ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #17 : - D o l l - 17. : ตุ๊กตาตัวน้อยร่างพิเศษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 357
      11
      12 ส.ค. 58


    ตอนที่ 17

     



                “อื้อ...”

                ใบหน้าคมของเด็กหนุ่มในห้วงนิทรากระสับกระส่ายเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่างที่รบกวนบริเวณใบหน้า “อืม...แจจุง?”

                “ยุนโฮ...เช้าแล้วล่ะ...งืมมม” ริมฝีปากนุ่มนิ่มพึมพำชิดอกกว้าง เรียกยุนโฮทั้งที่เปลือกตาบางของคนปลุกเองยังคงปิดสนิท บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเองก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน เพียงแต่ละเมอออกมาตามความเคยชินเท่านั้น

                และก็ได้ผล...ยุนโฮตื่นจริงๆ นั่นแหละ

                คนที่ถูกคนหลับปลุกหัวเราะออกมาเบาๆ ปลายจมูกโด่งฝังลงบนกลุ่มผมนุ่มลื่น สูดหายใจเข้าจนเต็มปอดพลางลูบไล้กายบางเปลือยเปล่าที่นอนซบอยู่บนตัวอย่างแสนรัก

              แน่นอนว่าคุณทายไม่ผิด

     

              เมื่อคืนเขามีอะไรกับแจจุงไปแล้ว

     

                ในยุคอภิมหาโลกาภิวัตน์ที่อีกไม่กี่ปีก็จะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 22 อยู่รอมร่อ สำหรับเด็กผู้ชายอายุ 18 ปีเต็มอย่างยุนโฮ การมีเซ็กซ์ในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

                แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการมีเซ็กซ์กับตุ๊กตา...นับรวมด้วยหรือเปล่า

                ใบหน้าคมส่ายหน้าไปมาไล่ความคิดแปลกประหลาดออกจากหัว เขายันกายขึ้นเล็กน้อย พลางมองเรือนร่างขาวกระจ่างที่นอนซุกซบอยู่บนตัวแล้วก็พลันอมยิ้มออกมา แจจุงเป็นไอเดียลดอล...ถึงจะเหมือนคนแค่ไหนแต่ด้วยระบบหรืออะไรสักอย่างในตัวก็ทำให้เขามีพลังงานล้นเหลือ และไม่เคยตื่นสาย ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน สุดท้ายเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็จะตื่นเวลาหกนาฬิกาตรงเป๊ะเหมือนเดิมในทุกๆ เช้า

                แต่ดูนี่สิ...ตอนนี้แปดโมงแล้วยังหลับปุ๋ยอยู่เลย

                หรือบางที...เมื่อคืนจะมากไปสำหรับครั้งแรกกันนะ?

                อืม...ก็คงหมดแรงเป็นเหมือนกัน

     

                พูดถึงเรื่องเมื่อคืน ยุนโฮก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องออกไปจัดการ

                โอเค มันอาจจะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรก แต่ยอมรับกันแบบหื่นๆ เลยก็ได้ ว่าสำหรับเซียนหนังโป๊อย่างยุนโฮแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยาก

                ที่มีปัญหาน่ะ...แจจุงต่างหาก

                “อือ...” เสียงหวานครางเครือบนอกเรียกความสนใจจากคนที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยได้ชะงัด คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนจะปรายตามายังหัวกลมๆ ที่หันมา นัยน์ตาใสแจ๋วสบเข้ากับเขาอย่างงงๆ ก่อนจะก้มมองตัวเองสลับกับที่นอนจำเป็นที่ถือวิสาสะนอนทับมาทั้งคืนแล้วกะพริบตาปริบๆ

                “โป๊หมดเลย...”

                เสียงรำพึงรำพันนั้นทำเอายุนโฮหลุดขำออกมาจนได้ มือหนายื่นไปขยี้กลุ่มผมนุ่มที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วให้ยิ่งยุ่งขึ้นไปอีกอย่างเอ็นดู แจจุงขมวดคิ้ว

                “หัวยุ่ง”

                “ยุ่งอยู่แล้วเถอะ” เขาเถียงไม่จริงจังนัก ก่อนจะพึมพำเสียงเบาราวกับพูดกับตัวเอง “ทีเมื่อคืนล่ะอย่างกับเสือ...ไหงตื่นมากลายเป็นลูกแมวไปอีกซะแล้ว”

                “เสือ...เสืออะไร?” เอ่ยอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะว่าอย่างตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบๆ ห้อง “ทำไมสว่าง....ยุนโฮ นี่กี่โมงแล้ว โรงเรียนล่ะ!

                “แปดโมง” เขาว่าเสียงเรียบ ไม่มีท่าทีตื่นเต้นอะไร “ยังจะไปอีกเหรอโรงเรียนน่ะ”

                “อ๊า สายแล้ว!!” ทันทีที่ได้ยิน ร่างบางก็สปริงตัวขึ้นมาราวกับโดนของร้อน “แจจุงตื่นสาย เป็นไปไม่ได้ แจจุงตื่นสาย แย่แล้ว”

                “นี่...ใจเย็นๆ น่า” ยังคงเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ขาดเรียนซักวันไม่ตายหรอก”

                “ได้ยังไง” หันมาตอบหน้าตาตื่น “อาจารย์จะว่าได้นะ ใกล้สอบแล้วด้วย”

                “โอ๊ย สมัยฉันมีเรื่องต่อยตีน่ะโดนพักการเรียนเป็นอาทิตย์ๆ...” เสียงทุ้มที่สวนไปเบาลงทันทีเมื่อหันไปเห็นคนฟังทำหน้าดุ “เออ...นั่นแหละ ก็เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยตีแล้วไง แต่แค่จะบอกว่า ขาดเรียนซักวันมันไม่เป็นไรหรอก ก็มันเหตุสุดวิสัยนี่นา”

