ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #33 : ย้อนยุค 28 (ภาคออกท่องยุทธภพ) : ปีศาจงู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.57K
      396
      1 ก.ค. 60


    ย้อนยุค 28

    ปีศาจงู

     

    เจ้า...?”

    สือโถวเรียกสติที่ลอยไปทุ่งหญ้าสาวันน่ากลับมา “ขะ ขออภัย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!?” รีบก้าวเข้าไปหา ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่านางอาจจะกลัวใบหน้าดุดันของตัวเอง เขาจึงเลือกเว้นระยะห่างจากร่างบางแทน

    นางส่ายหัว “เจ้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษหรอก”

    อ่ะ เอ่อ งั้นเหรอ”

    ร่างบางปัดเศษใบไม้ออกจากตัว สือโถวอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนากับสาวน้อยตรงหน้าอย่างไร

    อะไรของข้าวะ แค่ผู้หญิงคนเดียวจะตัวแข็งเพื่อไร หรือความฝันเมื่อคืนมันทำพิษ!?

    "มันอยู่นั่นไง จับมันไว้!!!"

    "???"

    สือโถวกับเเม่นางน้อยหันไปตามทิศทางของเสียง เถ้าเเก่โรงเตี้ยมชี้นิ้วมาทางเขา ไม่ทันจะได้ตั้งตัวพี่ทหารร่างบึ๊กสองคนก็ล็อกตัวเขาไว้คนละด้าน

    "เฮ้ย!! ทำบ้าอะไรวะ!"

    สถานการณ์ที่คุ้นเคย(?)เเบบนี้คืออะไร! นี่ข้าต้องไปทัวร์ห้องกรงอีกเเล้วเรอะ!

    ศรีอยากจะร้อง ศรีเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมเหล่าพี่ชายไม่เข้าใจบ้าง

    "กล้ามากนะที่มากบดานเอื่อยเฉื่อยอยู่ที่นี่!"

    "คิดจะล่อลวงเเม่นางน้อยนี่ด้วยสินะ!"

    พี่ทหารตะคอกเสียงดัง ออกเเรงล็อกเเขนเด็กหนุ่มมากกว่าเดิม สือโถวร้องลั่น "ข้าไม่ใช่โจรสักหน่อย พวกเจ้าจับผิดคนเเล้ว!!"

    "พวกโจรก็พูดเช่นนี้ทุกคนนั่นเเหละ!"

    "ไอ้ลุงเห่อเมีย ข้าอธิบายลุงไปเเล้วนี่"

    ที่หายไปตอนเช้านี่คือไปเรียกทหารมาจับข้า? บันเทิงมากลุง อย่าให้ข้าหลุดไปได้นะ เจอมวยเด็กรุ่นลูกเเน่!

    "ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น รอสอบสวนไม่นานก็จะได้รู้เองว่าเจ้าคือโจรหรือไม่"

    "เป็นโคนันกลับชาติมาเกิดเหรอฟร่ะ! พี่บึ๊กสุดหล่อ ปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่ใช่โจรจริงๆนะ"

    อ้อนวอนคนด้านข้างเเทน กระพริบตาเพื่อเพิ่มความสงสาร เเต่ดูเหมือนความวิงค์จะส่งไปไม่ถึงพี่เเก มือใหญ่ถึงได้ฟาดหัวเขาดังผลัวะเเทน

    "ไม่ต้องมาอ้อนวอน!! โจรถ่อยอย่างเจ้าข้าไม่ละเว้นหรอก!!"

    "หยุดนะ!!"

    สองพี่ทหารหยุดชะงัก เเม่นางน้อยเมื่อครู่ก้าวเข้ามาพลักอกทั้งสองคน "เราฟังมาตั้งนาน พวกเจ้ามีหลักฐานหรือว่าเขาเป็นโจร"

    นางดันสือโถวไปด้านหลัง ใช้ร่างของตัวเองปังเด็กหนุ่มเอาไว้

    "เเม่นางน้อย" พี่ทหารเเค่นคอ "เเค่ดูหน้าหมอนี่ก็รู้เเล้ว เจ้าเป็นสตรีจะไปรู้อะไร"

    "ว่าไงนะ?"

    ร่างบางเท้าสะเอวพร้อมมีเรื่อง "ถึงเราจะเป็นสตรีเเต่เราก็พอมีตาที่จะดูว่าใครเลวไม่เลว ดีกว่าบุรุษอย่างพวกเจ้าที่มองคนเเค่ภายนอก!"

