ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #13 : - D o l l - 13. : พฤติกรรมเลียนแบบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 217
      4
      22 มิ.ย. 58


    ตอนที่ 13

     

     

     

              “ทดสอบหรอ...ทดสอบอะไรล่ะ”

                “เรื่องความสามารถของนายไง” เสียงทุ้มเอ่ย พลางกอดอกอย่างครุ่นคิด “อืม...เริ่มจากอะไรก่อนดีนะ”

                เห็นยุนโฮทำท่าแบบนั้น ตุ๊กตาตัวน้อยก็เลยเกิดพฤติกรรมเลียนแบบบ้าง ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วเข้าชนกันก่อนจะยกมือสวมเข้าหากันเหมือนเด็กหนุ่ม “อืม...”

                “อะไรเนี่ย ลอกกันนี่”  แสร้งทำเป็นโวยวาย จนคนถูกว่าต้องหันมาอมลมจนแก้มป่อง “ทียุนโฮยังทำได้เลย ทำไมแจจุงจะทำไม่ได้”

                แน่ะ...มีถงมีเถียง

                หมั่นเขี้ยวอ่ะ! เรื่องทดส่งทดสอบอะไรนั่นเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน

                “โอ้ย หยิกแก้มแจจุงทำไม”

                มือขาวยกขึ้นกุมแก้มทันทีที่ถูกปลายนิ้วเรียวของคนข้างกายหนีบเข้าที่ผิวเนื้อนุ่ม ถึงจะไม่ได้รู้สึกเจ็บก็เถอะ แต่พอรู้ว่าโดนอีกคนแกล้งแล้วก็ยอมไม่ได้นี่นา

                ต้องเอาคืน!

                “โอ้ยยยย ทำอะไรเนี่ย เจ็บชิบหาย”

                “หยิกแก้มยุนโฮกลับไง”

                “หยิกหรือฉีกห๊า โอย หน้ากู แหกยังเนี่ย” พูดพลางเอามือลูบคลำใบหน้าตัวเองที่คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะขึ้นรอยแดงเป็นปื้นแน่ๆ ก็เจ้าตุ๊กตาน่ะ แรงน้อยซะที่ไหนกันล่ะ!

                “สมน้ำหน้า แกล้งแจจุงก่อน” ฮึ เดี๋ยวนี้มีสมน้ำหน้า ร้ายกาจจริงๆ

                “หืม มาทำลอยหน้าลอยตา เดี๋ยวก็ตีให้ซะนี่...อะ โอ้ย” แต่ก็ดูเหมือนว่าคนเจ็บจะจริงจังกับการกลั่นแกล้งตุ๊กตาจนลืมแผลที่ท้องของตัวเองไปเสียสนิท เด็กหนุ่มชะงักท่อนแขนที่จะยกขึ้นมาแกล้งใครอีกคนพลางงอตัวลงด้วยความเจ็บ และท่าทีนั้นก็ทำเอาตุ๊กตาต้องตกใจไปด้วย

                “อ๊ะ ยุนโฮ เจ็บแผลเหรอ”

                “อืม...นิดหน่อย มันตึงๆ”

                “อย่าขยับมากสิ ไหนขอแจจุงดูหน่อย”

                “เฮ้ยๆ จะทำอะไรเนี่ย”

                แก้มกร้านขึ้นสีจาง ก่อนจะขยับมือปัดป้องเป็นพัลวันเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกมือขาวรุกสอดเข้ามาใต้เสื้อกันแบบนั้น

                ...ดะ เดี๋ยวเซ่ จะปล้ำกันตรงนี้เลยหรอ

                ไม่นะ เค้ายังไม่พร้อม!

                “ก็ถอดเสื้อไง ขอแจจุงดูแผลหน่อย เผื่อมันฉีก”

                “ไม่ได้เป็นไรหรอกน่า แสบๆ นิดเดียว”

                “น่า ขอแจจุงดูหน่อย”

                “ไม่อาววว”

                “อย่าปัดสิ ถอดเสื้อเร็ว” แต่ถึงแม้จะห้ามกันขนาดไหน เจ้าตุ๊กตาตัวแสบกลับไม่คิดจะละความพยายามลงง่ายๆ ร่างบอบบางค่อยๆ ป่ายปีนขึ้นไปบนตัวอีกคน ก่อนจะกดหน้าขาแกร่งของเอาไว้จนทำให้ยุนโฮต้องเอนตัวลงไปกับโซฟา ในขณะเดียวกันก็สาละวนอยู่กับการถอดเสื้อตัวเก่งออกจากร่างของเด็กหนุ่มไปด้วย

                “หยุดนะ ก็บอกว่าไม่ถอดไงวะ...เฮ้ยยยย”

              ตุ้บ!

