ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #16 : - D o l l - 16. : รักแท้แพ้ข้าวโพดคั่ว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 247
      5
      12 ส.ค. 58


    ตอนที่ 16

     

     

              เวลาเรียนของคลาสปกติจบไปนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าคาชิวากิ ยูกิ กลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม...ที่โต๊ะประจำตำแหน่งรองประธานนักเรียน

                แน่นอนว่าการทำงานล่วงเวลาหลังเลิกเรียน เป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำเป็นประจำจนเคยชินอยู่แล้ว แต่ถ้าวันนี้จะมีอะไรพิเศษกว่าวันอื่น ก็คงเป็นเพราะฮวังมิยอง...ประธานคนสวยของเธอไม่อยู่ที่นี่ด้วยก็เท่านั้น

                หลังจากที่ได้อ่านข้อความและเรื่องราวที่อัพเดทอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คของโรงเรียน หญิงสาวผู้งดงามและเฉิดฉายดั่งนางพญาของโรงเรียนก็มีอันต้องตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ – มันไม่พ้นเรื่องของชองยุนโฮอีกตามเคย...เด็กผู้ชายคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อจิตใจหล่อนเสมอมา ตั้งแต่แรกเริ่มที่เข้ามาอยู่ที่โรงเรียนนี้ เพราะความบังเอิญเพียงเล็กน้อย กลับทำให้มิยองได้พบเขาและตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ น่าเสียดาย แม้ว่าฮวังมิยองจะเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมในทุกๆ ด้านสักเพียงใด แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เด็กผู้ชายคนนั้น...ก็เป็นได้แค่เพียงรักข้างเดียวที่ไม่เคยสมหวัง

                แต่ถึงอย่างนั้น หล่อนก็ไม่ยอมแพ้ เป็นเพราะบุคลิกท่าทางที่ดูไม่น่าคบหาสักเท่าไรของยุนโฮ แม้เขาจะหน้าตาดีจนแอบมีกลุ่มแฟนคลับลับๆ เป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปรุกจีบตรงๆ มาก่อน ยิ่งได้ชื่อว่าเป็น คนของประธานนักเรียนแบบนั้นด้วย แล้วใครล่ะจะกล้า? แน่นอน มิยองรู้อยู่แก่ใจว่านี่น่ะมันไม่ต่างอะไรจากหมาหวงก้างเลยสักนิด แต่ก็นะ...ถ้ามันเป็นวิธีที่ปลอดภัยพอจะขัดขวางศัตรูหัวใจทุกคนออกไปได้ล่ะก็ เธอก็ทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ

                และทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสงบเรียบร้อยดี

              ...จนกระทั่งวันที่คิมแจจุงเข้ามา

                มันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย จนแม้แต่ยูกิเองที่อยู่เคียงข้างมิยองมาตลอดก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวนั้น แน่นอนว่าความสนิทสนมที่ชองยุนโฮมีให้เด็กคนนั้นน่ะไม่ธรรมดาเลย ทั้งสายตา ท่าทาง บ่งบอกไปหมดว่าพอใจเจ้าของใบหน้าน่ารักๆ นั่นมากเหลือเกิน ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ปัญหาความรักในเรื่องเพศหมดไปแล้ว ท่านประธานของเธอก็ยิ่งกลัว...

                กลัว...ว่าแจจุงจะเป็นคนนั้นจริงๆ ที่ยุนโฮเลือก คนที่จะได้รับความรู้สึกนั้นที่เธอเฝ้ารอมาโดยตลอด – นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ประธานนักเรียนผู้เยือกเย็นเริ่มเปลี่ยนไป มิยองใจร้อน หลายครั้งก็ขี้ระแวง...มันไม่ใช่ความแข็งกระด้างจอมปลอมอย่างที่พยายามจะแสดงออกเหมือนทุกครั้ง แต่มันเป็นความกลัวที่มาจากใจจริงๆ

                และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ยูกิไม่สบายใจเอาเสียเลย ในฐานะเพื่อนที่คบกันมานานกว่าครึ่งชีวิต เห็นมิยองเป็นแบบนี้แล้ว เธอเองจะอยู่เฉยอย่างไรได้

                แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ยูกิเองก็ยังไม่แน่ใจนักหรอกว่าตัวเองจะทำอะไรได้

                วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มิยองผลุนผลันออกไปเพราะเรื่องนี้โดยไม่บอกไม่กล่าว บอกตามตรง ก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เพราะพอไม่ได้ตามไปด้วยก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้เลย

                หลังจากอยู่เคลียร์งานแทนประธานนักเรียนที่หนีหายไปกะทันหันจนแล้วเสร็จ เด็กสาวก็เก็บกระเป๋าก่อนจะออกจากห้องสภา ยูกิยังคิดไม่ตก ขณะที่สองมือเรียวสวยยังคงถือเอกสารชิ้นสำคัญที่ต้องเอาไปส่งที่ตึกเอสคลาสเอาไว้ในมือ

                กว่าจะเดินทางไปถึง ก็ได้เวลาเลิกเรียนของพวกเด็กพิเศษพอดี บนตึกเสียงจึงดังไม่น้อยเลย แต่ถึงอย่างนั้น...ก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับเสียงพูดคุยในเรื่องอะไรบางอย่าง...ที่เธอบังเอิญผ่านมาได้ยินพอดี

                ความจริงบางอย่างอันน่าตกใจ...ที่เธอไม่ควรมาได้ยิน

                ไม่ควรเลย...สักนิด

     

              “มึงว่าแจจุงจะไหวป่าววะ”

              “หมอนั่นฉลาดจะตายน่า เราแนะนำเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ เก็ทง่าย หัวไวอยู่แล้ว”

              “แต่แจจุงเป็นไอเดียลดอลนะเว้ย แล้วถ้าเกิดระบบแปลผลมีปัญหา...”