    "นังนี่"

    หมับ

    สือโถวจับมือของชายทหารที่ฟาดลงมา นางลืมตาขึ้นเห็นเเผ่นหลังบดปังเสียมิด

    เด็กหนุ่มเพิ่มเเรงที่มือจนอีกฝ่ายร้อง

    "จะทำร้ายข้า ข้าไม่ว่าอะไรหรอกนะพี่ชาย เเต่จะทำร้ายผู้หญิงมันไม่ดีม้างงง"

    กร็อบ กร็อบ

    "โอ้ย!"

    "จะ เจ้า"

    ทหารอีกคนเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สือโถวโคลงศีรษะ

    "อยากซ้อมคนก็มาลงกับข้านี่เซ่"

    "ปล่อยนะ!"

    ทหารที่เขาจับเหวี่ยงหมัดเข้าด้านข้าง สือโถวเอี้ยวตัวหลบ ปล่อยมือลงก่อนจะยันตูดอีกฝ่ายจนกระเด็นล้มทับทหารอีกคน

    โครม!

    "โอ่ยๆ อ่อนเเบบนี้จะไปสู้ใครไหวเร้อ"

    เถ้าเเก่อ้าปากค้างกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของสือโถว จากอ่อนเเอไร้ท่าสู้เป็นเเข็งกร้าวพร้อมบวกทำให้เถ้าเเก่ต้องกลืนน้ำลาย

    สองทหารรีบลุกขึ้นยืน ตั้งท่าพร้อมสู้เเม้ว่าจะดูหวาดกลัวไม่เเน่ใจก็ตาม สือโถวหักนิ้ว "ข้าให้เวลาห้าวิ ถ้ายังไม่ไป เจอฝังลืมที่นี่เเน่"

    "จะ เจ้าโจรถ่อย!"

    "หนึ่ง"

    "ข้า ตะ ต้องกลับมาจับเจ้าให้ได้ ระ รอก่อนเถอะ!"

    "ห้า!!"

    "จ้ากกกกกกกกกกก"

    เเต่ละคนวิ่งเเตกหือทิ้งมาดสุขุมเมื่อครู่ทันใด เเม่นางน้อยยกมือปิดปากหัวเราะเสียงใส เขาคลายหมัดลง หันไปหานางอย่างเก้งๆกังๆ รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าดุดันโดยไม่ได้ตั้งใจ

    "เอ่อ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?"

    "เราไม่เป็นอะไรหรอก ขอบใจเจ้ามาก"

    สือโถวเกาหัว ยิ้มเขินอาย "ข้าสิต้องขอบใจ" เป็นครั้งเเรกที่มีคนออกโรงปกป้องเขานอกจากอาเยี่ยน เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นในทรวงอกแปลกๆ คล้ายมีผีเสื้อนับร้อยบินว่อนในช่องท้อง ชวนจักกะจี้นัก

    "ข้าชื่อสือโถว เจ้าล่ะ?"

    "เสวี่ยอิง"

    ชื่อเพราะจัง

    "อ๊ะ เราต้องไปเเล้วล่ะ ไว้เจอกันนะอาสือ!"

    เสวี่ยอิงโบกมือลา นางเเจกยิ้มสดใสให้เด็กหนุ่ม สือโถวรีบยกมือโบกลาตอบอย่างเหม่อลอย รอจนเเผ่นหลังเล็กหายไปจากสายตา เขาถึงเปลี่ยนเป็นเอามือปิดหน้าเเดงจัดของตัวเอง

    ตึกตัก ตึกตัก

    “ข้าเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย”

     

    สือโถวกลับมาที่โรงเตี้ยมด้วยอารมณ์ที่เเตกต่างจากขาไป เขาฮัมเพลงเป็นภาษาจากยุคเดิม ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นท่านอาจารย์นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างโรงเตี้ยม บนตักมีก้อนขนสีขาวขดตัวอยู่

    คังซือหายเงยหน้าขึ้น เห็นขี้ข้า เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ศิษย์รัก กลับมาก็ฉีกยิ้มมีเลศนัย

    "อารมณ์ดีเชียวนะ อาสือเอ้ย"

    "เเฮ่ม ก็นิดหน่อย"

    เขาเดินเข้าไปหาคังซือหาน ก้อนขนสีขาวบนตักชายชราผงกขึ้น ดวงตาสีม่วงงดงามเบิกกว้างเล็กน้อย

