ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนพิเศษ : มาเดททั้งทีทำไมต้องดันเจอน้องชาย (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.77K
      302
      23 พ.ค. 60


    ตอนพิเศษ

    มาเดททั้งทีทำไมต้องดันเจอน้องชาย (2)

     

    "ว้ายยยยย ท่านตงฉินดื่มเก่งจังเลยเจ้าค่ะ"

    "ท่านหายไปนานเลยนะเจ้าคะ รู้มั้ยว่าข้าเสียใจขนาดไหน~"

    "อุ้ย พ่อหนุ่มคนนี้คือใครหรือเจ้าคะ น่ารักน่าดูเอ็- ว้าย เอ็นดู คิก คิก"

    เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง...

    จุดที่สามีคนงาม(?)พาลูกศิษย์เข้าหอนางโลม!!

    เเลดูวันนี้ข้าจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสัปดนเยอะเป็นพิเศษว่ะ

    เหลือบมองตงฉินที่นั่งอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มโดนล้อมไปด้วยหญิงสาวร่างกายอ้อนเเอ้นเเต่นมไม่เเอ้นตามคอยบดเบียดอยู่สามคน เเม่นางเเต่ละคนจัดได้ว่าน่ารักเย้ายวน คอเสื้อเปิดโล่งเผยเนินอกขาวนวล มีนางเเมวสวาทอยู่ตั้งสามคนแต่สีหน้าของตงฉินกลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ขนาดเขาซึ่งมีวิญญาณหญิงสาวอยู่ด้านในยังต้องเเอบปาดน้ำลายเป็นระยะเลย

    นี่หรือคือธุระที่ว่าของพี่ท่าน

    หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์คนงามรำดาบปั่นคอสามีให้เขาดูหรอกนะ...

    "เหม่ออะไรอยู่หรือน้องชาย ข้าไม่น่าสนใจขนาดนั้นเชียว"

    ลมหายใจอุ่นร้อนพร้อมเสียงเเหบพร่าดังขึ้นข้างหู สือโถวขนลุกเกลียว ขยับให้ห่างจากเเม่นางอวบอั๋นที่นั่งอยู่ด้านข้าง

    ใจเย็นไว้ลูกพ่อ อย่าลุกขึ้นมาเคารพธงชาติเชียวนะเอ็ง พ่อยังไม่พร้อม!!

    "เเหมๆ ขี้อายเสียด้วย"

    เล็บนิ้วที่ตกเเต่งด้วยลวดลายสวยงามไล้ลงที่ข้างเเก้ม ดวงตาหวานเชื่อมมองอย่างเชิญชวน "ว่าอย่างไร สนใจไป 'เล่น' กับพี่สาวมั้ยจ๊ะ"

    "ขอโทษขอรับ คือข้า เอ่อ ขอผ่านดีกว่า"

    "เเหม เขินหรือ น่ารักจังเลยยยยย"

    "เปล่าขอรับ" ใบหน้าเกลี้ยงเกลาฉายเเววจริงจัง สองมือคว้ามือนุ่มนิ่มให้เเม่นางเคลิบเคลิ้มเล่น "พอดีรสนิยมของข้าคือคุณป้าวัยสี่สิบขี้นไป อายุยี่สิบเเบบท่านไม่ใช่เเนวขอรับ"

    "..."

    "ไม่ทราบว่าขอเปลี่ยนเป็นคุณปะ-"

    เพียะ!!

    "ไปตายซะ!!"

    กล่าวจบนางก็สะบัดเเขนเสื้อตัวยาวกระเเทกหน้าสือโถวดังปึ๊กซ้ำอีกรอบ เดินกระเเทกเท้าปึงปังลงจากชั้นลอย สือโถวยกมือกุมเเก้มกระพริบตาปริบๆ ข้าพูดผิดอะไรอะไรอ่ะ ชอบสาวเเก่ก็ผิดเหรอ

    เขาสะกิดอาจารย์ส่วนตัวที่เอาเเต่จิบเหล้าไม่หยุด ตงฉินเลิกคิ้วขึ้น

    "เอ่อ เรามาทำอะไรที่นี่หรือขอรับ"

    ถ้าพี่เเกบอกว่าจะมาปลดปล่อยออกสักน้ำสองน้ำแล้วล่ะก็ ตูข้านั้นจะกระโดดลงจากชั้นสองเเม่มเลย ไม่ขอเป็นสักขีพยานการนอกใจของครอบครัวชาวบ้านเขาเด็ดขาด!

