ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #22 : ย้อนยุค 20 (100%) : งานประชุมน้ำชา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.43K
      466
      3 พ.ค. 60


    ย้อนยุค 20

    งานประชุมน้ำชา

     

    ตึกไม้สูงตระหง่าสี่ชั้น ยามกลางวันมันเป็นสถานที่นัดพบกันระหว่างชายหญิงที่อยู่คนละฟาก ความหอมหวานของเกสรดอกไม้ เคล้าเสียงน้ำไหลเอื่อยเฉื่อยชวนให้นึกว่าตนหลงมาอยู่เเดนสวรรค์ เเต่เมื่อยามค่ำคืนครอบคลุมผืนฟ้า เเสงจันทร์ส่องเเสงเเทนตะวัน เรือนป่าไผ่อันงดงามกลายเป็นจุดที่ผู้คนหลีกเลี่ยงจะมามากที่สุด

    ด้วยความที่อยู่ท่ามกลางต้นไม่สูงใหญ่ เงามืดทาบลงตึกหลังนี้จนเหมือนเรือนร้างของผีเเค้น

    บัดนี้ห้องหนึ่งในเรือนร้างที่ว่ากลับมีเงาสองร่างโรมรันพันตูกันอย่างดุเดือด เสียงครางหวานปนหอบดังไปทั่วตึก จนคนที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้อยู่ด้านล่างยังได้ยิน

    ร่างในชุดสีดำเฉกเช่นเดียวกับท้องฟ้ากระตุกยิ้ม ดวงตาทอประกายสนุกสนาน

    "ดูท่าจะมีละครให้ชมอีกเเล้วสิ"

    ...หวังว่าจะสนุกคุ้มค่ากับที่เขารอคอยหน่อยนะ

     

    เหล่านกน้อยต่างขับขานเป็นสัญญาณเข้าสู่เช้าวันใหม่ ลู่เจ๋อพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ความสุขสมเมื่อคืนทำให้เด็กหนุ่มพอใจมาก มือนุ่มดั่งหยกเอื้อมไปกอดคนด้านข้างอย่างออดอ้อนทั้งที่ยังหลับตา รอยยิ้มเต่งเเต้มริมฝีปาก

    "อืม"

    คนในอ้อมกอดครางฮือ ลู่เจ๋อตัวเเข็งค้าง ร่างกายเย็บเฉียบราวกับน้ำเเข็ง

    นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น พอเห็นหน้าคนที่ตานอนซบอยู่ชัดเจนก็กรีดร้องโหยหวน!

    "เฮ้ย!! อะไรวะ!!"

    ชายหนุ่มอ้วนท้วนคนผุดลุกขึ้น ใบหน้าอวบอูมดูมึนงงสับสน นั่นทำให้ลู่เจ๋อกรีดร้องเสียงดังกว่าเดิม

    "เจ้า!!!! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!!!"

    พี่เจว่ยหายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นไอ้บ้านี่ไปได้!!

    หรี่ดวงตาเรียวเล็กของตนลง "เจ้าเขียนจดหมายนัดข้ามามิใช่รึ?"

    "วะ ว่าไงนะ!?"

    เขายักไหล่ ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าข้างเตียงอย่างไม่รีบร้อน ถึงจะตกใจที่เด็กหนุ่มตื่นมาโวยวายทั้งที่ 'เมื่อคืน' เร่าร้อนเสียขนาดนั้น ดวงตาที่เฉียงขึ้นเหมือนจิ้งจอกเหลือบเห็นหม้อกำยานบนโต๊ะ เขากระตุกยิ้มมุมปาก

    อย่างนี้นี่เอง สาเหตุที่เขามึนเมาไม่ได้สติจนโรมรันกันตั้งเเต่เหยียบเข้าห้อง คงเป็นเพราะยาปลุกนี่สินะ

    เห็นร่างอวบอูมขึ้นเเต่งตัวไม่สนใจ เเถมมองตนเองด้วยสายตาดูถูกปนรู้ทัน ลู่เจ๋อพลันหน้าเเดงซ่านพุ่งเข้าไปตบตีทันที

    เพียะ!!

                "ไอ้ต่ำช้า! สถุน! น่ารังเกียจ! ข้าจะฆ่าเจ้า!!!"

    เพี้ยะ!

    "โว้ย!!"

