ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Close To You (REWRITE ALL)

    ลำดับตอนที่ #2 : Two

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 314
      11
      13 เม.ย. 64




            เขาไม่มีเงินเหลืออยู่แล้ว นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับแม้จะเพิ่งออกจากร้านอาหารไทยในย่านควีนส์ ค่าจ้างรายวันที่ได้มีเพียงพอจะซื้ออาหารทานได้แค่สองมื้อเท่านั้น
     
            ต่อให้อดอาหารแค่ไหน ก็ไม่มีเงินจะเก็บสะสมเพื่อจ่ายค่าเช่าสตูดิโอพื้นที่สี่ร้อยตารางฟุตได้
     
            แองกัส แคมป์เบลทำใจกับการต้องใช้ชีวิตในนิวยอร์กแล้ว แต่การหนีออกจากเมืองที่เกิดและโตมาก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เมื่อไม่มีเงินเก็บสักดอลลาร์
     
            มันเป็นวันที่สองที่เขาเป็นชายไร้บ้านอย่างสมบูรณ์แบบ คราวที่นอนหลับในซับเวย์ก็นอนได้เพียงแค่สามชั่วโมงเพราะถูกตำรวจไล่
     
            ความหวังที่ไม่เคยมีอยู่แล้วถูกทับถมด้วยความจริงอันเลวร้ายกว่าเดิม กีตาร์ตัวโปรดที่เก็บไว้ตั้งแต่อายุสิบสองถูกขายไปตั้งแต่ช่วงเดือนแรกของปีที่แล้ว เพียงเพื่อจะจ่ายค่าเช่าห้องสตูดิโอเล็กๆ ที่สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ต่อ
     
            ชายหนุ่มดูใบหน้าตัวเองในกระจกที่ห้องน้ำสาธารณะของเซ็นทรัลพาร์ก เขายังเห็นรอยแผลและรอยฟกช้ำนิดหน่อย
     
            ค่ำวันนี้ตั้งใจจะไปบริจาคเลือดให้คลินิกแถวถนนสายสิบเจ็ด เพราะอาจได้เงินมาอีกสามสิบห้าดอลลาร์เพื่อประทังชีวิต และอาจขายเทปเพลงเก่าๆของแม่ต่อ
     
            เขาอยากจะตอบรับตอนที่คาล กริฟฟิน เสนออพาร์ตเมนต์เล็กๆที่อาศัยอยู่กับแฟนสาวและลูกชายอีกหนึ่งคนให้เขาอยู่ด้วย
     
           แต่แองกัสรู้ดีว่าการอาศัยในอพาร์ตเมนต์เล็กๆถึงสี่คนมีแต่จะสร้างปัญหาให้เพื่อน
     
           เมื่อวานนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อย แองกัสได้แต่หวังว่าคืนนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี เขาคิดขณะกำลังมุ่งหน้าไปที่อัพเปอร์เวสท์ไซต์เพื่อขายเทปอีกสามตลับ ร้านค้าแถวนั้นให้ราคาดีกว่าย่านอื่นๆจนน่าเหลือเชื่อ
     
           "นั่นไง นายอยู่นี่เอง" เสียงเล็กแหลมของชายตัวใหญ่ดังขึ้นข้างหน้า
     
            ชายหนุ่มที่ต้นแขนมีรอยสักรูปมังกรสีแดงตลกๆกำลังเดินมุ่งตรงเข้ามา พร้อมกับชายร่างใหญ่บึกบึนอีกสามคนที่ฟันเรียงเหลืองน่าเกลียด
     
            นี่จะเป็นอีกวันที่นิวยอร์กตัดสินใจทำร้ายเขา
     
            "เราคุยกันไว้ว่าไงนะ เช้าวันจันทร์พร้อมเงินสดสามพันดอลลาร์" ดริวพูด
     
            แองกัสสบประมาทเพราะเสียงเล็กแหลมที่ไม่เข้ากับตัวใหญ่ๆของดริว เขาเคยหัวเราะจนอีกฝ่ายต่อยแรงๆเข้าที่ดวงตาข้างซ้าย และตอนนี้รู้ว่าอาจประสบเหตุการณ์เดียวกันกับในวันนั้น
     
