคุณนะครับ ริทเอ่ยขอบคุณ พลางยกมือขึ้นมาไหว้คนทำงานให้เขาจนเสร็จ และด้วยความดีใจเกินไปหน่อย ทำให้ร่างเล็กโน้มตัวข้ามโต๊ะไปกอดร่างสูงที่นั่งหลังตรงตรงหน้า

    อะ เอ่อ... เสียงห้าวที่ดังขึ้นจากคนถูกกอด ทำให้คนกอดรู้สึกตัว ริทรีบผละออกจากร่างสูง แล้วยกมือขึ้นมาเกาจมูกตัวเองแก้เขินทันที

    ขอโทษที พอดีดีใจมากไปหน่อย

    ไม่เป็นไร รีบกลับบ้านดีกว่า มันมืดแล้ว... โตโน่ว่า พลางช่วยคนมือเจ็บเก็บของที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นกระเป๋านักเรียนสีดำที่อยู่ในมือบางก็ถูกมือหนาดึงไปถือไว้

    อ๊ะ!”

    เดี๋ยว พี่ถือให้... คำแทนตัวเองว่า พี่ทำให้คนเป็นเจ้าของกระเป๋าต้องยกยิ้มหวานออกมา

    วันนี้กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า นอกจากจะมาบังคับคนอื่นเรียกตัวเองว่าพี่ มาช่วยเค้าปั่นงาน และยังจะแทนตัวเองว่าพี่อีก...

    ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรือไง คำถามที่ย้อนกลับมา ทำให้คนถูกถามถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก

    ริทไม่รู้ว่าจะตอบคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ยังไงดี...

    จะตอบว่าชอบอย่างที่หัวใจกำลังรู้สึก มันก็กระไรอยู่...

    แต่จะตอบว่าไม่ชอบ ก็เป็นการโกหกคนถามและตัวเองเกินไปอีก

    ตอบยังไงดีนะ ?

    แต่ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ตอบอะไร ผู้ชายร่างสูงประมาณ 20 คนที่เดินมาดักเบื้องหน้าก็ทำให้คนสองคนต้องหยุดเดิน

    ไงไอ้โน่...ไม่ได้เจอกันนานนี่มึง!”

    ไอ้แชมป์!?!”

    ขอบใจที่จำชื่ออริเก่าได้นะ...เฮ้ย! พวกมึงไปจับไอ้ตัวเล็กนั่นมา!!!” เมื่อได้รับคำสั่งจากคนเป็นลูกพี่ ลูกน้องร่างสูงหน้าโหด 3 คนก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาริท แต่โตโน่ก็ใช้ร่างของเขากำบังร่างเล็กไว้ และส่งกระเป๋านักเรียนกลับไปให้คนเป็นเจ้าของ ก่อนที่เขาจะปล่อยหมัดและเท้าใส่คนที่เดินเข้ามา

    ไม่ถึง 3 นาที คนสามคนที่เดินเข้ามา ก็เป็นอันต้องลงไปนอนนับดาวที่พื้น

    ถ้าใครกล้าแตะเจ้านี่ มันได้ลงไปนอนแบบไอ้สามตัวนี้แน่!!!”

    เมื่อโตโน่พูดจบ แชมป์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ กูเพิ่งเคยเห็นมึงปกป้องผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อของมึง หรือว่า...ไอ้ตัวเล็กนั่นจะเป็นเมียมึงวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ พูดจบ คนพูดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกชุดใหญ่ เรียกโทสะของคนหน้าตี๋ให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โตโน่ย่างสามขุมเข้าไปหาคนพูดทันที

    เปรี้ยง!