                ผลัดกันปล้ำกันไปปล้ำกันมา สุดท้ายก็พากันล้มกลิ้งลงมานอนแอ้งแม้งที่พื้นจนได้ ดวงตากลมโตหยีลงด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อพบว่าคนตัวโตกว่ามานอนเป็นเบาะให้ทับแล้วเรียบร้อย

                “อูย”

                “ยุนโฮ! เจ็บมากหรือเปล่า...อ๊ะ”

                ถ้านี่เป็นละครหลังข่าวล่ะก็ ยุนโฮต้องคิดว่าแจจุงเป็นพวกนางร้ายที่วางแผนคิดจะยั่วพระเอกอย่างเขาแน่ๆ

                แต่ก็ไม่ใช่

                เพราะนี่เป็นนิยายแฟนตาซี และบางทีก็อาจจะผสมเอวีนิดๆ เพราะฉะนั้น....มันก็ช่วยไม่ได้เลย ที่ยุนโฮจะได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ในเวลาที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้

                ณ เวลานี้...ที่เขากำลังถูกตัวนุ่มๆ ของเจ้าตุ๊กตาทับไว้ทั้งตัว โดยมีมือขาวข้างหนึ่งวางบนอก และอีกข้างก็สอดเข้าไปใต้เสื้ออย่างสะเปะสะปะ ขาเรียวทั้งสองวางคร่อมลงไปบนช่วงเอวแนบสนิท เช่นเดียวกันกับใบหน้าหวาน...ที่ก้มลงมาสบตากับเขาในระยะประชิดก็เช่นกัน

                นัยน์ตากลมโตนั้นวาววับเป็นประกาย แถมริมฝีปากนั่นก็...

                “...น่ารัก”

                “.....”

                “น่ารักว่ะ”

                “เอ๋”

                “น่ารำคาญชะมัด ทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

                “.....”

                “นี่มันยุคไหนกันแล้ว อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยน่า” เอ่ยราวกับพูดกับตัวเองเสียด้วยซ้ำ ณ เวลานี้ ยุนโฮไม่แน่ใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เป็นไปโดยธรรมชาติก็คือการที่เขาตัดสินใจพลิกกายขึ้นมาเป็นฝ่ายทับอีกคนแทนในที่สุด  สัมผัสประหลาดบางอย่างพลันดึงดูดใบหน้าคมให้โน้มลงไปแนบชิด พลันกระซิบติดริมฝีปากนุ่มนิ่มของตุ๊กตาตัวน้อยในอ้อมกอดราวกับไม่มีสติด้วยซ้ำไป

                “น่าจูบจัง”

                “.....”

                “จูบนะ”

                “เอ๊ะ..อะ..อื้มม”

                มันไม่ใช่คำขออนุญาตหรือแม้แต่ประโยคคำถาม ยุนโฮไม่รอแม้แต่จะให้แจจุงเข้าใจอะไรด้วยซ้ำไป พริบตาเดียวเท่านั้น...ฮอร์โมนวัยเจริญพันธุ์ก็เร่งให้เขาบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกคนในทันที

                และแน่นอนว่าหนึ่งจูบคงไม่อาจสนองเพียงพอต่อความรู้สึกในเวลานี้แน่ พวกเขาจูบกันดูดดื่ม และมันก็เริ่มลามไปเป็นหนึ่งคนกับหนึ่งตุ๊กตาที่เอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนัวเนียอยู่บนพื้น แม้แต่แผลที่คิดว่าจะเจ็บก็ลืมไปเสียสนิท เมื่อปากหยักยังคงจริงจังอยู่กับการล็อกแน่นสนิทที่กลีบปากชมพูนุ่มนิ่ม มือหนาลูบไล้ไปทั่วอย่างไม่มีทิศทาง ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะเป็นใจเมื่อไร้ซึ่งท่าทีขัดขืนใดๆ จากคนที่กำลังนอนเป็นตุ๊กตาให้เขาฟัดตรงหน้า

                “อ...อื้ม”

                “.....”

