ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #44 : ย้อนยุค 39 (100%) : คำว่าสามี ไม่ได้เรียกกันง่ายๆ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.96K
      433
      14 ส.ค. 60



    ย้อนยุค 39

    คำว่าสามี ไม่ได้เรียกกันง่ายๆ

     

    ใต้ต้นไม้ใหญ่มีร่างในชุดเกราะสีดำสนิทนอนทอดกาย หน้ากากสีเงินรูปอินทรีถูกวางบนใบหน้าไว้อย่างหมิ่นแหม่เผยคางเกลี้ยงเกลาออกมาเล็กน้อย

    กวงซื่อเห็นคนที่ตามหานอนหลับอุตุก็ได้แต่ส่ายหัว รีบสาวเท้าเข้าไปหา

    “สือโถว”

    “...”

    “ไม่ต้องมาแกล้งตาย ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยิน”

    “ตอนนี้มันเวลาพักนะพี่กวง ปล่อยให้พวกนั้นตีกันบ้างเถิด” คนบนพื้นยกมือขึ้นโบก ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาดู จางกวงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “มีเเขกมาหาเจ้า"

    "บอกเขาว่าข้าไม่ว่าง กำลังหายใจอยู่"

    "..."

    กวงซื่อหันไปหาเเขกที่ว่า อีกฝ่ายเพียงพยักหัวเป็นเชิงบอกว่าเดี๋ยวจัดการเอง กวงซื่อจึงก้าวถอยหลังจากไป

    ลับเเผ่นหลังของหนุ่มอินทรีโลหิต ร่างสูงหรี่ตาลงก่อนจะยกเท้าเเล้วเหยียบคนบนพื้นเต็มเเรง!

    "เเอ้ก! เฮ้ยอะไรวะ-!" สือโถวปัดหน้ากากออกจากใบหน้า พอเห็นผู้กระทำชัดเจนเต็มสองตาก็อ้าปากค้าง "อาเยี่ยน!!?"

    เหนือศีรษะปรากฏร่างสูงในชุดผ้าฝ้ายชั้นดีสีน้ำเงิน ผมดำสนิทมัดรวบตึงประดับด้วยปิ่นหยกเพียงชิ้นเดียว ดวงตาคมกริบทอดสายตากดต่ำ ความเยาว์วัยถูกแทนที่ด้วยบุรุษผู้มีภูมิฐาน

    "เออ ข้าเอง"

    "ใครจุดธูปอัญเชิญเจ้ามาวะ?"

    "หมา"

    "หมามันจุดธูปได้ด้วยเหรอ"

    "หมาสือโถว"

    "อยากจะเห่าใส่เลย จ้ากกกกกกกก!" จู่ๆ อาเยี่ยนก็ปล่อยหนังสือเล่มหนาหลายเล่มในอ้อมอกใส่ ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นถีบขาคู่เพื่อนสมัยเด็ก อาเยี่ยนก็พูดเสียงนิ่ง “ของที่เจ้าขอให้ข้าหามาให้"

    "อาเยี่ยน นี่สหายไง เอาให้ดีๆก็ได้มั้ยวะ" ข้าบอบบางกว่าที่เจ้าคิดนะเออ

    "ไอ้คนที่นัดข้ามา เเล้วปล่อยให้ข้าวิ่งหาทั่วภูเขาไม่มีสิทธิ์พูด!"

    เเลดูเกรี้ยวกราดเเรง เเค่ลืมนัดเองมั้ยอ่ะ

    พ่อบ้านจวนเศรษฐีทรุดตัวนั่งข้างสือโถว เดือนก่อนเขาได้จดหมายจากเพื่อนเวรที่หายหัวไปสี่ปีว่าช่วยหาหนังสือบางอย่างให้หน่อย ตนจึงถือโอกาสที่ต้องส่งของให้สำนักเหม่ยลี้อาสาเดินทางกับขบวนขนส่งด้วยตนเอง

    อุตส่าห์ฝ่าภูเขาห้วยน้ำมาหาทั้งที เเทนที่จะเจอสหายออกมาตอนรับ ดันเป็นเขาเองที่ต้องลำบากลากขาเดินหาทั่วภูเขา!