    สือโถวเหลือบมองก้อนสีขาว

    “ท่านอาจารย์ ท่านไปเก็บหมามาจากไหน”

    ถ้าบอกว่าเอามาเลี้ยง ข้าจะโยนมันออกหน้าต่างแม่ม! แค่นี้อาจารย์คนเดียวก็โคตรตัวปัญหาแล้ว ขืนเพิ่มหมามามีอีกตัว... ข้าตายแน่

    เหมือนจะรับรู้ความคิดชั่วร้ายของเด็กหนุ่ม ก้อนขนสีขาวแยกเขี้ยวขู่คำรามในคอ

    สือโถวถลึงตากลับ ตัวเท่าขี้หมาอย่ามาซ่ากับพี่เว้ยอิหนู!!

    “อ๋อออออ เจ้านี่น่ะเหรอ?” คังซือหานกระพริบตา ก่อนจะกระตุกยิ้มถูกใจ “หมาป่าต่างหาก เจ้าจำไม่ได้หรือ?

    “แล้วไง จะหมาบ้านหรือหมาป่าก็หมาเหมือนกันนั่นแหละ”

    แง่งงงงงงงงงง

    “อะไรไอ้หนู ซ่าอ๋อ เดี๋ยวปั๊ดตบคว่ำ”

    เขาเงื้อแขนขึ้น กับอะไรที่ด้อยกว่าข้าข่มได้หมดล่ะ เดี๋ยวได้มีการเตะหมาระบายอารมณ์!

    ดวงตาสีม่วงแวววาวกว่าเดิม ทำท่าจะพุ่งเข้ามากัดเด็กหนุ่ม คังซือหานยกมือเหี่ยวย่นลูบหัวทุยสีขาว “ไม่เอาน่า เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ”

    กึก

    มันหยุดคำรามทันใด สือโถวกอดอก นัยน์ตาสีดำสบกับดวงตาสีม่วงงดงาม “ข้าจะถามอีกครั้ง ไปเก็บมาจากไหน?”

    “ฮ่าๆ นั่นสินะ ไปเก็บมาจากที่ไหนกันหนอ”

    คังซือหานหัวเราะชอบใจ หมาป่าสีขาวสะบัดหัวฮึดฮัด ผุดลุกขึ้นยืนบนตักชายชรา ก่อนจะกระโดดลงพื้นอย่างสวยงาม

    “อ้าว จะไปแล้วรึ เจ้าบาดเจ็บอยู่นี่ พักสักนิดก็ได้นะ”

    หัวสีขาวเชิดขึ้น เป็นการปฎิเสธชายชรา สือโถวแอบเบ้ปาก หันไปหาอาจารย์

    “มันจะไปฟังที่ท่านพูดรู้เรื่องได้ไง อีกอย่าง...” ย่อตัวลง ยื่นมือไปจับขาหน้าของหมาน้อย ก่อนจะยกขึ้นภายใต้ดวงตาเบิกกว้างของชายชรา “ข้าไม่เห็นมันจะมีแผลสักนิด โอ้ะ ตัวผู้แหะ”

    “จะ เจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!!!

    คังซือหานงอตัวหัวเราะแทบขาดอากาศหายใจ สือโถวทำหน้างง ผิดกับหมาป่าตัวน้อยที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความอับอายปนโกรธเคือง

    “มีอะไรรึเปล่- เจี้ยกกก!!

    ความเจ็บที่แขนทำให้เขาต้องรีบปล่อยมือราวกับของร้อน ซี้ด บ้าเอ้ย เลือดท่วมเลย นี่ฟันหรือเลื่อย โคตรคม!

    “ไอ้หมาเวร แกกล้ากัดข้าเหรอ!

    “โฮ่ง!!

    มีการเห่าสู้

    “หนอย คืนนี้ได้กินซุปหมาแน่ ไอ้ตัวดี!!

    “โฮ่งๆๆๆๆ แง่งงงงง”

    “โอ้ย ฮ่าๆ! คิดไม่ผิดจริงๆที่รับเจ้ามาเป็นศิษย์ หึ หึ หึ” คังซือหานพยายามกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นเทา

    “เรื่องนี้เจ้าเป็นคนผิดนะ อุ๊บ หึ หึ มาดูความเป็นชายของชาวบ้านเขาได้อย่างไรกัน”

    “หา? มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง”

    เวลาเราเจอหมาอันดับแรกคือต้องดูเพศมันก่อนนี่หว่า ข้าทำผิดตรงไหนอ่ะ!