                “นี่ยุนโฮ...อื้ม อย่าเพิ่งสิ”

                “อืม...อะไร”

                มือหยาบใหญ่เลิกเสื้อตัวบางขึ้นทีละน้อย เผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนขาวสะอาดของตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวของเด็กหนุ่มสั่นระริกอย่างตื่นเต้น ยามเลื่อนเข้าแตะปลายถันสีชมพูน่ารัก น่าประหลาด มันเกร็งสู้มือเขาและตอบสนองเหมือนกับร่างกายของมนุษย์ทั่วไปทุกประการ แม้แต่อาการบิดเร่าตามสัญชาตญาณทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสวาบหวามก็เช่นกัน

                แจจุงมหัศจรรย์กว่าที่ยุนโฮเคยจินตนาการไว้มากเกินไป

                และความพิเศษนั้นก็กำลังทำให้ยุนโฮรู้สึก อยากเล่นตุ๊กตาจนแทบทนไม่ไหว...

                “ยุนโฮ...อ...อื้อ จ..แจจุงรู้สึกแปลกๆ”

                “.....”

              “ยุนโฮ...กำลังทำอะไรแจจุงหรอ”

                “.....”

     

                ทุกอย่างหยุดลงในทันทีที่แจจุงเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาด้วยเสียงครางผะแผ่ว

     

                ทำอะไร...

                นั่นสิ...นี่เขากำลังจะทำอะไร?

                ใบหน้าคมเงยขึ้นจากซอกคอขาวเนียนก่อนจะสะบัดไปมาราวกับเรียกสติ หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะในทันทีที่หันมาสบเข้ากับนัยน์ตาใสแจ๋วฉ่ำน้ำที่มองมาอย่างสงสัย กลีบปากอิ่มคู่นั้นแดงเจ่อไปหมด เสื้อตัวบางหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวกับปลายถันสีชมพูที่ถูกหยอกล้อจนตั้งชันไปหมด

                สภาพแบบนี้ ไม่ต้องมีใครอธิบายก็เข้าใจได้ว่าเมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป

              เหี้ยเอ๊ย

                “ข...ขอโทษ”

                เอ่ยเสียงตะกุกตะกักในขณะที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก้อนเนื้อในอกซ้ายพลันรัวดังเป็นกลองรบเมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งที่ทำลงไป และทีท่าเครียดๆ นั้นก็ทำให้อีกคนได้แต่ถามอย่างสงสัย

                “ยุนโฮ...เป็นอะไรเหรอ” นัยน์ตากลมกะพริบปริบๆ “เจ็บแผลเหรอ”

                ให้ตายสิ...ขืนเป็นแบบนี้แย่แน่

                “เปล่าหรอก”

                “อ่า แล้ว...”

                “เดี๋ยวฉัน...ไปอาบน้ำก่อนนะ”

                พูดตัดบท หมายจะผละออกไปจากสถานการณ์ล่อแหลมนี้ แต่กลับถูกมือนิ่มคว้าต้นแขนเอาไว้

                “เดี๋ยวสิ ยุนโฮ”

                “.....”

                “ไม่ทำกันต่อแล้วเหรอ?”

              ช็อค

                ว...ว่าไงนะ?

                ใบหน้าคมหันมาตามเสียงเรียก ก่อนจะทำหน้าราวกับหูฝาดไป แต่ตุ๊กตาตัวน้อยแสนใสซื่อก็ยังยืนยันคำพูดนั้นด้วยการดึงคนตัวโตเข้ามาใกล้ “เมื่อกี้ที่ยุนโฮเอาจมูกกับปากมาถูที่คอแจจุงอ่ะ จั๊กจี้ดีนะ แจจุงชอบ ทำอีกสิ”

                .....เอ่อ

                “จูบกันด้วย จุ๊บ นะ จูบกัน” พูดเสียงอ้อนก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมคนตัวโตบ้าง มือเล็กประคองใบหน้าเรียวได้รูปเอาไว้ ก่อนจะพรมริมฝีปากแดงฉ่ำลงไปเบาๆ จนทั่วราวกับกำลังเล่นสนุก

              “จุ๊บ”

                “โอ้ยยย เดี๋ยวสิ ตุ๊กตาบ้า โอ้ย แจ..อุ๊บ! อื้ออ” เสียงทุ้มเงียบหายไปในที่สุดเมื่อปากถูกประกบปิดสนิท กลีบเนื้ออ่อนค่อยละเลียดบดเบียดทีละน้อย ไม่ต่างจากมือขาวที่เริ่มซุกซนและพยายามจะสอดเข้าไปใต้เสื้อของอีกคน