              “ชู่ว! แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวมีคนได้ยินขึ้นมา ไอ้ยุนโฮติดคุกหัวโตกันพอดี!

              “มึงก็เสียงดังเหมือนกันแหละ ควายยยยย”

              “ฮ่าๆ แต่ก็เหลือเชื่อนะ แจจุงน่ะ ดูยังไงก็คนว่ะ ดูไม่ออกเลยนะว่าเป็น...”

     

              คนกับตุ๊กตาอย่างนั้นเหรอ...

              ...เป็นไปไม่ได้

                          

     

    ◆ ◆ ◆

     


     

              “นี่ๆ แล้วทำไมเอาป็อบคอร์นไปกอดไว้คนเดียวแบบนั้นเล่า”

                เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเอาเรื่องใส่เจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ที่ตั้งแต่เดินเข้าโรงมาก็ยังไม่เลิกนั่งกอดถังข้าวโพดคั่วไว้บนอกสักที  อีกทั้งยังเอาแต่หยิบใส่ปากกลมๆ ไม่หยุดเลยด้วย

                “ก็แจจุงอยากกินนี่”

                พูดอย่างไม่ใส่ใจเลย ก็แจจุงชอบอะ

                “ก็ซื้อมากินสองคนนะเฟ้ย เอามาแบ่งกันกินเลย” ว่าอย่างขัดใจ ก่อนจะกุลีกุจอล้วงมือเข้ามาไปกล่องทันที มือหนาหมายจะหยิบข้าวโพดกำใหญ่ขึ้นมา ทว่าปลายนิ้วกลับไปสัมผัสโดนเข้าที่ฝ่ามือนุ่มของอีกคนแทน

                ไม่รู้ทำไม แต่จู่ๆ ก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาแฮะ

                สุดท้ายก็เลยเปลี่ยนจากหยิบข้าวโพดเป็นจับมือนั้นเอาไว้ซะเลย

                “แล้วมาจับมือแจจุงทำไมเนี่ย”

                “อะไร ใครจับ มืออ้วนๆ ใครจะไปอยากจับ” ทำเป็นพูดลอยหน้าลอยตา แต่ก็ยังดึงมือเจ้าตุ๊กตาเอาไว้อย่างนั้น ไม่ยอมปล่อย

                “ก็จับอยู่เนี่ยไง ปล่อยแจจุงนะ แจจุงจะหยิบข้าวโพด”

                อิโธ่...ทีตะก่อนล่ะทำเป็นบอกว่าอยากจับมือกัน

                รักแท้แพ้ข้าวโพดคั่วนี่หว่า

                “ไม่ปล่อย จับไว้เดี๋ยวแย่งกินข้าวโพดหมด ตัวกินข้าวโพดเอ๊ย”

                “ก็แจจุงชอบนี่”

                “ต้องแบ่งกันสิ”

                “แล้วจะให้ทำยังไง” ไม่ต้องมาทำหน้ามุ่ยเลย พอตามใจเข้าหน่อย เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่

                “ผลัดกันหยิบไง” มีข้อเสนอ “ผลัดกันป้อนด้วยเอาปะ”

                “ไม่เอาอะ ยุ่งยากออก หยิบก็พอ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันหน้าไปสนใจภาพยนตร์ตรงหน้าแทน ท่าทีที่ทำเอายุนโฮได้แต่ถอนหายใจ

                ตกลงใครชวนใครมาเดทวะเนี่ย ไม่รู้จักโรแมนติกเอาซะเลย ตุ๊กตานี่!

     

                ภาพยนตร์กำลังฉายไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าสำหรับคนที่เพิ่งจะเคยเข้าโรงหนังเป็นครั้งแรกอย่างแจจุง ตุ๊กตาตัวน้อยก็ตื่นเต้นไม่น้อยเลย ดวงตากลมใสจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องในจอภาพ แตกต่างจากยุนโฮที่เมื่อคืนเอาแต่เล่นเกมจนดึกดื่น พอได้เข้าที่มืดๆ อากาศเย็นๆ เข้าก็พาลง่วงจะหลับมิหลับแหล่เสียอย่างนั้น มือที่เคยหยิบจับขนมใส่ปากเริ่มหยุดชะงัก เช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะที่ค่อยๆ ถอดจิตเข้าฌานไปทีละน้อย

                และกว่าแจจุงจะรู้สึกตัวอีกที...คนที่นั่งข้างๆ ก็เอนตัวคอพับลงไปกับเบาะเสียแล้ว

                “ยุนโฮ...” เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ “หลับเหรอ...”

                “.....” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

                “อ่า” มือเล็กยกขึ้นไปโบกๆ ตรงหน้า หมายจะเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม...ยุนโฮหลับไปแล้วจริงๆ

                แล้วแบบนี้จะทำยังไงต่อนะ?