    ไม่บี้ให้ไส้เเตกรวมเป็นหนึ่งกับพื้นดิน ก็ถือว่าเขาใจดีมากเเล้ว!

    เเสงเเดดหน้าร้อนส่องกระทบใบหน้าหงุดหงิดของอาเยี่ยน สือโถวเเอบขยับตูดไปด้านหลัง คือยอมรับว่าผ่านไปสามสี่ปี เพื่อนคนนี้หล่อบรรลัยขึ้นมาก เเต่รังสีอำมหิตคล้ายจะลุกขึ้นกระซวกไส้คนก็เพิ่มขึ้นมากเข่นกัน เอาเป็นว่าข้าจะแอบเก็บเจ้าไปหวีดทีหลังเเล้วกันนะ (เสียงเบา)

    "แล้วจะเอาหนังสือพวกนั้นไปทำไม"

    นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังกองหนังสือข้างกาย ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตใจอันยากจะหยั่งลึกของมนุษย์ ซึ่งอาเยี่ยนก็ได้เเต่สงสัยว่ามันจำเป็นต่อสือโถวยังไง? จะเอามาฟาดหัวตัวเอง? เออ ได้อยู่นะ

    "ทุกอย่างล้วนมีการเปลี่ยนแปลง”

    “หะ?"

    สือโถวไม่ตอบอะไรอีก เพียงทำหน้าเหมือนคนที่บรรลุสู่สัจธรรม เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าไม่รู้หรอกอาเยี่ยนว่าวันหนึ่งข้าต้องรับมือกับอะไรบ้าง ไม่คิดเลยว่าผ่านไปสี่ปีคนรอบข้างจะเปลี่ยนไปเหมือนส้นเท้ากับหนังหน้า

    คิดแล้วแอบโล่งใจที่ช่วงนี้งานยุ่ง เลยไม่ได้เจอคนงามและสามีของเขาให้เสียวสันหลังเล่น

    อาเยี่ยนขมวดคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

    "หายไปสี่ปี ได้ลูกมากี่คนเเล้วล่ะ?"

    "สอง คนโตอายุสองขวบ ตอนนี้กำลังหัดเดินเลย"

    "จริง?"

    "ก็บ้าละ ข้าออกไปท่องยุทธ์ภพ ไม่ได้ไปสร้างครอบครัวสุขสันต์โว้ย!" อีกอย่างเจ้าคิดว่าผู้หญิงอายุสี่สิบอัพมันหาง่ายนักเรอะ ส่วนใหญ่ไม่มีสามีก็บวชชีอยู่ตามวัด ไอ้ครั้นจะเอาชีเป็นเมียก็โคตรบาปอีก นรกนี่กวักมือเรียกมาเเต่ไกลเลย

    "อ๋อ มีสามีเเทนสินะ"

    "เจ้าเกลียดอะไรข้ารึเปล่าวะ” ยัดเยียดครอบครัวให้ข้าจังเลย เดี๋ยวปั๊ดจับปล้ำข้างทาง!

    “พี่ซือเยี่ยน!!!

    เสียงนุ่มทุ้มดังมาจากอีกด้าน สือโถวกับอาเยี่ยนเอี้ยวตัวมอง ที่อีกฝากของป่ามีร่างขนาดกระทัดของเด็กหนุ่มผมสั้นยืนหอบแฮ่ก สองมือยันกับต้นไม้ใหญ่ พอเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสือโถวก็ตกใจจนแทบลุกขึ้นถีบอาเยี่ยน (?)

    เด็กเจ้าของปิ่นเบญจมาศที่ตลาดเมื่อวันนั้น? หรือว่า...เด็กคนนี้...ซานอวี้??