                และนี่เป็นอีกครั้งที่แจจุงเริ่มใช้พฤติกรรมเลียนแบบ

                “แจจุง! หยุดนะ อื้อออ”

                 ยุนโฮได้แต่ร้องเสียงหลงเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับตาลปัตรไปหมด กลายเป็นเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยนั่นที่ลวนลามเขาไม่หยุด จูบเสร็จก็หันไปไซ้ซอกคอ ปากกับจมูกนุ่มๆ ไต่ไปทั่วลำคอแกร่งอย่างเอาแต่ใจ อีกทั้งพอจะขัดขืนมือขาวก็ออกแรงกดเอาไว้อีก

                และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ยุนโฮได้สัมผัสกับตัวเลยจริงๆ ว่าแรงของไอเดียลดอลน่ะมันมากมหาศาลแค่ไหน

                ตัวแค่นี้ทำไมแรงเยอะฉิบหายเลยวะ!

                “อ..อือ แจจุง อย่าดิวะ...”

                ชักจะเสียวขึ้นมาจริงๆ แล้วนะเว้ย!

                “ฮะๆ แจจุงทำแบบยุนโฮได้ด้วยนะ เก่งมั้ย ยุนโฮชอบมั้ย” ใบหน้าหวานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เสียงหวานหัวเราะเบาๆ พลางจัดท่าจัดทางหมายจะนั่งบนตัวอีกคนให้ถนัด แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อการนั่งของเขา “อ๊ะ อะไรเนี่ย”

                อ...อย่ะ อย่าถูสิวะ...แม่ง...

                “ยุนโฮ อะไรไม่รู้ดันก้นแจจุง”

                เหี้ยโคตร...

                “แข็งด้วยอ่ะ อะไรอ่ะ” พูดอย่างสงสัยพลางขยับมือไปคลำเบาๆ “ยุนโฮ?”

                พอแล้ววววววววว

                “ช่างมันเถอะน่า!” เขายันตัวขึ้นมาได้ในที่สุด มือหนาดึงร่างบอบบางของตุ๊กตาตัวน้อยออก ก่อนจะใช้นัยน์ตาคมจดจ้องเข้าไปในดวงตาใสอย่างจริงจัง “นายทำอะไรอยู่รู้ตัวบ้างมั้ย แจจุง!

                “...ยุนโฮ...ไม่ชอบหรอ?” น้ำเสียงดุดันนั้นทำเอาคนที่กำลังร่าเริงตอบเสียงอ่อย “แจจุงไม่ได้ตั้งใจ...ขอโทษนะ”

                “ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่ว่ามัน....โว้ย จะพูดยังไงดีวะ”

                “.....”

                “คือ ไอ้การทำแบบตะกี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายยังไง...แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกับใครก็ได้หรอกนะ แจจุง” เสียงทุ้มเอ่ยเครียด และเมื่อคิดได้ว่าที่แจจุงทำไปก็เพราะเจ้าตัวคงไม่ได้คิด ไม่รู้สึกอะไร ก็ยิ่งหงุดหงิด

                “ก็แค่กอด จูบ...” ถามเสียงเบาราวกับไม่แน่ใจ “ก็ปกติ...ไม่ใช่เหรอ”

                หึ ปกติงั้นเหรอ?

                “ปกติเหรอ?” เขาก็แค่อยากรู้ “ถามจริง เมื่อกี้...นายไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง”

              รู้สึกว่ามันมากกว่านั้น...ความรู้สึกที่มันลึกซึ้งยิ่งกว่าข้อมูลที่โปรแกรมเขียนมา

              ความรู้สึกเวลาที่เราอยู่ใกล้ๆ กัน

                ตุ๊กตาอย่างนาย...จะเข้าใจมั้ยนะ

                “ก็ไม่มีอะไรนี่” เขาเอ่ยอย่างใสซื่อ “ก็จั๊กจี้ดี แล้วก็นุ่มๆ...แจจุงใช้คำอธิบายไม่ถูกอ่ะ”

                บ้าชะมัด!

                ยุนโฮแค่นยิ้ม จริงๆ เขาเองก็น่าจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว “อืม ก็นั่นน่ะสินะ”

                “.....”