                ใบหน้าใสครุ่นคิด ก่อนจะพยายามทวนความจำในสิ่งที่เหล่าเพื่อนซี้ตัวแสบเคยสอนมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นโบว์ครู่หนึ่ง ก่อนจะปิ๊งไอเดียขึ้นมาในที่สุด

                ใช่สิ

                ซบ...ไง ซบ

                คิดแล้วก็ค่อยๆ เอนตัวไปทางเบาะของคนหลับอย่างระมัดระวัง หัวทุยสวยวางแนบลงบนต้นคอแกร่ง ราบมายังแผ่นอกกว้างที่กำลังหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไออุ่นจากตัวของเด็กหนุ่มก่อรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวาน ก่อนตากลมๆ จะหันไปจดจ้องที่หน้าจอแก้วขนาดใหญ่เหมือนเดิม

                นอนพิงยุนโฮแบบนี้...ก็สบายเหมือนกันแฮะ

               

     

     

                เสียงเพลงประกอบที่ดังขึ้นกับแรงสวบสาบจากเบาะเก้าอี้ เรียกสติของคนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราตลอดสามชั่วโมงให้ฟื้นคืนในที่สุด นัยน์ตาเรียวเล็กหรี่ปรือ ขณะหันซ้ายขวามองไปรอบๆ ทั้งที่ยังมึนๆ ก่อนจะเริ่มตื่นเต็มตาเมื่อพบว่าคนในโรงค่อยทยอยเดินออกไปเกือบจะหมดแล้ว

                อ้าว หนังจบแล้วเหรอวะ

                แล้วนี่...เอ่อ...เอ่อ...

                พยายามจะลุกขึ้นจัดท่าจัดทางตัวเองให้ดีๆ แต่ก็พบว่าไม่อาจทำได้ เมื่อมีก้อนกลมของบางสิ่งบางฟอย่างมาวางแปะอยู่บนหน้าอกซะอย่างนั้น และแน่นอนว่าเจ้าของเส้นผมนิ่มๆ กับปลายจมูกน่ารักนี่ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน

                ...ตุ๊กตาตัวน้อยเจ้าเดิม

                จะว่าฟินมันก็ฟินอะนะ แต่ไอ้ครั้นจะนอนให้เขาซบต่อก็เกรงว่ายามหน้าโรงจะเดินเข้ามาตบกบาลเสียก่อน เอาวะ หนังก็จบแล้ว ไปนอนให้ซบต่อที่บ้านก็ยังไม่เสียหาย

                “แจจุง...แจจุง”

                “.....”

                “ตื่นสิ หนังจบแล้วนะ” เป็นตุ๊กตาทำไมขี้เซาจังวะ “แจจุง!

                “อะ อื้อ” ไม่รู้เพราะเสียงดังเกินไป หรือว่ามีอะไรผิดปกติ แต่จู่ๆ ตุ๊กตาที่นอนแน่นิ่งบนอกก็ลนลานลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใบหน้าหวานห่างปลายจมูกโด่งแค่คืบ มือเล็กป่ายปัดผิดท่าเล็กน้อยจนริมฝีปากอิ่มแตะเข้าที่สันคางของยุนโฮอย่างไม่ตั้งใจ

                “อ๊ะ”

                ตลอดเลยมึง ท่านี้ตลอดเลย

                หัวใจจะวายอยู่แล้วรู้มั้ยเนี่ย!

                นัยน์ตากลมโตฉ่ำน้ำสอดสายตาเข้าประสานกับนัยน์ตาเรียวเล็กที่อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อม จนลำคอแกร่งต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และในวินาทีที่ฝ่ามือใหญ่จะยับยั้งชั่งใจด้วยการดันร่างบางออกไป...หัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ อาการไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วก็มีอันต้องเต้นดังเป็นกลองรบเมื่อกลายเป็นตุ๊กตาตัวร้ายเสียเองที่พูดออกมา

                “ยุนโฮ...

                “.....”

              “จูบได้มั้ย...”

                “.....”

              “แจจุงอยากให้ยุนโฮ...จูบ...อุ้บ”

                บอกก่อนว่าจริงๆ เป็นคนดี

                แต่ศีลธรรมมันก็มีขีดจำกัดนะครับ

                ริมฝีปากเรียวจัดการฉกชิมรสหวานจากเยลลี่นุ่มนิ่มที่เผยอรออย่างเว้าวอนตรงหน้าทันที – ให้ตายเถอะ ไม่มาเจออย่างเขาจะเข้าใจได้อย่างไร...เล่นมาทำตาหวานเชื่อม ปากเจ่อๆ แล้วก็บอกว่าอยากจูบกันแบบนั้น ไม่ตบะแตกก็ให้รู้กันไปสิ

                สองริมฝีปากประกบกันเนิบนาบสลับเป็นจังหวะจนเกิดเสียงน่าอาย ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ปล่อยให้ยุนโฮเป็นฝ่ายชักจูงเพียงช่วงเริ่มต้น ก่อนจะเริ่มขยับมารุกกลับในทันทีที่เด็กหนุ่มเผลอ แน่นอนว่าแจจุงไม่ใช่มนุษย์ อาจจะมีความรู้สึกนึกคิดที่พิเศษกว่าตุ๊กตาทั่วไปอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรู้สึกอาย