    “แฮ่ม เอาเถอะ เจ้าอยากไปก็ไปเถิด ทะเลาะกันไปก็เสียเวลาไปเปล่าๆ”

    คังซือหานก้มลงไปพูดกับหมาน้อย มันคำรามในลำคอเหมือนหงุดหงิด

    “ใครจะไปทะเลาะกับหมะ- จ้ากกกกกกก ไอ้หมาสารเลว!!

    ร่างป้อมสีขาวพุ่งเข้ามางับขาเขาจนเลือดซิบ เด็กหนุ่มกระโดดย๋องเย๋ง พอตั้งตัวได้เตรียมจะกระทืบไอ้หมาเวร ก้อนขนสีขาวก็วิ่งส่ายตูดหายไปเสียแล้ว

    สือโถวบดเท้า “แน่จริงอย่าหนีสิวะ! กลับมาให้ข้าเตะเดี๋ยวนี้เลยนะ!!

    “เอ้า หยุดโวยวายได้แล้ว อาสือเอ้ย”

    ชายชราลุกขึ้นยืน ตบบ่าลูกศิษย์ใจร้อน ดวงตาฝ้าฟางเหลือบมองหลังต้นไม้ใหญ่

    “มาเคลียร์กับข้าก่อน เจ้าไปหิ้วตัวอะไรติดมาด้วย หืม?”

    “หิ้วอะไร?”

    หลังจากจบประโยค เงาสีชมพูก็พุ่งตัดหน้าไปพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้เจือจาง

    “เราเจอเจ้าจนได้ คังซือหาน!!

    แม่นางน้อยเมื่อครู่ โอบกอดรอบเอวชายชราอย่างรักใคร่ ผิดกับคังซือหานที่ทำหน้าเบื่อหน่าย

    “เสวี่ยอิง”

    “ได้เวลาทำตามสัญญาแล้วนะ!

    สือโถวปิดปากที่อ้ากว้างฉับ เขากระแอมเสียงเข้ม

    “อาจารย์ นี่ลูกสาวท่านหรือ?”

    “ไม่ใช่! เราคือคนรักของซือหานต่างหาก”

    “หา!!!” เขาเบิกตากว้างจนแทบถลน จ้องคังซือหานสลับกับเสวี่ยอิง “ทะ ท่าน พรากผู้เยาว์แบบนี้มันบาปนะเว้ย!”

    จะหาเมียทั้งทีช่วยดูสังขารตัวเองด้วยสิตาแก่! ยุคนี้ไม่มีไวอากร้าให้โดฟนะเฟ้ย!

    “ยังไม่ได้พราก”

    คังซือหานดันร่างบอบบางออกจากตัวเอง “พวกเราเป็นคนรักกันตั้งแต่ตอนไหนมิทราบ?”

    “เจ้าสัญญากับเราแล้ว ว่าหากเราทนรอเป็นเวลาห้าสิบปีได้ เจ้าจะยอมรับรักเรา!”

    “ดะ เดี๋ยวนะ”

    สือโถวยกมือขัดทั้งสองคน

    “ห้าสิบปีงั้นเหรอ? แม่นาง จะ เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”

    “เราเองก็ไม่แน่ใจ แต่น่าจะร้อยห้าสิบกระมัง”

    ชัดเลย สาเหตุที่ใจเต้นตึกตักมาจากรสนิยมของสือโถวจริงด้วย! ร่างนี้มีปฎิกริยาตอบรับกับผู้หญิงสูงวัยเสมอ!!

    เอ๊ะ แต่เหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง “เจ้า ทำไมเจ้าถึงได้...” ยังสาวขนาดนี้

    ร้อยห้าสิบปี แต่หน้านี่เด้งอย่างกับสิบห้า ช่วยเกรงใจหนังหน้าเหมือนอายุเหยียบร้อยของอาจารย์ข้าด้วย

    ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองหน้าคังซือหานราวกับขอคำตัดสินใจว่าควรจะอธิบายเด็กหนุ่มดีหรือไม่

    ชายชราลูบปลายคาง

    “นางเป็นปีศาจงู อายุขัยมากกว่าเราก็ไม่ผิดนัก”

    “เอ๋??”

