ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BL] เป้าหมายของข้าคือ HaRem!!

    ลำดับตอนที่ #50 : ย้อนยุค 45 : จงมองเพียงข้า (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.19K
      705
      10 มี.ค. 62


    ย้อนยุค 45

    จงมองเพียงข้า

     

    ข้าจะนอนที่นี่

    หลังจากที่ท่านรองประกาศเจตจำนงค์ก็พุ่งตรงมายังเตียงด้วยฝีเท้ามั่นคง

    เขารีบผูกเสื้อนอนตัวบาง นึกอยากจะจับพี่เเกมานั่งจับเข่าคุยกันอิบอ๋ายว่าการขึ้นเตียงชาวบ้านทั้งที่ยังไม่อาบน้ำมันบาป!

    ข้ายังมีการเช็ดตัว เเต่ท่านเนี่ย เเก้เเล้วนอนเลยไม่คิดถึงหัวอกคนที่ต้องนอนต่ออีกหลายคืนบนเตียงที่มีกลิ่นเต่าของตัวเองหน่อยเหรอ

    เเต่พูดไม่ได้ไง กลัวตาย เเง

    จะไปไหน”

    คนตัวโตกว่าคว้าท่อนเเขนสือโถวที่กำลังจะหย่อนขาลงจากเตียง เขาเเอบกรอกตามองบน

    ท่านจะนอนบนเตียงไม่ใช่หรือขอรับ ข้าเลยจะไปนอนตั่งไม้เเทนอย่างไรเล่า”

    จะเเยกกันนอนทำไม นอนด้วยกันนี่สิ”

    อย่าเลยดีกว่าขอรับ”

    ด้วยใจจริงนะ ข้าล่ะกลัวว่าท่านจะตกใจขวัญหายลุกขึ้นมาคว้าดาบฟันหัวเขาอีกรอบมั่ก ๆ

    เหมือนตงฉินจะจำได้ว่าเคยมีเหตุการณ์ระทึกใจเช่นนั้นอยู่ ชายหนุ่มจึงกระเเอมคำหนึ่ง “นอนเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”

    ให้ข้าไปนอนที่อื่นเถิด” ไม่คิดถึงชีวิตข้าก็คิดถึงหน้าเมียที่บ้านหน่อยก็ดีนะเธอ โจวเจว่ยร้องไห้เลยนา ถ้ารู้ว่าท่านนอนกับข้าเนี่ย

    อย่าเรื่องมากได้รึไม่”

    เเกสิเรื่องมาก!

    เขาฮึดฮัดล้มตัวนอนด้านใน จะตามหามู่หลี่หลงก็ไม่ได้เเถมยังต้องมาติดกับไอ้เถื่อนนี่อีก หงุดหงิดโว้ยยย

    ทันใดนั้นช่วงเอวรู้สึกถึงท่อนเเขนที่โอบมาจากด้านหลัง สือโถวสะดุ้งเฮือกตะบบท่อนเเขนที่รัดเอวเขาเเน่น

    อะ อะไรขอรับ!?” มากอดข้าทำไม!?

    เดี๋ยวเจ้าเเอบหนีตอนข้าหลับ”

    เอาเชือกมา! เดี๋ยวข้าจะมัดตัวเองเป็นเงื่อนเต่าให้เเม่งเลย!!

    ข้าไม่หนีหรอกขอรับ!”

    “...”

    ท่านรอง? ท่านตงฉิน? เฮ้ย ท่านอาจารย์!” นี่คนหรือถ่านไฟฉาย ช่างหมดเร็วเหลือเกิน!

    เงียบ ถ้าไม่อยากตาย”

    “...”

    อุ๊ ยังตื่นอยู่ว่ะ

    ข้าไม่ใช่โจวเจว่ยนะ” สือโถวพึมพำในลำคอ

    ทำไมเจ้าชอบพูดถึงโจวเจว่ยนัก?”

    “...”

    สือโถว มองตาข้า” ไม่เพียงเเต่ไม่หันมามองเจ้าตัวยังฝังหน้ากับหมอนมากกว่าเดิม ตงฉินขมวดคิ้ว ชายหนุ่มออกเเรงจับไหล่ของอีกฝ่ายให้หันมาหาตนเอง เเต่ถึงกระนั้นสือโถวกลับยกท่อนเเขนมาปิดหน้าตัวเองให้ท่านรองหน่วยอินทรีโลหิตถอนหายใจเล่น

    “หรือว่าเจ้าชอ-“

    “สือโถวววววววววววว”

    ตึงๆๆๆๆๆ!!!!

    เสียงฝีเท้าดังไปทั่วทางเดินพร้อมเสียงตะโกนเรียกดังลั่น สือโถวครางในลำคอ

    อะไรอีก! ข้าไม่ให้คำปรึกษาเรื่องผัวเมียเเล้วนะ ตอนนี้สำนักรับเคลียร์ปัญหาคู่ชีวิตปิดทำการเเล้วโว้ยยย!

