ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #3 : - D o l l - 03. : ถึงเป็นตุ๊กตาก็ต้องอาบน้ำเหมือนกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 356
      9
      25 พ.ค. 57





    ตอนที่ 3

     

     

     

     

                  

                     ‘ข้อหนึ่ง : เห็นแบ๊วๆ อย่างนี้ จริงๆ แจจุงน่ะไอคิวตั้ง 200 เลยนะ แถมยังความจำดีด้วย

                    “...หึ หน้าอย่างเงี้ยอ่ะนะ ไอคิวสองร้อย? ล้อเล่นกันรึเปล่าเนี่ย” เด็กหนุ่มอ่านประโยคแรกในหน้าถัดไปของสมุดบันทึกที่จั่วหัวข้อ วิธีเล่นตุ๊กตาตัวน้อยที่รอคอยแต่ความรักอย่างถูกวิธี โดย ชองจินโฮสุดหล่อ ˋˊ ไว้ชัดเจนพลางถอนหายใจ ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันเป็นปม

                    ถึงจะบอกว่าฉลาดมากเลยก็เถอะ แต่ใครจะไปสอนได้ทุกเรื่องล่ะ? ไม่ใช่ครูอนุบาลสักหน่อยนี่

                    “.....”

                    “อื้ม...” เหล่มองอีกฝ่ายที่ยังเอาแต่จ้องกันตาแป๋วตลอดเวลา พลางในหัวก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา “อย่างน้อยถ้าอ่านหนังสือได้ก็คงจะดี...งั้นลองสอนง่ายๆ ดูก่อนแล้วกัน”

                    สุดท้ายชองยุนโฮผู้ได้รับของขวัญวันเกิดครบรอบสิบแปดปีชิ้นใหญ่กว่าที่คาดคิดไว้มากนักก็เหมือนจะทำใจได้แล้วนิดๆ ว่าห้องชายโสดของเขากำลังจะมีสมาชิกมาอยู่เพิ่มด้วยอีกคนแล้ว

                    ก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเป็นคนได้หรือเปล่า

                    ในที่สุดเมื่อค้นพบว่าคงไม่มีทางแก้ไขปัญหาด้วยการติดต่อด็อกเตอร์จินโฮในตอนนี้ได้แน่ๆ พวกชางมินก็เลยแนะนำให้ยุนโฮอยู่กับแจจุงแบบนี้ไปก่อน เพราะยังไงเจ้าตัวก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร หากไม่ทำตัวผิดสังเกตมากๆ ก็ไม่น่าจะมีใครรู้ว่าเป็นตุ๊กตา และจากที่ให้ยูชอนลองตรวจสอบข้อมูลเพื่อเทียบลักษณะของแจจุงกับตุ๊กตาจากบริษัทอื่นๆ แล้ว พวกเขาก็พบว่าด็อกเตอร์จินโฮสร้างแจจุงขึ้นมาได้เป็นธรรมชาติกว่าตุ๊กตาตัวอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด จนแม้แต่จุนซูยังพูดเลยว่า ถ้ายุนโฮไม่บอกว่าเห็นแจจุงนอนหลับมาในกล่องจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าแจจุงเป็นไอเดียลดอล

                    ถึงเราจะยังไม่รู้เหตุผลที่ด็อกเตอร์จินโฮส่งแจจุงมาให้มึงในตอนนี้ แต่ยังไงก็ควรจะดูแลเขาเอาไว้ให้ดีก่อน ไม่แน่นะ พ่อมึงอาจจะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้

                    ถึงชิมชางมินผู้มีไอคิว 205 จะเตือนยุนโฮด้วยข้อความที่เป็นทางการขนาดนั้นก็เถอะ...แต่เขาก็ยังแอบคิดอยู่ดีว่าการที่พ่อส่งของขวัญพิสดารแบบนี้มาให้คงไม่มีเหตุผลอะไรซับซ้อนขนาดนั้นหรอก

                    ก็คงแค่อยากจะปั่นหัวลูกชายเล่นเอาสนุกเหมือนทุกทีล่ะน่า

                    คิดแล้วก็พลันให้นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ...อย่าให้เจอตัวก็แล้วกันน่า ชองจินโฮ

                    งานนี้มีมวยแน่!