                “อือ ก็จริงนะ” ใบหน้าใสซื่อพยักรับ “อาจารย์เคยบอกว่าหยุดได้ แต่ต้องเขียนใบลาส่งไปทางอีเมล์ งั้นเดี๋ยวแจจุงไปเขียนใบลาก่อน จะได้ไม่โดนดุ”

                “อืมๆๆ”

                เอ้อ ก็ดีนะ เราหยุดโรงเรียนก็ต้องเขียนใบลาบอก อาจารย์จะได้รู้เหตุผลแล้วก็ไม่ว่าเรา

                ....แต่ เดี๋ยวนะ

                “เดี๋ยวนะ แจจุง”

                “หือ”

                “แล้วนายจะเขียนใบลาว่าไง” ยุนโฮถามงงๆ ทว่าแจจุงกลับยิ้มร่า ตอบเสียงใส

     

                “เอ้า ก็ไม่เห็นต้องถามเลย ก็บอกอาจารย์ไงว่าเมื่อคืนมีเซ็กส์กับยุนโฮ ก็เลยตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทัน”

     

                เห้ย เห้ย เห้ย!

     

                “จะบ้าเหรอ! จะไปพูดอย่างนั้นได้ไงเล่า” ยุนโฮร้องเสียงดัง ท่าทางตกอกตกใจจนดูน่าตลก

                “อ้าว...ก็มันเรื่องจริงนี่นา” ปลายนิ้วเล็กจิ้มที่ริมฝีปาก

                โอ๊ย แล้วอะไรคือมาพูดหน้าตาเฉยอีก หมั่นเขี้ยวจริงๆ

                “ถามจริง” เด็กหนุ่มถามเสียงหมั่นไส้ “ที่บ่นๆ อยากไปโรงเรียนเนี่ย ลุกไหวแล้วเหรอ”

                “เอ๋” ทว่าคนฟังกลับกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมจะต้องไม่ไหวล่ะ”

                “หึ...” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ มุมปากยกยิ้มอย่างร้ายกาจ เขาแน่ใจว่าถึงแม้แจจุงอาจจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรมากเพราะเป็นไอเดียลดอล แต่ร่างกายก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง ดูจากที่ตื่นสายเมื่อเช้าก็รู้แล้ว

                “ไม่งั้นลองยืนดูก่อนสิ ยืนได้ไหม”

                “แล้วทำไมแจจุงจะยืนไม่ได้...อ๊ะ!” คนตาโตตอบ พลางรีบลุกขึ้นเพื่อพิสูจน์คำถามนั้น ทว่าก็กลับต้องล้มลงไปม้วนกลิ้งที่พื้นแทน เมื่อขาเรียวเกิดไร้เรี่ยวแรง สะดุดผ้าห่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ

                “แจจุง! เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างสูงรีบรุดตัวไปประคองคนตัวเล็กอย่างตกใจ แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อเห็นหัวกลมยุ่งๆ โผล่พ้นผ้านวมออกมางงๆ

                “ยุนโฮ อยู่ๆ ขาแจจุงก็ไม่มีแรงเฉยเลย เป็นอะไรก็ไม่รู้” เสียงหวานเอ่ยฟ้อง ท่าทางงอแง “แล้วตรงก้นก็เหนียวๆ ด้วย หงุดหงิดจังเลย”

                โธ่...

                สุดท้ายเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็ยังเป็นตุ๊กตาตัวน้อยอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ

               

     


    ◆ ◆ ◆

     


     

                หลังจากพาแจจุงไปอาบน้ำล้างตัว (ด้วยวิธีที่ค่อนข้างติดเรทหน่อย ไม่เล่าก็แล้วกัน ว่าแต่ทำไมต้องทำหน้าอยากรู้กันขนาดนั้นด้วยล่ะ?!) ร่างบางที่เริ่มมีแรงขึ้นมาบ้างแล้วก็ปลีกตัวเข้าไปหมกอยู่ในห้องครัวคนเดียว คงจะเบื่อๆ ที่ไม่ได้ไปโรงเรียนก็เลยไปทำอาหารหรืออะไรแก้เซ็งเหมือนทุกทีนั่นแหละ

                อันที่จริง แจจุงก็ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วน่าดู เป็นเพราะอาการเจ็บก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็นอยู่แล้ว เท่าที่เห็นก็แค่เพลียตามประสาคนที่ใช้ร่างกายมาก (หึหึ ให้จินตนาการเอาเองว่ามากแค่ไหน) ไหนจะเป็นไอเดียลดอลอีก เพียงปล่อยให้พักไม่กี่ชั่วโมง เรือนร่างบอบบางก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วตามลำดับ

                และในทันทีที่ตุ๊กตาตัวน้อยหายลับเข้าไปในโซนครัว เด็กหนุ่มที่มีอะไรบางอย่างติดค้างในหัวอยู่ตั้งแต่เช้าก็ไม่รอช้า รีบต่อโทรศัพท์หาแก๊งเพื่อนตัวดีทันที

                “ฮัลโหล” ทักไปเสียงเข้ม

                (ฮา...โหล ติดเรียนอยู่ครับ เดี๋ยวไว้โทรมาใหม่นะ)

                รับสายอย่างรวดเร็วและตัดบทอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ก็ไม่ทันหรอก

                “มึงหยุดเลยไอ้ยูชอน กูรู้ว่าพวกมึงพักกลางวันอยู่ไอ้พวกอัจฉริยะ ถ้าวางจะอัดให้น่วมเลย”

                (.....)