            เขาถอนหายใจ เดินช้าๆไปหากลุ่มชายฉกรรจ์ที่กู้เงินมาเมื่อเดือนที่แล้ว "ฉันกำลังจะเอาเทปไปขาย ดังนั้นรอหน่อย"
     
            "เรารอตั้งแต่เมื่อเช้านี้ นายก็รู้ว่าต้องมีดอกเบี้ยเพิ่ม"
     
            "ก็กำลังจะไปเอาเงินมาให้ จะไปด้วยกันเลยไหมล่ะ"
     
            ดริวเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นเหม็นสาบทำให้เขาเบือนหน้าหนี "แกรู้ใช่ไหมว่าแกไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น และแกรู้ดีว่าจะเกิดอะไรกับคนที่ไม่ยอมจ่ายตรงเวลา"
     
            แองกัสยืนมองคนที่ตัวสูงพอๆกับเขา แน่นอนเขารู้ว่าตนไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่า และเลื่อนวันคืนเงินมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว เหงื่อเริ่มออกฝ่ามือสองข้างจนเปียก อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงอัพเปอร์เวสท์ไซต์
     
            "ฉันกำลังจะไปเอาเงินมาจ่ายให้ ดังนั้นถ้านายถอยออกไป แล้วปล่อยให้ฉันไปเอาเงินมา มันจะง่ายกว่า จริงไหม นายจะได้เสร็จงานแล้วกลับบ้านไปนอน หมดปัญหาต่อกัน"
     
            เจ้าของลายสักมังกรสีแดงเงยหน้าสบตาเขา ดูท้าทายและไม่ถอยห่าง เขายิงฟันที่ดูขาวกว่าชายสามคนข้างหลัง ต่อมาก็เริ่มฉีกยิ้มเบี้ยวๆแล้วถอยไปก้าวหนึ่ง แขนใหญ่นั้นผายมือออก
     
            "โอเค งั้นก็รีบไปเอาเงินมา"
     
            แองกัสกระชับกระเป๋าผ้าใบเล็กที่เก็บเทปไว้สามสี่ตลับ เขาเหลือบมองชายสามคนข้างหลัง หากเป็นเมื่อก่อนคงแกล้งขยิบตาให้ แต่จากสถานการณ์ในชีวิตช่วงนี้ปัญหารุมเร้าเกินจะทำเรื่องไร้สาระ
     
            เขารีบเร่งฝีเท้า สายตามองไปที่ร้านขายเพลงเก่าในย่านอัพเปอร์เวสต์ไซต์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน
     
            "เฮ้" เสียงดริวดังมาจากข้างหลัง แองกัสหันกลับไปและพบว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้กว่าที่คาด "แกรู้ใช่ไหมว่ายังไงแกก็จ่ายไม่ตรงเวลา"
     
            เสี้ยววินาทีนั้นหมัดของดริวก็เสยขากรรไกรอย่างจัง แองกัสเซไปข้างหลัง ตัวถูกลากเข้าสู่ตรอกแคบๆ มือข้างหนึ่งกุมริมฝีปากตัวเองไว้ เห็นเลือดติดอยู่ที่นิ้วโป้ง ความเจ็บปวดพุ่งพล่านไปทั่ว
     
            ชายหนุ่มพยายามยกมือเพื่อกันหมัดถัดไป แต่ศีรษะตอนนี้ปวดหนึบ ดวงตาค่อยๆพร่ามัวอย่างไม่มีสาเหตุ เขาเห็นเงาใหญ่ของชายด้านหลังดริวพุ่งเข้ามา เท้าของอีกฝ่ายเตะที่ซี่โครงอย่างจัง
     
            "ช่วงนี้ฝีมือนายไม่เอาไหนเลยนะ" เสียงแค่นหัวเราะของดริวดังดูอื้ออึง
     
            แองกัสรู้สึกว่าตัวร้อนวูบวาบท่ามกลางอากาศหนาวในเวลาเกือบห้าทุ่มครึ่ง เขาได้ยินเสียงรถจากถนนบีบแตร กับเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่รีบเดินผ่านเหตุการณ์ที่เห็นในตรอกนี้ไป
     