    “ข้าหาพี่ตั้งนาน ทำไมถึงมาอยู่ในป่าลึกเช่น- เอ๊ะ” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลชะงักไป เมื่อเห็นว่าข้างกายพ่อบ้านหนุ่มมีใครอีกคนนั่งอยู่

    อาเยี่ยนสลับมองบุรุษสองวัยที่จ้องหน้ากันเขม็ง ก่อนจะตัดสินใจทำลายความเงียบ “มีเรื่องอะไร”

    “ขอรับ? เอ่อ หัวหน้าถงให้มาแจ้งพี่ว่าส่งมอบสินค้าเรียบร้อยแล้ว”

    “อืม”

    “แล้ว ผู้ชายคนนี้...?”

    “หือ? ก็สือโถวไง”

    "สือโถว? อ๋ออออ" คนตัวเล็กลากเสียงยาว ซานอวี้ฉีกยิ้มสดใส "เมียพี่สือโถวนี่เอง!"

    "เด็กมันซื่อหรือกำลังกวนตีนข้ากันเเน่วะ อาเยี่ยน" หันไปหาคนด้านข้างเพื่อขอความเห็น

    "ซานอวี้ ผู้ชายคนนี้คือสือโถวต่างหาก"

    "เอ๋!!?"

    จำเป็นต้องตกใจเเรงเบอร์นี้มั้ยลูก ขี้หูพี่ชายจะจับมือกันออกมารำวงเเล้วเนี่ย!

    อาเยี่ยนยกมือกุมคาง "สี่ปีก่อนสือโถวตกหน้าผาน่ะ โชคไม่ดีมีรถม้าผ่านมาพอดี เลยโดนล้อบดหน้าไปสามรอบ เฮ้ออ หน้าเขาจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เเหละ"

    "จริงหรือ พี่สือโถว!"

    "...ชาติก่อนข้าไปปาขี้ที่หน้าบ้านเจ้าเหรอ"

    "ก็ลองทำดูสิ"

    "หยอกเล่นจ้า"

    แซวนิดแซวหน่อยเอง ไม่เห็นต้องส่งสายตาเหมือนจะฆ่ากันเลย เเหม่

    "เจ็บมากมั้ย พี่สือโถว!" มือนุ่มคว้าใบหน้าเขาดังหมับ ดวงตากลมโตฉายเเววกังวลปนห่วงใย สือโถวนิ่งไปนิดก่อนจะจับมือนั้นออก

    "เจ็บสุดๆ ที่เคยมีน้องโง่อย่างเจ้าเนี่ย”

    "แง่ะ"

    สือโถวกรอกตามองบน ตกหน้าผานะเว้ย ไม่ใช่โดดสระหลังบ้าน ขืนเป็นงั้นจริงข้าคงยืนเป็นผีเฝ้าที่ข้างผาไปแล้ว!

    "ว่าเเต่...ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"

    "หือ? เรื่องอะไรหรือขอรับ"

    สือโถวจ้องซานอวี้เหมือนจะทะลุ ไม่ว่ายังไงก็เหมือนมากจริงๆ

    "เจ้าเป็นคนใช่มั้ย?"

    "ง่ะ"

    "น้องข้าไม่ได้เป็นหมาเหมือนเจ้านะ สือโถว"

    "นี่ก็จะโยงให้ได้เลยใช่มั้ยวะ เดี๋ยวจกตาเเตก!"

    "ค่าหนังสือ"

    "จกตาตัวเองเนี่ยเเหละ บ้าเอ้ย ทำไมสหายข้าถึงได้หล่อเหลาเช่นนี้นะ รู้สึกเเสบตาจนทนมองไม่ด้ายยยยย"

    "หึ"

    "กระดูกติดคอเหรอ"

    "ห้าสิบตำลึงทอง"

    "ที่ร้ากกกกกกกกกกก เจ็บคอเหรอตัวเอง เเดกตี- เอ้ย ดื่มน้ำหน่อยบร๊าาาาาา"

    "ไปไกลๆ!"

    ซานอวี้มองอาเยี่ยนที่กำลังยันหน้าสือโถวให้ออกห่าง ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเเปลกประหลาดในใจเล็กน้อย

    "พวกพี่..."

    "หือ?"

    คนตัวเล็กก้มมองต่ำ "เป็นคนรักกันหรือขอรับ"

    "..."