                    และก่อนที่จะทยอยกันกลับไป พวกเขาก็ได้ทำการตกลงกันว่าความลับของแจจุงนั้นจะเป็นเรื่องที่รู้กันเพียงสี่คนเท่านั้น

                เออ...แล้วสุดท้ายก็เลยตามเลยไปทั้งอย่างนั้นเลย

                    และเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่ามานั่นแหละ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกผู้ชายตัวจริงอย่างชองยุนโฮต้องมานั่งหาวิธีเล่นตุ๊กตาอยู่แบบนี้

                “วุ่นวายจริงๆ เล้ย เอาไปทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย”

                    เด็กหนุ่มเอ่ย ในขณะที่รวบรวมหนังสือสมัยอนุบาลที่ไม่รู้มันยังหลงเหลืออยู่ในกล่องสมบัติของเขาได้ยังไงขึ้นมาปัดฝุ่น ท่ามกลางสายตาสงสัยของหัวกลมๆ ที่โผล่มาแอบดูอยู่ข้างหลังเพราะอยากรู้อยากเห็นด้วย

                     “เจ”

                    “เฮ้ย” เสียงใสที่ดังขึ้นข้างๆ เรียกใบหน้าคมให้หันกลับไปทันที “อย่ามาเงียบๆ ดิวะ ตกใจหมด”

                    “.....”

                    “เอ้า หน้างอเลย โทษที ไม่ได้ดุๆ ฉันก็ขี้โวยวายอย่างงี้แหละ” เอ่ยปลอบพลางเอามือไปลูบเส้นผมนุ่มๆ เป็นเชิงง้อเมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกคนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อถูกเขาเสียงดังใส่ และก็ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีไม่น้อย เพราะในที่สุดริมฝีปากกลมก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา

                    “อะนี่ หนังสือเรียนของนาย”

                    ตากลมเป็นประกายทันที เพียงแค่อีกฝ่ายยื่นปึกกระดาษเก่าๆ มาให้ และท่าทีนั้นก็ทำให้ร่างสูงอดจะกอดอกพลางยืดตัวอย่างโอ้อวดไม่ได้ “อะแฮ่ม เห็นว่านายทำหน้าขอร้องกันถึงขนาดนี้หรอกนะ งั้น...ท่านศาสตราจารย์ชองยุนโฮคนนี้จะเสียสละสอนให้ก็ได้”

                    “.....” เปลือกตาบางกะพริบปริบๆ อย่างที่คนมองต้องสบถในใจอีกรอบ

                    ให้ตายสิ นี่ทำเป็นท่าเดียวหรือไง รู้ว่าทำแล้วน่ารักก็ทำจัง!

                    “หึ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าเข้าใจช้าหรือมาทำงงๆ ล่ะก็ ฉันไม่ใจดีสอนซ้ำให้หรอกนะ เข้าใจไหม?”

                    คราวนี้หัวกลมพยักหงึกๆ ตอบ...ถึงแม้ยุนโฮจะไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจเขาจริงๆ หรือเปล่าก็เถอะ

                   

                    เวลาห้าชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึก

                    และสิ่งที่แน่นอนกว่าการที่พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออกในตอนนี้ก็คือ การที่ศาสตราจารย์ชองยุนโฮผู้ชาญฉลาดบอกตัวเองไม่ได้เลยว่าวันนี้เขาอ้าปากค้างไปกี่ครั้งแล้ว 

                    “แน่ใจเหรอว่าจำได้หมดแล้วจริงๆ?”

                    เสียงทุ้มเอ่ยถาม ในขณะที่ชี้นิ้วไปยังตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นมากมายที่เรียงรายกันอยู่อย่างน่าปวดหัวในกระดาษ  ซึ่งริมฝีปากได้รูปก็แทบจะต้องอ้าออกมาอีกรอบ เมื่อนักเรียนผู้น่ารักของเขาให้คำตอบเป็นเพียงการพยักหน้าไปมาสองสามครั้ง

                พระเจ้าช่วย! นี่ล้อเล่นกันใช่ไหมเนี่ย?