    ปัญหาของตัวเองยังแก้ไม่ได้เลยพวกเจ้าจะอะไรกับข้านักเนี่ย!!

    ตงฉินเองก็ดูท่าทางไม่สบอารมณ์เช่นกัน ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางราวกับเสือดาวที่พร้อมขย้ำเหยื่อ ซึ่งเหยื่อผู้โชคร้ายก็น่าจะเป็นฝู่อี้ที่ยืนเคาะประตูห้องเขาเป็นจังหวะสามช่าอยู่ตอนนี้

    “สือโถว! เกิดเรื่องใหญ่แล้วสือถะ-!!

    “มีอะไร”

    “ทะ ท่านตงฉิน ทำไม?” ฝู่อี้เบิกตากว้างเมื่อคนที่เปิดประตูห้องพักไม่ใช่คนที่ตนคิด ก่อนหางตาจะเห็นอดีตน้องชายกำลังก้าวลงจากเตียง สมองอันปราดเปรื่องของตนจึงเชื่อมโยงเหตุการณ์ทุกอย่างได้จนหน้าดำหน้าแดงไปหมด “ขะ ขออภัยที่ขัดจังหวะขอรับ แต่ตอนนี้จำต้องให้สือโถวรีบไปจัดการโดยเร็ว”

    “เรื่องอะไร หรือมู่หลี่หลงกลับมาแล้ว!?”

    สือโถวแทบพุ่งออกจากห้องถ้าไม่ติดฝ่ามือร้อนของคนหน้าประตูที่คว้าเอวได้อย่างรู้จังหวะ ฝู่อี้หน้าแดงกับความใกล้ชิดของคนทั้งคู่กว่าเดิม

    “ไม่ ไม่ใช่หลี่หลง”

    “แล้วมีเรื่องอะไร”

    “ซานอวี้”

     

    หน้าเรือนพักไม้ขนาดเล็กตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนบางส่วนจากสำนักเหม่ยลี้สลับกันเข้าออกเรือนไม้ ที่ระเบียงยาวยังมีร่างของพ่อบ้านจวนเศรษฐีจิ้นหยางที่นั่งก้มหน้าจับมือที่สั่นสะเทาไม่หยุด สือโถวที่พึ่งมาถึงหน้าคล้ำลงสามส่วน สองขายาวก้าวเปิดประตูเข้าไปไม่แม้แต่จะเหลือบมองสหายของตนแม้แต่น้อย

    ภายในห้องวุ่นวายกว่าด้านนอกมากนัก ยิ่งเห็นสาวใช้นำผ้าเปื้อนเลือดในอ่างน้ำวิ่งสวนออกไปในใจสือโถวยิ่งเดือดผลาญ

    “เจ้า?”

    ลุงหมอชะงักมือที่กำลังรักษาคนบนเตียง สือโถวยกมือห้ามเป็นเชิงบอกให้ชายชรารักษาต่อไปไม่ต้องสนใจตน เขาเดินเข้าไปหยุดข้างเตียงที่มีร่างผอมโชกเหงื่อนอนตาปรือใกล้สิ้นสติเต็มที

    “พะ พี่”

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”

    “...”

    “รักษาได้หรือไม่”

    ชายชราทำหน้าลำบากใจ “ยากที่ผ่านพ้น”

     “... เข้าใจแล้ว”

    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามประตูห้องปิดสนิทมานานถึงเปิดออก อาเยี่ยนลุกขึ้นเต็มความสูง แต่ยังไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยอันใดร่างของตนมีอันต้องล้มไปนั่งอีกรอบ

    ซานอวี้แท้งแล้ว

    สือโถวมองอดีตสหายสนิทด้วยสายตากดต่ำ ในใจทั้งเศร้าและแค้นใจไปพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าหลังจากจบการประลองซานอวี้จะบุกไปหาอาเยี่ยนที่กำลังเมามายเพื่อพูดคุยเป็นครั้งสุดท้าย และเพราะน้ำเมาที่กรอกเข้าปากเพื่อนของเขาถึงได้เผลอทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยมากที่สุด...

    สองกระบอกตาร้อนผ่าวจนเขาต้องเบนตาหนีภาพเบื้องหน้า สือโถวสั่งให้คนของจวนเศรษฐีจิ้นหยางออกจากสำนักเหม่ยลี้ให้เร็วที่สุดและไม่อนุญาตให้อาเยี่ยนเข้าใกล้ซานอวี้แม้แต่ปลายผม ฝู่อี้ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สือโถวกลับหมุนตัวเดินออกไปเสียเเล้ว...

    ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศหดหู่และความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันต่อกันติดของสหายเพียงคนเดียวตั้งแต่อยู่ในโลกบิดเบี้ยวไปนี้

    ไม่มีวันแล้วจริง ๆ

     

    “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือ?”