    ฝ่าเท้าที่ยันไปเต็ม ๆ ใบหน้าก็ทำให้ร่างของคนที่กำลังหัวเราะหงายหลังล้มตึง เมื่อเห็นว่าคนเป็นลูกพี่โดนทำร้ายแบบนั้น คนเป็นลูกน้องก็ตรงเข้ารุมร่างสูงที่ยืนกำหมัดตั้งการ์ดรอทันที

    แล้วการต่อสู้อย่างดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น คนที่ไม่มีฝีมือทางด้านนี้อย่างริทก็รีบถอยฉากออกมายืนดูอย่างห่าง ๆ

    การต่อสู้ที่ดูเหมือนว่าโตโน่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบกลับกลายเป็นว่าร่างสูงค่อย ๆ ได้เปรียบเนื่องจากศิลปะการต่อสู้ที่เขามีนั้นสามารถล้มคนจำนวนเท่านี้ได้อย่างสบาย ๆ

    หากแต่ในจังหวะที่ริทไม่ทันได้ระวังตัว เขาก็ถูกคนที่ชื่อแชมป์ซึ่งไม่รู้ว่าลุกจากพื้นตอนไหน มาล็อกคอไว้

    พี่โน่!!!! ช่วยริทด้วย!!!!” ร่างเล็กตะโกนออกไปทันทีที่เขาตกอยู่ในอันตราย ใบหน้าหวานเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดจากน้ำหนักแขนบริเวณลำคอ

    ไอ้แชมป์...มึงปล่อย คนของกู เดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” โตโน่ซึ่งบัดนี้จัดการกับลูกน้องของคนที่ล็อกคอริทเรียบร้อยแล้ว ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาคนสองคนตรงหน้า

    คนของกู...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้ตัวเล็กนี่เป็นคนสำคัญของมึงจริง ๆ สินะ...ไหนกูขอชิมหน่อยสิว่าคนของมึง...รสชาดหวานหอมแค่ไหน แชมป์พูด พลางแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหูของร่างเล็กแล้วก้มหน้าลงไปสูดดมที่ลำคอขาว พลางเสยาะยิ้มใส่คนหน้าตี๋ที่บัดนี้กำหมัดแน่นยืนตัวสั่นอยากปล่อยหมัดใส่เขาเต็มแก่

    ฮึก...ฮึก...ยะ อย่าทำอะไรฉันนะ...พี่โน่...เอาริทออกไปที... ใบหน้าหวานที่มีน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ทำให้คนมองทนไม่ไหวตรงดิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้าทันที

    หยุดนะมึงไอ้โน่! ไม่งั้นกูกระซวกไส้มันแน่!!!” แชมป์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังชักมีดออกมาจากเอว แล้วจ่อปลายมีดไปที่เอวบางของริท ขายาวหยุดชะงัก แล้วเริ่มตั้งสติ

    เขาต้องใจเย็น ๆ ตอนนี้ชีวิตริทขึ้นอยู่กับเขา...

    เขาต้องปกป้องเจ้าตัวเล็กให้ได้!

    มึงจะเอายังไงไอ้แชมป์...มึงพูดมา! มึงจะให้กูทำอะไรมึงถึงจะปล่อยคนของกู!”

    หึ...กราบตีนกู...แล้วกูจะปล่อยมัน...!”

    ร่างสูงชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ใบหน้าตี๋เงยหน้าขึ้นไปสบตากับใบหน้าหวาน

    ไม่ต้องทำนะพี่โน่ ไม่ต้องทำ...อย่าทำนะ...!” แม้จะรู้สึกกลัว แต่ริทก็ไม่ยอมให้คนตรงหน้าต้องเสียศักดิ์ศรีด้วยการก้มกราบไอ้เศษสวะคนนี้

    ปากดีไปไอ้ตัวเล็ก...เดี๋ยวก็โดนปากปิดปากหรอก!” แชมป์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังหันใบหน้าไปหาคนที่อยู่ในอ้อมแขน ริทพยายามขืนใบหน้าตัวเองให้ออกห่างจากใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความรังเกียจและขยะแขยง เมื่อโตโน่เห็นแบบนั้น เขาก็ทนไม่ไหว ต้องตะโกนประโยคนี้ออกไป

    หยุดนะไอ้แชมป์...กูยอมทำ...