                    หลังจากตัดสินใจว่าจะสอน ยุนโฮก็เริ่มต้นด้วยการลองให้แจจุงดูตัวหนังสือภาษาเกาหลีง่ายๆ โดยที่เขาอ่านให้ฟังและสั่งให้เจ้าตัวพูดตาม ทั้งๆ ที่คิดว่าน่าจะใช้เวลาในขั้นตอนนี้อย่างน้อยสองหรือสามชั่วโมง...แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาเพียงครู่เดียว แจจุงก็สามารถจดจำตัวหนังสือทั้งหมดได้ เขาเขียนทุกอย่างตามที่เห็นได้อย่างถูกต้องไม่มีบกพร่อง และถึงแม้ยุนโฮจะหมั่นไส้ความเก่งของเจ้าตัวจนแอบแกล้งเอาหนังสือยากๆ ของเด็กประถมมาให้อ่าน แจจุงก็ยังสามารถจดจำคำศัพท์ที่ยากขึ้นตามลำดับได้ในเวลาไม่นานอยู่ดี จนกระทั่งตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจภาษาเกาหลีง่ายๆ แล้วด้วย เพราะเจ้าตัวเล่นทำแบบฝึกหัดภาษาเกาหลีจบไปอย่างรวดเร็วตั้ง 17 เล่มโดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

                    และตอนนี้ ตุ๊กตาตัวน้อยมหัศจรรย์ที่ว่าก็กำลังพิสูจน์ไอคิว 200 ของตัวเองอีกครั้งด้วยการจดจำตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่ยุนโฮคิดจะเอามาแกล้งกันได้ทั้งหมดแล้วในเวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้นด้วย!

                    นี่มันจะเว่อร์ไปกันใหญ่แล้วมั้ยเนี่ย!?

                    “ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ”

                    คนเป็นครูเหงื่อตก ก่อนมือหนาจะแต่ยกขึ้นปัดไปมาเมื่ออีกคนทำท่าจะพิสูจน์ให้เขาดู “ไม่ต้องๆ เชื่อแล้วว่าเก่ง”

                    ตอนพูดก็พูดไปแบบไม่คิดอะไร แต่สุดท้ายกลับต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อคราวนี้ คนที่มักจะเงียบหรือไม่ก็ร้อง เจ อย่างทุกครั้งเอ่ยตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มจาง “ยุนโฮ..เก่ง...เก่งแปลว่าดี...”

                โอ้!

                    “เก่งนี่ ใช่ๆ พูดได้แล้วเหรอ” เด็กหนุ่มหันมาจ้องอีกคนอย่างสนใจ เขารู้ว่าแจจุงพอจะฟังที่เขาพูดรู้เรื่องแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยินเจ้าตัวพูดอะไรออกมาจริงจังสักทีจนกระทั่งเมื่อกี้ “ไหนๆ ลองพูดประโยคง่ายๆ ให้ฟังหน่อยสิ”

                    “ง่าย...เหรอ”

                    “อื้มๆ”

                    “ยุนโฮ...”

                    “?”

                    “ยุนโฮ...นิสัยไม่ดี”

                    ขอบคุณ! ประโยคแรกก็บอกภาพลักษณ์กูซะชัดเจนเลย!

                    ใบหน้าคมคายฉายแววเซ็งไม่น้อยเมื่อคนน่ารักเอ่ยออกมาเช่นนั้น ในขณะที่นัยน์ตากลมกลับกะพริบปริบๆ อย่างสงสัยเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย “ยุนโฮอารมณ์ไม่ดี”

                    “ก็รู้นี่” เขาเอ่ยตอบ “มีใครโดนว่าแล้วจะอารมณ์ดีมั่งล่ะ ชิ”

                    “ไม่ดี...คำนี้ไม่ดี” ตุ๊กตาตัวน้อยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะว่า “งั้น...ยุนโฮอย่าอารมณ์ไม่ดีเลยนะ”