    "ทำงาน"

    พูดได้ดูดี ทำงานบ้านเเกสิ หน้าจะซุกเต้าหู้ยักษ์สองก้อนอยู่เเล้ว!

    "...นายน้อยรู้รึเปล่าขอรับ ว่าเรา เอ่อ มาทำงาน"

    "เขาเป็นบอกให้มาทำซะด้วยซ้ำ"

    "ท่าน..." ทำไมโง่เเบบนี้ฟร่ะ!!

    นายน้อยให้มาสถานที่เร่าร้อนเช่นนี้เเสดงว่าต้องการทดสอบผัว เอ้ย เเฟนตัวเองเเน่ๆ!! อารมณ์บั่บ ข้าสั่งให้เจ้ามาหอนางโลม เจ้าจะกล้าไปหรือไม่?

    ดวงตาคู่สวยราวกับดวงดาวบนฟากฟ้าจ้องมองเเผ่นหลังกว้างอย่าเฝ้ารอ สองมือกำผ้าเช็ดหน้าเเน่น คราวนี้ฝ่ายเเอฟเฟคก็ต้องปล่อยดอกไม้โปรยปรายตามสายลมพร้อมร่างสูงที่หมุนตัวกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชายิ้มอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก พูดเสียงเเบบพระเอกซีรี่เกาหลี 'โจวเจว่ยอา นานึล(ฉัน) ซารางเฮโย (รักนาย)'

    ตวัดเเขนเเกร่งโอบเอวคนงามเข้าสู่อ้อมอก 'เพราะงั้น...อย่าได้ผลักไสข้าไปหาชะนีพวกนั้นเลยนะ'

    'ตงฉินโอปป้า'

    โจวเจว่ยครางเสียงเบา เเล้วทันใดก็ตัดเข้าฉากสิบเเปด ไม่สิ น้อยไป ให้ยี่สิบห้าบวกบวกไปเลย!!

    เรื่องมันต้องเป็นเเบบนี้เซ่ เเล้วไหงคุณพี่เสือดำถึงได้มานั่งหน้านิ่งให้เเม่นางสเเคชขึ้นลงเเบบนี้ละครับ!!

    "สือโถว" จู่ๆตงฉินก็พูดขึ้น ผ้าเช็ดหน้าถูกยื่นมาให้ "เลือดกำเดา"

    "อ๊ะ? เอ๊ะ เฮ้ย!!" พอก้มลงก็ต้องสะดุ้ง หยดเลือดมากมายไหลพรากมาจากโพรงจมูก เขาหน้าเเดงซ่านรีบคว้าผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูก ชิบหาย ดันนึกถึงฉากซารังเฮมากไป ซู้ดดดดดด

    "พวกเจ้าออกไปได้เเล้ว"

    "เอ๋~~"

    "ทำไมล่ะเจ้าคะ"

    "ท่านตงฉินเจ้าคะ"

    พวกนางเหง้างอดอยู่สักพัก พอเห็นว่าชายหนุ่มไม่เล่นด้วยจึงเดินงุ้งงิ้งบิดตูดออกไป เเต่ไม่วายทิ้งสายตาให้อย่าางอาลัยอาวรณ์ สือโถวเงยหน้าเช็ดเลือดกำเดาต่อ

    "ทางสำนักได้รับเรื่องมา"

    กึก

    ตงฉินเริ่มเข้าเรื่อง ดวงตาคมปราบกวาดมองความสนุกสนานของเหล่าชายหนุ่ม ท่าทีเหมือนเจ้าป่าที่กำลังจะขย้ำเหยื่อจนสือโถวรู้สึกขนลุกกราว