                ที่ใสซื่อก็เป็นเพียงเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้

                ...แต่ถ้ามีคนสอนแล้วก็จบ

                แจจุงเรียนรู้ได้เร็ว ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่การกระทำแบบนี้จะทำให้เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยติดใจ ยิ่งเป็นสัมผัสหวานๆ ที่ใช้สื่อแทน ความรักของมนุษย์แบบนี้เขาก็ยิ่งชอบ

                เพราะชอบยุนโฮไปแล้ว รู้สึกดีๆ กับเขาไปหมดหัวใจ และแน่นอนว่าหากถามกันตรงๆ ว่าอยากมีเซ็กส์กับยุนโฮไหม แจจุงก็คงตอบตกลงได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

                แม้จะเป็นตุ๊กตาที่พิเศษ แต่แจจุงก็ไม่ซับซ้อนขนาดนั้น

                เขาไม่มีกิเลส ไม่มีความเอียงอาย แค่รู้สึกอะไรก็แสดงออกไป

                ไม่เคยโกหก มีแต่ความจริงใจ

              มันก็แค่นั้น...

                “ยุนโฮ หัวใจเต้นแรงจัง” คนตาหวานเอ่ยขึ้นเมื่อผละริมฝีปากฉ่ำออกมา

                “.....”

                “เหมือนแจจุงเลย”

                คำนั้นทำเอาคนฟังรู้สึกราวกับหัวใจติดปีกจนแทบจะบินออกจากอกเสียให้ได้

                แต่ด้วยเพราะความเขิน ก็เลยทำได้เพียงตอบออกไปสั้นๆ

                “หัวใจไม่เต้น ก็ตายอ่ะดิ”

                อืม เอากับเขาสิ

                แต่บางทีหัวใจเต้นแรงไป ก็ตายได้เหมือนกันนะ อย่าลืม

     

    š

     

              “บางทีนั่นอาจจะเป็นเอไอของ JJ0126 ก็ได้นะ”

                JJ0126 เหรอคะ?”

                “ใช่ เจเจศูนย์หนึ่งสองหก...ตุ๊กตาล็อตพิเศษที่ไอ้จินโฮมันสร้างขึ้นมายังไงล่ะ”

                ร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสูทเหยียดยิ้มแสยะ หลัง ซินโดรม...ไอเดียลดอลที่มีความสามารถในการเก็บข้อมูลไอเดียลดอลตัวอื่นมารายงานกับเขาว่าพบสัญญาณประสาทของไอเดียลดอลที่หล่อนไม่สามารถเก็บข้อมูลได้อีกครั้ง แน่นอน มันมีเหตุผลไม่กี่อย่างที่จะทำให้ซินโดรมทำงานผิดพลาด นั่นคือหนึ่ง ระบบของหล่อนมีปัญหา และสอง...คือการที่เอไอของฝ่ายตรงข้ามมีระบบป้องกันตัวที่สูงยิ่งกว่า

                ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ มันก็มีโอกาสสูงมากจริงๆ ที่ตุ๊กตาตัวนั้นจะเป็น JJ0126

                ไอเดียลดอลผู้มีเอไอต้องห้าม...ระบบปฏิบัติการสมองกลในอุดมคติที่เขาอยากได้มาครอบครอง!

               

                ย้อนกลับไปเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน

                ในตอนที่เอ็กซ์และชองจินโฮยังคงเป็นเพียงนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย

                แน่นอนว่ามันพิเศษ พวกเขาไอคิวสองร้อยกว่า ใครๆ ก็ขนานนามให้ว่าพวกสติเฟื่อง  ถึงขนาดมีคนเคยกล่าวหากเอ็กซ์กับจินโฮช่วยกันคิดประดิษฐ์อะไรขึ้นมาสักอย่าง จะไม่มีการทดลองไหนที่เป็นไปไม่ได้ และก็เป็นแบบนั้น หลังจากพวกเขาทั้งสองคนตัดสินใจเรียนต่อจนจบทุกศาสตร์เท่าที่ระบบการศึกษาของโลกใบนี้จะถ่ายทอดให้ได้ พวกเขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัวในเวลาไม่นาน และช่วยกันประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่มีส่วนช่วยพัฒนาโลกใบนี้ไปมากมาย ก่อนผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษจะได้ถือกำเนิดขึ้น

                เมื่อจินโฮ...ยอมสานต่อโปรเจ็คเดียวในชีวิตที่เอ็กซ์ไม่เคยทำสำเร็จ และสร้าง สมองกลเสมือนมนุษย์ ขึ้นมาได้ในที่สุด

                แล้วไอเดียลดอลก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา...

                ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี...เอ็กซ์เติบโตกลายเป็นนักลงทุนผู้มีอิทธิพลสูงเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดมืด เช่นเดียวกับชองจินโฮที่ยังคงเป็นคู่หูสุดอัจฉริยะของเขาเสมอมา แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยเมื่อเอ็กซ์ตัดสินใจวางมือจากการเป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว จินโฮเคยมีปากมีเสียงกับเขาในเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะไม่อาจเปลี่ยนใจเพื่อนตัวเองได้ อุดมการณ์ที่ต้องการท้าทายวิทยาศาสตร์ที่เคยมีร่วมกันเลือนหาย เมื่อการเป็นผู้จัดผลิตและส่งออก ไอเดียลดอลกลายเป็นสิ่งที่ให้ค่าตอบแทนกับเอ็กซ์สูงลิ่ว แน่นอนว่าเขาแบ่งให้จินโฮไม่น้อยไปกว่ากัน แม้ความเห็นจะเริ่มไม่ตรงกันแต่พวกเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน

                จนกระทั่งถึงวันนั้น...

                วันที่ชองจินโฮรู้ตัว ว่า เอ็กซ์ เพื่อนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขกว่าสิบปีของเขาได้ตายจากไปแล้ว

                และเหลือเพียง เอ็กซ์ นักธุรกิจผู้ทะเยอทะยานและละโมบโลภมากจนลืมตัว ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต้องห้าม ที่เคยสัญญากันมาตั้งแต่แรกว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด

                 จินโฮบังเอิญไปพบบันทึกการทดลองการพยายามตัดย่อยีนที่มีผลต่อจินตนาการลงในเนื้อเยื่อเทียมของเอ็กซ์เข้าในวันหนึ่ง

                เขาซุ่มทำมันอยู่หลายปี...แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นความลับ เพราะเอ็กซ์แน่ใจว่าจินโฮคงจะไม่ยอมร่วมมือด้วย

                แม้เอ็กซ์จะยังทำไม่สำเร็จ แต่ความลับที่ถูกเปิดโปงนั่นก็ทำให้พวกเขาก็มีปากมีเสียงกันอย่างรุนแรง สุดท้าย...จะด้วยเพราะถูกเกลี้ยกล่อม หรือแม้แต่ความทะเยอทะยานในจิตใจด้านมืดของจินโฮเองด้วยก็ตาม...เขาก็ยอมทำในสิ่งที่เอ็กซ์ขอร้องอีกครั้ง

                จินโฮลงมือผลิตตุ๊กตาในอุดมคติขึ้นมาได้สำเร็จ โดยถอดแบบรูปร่างหน้าตาจากตัวละครในเกมที่ลูกชายชอบ...ชองยุนโฮ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เขาไม่ได้ติดต่อกลับไปหานานมากแล้ว ตั้งแต่เริ่มหมกมุ่นอยู่กับการสร้างตุ๊กตาพวกนี้ และกว่าที่ชายหนุ่มจะรู้ตัวว่ากำลังให้กำเนิดบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวที่สุดขึ้นมา

                เจซอร์ซิสก็ลืมตาขึ้นดูโลกเสียแล้ว

                นับว่าโชคดีเหลือเกินที่เจไม่ได้กลายเป็นอสูรร้ายหรือปีศาจที่จิตใจหยาบช้าอย่างที่เขาหวาดกลัว ตุ๊กตาตัวนั้นเติบโตมาอย่างบริสุทธิ์ และพร้อมรับการถ่ายทอดในทุกเรื่องราวไม่ต่างจากเด็กน้อย ใช้เวลาเพียงไม่นาน...เจก็รับรู้ทุกความเป็นไปของโลกและสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับมนุษย์ปกติทุกประการ

                แต่อย่างไรตุ๊กตาก็คือตุ๊กตา...จินโฮรู้ว่าเอ็กซ์คงไม่อาจปล่อยเขาไว้ หากรู้ว่าเจถูกสร้างขึ้นได้สำเร็จ เขาจึงให้เจเรียนวิชาการต่อสู้ การป้องกันตัว การใช้อาวุธทุกชนิด รวมถึงความสามารถพิเศษที่แม้แต่เอ็กซ์ก็คงไม่อาจรู้...เจสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายที่สร้างจากเนื้อเยื่อเทียมเป็นอะไรก็ได้ตามจินตนาการ และเมื่อมองเพียงผิวเผิน ก็ไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาธรรมดาทั่วๆ ไป เช่นกันในทางตรงข้าม หากถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี เจก็ไม่ต่างอะไรจากนักฆ่า เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่จินโฮเอง...ก็คงหยุดเจไม่ได้

                และวิธีเดียวที่จะป้องกันสิ่งนั้น  ก็คือการที่เขาจะปล่อยให้เอ็กซ์เข้าใกล้เจไม่ได้เด็ดขาด

               

                “เฮ้ย มันซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น! 

              “จับให้ได้! จับให้ได้!

                เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่น ขณะที่กองกำลังชุดดำกำลังบุกรุกเข้ามาในสถาบันวิจัยอย่างอุกอาจ

                หลังกดปุ่มสัญญาณเตือนภัยเพื่อให้ตัวเองหลบหนีจากสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาได้ เอ็กซ์ก็ส่งคนตามหาด็อกเตอร์จินโฮ เพื่อนรักของเขาไปทั่วทุกจุด มันสั่งคนปิดทุกประตู กั้นทุกทางออก และในวินาทีที่เขาใกล้จะจนตรอกนั้นเอง เสียงหวานกังวานดั่งเสียงสวรรค์ที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู

     

                “คิดจะฆ่าเขา ก็ข้ามศพฉันไปก่อน!