                    “คนจะเซ็งมันห้ามกันได้ที่ไหนเล่า เฮ้อ พูดไปก็คงไม่เข้าใจอ่ะ ช่างเหอะ”

                    “แต่แจจุงอยากให้ยุนโฮอารมณ์ดี” แต่ริมฝีปากกลมยังไม่หยุดต่อบทสนทนา เด็กหนุ่มจึงอดรับมุกคนเพิ่งหัดพูดไปอย่างประชดประชันไม่ได้ “ทำไมล่ะ เพราะฉันตลกนักรึไง”

                    ได้ยินดังนั้น คนฟังก็ทำเพียงส่ายหน้า ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “เปล่า ยุนโฮไม่ตลก”

                “.....”

                “แต่แจจุงอยากให้ยุนโฮอารมณ์ดี เพราะแจจุงชอบยุนโฮ”

                หือ?

                    แน่นอนว่าคำตอบนั้นเรียกสีหน้างุนงงจากคนฟังได้ในทันที “นายว่าไงนะ?”

                    “บอกว่าชอบยุนโฮ”

                    โอ้ย...นี่ก็ซื่อเหลือเกิน เมื่อกี้เขาไม่ได้อยากได้คำตอบเสียหน่อย จะทำให้เขินกันไปถึงไหนเนี่ย!

                    “พอเลย...นายนี่ ฉันว่าแล้วเชียว เพิ่งเรียนภาษาได้ 5 ชั่วโมงจะไปรู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ไง” ร่างสูงเอ่ยแก้เก้อ ในขณะที่แก้มกร้านขึ้นสีแดงเรื่อ ก่อนจะทำเป็นเสใบหน้าไปทางอื่น แต่ก็ไม่พ้นรัศมีของนัยน์ตากลมๆ นั้นอยู่ดี

                    “ยุนโฮ...หน้าสีแดง”

                    “.....”

                    “ทำไมหน้าเป็นสีแดงล่ะ”

                    “อะไรเล่า ไม่ใช่สักหน่อย” แต่คนปากแข็งก็ยังคงปากแข็ง แม้นิ้วเรียวที่ถูกยกขึ้นมาเกาแก้มนิดๆ จะเป็นหลักฐานจับโกหกที่ชัดเจนแค่ไหนก็ตาม ทำเป็นนิ่งไม่พูดไม่จาไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่วายต้องเปลี่ยนประเด็นเพื่อแก้สถานการณ์จนได้ “เออ ว่าแต่นายหิวหรือยัง”

                    “?”

                    “ก็ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานเลยนี่ แล้วเมื่อเช้าก็มัวแต่คุยกับพวกจุนซูก็เลยยังไม่ได้ไปหาข้าวกินด้วย” ใบหน้าน่ารักพยักหงึกหงักราวกับจะเข้าใจ ก่อนจะถามคำถามถัดมาที่ทำให้เด็กหนุ่มอยากจะเอาหัวตัวเองฟาดพื้นเสียให้ได้ “หิว...ข้าว...คือหมายถึง กินอาหาร ใช่ไหม?”

                    “อื้ม ใช่ๆ”

                    “หิว...เข้าใจ แต่...”

                    “แต่?”

                    “หิว...รู้สึกยังไง” ใบหน้าหวานเอ่ยราวกับไม่แน่ใจ และคำตอบนั้นก็ดูจะสร้างความแปลกใจให้กับคนฟังไม่น้อย “เอ๋? นายรู้สึก ‘หิวไม่เป็นเหรอ? ไหนพวกชางมินบอกว่านายก็มีความรู้สึกนี่นา...เอ้ย เอางี้ รอเดี๋ยวนะ”

                    ร่างสูงว่า ก่อนจะรีบไปหยิบสมุดเจ้าปัญหาขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้ว “ข้อเจ็ด เซลล์ร่างกายของแจจุงเป็นเซลล์เทียมที่ประหยัดพลังงาน เขากินข้าวเหมือนคนปกติ แต่มื้อเดียวก็อยู่ไปได้หลายวัน...อืม งั้นหมายความว่าหิวได้แต่ยังไม่หิวสินะ”