    "..."

    พวกเขาสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะเบนออกอัตโนมัติ ขนแขนแย่งกันลุกเคารพธงชาติ เขากับอาเยี่ยนเนี่ยนะ? เออ ถ้าเอามาคิดเล่นๆก็ได้อยู่ เเต่ถ้าเอาจริงนี่ไหวว่ะ เเค่คิดก็ฟิน เอ้ย อ้วกก็เเทบพุ่งเเล้ว!

    "ถ้าต้องเอาไอ้บ้านี่ ข้ายอมอยู่โดดเดี่ยวตลอดชีวิต!"

    "เเหม พูดเหมือนตัวเองดีตายเลยนะอาเยี่ยน ไม่ทราบว่าระหว่างเกลือในทะเลกับพี่อันไหนเค็มกว่ากันขอรับ เเดกทีนี่เค็มจนช็อกตายเลยรีเปล่า"

    "ร้อยตำลึงทอง"

    "ไม่มีจ่ายโว้ย! เงินเดือนยังไม่ออก นี่ก็ย้ำเรื่องเงินจริงเลย คำว่าเพื่อนไม่เคยมีคำว่าเงินอ่ะ เคยได้ยินป่ะ!"

    "ไม่"

    "เออ ข้าก็ไม่เคยเหมือนกัน"

    "เอ้า"

    "พี่ซือเยี่ยนไม่เค็มนะพี่สือ ข้าเคยลองกินเเล้ว!"

    "..."

    "..."

    พวกเขาทั้งสองคนหยุดตีกันทันใด หลังจากตั้งสติเเปลคำพูดของเด็กหนุ่มได้ สือโถวก็ตวัดสายตาใส่พ่อบ้านเเห่งจวนเศรษฐีอันเลืองชื่อที่ก้าวเท้าเข้าไปในคุกเเล้วครึ่งตัว

    "อาเยี่ยน นี่เจ้า-"

    "อย่าพูดเรื่อยเปื่อยซานอวี้" อาเยี่ยนเอ่ยเสียงเข้ม "ตอนนี้ไม่มีอะไรเเล้ว เจ้ากลับไปช่วยพวกพี่ฝู่อี่ไป"

    "ขอรับ"

    ซานอวี้เเม้จะงงงวยว่าตนพูดอะไรผิด เเต่ก็ยอมรับคำ หมุนตัววิ่งไปช่วยงานตามที่อาเยี่ยนสั่ง ลับร่างเด็กน้อยสือโถวจึงหันมายิ้มยียวนให้สหาย

    อาเยี่ยนชูมือ "เดี๋ยวตีปากเเตก"

    "อะไรวะ ข้ายังไม่ทันจะพูดอะไรเลย"

    "เเค่เห็นหน้าเจ้า ข้าก็รู้ยันไส้ติ่งเเล้ว"

    "ถ้าจะรู้ลึกขนาดนั้นไม่ล้วงไส้ข้าขึ้นมากินด้วยเลยล่ะ เจ้าบ้า”

    “ข้าไม่กินไส้เน่า”

    จะบอกว่าข้าไม่ได้ขี้มานาน หรือว่าข้าเป็นศพวะ? เพื่อป้องกันการตีกันอย่างไร้สาระอีก สือโถวจึงปัดความสงสัยนั้นออกจากหัว รีบเข้าสู่ประเด็นสำคัญที่อยากรู้มานาน

    "เออ สรุปซานอวี้เป็นมนุษย์ใช่หรือไม่?"

    "เจ้าจะติดใจอะไรนักหนา?"

    "ก็ติดใจพอๆกับเรื่องที่ว่าไปกินกันตอนไห-"

    "มนุษย์"

    รีบตอบเชียว

    “เจ้าคิดว่าซานอวี้เป็นปีศาจ?”

