ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #5 : ย้อนยุค 4 : ความวุ่นวายในจวน (2) (Rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.97K
      562
      19 ม.ค. 66

     

    ย้อนยุค 4

    เรื่องวุ่นวายในจวน (2)

     

     

    หลังจากเหตุการณ์ตีสุนัขติดสัดสะเทือนแผ่นดิน จวนเศรษฐีเเห่งนี้คล้ายจะสงบขึ้นมานิดหน่อย...

    ซานอู่กับซุนโม่ถูกไล่ออกจากจวน อาเยี่ยนทำตามที่ประกาศไว้ เขาเข้าไปรายงานพฤติกรรมอันน่าอับอายของชายหนุ่มกับนายท่านด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เหล่าเด็กเวรที่จ้องจะกินเต้าหู้มู่หลี่หลงจึงลดลงมาก จำนวนคนที่ลอบทำร้ายสือโถวก็ลดลงด้วย...ซะที่ไหน! 

    "อาเยี่ยน!!"

    คนถูกเรียกสะดุ้งโหยงเกือบทำกองหนังสือล้มใส่ตัวเอง อาเยี่ยนถลึงตาใส่เพื่อนตัวสูงของตนอย่างหงุดหงิด "เรียกธรรมดาข้าก็ได้ยินเเล้ว เจ้าจะตะโกนหาปู่เจ้าหรือ!"

    "เออ ข้าจะตะโกนให้ดังถึงทวดของเจ้าด้วย ดูนี่!!!" สือโถวชี้ไปยังบนหัวของตัวเองที่เต็มไปด้วยหยดน้ำสีเเดง

    อาเยี่ยนเอียงคอ "เจ้าทำชาดตกใส่หัวตกเองรึ? รีบไปล้างออกดีกว่านะ"

    "ชาดบ้าอะไรเล่า! เลือดของข้าต่างหาก!!"

    ไหลเป็นก๊อกเเตกเเบบนี้ ดูยังไงว่าเป็นผงชาดฟะ ตาแกเป็นต้อหรอไอ้น้อง!!

    "โอ้" อาเยี่ยนร้องรับคำทีหนึ่ง "งั้นรีบไปทำเเผลดีกว่านะ เดี๋ยวมันหยดเลอะพื้นห้องทำงาน ข้าขี้เกียจเช็ด"

    "เจ้าช่วยจัดการไอ้เด็กเวรพวกนั้นทีได้หรือไม่ ขืนเป็นเเบบนี้ต่ออีกเดือนข้าได้ตายเเน่!!" คราวนี้ต่อให้มียมทูตมาคุกเข่าขอให้อยู่ต่ออีกกี่ร้อยตน เขาก็ไม่อยู่แล้วโว้ย!

    อาเยี่ยนทำสีหน้าเหมือนสือโถวกำลังพูดว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทิศทางตะวันตก ปลาจะบินได้อะไรเทือกนั้น

    ตอนนี้คล้ายว่าเหล่าชายหนุ่มวัยกลัดมันคิดว่า…หากอยากใกล้ชิดกับน้ำผึ้งหวานเเห่งจวนก็ต้องกำจัดหมีที่เฝ้ามันก่อน ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจกันหยุดความสนใจที่มีต่อมู่หลี่หลงชั่วคราว เเล้วทุ่มความเเค้นทั้งหมดมาที่สือโถวแทน!!

    เเค่จะไปขี้ยังเลือดอาบได้ ชีวิตนี้จะมีอะไรสิ้นไหวไปกว่านี้อีกวะ!

    คือที่ผ่านมายังอาภัพไม่พอใช่รึไม่ เเค่โดนหลอกมาสิงร่างผู้ชายเพื่อต่อชะตายังไม่พอ ยังต้องโดนลอบทำร้ายทุกวินาทีเพื่อเพิ่มความบันเทิงด้วย?! 

    บางทีเขาก็คิดนะ ถ้าพวกเจ้าหื่นขึ้นสมองเเบบนี้ทำไมไม่ไปปลดปล่อยที่หอโคมเขียวสักรอบสองรอบกันวะ จะมาลอบทำร้ายข้าทำซากอะไรกัน!