     

                สิ้นคำประกาศกร้าว เสียงรัวกระสุนจากทุกทิศทางก็พุ่งไปที่ผู้มาใหม่ในทันที ร่างบางปราดเปรียวกระโดดพลิกตัวหลบด้วยท่าทีที่คล่องแคล่วกว่าคนทั่วไปนัก ก่อนจะจัดการทั้งเตะ ต่อย หักแขน หรือแม้แต่ขา จนคนกว่าสิบคนร่วงลงไปกองที่พื้นในพริบตา และทันทีที่ทุกอย่างสงบ เจ้าของใบหน้าหวานที่ถูกปกปิดด้วยผ้าปิดปากสีดำสนิทก็รีบรุดเข้ามาถึงตัวผู้เหลือรอดในทันที

                “ด็อกเตอร์ครับ เป็นอะไรไหม”

                “เจ! กลับมาทำไมอีก ฉันบอกให้เธอหนีไปก่อนแล้วไม่ใช่หรือ”

                “ถ้าผมไม่กลับมา คุณคงไม่รอดกลับไปเจอผมตามสัญญาที่ให้ไว้แน่” เขายอกย้อน “อย่ากลัวเลย ผมปิดหน้าเอาไว้ตามที่คุณบอกตลอด พวกมันจำไม่ได้แน่ แต่ตอนนี้ เราต้องหนีก่อน”

                “เราจะหนีออกไปยังไง พวกมันล้อมไว้ขนาดนี้”

                “ฮึ คุณที่สร้างผมขึ้นมา ไม่น่าถามคำถามนั้นเลยนะครับ” เขาเอ่ยแค่นหัวเราะ “อยู่ข้างหลังผมไว้ก็แล้วกัน ที่เหลือผมจะจัดการเอง”

                และแน่นอนว่าเจก็จัดการทุกอย่างตามที่เขาได้พูดไว้จริงๆ

                มือขาวกระชากปืนจากกองพวกที่นอนล้มกันอยู่ระเนระนาดมาพกไว้กับตัว ก่อนจะพาเขาเดินดุ่มๆ ออกไปอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด แน่นอนว่าสถาบันวิจัยนี้ไม่ต่างอะไรจากบ้านของเจเลยแม้แต่น้อย เขาเกิดที่นี่ ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ประตูลัด หรือทางเข้า-ออกอะไรก็รู้ทุกอย่าง และแม้จะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็มีหลายครั้งอยู่ดีที่เจต้องลงมือ

                “มันอยู่นั่น!

                ปัง! ปัง!

                กระสุนสองนัดพุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจในทันทีที่พวกมันเอ่ยปากอย่างไม่มีการประนีประนอมใดๆ ท่าทีของเจเรียบเฉยราวกับไม่ยี่หระ และจินโฮก็แน่ใจ ว่าหากนำวิถีกระสุนที่ตัดผ่านนั้นไปตรวจวิเคราะห์ดู ก็คงจะพบว่ามันเข้าเป้าหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน

                “อดทนอีกนิดหนึ่งนะครับด็อกเตอร์ เรากำลังจะออกไปได้แล้ว อ๊ะ!

                “อ๊ากกกกก”

                “ด็อกเตอร์!

                “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นมันตาย!” มันตะโกนเสียงขู่คำราม ขณะจ่อมีดพกสั้นเข้าที่ปลายคางของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ชิงเข้ามาเป็นตัวประกันไว้ได้ เจจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนมันจะหันมาออกคำสั่ง

                “วางปืนซะ! แล้วยกมือขึ้น!

                “.....” มือขาววางปืนลงช้าๆ ตามคำสั่ง  ทว่านัยน์ตากลมโตจะยังจดจ้องไปข้างหน้าโดยไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวแต่อย่างใด

                “เฮ้ยพวกมึง ไปจับตัวมันไว้” เขาเอ่ยเสียงเครียด ขณะรอให้ลูกน้องสามคนเข้ามาจับร่างโปร่งบางที่หมดทางสู้นั้นเอาไว้ พลางตะโกนถามอีกครั้ง “บอกมา มึงเป็นใคร!

                ด็อกเตอร์ยังคงทำท่าเป็นสัญญาณให้เจเงียบ

                และเจก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร...

     

              เธอจะต้องปกปิดตัวเอง อย่าให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใคร มีใบหน้ายังไง มีเสียงยังไง  อย่าให้มันรู้แม้แต่ว่าเธอมีตัวตน จำไว้นะเจ นี่เป็นคำสั่ง!

     

                โอเค...

                “.....”

                “บอกมาสิวะ!” มันตะโกนกร้าวอีกครั้ง “ยังไงมึงสองคนก็ต้องโดนจับตัวไปให้คุณเอ็กซ์อยู่ดี ทำใจเสียเถอะว่ายังไงก็ต้อง...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

                มันเป็นช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น...

                เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่าร่างตรงหน้าไร้อาวุธและหมดทางสู้ ฝ่ามือขาวสะอาดที่เคยว่างเปล่าก็แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุแหลมคมคล้ายใบมีด เขาเฉือนแขนสามคู่ที่ยึดจับร่างตัวเองอย่างรวดเร็วให้พ้นตัว ก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมไอ้ตัวหัวหน้าที่กำลังใช้ร่างของด็อกเตอร์เป็นตัวประกันจนมันร่วงลงไปกองกับพื้นในทันที

                “ใจจริงฉันไม่ได้อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไรหรอกนะ” เอ่ยอย่างเยือกเย็น “แต่ก็รนหาที่ตายไม่เข้าเรื่อง...”