                ตายแน่อีหรอบนี้

                “เปิดเฟสมาหน้าชัดๆ เลย ทั้งสามตัว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

                เขาตอบไปน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็คงเย็นเยียบพอจนไอ้พวกตัวแสบสัมผัสได้ ถึงได้รีบกดเปิดระบบโทรแบบเห็นหน้าเห็นตากันด่วนจี๋เสียขนาดนั้น

                (แฮ่...ไงมึง)

                สามแสบยิ้มลุกลี้ลุกลนให้เขากันหน้าสลอน ก่อนจะเป็นจุนซูที่โพล่งขึ้นมาอย่างลืมตัว

                (เมื่อคืนเป็นไง!...อุ๊บ)

                (ไอ้เชี่ยจุน ถามมันอย่างนั้นมันก็รู้กันพอดี) ยูชอนกระซิบตอบ

                “เงียบไปเลยไอ้ยูชอน กูจะแน่ใจก็เพราะมึงนั่นแหละ” ยุนโฮตอบ ก่อนจะว่า “รู้กันสินะว่าวันนี้กูหยุดเรียน”

                (ร...รู้อะไร ไม่รู้! วันนี้มึงหยุดเรียนเหรอ?)

                ชิมชางมินพยายามทำเสียงเหรอหรา แต่ยุนโฮก็ทำเพียงส่ายหน้าไปมา “จะแสดงก็ให้มันเนียนๆ หน่อยไอ้ห่า ตะกละอย่างมึงถ้าพักกลางวันแจจุงไม่เอาข้าวมาเสิร์ฟถึงหน้าห้องนี่ปกติต้องโทรมาตามแล้ว – นี่เงียบไม่มีสักสาย!

                (แฮ่ อะไรกัน กูก็ไม่ได้ตะกละขนาดน้าน...)

                “น้อยไปน่ะสิ” ยุนโฮย้ำ และนั่นทำให้คนถูกจับไต๋ได้ยิ่งตัวหดเล็กลง

                (เออๆๆ ยอมรับก็ได้ จากการคำนวณ 99.99% กูมั่นใจว่าวันนี้มึงกับแจจุงจะต้องไม่มาโรงเรียนอยู่แล้ว เลยไม่ได้สงสัยอะไรมาก ไม่โทรตามด้วย พอใจยัง)

                ยูชอนตัดบท ทำเนียนเป็นหงุดหงิดรำคาญใจ แต่ก็คงไม่เนียนพอ เพราะยุนโฮสวนต่อกลับมาทันที

                “ไม่พอใจ” เขาสอบสวน “มึงรู้ได้ไงว่าวันนี้กูจะไม่มาเรียน”

                (โอ้ย พวกมึง พอเหอะเลิกแอ๊บ)

                เป็นจุนซูเองที่หยุดสถานการณ์ประดักประเดิดตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยตรงๆ จนคนทั้งวงเงิบ

              (มึงก็บอกไปสิว่าจริงๆ อยากรู้จะตายห่าแล้วว่าเมื่อคืนไอ้ยุนโฮกับแจจุงน่ะทำกันกี่ท่า)

                (ไอ้จุนซู!)

                ชางมินกับยูชอนร้องเสียงดัง แต่ปลายสายก็ทำเพียงแค่นยิ้ม

                “กูว่าแล้วว่าต้องเป็นฝีมือพวกมึง” เด็กหนุ่มตอบเสียงขุ่นๆ “ไม่งั้นแจจุงคงไม่...เก่งขนาดนั้น

                (มึงว่าไงนะ)

                ท่าทางเสียงของเขาจะทำพวกอยากรู้อยากเห็นตื่นตัวเข้าให้แล้ว

                (มึงว่าแจจุงเป็นไงนะ ขออีกที) หูตั้งเชียวไอ้ห่า

                “ก็แล้วมึงทำอะไรกับแจจุงหรือเปล่าล่ะไอ้เหี้ย” แสร้งโวยวายกลมเกลื่อน ขณะที่แก้มกร้านเริ่มขึ้นริ้วสีแดงจัด “ไม่ต้องมาทำเป็นหลอกถาม สารภาพมาเลยว่าทำไมตุ๊กตาตัวน้อยของกูถึงได้...”

                (เอ็กซ์แตก?)

                “เออ นั่นแหละ!

                เขายอมรับออกมาจนได้ และนั่นก็ทำให้สามสหายเริ่มหัวเราะกันคิกคัก

                (ฮ่าๆ แม่งเจ๋ง ก็นึกไม่ถึงหรอกนะเว้ยว่าแผนกากๆ ของไอ้ชางมินจะสำเร็จ ก็รู้ว่าแจจุงน่ะหัวไว...แต่ไม่คิดว่าเอาคลิปโป๊ให้ดูไม่กี่คลิปแล้วจะเรียนรู้ได้ไวขนาดนั้น)

                “ไอ้ห่า! มึงเอาหนังโป๊ให้แจจุงกูดูเนี่ยนะ ไอ้พวกเวร” ยุนโฮโวยวาย ในขณะที่ปลายสายหรี่ตาล้อเลียน

                (แหม เรียกของกงของกูเต็มปากเชียวนะ)

                “หุบปาก” เด็กหนุ่มด่าเพื่อนหน้าดำหน้าแดง “ว่าแต่มึงไปเอาหนังโป๊ให้แจจุงดูตอนไหน กูไม่เห็นรู้เรื่อง!