    "ข้าคิดว่าสาเหตุมันมีอีกเรื่องนะ" อาเยี่ยนวางหนังสือลงบนโต๊ะกลางห้อง เด็กหนุ่มวัยสิบหกเเลดูจะสูงขึ้นทุกวันทั้งที่เอาเเต่ทำงานในร่ม ตอนนี้ก็เเทบสูงเลยสือโถวไปเเล้วด้วย "ได้ยินว่านายท่านคิดจะย้ายเจ้าไปทำงานคุ้มกันสินค้าที่เมืองต้าฉิง?"

    "เหอะ เเล้วยังไงล่ะ" สือโถวดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มด้วยท่าทีไม่หยี่ระ ไปทำงานที่นอนกลางดินกินกลางทราย เสี่ยงจะโดนโจรมากระทืบตอนไหนก็ไม่รู้ นั่งคิดนอนคิด พลิกตัวเอาเท้าก่ายหน้าผาก เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะดีตรงไหน

    อาเยี่ยนหัวเราะในลำคอ "เพราะเจ้าเป็นอย่างนี้ไงเล่า ทองคำอยู่ในมือกลับไม่เห็นค่าของมัน ทาสเด็กพวกนั้นก็หมั่นไส้เจ้าน่ะสิ"

    “เหอะๆ” พิจารณาจากเเรงที่ฟาด ข้าว่าพวกเขาไม่ได้เเค่หมั่นไส้ข้าเเล้วล่ะ น่าจะอยากเอาให้ตายมากกว่า

    "ทุกคนที่นี่ต่างหวังว่าสักวันจะได้ออกจวนไปท่องโลกกว้าง เจ้ารู้หรือไม่ว่าการได้ไปทำงานคุ้มกันสินค้าหมายความถึงนายท่านกำลังจะอนุญาตให้เจ้าออกไปอาศัยอยู่นอกจวนได้เเล้ว"

    "..." 

    เทียบกับการอยู่ในจวนที่โดนผู้คุมทาสฟาดเเส้ใส่ทุกวัน การออกไปอยู่ข้างนอกย่อมเหมือนสวรรค์จริงๆ นั่นเเหละ

    "เเต่ว่าที่นี่..." มีหลี่หลงอยู่

    เด็กคนนั้น...หากไม่มีเขาคุ้มครอง เกรงว่าคงกลายเป็นก้อนเนื้อเเหลกเหลวให้เหล่าผู้คุมทาสทึ้งเล่นไปแล้ว เพราะเหตุผลนี้สือโถวถึงไม่คิดจะออกจากจวนเส็งเคร็งไปจนกว่าเด็กน้อยจะได้รับอิสระ

    อาเยี่ยนกลอกตามองบน "เฮ้อ เจ้าจะยึดติดกับเด็กน้อยนั่นมากไปแล้วนะ เเน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลย?"

    "ก็บอกว่าไม่ไง" ถึงข้าจะเคยชอบผู้ชาย (เสียงเบา) ตอนนี้เเอบเล็งเจ้าอยู่นิดๆ (กระซิบ) เเต่การล่วงเกินเด็กสิบเอ็ดขวบที่ขนตรงนั้นยังไม่งอก ข้าไม่คิดจะทำหรอกนะ ป๊ะป๋าสอนข้ามาดี!!

    "เหรอ?" อาเยี่ยนตอบรับอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก เด็กหนุ่มหันมาดันให้สือโถวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ก่อนหมุนตัวไปหยิบกล่องยามาจากชั้นวาง เริ่มลงมือทำเเผลให้อย่างเบามือผิดกับถ้อยคำเจ็บเเสบเมื่อครู่

    สือโถวนึกถึงเรื่องเมื่อหลายเดือนเเล้วอดหัวเราะไม่ได้ อาเยี่ยนขมวดคิ้วสงสัยว่าเขาเป็นบ้าอะไร