    "ที่นี่เเอบค้าขายทาสเด็ก ฉากหน้าคือหอนางโลมชั้นสูง เบื้องหลังกลับขายเหล่าเด็กน้อยให้เป็นของเล่นของพวกเศรษฐีวิปริต ข้าต้องลากตัวมันมาปั่นหัวให้ได้"

    "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เราเรียกให้พี่ชายหน่วยอินทรีโลหิตคนอื่นมาช่วยไม่ดีหรือขอรับ"

    "หึ เเค่ข้าคนเดียวก็พอเเล้ว"

    เห็นรอยยิ้มกระหายเลือดสือโถวได้เเต่ร่ำไห้ในใจ เออ ท่านอ่ะเก่ง เเค่กางมือทีเดียวก็ฆ่าได้เป็นสิบ เเต่ท่านลืมว่ายังมีข้าอยู่หรือเปล่า!? จะเอาข้ามาเป็นโล่มนุษย์รึไง!!

    "จำไว้ ต้องสืบเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด หาตัวการให้ได้ เเล้วลากมันออกมากระทืบในที่เเจ้ง!"

    หน้าข้าเหมือนโคนันหรือครับ จะได้ขยับเเว่นชี้หน้า 'คนร้ายก็คือเเกนั่นเเหละ!'

    เกิดมานอกจากนอนกลิ้งบนเตียงกับเเอบจิ้นผู้ชายได้กัน ข้าจะไปเคยตามสโตกกอร์ชาวบ้านเขาตอนไหนวะ ไม่ใช่สกิลที่มนุษย์ต้องมีติดตัวซะหน่อย!

    สือโถวได้เเต่บ่นอุบ เท้าคางกับระเบียง จ้องสังเกตการณ์เช่นเดียวกับตงฉิน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงสือโถวเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ รู้สึกว่าผู้ชายด้านล่างจะเงยหน้าขึ้นมาบนนี้บ่อยจังเเฮะ บางคนมียกจอกเหล้าขึ้นด้วย

    มองซ้าย มองขวา

    ด้านบนเองก็มีเเต่สายตาจดจ้องมาไม่ห่าง สือโถวเกาหัว "อาจารย์"

    "..."

    "ดูเหมือนเราจะสืบเงียบๆไม่ได้เเล้วล่ะขอรับ" เล่นมองมาขนาดนี้ เเค่จะเเอบไปขี้ยังลำบากเลยมั้ง จ้องอะไรกันหนักหนาวะ ตงฉินลืมรูดซิบกางเกงเรอะ!

    เเอบมองเป้าชายหนุ่ม เออ ลืมไปพี่แกใช้เเบบผูกนี่หว่า ไม่มีซิบให้รูด

    ตงฉินมองตามที่เขาบอก ร่างสูงนิ่งไปนิดก่อนดึงเเขนสือโถวออกจากระเบียง เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง หน้าทิ่มกับฟูกด้านหลังดังตุบ!

    "นั่งอยู่เฉยๆ"

    ก็นั่งอยู่นิ่งๆอยู่เเล้วป่ะวะ เจ้าเห็นข้าลุกขึ้นมาเต้นเเทงโก้อยู่รึไง! อูยยยย ดั้งอันน้อยนิดของข้า อย่าได้เเม่บไปมากกว่านี้เลยคนดี

    สือโถวกุมจมูกผงกหัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนฟูก "จะ จะเอาไงต่อขอรับ" กลับเลยดีมั้ย? ในเมื่อเป็นจุดเด่นขนาดนี้

    "มาเเล้ว"

    "เอ๊ะ"

    ที่ด้านล่าง ร่างใหญ่โตหลายร่างกำลังยืนคุ้มกันบุรุษท่าทางผู้ดีคนหนึ่งอยู่ หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาเเต่กลับดูอ่อนโยนคล้ายนักบุญ ชายคนนั้นเอ่ยทักทายกับเเขกไปทั่ว บรรยากาศพลันอบอุ่นเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ

    สือโถวหรี่ตา ดูเป็นนักบุญเเล้วอย่างไร นักบุญที่ไหนจะมาอยู่ในที่เเบบนี้กัน? จะบอกว่ามาขูดหวยก็ไม่ใช่ (?)