    สือโถวสะดุ้งสุดตัว “นะ นายน้อย!??”

    “อืม ข้าเอง”

    เรือนร่างสูงใหญ่ในชุดเมฆาสีขาวบริสุทธิ์เคลื่อนมาอยู่ข้างกาย แสงจากพระอาทิตย์ที่อาบไล้บนตัวยิ่งทำให้โจวเจว่ยเหมือนไม่ใช่มนุษย์บนดิน แต่เป็นเทพเซียนที่หลบมาพักผ่อนบนแดนมนุษย์ หากเป็นยามปกติสือโถวคงชื่นชมปนหมั่นไส้รูปลักษณ์ที่ฆ่าชะนีตายทั้งแผ่นดินของชายหนุ่ม แต่ตอนนี้สือโถวเพียงหันกลับไปมองภาพต้นไม้ที่ขึ้นเรียงรายคู่กับน้ำตกขนาดใหญ่เบื้องหน้า

    เสียงสายน้ำที่ร่วงหล่นจากที่สูงและไอหมอกน้ำสีขาวทำให้ผู้ที่ชื่นชมความงามตามธรรมชาติรู้สึกสดชื่นไม่น้อย โจวเจว่ยถึงกับเอ่ยปาก “เจ้าช่างเลือกสถานที่ได้ดี”

    “ขอรับ”

    “เจ้าเช็ดน้ำตาไม่หมดนะ”

    !” เขารีบยกสองมือลูบหน้า ก่อนจะชะงักเมื่อรู้ว่าโดนนายน้อยต้มเอาเสียแล้ว “นายน้อย!!

    “เศร้ามากเลยหรือ?” โจวเจว่ยเอียงคอถาม สือโถวกดความรู้สึกอยากถีบอีกฝ่ายลงด้านล่างไว้สุดก้นบึ้งหัวใจ ท่องไว้ว่านั่นเจ้านาย โจวเจว่ยม่องไปก็ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนให้เจ้านะ เพราะงั้นใจเย็นๆ ใจเย็นๆ

    “ทำไมท่านอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าท่านกำลังออกตามหาหลี่หลงหรือ”

    โจวเจว่ยไม่ถือสาที่โดนคนอายุน้อยกว่าเบี่ยงประเด็น ชายหนุ่มคลี่พัดออก

    “ข้าออกตามหาทั้งคืนแล้ว ตอนนี้จึงเป็นหน้าที่ของตงฉิน”

    แล้วจะสลับกันออกทำไมขอรับ ทำไมพวกท่านไม่ออกไปพร้อมกันวะเฮ้ย!! จะได้ไม่ต้องมีเวลามาวุ่นวายกับผู้น้อยในเรือนอย่างข้าเนี่ย!!!

    ในเมื่อสถานที่หลบภัยของตนโดนรบกวน สือโถวก็เตรียมจะถอยหลังจากไปแต่ติดฝ่ามือร้อนที่เปลี่ยนจากจับใบพัดมาคว้าต้นแขนเขาแน่น

    “ปล่อยขอรับ” วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์มาเล่นกับใครนะ!

    “พ่อบ้านคนนั้นสำคัญมากหรือ”

    ไม่เพียงไม่ปล่อย โจวเจว่ยยังเพิ่มแรงบีบจนเขาเผลอเบ้หน้า “นายน้อย?”

    “ข้าไม่ชอบ”

    ฟึ่บ

    !

    ชั่ววินาทีโจวเจว่ยเปลี่ยนจากจับต้นแขนเป็นกระชากสือโถวเข้าสู่อ้อมอก สองแขนที่ดูจะมีพละกำลังมหาศาลกดร่างของเขาจนแทบรวมเป็นเนื้อเดียวกัน “ข้าไม่ชอบที่เจ้าต้องเสียน้ำตาให้มัน!

    น้ำเสียงเจือจิตสังหารทำให้เขาขนลุกซู่ สือโถวพยายามขยับออกจากอ้อมแขนที่เป็นดั่งกรงขังนี้แต่โจวเจว่ยกับเพิ่มแรงอีกเป็นเท่าตัวจนสือโถวหน้าเขียว

    เดี๋ยวนะ ข้าขอเวลานอกสักครู่ นี่มันเรื่องอะไรกันฟะเนี่ย!?

    แค่ออกมาบิ้วท์อารมณ์สุนทรีย์ความเศร้าเพิ่มบทดราม่าให้ตัวเองนิดหน่อย ฟากฟ้าถึงกับส่งพ่อคนงามมาตบประชันเป็นการบ่งบอกว่าแกไม่สิทธิ์ดราม่าหรอกเจ้ามนุษย์งี้เรอะ!?