                “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่านายจะเข้าใจได้มากแค่ไหน” ยุนโฮอธิบาย “แต่ไอ้เรากำลังจะทำกันน่ะ เขาเรียกว่าเซ็กส์...

    ซึ่งการจะทำแบบนั้น หรือมากกว่านั้น...มันต้องเป็นคนรักกัน”

                “.....”

                “และฉันกับนาย เราทำแบบนั้นไม่ได้”

                ทว่าแทนที่ใบหน้าหวานจะพยักรับแล้วทำความเข้าใจเหมือนอย่างทุกครั้ง นัยน์ตากลมโตกลับฉายแววสับสน เขาไม่รู้ และไม่เข้าใจที่ยุนโฮอธิบายเลยสักนิด “ทำไมล่ะ”

                “.....”

                “ถ้าต้องเป็นคนรักกันถึงจะทำได้...”

                “.....”

                “แล้วเรา...ไม่ได้รักกันเหรอ?”

                ว่ายังไงนะ...

                “รักเหรอ...นายเข้าใจคำว่ารักมากแค่ไหนกัน” ยุนโฮขมวดคิ้ว “ความรู้สึกที่ซับซ้อนแบบนั้นน่ะ นายเข้าใจจริงๆ เหรอ?”

                คำถามนั้นทำให้เสียงหวานหยุดไป

                “.....”

                และความเงียบของแจจุงทำให้ยุนโฮได้แต่ยิ้มเจื่อน

              นี่เขากำลังคาดหวังอะไรอยู่?

                ความจริงแล้ว มันไม่แปลกเลยที่แจจุงจะไม่มีคำตอบให้เขา

                ความรักเหรอ...

                ตุ๊กตาน่ะ จะไปมี ความรู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน

     

                “ช่างมันเถอะ แจจุง” พอเห็นใบหน้าน่ารักเริ่มจะหงอย ยุนโฮก็ได้แต่ยื่นฝ่ามือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ “ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่ต้องรีบตอบฉันหรอก นะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ”

                “.....”

                “ยังไงวันนี้ก็ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะ”



    ◆ ◆ ◆


     

                หลังจากคืนนั้น แจจุงกับยุนโฮก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีก

                ผ่านไปหลายวัน อาการของเด็กหนุ่มก็ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวที่เร็วมากเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไป แต่ความเจ็บของแผลที่ท้องก็คงเทียบอะไรไม่ได้เลยกับแผลที่ใจ...สำหรับยุนโฮ แม้จะรู้สึกหน่วงๆ อยู่ไม่น้อย แต่ก็ได้แต่ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าในเวลานี้ก็คือการหาข้อมูลให้มากที่สุดเกี่ยวกับเจซอร์ซิส...ตัวละครโปรดของเขาในเกมที่คาดว่าจะเป็นต้นแบบของแจจุง

                ทว่ากลับเป็นแจจุงเสียแทน ที่เอาแต่คิด เรื่องคืนนั้นอยู่ตลอดเวลา

                เหตุผลที่เขาไม่ตอบอะไรออกไป...

                ยุนโฮบอกว่าสิ่งที่เราสองคนทำ ต้องเป็นคนรักกันเท่านั้นถึงจะทำได้

                และเขากับยุนโฮทำไม่ได้...

                ถ้าถามว่าแจจุงรักยุนโฮมั้ย? แม้แจจุงเพิ่งจะรู้จักคำว่า รักเมื่อไม่นานมานี้ แต่เท่าที่อ่านความหมายของมันในหนังสือ และหากความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นของจริงแล้วล่ะก็...แจจุงก็คิดว่าแจจุงรักยุนโฮ

              แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่ายุนโฮจะต้องรักแจจุง

                ถ้ามีแค่แจจุงคนเดียวที่รู้สึก เราก็คงเป็นคนรักกันไม่ได้...

                นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ตุ๊กตาตัวน้อยไม่กล้าแม้จะบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป ในเมื่อเขาไม่รู้เลยว่าเราจะเป็นคนรักกันได้ยังไงหากยุนโฮไม่ได้รู้สึกอะไรเหมือนที่แจจุงรู้สึก

                มันน่ากลัว ที่พอคิดแบบนั้นขึ้นมา ก้อนเนื้อในอกซ้ายของตุ๊กตาสังเคราะห์ตัวน้อยก็รู้สึกเหมือนจะ...เต้นแปลกๆ

                มันบีบ มันรัด มันรู้สึกผิดไปจากปกติ

                แม้แจจุงจะไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือเขาไม่ชอบเลย

     

                แล้วในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วเขาควรจะทำยังไง กับเรื่องราวที่ไม่เคยพบมาก่อนในหนังสือ หรือบางทีแม้แต่ในห้องสมุดทั้งหมดของชางมินก็อาจไม่มีคำตอบ

                ว่าแจจุงต้องใช้วิธีไหน เราถึงจะได้เป็นคนรักกัน

                ต้องทำยังไง...ยุนโฮถึงจะรัก?