    และแค่เพียงประโยคนี้ ร่างสูงก็ค่อย ๆ คุกเข่าลง...

    ไม่นะพี่โน่ อย่าทำแบบนี้ ลุกขึ้น!!!!”

    ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอาเลย กราบตีนกูเลย กราบ!!!!”

    จังหวะที่ร่างสูงกำลังก้มลง มือหนาก็หยิบไม้บรรทัดฟุตเหล็กที่สอดอยู่ที่เอวออกมาฟันที่ข้อเท้าของคนที่กำลังหัวเราะอย่างแรง เป็นผลให้คนถูกฟันรู้สึกเจ็บจนต้องแขนที่ล็อกคอร่างเล็ก

    พี่โน่... ริทตะโกนออกมา พลางวิ่งเข้าไปหาคนที่ยืดตัวเต็มความสูงแล้ว โตโน่รับร่างเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่เขาจะลูบหัวเล็กเบา ๆ อย่างปลอบโยน แล้วเดินย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่ยืนกุมข้อเท้าตัวเอง

    ปั้ก!

    ปลายเท้าที่เตะเสยปลายคาง ส่งผลให้คนโคนเตะหงายหลังล้มลงไปนอนที่พื้น โตโน่ยกเท้าขึ้นไปเหยียบยอดอกของคนที่นอนเลือดกลบปาก

    เมื่อกี้มึงบอกให้กูกราบตีนมึงใช่ไหม คราวนี้คงต้องเป็นมึงแล้วล่ะ ที่ต้องกราบตีนกู... โตโน่ว่า ก่อนที่เขาจะบดเท้าของเขาไปที่อกคนที่ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา

    กะ กะ กูขอโทษ...

    หวอ ๆ ๆ ๆ

    เสียงรถตำรวจที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ร่างสูงยกปลายเท้าออกแล้วคว้ามือบางให้วิ่งออกไปจากบริเวณนี้ คนสองคนรีบวิ่งไปตามทางเดินที่ทอดยาวภายในสวนสาธารณะ

    แฮ่ก ๆ ๆ พักก่อนได้ไหมพี่โน่ ริทเหนื่อย... ร่างเล็กหยุดวิ่งพลางยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง เขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การวิ่งระยะไกล ๆ ในตอนที่เพิ่งเจอเหตุการณ์ระทึกมา ทำให้เขาหายใจไม่ทัน

    อดทนอีกนิดริท เดี๋ยวก็พ้นแล้ว เฮ้ย!” เมื่อเห็นว่ามีร่างของนายตำรวจสองนายวิ่งมาทางนี้ โตโน่ก็คว้าเอวร่างบางให้หลบเข้าไปหลังต้นมะขามเทศต้นใหญ่ เงามืดของต้นไม้ทำให้ตำรวจสองนายต้องใช้ไฟฉายสาดส่องมองหาคนที่พวกเขาเห็นว่าวิ่งมาทางนี้

    เขาจะเห็นเราไหมพี่...อุ๊บ!” ริทยังพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากของเขาก็ถูกมือหนาปิดเอาไว้ โตโน่ยกมือขึ้นมาทำท่าจุ๊ พลางก้มหน้าลงมาจนใกล้กับใบหน้าหวาน คนสองคนที่ยืดเบียดจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกันหายใจหอบถี่ด้วยความตื่นเต้น

    ตื่นเต้นจากการหลบตำรวจ...