    แล้วพี่ชายคนงามเป็นอะไร กำลังจะฆ่าข้าทางอ้อมที่เมื่อคืนบังอาจนอนร่วมเตียงกับตงฉินหรือ!?

    “นาย... นายน้อย ข้า... ข้าหายใจไม่ออก!

    “เพราะอะไรเจ้าถึงได้ชอบให้ความสำคัญกับคนอื่นนัก”

    ท่านเป็นบ้าหรือ!? สามีไม่อยู่ครู่เดียวแล้วธาตุไฟเข้าแทรกไง!???

    “นายน้อย มีอะไรเราค่อย ๆ พูดจากันดีหรือไม่?”

    ช่วงนี้ท่านมีปัญหาชีวิตอะไรพูดมาเลย! ตงฉินไม่ทำการบ้านมากี่วันแล้วพูดมา!! ไม่ต้องมีแล้วบทดรามง ดราม่า มีแต่บทช่วยเหลือชีวิตของผัวเมียชาวบ้านนี่แหละ ฮ่วย!

    “สือโถว สือโถว”

    ขอรับ สือโถวอยู่นี่ขอรับ กำลังจะกลายเป็นแผ่นขนมเปี๊ยะแบน ๆ คาอกพี่อยู่นี่ไงขอรับ

    “เจ้ามีเพียงข้าไม่ได้หรือ”

    “หะ”

    “เสียน้ำตาให้เพียงข้า เฝ้ามองเพียงข้า มอบรอยยิ้มให้ข้าเพียงผู้เดียว”

    “...”

    “ระ-”

    “ห้ามพูดนะ!!

    สองมือรีบยกมือปิดปากคนตัวสูงกว่าแน่น ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นระรัว ไม่ มันต้องไม่ใช่

    แม้จะโดนหยุดไม่ให้เอื้อนเอ่ยชายหนุ่มก็ไม่ได้มีท่าทีไม่สบอารมณ์อันใด เขาเพียงเอียงใบหน้าพรมจูบบนฝ่ามือหยาบกระด้างนั้น สือโถวชักมือออกราวกับโดนของร้อน ใบหน้าที่ไร้ไรหนวดบดปังขึ้นสีแดงจัดราวกับใบเมเปิ้ลยามสารถฤดู นั่นทำให้นัยน์ตาดอกท้อส่องประกายแวววับเหมือนกับอัดแน่นไปด้วยดวงดาว

    “คือ ขะ ข้า ไม่ ไม่ใช่สิ นี่ท่านเมาอีกแล้วใช่หรือไม่!

    “เมาหรือไม่มิสู้เจ้าลองทดสอบ”

    ไม่รอให้ปฎิเสธใบหน้างดงามเพียงหนึ่งไม่มีสองก็โน้มลงมา สือโถวรีบหลับตากลั้นหายใจ คนตัวสูงกว่าหัวเราะในลำคอก่อนจะประทับริมฝีปากเย็นเชียบลงบนเปลือกตาอย่างอ่อนโยนเท่าที่คนหยาบกระด้างเช่นตนจะกระทำได้

    ร่างสูงในชุดหน่วยอินทรีย์ตัวแข็งกว่าเดิม เนื้อตัวสั่นสะเทากับสัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

    โจวเจว่ยผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาคลอเคลียกับจมูกได้รูปของคนในอ้อมอก

    “อย่าได้หลีกเลี่ยงอีกเลย” นิ้วเรียวยาวแตะบนหางตาของสือโถว บังคับให้เขาเปิดเปลือกตาขึ้น “เจ้ารู้ดีอยู่ในใจว่าข้าไม่เคยเมา”

    “...”

    “ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อสี่ปีที่แล้วข้าล้วนมีสติทั้งคู่ สือเออร์”

     

    เมื่อกี้ข้าฝันไปใช่หรือไม่

    ผลัวะ!

    “เกะกะ!!

    อืม ไม่ได้ฝันไปจริงด้วย ขอบคุณอาเจ้ที่ตบหัวข้านะขอรับ ถุ้ยยยยย

    “ท่านจะมาตบหัวข้าทำไมเนี่ยเจียเจีย!!

    สือโถวหันไปโวยใส่สาว (ไม่) น้อยที่ยืนท้าวเอวอยู่ด้านหลัง คนกำลังจะใช้ความคิดอยู่จู่ๆมาตบหัวกันแบบนี้ได้ไง รอบเดือนมาไม่ปกติเรอะ

    “ก็เจ้ามันเกะกะ!

    ได้ข่าวว่าข้าก็ยืนหลบมุมอยู่อย่างสงบตรงสวนนี่อยู่นะ มันไปเกะกะทางเดินของเจ้ยังไงวะ

    ถังเจียเหมือนจะยังคงไม่สบอารมณ์ นางยกมือฟาดไปยังอกของศิษย์น้องร่วมสำนักจนอีกฝ่ายร้องจ้าก

    “อะไรของเจ้เนี่ย ไม่พอใจอะไรก็พูดมาสิ!