                “.....”

              “ใครอยากตายอีก ก็ตามมา”

                และนั่น...ก็กลายเป็นประโยคสุดท้ายที่เจพูด

                ก่อนที่เขากับด็อกเตอร์จินโฮจะหายตัวไป...อย่างที่แม้แต่เอ็กซ์ก็ไม่อาจตามหาร่องรอยใดๆ ได้อีก

     

                จนกระทั่งถึงตอนนี้...

     

                “แล้วจะให้ทำยังไงต่อไปค่ะ คุณเอ็กซ์”

                “จัดระบบ...ให้พวกเอ็กซ์ของเราที่อยู่ที่ทริปเปิลดับบลิวไฮสคูลทั้งหมดคอยจับสัญญาณมันเอาไว้ รวมถึงชองยุนโฮด้วย บางทีมันอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเด็กนั่นก็ได้”

                “.....”

                “หาให้ได้ว่าคือตัวไหน...จับเป็นเท่านั้น อย่าให้มีการเสียหาย ไม่งั้นฉันสั่งทำลายพวกแกทั้งหมดแน่ เข้าใจไหม!

                “รับทราบค่ะ”

     

                       

     

    ◆ ◆ ◆


     

     

     

                แจจุงไม่รู้ว่าแผนที่ทำไปวันนี้มันให้ผลอะไรดีขึ้นบ้างไหม

                ไม่รู้...ว่ารสจูบที่มอบให้กับยุนโฮ จะทำให้เขาหันมาสนใจกันได้มากขึ้นหรือเปล่า

                แต่ที่เขารู้ตอนนี้...ก็คือแจจุงพร้อมแล้ว สำหรับคำตอบของคำถามที่ยุนโฮถามในวันนั้น

                           

                “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่านายจะเข้าใจได้มากแค่ไหน”

              “.....”

              “แต่ไอ้เรากำลังจะทำกันน่ะ เขาเรียกว่าเซ็กส์...ซึ่งการจะทำแบบนั้น หรือมากกว่านั้น...มันต้องเป็นคนรักกัน”

              “.....”

              “และฉันกับนาย เราทำแบบนั้นไม่ได้”

              “ทำไมล่ะ”

              “.....”

              “ถ้าต้องเป็นคนรักกันถึงจะทำได้...”

              “.....”

              “แล้วเรา...ไม่ได้รักกันเหรอ?”

              “รักเหรอ...นายเข้าใจคำว่ารักมากแค่ไหนกัน”

              “.....”

              “ความรู้สึกที่ซับซ้อนแบบนั้นน่ะ นายเข้าใจจริงๆ เหรอ?”

               

                หลังกลับมาจากดูหนัง ยุนโฮที่ดูเหมือนจะยังเขินๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงหนังอยู่ก็ยังไม่ยอมหันมาคุยอะไรกับเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่จะกวนหัวใจกันอีกเลย

                จะว่าท่ามากก็ได้ แต่จูบกันก็หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ชินเลยสักที

                แล้วเท่าที่ดูแนวโน้ม...ก็เหมือนจะดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

                ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ก็ยังไม่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำกลับไม่ต่างอะไรจากคนรักกันเลย แน่นอนว่ายุนโฮพอใจ...และเขาก็รู้ด้วยว่าหัวใจตอนนี้พองโตแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                แต่มันจะดีจริงๆ แล้วน่ะเหรอ?

                จะดีจริงๆ เหรอ...ที่จะปล่อยให้ตัวเองถลำลึกลงไปแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้เลยว่าปลายทาง อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองฝ่ายเดียวทั้งหมดก็ได้

                แล้วเขา...ควรจะเลือกทางไหน

              “ยุนโฮ...”

                ราวกับรับรู้ความเป็นกังวลลึกๆ ในใจนั้น แผ่นหลังกว้างสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ คนที่เงียบมาตลอดทางก็เดินเข้ามาสวมกอดกันจากทางด้านหลัง ยุนโฮยอมรับ ว่าเขาหวั่นไหวมาก และรู้สึกทุกครั้งที่แจจุงเข้ามาใกล้ๆ มาสัมผัส...สมองมันรู้สึกเบลอไปหมด และหัวใจก็เริ่มจะเต้นแรง จะว่าเหมือนคนโดนยา ก็คงไม่ผิดนัก

                ...อย่างตอนนี้ก็เช่นกัน

                “แจจุง...อย่า”

                เขาพยายามจะดึงมือขาวที่กอดรัดกันอยู่ออก ทว่าคนตัวเล็กก็ไม่ยอมปล่อยเลย...

                “ยุนโฮ...”

                “.....”

                “จำคำถาม...ที่ถามแจจุงวันนั้นได้ไหม”

                “.....” คำถาม...?

                “ที่ยุนโฮถาม ว่าฉันเข้าใจคำว่ารักมากแค่ไหน...” เสียงหวานเอ่ย “ที่นายสงสัย ว่าที่ฉันพูดว่ารักน่ะ เข้าใจจริงๆ หรือแค่พูดไปอย่างนั้น...”