                (สดๆ ร้อนๆ เลย ก็มึงซ้อมเทควันโดตั้งนานนี่...เมื่อเย็นอะ)

                โอ้ยยยย กูว่าแล้ว

                นี่อุตส่าห์รีบแล้วนะ ไอ้พวกบ้านี่ยังเอาจนได้

                (เอาน่า จะเครียดอะไรว้า ก็ได้แจจุงเป็นเมียสมอยากแล้วนี่ เออ ว่าแต่เมื่อคืนตุ๊กตาตัวน้อยของมึงทำอะไรเข้าไปล่ะ ถึงได้ตกใจขนาดนี้ เอาจริงๆ กูไม่คิดว่ามึงจะจับได้เลยนะเนี่ย)

                ยูชอนพูดขำๆ ก็มันจริงนี่...แค่ให้แจจุงดูหนังโป๊ แล้วก็บอกว่าให้ทำแบบนี้ ยุนโฮมันชอบ เท่านั้นเอง

                ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ไอคิวแจจุงสูงตั้ง 200 กันเล่า...ฮ่าๆ

                “ไอ้เหี้ย แล้วทำไมกูต้องเอาเรื่องแบบนั้นมาเล่าให้พวกมึงด้วยล่ะโว้ย ไปแดกข้าวกันต่อเลยไป กูวางละ”

                (เอ้าเฮ้ย อย่าเพิ่งดิวะ ไอ้นี่ ได้ประโยชน์แล้วเฉดหัวเพื่อนเลย ไอ้...ปิ๊บ!)

                เด็กหนุ่มกดตัดสัญญาณในทันทีที่ได้คำตอบของเรื่องที่สงสัยมาตั้งแต่เช้า แก้มกร้านขึ้นสีแดงจัดเมื่อภาพความทรงจำเมื่อคืนค่อยๆ ไหลทะลักกลับมาอีกครั้งราวกับเขื่อนแตก ให้ตาย...ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ไอ้เพื่อนตัวดีฟังเด็ดขาดเลย!

     

              “ยุนโฮ! ยุนโฮ!

     

                ในขณะที่กำลังนั่งละเมอเพ้อพกคิดอะไรทะลึ่งตึงตังอยู่นั้น เสียงหวานที่ดังอย่างตระหนกมาจากในครัวก็ทำเอาแผ่นหลังกว้างสะดุ้ง ใบหน้าคมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะรีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนแล้วพุ่งไปยังต้นเสียง

                “แจจุง เป็นอะไร!

                “มือ...ฮึก มือแจจุง” ใบหน้าคล้ายจะร้องไห้ของตุ๊กตาตัวน้อยไม่ทำให้ยุนโฮตกใจได้เท่ากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า บรรดาผักสลัด มะเขือเทศที่ถูกฝานออกเป็นแว่นยังคงวางอยู่ที่เดิมอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรผิดปกติ...นอกไปเสียจาก...

                ...แจจุง

                มือขาวนุ่มนิ่มที่ยุนโฮเคยจับ...กลายสภาพเป็นวัตถุแหลมคมคล้ายมีดไปเสียแล้ว

                ...เหมือนกับวันนั้น

                “แจจุง...นาย...” เป็นเพราะวันนั้นได้เห็นเพียงไม่กี่วินาทีในความมืด ก็เลยไม่รู้สึกติดตาเท่าไร แต่พอได้มาเห็นเต็มๆ ตาแบบนี้แล้ว...มันก็อดที่จะ...

                “เป็นอย่างนี้...ได้ยังไง”

                “แจจุงไม่รู้ ฮึก...” หยดน้ำใสๆ คลอเต็มนัยน์ตาโศก “ยุนโฮ...อย่าเกลียดแจจุงนะ ฮึก...”

                ยอมรับ...ว่าเขาตกใจมาก

                ยุนโฮไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แม้จะรู้ว่าแจจุงเป็นไอเดียลดอล แต่เขาก็เหมือนคนมาก เหมือนจนบางทียุนโฮเองก็เกือบลืมไป แล้วจริงๆ ว่า...แจจุงไม่ใช่มนุษย์

                แต่ถึงอย่างนั้นแล้วจะทำไม

     

                ยังไงเขาก็รักไปแล้ว

     

                “แจจุง ใจเย็นๆ” แม้ไม่อาจปฏิเสธเลย ว่าลึกๆ ในใจ เด็กหนุ่มเองก็รู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้าย ยุนโฮก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป

                “เลิกนึกถึงมีดซะ แล้วลองคิด คิดว่ามือของนายเป็นมือ ลองดู ดูมือของฉัน แล้วจินตนาการ...”

                เสียงทุ้มเอ่ยอย่างปลอบประโลม ในขณะที่ดวงตากลมโตจดจ้องไปที่ฝ่ามือรูปร่างน่ากลัวของตัวเองแล้วค่อยข่มสติ เพ่งสมาธิ แล้วพยายามคิดตามที่อีกคนอธิบาย

                ถ้าแจจุงเหมือนเจซอร์ซิสจริงๆ ล่ะก็...

                นี่คือมือ

              ฝ่ามือ

              ฝ่ามือของมนุษย์

                นี่ไม่ใช่อะไร นี่คือมือ...

                และเกินกว่าที่จะจินตนาการได้...ไม่นานนัก ฝ่ามือรูปประหลาดก็กลับคืนสู่สภาพได้อีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์

                “ห...หายแล้ว” ตุ๊กตาตัวน้อยพึมพำเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆ แย้มรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “หายแล้ว...ยุนโฮ”

                “อืม...” ร่างสูงตอบกลับเพียงยิ้มบาง ในขณะที่สมองกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างหนัก และท่าทางเงียบขรึมนั้นก็ทำเอาคนมองใจเสีย “ยุนโฮ...”

                “.....”

                “ยุนโฮ...กลัวแจจุงเหรอ”

                “เอ๋”

                “แจจุงน่ากลัวใช่ไหม...” เสียงหวานสั่นพร่า ภาพความทรงจำที่ตัวเองเคยทำร้ายคนตรงหน้าย้อนกลับมาทิ่มแทงความรู้สึกอีกครั้ง “แจจุงเป็นตัวประหลาด...ไม่เหมือนคนอื่นๆ...น่ารังเกียจใช่ไหม ยุนโ...อื้ออ

                และก่อนที่เจ้าของใบหน้างามจะได้พูดอะไรต่อ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกประกบปิดแนบสนิท

                ก็แค่ไม่อยากให้คนตรงหน้าทำร้ายหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้

                ริมฝีปากหยักกดคลึงเน้นย้ำ ดูดดึง จนร่างบอบบางใต้อาณัติอ่อนระทวย มือใหญ่จับข้อมือเล็กกดลงกับเคาน์เตอร์ครัวแนบแน่น ก่อนจะดันร่างเล็กขึ้นไปแล้วแทรกร่างตัวเองเข้าประชิดจนเรียวขาขาวแยกออกจากกัน

                “ยุนโฮ..อ..อื้อ”

               

              “นายไม่ใช่ตัวประหลาด”  เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ไม่ใช่...”