                    “ยุนโฮอยากกินอาหารเหรอ” เสียงใสถามพาซื่อ จนคนฟังได้แต่หันมาตอบเชิงเหน็บแนม “แหงล่ะ ก็ฉันไม่ได้กินข้าวมื้อเดียวก็อยู่ไปได้หลายวันเหมือนใครบางคนนี่...จำศีลรึไง”

                    “จำศีล...แปลว่าอะไร”

                    เอาอีกแหละ โชว์แบ๊วอีกและ หมั่นเขี้ยวจริงจริ๊ง

                    “เอาเหอะ เดี๋ยวอยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็เข้าใจเองแหละ ยังไงตอนนี้ก็...หาข้าวกินกันก่อนดีกว่า”

                    พูดจบก็ยกนิ้วขึ้นเคาะศีรษะกลมเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป ท่ามกลางตากลมๆ ที่มองตามหลังร่างสูงไปพลางเผยรอยยิ้มบางออกมา

                    ถึงแจจุงจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ยุนโฮพูดทั้งหมดเท่าไร

                    แต่ก็ไม่รู้ทำไม...ถึงได้รู้สึกดีกับคำว่า อยู่ด้วยกันไปนานๆจังนะ...

     

                   

                   

    ◆ ◆ ◆

    š

     

     

                    หลังจากปล่อยให้เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยนั่งจ้องเจ้าของห้องซดบะหมี่ตาแป๋วอยู่นานสองนาน ชองยุนโฮก็ทนความกดดันนั้นไม่ไหวจนตัดสินใจจัดการม้วนเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยยอดขายก็ยังแรงดีไม่มีตกใส่ปากกลมๆ ของคนหิวยากซะ ซึ่งคนถูกป้อนก็ได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆ เหมือนทุกที ในขณะที่ฟังเสียงทุ้มโอ้อวด

                    “รู้มั้ยว่าเนี่ยเป็นเมนูยอดฮิตของมนุษย์เลยนะ นายมีโอกาสได้กินนี่โชคดีมาก นี่เพราะฉันใจดีหรอกนะ เลยแบ่งให้กิน”

                    “อื้อ” ตอบทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวเต็มปากอย่างนั้น จนอีกคนเห็นก็เตือนเข้าให้ “เฮ้ เคี้ยวให้หมดก่อนซี่ค่อยพูด เดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี”

                    “อือ” คราวนี้เปลี่ยนมาพยักหน้าหงึกๆ แทนในขณะที่กลืนบะหมี่ลงคอไป ท่ามกลางสีหน้าลุ้นๆ ของอีกคน “เป็นไงๆ”

                    “...ดี...” ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะทำหน้างงเมื่อยุนโฮส่ายหน้าให้ “ไม่ดิๆ แบบนี้เค้าใช้คำว่า ‘ดีที่ไหนกันล่ะ”

                    “เอ๋”

                    “ถ้ากินอาหารแล้วรู้สึกดี ต้องพูดว่า ‘อร่อย เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มอธิบายด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็เอ่ยตามอย่างว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง “อร่อย...”

                    “ใช่ๆ แบบนั้นเลย”

                    “อร่อย...งั้น...ฉันกินอีกได้ไหม?” เอ่ยถามกันซื่อๆ แบบนั้น และแน่นอนว่าคนเป็นเจ้าของก็ไม่ใจร้ายอยู่แล้ว

                    “อื้ม เอาสิ”

                    และการมีเพื่อนกินบะหมี่ถ้วยเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ก็ทำให้ชองยุนโฮคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้

                    ว่าบางที...การมีสมาชิกมาเพิ่มในห้องเล็กๆ นี้อีกคน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนักหรอก...