    เดิมทีชายหนุ่มก็หงุดหงิดพออยู่เเล้ว เจอลู่เจ๋อลงมือฟาดเเบบนี้เส้นอารมณ์จึงขาดผึง ยกเท้าถีบร่างบางจนตกเตียงไป

    "โอ้ย!"

    "หุบปากได้เเล้ว! ทั้งที่เมื่อคืนเป็นคนร่อนตูดมาให้ข้าเอง! จะมาโวยวายอะไร!!" ตัวเขาเป็นพวกกักขะ ไม่เคยถนอมน้ำใจดอกไม้งามอยู่เเล้ว จึงไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเข้าโต้ตอบ

    นัยน์ตามรกตเบิกกว้าง ตั้งเเต่เกิดมาลู่เจ๋อพึ่งรู้สึกอัปยศเป็นครั้งเเรก สองมือกำหมัดเเน่น เตรียมใช้วรยุทธใส่ไอ้สุนัขน่าตาย!!

    จังหวะที่ฝ่ามือเตรียมฟาดใส่ เสียงโวยวายตื่นเต้นก็ดังมากจากด้านล่าง ใบหน้างดงามหน้าซีดเผือกก่อนเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว

     หนุ่มจิ้งจอกก็หัวเราะในลำคอ "อยากได้ข้าจนวางเเผนเรียกคนมาดูเลยหรือ? ข้านับถือความกล้าของคุณชายลู่เหลือเกิน"

    ที่เเท้อีกฝ่ายคือหลวนเล่อ ทายาทคนต่อไปของสำนักพรวนทิพย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นสาย ทั่วหล้าไม่มีใครที่พวกเขาไม่รู้จัก ต่างเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  เขามาที่นี่เพื่อเป็นคนกลางตามคำขอของโจวเจว่ย

    เมื่อคืนมีจดหมายส่งมาที่ห้อง พรรณาถึงความรักอันล้นเหลือเเล้วนัดมาที่นี่ ไอ้เขาก็เบื่อๆอยู่เเล้ว เลยกะจะมาหัวเราะเยาะไอ้คนที่ส่งจดหมายนี่มาเสียหน่อย คิดไม่ถึงพอเปิดประตูเข้ามาเเล้วจะโดนกลิ่นหอมหวานครอบครองสติทั้งหมด

    ช่างเป็นรอยด่างพร้อยเเสนอับอายเสียจริง

    ลู่เจ๋อกัดริมฝีปากกลืนความเดือดดาลลงคอ ตอนนี้เด็กหนุ่มก็ต้องหาทางหนีเเม้จะสับสนว่าทำไมไอ้อ้วนที่ตนส่งไปจัดการสือโถวถึงมาอยู่ที่นี่เเทนโจวเจว่ยไปได้! ไม่เช่นนั้นเหล่าศิษย์น้องที่เรียกปรมาจารย์เเละเจ้าสำนักคนอื่นจะเข้ามาเห็น

    เเต่พอเขาจะหาเสื้อผ้ามาใส่บ้าง เป็นอันต้องอ้าปากค้าง

    ชุดตัวยาวถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คาดว่าน่าจะเกิดจากอารมณ์ปราถนาเมื่อคืน เด็กหนุ่มกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด

    "ถอดเสื้อผ้ามาให้ข้า!!!"

    "เรื่องสิ!"

    "ข้าคือคุณชายสามเเห่งสำนักม่านหมอกนะ! เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ!"

    "หึ คุณชายอะไร! ขยับเอวดีกว่าเเม่นางที่หอนางโลมอีก!!"

    "นี่เจ้า!!"

    ตึก ตึก! ตึก!!

    ลู่เจอกัดฟันเเน่น ตัดสินใจเด็ดขาด คว้าผ้าห่มบนเตียงมาคลุมกาย หันหลังกระโดดลงจากชั้นสี่ทันที ด้วยความที่มีวรยุทธอยู่ขั้นที่สอง เด็กหนุ่มจึงถึงผืนดินโดยสวัสดิภาพ ไม่ทันจะได้ออกตัว เสียงตุบข้างตัวทำให้เขาต้องตวัดไปมอง

    หลวนเค่อเองก็กระโดดลงมาเช่นกัน เเผ่นอกเปล่าเปลือย บ่งบอกว่าเขาเองก็ร้อนใจไม่เเพ้ลู่เจ๋อ

    "เจ้าขี้ข้า ออกไปให้ห่างจากข้านะ!"