    “คนสองจิตสองใจ!

    “หา?”

    ใบหน้าที่คล้ายตงฉินผู้เป็นพี่ชายอยู่ห้าส่วนฉายแววทะมึนมากขึ้นกว่าเดิม “เมื่อเช้าข้าเห็นนะว่าเจ้าทำอะไรกับนายน้อย!

    “เรื่องนั้น...”

    สือโถวอึกอั่ก จะให้เขาพูดอะไรได้เมื่อตนเองก็ยังสับสนอยู่ไม่ต่างกัน

    “สือโถว เจ้าน่ะ” ถังเจียสูดลมหายใจเข้าลึก สองมือกำหมัดแน่นนัยน์ตากลมโตสองประกายอย่างไม่ยอมให้คู่สนทนา “เจ้าน่ะ แท้จริงแล้วชอบใครกันแน่

    “...”

    ถ้าข้าบอกว่าข้าชอบตัวเองนี่จะโดนนางตบมั้ยนะ...

    ว่าแต่ข้ามีตัวเลือกที่หนึ่ง สอง สาม ด้วยเหรอ ทำไมตัวข้าเองถึงยังไม่รู้เลยวะขอรับ

    “ข้าไม่เคยชอบใคร”

    “โกหก แล้วท่านพี่ของข้าล่ะ!!

    ท่านตงฉินเขาทำไมหรือขอรับ ทำไมถึงมีรายชื่อของคนอันตรายอยู่ในลิสต์ได้ล่ะ

    “เจ้าชอบท่านพี่ของข้าไม่ใช่หรือไง!

    “เจ้จะบ้าเหรอ!!

    เขาสวนกลับทันใดรีบหันไปมองรอบตัว นี่ก็เล่นซะตะโกนดังลั่น ขืนมีใครเข้ามาได้ยินเข้าคนอื่นเขาจะคิดยังไง แค่คนในหน่วยคิดว่าเขาเป็นภรรยาท่านรองนี่ก็ยังไม่ได้ไปแก้ความเข้าใจผิดเลยนะ!

    “เจ้าสิบ้า พี่ข้าแสดงออกขนาดนั้นเจ้ายังกล้าไปยืนกอดกับนายน้อย ถามหน่อยว่าเจ้าเคยมีความละอายอยู่ในตัวบ้างหรือเปล่า!

    “...”

    “ตอบข้ามาสิ!

    จะให้ตอบอะไรวะ ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่รู้อะไรเลยเนี่ย!!

    สองสามีภรรยาที่เขาเข้าใจว่ารักกันจนตราบฟ้าดินสลายแบบเรื่องคู่กรรมดันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด อังสุมารินคนงามดันมาพูดเหมือนจะจุดจุดจุดกับเขา แถมยังบอกว่าคืนเมามายที่เขาเกือบเสียเอกราชด้านหลังให้อีกฝ่ายความจริงแล้วมันคือการจง-ใจ-ทำ!!

    คนกำลังช็อกไม่หายดันโดนน้องสาวโกโบริมาตบหัวโวยวายใส่อีก เดี๋ยวก็ผ่าสมองตัวเองแล้วปาใส่หน้าเลยนี่!!

    “สือโถว!!

    “อะไรอีก!!!

    เขาหันไปแว้ดใส่ฟางหยงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาอีกฟากของสวน นี่ก็พากันเรียกจังเลยโว้ย ที่สำนักแห่งนี้มันมีแต่เขาที่อยู่ทำงานรึไงฟะ หัดเรียกคนอื่นบ้างเซ่ ท่านจ้าวสำนัก คุณชายหนึ่ง คุณชายสองก็ว่ากันไป เรียกแต่สือโถว ๆ เดี๋ยวข้าก็วิ่งหนีลงเขาประท้วงซะหรอก!

    “ตอนนี้ อ่ะ เอ่อ” ชายหนุ่มถึงกับเบรกเท้าเมื่อเห็นสายตาอาฆาตของแม่เสือสาวประจำสำนัก แต่นึกขึ้นได้ว่าเรื่องของตนสำคัญกว่าจึงมองข้ามความขุ่นเคืองนั้นเร่งบอกข่าวให้กับสือโถว “เจ้ารีบไปหน้าสำนักเร็ว!

    “เกิดอะไรขึ้น?”

    “มู่หลี่หลงกลับมาแล้ว!