    "โทษทีๆ ข้ากำลังนึกถึงเมื่อก่อน เเม้เเต่ยาใส่เเผลพวกเรายังไม่มีปัญญาหามาเลย เเต่ตอนนี้เจ้ากลับมีเป็นกล่อง ข้าเลยอดขำในโชคชะตาไม่ได้" ขนาดข้าเเค่เดินออกไปทำหน้าสวยนอกบ้านเเค่สิบก้าวยังโดนรถชนไส้ทะลักได้ คำว่าโชคชะตานี่ดูถูกไม่ได้เลยเชียว

    "หึหึ นั่นสินะ นึกถึงตอนที่เจ้าตื่นขึ้นมาเเล้วเพี้ยนคิดว่าข้าเเอบชอบเจ้า ข้าแทบอ้วกทุกที"

    สือโถวสำลักน้ำลาย โชคดีที่มีหนวดบดบังใบหน้าทำให้อาเยี่ยนไม่เห็นว่าเขากำลังอับอายมากเเค่ไหน

    ไม่อยากบอกเลยจ้ะว่าตอนนี้ก็เเอบเล็งอยู่นิดๆ นะ แต่เพื่อมิตรภาพที่ไม่ค่อยจะมีของเราทั้งสอง เขาว่าควรเก็บเงียบไว้จะดีกว่า

    "เเฮ่ม เอาเป็นว่าเจ้าช่วยเตือนบ่าวทาสพวกนั้นให้ข้าหน่อยเเล้วกัน" ชีวิตที่เเม้เเต่เดินไปขี้ยังไม่ปลอดภัย มันลำบากจริงๆ นะเออ! 

    อาเยี่ยนเเค่นหัวเราะเยาะเย้ย "เจ้าพวกนั้นที่อายุมากกว่าเจ้า เจ้ายังกล้าตีพวกเขาแล้วข้าที่อ่อนเยาว์และบอบบางกว่าเจ้าจะไปกล้าเตือนอะไร"

    สือโถว "...?"

    นี่เจ้ากำลังเเอบด่าข้าว่าหน้าเเก่อยู่ใช่มั้ย? 

    .................

    ตอนเที่ยง

    สือโถวเดินลูบผ้าพันเเผลบนหัว เขากำลังไปโรงครัวเพื่อไปหามู่หลี่หลง งานของวันนี้เสร็จเเล้วจึงคิดว่าจะไปเฝ้าเด็กน้อยซะหน่อย แน่นอนว่าระหว่างทางเขาได้ออกกำลังไม่น้อย คาดว่าไม่เกินหนึ่งปีเขาอาจจะได้เป็นเจ้ายุทธภพเเห่งการหลบหลีกกับดักอันดับหนึ่งของเเผ่นดินเป็นเเน่เเท้

    "โอ้ สือโถว"

    "สวัสดี พ่อครัวกง" สือโถวก้มหัวให้อีกฝ่าย

    “สวัสดีๆ เอ้า นี่อาหารกลางวันของเจ้า” พ่อครัวยกข้าวปั้นห้าก้อนมาวางไว้บนโต๊ะเขา ก่อนเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเรียกเจ้าหนูตัวน้อยออกมา ไม่นานนักร่างเล็กของมู่หลี่หลงก็วิ่งตึกตักจากห้องครัว เเก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อตามอุณหภูมิร่างกาย

    สือโถวเเอบถอนหายใจ เพราะน่ากินเเบบนี้น่ะสิ เจ้าเด็กหนุ่มติดสัดพวกนั้นถึงตามเป็นเเมลงวันตอมขี้ไม่หยุด

    เอาว่ะ เพื่อความบริสุทธิ์ของเด็กน้อย เขาคนนี้จะยอมบริจาคเลือดอีกสักลิตรก็ได้ ฮือ

    "พี่สือโถว!"