               

                เขาควรจะถามใครดีนะ?

     

                “ยุนโฮ วันนี้คาบห้าเราว่างใช่ไหม”

                “ใช่ ทำไมอะ?”

                “เอ่อ แจจุงว่าจะเอากับข้าวที่ทำมาเผื่อไปให้พวกจุนซู ชางมิน ยูชอนน่ะ”

                “เอ๋? เออ ก็ได้นะ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”

                “ยุนโฮต้องไปซ้อมเทควันโดที่จะแข่งสัปดาห์หน้าไม่ใช่เหรอ?”

                “โอ้ย ไม่ต้องซ้อมก็ได้ ยังไงฉันก็ชนะอยู่แล้ว” พูดอย่างภูมิใจ ในขณะที่คนฟังได้แต่ทำหน้าเบ้

                “หลงตัวเองจริงๆ”

                “นี่! เดี๋ยวนี้ชักพูดคำไม่ดีๆ บ่อยแล้วนะ ไปฟังมาจากไหนกัน”

                “ก็ยุนโฮนิสัยไม่ดีนี่นา”

                “เชอะ ตัวเองนิสัยดีตายอ่ะ”

                “ว่าแต่ห้องของชางมิน จุนซู ยูชอนห้องอะไรอะ”

                “ก็เดี๋ยวเดินไปด้วยกันไง”

                “ไม่เอา ยุนโฮไปซ้อมเทควันโดสิ”

                “ก็บอกว่าไม่ไปก็ได้ จะปล่อยให้ไปคนเดียวได้ไง”

                “แจจุงไปเองได้ มาโรงเรียนตั้งหลายวันแล้ว ไม่หลงหรอก” ใบหน้าน่ารักอธิบาย โดยหารู้ไม่ว่าดูเหมือนจะทำให้คนตัวโตน้อยใจเข้าซะแล้ว “เออ ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนเองได้แล้วนี่”

                “ก็แจจุงเก่งนี่ ไอคิวก็เยอะ”

                “โอ้ยยย ไม่หลงตัวเองเลย”

                “ยุนโฮควรจะไปซ้อมเทควันโดนะ เพราะแจจุงได้ยินมาว่า คุณเชว ห้องเออ่ะ เก่งมากๆ เลย”

                และก็ดูเหมือนว่าชื่อนั้นจะมีผลกับคนฟังไม่น้อยเลย

                เชว ซีวอน หัวหน้าทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนผู้มีหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพ ผลการเรียนระดับท็อป และเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโรงเรียน อันที่จริง ชองยุนโฮผู้ที่หล่อเหลายิ่งกว่า ผลการเรียนระดับท็อป (จากท้าย) และไม่ได้เป็นชื่นชอบอะไรนัก ก็คงไม่มีเรื่องจะต้องทำความรู้จักมักจี่อะไรกับเขาเลยสักนิด ถ้าไม่ติดปัญหาที่ว่า...ซีวอนกำลังจีบแจจุงอยู่น่ะนะ

                “อะไรเนี่ย นี่นายคิดว่าฉันจะแพ้ไอ้ซีวอนนั่นรึไง?”

                เหตุมันก็เริ่มมาจากวันที่แจจุงถูกถ่ายรูปไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์คของโรงเรียนแล้วพากันพูดถึงจนเป็นประเด็นร้อนกันยกใหญ่นั่นแหละ ยุนโฮแน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ก็คงไม่มีทางเลยที่ไอ้เทพบุตรสุดประเสริฐคนนั้นจะย่างเท้าเข้ามาที่หลังห้องรกๆ แล้วเอ่ยปากชวนเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่ความรักนั่นไปเป็นผู้จัดการชมรมบาสเก็ตบอลอะไรนั่นได้น่ะ!

                แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่หมด เห็นน่ารักหน่อยไม่ได้เลยนะ!