     

    ท่ามกลางร่มเงาของต้นไม้สูงมีร่างในชุดตัดเย็บชั้นดีของเด็กหนุ่มอายุสิบหกปียืนสงบนิ่งอยู่ ใบหน้าขาวผ่องฉายแววเย็นชา ดวงตาหลุบต่ำอย่างกำลังใช้ความคิด เบื้องหลังมู่หลี่หลงยังมีเหล่าชายฉกรรจตั้งมั่นบักหลักอยู่ไม่ห่าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สวมชุดเกราะแต่ก็ไม่สามารถปิดปังกลิ่นอายของผู้มีวรยุทธไปได้

    อีกฝากหนึ่งของบันไดหยกหน้าทางขึ้นสำนักมีหน่วยอินทรีย์โลหิตสองสามนายที่กำลังเหลือบมองมาทางคณะของเด็กหนุ่มเป็นระยะด้วยความหวาดระแวง

    คุณชายน้อยหายไปหนึ่งคืนเต็ม ไม่เพียงจะกลับมาอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเขายังพากลุ่มคนน่าสงสัยกลับมาอีกเป็นขบวนเช่นนี้แล้วจะไม่ให้พวกตนสงสัยได้อย่างไร

    ตึก ตึก ตึก!

    เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังมาจากบันไดหยก มู่หลี่หลงหลุดออกจากภวังค์ไม่ทันจะได้ตั้งตัวดีตนก็โดนสือโถวโถมตัวเข้าใส่เต็มแรงท่ามกลางสายตาหลายคู่

    “ไอ้เด็กบ้า! เจ้าหายหัวไปไหนทั้งวันทั้งคืน รู้มั้ยว่าข้าเป็นห่วงแค่ไหน!!

    ราวกับอารมณ์ที่กลั้นมานานพังทลาย เขาไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมา สองมือออกแรงทุบอกเด็กน้อยที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เด็ก “คราวหลังข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวอีกแล้ว!

    “...พี่สือ”

    “แล้วเจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” สือโถวผละออกจากร่างของเด็กหนุ่ม เขาคว้าใบหน้าเนียนใสของมู่หลี่หลงพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อหาบาดแผล พอเห็นว่าน้องน้อยไม่มีร่องรอยแม้แต่รอยขีดข่วนถึงได้คลายความหนักอึ้งที่ถ่วงมาตลอดทั้งวันลง

    “เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ทำไมเจ้าถึงหายตัวไป แล้วรอยเลือดนั่นของใคร?”

    แม้ว่าจะโดนถามรัวแต่มู่หลี่หลงก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญแม้แต่น้อย “เป็นของผู้ที่ถูกจ้างวานให้มาสังหารข้า”

    “ว่าไงนะ!

    ใครหน้าไหนกล้าดีส่งคนมาฆ่าลูกข้าวะ! ถึงตอนนี้เต้าหู้น้อยแสนน่ารักในอดีตจะไม่อยู่เหลือเพียงอิเด็กผีก็ตาม แต่ข้าคิดว่าข้าก็เลี้ยงดูมาดีพอควร ไม่มีวันที่มู่หลี่หลงจะไปทำให้ชาวบ้านต้องช้ำน้ำใจจนส่งคนมาเชือดหรอกนะ!

    “แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”

    “ไม่มีอะไรแล้วบ้านเจ้าสิ บอกข้ามาว่ามันเป็นใครข้าจะเลือดหัวมันมาละเลงพื้นสำนัก!!

    “...” เหล่าหน่วยอินทรีย์โลหิตหันไปมองหน้าคนพูด พวกตนถึงกับคิดขึ้นมาพร้อมกันว่าก่อนจะละเลงถามความเห็นคนดูแลความเรียบร้อยของสำนักอย่างท่านรองหรือยัง?

    “พี่ชายของข้า” นัยน์ตากวางฉายแววสังหารชั่ววูบ “เจ้าสารเลวนั่นส่งคนมาฆ่าข้า ดีที่องค์รักษ์ส่วนตัวของท่านลุงที่ออกตามข้ามาเจอเข้าพอดี ข้าจึงรอดมาได้”

    สือโถวเหลือบมองพี่บิ้กหน้าเถื่อนที่ยืนถือดาบอยู่ด้านหลังมู่หลี่หลง “แสดงว่าที่เจ้าหายไปคือไปอยู่กับลุงตัวเองมา?”

    “ใช่”

    “ท่านลุงที่หมายถึงพี่ของแม่?”

    “ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีสายเลือดใกล้ชิดกันขนาดนั้น”

    ญาติ?

    แสดงว่า... มู่หลี่หลงเจอกับครอบครัวแล้วสินะ

    ถ้างั้นเขา... ก็ไม่จำเป็นแล้วสินะ?

    สือโถวลดมือลง เขาขยับออกห่างจากมู่หลี่หลงหนึ่งก้าวจนเด็กหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย “พี่สือ?”

    “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ” ครอบครัวที่พลัดพลาดเมื่อเยาว์วัยกลับมารับตัวเช่นนี้ ไม่มีทางที่มู่หลี่หลงจะอยู่ที่สำนักแห่งนี้ต่อ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ใครมาบอกสือโถวเองก็เข้าใจได้เอง

    รู้อยู่แล้วว่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้น

    “ข้าจะกลับไป”

    เด็กหนุ่มกล่าวอย่างมุ่งมั่น

    “...”