    "อืม ไม่ต้องวิ่ง นั่งลงก่อนเถอะ"

    "ขอรับ"

    เด็กน้อยนั่งลงอย่างว่าง่าย มือสากดันจานที่เต็มไปด้วยข้าวปั้นไปตรงหน้ามู่หลี่หลง พลางเพยิดคาง "กินซะสิ"

    "มะ ไม่เป็นไรขอรับ นี่ นี่เป็นข้าวเที่ยงของพี่สือโถว ข้าอิ่มเเล้ว" ฉับพลันเสียงท้องร้องก็ดังขึ้นเหมือนนกรู้ มู่หลี่หลงหน้าเเดงก่ำ ดวงตาฉ่ำน้ำหันมาหาสือโถวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    สือโถวหัวเราะเล็กน้อย ตบหัวทุยเบาๆ เเม้ว่าในใจอยากจะฟาดไปเต็มเเรงเเค่ไหนก็ตาม โถ ไอ้เด็กน้อย คิดว่าทำเเบบนี้น่ารักมากใช่มั้ย โทษทีเถอะ สเปคข้าคือหนุ่มล่ำกล้ามเนิ้อเเปดลอน อย่าคิดว่าข้าจะหวั่นไหวกับความโมเอะนี่เลยเหอะ!

    เเล้วไอ้เจ้าหนุ่มด้านหลัง เจ้าจะเลือดกำเดาไหลทำไมมิทราบ!

    สือโถวถลึงตาใส่จนเเมลงวันวิ่งกระเจิงไปคนละทาง ก่อนหันมาสั่งเด็กน้อยอีกรอบ "กินเถอะ ข้าอิ่มอยู่"

    ความหมายแฝงคือ ได้โปรดรีบๆ กินเข้าไปแล้วโตเป็นหนุ่มร่างบึกตบหมีตายด้วยมือเปล่าเถอะ ข้าจะได้พ้นจากวนเวียนพี่เลี้ยงนรกนี่เสียที!

    ไอ้ความน่ารักจงหายไปซะ! ความสมชายชาตรีจงลงมาสถิตแทนเเก้มยุ้ยๆ ฮึ่ย หมั่นไส้แก้มซาลาเปาสองลูกนี่จริงเลย!

    มู่หลี่หลงยังคงลังเล เเต่เมื่อเห็นคนอายุมากกว่าจ้องเขม็งไม่เลิก มือน้อยเเสนบอบบางจึงหยิบก้อนข้าวเย็นชืดขึ้นมากินทีละลูก ทันใดนั้นนัยน์กวางก็ดวงตาทอประกายสดใส 

    เหอะ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่นี่เเบ่งข้าวให้กินน้อยเพียงใด ขนาดตัวเขาที่อยู่มานานยังได้มื้อละห้าลูก เด็กน้อยอย่างมู่หลี่หลงจะได้สักกี่ก้อนกันเชียว ครึ่งลูกยังยากเลยกระมัง

    รวยก็รวย ไม่รู้จะงกอะไรนักหนา

    "เอ้า ไม่ต้องรีบกินก็ได้ ไม่มีใครเเย่งหรอก" สือโถวยื่นถ้วยน้ำชาให้ เป็นเรื่องปกติของเขาไปเเล้วที่จะยกอาหารเที่ยงให้เจ้าตัวน้อยนี้ เเม้เเต่อาหารเช้ากับเย็นยังเจียดให้คนละครึ่งจนอาเยี่ยนที่เผลอมาเห็นต้องขมวดคิ้ว

    ทำไงได้...ก็มู่หลี่หลงคล้ายเด็กคนนั้นเลยนี่นา

    สือโถวเผลออมยิ้มเมื่อนึกถึงใครบางคนที่ตนไม่ได้มีโอกาสดูเเลเเล้ว

    ไม่สิ เรียกว่าไม่เคยดูเเลเลยต่างหาก

    "..." มู่หลี่หลงชะงักมือที่กำลังจะหยิบข้าวปั้นก้อนสุดท้าย เด็กน้อยเอียงคอมองคนข้างตัวที่กำลังนั่งเท้าคางเหม่อมองไปไกล ดวงตาที่โผล่พ้นเส้นผมฉายเเววคิดถึงปะปนกับร่องรอยความเจ็บปวด

    จากมุมนี้พี่ชายตัวโตช่างดูอ้างว้างหม่นหมองจนมู่หลี่หลงเผลอเอื้อมมือไปจับชายเสื้ออีกฝ่ายดังหมับ

    "หือ?" สือโถวหลุดออกจากภวังค์ หันมากะพริบตาปริบๆ ให้น้องน้อยข้างตัวเป็นเชิงถาม

    มู่หลี่หลงพอรู้ตัวก็รีบปล่อยมือราวกับเเตะถูกของร้อน เด็กน้อยเม้มริมฝีปากเเน่น "คือ...ข้าอิ่มเเล้ว พี่สือโถวเอาชิ้นสุดท้ายไปเถอะ"