                “ยุนโฮพูดไม่เพราะเลยนะ ไปเรียกคุณเชวว่าไอ้ได้ยังไงกัน”

                “อะไร ปกป้องมันรึไง”

                “เปล่าสักหน่อย”

                “เคลียร์ๆ มาเลยดีกว่า งานนี้นายเชียร์ใคร”

                “ก็แน่นอนว่าต้องเป็นยุ...” ก็แน่นอนว่าแจจุงน่ะเชียร์ยุนโฮอยู่แล้ว แต่ในทันทีที่คิดแผนการอะไรบางอย่างได้ แก้มใสก็ได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะเลี่ยงไปตอบอย่างอื่นแทน “ก็เชียร์คนที่น่าจะชนะอ่ะ”

                “อะไรเนี่ย นายต้องเชียร์ฉันสิ” เขาโวยวาย “ยังไงฉันก็ชนะอยู่แล้ว”

                “ไม่รู้สิ ก็ยุนโฮไม่ไปซ้อมนี่นา” เอ่ยเจื้อยแจ้ว “ฉันเคยอ่านนิทานนะ เรื่องกระต่ายกับเต่า เขาบอกว่า...”

                “โอ้ยๆๆๆ รู้แล้วน่า ไปซ้อมก็ไปซ้อมสิ ฉันไม่ใช่ไอ้กระต่ายขี้เซานั่นอยู่แล้ว”

                “เหรอ”

                “ก็เออสิ เตรียมไปบอกไอ้ซีวอนให้รอรับความพ่ายแพ้ได้เลย”

                “ฮึ งั้นตอนคาบห้า แจจุงไปหาพวกยูชอนเองนะ”

                “ตกลงจะเอางั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ อันที่จริง ถ้าเป็นเรื่องกลัวคนอื่นจับได้ว่าแจจุงเป็นตุ๊กตาน่ะเขาก็ไม่กังวลเท่าไรหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็ไม่อยากให้แจจุงไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่ดีนี่นา

                “อื้อ” แต่สุดท้ายตุ๊กตาก็ยืนยันอย่างนั้น

                “โอเค...ยังไงถ้าซ้อมเสร็จแล้วฉันจะรีบไปหาแล้วกัน”

                “อื้ม”



     ◆ ◆ ◆



                เอสคลาส...อ่า น่าจะเป็นตึกนี้นะ”

                ใบหน้าหวานหันรีหันขวางอย่างไม่แน่ใจ ในขณะที่เดินไปตามทางที่ไม่คุ้นเคย ตึกเรียนของเอสคลาสอยู่ห่างออกไปจากคลาสปกติพอสมควร และโดยทั่วไปก็แทบไม่มีเด็กจากคลาสปกติย่างกรายเข้ามาแถวนี้สักเท่าไร หากไม่มีเรื่องสำคัญ หรือเป็นพวกสารวัตรนักเรียนที่มีงานต้องมาติดต่อประจำซึ่งเป็นข้อยกเว้น แน่นอนว่าแจจุงที่เป็นเด็กใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากเขาวงกตเลยทีเดียว

                เพราะฉะนั้น บางทีแจจุงก็คิดว่าเขาจำเป็นที่จะต้องถามทางใครสักคน

                “อ่า นาย...” เพื่อความแน่ใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจทักทายเด็กผู้ชายท่าทางนิ่งๆ คนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมระเบียง ก่อนจะถามออกไป “ห้อง XIII อะไรนี่น่ะ มันอยู่ตรงไหนเหรอ...เอ่อ”

                ทว่าแทนที่จะตอบ ใบหน้านิ่งๆ นั้นกลับหันไปอีกทางราวกับไม่ต้องการจะสนทนาอะไรด้วย ทิ้งให้ใบหน้าหวานของคนถามได้แต่ยืนงงอย่างไม่เข้าใจ

                ทำไมล่ะ? หรือว่าแจจุงพูดเสียงเบาไป?

                “นี่นาย แจจุงถามนายนะ”

                “.....”