    และตื่นเต้นจากการที่ได้อยู่ใกล้กัน

    เมื่อเห็นว่าตำรวจสองนายเดินจากไปแล้ว คนสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน มือบางฟาดไปที่ไหล่หนาเมื่อริมฝีปากของเขายังไม่เป็นอิสระเสียที

    โอ๊ะ! โทษที...ลืม ๆ

    ตำรวจสองคนนั้นไปแล้ว

    อืม...เราไม่เป็นอะไรใช่ไหม ร่างสูงถามพลางยื่นมือไปแตะสำรวจที่ใบหน้าและลำตัวของคนตรงหน้า อากัปกิริยานี้ของโตโน่ทำให้ริทหน้าขึ้นสีแดงเถือก

    มะ มะ ไม่เป็นไรครับ คนที่เป็นน่ะมันพี่ต่างหาก... ริทว่าก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงและใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นซับเลือดที่ปลายคิ้ว แก้มและมุมปากของคนร่างสูง

    ดวงตากลมโตที่แสดงออกถึงความเป็นห่วง เรียกมือหนาให้เลื่อนขึ้นมาจับมือบาง ใบหน้าคมค่อย ๆ ก้มลงไปหาใบหน้าหวาน...

    ริมฝีปากเรียวแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากบางและจากสัมผัสที่แผ่วเบาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นการไล่เล็มรอบกลีบปากสวยอย่างหยอกล้อเพราะถูกใจในความหวาน สองแขนเรียวเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอร่างสูง จากนั้นร่างสูงก็เขยิบเดินไปข้างหน้าส่งผลให้ร่างบางต้องเดินถอยหลังจนแผ่นหลังบางพิงกับต้นมะขามเทศ

    อืม... ร่างเล็กครางออกมา เมื่อร่างสูงเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปขบเม้มที่ใบหูของเขา ริมฝีปากสวยลากเลื่อนไปตามโครงหน้าเรียวแล้วหยุดริมฝีปากนั้นไว้ที่ลำคอขาว จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากร่างบาง พลางเลื่อนใบหน้าขึ้นไปแตะริมฝีปากของเขากับริมฝีปากบางอีกครั้ง...

     

     

     

    ถึงแล้ว...นี่บ้านริทเอง เมื่อเดินมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เกือบท้ายซอย คนที่เดินมาส่งก็แทบอยากจะเดินกลับทันที

    แค่ดูก็รู้ว่าเรา ต่างกัน แค่ไหน...

    เป็นอะไรพี่โน่ ทำไมทำหน้าแบบนี้ ริทถาม พลางยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าตี๋ที่กำลังทำหน้านิ่ง

    ไม่มีอะไรหรอก ริทรีบ ๆ เข้าบ้านเถอะ พูดจบ คนพูดก็โบกมือไล่ร่างเล็กให้เข้าบ้าน

    โอเค ๆ พี่ก็กลับบ้านดี ๆ นะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมารับริทไปเรียนล่ะ รับปากริทไว้แล้ว ห้ามเบี้ยว!” เสียงหวานที่เอ่ยย้ำ ทำให้ร่างสูงอดที่จะเอื้อมมือไปโยกหัวทุยตรงหน้าเบา ๆ ไม่ได้

    รู้แล้วน่า...ไม่เบี้ยวหรอก แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ

    อื้อ... รับคำเสร็จ ร่างเล็กก็เปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป โตโน่มองตามร่างบางไปจนสุดสายตา พลางก้มลงมองสภาพของตัวเอง

    เราสองคนไม่เหมาะสมกันจริง ๆ

    พี่ขอโทษนะริท...เราไม่ควรต้องเจอกันอีก...

     

     

     

    ริท...ทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีกลูก...นี่มันจะ 8 โมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก เสียงของคนเป็นมารดา เรียกใบหน้าหวานที่บัดนี้งอง้ำเนื่องจากถูกผิดสัญญาให้หันมามอง

    ริทรอเพื่อนมารับอยู่แม่

    แม่ว่าเพื่อนริทไม่มาแล้วล่ะ ไปเองได้แล้วลูก

    ก็คงงั้นน่ะแม่ งั้นริทไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ พูดจบ ร่างเล็กก็คว้ากระเป๋ามาถือไว้แล้วยกมือไหว้คนเป็นมารดาแล้วก้าวเดินออกไปจากบ้าน

    ในสมองของริทเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

    ทำไมพี่โน่ถึงผิดสัญญา ?