    เห็นมั้ยล่ะ

    “เพราะฉะนั้นพี่สือ พี่เองก็ไปกับข้าด้วยเถอะ”

    “... ว่าไงนะ”

    สือโถวทำหน้ามึน มู่หลี่หลงคว้ามือเขาขึ้นมากุม นัยน์ตากวางฉายแววจริงจัง “ข้าจำต้องกลับไปทวงคืนสิ่งที่เป็นของข้าคืน แต่ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ สือโถว

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เต้าหู้น้อยตัวเท่าอกในอดีตถึงได้สูงใหญ่จนสายตาอยู่ในระดับเดียวกับตัวเอง สือโถวมองท่าทีขึงขังของเด็กหนุ่มแล้วรู้สึกขำ ทำไมเขาถึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยนะว่ามู่หลี่หลงเติบใหญ่จนสามารถพูดจาอวดดีแบบนี้ได้แล้ว

    แต่ก็นะ “ข้าไม่ไป”

    “ทำไม!?” คำปฎิเสธที่ไม่คาดว่าจะได้รับทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง

    “อ่ะ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าข้าไปไม่ได้”

    “เพราะอะไร? เดิมทีเจ้าอยู่ที่นี่ก็เพราะข้าไม่ใช่หรือ!?”

    “ก็ใช่น่ะสิ”

    “แต่ตอนนี้ข้าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว!!

    “อืม”

    “สือโถว!!

    ผลัวะ!

    “เห็นข้าไม่แย้งก็เรียกชื่อห้วนๆเพลินเลยนะไอ้เด็กผี คำว่าพี่หายไปไหนแล้ว”

    “นี่!

    “มานี่เน่ออะไร เดี๋ยวตบกระเด็นเลยนี่!” สือโถวยกมือขู่ “เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถทวงคืนอะไรที่เจ้าว่าได้สักกี่ส่วน?”

    “ทุกส่วน!!

    “มั่นใจ?”

    “ใช่!!

    สือโถวตอกสันมือใส่หัวเด็กน้อยจูนิเบียวตรงหน้าดังตุบ “ถ้ามันง่ายเช่นนั้นลุงเจ้าคงทำสำเร็จไปนานแล้ว! ไม่รอให้พี่ชายเจ้าส่งคนมาเยี่ยมเยียนถึงนี่หรอกโว้ยไอ้เด็กบ้า”

    สามารถส่งมือสังหารเข้ามาสำนักที่ขึ้นชื่อว่าเป็นป้อมปราการเหล็กอันดับหนึ่งในใต้หล้าแถมยังก่อเหตุภายใต้จมูกของหน่วยอินทรีโลหิต ดูยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ใช่หมูที่รอให้มู่หลี่หลงกลับไปเชือดได้ด้วยง่ายแน่

    “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ!

    ก็เออสิวะไอ้เด็กผี แต่เห็นแก่ที่เลี้ยงมากับมือเขาเลยเลือกที่จะไม่พูดออกไป

    “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นข้าจะรออยู่ที่นี่” เขาเปลี่ยนเป็นลูบหัวทุยของมู่หลี่หลงอย่างอ่อนโยน “หากเจ้ารู้ว่าสู้ไม่ไหวหรือไม่มีทางไปต่อให้กลับมาที่นี่ พี่ชายจะรอเจ้า”

    ใช่ เขาจะอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือเด็กหนุ่มอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยด้วยตำแหน่งในหน่วยอินทรีโลหิตเขาก็ยังสามารถส่งกองกำลังเล็กน้อยไปช่วยมู่หลี่หลงได้

    เวลาผ่านไปเท่ากากน้ำชาเย็น ในที่สุดมู่หลี่หลงก็เอ่ยปาก “เจ้ามันนิสัยไม่ดี”

    “อ้าว” กล้าพูดกับคนที่เลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่ตัวเท่าหมาชิวาว่าแบบนี้เรอะ!

    “พูดเช่นนี้...” มู่หลี่หลงซบลงบนบ่าของคนอายุมากกว่า “...แล้วข้าจะไม่ยอมได้อย่างไร”

    “นี่ข้าทำเพื่อตัวเจ้าเองทั้งนั้นนะ”

    “อือ”

    มู่หลี่หลงยกมือโอบกอดสือโถวไว้เต็มอ้อมแขน สือโถวหัวเราะในลำคอ “ท่าทางขึงขังจะบุกไปตีหัวพี่ชายเมื่อครู่หายไปไหนหมด ยังไม่ทันออกนอกสำนักยังหงอยขนาดนี้แล้วจะไหวเร้ออออ”

    “สือโถว”

    “บอกให้เรียกพี่ไง”

    “ข้าขออะไรจากเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”

    “ว่ามาสิ”

    เด็กหนุ่มขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อสบตากับเขา

    “ช่วยมองข้า”

    “...” แล้วข้ากำลังมองกิ้งกือดินอยู่รึไง

    “อย่างที่เป็นตัวข้า”

    “...” สือโถวชะงัก

    “ไม่ใช่ตัวแทนของใคร”

    “นี่เจ้า...” รู้?