               

                “...แต่แจ..”

                “คงแค่ป่วยน่ะ” เขาตัดบท “อย่าคิดมากเลยนะ”

                “ป่วย...?” เสียงหวานทวนคำเบาๆ

                “อืม เหมือนไม่สบายนั่นแหละ เดี๋ยวก็หาย” ยุนโฮยืนยันอีกครั้ง...ด้วยคำโกหกคำโต

                เขาก็แค่ไม่อยากให้แจจุงเสียใจ

                ไม่อยากให้ภาพฝันที่แจจุงเฝ้าจินตนาการมาตลอด ว่าจะใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ทั่วไปได้ จะต้องมาพังทลายลงไป

                แจจุงไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ...อย่างน้อยก็ในสายตาของเขา

     

                ไม่เคยเป็น และไม่มีวันเป็น

     

                ลิ้นอุ่นฉวยโอกาสเข้าไปสำรวจโพรงปากอ่อนนุ่มในทันทีที่กลีบปากอิ่มเผยอออกจากกัน สองร่างมัวเมาในเพศรส ต่างรุกจูบกันดูดดื่มจนเกิดเสียน่าอาย แลกเปลี่ยนรสสัมผัสอันแสนพิเศษไม่มีที่สิ้นสุด และบางทีมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นต่อไป หากมือเล็กไม่ดันอกกว้างออกเสียก่อน

                “อื้อ ยุ...ยุนโฮ แจจุงหายใจไม่ทัน”

                ในทันทีที่ผละออกมาได้ ตุ๊กตาตัวน้อยก็หอบหนักจนตัวโยน เด็กหนุ่มมองภาพนั้นก่อนจะยิ้มมุมปาก พลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปากเบาๆ

                หึ...หายใจไม่ทันเป็นกับเขาด้วยแฮะ

                “หัวเราะอะไรเล่า” รอยยิ้มล้อเลียนของคนตรงหน้าทำเอาตุ๊กตาตัวน้อยแก้มแดง...และเอาเข้าจริง ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องแก้มแดงเหมือนกัน “กินปากคนอื่นจนบวมแบบนี้แล้วยังจะมาหัวเราะกันอีก คนนิสัยไม่ดี

                น่ะ เถียงตาใสเชียวนะ

                “เมื่อคืนก็กินปากแบบนี้แหละ ไม่เห็นบ่นเลย” เอ่ยหน้าตาย ก่อนจะล้อเลียนคำพูดติดปากของอีกคนกลับบ้าง “นายก็กินปากฉันกลับด้วยนะ ดูดๆ ใหญ่ ฉันยังไม่ว่าเลย คนนิสัยไม่ดี

                กวนประสาท!

                “แจจุงนิสัยดีนะ” เถียงตาโต ก่อนจะก้มหน้างุด พูดอ้อมแอ้ม “เมื่อคืนทำแบบนั้นด้วยเหรอ จำไม่เห็นได้”

                หึ ความจำสั้นเสียเหลือเกินนะ

                “จำไม่ได้จริงเหรอ...” เสียงทุ้มเอ่ยกรุ้มกริ่ม ยืดสองแขนจับเคาน์เตอร์ โน้มตัวคร่อมร่างบางที่นั่งชันอยู่บนโต๊ะ พลางขยับปลายจมูกคลอเคลียที่ต้นคอขาวจนแจจุงต้องย่นคอหนี

                “.....”

                “ว่าไง”

                “ยุนโฮเนี่ย ชอบทำแบบนี้จริงๆ ด้วยสินะ” ปากกลมยู่ขึ้นพลางเบี่ยงหน้าแดงๆ หลบ ก่อนจะเอ่ยเสียงไร้เดียงสา จนริมฝีปากหยักที่คลอเคลียต้องชะงัก “เหมือนที่พวกชางมินบอกเลย”

                “หืม...พวกนั้นบอกอะไร”

                “ก็บอก...ว่ายุนโฮชอบทำแบบที่ทำกับแจจุงเมื่อคืนไง” ตุ๊กตาตัวน้อยตอบ ก่อนจะยกมือขาวขึ้นประคองใบหน้าคมให้หันมาสบตากัน นัยน์ตาวาววับสีดำสนิทจ้องลึกลงไปในดวงตาของอีกคน ราวกับจะมองภาพสะท้อนของตัวเองให้ชัดๆ “แล้วจริงมั้ย...”

                “.....”

     

              “ที่แจจุงทำน่ะ ยุนโฮชอบมั้ย”

     

                ให้ตาย...

                นี่มันอันตรายจริงๆ นะ

                “อืม...จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ...”

                ตอบยอกย้อนอีกคน พลางคลอเคลียลำคอขาวไม่หยุด “ไหนๆ วันนี้ก็หยุดเรียนแล้ว...ทวนความจำให้หน่อยสิ”

                “.....”

                “แล้วคราวนี้ฉันจะได้ตอบนายไง...ว่าชอบหรือเปล่า ดีไหมล่ะ”

                “อ...”

                แล้วภาพเหตุการณ์ที่น่าระทึกใจในความทรงจำก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง

                สิ้นคำล่อลวงของเด็กหนุ่ม แขนขาวก็ค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบคอแกร่ง ก่อนจะรั้งใบหน้าคมลงมาประชิด นัยน์ตาลูกแมววาววับจับจ้องอีกคนตาไม่กะพริบ กลีบปากอิ่มฉ่ำน้ำเผยอออกจากกัน ก่อนจะ...