            จังหวะที่ดริวกำลังหันไปหัวเราะกับกลุ่มชายตัวใหญ่ แองกัสฉวยโอกาสเสยหมัดใส่ท้องอีกฝ่าย เขาปล่อยหมัดแรงจนตัวเองเริ่มเสียการทรงตัว หัวหมุนกว่าเดิมขณะที่ร่างเซล้มลง มือยันพื้นเพื่อพยายามพยุงร่างตัวเองไว้
     
            เท้าหนักๆของคนข้างหลังถีบเขาที่แผ่นหลัง ขอบรองเท้าหนังใหญ่ๆทิ่มแทงสีข้างจนเจ็บปวด แองกัสหมดแรงและล้มลงนาบกับพื้นคอนกรีต แผ่นหลังที่ชุ่มเหงื่อสัมผัสกับความเย็นของพื้นทางเท้า
     
            "แกคิดจะขายอะไร" ดริวก้มลงหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กของเขาแล้วรูดซิปออก เทปสามตลับเริ่มตกลงบนพื้นและถูกทุบทำลายบดขยี้ด้วยเท้าของดริว "ห้าพันดอลลาร์ นายของฉันต้องการวันพรุ่งนี้หกโมงเช้า"
     
            ชายหนุ่มถูกทิ้งให้นอนราบอยู่บนพื้นพร้อมเลือดสีแดงสดที่อาบทั่วคาง แองกัสยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อพยายามเช็ดเลือดออก แต่มันกลับต้องใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อส่งไปที่แขนข้างซ้าย เขาล้มเลิกและเอามือวางแนบกับหน้าท้องตัวเองแทน
     
            มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดว่าเขาสมควรจะหมดสิ้นลมหายใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาวนาขณะมองท้องฟ้าสีดำ เขาไม่มีอะไรในชีวิตให้หวนนึกถึง ไม่มีใครเหลือมากพอจะให้คิดถึงหรือลุกขึ้นสู้ต่อ
     
            แองกัส แคมป์เบลหลับตาลง หวังว่าความหนาวเย็นที่สัมผัสผิวกายตอนนี้คือสัญญาณบ่งบอกว่าเขาใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที
     
      
     
     
            "ยังไม่พอ ฉันอยากให้เพิ่มการ์ดรอบรถ จะมีการ์ดสี่คนเดินตามเธอในที่ที่คนเยอะ"
     
            จอร์แดนนั่งกัดปลายปากกาด้วยสีหน้าครุ่นคิดตรงข้ามโซฟาตัวใหญ่ที่คริสต้านั่ง เธอเหม่อมองต้นไม้สีเขียวขจีในเซ็นทรัลพาร์กฝั่งตะวันตกจากกระจกหน้าต่างบานใหญ่ในเพนท์เฮาส์
     
            ข่าวทั่วอินเตอร์เน็ต โทรทัศน์ และในแท็ปลอยเต็มไปด้วยหน้าเธอที่ยกศอกแหลมๆเหวี่ยงใส่ชายแปลกหน้าริมทางเท้าตรงหน้าตึกไอเอ็มจีโมเดล คริสต้ารู้สึกดีที่ได้ทำแบบนั้น เช่นเดียวกับคนดังคนอื่นๆที่เห็นเธอทำ
     
             คิม คาร์ดาร์เชี่ยน และคนดังอีกมากมายต่างพากันโพสข้อความชื่นชมเธอผ่านทวิตเตอร์ถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าวานนี้ บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงแกร่งที่ป้องกันตัวเองได้ ซึ่งแท้จริงแล้วคงต้องขอบคุณเทรนเนอร์ที่สอนต่อยมวยในยิมมากกว่า
     
            แต่อย่างไรก็ตาม มันทำให้เวโรนิก้าและจอร์แดนตื่นตระหนกหัวเสีย พวกเขาตัดสินใจเลิกจ้างการ์ดทั้งหมดที่อยู่กับเธอเมื่อวานนี้แล้วหาการ์ดใหม่เพื่อมาแทนที่
     
            มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่ใครจะคาดคิดได้ทัน และเธอไม่พอใจเท่าไหร่ที่พวกเขาไล่การ์ดออกไปถึงหกคน แต่ตอนนี้นางแบบสาวทำได้เพียงแค่นั่งฟังเวโรนิก้า จอร์แดน และคนในทีมอีกสี่คนพูดคุยเรื่องเพิ่มจำนวนการ์ดในเพนท์เฮาส์ของตัวเองที่ย่านอัพเปอร์เวสท์ไซต์
     