    "ตาม"

    "หะ? อะไรนะ ดะ เดี๋ยว! ท่านอาจารย์!"

    ไม่รอฟังคำของสือโถว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นหายไปความมืดเสียเเล้ว ทิ้งให้สือโถวยกมือค้าง

    "โถ่เว้ย!!"

    ถ้าไม่ติดว่าตัวเองอยู่ในร่างผู้ชายอยู่เเล้วล่ะก็ เขาจะกรี๊ดให้ดู เเผนคืออะไรก็ไม่บอก จะให้ข้าตามหมอนั่นยังไงเล่า เกาะเสาเหรอวะ!!!

    "ไอ้บ้าเอ้ย! ข้าไม่ใช่สไปเดอร์เเมนนะ!!"

     

    ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่กันอย่างหนาเเน่น สมกับเป็นยามเย็นที่คึกคักของย่านการค้า เสียงโหวกเหวกของพ่อค้าเเม่ค้าดังเเซ่ดเเซ่ชวนให้เหล่าผู้เดินทางรู้สึกตื่นเต้น เเต่สองร่างที่เดินเคียงข้างกันกลับไม่มีท่าทางจะสนใจเสียงเหล่านั้นเลยสักนิด

    หนึ่งผอม หนึ่งอ้วน

    ด้วยใบหน้าธรรมดาสุดขีด ทำให้ไม่มีใครสนใจพวกเขาสองคน ต่างพากันซื้อขายกันคึกคักเช่นเดิม บุรุษผอมสูงท่าทางเหมือนคนอมโรคหัวเราะในลำคอ "ไม่ได้มาเดินเที่ยวเเบบนี้นานเเล้วเน้อ สักร้อยปีได้กระมัง"

    "เราไม่ได้มาเที่ยวเล่น"

    "น่า น่า อย่าเครียดไปหน่อยเลย ท่านจ้าว"

    "หุบปาก"

    ไอความมืดไหลวนออกมาจากร่างอวบอูม ดวงสีดำสนิทเปลี่ยนเป็นสีม่วงงดงามชั่วครู่ หนุ่มอสรพิษปิดปากฉับ เขาพอรู้ลิมิตของนายเหนือหัวดี ถึงจะเเซวได้ เเต่อย่าเยอะจะดีกว่า

    ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังอยู่ร่างของมนุษย์ผู้โง่เขลา สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่ยอมสละดวงวิญญาณให้ปีศาจเพื่อสนองความโลภของตน...

    คงไม่มีปีศาจตนไหนคาดคิดเเน่ๆ ว่านายเหนือหัวที่นั่งกดดันอยู่บนบัลลังค์ตอนนี้จะเป็นหุ่นกระบอก ส่วนตัวจริงกลับมาเดินทอดน่องออกมาจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเองเช่นนี้ ว่าก็ว่าเถอะ เขามีฐานะเป็นถึงเสนาธิการเชียวนะ ทำไมต้องโดนลากคอออกมาจากห้องวิจัยมาทำงานนอกเวลาด้วยยยย

    "ท่านจ้าว ข้าเหนื่อยเเล้วนา"

    "..." เลี้ยวเข้าตรอก

    "หิวด้วย"

    "..." ข้ามสะพาน

    "โอ้ยยยยย ปวดหัวง่า"

    "ให้ข้าตัดมันทิ้งดีหรือไม่?"