    “น่ารักเกินผู้ชายขนาดที่ข้ายังใจเต้นระรัว ไม่คิดก็บ้าแล้ว” เขาเบนสายตาไปอีกด้าน จะให้อธิบายว่าคล้ายใครบางคน เดี๋ยวจะเล่ายาวอีก เพราะงั้นปล่อยมันไปเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาจะสามปีแล้ว

    “เวลา...ช่างผ่านไปเร็วเสียจริง”

     

    รองหัวหน้าหน่วยอินทรีโลหิตกำลังหาใครบางคนอยู่

    คนที่หลบหน้าเขามาตลอดสามอาทิตย์

    จะไปลากมากระทื- ลากมาคุยกันก็ยาก ในเมื่อเขาเองก็มีงานรัดตัวจนแทบหายใจไม่ออกเช่นกัน

    สองขาก้าวฉับ จุดหมายคือกระโจมที่พักชั่วคราวของหน่วยอินทรีโลหิต ใกล้จะถึงวันประลองในอีกไม่กี่วัน ทางสำนักจึงต้องตั้งกระโจมชั่วคราวเพื่อสะดวกต่อการปฏิบัติงานของคนในหน่วย

    ชายฉกรรจ์ของหน่วยอินทรีโลหิตก้มคำนับตงฉินเกือบไม่ทัน แต่ละคนได้แต่หน้าซีดส่งสายตาหากัน พายุอะไรพัดเสือดำมาที่นี่วะ!?

    “เจ้า”

    “ขอรับ!?” หนึ่งในหน่วยอินทรีโลหิตเด้งตัวตอบรับ มีเหล่าเพื่อนพ้องยกธูปขึ้นมาเตรียมพร้อมสวดวิญญาณอยู่ด้านหลัง (?)

    “สือโถวอยู่ไหน”

    “อ่ะ เอ่อ ข้าเห็นเดินโซเซเข้ากระโจมหลังสุดท้ายไม่นานนี้เองขอรับ”

    ตงฉินเลื่อนสายตาตามทิศทางที่ชายหนุ่มชี้ ก่อนตอบรับในลำคอ สาวเท้าไปยังกระโจมที่ว่าทันที หน่วยอินทรีโลหิตเปลี่ยนจากถือธูปเป็นหนังสือสวดมนต์ พลางครุ่นคิดว่าต้องเตรียมโลงศพพร้อมจัดหาพระมาสวดเตรียมพร้อมให้รุ่นน้องผู้นี้ดีหรือไม่?

    ไม่ใช่ว่าแช่งรุ่นน้องหรอกนะ แต่หน้าท่านรองแม่มน่ากลัวเหมือนมีใครไปเหยียบเล็บขบพี่แกมาเลยน่ะสิ!

    พรึ่บ!

    มือใหญ่ปัดผ้าหน้ากระโจมออก ดวงตาสีดำสนิทกวาดตาทั่ว ก่อนจะเห็นร่างคนที่เขาตามหานอนขดตัวอยู่มุมสุดของกระโจม

    ร่างสูงหยุดอยู่ข้างแคร่ไม้ที่สือโถวนอนอยู่ พอก้มมองก็ได้แต่ส่ายหัว คลุมผ้าห่มมิดหัวขนาดนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก

    “สือโถว”

    “...”

    “เฮ้อ” ตงฉินถอนหายใจ ตัดสินใจทรุดตัวลงบนแคร่ ดึงผ้าห่มผืนบางออกจากใบหน้าสือโถว

    คิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนไม่พอใจที่ผ้าห่มหายไป ท่าทางราวกับเด็กเอาแต่ใจทำให้ตงฉินเผลอหลุดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ความไม่พอใจที่สั่งสมมาตลอดสามอาทิตย์หายไปในอากาศ

    “...เจ้าเกลียดข้าหรือ” ถึงได้หลบหน้ากันเช่นนี้

    “คร่อก”

    “...”

    ตงฉินยกมือเคาะหน้าผากคนที่นอนอยู่อย่างนึกมันเขี้ยว ดูท่าวันนี้คงคุยกันไม่ได้แล้ว เอาเถอะ เขาเองใช่ว่าจะใจร้ายปลุกอีกฝ่ายจากฝัน เห็นว่าทำงานหนักมาตลอดเดือนหรอกนะ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน

    ฟึ่บ

    !