            "ฉันหิว" เธอมองดูนาฬิกาทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ที่ข้อมือ
     
            ไม่มีใครหวังจะลุกจากเตียงในเวลาห้าทุ่มครึ่งเพื่อมาคุยเรื่องการจ้างการ์ด โดยเฉพาะคืนแรกที่เธอไม่มีงานและได้นอนตั้งแต่หัวค่ำ
     
            เวโรนิก้าเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อป "ฉันซื้อข้าวกล้องกับแซลม่อนมา วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวของเธอ"
     
            หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอปล่อยหมอนสี่เหลี่ยมที่กอดอยู่แล้วเดินไปทางครัว
     
            เสียงทุ้มใหญ่ของจอร์แดนดังแว่วมาจนถึงโถงทางเดิน เขาหัวเสียกับเหตุการณ์เมื่อวาน และเธอรู้ดีว่าเขาอยากจะต่อว่าเธอที่ตัดสินใจเดินลงจากรถไปให้ลายเซ็นเด็กอายุห้าขวบ แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดเรื่องนั้น
     
            บางทีเธออาจทำตัวเอาแต่ใจและไม่ระวังเอง
     
            วันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น เธอได้เซ็นสัญญาณกับแบรนด์รีบอกซ์ต่ออีกปี และมีนัดถ่ายแบบกับแบรนด์ในอาทิตย์หน้า เช้าวันพรุ่งนี้เธออาจไปยิมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง และหวังว่าจะทำให้มีเรี่ยวแรงในการทำงานตลอดวันที่เหลือ
     
            คริสต้าเปิดดูกล่องสูญญากาศที่ภายในมีปลาแซลม่อนกับข้าวกล้องเละๆ มันดูเย็นชืดและไร้สีสัน
     
            เธออยากกินเบอร์เกอร์ของเชคแช็ค และเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงวัน
     
            หญิงสาวมองดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เงียบสงบในนิวยอร์ก แต่การรอนานกว่านี้มีแต่จะทรมาณกระเพาะตัวเอง
     
            บอดี้การ์ดคนสนิทของเธอเดินเข้ามาในห้องครัว เขาถือเบอร์ริโต้ขนาดใหญ่ไว้ในมือ
     
            "นายยังมีเบอร์ริโต้เหลืออยู่ไหม" เธอถามเฮคเตอร์ บอดี้การ์ดผิวดำที่มีสัดส่วนน่ามอง
     
            เฮคเตอร์หยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ "เอ่อ...ไม่"
     
            คริสต้าถอนหายใจยาว เธอมองคนตรงหน้ากัดเบอร์ริโต้คำใหญ่ กลิ่นเนื้อกับชีสลอยเตะจมูก แล้วเธอก็ตัดสินใจดึงแขนการ์ดตัวเองไปที่หน้าลิฟท์
     
            "คุณจะไปไหน"
     
            "พาฉันไปซื้อเบอร์เกอร์ที่เชคแช็คหน่อย" มือรีบกดลิฟท์ขณะแอบชะเง้อมองผู้คนที่ยังสนทนากันในห้องนั่งเล่น
     
            เฮคเตอร์มองตามสายตาเธอ "แต่คุณควรบอกพวกเขา–"
     
            "ไม่เป็นไรน่า ฉันมีนาย และนายเก่งที่สุด" เธอถามในสิ่งที่เขาจะไม่ปฏิเสธ
     
            ชายผิวดำยัดเบอร์ริโต้คำใหญ่เข้าปากทีเดียว เขายักไหล่แต่มีท่าทางมั่นใจขณะตอบรับสิ่งที่เธอถาม
     
            คริสต้าวิ่งไปหยิบหมวกสีดำบนเคาน์เตอร์วางกุญแจใกล้ลิฟท์ เธอมัดเส้นผมสีทองของตัวเองไว้แล้วใช้หมวกแก๊ปสวมทับ อยากจะหยิบแว่นกันแดดมาด้วยแต่ไม่มีเวลาเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก
     