    ร่างอวมอูบสวนฉับ ดวงฉายเเววเอาจริง หนุ่มอสรพิษในร่างผู้ชายขี้โรคถอยหลังกรูดพลางยกมือยอมเเพ้

    "ล้อเล่นจ้า ล้อเล่น!" ใบหน้าผอมตอบมองไปรอบกาย "หลุดมาอยู่ในที่น่าตื่นเต้นซะได้ เเวะหน่อยมั้ยท่าน"

    สาวสวยมากมายชม้ายตามองเหล่าบุรุษจากชั้นสอง พวกนางยกชายเสื้อหัวเราะคิกคัก เเสงสีเเดงชมพูจากโคมไฟส่องกระทบผิวขาวนวลชวนให้ผู้เดินทางกลืนน้ำลายลำบาก อสรพิษรู้สึกตื่นตัว ลิ้นสองเฉกเลียริมฝีปากที่เเห้งผาก เนื้อมนุษย์ผู้หญิงก็อร่อยไม่หยอก ยิ่งพวกนางมาอวดครวญอยู่ใต้ร่างเเล้วด้วย

    "ต้องให้บอก..."

    ฟึด ฟึด

    คำพูดถูกกลืนลงคอ ปลายจมูกรูปชมพู่ขยับ คิ้วบางเฉียบขมวดเเน่น

    กลิ่นนี้

    อสรพิษกำลังจะถามว่านายเหนือหัวเป็นอะไร เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากหอนางโลมขนาดใหญ่ที่ห่างออกไปสามเชียะ พวกเขาหยุดเท้าทันที

    โครมมมมมมมม

    "กรี๊ดดดดดดดดดด"

    "คนตีกัน! หลบเร็ว!!"

    "ตายรึยังน่ะ!?"

    ร่างในชุดสีดำนอนเเน่นิ่งอยู่กลางถนน หลังจากกระเด็นทะลุประตูไม้บานใหญ่ออกมา ชายตัวใหญ่บึ๊กเหมือนยักษ์ห้าคนก้าวออกจากหอนางโลม ในมือถือดาบยาวท่าทางน่ากลัว เหล่านักท่องเที่ยวพากันหนีตายไปคนละทิศละทางไม่สนใจคนที่นอนนิ่งเลยสักนิด มีบางคนเเอบดูตามมุมเสาด้วยความตื่นเต้น

    "เห~ นั่นมัน?"

    "..."

    ท่านจ้าวยังคงนิ่งสนิท

    ไหล่ของเด็กหนุ่มขยับเล็กน้อย ยันตัวลุกขึ้นนั่งจากพื้น น้ำสีเเดงไหลลงจากขมับย้อมเส้นผมสีดำหยักศกให้เปียกชุ่ม สือโถวถุยสนิมเหล็กในปากทิ้ง ก้มลงมองเด็กน้อยที่ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอก

    โชคดีที่เอาตัวเข้ามารับทัน

    "เเกเป็นใคร!!!"

    ดาบยาวขี้มายังทิศทางของเด็กสองวัย น้องหนูสะดุ้งเฮือก มุดเข้าหาสือโถวเหมือนลูกน้อยต้องการความอบอุ่น สือโถวลูบหัวทุยปลอบเด็กน้อยเสียงเบา ดันตัวยืนขึ้นก่อนพลักร่างผอมโซไปด้านหลัง

    "ก็เเค่มาสไรเดอร์ที่ผ่านทางมา"

    "หา!!?"

    "...ไม่เคยดูดีเคด*รึไงวะ"

    สือโถวพึมพำ ด้วยสกิลเท่าหมาน้อยหัดเดิน เขาเเอบ 'ตาม' อย่างที่ตงฉินสั่ง เเล้วเป็นไง? ถูกเจอตัวภายในสามสิบห้าวินาทีเเบบไม่ขาดไม่เกินเลยเอ้า!!