    ดวงตาคมกริบเบิกขึ้นเล็กน้อย ในตอนที่เขาจะลุกขึ้น ฝ่ามือหยาบกร้านก็คว้าเข้าที่ชายเสื้อ ไม่ทันที่ตงฉินจะได้เปิดปากพูดอะไร สือโถวกลับผงกหัวขึ้นตาปรือ

    “กลับมาแล้วเหรอ”

    “??” ตงฉินขมวดคิ้วกับภาษาที่ไม่คุ้นเคย สือโถวกำลังพูดอะไร?

    “อย่าพึ่งไปดิ... ขอยืมตักหน่อย ช่วงนี้... แม่ม เหนื่อย... ว่ะ”

    “เจ้าพู-”

    ศีรษะทุยซบลงบนตักเสือดำทันที แถมยังกวาดแขนกอดเอวคนตัวสูงแน่น เปลี่ยนตำแหน่งอีกสองสามที พอเจอมุมที่พอใจก็พ่นลมหายใจอย่างเป็นสุข ปล่อยให้ตงฉินนั่งตัวแข็งทื่อ

    ผ่านไปสักพัก ตงฉินจึงลูบหัวสือโถวแผ่วเบา ในใจได้แต่สงสัยปนหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าปกติก็ทำแบบนี้ตลอดตอนอยู่กับคนอื่นหรอกนะ เฮ้อ

    “เจ้าลงชื่อประลองเรียบร้อยแล้วหรือยัง”

    “เออ ใครจะกล้าลงช้าล่ะ ขืนลงช้ามีหวังโดนท่านรองเตะตัดหัว เฮ้ย!!!” ฟางหยงกับกวงซื่อที่เดินเข้ามาในกระโจมตกใจแทบกัดลิ้นตัวเองขาดเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังพูดถึงนั่งหน้าทะมึนอยู่บนแคร่

    “ทะ ท่านรอง!” พระโพธิสัตว์ทรงโปรด เหตุใดตัวอันตรายอันดับหนึ่งของหุบเข่าเหม่ยลี้ถึงได้มานั่งอยู่กระโจมพวกเขาได้วะ!!

    ฟางหยางหน้าซีดเผือด ก่อนจะชะงักเมื่อเห็น อะไรบนตักของตงฉิน ปากที่อ้ากว้างอยู่แล้วแทบจะอ้าออกจนแดกหัวเพื่อนข้างตัวได้ สือโถวน้องรัก! นะ นั่นเจ้า...

    “พอดีข้านึกขึ้นได้ว่ามีผ้าที่ต้องตาก จานที่ต้องล้าง หมาที่ต้องให้อาหาร ขอตัวก่อนนะขอรับ”

    กวงซื่อได้สติก่อนใคร รีบลากเพื่อนที่ช็อกตาตั้งออกจากกระโจม

    ตึง!!

    “พี่สือโถว!!! ข้าเอาขนมมาห้ายยยยย!!!

    ชิ้งงงงงงง

    “เอ๊อะ” บรรยากาศกดดันพุ่งเข้าใส่หน้าทันทีที่เปิดผ้ากระโจม เด็กหนุ่มเบรกเท้าทันใด สองมือถือตะกร้าขนมค้างอากาศ

    ซานอวี้กระพริบตาปริบๆ พี่ชายตัวโตสองคนด้านหน้าพยายามบุ้ยปากบอกอะไรสักอย่าง เด็กหนุ่มเอียงคอ “พวกพี่ปวดขี้หรือขอรับ?” พี่สือโถวเคยบอกว่าขี้ไม่ออกไม่ใช่เรื่องตลก ถ้าปวดต้องรีบเข้า ห้ามหมักหมมเด็ดขาด!

    กวงซื่ออยากจะเขกหัวกับเสา โว้ยยยยยยยยยยยยยยย

    “ถ้าห้องน้ำอยู่ไกลไป เอาป่าแถวนี้ก็ได้ขอรับ ข้าไม่บอกใครหรอกว่าพี่แอบขี้ข้างกระโจม”

    “ขอบใจมาก ถุ้ย! ออกไปนอกกระโจมได้แล้ว ตอนนี้พี่สือของเจ้ายุ่งอยู่!