              งับ

                ในทันทีที่สัมผัสนุ่มหยุ่นประทับลงมา เส้นความอดทนของคนที่เป็นฝ่ายรอรับก็ขาดสะบั้น ปากหยักรุกจูบตอบกลับทันทีอย่างกระหาย  จนสติของตุ๊กตาตัวน้อยเริ่มพร่าเลือน กายบางอ้อนแอ้นแอ่นโค้งเข้าประชิดอีกฝ่ายอย่างต้องการก่อนจะบิดเร่าน้อยๆ เมื่อฝ่ามือร้อนสอดเข้าใต้แผ่นหลัง ลูบไล้ผิวเนื้อเนียนอย่างหลงใหล จวบกระทั่งฝ่ามือหยาบร้อนคว้าหมับเข้าที่สะโพกนุ่ม เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็ยกขาเกี่ยวเอวสอบ สปริงตัวให้คนร่างสูงยกอุ้มจนตัวลอย

                “ไปที่เตียงนะ”

                “อื้มมม”

                พวกเขาพากันกระเตงมาถึงฟูกนอนหลังเดิมในที่สุด มือหนาปล่อยร่างอ้อนแอ้นทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มจนกายบางเด้งดึ๋งราวกับเป็นตุ๊กตาจริงๆ นัยน์ตาใสจดจ้องช่วงล่างของเด็กหนุ่มที่โน้มตัวตามลงมาเป็นประกาย ก่อนจะแลบลิ้น...เลียริมฝีปาก

                คนมาทีหลังรีบโถมกายขึ้นทับตัวนุ่มนิ่ม ยุนโฮแทบหมดความอดทนแล้ว เพียงได้เห็นเจ้าตุ๊กตานอนตาแป๋วๆ อยู่บนเตียงก็อดไม่ได้ที่จะคว้ามาฟัดหอมให้ชื่นใจ ใบหน้าหวานเริดขึ้นน้อยๆ เมื่อสัมผัสปุยนุ่นจู่โจมเข้าทั่วบริเวณลำคอ  แต่ไม่ทันที่หมียักษ์จะได้ขย้ำลูกแมวอย่างสาแก่ใจ เจ้าเหมียวตาใสก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนก่อนจะเริ่มอ้าปาก แยกเขี้ยว แล้วกลายร่าง

                ...เป็นแม่เสือ

                “ดูเหมือนมันจะอึดอัดนะ”

                จู่ๆ เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็เอ่ยขึ้นราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ กายบางร่นตัวลงช้าๆ จนใบหน้าจรดเป้ากางเกงของเด็กหนุ่ม ปลายนิ้วขาวลูบไล้มันแผ่วเบา “เจ้ามังกรจ๋า...เดี๋ยวแจจุงช่วยให้อารมณ์ดีเองนะ”

                ยุนโฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่

                นี่ยังไงล่ะที่ทำให้เขาตกใจ

                และรับรู้ได้ถึงสัญญาณบางอย่าง ที่บ่งบอกว่า บททบทวนความจำกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

                มันมาแล้ว...

                เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยร่างพิเศษ

                “...รอแป็บนะ แจจุงจะปล่อยออกมาเดี๋ยวนี้แหละ”

                ยังคงเอ่ยเจื้อยแจ้วราวกับคุยกับนกกา พูดจาไม่ประสาแต่มากด้วยเล่ห์ล้นเหลือ เพราะในทันทีที่ยุนโฮเผลอ มือขาวนั่นก็กระชากทั้งกางเกงบอลและชั้นในติดเอวสอบลงมาในคราวเดียว

                และนั่นก็ทำให้ เจ้ามังกรน้อยที่ตัว ไม่น้อยดีดผึงขึ้นมาทักทายทันที

                “สวัสดี...”

                พูดคุยด้วยราวกับมันมีชีวิต ก่อนจะส่งปลายลิ้นเล็กแลบเลียแผ่วเบาจนยุนโฮรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปทั้งร่าง

                “อ..อือ...อืม แจจุง”

                เสียงทุ้มครางเครือติดขัด ความรู้สึกบางอย่างเริ่มพุ่งสูงจนสมองแทบระเบิด “ทำ...ทำเถอะ ได้โปรด...”

                “ใจร้อน...”

                ตอบเสียงใส แต่ก็ไม่ขัดใจ กลีบปากอิ่มอ้ากว้าง ก่อนจะครอบลงบนความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มปากเต็มคำ

                เสียงทุ้มคำรามต่ำ รู้สึกเหมือนมีสีขาวมาราดในหัวแรงๆ จนทัศนียภาพพร่าเลื่อน

                ลิ้นเล็กเล่นกับเจ้ามังกรที่อาละวาดอยู่ภายในปากอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกคนด้วยแววตาใสแจ๋ว

                “ชอบมั้ย”

                ปากกลมละออกมาถาม หากแต่เวลานี้เด็กหนุ่มกลับไม่ต้องการพูดอะไรอีกแล้ว

                “แจจุง อย่าหยุด...ทำต่อ...”

                “ก็บอกมาก่อนสิ ว่า...อื้อออ! อุน อื้มมม..

                นอกจากจะไม่ตอบแล้ว ความคิดความอ่านต่างๆ ของคนฟังก็ดูเหมือนจะพังไปหมด ฝ่ามือหนาหยุดเสียงเจื้อยแจ้วนั้นด้วยการคว้าหมับเข้าที่ปลายคาง ก่อนจะยัดเยียดความแข็งขืนของตัวเองเข้าอออกในโพรงอุ่นนั้นอย่างหมดความอดทน

                “มากกว่านี้อีกแจจุง”

                “.....”