    "เหอะ ใช่ว่าข้าอยากอยู่ใกล้เจ้านักนะ เเต่ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเองโดนจับเพราะเจ้าเด็ดขาด"

    ราวกับคู่ผีเน่ากับโรงผุ พวกเขาสองคนตบตีกันไปตลอดสองทางเดิน ผมยาวสลวยเเต่กาลก่อนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง อีกฝ่ายก็ไม่เเพ้กัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยข่วนมากมาย

    ทั้งสองคนเอาเเต่ด่าทอกันจนไม่รู้เลยว่าดวงตาสิบกว่าคู่เบิกตากว้างกับภาพที่เห็น

    ลู่เจ๋อบนคนเเรกที่รู้สึกตัว เด็กหนุ่มหันขวับไปยังต้นไม้ใหญ่เเถวริมน้ำตก พอเห็นว่ามีคนมองอยู่ก็ตัวเเข็งค้าง ก่อนเปลี่ยนเป็นเดือดดาลเมื่อเห็นในกลุ่มมีใครคนหนึ่งมองมาไม่วางตา

    รอบกายสือโถวเต็มไปด้วยเเม่นางน้อยอ้อนเเอ้นหลายคนห้อมล้อมอยู่ เเต่ละคนยกมือปิดปากปิดหน้ากับภาพที่เห็น

    ดวงตาสีดำกวาดมองสภาพของคนทั้งสอง ทำหน้าปั้นยากไม่รู้จะสมเพช สงสาร รึหัวเราะก่อนดี

    ลำตัวขาวดั่งหยกของลู่เจ๋อตอนนี้เต็มไปด้วยรอยขบกัดหลายรอย สารรูปราวกับจะตะโกนให้โลกรู้ว่าเขาไปดุเดือดกับใครมา ข้างตัวก็ไม่น้อยหน้า เเผ่นอกมีรอยเล็บไม่ต่ำกว่าสิบ สือโถวรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายไม่น้อย

    "...ท่าน" ชื่ออะไรวะ

    "หลวนเค่อ" หลิวจี่เดาใจเพื่อนออก เขากระซิบเสียงเบา

    "อืม ท่านหลวนเค่อ ข้าว่าท่านไปหาชุดมาให้เมีย เเฮ่ม เอ่อ คนรักของท่านใส่ก่อนมั้ย เเบบนี้มันไม่งาม" ถึงเเม้ความจริงมันจะเลยคำว่างาม จนกลายเป็น 'งามหน้า' นานเเล้วก็เถอะ

    "ไม่ใช่เมีย!!!"

    หลวนเค่อตะโกนหน้าดำหน้าเเดง สาวน้อยพากันสะดุ้งเฮือก เดือดร้อนสือโถวต้องเข้าไปลูบหัวปลอบใจ

    "ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ เเต่ข้าพูดจริงนะที่ต้องหาชุดมาหะ-" ไม่ทันจบประโยคลู่เจ๋อก็พุ่งมาคว้าคอเสื้อสือโถวราวกับวิญญาณอาฆาต สาวน้อยร้องกรี๊ดเมื่อถูกผลักกระเด็น

    "เพราะเจ้า! เป็นฝีมือของเจ้า!!"

    นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างจนเเทบเห็นเเต่ตาขาว

    "หา?" สือโถสทำหน้างง

    "ความจริงไอ้หมูติดสัดนี่ต้องอยู่กับเจ้าสิ!! การที่เขามาอยู่กับข้าได้ เเสดงว่าเรื่องทั้งหมดต้องเป็นฝีมือของเจ้า!"

    กว่าจะฟังจบประโยคสือโถวถึงกับมึนตึ๊บ อะไรอยู่กับข้า อะไรอยู่เจ้า?