    พี่แกไม่ฟังฮีแตดอะไรทั้งสิ้น คว้ามีดไล่ฟันเขาออกจากห้องลับทันที ราวกับถูกพระโพธิสัตว์รังเกียจ ทาสตัวน้อยดันโดนลูกหลงไปด้วย ดีที่สือโถวคว้าน้องน้อยมากอดได้ทัน ไม่งั้นคงกลายเป็นเศษก้อนเนื้อไปแล้ว

    มือหยาบกร้านดันทาสตัวน้อยให้หลบออกไป คว้าดาบขว้างเอวขึ้นมาเตรียมพร้อม หวังว่าการสั่งสอนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของเสือดำจะช่วยเขาชนะพี่บึ๊กพวกนี้ได้นะ

    “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร ผู้ใดเป็นนายเจ้า”

    สือโถวปาดหยาดเลือดที่ไหลเข้าตาทิ้งไม่ใยดี “ข้าคือสุดหล่อ ส่วนใครเป็นนาย บอกเลยว่าไม่มีเว้ย! โตแล้วจะทำอะไรก็ได้”

    “เจ้าล้อเลียนข้าหรือ!!

    “มารดาเจ้าสิ ข้าไปล้อเลียนเจ้าตอนไหนวะ ไอ้ควายถึก!

    “นั่นไง!! เจ้าทำแล้ว!!!

    “เจ้าฝันไปต่างหากล่ะเจ้าโง่!!!!” ก่อนที่จะได้มีสงครามน้ำลายแทนการต่อสู้ หนึ่งในนั้นคว้าไหล่สหายที่กัดฟันกรอดจนสันกรามปูดบวม “ไม่ต้องไม่เถียงมัน ฆ่ามันเลยดีกว่า อย่าให้เรื่องที่มันรู้หลุดลอดออกไปได้!

    แหม อยากจะตบมือให้กับความคิดพี่แก ไล่ฆ่าข้าซะเด่นชัดขนาดนี้ ชาวบ้านเขารู้กันไปทั่วจักรวาลแล้วมั้ยว่ะ!

    “ลุย!!

    ร่างใหญ่ห้าร่างกระโดดลงมาจากบันไดสูง ดาบในมือวาววับสะท้อนจิตสังหาร สือโถวคำรามเสียงดังรับมือกับพี่บึ๊กคนแรก

    เคร้ง!

    ปัดดาบคนแรกได้แล้ว ร่างสูงผอมเป็นอันต้องหมุนตัวหลบดาบอีกคนที่ตวัดลงมา ยกเท้าแตะข้อมือพี่บึกคนที่สี่ ในใจได้แต่โหยหวน ท่านอาจ๊ารย์ แวร์อาร์ยู้วววว ไปช็อปปิ้งที่ขั้วโลกเหนืออยู่เหรอหะท่าน!!!

    ลูกศิษย์เพียงเดียว คนแรก และ (มีแววว่าจะเป็น)คนสุดท้ายกำลังจะตายแล้วนะเฟ้ยยยยย

    เคร้ง! โครม!

    “อ๊ะ”

    อาวุธเพียงอย่างเดียวในมือกระเด็นไปไกล สือโถวหน้าซีด ยกมือกั้นดาบที่เหวี่ยงลงมาหวังเอาชีวิตในดาบเดียว ชั่ววินาทีที่ดาบกำลังจะสัมผัสผิวเนื้อ หางตาเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง

    ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก

    “สือโถว!!

    เสียงตะโกนที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฟาก เขาแทบโห่ร้องยินดี อาวุธมนุษย์แล้วโว้ยยยยยยย ชายหนุ่มในชุดเสือดำคำรามพุ่งตัวดุจเสือปราดเปรียว เพียงแค่ก้าวเดียวก็ประชิดตัว ยกเท้ากระทืบพี่ปึ๊กไปนอนวัดความเย็นของพื้นหมดทุกคน

    “ไม่เป็นไรนะ?”

    เลือดอาบต่างน้ำขนาดนี้ สบายดีมั้งท่าน!?

    เพื่อสวัสดิภาพของร่างกาย สือโถวจึงยิ้มฝืดเคืองไปให้ชายหนุ่ม “สดชื่น...สุดๆไปเลยขอรับ”

    “ข้าจัดการเจ้าพวกด้านในหมดแล้ว ต้องยกความดีให้เจ้าที่ล่อความสนใจพวกมันไป”

    “...”