            ทั้งคู่เดินออกจากตึกเพนส์เฮาส์อย่างเงียบสงบ ถนนหนทางยังมีรถวิ่งขวักไขว่ แต่บริเวณริมทางเท้าในอัพเปอร์เวสต์ไซด์เงียบลงกว่าช่วงสว่าง เธอเดินไปตามทางขณะที่เฮคเตอร์กำลังกดเรียกอูเบอร์
     
            ป่านนี้ลุงคนขายร้านเพลงเก่าคงกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน หญิงสาวเงยหน้ามองร้านเล็กๆฝั่งตรงข้าม ลุงอีตันเป็นชายอายุประมาณหกสิบกว่า เธอมักแวะเข้าร้านของลุงเวลาว่างเพื่อฟังเพลงที่ทำให้นึกถึงพ่อ
     
            พ่อของเธอชอบสะสมเทปสมัยวัยรุ่น ในตอนนั้นเธอยังเด็กจึงไม่มีโอกาสได้ฟัง และการได้คุยกับชายที่ชอบอะไรคล้ายๆพ่อช่วยเตือนใจตัวเองได้ว่า ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังคงเป็นเด็กสาวคนเดิมจากนอร์ทแคโรไลน่า
      
            ช่วงเวลาที่หยุดฝีเท้าตรงหัวมุมถนนและเข้าตรอกประจำที่มักใช้เพื่อหลบหลีกผู้คน เธอพบบางอย่างที่ไม่ควรจะอยู่บริเวณทางเท้าในเวลาห้าทุ่มครึ่ง พอดีกับที่เฮคเตอร์เงยหน้าและหันไปในทิศทางเดียวกัน
     
            "พระเจ้า" คริสต้าวิ่งไปหาร่างของชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งบนพื้น เธอเห็นเลือดอาบบริเวณขอบริมฝีปากของเขาไหลจนมาถึงคางและต้นคอ "เขาตายรึยัง"
     
            เฮคเตอร์รีบวิ่งตามมา เขาใช้มือจับชีพจรตรงคอของชายแปลกหน้า "ยังหายใจอยู่"
     
            "เรียกรถพยาบาล" เธอสั่ง
     
            เสียงไอคล้ายสำลักดังขัดขึ้นมา คริสต้าผงะจนเกือบเซแล้วล้มลงนั่งกับพื้น ชายแปลกหน้าพยายามเปิดเปลือกตาเพื่อมองเธอ
     
            "เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่–"
     
            "เทป" ชายตรงหน้าพูดเสียงเบาขัดเฮคเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังคริสต้า "เทปฉัน"
     
            นางแบบสาวเลื่อนสายตามองไปที่ปลายเท้าของคนบนพื้น เธอเห็นเทปคาสเซ็ทสามตลับที่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ตลับที่ดูดีที่สุดบิดเบี้ยวและมีรอยถลอก
     
            "มัน...ใช้ไม่ได้แล้ว" นั่นคือคำพูดที่ดูดีที่สุดที่เธอพยายามจะหาได้ "ตอนนี้ร่างกายของนายสำคัญกว่า อย่าเพิ่งขยับตัว"
     
            เฮคเตอร์ก้มลงพยายามดึงให้เธอลุกขึ้น "คุณควรอยู่ห่างๆเขา" อีกฝ่ายว่า "ไอ้หมอนี่คือคนที่พยายามจะจับก้นคุณเมื่อวานนี้"
     
            เสียงหัวเราะแหบแห้งฟังดูไร้เรี่ยวแรงดังขึ้นก่อนที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองข้อเท็จจริงนั้น คริสต้าอ้าปากค้างขณะยังคงนั่งย่อเข่ามองคนหมดสภาพบนพื้น จ้องมองเส้นผมของเขาที่ตอนนี้ดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นมาก่อน
     
            ที่เฮคเตอร์พูดนั้นถูกแล้ว เพราะภาพความทรงจำของเมื่อวานเริ่มกลับเข้ามาในหัวเธอ
      
             

    Goody Grace - Nostalgia is a lie
     
     
    Talk
    ยังมีคนอ่านเรื่องนี้กันอยู่มั้ยคะ555555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×