    ก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดมากกว่านี้หลิวจี่จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย "ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น เเต่พวกข้ากำลังจัดงานประชุมน้ำชาประจำปี คงไม่มีเวลาไปยุ่งกับพวกเจ้าสองคนหรอก"

    ถ้าสังเกตให้ถี่ถ้วน ณ ใต้ต้นไม้ใหญ่ยามนี้ถูกประดับไปด้วยเถาวัลย์เเละดอกไม้มากมายดูสดใสงดงามเเม้ว่ากำลังเข้าสู่ฤดูวสันต์ ข้างริมน้ำมีโต๊ะเตี้ยพร้อมชาร้อนตั้งอยู่ประปราย ฉากหลังคือน้ำตกขนาดใหญ่ เหมาะเเก่งานพบปะนานครั้งของหนุ่มสาว

    ลู่เจ๋อรู้สึกอับอายกว่าเดิม เด็กหนุ่มรู้ดีว่าสือโถวไม่เกี่ยว เเต่กระนั้นความโกรธที่สุมหัวอยู่ทำให้เขาฟาดคนไปทั่ว ในเมื่อเกิดเรื่องเเบบนี้ขึ้นเเล้ว ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!!

    มือนุ่มยกสูงขึ้น เตรียมใช้วรยุทธฟาดอีกฝ่ายให้ตายในฝ่ามือเดียว

    ก่อนที่ปลายนิ้วจะได้สัมผัสกับใบหน้าสือโถว ฉับพลันเสียงกัมมนาทก็สั่นสะเทือนทั้งผืนดิน

    "หยุด!!!"

    "!!!"

    "!!"

     เด็กหนุ่มหน้าซีดขาวทำท่าเหมือนอยากจะเป็นลมตรงนี้ให้ได้ เพราะคนที่อยู่หน้าขบวนคือท่านเจ้าสำนักม่านหมอก!

    เพราะเอาเเต่เถียงกับเจ้าขี้ข้า ทำให้ขบวนเมื่อครู่ตามมาทัน ที่สำคัญทำไมบิดาของเขาถึงมาด้วย?!

    "น่าอับอายนัก!!"

    ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของอายุโกรธจัด หนวดเส้นยาวเเทบลุกเป็นไฟ หากบรรยายถึงลักษณะท่านเจ้าสำนักของม่านหมอกก็ต้องบอกว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนที่เเข็งเเรงบึกบึน ใบหน้าดุดันเลี้ยงเครายาวถึงอก ยามนี้คิ้วเข้มขมวดกันเเน่น กัดฟันกรอดจนสันกรามนูนอย่างเห็นได้ชัด

    ท่าทางคุกคามกับไอกดดันทำเอาลู่เจ๋อเเทบทรุดลงพื้น ดวงตาสีมรกตสั่นระริก

    "ทะ ท่านพ่อ"

    "ยังกล้าเรียกข้าว่าพ่ออีกหรือ ไอ้ลูกสารเลว!!"

    "ฮึก!"

    ท่านพ่อเป็นคนรักษาหน้าของตัวเองมากที่สุด เห็นทีเขาคงรอดยากเเล้ว!

    ไม่! ต้องไม่จบเเบบนี้!!

    ลู่เจ๋อตวัดสายตาอาฆาตไปยังร่างสูงผอม ชี้นิ้วตะโกนใส่หน้าสือโถว "เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของมัน! ข้าถูกใส่ร้ายนะท่านพ่อ!"

    "บังอาจ!" เสียงใสเเทรกขึ้นมากลางวง หญิงสาวในชุดขาวลายเมฆางดงามก้าวขึ้นหน้าออกมาจากขบวนด้านหลังจ้าวสำนักม่านหมอก นางกอดอกเชิดหน้าใส่ลู่เจ๋อ สายตาดูถูกเหยียดหยามคนตัวเล็กอย่างเห็นได้ชัด "นายน้อยลู่กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านกำลังดูถูกศิษย์สำนักเหม่ยลี้อยู่งั้นรึ!!"

    หญิงสาวผู้นี้คือโจวอิ๋ง ธิดาคนโต หรือพี่รองของโจวเจว่ย นางจิกตาไปยังจ้าวสำนักม่านหมอกที่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธไม่หยุด "ข้าไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับการสั่งสอนเหล่าบุตรของท่านหรอกนะเจ้าคะ เเต่การที่ลูกท่านเอาเเต่โยนความผิดให้ศิษย์ของสำนักของเรานี่หมายความว่าอย่างไร! หรือพวกท่านไม่เห็นสำนักเหม่ยลี้อยู่ในสายตา!!"