     

     

                    หลังจากอิ่มหนำสำราญกันไปแล้ว กิจกรรมต่อมาที่คงจะขาดไปไม่ได้เลยแม้ว่าในแต่ละวันจะน่าเบื่อแค่ไหนก็ตาม ก็คงไม่พ้นกิจวัตรประจำวันอย่างการ ‘อาบน้ำ

                    ซึ่งก็แน่นอนว่า คนที่เอาแต่วุ่นวายกับของขวัญวันเกิดยุ่งๆ ของตัวเองมาทั้งวันทั้งคืนอย่างชองยุนโฮก็รู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้าและอยากจะกระโดดลงไปแช่น้ำอุ่นๆ ให้กล้ามเนื้อคลายตัวจนแทบทนไม่ไหว ซึ่งเขาก็คงจะคว้าผ้าขนหนูเดินแจ้นเข้าห้องน้ำไปเหมือนทุกทีอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ายังมีใครบางคนในชุดเสื้อเบสบอลลายทางตัวโคร่งของเขามายืนทำตาแป๋วๆ อยู่ตรงหน้าประตูน่ะนะ

                เจ้าตุ๊กตานี่อีกและ!

                    “...จะว่าไป นายน่ะยังไม่ได้อาบน้ำเลยใช่หรือเปล่า?”

                    “อาบน้ำ?” แจจุงทวนคำ “ที่เอาน้ำมาใส่ตัว...แล้ว...ตัวเปียก”

                    “นั่นแหละๆ” เขารับคำ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “เหอะๆ...ถ้าถามไปว่า ‘อาบน้ำเป็นมั้ยก็คงจะกะพริบตาใส่กันอีกล่ะสิเนี่ย เฮ้อ เบื่อจัง น่ารักพร่ำเพื่ออยู่ได้”

                    แต่พูดเบายังไง ก็ดูเหมือนว่าตุ๊กตาตรงหน้าจะหูดีพอจะได้ยินอยู่ดี เพราะในทันทีที่โสตประสาทรับคำศัพท์แปลกๆ เข้าหู ปากกลมก็เอ่ยถามในทันที

                    “น่ารักพร่ำเพื่อ...แปลว่าอะไรเหรอ”

                    โธ่! ชองยุนโฮ บทจะได้เก๊กก็พังเพราะแบบนี้ทุกทีสิน่า

                    “แม่ง พูดเบาอย่างนี้ยังได้ยินอีกนะ...เออๆ ช่างเหอะ อย่าถามมากเลย” เขาตัดบท ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องเดิม “เอาเป็นว่า ถึงจะเป็นตุ๊กตาแต่ก็ต้องอาบน้ำอยู่ดี เข้าใจไหม? ไม่งั้นตัวเหม็นแย่”

                    “แจจุงเหม็น แจจุงต้องอาบน้ำ แล้วจะไม่เหม็นใช่ไหม” ตอบซื่อๆ พลางทำปากกลมแล้วก็ตาแป๋วๆ เหมือนทุกที

                    ให้ตายสิ นี่จะฆาตกรรมกันรึไง!

                    ว่าแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “เฮ้อ นายนี่ทำให้ฉันวุ่นวายอยู่เรื่อยเลยนะ”

                    “.....”

                    “งั้นกิจกรรมต่อไป เอาเป็นว่าฉันจะสอนนายอาบน้ำละกัน”

                    บอกได้เลยว่าชองยุนโฮน่ะเซ็งสุดๆ เบื่อสุดๆ

                    เรื่องอยากอาบน้ำพร้อมแจจุง หรืออยากเห็นขาขาวๆ อะไรนั่นน่ะ ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองเลยนะ

                ไม่เคยคิดเลย...ไม่เต็มใจเลย จริง จริ๊ง...

     

     

                    ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็กลายเป็นว่ากว่าเจ้าของห้องสุดหน้าด้านจะยอมแก้ผ้าเหมือนทุกทีได้ ก็เล่นเอาใช้เวลาไปหลายสิบนาทีเหมือนกัน

                    ก็จะเป็นเพราะอะไรซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ปัญหาเดิมๆ อย่างเช่นว่า เขาอายที่ตากลมๆ นั่นเอาแต่จ้องกันตาไม่กะพริบอยู่ตลอดเวลาแบบนี้!?