    ดวงตาที่ฉายแววอวดดีไม่สมอายุอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับเศร้าหมอง ริมฝีปากได้รูปยิ้มราวกับว่าตนไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้ว ได้เห็นใบหน้าที่ไม่คาดคิดของมู่หลี่หลงทำให้สือโถวรู้สึกตื้อในหัว

    ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    “ไม่ได้หรือ... พี่สือโถว”

    “ได้สิได้!

    เห็นหน้าตาจะร้องไห้ของเด็กหนุ่มสือโถวก็สวนกลับไปอย่างขาดสติ พอรู้ว่าตนเองทำอะไรไปก็แทบจะกัดลิ้นขาด ตูโดนสกิลเจ้าน้ำตาของไอ้เด็กผีมันเล่นอีกแล้ว!

    มู่หลี่หลงยิ้มกว้าง เขาเหมือนมีดอกไม้บานออกมาจากหัวของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ สือโถวถอนหายใจก่อนจะยกมือกอดอก

    “แล้วจะไปวันไหน?”

    “วันนี้”

    “อะ อะไรนะ!?” เร็วขนาดนี้เชียว!

    “คุณชายมู่” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก้าวเข้ามาจากด้านหลัง เขาส่งสายตาเป็นเชิงบอกเจ้านายอายุน้อยว่าใกล้จะเหลือเวลาไม่มากแล้ว มู่หลี่หลงพยักหน้ากับไปอย่างฝืดเคือง ชายผู้นั้นจึงประสานมือกลับไปยืนตำแหน่งเดิม

    เดิมทีสือโถวไม่คิดว่ามู่หลี่หลงจะต้องออกเดินทางวันนี้ คิดไว้ว่าคงอีกสักสองสามเดือนรอให้จัดการธุระบอกกล่าวเจ้าสำนักและนายหญิงให้เรียบร้อยจึงจากไป ตอนนี้ตนจึงได้แต่ยืนต้องหน้ามู่หลี่หลงอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ฝั่งมู่หลี่หลงเองบอกลาไม่ลงเช่นเดียวกัน ทั้งสองจึงได้แต่ยืนเป็นรูปปั้นเคียงคู่กับเสาหินหน้าสำนัก

    รอจนพระอาทิตย์เริ่มจะคล้อยต่ำ สือโถวถึงได้ขยับตัว รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นบนใบหน้าเกลี้ยงเกลา สองแขนโอบรอบตัวเด็กหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย เอ่ยถ้อยคำหวานหูผิดกับหัวใจที่กรีดร้องไม่ยินยอมจากการลาจากนี้

    ภายนอกเขาอาจจะดูไม่แยแสกับมู่หลี่หลง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าสือโถวแล้วว่าตั้งแต่ต้นจนจบคนที่ไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องจากไปคือตัวเขาเอง แต่มนุษย์ไร้ค่าอย่างเขาทำได้เพียงใส่หน้ากากของพี่ที่แสนดีเท่านั้น

    “มู่หลี่หลง”

    อย่าไปนะ

    “ดูแลตัวเองด้วย”

    อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว

    “แล้วเจอกันใหม่”

    ได้โปรดอยู่กับข้า

    ข้าน่ะ... ความจริงแล้ว...

    ได้แต่กอดเด็กหนุ่มในอ้อมแขนนี้ให้แน่นกว่าเดิมพยายามจดจำสัมผัสนี้ให้ได้มากที่สุด เเล้วจงเก็บถ้อยคำเห็นแก่ตัวลงไปซะ

    เพราะคนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปรั้งใครได้

    ไม่มีจริง ๆ


    ------ 100 % -------


    เป็นไบโพล่ากันรึยังคะ ไรท์ใกล้จะไปเเล้วค่ะ 555

    ที่ดองไว้นานเพราะจะเเต่งฉากนี้ให้ได้เนี่ยเเหละค่ะ เนื้อเรื่องจะเข้าถึงจุดเปลี่ยนเเล้วนะคะ ที่ผ่านมาอ่ะมันเเค่เวิ่นเว้อ 

    ส่วนใครที่กำลังรอฉากหวานเเหวว ไม่ต้องร้องไห้เเล้วนะคะเพราะไรท์จัดให้ในตอนต่อไป ขอให้ทุกคนขึ้นเรือถูกค่ะ //พนมมือ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×