    จ้าวม่านหมอกกำลังจะอ้าปาก นางก็หันไปเเว้ดใส่เด็กหนุ่มร่างเล็กอีกครั้ง "เเล้วก็นายน้อยลู่ ท่านหาว่าศิษย์เราเป็นคนใส่ร้ายท่าน ท่านมีหลักฐาน?"

    "ระ เรื่องนั้น"

    "รอยบนตัวท่าน สือโถวเป็นคนทำ? ดูจากบาดเเผลของท่านหลวนเค่อ... หึ คงสนุกกันทั้งคืนมากกว่ากระมั้ง"

    โจวอิ๋งเดิมทีเป็นสตรีที่รักสงบ เเต่การที่ลู่เจ๋อโยนความผิด หวังให้สำนักเหม่ยลี้เสื่อมเสียทำให้นางทนไม่ได้!

    "เจ๋อเอ๋อ" ลู่เหลียนยกมือปิดปาก ดวงตาสีเดียวกันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา "ทำไมเจ้าถึงทำเเบบนี้ หากเจ้าชอบพอกับท่านหลวนเค่อน่าจะบอกท่านพ่อตามตรง ไม่เห็นจะต้องเเอบไปมี 'ความสัมพันธ์' ลับหลังเช่นนี้เลย"

    นังจิ้งจอก!

    ลู่เอ๋อกัดริมฝีปากเเน่นจนได้กลิ่นเลือด

    "ข้าไม่ได้ชอบไอ้อ้วนนี่ซะหน่อย! ทุกอย่างเป็นความฝีมือของไอ้ขี้ข้านั่น!"

    "นายน้อยลู่" สือโถงที่เงียบมานานกล่าวขึ้นบ้าง "ข้าเตรียมงานประชุมน้ำชานี่ทั้งคืน คงไม่มีเวลาไปยุยงส่งเสริมให้ท่านเอาตูดไปเสียบเเท่งหยกมังกรของท่านหลวนเค่อหรอกขอรับ"

    "จะ จะ เจ้า!"

    "ใช่! พวกข้าอยู่จัดงานกับเขาทั้งคืน สามารถเป็นพยานได้!"

    เหล่าชายหนุ่มที่มาร่วมงามส่งเสียงจอเเจ เริ่มเกลียดขี้หน้านายน้อยคนงามเเห่งสำนักเหม่ยลี้ สภาพของเขากับหลวนเค่อล้วนบ่งบอกว่าสนุกกันมากเพียงไร นี่คงอายไม่อยากยอมรับจึงโยนความผิดทั้งหมดให้สำนักเหม่ยลี้ล่ะสิ

    "ว่าอย่างไรหลวนเค่อ" โจวอิ๋งถามคนที่ยืนเงียบ

    ในเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้แล้วสู้บอกความจริงน่าจะดีกว่า หลวนเค่อพิจารณาผลได้ผลเสียสักพัก ก่อนจะบอกไปตามตรง

    "เมื่อคืนข้าได้รับจดหมายรักจากใครบางคน พอมาที่นัดหมายก็โดนกระโจนเข้าใส่ หลังจากนั้น...ก็เป็นอย่างที่เห็น"

    ทุกคนมองลู่เจ๋อเป็นทางเดียว ลู่เหลียนยกผ้าเช็ดน้ำตา ท่าทางสะเทือนใจ

    "ระ ไร้ยางอายยิ่งนัก ท่านพ่อ ข้าอภัยที่เลี้ยงดูน้องเจ๋อไม่ดีเจ้าค่ะ!!"

    ร่างนุ่มนิ่มทำท่าจะโขกศรีษะกับพื้น ท่านจ้าวสำนักม่านหมอกรีบประครองลูกสาวในดวงใจขึ้นมา ปลอบนางเสียงอ่อนโยน ก่อนตวัดสายตามาดร้ายใส่ลู่เจ๋อจนเขาสะดุ้ง "บัดสีที่สุด! เคยเห็นเเก่หน้าวงศ์ตระกูลบ้างหรือไม่!"

    "ท่านพ่อ!"

    "อย่ามาเรียกข้าว่าพ่อ! เเล้วท่าน!..." บุรุษวัยกลางคนสูดลมหายใจลึก "จะเอายังไงกับลูกข้าต่อ"

    "น้ำเเตกก็เเยกทางสิ"

    หลวนเค่อยักไหล่

    "ว่าไงนะ!"