                    มันน่าอายไหมล่ะที่แค่พอเขาบอกให้ถอดเสื้อผ้า เจ้าตัวก็จัดแจงเปลือยกายให้เห็นในทันทีโดยไม่รู้จักเขินอายอะไรสักนิด ทั้งที่คนมองน่ะจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว! นี่แบบนี้มันใช้ได้เหรอ? รู้ว่าตัวเองก็ขาว หน้าตาก็น่ารัก ยังจะมายืนโป๊ใส่กันแบบไม่ป้องกันตัวอะไรเลยอีก? แล้วนี่ถ้าเกิดไปทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นจะทำยังไง? ไม่รู้เหรอคนมันหวง? ถึงจะชอบดูเองก็เถอะแต่มันก็อดคิดไม่ได้นี่นา

                    ว่าแต่...แล้วนี่เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!

                    หวงหึงบ้าบออะไรกัน ลืมไปรึเปล่าว่านั่นมันตุ๊กตานะ!

                    แล้วชองยุนโฮก็ได้แต่ทะเลาะกับความโรคจิตของตัวเองอยู่แบบนี้ ทั้งๆ ที่คนถอดเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยสักหน่อย จะมีก็แต่ตัวเองนั่นแหละที่พอจะโดนจ้องบ้างก็มัวแต่เขินจนทำอะไรไม่ถูกไปหมด

                    “ยุนโฮ ถอดไม่ได้เหรอ”

                    เสียงหวานถามออกไปในที่สุด เมื่อเห็นใครอีกคนเอาแต่ยืนบิดไปบิดมาไม่ยอมถอดเสื้อผ้าสักที คนมีน้ำใจจึงอดจะเสนอตัวไปช่วยเหลือไม่ได้ “ฉันช่วยถอดไหม?”

                    ก็พูดออกมาซื่อๆ ตามประสาคนอยากจะช่วยแค่นั้น ไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าจะทำให้คนลามกอีกคนคิดอะไรไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!

                    อ๊ากกกก พูดจาทะลึ่งด้วยหน้าตาเฉยเมยแบบนั้นได้ยังไงกันนะเจ้าตุ๊กตาบ้า!

                    “ม...ไม่ต้อง! ฉันถอดเองได้ นายไม่ต้องยุ่งหรอก” เขาเอ่ยเสียงแข็ง ในขณะที่กลับมาจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่แล้วเปลี่ยนแผนใหม่ “เอางี้ นายทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน”

                    แล้วเขาก็สั่งให้แจจุงเตรียมน้ำร้อนอย่างนู้นอย่างนี้ ก่อนจะไล่ให้คนตัวขาวลงไปแช่น้ำก่อนโดยหันหลังไปอีกทาง ซึ่งพอคนขี้สงสัยถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น คนลามกแต่ขี้อายก็ได้แต่ตอบปัดไปด้วยเหตุผลที่ฟังยังไงก็ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย “ฉันเองก็มีเทคนิคในการถอดเสื้อผ้าเหมือนกันแหละน่า! แต่มันเป็นความลับสุดยอด ไม่บอกคนอย่างนายหรอก เพราะงั้นอย่าคิดจะหันมาลอกกันล่ะ หันไปเลย!

                    “อ่อ...อือ”

     

     

                    กว่าตุ๊กตาตัวน้อยจะได้รับอนุญาตให้หันมาได้ ก็เมื่อตอนที่คนตัวสูงหย่อนกายลงมาในน้ำข้างๆ กันแล้ว ตากลมจ้องลงไปใต้น้ำ ก่อนจะต้องรีบเงยขึ้นมาเมื่อโดนเอ็ดเสียงดัง “นี่ จะก้มลงไปทำไมเล่า!

                    “ก็...เปล่า” เอ่ยเสียงราบเรียบ ในขณะที่อีกคนขมวดคิ้ว “ว่าแต่ลงมาแช่น้ำอย่างเงี้ย จะไม่ขึ้นสนิมใช่ไหม?”

                    “สนิม?”