    คว้าคอเด็กหนุ่ม ออกแรงลากออกไปด้วยกัน แต่ซานอวี้กลับขืนตัวไว้ “เดี๋ยวก่อนสิ ให้ข้าวางไว้ก็ดะ-!

    เด็กน้อยพลันตัวแข็ง เมื่อสบกับสายตาคมกริบของตงฉิน มองขึ้นลงได้สามสี่ที สมองอันชาญฉลาดก็สามารถปะติปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด

    ในขณะที่บรรยากาศกำลังเย็นเฉียบเท่าน้ำแข็งในเดือนเหมันต์ สือโถวก็ยันตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหยาบกร้านยีหัวอย่างหงุดหงิด

    “เสียงดังโหวกเหวกอะไรกันวะ ไม่เห็นเหรอว่าคนกำลังนอนอยู่ เดี๋ยวพ่อจับแดกหัวให้หมดซะหรอก!

    “...”

    “อ้าว ซานอวี้ พี่กวง พี่ฟาง ทำไมยืนนิ่งเป็นศพงั้นล่ะ?”

    สามคนกลางห้องเงียบกริบชนิดป่าช้ายังอาย สือโถวเลิกคิ้ว พอหันไปด้านข้างเขาก็แทบพ่นน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย

    @#0!##$*())+_*%$#$#%^as*&

    วาย ฮี สเตย์ เฮี้ยยยยยยยยยย!!?

    “ข้าขอโทษนะ พี่สือโถว”

    “หะ? หือ?” สือโถวรีบเบนสายตากลับไปที่เด็กน้อยที่วางตะกร้าขนมลงบนโต๊ะ ซานอวี้ยืนกุมเป้าแสดงท่าทีเสียใจสุดซึ้ง

    “ข้าไม่รู้ว่าสามีพี่ก็อยู่ด้วย เลยลืมหยิบขนมมาเพิ่มเลย”

    “หา!?”

    ตงฉินกระแอมเสียงเบา “ไม่เป็นไร”

    สือโถวหันควับ เดี๋ยว สามีอะไร ใครคือสามีข้า!

    พอซานอวี้เห็นว่าพี่ชายหน้าโหดลดรังสีความดุลง ก็ผ่อนลมหายใจยาว เด็กน้อยโค้งตัวขอโทษให้ตงฉินอีกครั้ง รีบจ้ำอ้าวออกไปนอกกระโจม แต่ไม่วายยังหมุนตัวกลับมายิ้มเผล่ล้อเลียน พร้อมยกนิ้วให้คนบนเตียง

    “สามีของพี่หล่อมาก!!!

    “สามีบ้าอะ- กลับมาเคลียร์กันก่อน ซานอวี้!

    พรึ่บ

    เด็กน้อยวิ่งลิ่วออกไปด้านนอก ทิ้งให้สือโถวยกมือค้าง กวงซื่อกับเฟยหยางสบโอกาส พากันกอดคอกระดื้บออกนอกกระโจมเช่นกัน

    ไม่ทันที่สือโถวจะได้เรียกสติกลับมา เสียงน้องน้อยก็ตะโกนลั่นด้านนอก “ลุงฝู่อี้ หัวหน้าถงงงง พี่ซือเยี่ยนนนนน พี่สือโถวมีสามีแล้ววววววววววววววว!!!

    “ไอ้ซานอวี้!!!

               

     .......................................................100%........................................................


    ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ จากนี้ไรท์คงจะอัพทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เเทนเเล้วล่ะขร่ะ

    มีคนถามถึงเพจ ไรท์มีค่ะ อยู่หน้านิยายเลย เเหม ไม่ได้เเต่งนิยายนาน เเทบจำคาเรกเตอร์ไม่ได้ละเนี่ย 55



    อาเยี่ยน

    "เกิดมาเป็นเพื่อนกับคนบ้า ช่างลำบากนัก"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×