    สือโถวหันควับ เสวี่ยอิงทำท่าลำบากใจ “ซือหาน เราไว้ใจเขาได้หรือ เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้มัน...”

    “เขาเป็นศิษย์ของข้า ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ไปซะ”

    ถ้อยคำรุนแรงผิดกับใบหน้ายิ้มแย้มทำให้สือโถวอึ้งอีกรอบ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาจารย์แสดงท่าทางปฎิเสธใครเจ็บแสบขนาดนี้ เสวี่ยอิงนิ่งไป ก่อนจะส่ายหัว ยิ้มสดใสเช่นเดิม

    “อื้ม เราไม่เป็นไร ในเมื่อเขาเป็นลูกศิษย์เจ้า เราจะเชื่อใจเขาเหมือนเจ้า”

    “ฮ่ะๆ ตื้อชิบหาย” เขาแอบหยิกเอวอาจารย์ ไว้หน้าสาวหน่อยเฮ้ย

    “ยินดีที่ได้รู้จักอีกรอบนะ อาสือ”

    เด็กหนุ่มมองมือนุ่มนิ่มที่ส่งมาตรงหน้า คราวนี้หัวใจของเขากลับเต้นแผ่วเบาจนแทบเป็นหยุดนิ่ง สือโถวยิ้มตอบเจือจาง

    “อืม ฝากตัวด้วย เสวี่ยอิง”


    ภายในรถม้าเถาวัลย์งดงาม มีร่างบอบบางดั่งต้นหลิวของลู่เหลียนนอนทอดกายอย่างเกียจคร้าน นิ้วเรียวยาวหยิบผลองุ่นสีม่วงไล้ริมฝีปาก

    ตอนนี้นางกำลังมีความสุข

    ในที่สุดก็กำจัดไอ้ขี้ข้านั่นออกจากสำนักได้เเล้ว

    "ยังไม่ถึงหุบเขาเหม่ยลี้อีกหรือ?"

    นางถามเสียงหวาน หลังจากสายข่าวเเจ้งมาว่าท่านพี่กับท่านตงเดินทางถึงสำนัก นางก็รีบพาคนรับใช้ไม่กี่คนออกจากสำนักม่านหมอกทันที

    นับว่าเป็นโอกาสดีของนางที่จะสร้างความชอบให้เเก่พวกเขา เจ้าตัวน่ารำคาญอย่างลู่เจ๋อหรือสือโถวต่างไม่อยู่เเล้วทั้งนั้น

    "เรียนคุณหนู อีกหนึ่งวันเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าได้ร้อนใจ"

    "เฮ้อ ถ้าท่านเเม่ไม่ยึดเอาหงส์ฟ้าไป ป่านนี้น่าจะถึงเเล้วเเท้ๆ"

    เดินทางทางอากาศย่อมรวดเร็วกว่าบนดิน น่าเสียดายนัก

    "เเต่ช่างเถอะ" จะเร็วหรือช้าท่านตงก็ต้องเป็นของนางอยู่ดี

    ตึง

    โครม

    "ว้าย!!"

    จู่ๆรถม้าก็หยุดกระทันหัน ร่างบอบบางของสาวงามเเต่ละคนพากันกลิ้งไม่เป็นท่า ลู่เหลียนยันตัวขึ้น "บังคับม้าอะไรของเจ้า!!"

    "คะ คุณหนู ระ รีบหนี! อั่ก!!"

    กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่ว ดวงตาสีเขียมมรกตเบิกกว้าง ลู่เหลียนคว้าดาบข้างกาย ผลักประตูรถม้าออกไป

    ภาพที่ปรากฎสู่สายตาทำให้ลำตัวของนางเย็นเชียบ เศษชิ้นเนื้อของเหล่าคนใช้กระจัดกระจายไปทั่ว สาวใช้ข้างกายนางร้องกรี๊ด

    ลู่เหลียนกระชับดาบเเน่นจนฝ่ามือซีดขาว

    "พวกเจ้าเป็นใคร ออกมานะ! กล้าฆ่าคนสำนักม่านหมอกเช่นนี้ ไม่กลัวตายหรือไร!!"