              “มากกว่านี้”

                ไม่นานนัก ความอุ่นซ่านก็แผ่ทะลักทลายออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

                เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยมองยุนโฮตาแป๋ว ขณะปล่อยให้เจ้ามังกรหลุดออกจากริมฝีปากช้าๆ แจจุงยังคงงงๆ หากแต่เป็นยุนโฮเสียเองที่ต้องรีบลุกขึ้น พลางตะลีตะลานเข้ามาอย่างตกใจ

                “ให้ตายเถอะ! ฉันขอโทษ นี่! อย่ากลืนนะ คายออกมา”

                “เอ๋”

                “ยังจะมาทำหน้างงอีก คายออกมาเร็ว” คว้าถังขยะใบเล็กๆ ขึ้นมา ที่ตุ๊กตาแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยอมคายของเหลวในปากออกมาโดยดี และภาพที่เห็นนั้นก็ทำเอายุนโฮต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่

                เหี้ยสุด...กูแม่ง...โอ้ย

                “คายออกมาให้หมดเลย เมื่อกี้สำลักรึเปล่า” เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าฉายชัดถึงความรู้สึกผิด แต่แจจุงกลับทำเพียงส่ายหัวไปมา

                “ไม่...แล้วให้คายทำไมอะยุนโฮ”

                “มัน...เอ่อ กินไม่ได้” ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน โอ้ย แม่งอาย

                “ได้นะ” ตอบตาใส “ที่พวกยูชอนเอาให้ดู...ก็กิน..อ๊ะ”

                เมื่อรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรออกไป มือขาวก็รีบยกขึ้นตะครุบริมฝีปากอิ่มทันที แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว ยุนโฮหรี่ตา “พูดออกมาจนได้นะ...”

                “อะ อะไร” พยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ดวงตาหลุกหลิกนั่นก็โกหกไม่เนียนเอาเสียเลย

                “บอกมาเถอะน่า ไปวางแผนอะไรกับพวกชางมิน”

                แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าตุ๊กตาตัวน้อยไปทำอะไรมา แต่เขาก็ยังถามนั่นแหละ

                “ม...ไม่ได้วางแผน” เอ่ยท่าทางประหม่า “จริงๆ นะ”

                “....”

                “ก็แค่...ให้สอนนิดหน่อย” คนตัวบางเอ่ยอ้อมแอ้ม รู้สึกไม่มั่นใจเลยที่จะพูดออกไป “ก็...แจจุงชอบยุนโฮ ต...แต่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ยุนโฮชอบแจจุงเหมือนกันบ้าง”

                “.....”

                “ก็เลยไปถามพวกยูชอน ว่าต้องทำยังไง...ก็แจจุง...อยากให้ยุนโฮ ชอบ...อ๊ะ” ร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ อีกคนก็รวบตัวเองเข้าไปกอดแน่น ก่อนใบหน้าคมจะซบลงกับบ่าเล็ก ราวกับต้องการจะส่งผ่านความรู้สึกที่มีไปให้ทั้งหมด

                ให้ตาย...ทำยังไงถึงจะชอบเหรอ?

     

              แค่นี้ก็ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว

     

              ตุ๊กตาโง่เอ๊ย...

     

                “ฉันชอบนาย ไม่สิ” เขาบอก “ฉันรักนาย”

                “.....”

                “ไม่รู้มันเกิดขึ้นตอนไหน แต่ก็เป็นไปแล้ว”

                “.....”

                “จริงๆ นะ...”

                “ดีใจจัง” เสียงหวานตอบ ก่อนจะยกมือขึ้นสวมกอดแผ่นหลังกว้างตอบกลับ “แจจุงก็รักยุนโฮนะ”

                “ครับ รู้แล้วล่ะ”

                จุมพิตอ่อนหวานถูกมอบให้แก่กัน ก่อนสองร่างจะพากันล้มตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง จมูกกับริมฝีปากของยุนโฮเริ่มรุกไล่กายอ้อนแอ้นจนอ่อนระทวย ในขณะที่สองมือที่เขามีก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน มันปลุกปั่นความรู้สึกคนใต้ร่างให้ลุกโชนจนแข้งขาขาวต้องยอมแยกออกจากกันอย่างน่าอายในที่สุด

                ไม่กี่อึดใจ เสื้อผ้าที่สวมใส่ติดกายก็ปลิวละล่องไปทั่วห้อง

                ก่อนเขาจะพาเจ้าตุ๊กตาไปขี่มังกรท่องนภากันอีกหน...

                 

     


    ◆ ◆ ◆

     


     

                วันนี้เป็นวันหยุด

               

                แม้ไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุด แต่ยุนโฮก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง...กับความสามารถของแจจุง

                หลังจากพาตุ๊กตาไปขี่มังกรอีกรอบ และอาจจะหลายรอบ...เจ้าตุ๊กตาที่เพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นานก็ทำท่าจะแบตหมดอีกครั้ง ยุนโฮจึงปล่อยให้แจจุงนอนพัก ก่อนจะอาสาลุกไปทำกับข้าวต่อแทนให้เอง

                จากซุปท่าทางอร่อย ก็เลยเหลือเพียงข้าวต้มโง่ๆ ที่รสชาติไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย

                แต่เอาน่า...

                อย่างน้อยเขาก็พยายามทำสุดฝีมือให้ แฟน ตัวเองก็แล้วกัน

                ใบหน้าน่ารักดูจะมีความสุขดีเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบกับอาหารที่ไม่น่าถูกปากแต่ถูกใจอย่างนั้น แจจุงทานมันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็อารมณ์ดีมาตลอด จนกระทั่งถึงตอนที่ยุนโฮพูดเรื่องนั้นขึ้นมานั่นแหละ รอยยิ้มบนใบหน้าใสถึงได้เลือนหายไปจนได้

                “อย่าหนีสิแจจุง”

                “ไม่เอา แจจุงทำไม่ได้หรอก”

                “นายต้องควบคุมมันให้ได้ แจจุง” เอ่ยเสียงเข้ม “เมื่อกี้ก็ทำได้แล้ว...เชื่อใจฉันสิ”

                “...ตะ แต่” ริมฝีปากอิ่มเอ่ย ท่าทางลนลานจนยุนโฮต้องรั้งตัวเข้ามากอด

                “ชู่ว...เรื่องนี้มีแค่ฉันกับนายที่รู้ คนดี อย่ากลัวไปเลยนะ”

                “.....”