                “.....”

                “ตอนนี้น่ะ ฉันมีคำตอบให้ยุนโฮแล้วนะ”

                “.....”

                “ฉัน...”

                “.....”

              “รักยุนโฮ...” แม้จะเป็นเพียงถ้อยคำสั้นๆ แต่ใครเล่าจะรู้...หัวใจคนฟังน่ะแทบจะกระดอนออกมาข้างนอกอยู่แล้ว “รักจริงๆ...เข้าใจไม่ผิดหรอก”

                “.....”

                “เช็คมาทั้งพจนานุกรมก็แล้ว นิยายรักก็แล้ว...ความรู้สึกของฉันน่ะ เป็นแบบนั้นจริงๆ นะ”

                “.....”

                “แล้วยุนโฮล่ะ” คราวนี้ช้อนตากลมๆ ขึ้นมองกลับ “รัก...แจจุงเหมือนกันบ้างไหม”   

                เจอแบบนี้ บอกตรงๆ ว่าไปไม่ถูกเลย

                ไม่รู้ว่าตัวเองช็อคนานไป หรือแสดงสีหน้าอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายคิดมากหรือเปล่า แต่เมื่อถามคำถามนั้นออกไปแล้วไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา มันก็อดที่จะทำให้ตุ๊กตาตัวน้อยต้องทำหน้าหงอยลงอย่างช่วยไม่ได้

                และท่าทีนั้น ก็ทำเอาคนมองรู้สึกอยากจะแกล้งขึ้นมาอีกแล้ว

                “อะไรกัน ทำเป็นหน้าหงอย ยังไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย”

                คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มหวานของคนตากลมได้ในทันที ก่อนจะต้องกลับไปซึมเหมือนเดิมเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

                “ไม่ต้องมายิ้มด้วย ยังไม่ได้บอกว่าชอบเลยนะ”

                “.....”

                ใจร้าย

                “แอบด่าฉันในใจว่าใจร้ายอยู่สินะ”

                คำพูดนั้นทำเอาคนน่ารักหน้างอหนักกว่าเดิม ก่อนจะนิ่งไป...เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกคนขี้แกล้งรวบตัวเข้าไปกอดในที่สุด

                “นี่ ไม่แกล้งแล้วก็ได้”

                “.....”

                “รู้มั้ย ดีใจมากเลยนะที่บอกว่าชอบกันน่ะ”

                “.....”

                “ไม่รู้พูดไปแล้วจะยอมเชื่อไหม”

                “.....”

                “แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะโรแมนติกหรือเปล่า” เขาอธิบายเสียงอู้อี้ ขณะซุกใบหน้าลงบนไหล่นุ่มของร่างบางที่กำลังกอดไว้แน่น “แต่ว่าฉันน่ะ...ก็รักแจจุงเหมือนกันนะ”

                อ่า...

                ความรู้สึกที่เหมือนตัวกำลังลอยได้นี่มันอะไรกันนะ

                “จริงเหรอ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับจะถามตัวเองเสียมากกว่า และนั่นก็ทำให้ยุนโฮได้แต่หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะตอบ “จริงสิ”

                “.....”

                “...ถ้าไม่รัก คิดว่าจะยอมให้แย่งกินข้าวโพดคั่วหรือยังไง หืม”

              หัวใจเอ๋ย...เต้นแรงไปหรือเปล่านะ

                “อย่างนี้...ก็แปลว่า เรา...”

                “...?”

                “เราเป็นคนรักกันแล้วใช่ไหม” กลั้นใจถามออกไป และท่าทางลุ้นๆ นั้นก็ทำเอายุนโฮหัวเราะหนักกว่าเดิม แม้จะรู้สึกเขินไม่แพ้กันก็เถอะ

                “อื้ม”

                อ่า...

                “ยุนโฮ แจจุงรู้สึกเหมือนหน้าจะเป็นสีแดงยังไงไม่รู้ ทำยังไงดี” ให้ตายสิ มันน่ารักจริงๆ นะเนี่ย

                “ทำยังไงดีเหรอ? ยังไงดีล่ะ ถ้าจูบกันแล้วอาจจะหายก็ได้นะ?”

                “จริงเหรอ...”

                แล้วดูตอบสิ ไม่รู้จริงๆ หรือแค่อยากจะยั่วกันนะ เจ้าตุ๊กตานี่!

                “หึหึ จริงสิ” ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน

                “ยุนโฮ แจจุงมีคำถามอีก...” น่ะ นอกจากเป็นตุ๊กตาแล้วยังจะเป็นเจ้าหนูจำไมด้วยนะ

                “ว่าไง”

                “ก็ยุนโฮเคยบอกว่า ที่เรา เกือบจะทำกันตอนนั้นน่ะ มันเป็นเรื่องของคนรักกัน” เสียงหวานเอ่ยอย่างครุ่นคิด ก่อนจะถามคำถามถัดไป...ที่คล้ายกับว่าจะวางระเบิดบ้านของยุนโฮให้กลายเป็นจุณเสียตรงนั้น

                “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราเป็นคนรักกันแล้ว...ก็หมายความว่า...”

                “.....”

                “เรา...มี เซ็กส์กันได้แล้ว ใช่มั้ย?”

                




     

    TBC.








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×