    "อ่า อืม" สือโถวไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงหยิบข้าวปั้นเข้าปากตามเด็กน้อยว่า

    หลังจากกินข้าวเสร็จร่างเล็กผุดลุกจากที่นั่ง มู่หลี่หลงบอกลาสือโถวเสียงเบา เร่งฝีเท้ากลับห้องครัว ในใจได้เเต่ก่นด่าความเลินเล่อของตน

    เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่หลี่หลง ทำไมต้องไปจับเจ้ายักษ์นั่นด้วย! 

    ...............

    สือโถวนอนตาค้างอยู่บนเตียง เขากำลังกังวลเรื่องเจ้าตัวเล็กที่นอนร่วมห้องมาหลายเดือน ทั้งที่ดึกขนาดนี้กลับยังไม่เห็นเเม้เเต่เงาของมู่หลี่หลง

    ทำไมวันนี้กลับมาดึกจังวะ

    เขาพลิกตัวไปมา เอาไงดี ตาม ไม่ตาม ตาม

    ขณะที่กำลังนั่งกดหมอนดึงด้ายเสี่ยงทายอันที่เจ็ดสิบ เสียงกุกกักก็ดังขึ้นตรงประตูหน้าห้องพร้อมกับร่างขนาดกะทัดรัดที่เเทรกตัวเข้ามา

    สือโถวถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกก่อนจะกล่าวตำหนิ "ไปไหนมา เหตุใดจึงกลับดึกเช่นนี้"

    มู่หลี่หลงถอดเสื้อนอกออก ขาเล็กก้าวขึ้นมาบนเตียง "ข้าไปช่วยท่านพ่อครัวเตรียมเสบียงสำหรับพรุ่งนี้ขอรับ"

    "อ้อ" เสบียงสำหรับเดินทางไปเมืองต้าฉิงสินะ สือโถวพยักหน้า "ลำบากเจ้าเเล้ว"

    จะว่าไป ไม่คิดว่าจะมีชื่อเขาอยู่ในขบวนด้วย ดูท่าเเล้วคงเป็นฝีมืออาเยี่ยนอีกตามเคย

    "ท่านจะกลับมาเมื่อไหร่หรือขอรับ?" สือโถวชะงักมือที่กำลังจับดึงผ้าห่ม รู้สึกเเปลกประหลาดในใจ เหมือนตัวเองเป็นสามีที่กำลังจะออกไปทำงานเเล้วทิ้งเมียน่าสงสารไว้ในบ้านเลยวุ้ย

    "คงจะ...สองสามวันกระมั้ง"

    "งั้นหรือขอรับ" เด็กน้อยก้มหน้าลงอย่างที่ทำเป็นประจำ สือโถวจึงยีหัวทุยเป็นการปลอบใจเด็กขี้เหงา "ไม่ต้องห่วง ข้าฝากอาเยี่ยนดูเเลเจ้าเเล้ว ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเจ้าหรอก"

    อื้อฮือ สมชายชาตรีมากตัวข้า ฟังเเล้วอยากแต่งงานกับตัวเองเลย

    สือโถวสะบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติดี มู่หลี่หลงเองก็กลับมาอย่างปลอดภัยไร้รอยข่วน เขาจึงล้มตัวลงบอกราตรีสวัสดิ์อีกน้องน้อยเสียงเบา ไม่นานนักก็เข้าสู่นิทรา

    ท่ามกลางความมืดของยามวิกาล มู่หลี่หลงยังไม่หลับ เด็กน้อยเท้าคางมองคนตัวสูงกว่าด้วยสายตานิ่งเฉย ใบหน้าจิ้มลิ้มฉายเเววเย็นชาผิดจากปกติ มือน้อยจิ้มไปยังเเก้มของคนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่อง

    "จะบอกว่าซื่อหรือโง่ดีนะ"