                “บอกแจจุงหน่อยสิ”

                “...อะไรของคุณ” พอตื๊อมากๆ เข้า ในที่สุดคนโดนกวนก็ยอมหันมาพูดด้วยจนได้ “ผมไม่ได้รับคำสั่งมาให้ตอบคำถามของคุณหรอกนะ”

                “เอ๋”

                ไม่มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่านั้น ก่อนเขาจะลุกขึ้นและเดินจากไปเงียบๆ ในที่สุด

                “อะไรกันเนี่ย” ใบหน้าน่ารักเอียงคอ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ...ไม่ได้รับคำสั่งหรอ? อะไรกันน่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด แล้วสายตานั่นก็แปลกมากด้วย

                ไม่เห็นจะดูสดใสเหมือนพวกยุนโฮเลยสักนิด

                เฮ้อ หรือว่าคนที่เขาเรียนเก่งมากเกินไปจะเป็นคนแปลกๆ แบบนี้กันทุกคนนะ?

                “เฮ้ แจจุง --- นั่นแจจุงรึเปล่า!

                “จุนซู!” เอ่ยทักอย่างดีใจ ทว่าดูเหมือนจะเป็นคนประจำถิ่นมากกว่าที่ตื่นเต้น “มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย มาคนเดียวเหรอ? แล้วยุนโฮล่ะ”

                “เดี๋ยวๆ แจจุงตอบไม่ทัน” รีบปรามทันทีก่อนที่เพื่อนตัวเล็กจะรัวคำถามมากไปกว่านี้ “ยุนโฮไปซ้อมเทควันโด แจจุงก็เลยเอาข้าวกล่องที่ทำเผื่อมาให้”

                “โอ้โห น่ากินจังเลย” นัยน์ตาเรียวเล็กเป็นประกายเมื่อเห็นกับข้าวในกล่อง “กำลังหิวเลยนะเนี่ย ดีจัง ว่าแต่แปลกนะที่ยุนโฮยอมให้แจจุงมาคนเดียวน่ะ”

                “...จริงๆ ยุนโฮก็จะมาด้วยน่ะแหละ แต่ว่า...เอ่อ” แก้วตาใสหลุกหลิก ราวกับไม่แน่ใจว่าควรพูดไปหรือไม่ “แต่พอดีเราอยากมาคนเดียว คือ...แจจุงมีเรื่องจะปรึกษาพวกจุนซูน่ะ”

                “เอ๋ เรื่องอะไรเหรอ”

                “คือว่า...”

     


     ◆ ◆ ◆



                ณ เอสคลาส ชั้น 23 ห้อง X

                “เฮ้ ซินโดรม เป็นอะไรไปวะ ฉันเห็นเธอเงียบไปตั้ง 20 นาที 23 วินาทีแล้วนะ ระบบรวนหรือไง ให้ฉันดูให้มั้ย”

                “เงียบน่า อีเดน ฉันกำลังใช้สมาธิ”

                “สมาธิ? เรื่อง?”

                “เอไอประหลาดของตุ๊กตาที่ฉันเก็บข้อมูลไม่ได้เหมือนจะอยู่แถวนี้”

                “เอ๋ ตัวที่เธอรายงานคุณแมสไปเมื่อคราวก่อนนะเหรอ”

                “ใช่ แต่ตอนนั้นสัญญาณมันแผ่วมากๆ แล้วระบบของฉันก็เก็บข้อมูลอะไรไม่ได้ด้วย – แต่ตอนนี้มันเข้ามาใกล้มาก ฉันเลยพยายามต่อสัญญาณไปเก็บข้อมูลมันอีกรอบ แต่ก็ทำไม่ได้เหมือนเดิม”

                “เหย...แน่ใจนะว่าเป็นตุ๊กตาจริงๆ ไม่ใช่แค่พวกคลื่นรบกวนน่ะ?”

                “เอไอของตุ๊กตาแน่ๆ ฉันมั่นใจ แต่นี่มัน...ประหลาดมากเลย”

                “แล้วอย่างนี้เราจะรู้ไหมว่ามันคือตัวไหน”

                “ไม่แน่ใจ...ปกติฉันก็แยกตุ๊กตากับมนุษย์ออกจากกันได้ แต่ตอนนี้ไม่ไหว เพราะตึกที่นี่มีแต่สัญญาณเอไอของตุ๊กตาตัวอื่นปนอยู่เต็มไปหมด ต้องอยู่ใกล้ๆ มากกว่านี้ถึงจะรู้”

                “เอาน่ะ ถึงจะแยกด้วยสัญญาณไม่ออก แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีจุดสังเกตอะไรบ้างแหละน่า”

                “.....”

              “ยังไงตุ๊กตาก็เป็นตุ๊กตา...ไม่มีทางที่จะเหมือนมนุษย์ไปได้หรอก”

     

     




    TBC.









     

    ◆ ◆ ◆

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×