    ตูเปล่าล่อ มันตามข้ามาเองต่างหาก

    “เดี๋ยวทางการจะมาจัดการต่อ ข้าจะอยู่ช่วยอีกแรง เจ้าไปทำแผลเถอะ”

    ดวงตาสีดำสนิทมองคนทั้งสองที่กำลังสนทนากันด้วยสายตาเรียบเฉยเย็นชา ร่างอวมอูบยืนนิ่งท่ามกลางความวุ่นวายของคนมุงดูบ้าง รีบเข้าไปช่วยทำแผลให้คนที่โดนลูกหลงบ้าง อสรพิษหนุ่มยกมือประสานหลังคอ “หมาเฝ้าบ้านมากันแล้วสิ พวกเราเองก็ไปได้แล้วมั้ง?”

    “...”

    “เอ๋~ หรือว่าเป็นห่วงคนสวยอยู่”

    ฟึ่บ

    “กลับ”

    เหนือหัวหมุนตัวก้าวเดินทันที อสรพิษหนุ่มยักไหล่ แอบเสียดายเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่มีปฎิกริยาอะไรเลย ทั้งที่...

    “นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน!

    “ท่านกลับไปก่อนเลยขอรับ ข้ามีธุระ!

    “สือโถว!!

    หืม?

    “รอเดี๋ยวก่อน พี่ชายทั้งสอง!!!

     

    เรื่องชักน่าสนุกขึ้นแล้วสิ

     

    ..................................................100%...........................................

     

    Q : มีคนสงสัยเยอะเลย สรุปอาสือหุ่นเป็นยังไงกันเเน่นะ!?

    ส : เเฮ่ม ฟิตเเอนด์เฟ-

    ย : เรื่องนี้ข้าตอบเอง! //ถีบก้นสหายให้ไปไกลๆ คว้าไมค์พูดเเทนด้วยความเดือดดาล

    ย : ตอนเเรกอาสือมีหุ่นที่เหล่าชายฉกรรจ์ต้องอิจฉา! ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเเข็งเเรงสมชาย เเต่พอไอ้เด็กเวรเข้ามา!! //ชี้ไปยังมู่หลี่หลงที่เอียงคอตาใส

    ย : ไอ้กล้ามพวกนั้นก็สลายไปกับอากาศหมด ตอนนี้เรียกว่ากระดูกเดินได้ยังน้อยไป! เพราะมันเอาเเต่ยกข้าวให้เด็กนั่นกิน เช้าก็หลี่หลง สายก็หลี่หลง เเกเป็นเเม่มันรึไงวะ!

    ส : เพราะข้าเป็นคนดีศรีสังคมไงล่ะ เจ้าโมโหอะไรเนี่ย

    ย : จะไม่ให้โมโหได้ไงเล่า! เจ้าอ่อนเเอเเบบนี้ คราวหน้าใครจะเเบกกระสอบข้าวทีเดียวห้ากระสอบ หามเกวียนด้วยมือเดียวกันละ?! รู้มั้ยมีเจ้าคนเดียวสามารถลดค่าใช้จ่ายในจวนได้เป็นสิบเท่า! ข้าช้ำใจสุดๆที่ต้องเสียเงินไปจ้างเเรงงานเพิ่ม คิดเเล้วความดันจะขึ้น...

    //สรุปเเม่งคือเสียดายเงินนั่นเอง

     

    ดีเคด* = มาสไรเดอร์ดีเคด มักมีคำพูดติดปากว่า “แค่มาสไรเดอร์ที่ผ่านทางมา” เพราะพี่แกโดนถามตลอดว่า เอ็งเป็นใครฟร่ะ มาเสือกเรื่องชาวบ้านอะไรด้วย ประมาณเนร้

    ที่สำคัญ ไม่ว่าฮีจะทำอะไรก็ผิดไปหมด บั่บ “ทุกอย่างเป็นความผิดของดีเคด!!”

    ตอนหน้าก็จบตอนพิเศษแล้วนะคะ เฮ้อ น้องหมานี่ถูกใจไรท์จริมๆ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×