                “ฉันรักนายนะแจจุง เชื่อใจฉัน”

                “.....”

                “แจจุง...”

                “อ..อืม” เจ้าตุ๊กตาพยายามตั้งสติ แก้มใสเรื่อสีเล็กน้อยเมื่อคนตัวสูงพูดจาหวานๆ ด้วย “ให้...ให้แจจุงจินตนาการเหรอ?”

                “อืม...เหมือนที่เคยทำไง” เขาตอบ พยายามไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นอะไรออกไป “เป็นมีด...ลองดู”

                “แต่ว่า...” เหตุการณ์ในตอนนั้น แจจุงยังจำได้ไม่ลืม

     

              วินาทีที่เขาแทงยุนโฮด้วยมือคู่นี้ของตัวเอง

     

                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อยู่นี่ไง” เขาปลอบประโลม “ยังอยู่ข้างๆ นาย ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...นะ”

                “อ..อื้อ”

                แจจุงตอบ พยายามข่มปมในใจ ก่อนจะเริ่มจินตนาการตามที่ยุนโฮว่า

                มีด...แหลมๆ...

                มีด...ทำกับข้าว

                “อ๊ะ ย..ยุนโฮ” นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกอกตกใจ เมื่อรูปลักษณ์ของฝ่ามือตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง “มือของฉัน ทะ ทำไงดี”  

                “ใจเย็น...ไม่ต้องหยุด คิดต่อเลย” ยุนโฮเพ่งสมาธิ “ต่อไปคิดใหม่ซิ คิดว่าตัวเองกำลังจับมีด คิดว่ามีมือด้วยนะ”

                “อ...อื้อ”

                ไม่นานนัก รูปร่างของมือแจจุงก็เปลี่ยนไปอีก

                เป็นมือที่กำลังถือมีด...จริงๆ

                “.....”

                “ไม่ต้องหยุด แจจุง” ยุนโฮเร่งต่อ “คราวนี้ถือดาบ รู้สึกดาบไหม ที่นายเคยเห็นในหนังสือการ์ตูน”

                “อือ...” แล้วก็กลายเป็นดาบ...

                ไม่อยากจะเชื่อเลย

              ลักษณะการแปรธาตุที่เซลล์เทียม แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นวัตถุตามคำสั่งจากกระแสประสาทแบบนี้

              นี่มัน...

                “เจซอร์ซิส...” ยุนโฮพึมพำ

                ...พ่อสร้างแจจุงขึ้นมาจากตัวละครตัวนั้นจริงๆ เขาคิด และแม้จะตื่นเต้นแค่ไหน แต่คิดยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าชองจินโฮจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

                ท่าทางที่ดูเงียบขรึมของยุนโฮ ทำให้แจจุงเริ่มใจเสียอีกครั้ง

                “...ยุนโฮ...กลัวแจจุงเหรอ”

                “อ..หา” ใบหน้าคมหลุดจากภวังค์ทันที ก่อนจะลนลานปลอบ “เปล่านะแจจุง เอาล่ะ เปลี่ยนมือกลับเป็นมือธรรมดาก่อนสิ”

                “อื้อ...” แจจุงทำตามอย่างว่าง่าย และนั่นทำให้ใบหน้าคมยิ้มออกมา “เห็นมั้ย นายทำได้แล้ว”

                “เอ๋”

                “นายควบคุมมันได้” ยุนโฮว่า พลางดึงคนตาใสเข้ามาสวมกอดหลวมๆ “ง่ายแค่นี้เอง นายก็แค่คิด มันไม่มีอะไรเสียหายเลยนะแจจุง ออกจะพิเศษด้วยซ้ำ”

                “เหรอ...”

                “รอเดี๋ยวนะ” ร่างสูงผละออกมา ก่อนจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างกลับมาแล้วส่งให้

                “อ่ะ ใส่นี่ไว้สิ”

                “เอ๋?”

                ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ ก่อนจะมองสิ่งที่เด็กหนุ่มยื่นให้ มันเป็นถุงมือสีขาวธรรมดา...ไม่มีลวดลายอะไร

                “อือ ฉันให้ ตั้งใจซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสให้” เขาเกาท้ายทอยแก้เก้อ “จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่คิดว่าถ้านายใส่ก็คง...น่ารักดี”

                “อ่า...”

                “จากนี้ ถ้ากลัวว่ามือจะเป็นอะไรไปอีก ก็ให้นึกถึงฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยจริงจัง “ถ้าเมื่อไรที่นายควบคุมตัวเองไม่ได้ ถุงมือคู่นี้ก็คงจะขาด...”

                “.....”

                “แต่นายจะรักษามันไว้ใช่ไหม แจจุง”

                “อื้อ...”

                “.....”

                “ขอบคุณนะยุนโฮ”

     

                และบางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ ก็ทำให้แจจุงรู้สึกหวงแหนได้ยิ่งกว่าข้าวของราคาแพงหรืออะไรเสียอีก

                ของขวัญชิ้นแรกจากยุนโฮ...เขาจะรักษามันไว้อย่างดีที่สุด

     

               

               

     TBC.





    ถึงตอนล่าสุดแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเรทแรงไปหรือเปล่าเหมือนกันนะคะ TT ลองลุ้นดู

    ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยค่ะที่ติดตามกัน _/\_

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×