    "นี่ ท่านจ้าวสำนัก เดิมทีเรื่องนี้ข้าเป็นคนเสียหายนะขอรับ ข้าโดนผงกำยานรัญจวนเล่นงานถึงได้ตามน้ำไปกับลูกชายท่าน การที่ข้าไม่ถือสาที่คุณชายน้อยเล่นพิเรนท์หวังจะจับข้า เเล้วยังใจดีปล่อยไม่เอาความ ท่านน่าจะขอบคุณข้านา"

    สมกับเป็นคนกักขะ ถ้อยคำเอาเเต่ได้ไม่สนเลยสักนิดว่าต่อจากนี้ลู่เจ๋อจะมีสภาพอย่างไรในสังคม บุตรชายของฝ่ายธรรมมะใช้ผงรัญจวนที่เป็นของขึ้นชื่อของพรรคมารในการจับผู้ชาย เเค่คิดส่ายหัวเเล้ว

    ท่านจ้าวสำนักม่านหมอกอยากจะเถียง เพียงเเต่สภาพทักอย่างทำให้เขาพูดต่อไม่ออก ในเมื่อมันชัดเจนจนหาข้อโต้เเย้งไม่ได้

    "ทะ ท่านพ่อ" มือนุ่มหมายจะคว้าเเขนผู้เป็นบิดาไว้ ท่านจ้าวสำนักไม่เพียงตอบรับยังตบหน้าเด็กหนุ่มจนกระเด็น เเรงของคนที่มีวรยุทธขั้นห้าทำเอาลู่เจ๋อเจ็บปวดเเทบลุกไม่ขึ้น ได้เเต่นอนน้ำตาไหลพราก

    หลวนเค่อผิวปาก ช่างเป็นบิดาที่โหดร้ายเสียจริง

    "ไสหัวไป!! ไอ้ผู้ชายที่ดีเเต่ร่อนตูดไปให้บุรุษด้วยกัน ไม่ใช่ลูกข้า!!"

    "ขะ ข้าขอโทษ ท่านพ่อ ฮึก ข้าขอโทษ"

    "เเค่ประลองเเพ้ไอ้ศิษย์ใหม่ข้าก็อายอยู่เเล้ว ยังมาทำงามหน้าเช่นนี้อีก! เด็กๆลากมันไปโบย ถ้ามันไม่ตายอย่าหยุดมือ!!"

    "ท่านพ่อ!!"

    ดูท่าท่านจ้าวจะโกรธจนสิ้นสติไปเสียเเล้ว ลู่เจ๋อกรีดร้องเสียงดัง เมื่อองค์รักษ์ประจำสำนักหิ้วปีกเด็กหนุ่มไปคนละข้าง ร่างบางดีดดิ้นเเต่ไม่อาจสู้เเรงคนที่มีวรยุทธเหนือกว่าได้ จึงได้เเต่โวยวายขอโทษบิดาตนไปตลอดทาง

    ส่วนเหล่าสำนักเหม่ยลี้ที่เหลือต่างอ้าปากค้าง รู้สึกหนาวจับใจ จ้าวสำนักม่านหมอกเป็นคนที่เห็นเเก่หน้าตนเองมากกว่าลูกไส้ตัวเองเกินไปเเล้ว! เรื่องเเค่นี้ถึงขั้นสั่งประหารเลยหรือ?!

    โจวอิ๋งทำหน้าไม่ถูก นางเเค่ไม่อยากให้สำนักของตนถูกใส่ร้าย ไม่ได้ตั้งใจทำให้เด็กหนุ่มตายเเบนี้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มกำลังจะเอ่ยห้าม ลู่เหลียนก็พุ่งเข้าไปกอดร่างหนาของบิดา

    "ท่านพ่อ! ได้โปรดยั้งมือไว้ด้วย ลู่เจ๋อยังเด็ก เขาอาจทำอะไรไปโดยไม่ได้ตั้งใจ"

    "เหลียนเอ๋อ ครั้งนี้พ่อคงอภัยให้ไม่ได้ การที่มันใส่ร้ายคนในสำนักเหม่ยลี้เช่นนี้ หากเกิดผิดใจกันขึ้นมาจริงๆ เจ้ารู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมาดี!"

    "เเต่น้องยังเด็กนะเจ้าคะ!"