    "ข้าต้องถามเจ้าต่างหากว่าทำเช่นนี้ไม่กลัวตายหรือไง พี่สาว"

    เรือนร่างในชุดตัดเย็บชั้นดีสีน้ำเงินเข้มก้าวออกมาจากเงามือ ลู่เหลียนชักดาบออกจากฝัก

    "เเน่ใจเหรอว่าจะสู้? นอนรอความตายเงียบๆดีกว่ามั้ง"

    จบคำพูดของเด็กชาย เงาสีดำหลายร่างก็ก้าวออกมา ปลายดาบชี้เข้าหาลู่เหลียนพร้อมกัน กลิ่นอายอำมหิตฟุ้งไปทั่วจนนางเเทบกระอัก เครื่องเเบบที่คุ้นเคยทำให้นางตัวสั่น

    หน่วยอินทรีโลหิต!!!

    "ทะ ทำไม?"

    ทำไมหน่วยอินทรีโลหิตถึงอยู่ที่นี่! ไอ้เด็กนี่คือใครกัน!?

    ลู่เหลียนหวาดกลัวจนเข่าเเทบทรุด นางจะมีวรยุทธขั้นแค่สาม ไม่มีทางสู้หน่วยอินทรีย์ที่มีวรยุทธตั้งเเต่ขั้นสี่ขึ้นไปได้เเน่!

    นัยน์ตากวางโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว

    "ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ พี่สาว'ดูเเล'คนของข้าอย่างดีเลยนี่นา" มู่หลี่หลงไขว้หลัง ดวงจันทร์ส่องเเสงจากด้านหลังเกิดเงาทาบทามจนไม่เห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม มีเพียงดวงตาสีดำส่องประกายน่ากลัวท่ามกลางความมืด 

    "วันนี้ข้าจึงมาตอบเเทนอย่างไรเล่า"

    "มะ ไม่นะ"

    เคียวมัจจุราชเข้ามาใกล้ ลู่เหลียนยกดาบสั่นสะเทาขึ้นขู่ "อย่าเข้ามานะ!"

    "ลงมือ"

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

    เสียงโหยหวนดังก้องป่า มู่หลี่หลงยกมือขึ้นเคะหู มองมหกรรมการเเล่เนื้อตาม 'คำสั่ง' เจ้านายของพวกนี้ด้วยสายตาเฉือยชา

    เขาหันไปสั่งร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง "จัดฉากให้เหมือนกับรถม้าเสียหลักตกเขา เข้าใจหรือไม่"

    "ขอรับ"

    คนที่เเค้นสำนักม่านหมอกมีมากซะด้วย โยนความผิดไปให้ใครดีนะ น้องชายสุดที่รักของนางดีหรือไม่?

    ส่วนสาเหตุการตาย ...เอาเป็นวางยาม้าจนมันคลั่ง วิ่งตกเขาละกัน

    มู่หลี่หลงหยิบกระดาษออกจากเเผ่นอก

    จดหมายจากพี่สือโถว

    หลังจากรายงานสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย ระหว่างทางกลับจากห้องโถง ผู้ชายสองคนที่มู่หลี่หลงจำได้ว่าคืออวี้อิ๋นกับหลิวจี่ก็มาดักหน้าเขา

    อวี้อิ๋นยัดเเผ่นกระดาษใบเล็กใส่มือมู่หลี่หลง

    'ก่อนไป สือโถวฝากมาให้เจ้า'

    'พูดให้ถูกคือผู้ชายหน้าหนวดปาใส่หน้าข้าอ่ะนะ เเต่พออ่านเเล้วข้าคิดว่าสือโถวน่าจะฝากเขาเอามาให้เจ้า' หลิวจี่ลูบหน้าผาก ใครจะไปคิดว่ากวาดบันไดอยู่ดีๆจะถูกก้อนกระดาษปาเเสกหน้า

    มู่หลี่หลงก้มลงอ่าน ตัวหนังสือตะวัดอ่านยากเหมือนคนเขียนกำลังรีบ

     

    รอข้านะหลี่หลง ข้าไปทำธุระ อย่าลืมกินข้าวเยอะๆนะ!!

     

    เด็กน้อยถอนหายใจ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน

    "เเล้วไอ้ที่บอกว่าให้รอ มันนานเเค่ไหนกันล่ะเจ้าบ้า"



    ............................................(100%).............................................


    ก็จนกว่าน้องหินจะจีบหญิงติด เเต่งงาน รอเมียคลอด เเล้วหอบลูกกลับอ่ะค่ะ //สัญญาณขาดหาย...

    ที่น้องหินไม่รู้ว่าน้องหมาคือใคร สาเหตุก็มาจากตาเเก่หนังเหี่ยวนั่นเเหละค่ะ 5555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×