    และเพราะความไม่เข้าใจ ทำให้ร่างเล็กเปลี่ยนเส้นทางจากการไปโรงเรียนของเขาเป็นคลินิกที่เขาเคยไป เมื่อเดินมาถึงหน้าคลินิกริทก็เจอเข้ากับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง

    พี่โน่!” เสียงหวานที่เรียกด้านหลัง เรียกคนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าคลินิกให้หันมามอง

    ลุงไม่ใช่เจ้าโน่หรอก แต่เป็นพ่อของมัน เรามาหาเจ้าโน่หรอ คำถามของคนที่หน้าเหมือนพี่โน่ ทำให้คนที่เรียกผิดเดินเข้าไปหาคนถาม

    ใช่ครับ ผมหามาพี่โน่

    นี่เจ้าโน่มันไม่ได้บอกเราหรอ ว่ามันมีไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกที่มันจะต้องไปรายงานตัว คำตอบของคนตรงหน้า คล้ายเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวคนฟัง

    ละ แล้วพี่โน่เค้าจะกลับมาวันไหนครับ

    กว่ามันจะฝึกงานเสร็จก็อีก 4 เดือนนู่นแหล่ะ เผลอ ๆ เห็นมันบอกว่าถ้าถูกใจกับที่นั่น ก็อาจจะอยู่ทำงานยาวเลย อาจไม่มีกำหนดกลับน่ะ...

    เมื่อฟังประโยคนี้จบ น้ำตาของริทก็ไหลออกมาทันที

    ไอ้พี่โน่บ้า!!!!

    พี่มาทำแบบนั้นกับผมแล้วก็หนีผมไปแบบนี้เนี่ยนะ!!!!!

    บ้าเอ๊ย!!!!!!!

    ริทไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องรู้สึกแบบนี้กับใครนอกจากนาว เพราะเขาคิดว่าเขารักนาวมาโดยตลอด

    แต่เมื่อเขาได้พบกับพี่โน่...

    เขาก็ได้รู้ว่า...ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รักนาว เขาแค่ชอบนาวเฉย ๆ

    แต่กับพี่โน่...มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าชอบ

    แม้จะรู้จักกันได้แค่วันเดียว...แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับวันและเวลา

    เขาเพิ่งเข้าใจคำว่า รักไม่ต้องการเวลา ก็วันนี้...

    แต่ความรักของเขาก็หายไปแล้ว พร้อมกับคนที่หนีเขาไปแสนไกล

    ยังไม่ทันได้เริ่มต้น...ก็ต้องสิ้นสุดเสียแล้ว...

     

     

     

     

    ทางด้านคนที่หนีหัวใจของตัวเองมาแสนไกล ก็ต้องนั่งเหม่อมองไปยังท้องทุ่งกว้างสีเขียวขจีเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่หม่นหมอง

    เขาไม่ได้อยากจะทำแบบนี้...

    เขารู้ดีว่า...ริทรู้สึกยังไงกับเขามากพอ ๆ กับที่เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเขาเองรู้สึกอย่างไรกับริท

    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสัมผัสเมื่อคืนทำให้เขารู้ว่า...

    เขารักริท...

    รัก...ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน

    แต่เขาจำเป็นต้องหยุดความรักไว้เพียงเท่านี้...

    เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่เหมาะสมกับริทสักนิด...ไม่มีอะไรเหมาะสมเลย

    ริทควรมีอนาคตที่ดี ซึ่งอนาคตที่ว่านั้น...ต้องไม่มีเขา!

     

     

    วันเวลาในแต่ละวันของคนสองคนค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกทรมานที่เกิดขึ้นทำให้คนที่เคยร่าเริงเสมออย่างริทกลายเป็นคนที่เงียบขรึม เมื่อเรียนจบมัธยมปลายริทตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    ส่วนโตโน่...เขาได้มาทำงานที่ไร่ชาในภาคเหนือ และเกิดติดใจจนเขาตัดสินใจทำงานอยู่ที่นี่ เป็นผู้จัดการดูแลไร่ชา...