    "อายุสิบเเปดไม่ถือว่าเด็กเเล้ว!"

    "ถ้างั้น..." ใบหน้างดงามเปื้อนน้ำตาก้มลงคล้ายลังเลใจ "โบยลู่เจ๋อสักร้อยที เเล้วค่อยทำลายโฉมหน้าของเขาดีหรือไม่เจ้าคะ?"

    "อะไรนะ?"

    "โบยร้อยทีเป็นการลงโทษที่บังอาจใส่ร้ายสำนักเหม่ยลี้ ส่วนการทำลายรูปโฉม...หากลู่เจ๋อหน้าตาไม่น่ามองเเลัวเขาคงไม่กล้าออกไปวางยารัญจวนใครอีกเเน่นอนเจ้าค่ะ นอกจากนี้บุรุษที่ร่วมเคียงหมอนของเขาคงตื่นจากพิษรัญจวนเมื่อเห็นใบหน้าของเขา"

    จ้าวสำนักเริ่มเอนเอียง ลู่เหลียนรีบพูดต่อ "ท่านพ่อจะได้ไม่ถูกคนกล่าวหาว่าสังหารบุตรเเท้ๆของตน ข้าเอง...ก็คงทำใจไม่ได้หากเสียลู่เจ๋อไป"

    สือโถวเลิกคิ้ว หมากกระดานนี้ลู่เหลียนเดินได้ไม่เลว นอกจากนางจะดูเป็นพี่สาวที่รักน้องมาก ยังเป็นการทำร้ายคู่เเข่งไปในตัว โดนโบยร้อยทีหากไม่ใช่คนอึดเเบบเขาก็มีเเต่ตายไม่ก็พิการ เเถมทำลายรูปโฉมอีก เป็นการฆ่าลู่เจ๋อทางอ้อมชัดๆ

    ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็จบลงโดยที่จ้าวสำนักถอนหายใจเฮือก ยอมทำตามที่ลู่เหลียนขอ พร้อมกันนั้นยังได้ขอโทษโจวอิ๋งถึงการกระทำอันไร้ยางอายของลู่เจ๋อ ส่วนหลวนเค่อพอจบเรื่องก็เดินผิวปากหายไปในเเมกไม้ ไม่คิดจะช่วยคนอุ่นเตียงเมื่อคืนเเม้เเต่น้อย

    ระหว่างที่กำลังเเยกย้าย เรือนร่างงดงามดั่งเซียนสาวกระซิบเสียงเบาคลอไปกับสายลมเย็น

    "ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้นะเจ้าคะ"

    "..." สือโถวชะงักเท้า เหลือบมองลู่เหลียนที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ

    นางเอียงคอเเย้มสดใสดั่งตะวันฉายเเสง "ครั้งต่อไปคงจะเป็นข้าสินะ...

    ข้าจะรอนะเจ้าคะ ท่านสือโถว"

    ลับเเผ่นหลังเล็ก พร้อมสาวใช้ทั้งสี่เเละขบวนของท่านจ้าวสำนักม่านหมอก บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เหมือนไม่มีเหตุการณ์รุนเเรงเกิดขึ้น โจวอิ๋งสั่งให้ทุกคนเก็บข้าวของ ระงับงานประชุมน้ำชาประจำปีออกไป

    ขณะที่ทุกคนกำลังขมักเขม่นเเกมบ่นที่โอกาสเกี้ยวสาวถูกชวด มีเพียงร่างสูงผอมในชุดสีดำยืนที่เหม่อมองไปยังทิศทางของขบวนเมื่อครู่ ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้น

    "ด้วยความยินดี"

     

    .................................................................100%.............................................................

     

    โอ้ยยยยย รู้สึกมีความเน่า เป็นผลพวงจากความเครียดในการสอบสินะ //ยกมือปิดหน้า

    ไรท์ยังสอบไม่เสร็จนะคะ อาจจะลงเเบบประบิดกระปอยสองสามวันครั้งไรงี้ ฮือออ อยากตัยส์

    เเล้วก็ ไรท์อยากถามว่าไอ้การลง nc เนี่ย นักอ่านสะดวกอ่านจากไหนกันอ่ะคะ คือไรท์ไม่เคยลง คือไรท์ควรเอาลงเฟส? หรือเอาลงในธัญวลัย?

    สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีต่อใจมั่กๆ 555



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×