    โดนหลอกใช้ขนาดนี้ยังไม่รู้ตัว ตัวใหญ่ซะเปล่า ขนาดเจ้าคิ้วเข้มนั่นยังเริ่มระเเคะระคายเขา เเต่เจ้าบ้านี่กลับไม่สงสัยอะไรเเม้เเต่น้อย

    "ข้าน่ะ...เกลียดที่นี่" เกลียดทุกอย่างที่อยู่รอบตัว เกลียดจนอยากทำลายทิ้ง เอาให้มันย่อยยับกันไปข้าง

    ทั้งจวนที่น่ารังเกียจ ทั้งเหล่าทาสบริวารที่สารเลวไม่ต่างจากนายของมัน

    มู่หลี่หลงจับถุงผ้าที่อยู่ใต้อกพลางเเสยะยิ้มเหี้ยม ทว่ามือนุ่มอีกข้างที่ลูบผ้าพันเเผลบนหัวสือโถวกลับอ่อนโยน

    พึ่บ

    สือโถวครางฮือก่อนพลิกตัวมาหาเขา มู่หลี่หลงจึงลดมือลง ความสับสนพัดผ่านแววตาวูบหนึ่งก่อนจางหายไปคล้ายไม่เคยมีอยู่

    ร่างเล็กมุดตัวไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ขยับซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของสือโถวเหมือนที่ทำมาตลอดหลายเดือน พอสัมผัสเนื้อหนังที่ผ่ายผอมลง พอนึกถึงตอนที่สือโถวยกอาหารในส่วนของตัวเองให้เขาอย่างไม่เคยเสียดาย ความอบอุ่นสายหนึ่งพลันกระจายไปทั่วอกคล้ายผีเสื้อตัวน้อยที่กระพือปีกโบยบินอย่างถูกใจในทุ่งหญ้ากว้าง

    ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเเน่น

    ถึงข้าจะเกลียดทุกอย่าง

    เเต่ขอยกเว้นเจ้าไว้คนหนึ่งก็เเล้วกัน

    ..........

    ยามอิ๋น สือโถวกับมู่หลี่หลงตื่นพร้อมกัน

    ยามเหม่า เหล่าคนงานต่างพากันตรวจสอบสินค้าให้เรียบร้อยอีกครั้ง

    ยามเฉิน สือโถวกับเพื่อนร่วมขบวนเดินไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารเช้า

    มู่หลี่หลงเดินมาเเจกจ่ายอาหารด้วยตัวเองทำเอาเหล่าบุรุษตาลอยด้วยความเคลิบเคลิ้ม เดือดร้อนสือโถวต้องเเยกเขี้ยวใส่ ทุกคนจึงตั้งใจกินอาหารของตัวเองโดยไม่วอกเเวกอีก

    ระหว่างที่จ้วงข้าวเข้าปาก อาเยี่ยนก็ส่งคนมาเรียกเขาให้ไปพบด่วน บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย สือโถวขมวดคิ้ว หยิบหมั่นโถวมาชิ้นหนึ่งก่อนออกจากโรงอาหารไปทันที

    ยามซื่อ ขบวนสินค้าก็เคลื่อนออกจากจวนเศรษฐี

    ยามไฮ่ คนในจวนท้องเสียเกือบทุกคน เสียงโอดครวญดังไปทั่วบริเวณ กลิ่นเหม็นอบอวลลอยไปถึงเรือนพักของนายท่าน บางคนถึงขั้นช็อกน้ำลายฟูมปากและดูเหมือนคนเหล่านั้นเป็นคนที่ชอบลวนลามมู่หลี่หลงเป็นพิเศษเสียด้วย

    นายท่านโกรธมาก ออกคำสั่งให้หาคนเป็นวางยาพิษในอาหาร ระบุชัดเจนว่าหากพบตัวให้นำตัวไปโบยให้ตายต่อหน้าคนงานทั้งหมดในจวนเป็นการลงโทษ

    ความวุ่นวายที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว

    ....................................

     

     

    ยาม อิ๋น* เท่ากับเวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น.

    ยาม เหม่า** เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น.

    ยาม เฉิน*** เท่ากับเวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น.

    ยาม ซื่อ**** เท่ากับเวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.

    ยาม ไฮ่***** เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×