    เขาไม่อยากกลับไปที่บ้านของเขา เพราะไม่อยากจะต้องคิดถึงเหตุการณ์และคนที่นั่น...คนที่เอาหัวใจของเขาไป...

    ในเช้าวันหนึ่ง...

    คุณโน่ครับ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ เสียงตะโกนโหวกเหวกบริเวณหน้าบ้าน เรียกร่างสูงที่กำลังติดกระดุมเสื้อให้เดินไปเปิดประตู

    อ้าวอาจิ้ง...เกิดเรื่องอะไรแต่เช้าครับ

    พอดีมีป้อจายคนหนึ่งครับ เปิ้นมาเหวี่ยงพวกเฮาหาว่าพวกเฮาไปหลอกให้เปิ้นดื่มชาไม่มีคุณภาพครับ คำอธิบายที่มาพร้อมกับภาษาเหนือ ทำให้คนฟังต้องรีบติดกระดุมเสื้อแล้วก้าวยาว ๆ ตามคนที่มาตามเขา

    ใครกันนะ...มาเหวี่ยงโวยวายแต่เช้าแบบนี้...?

    ชาแบบนี้มันไม่ได้คุณภาพ มันต้องใช้วิธีการอบแบบนี้ต่างหาก ร่างเล็กที่ยืนหันหลังหยิบหนังสือเล่มโตออกมาจากกระเป๋า พลางพลิกเปิดหน้าที่มีกรรมวิธีการอบชาให้กับพนักงานสาวที่อยู่ในชุดชาวเขาพื้นเมือง

    คนที่เพิ่งเดินมาถึงเมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้า เขาก็รู้สึกเหมือนความรู้สึกเก่าที่เขาพยายามกดเก็บไว้ค่อย ๆ ฟื้นคืนมา...

    ไม่...ไม่ใช่หรอก...

    คุณโน่... แล้วเสียงเรียกของคนเป็นพนักงาน ทำให้ร่างเล็กหันไปมองคนเป็นเจ้าของชื่อ

    และทันทีที่คนสองคนหันมาเผชิญหน้าและสบตากัน ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงก็ฉายชัดในดวงตาของคนทั้งคู่

    ริท...

    พี่โน่...

    คนสองคนโผเข้ากอดกันด้วยความรู้สึกที่คิดถึงสุดขั้วหัวใจ

    ฮึก...ฮือ...พี่โน่จริง ๆ ด้วย...พี่โน่จริง ๆ... ร่างเล็กเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

    อืม...ใช่...พี่เองริท...พี่โน่เอง... โตโน่ว่าพลางใช้มือลูบไปมาที่เรือนผมนุ่ม แล้วร่างสูงก็ดันร่างเล็กออกจากอ้อมกอด แล้วก้มหน้าลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากบางด้วยความโหยหา...

    ริมฝีปากที่บดจูบกันกำลังถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งสองคน

    ทั้งความรู้สึกโหยหา...คิดถึง...รัก...และอีกหลายร้อยหลายพันความรู้สึกที่หากใช้คำพูดอธิบายก็คงต้องพูดทั้งวันทั้งคืน...แต่เมื่อใช้สัมผัสทางร่างกายก็คล้ายจะอธิบายได้ทุกความรู้สึกที่มีทั้งหมดของหัวใจ

    เมื่อวันเวลาของคนสองคนมาบรรจบกัน...

    ความรักและความผูกพันที่เคยคิดว่าเลือนหายก็ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง...

     

     

     

     

     

     

    The End




     

    ..อย่างที่แจ้งแต่แรกค่ะว่านี่เป็นเพียงฟิคที่กวางแต่งเพื่อง้อเพื่อนสนิท..เพราะงั้นมันจึงจบเพียงในตอนนี้นะคะ...ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×