                    “เอ้อ ลืมไป ไม่ใช่หุ่นยนต์นี่หว่า” เอ่ยออกมา ก่อนจะเอานิ้วไปจิ้มแก้มนุ่มเบาๆ แล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “แก้มก็นิ่ม ดูยังไงก็คนนี่หว่า...เฮ้ย แล้วจะเอานิ้วมาจิ้มกันทำไมเนี่ย”

                    “ก็ทียุนโฮยังเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันเลย” ตุ๊กตาตัวน้อยที่นับวันชักจะพูดเก่งขึ้นทุกทีตอบ จนคนฟังต้องทำหน้าเชิดใส่ “ได้ไงล่ะ ฉันจิ้มนายได้ ไม่ได้หมายความว่านายจะจิ้มฉันได้สักหน่อย”

                    “ยุนโฮนิสัยไม่ดี” แล้วคำนี้ก็ถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับทำให้ยุนโฮรู้สึกขำมากกว่า...ก็ดูสิ พอขัดใจเข้าหน่อยก็ทำแก้มป่องเป็นปลาทองอีกแล้ว ท่าประจำเลยนะ

                    ตุ๊กตาขี้งอนเอ๊ย!

                    “หึหึ” สุดท้ายก็ไม่โต้ตอบอะไรกลับ และปล่อยให้อีกคนเอาแต่ทำหน้างออยู่แบบนั้น

                    เพราะในขณะสุดยุนโฮก็พบความจริงที่ว่า บางทีการนั่งมองหน้าน่ารักๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้...มันก็ทำให้เพลินไม่ใช่น้อยเหมือนกันนี่นา

                    “นี่ยุนโฮ” ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ คนที่เบื่อจะทำหน้างอแล้วก็ส่งเสียงเรียกอีกคนขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ

                    “หืม”

                    “อันนั้นเอาไว้ทำอะไรเหรอ” มือขาวชี้ไปที่ขวดพลาสติกใสกับอุปกรณ์อาบน้ำที่วางอยู่ไม่ไกล และในทันทีที่ตาคมมองตามไปเห็น เขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “เอ่อ...ก็”

                    “ต้องใช้อาบน้ำด้วยใช่ไหม” ไม่พูดเปล่า แต่จู่ๆ ร่างขาวเนียนละเอียดที่จมใต้น้ำอุ่นๆ อยู่นานสองนานก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนใบหน้าหล่อเหลาแทบจะตาพร่า เพราะความขาววิ้งที่มันกระแทกตาไปหมด

                แม่งเอ๊ยยยยยยยยยยย ไม่นึกถึงหัวอกคนอื่นมั่งเลยรึไงวะ!

                    “นี่ สอนฉันใช้หน่อยสิ” เดินไปถืออุปกรณ์พวกนั้นมาเต็มอ้อมแขน ก่อนจะหันมาขอร้องกันด้วยหน้าอ้อนๆ แบบที่ยุนโฮอยากจะลงไปกลั้นหายใจตายในน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอด โอ๊ยยยยย เล่นหนังโป๊อยู่หรือไงโว้ยยยย

                “อะ...เอ่อ อืม ก็ได้”

                    เอ้า เอ้า นั่น แล้วไอ้เหี้ยที่ไหนตอบตกลงเค้าเฉยเลยวะเนี่ย!?

                   

                    สุดท้ายเมื่อคิดได้ว่าทั้งเขาและแจจุงเองก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วการอาบน้ำรวมกันก็เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของดินแดนอาทิตย์อุทัยที่อนุรักษ์สืบทอดกันมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว ลูกผู้ชายชองยุนโฮจึงยอมเผยเรือนร่างของตัวเองด้วยการลุกออกมาจากอ่างอาบน้ำจนได้

                    และถ้าเป็นเวลาปกติล่ะก็ แน่นอนว่าคนหน้าด้านอย่างเขาก็คงจะไม่รู้สึกเขินอายอะไรง่ายๆ กับอีแค่การเปลือยกายอาบน้ำด้วยกันแค่นี้เป็นแน่ เพราะกับพวกชางมินเขาก็อาบน้ำด้วยกันบ่อยไป แต่ที่ต้องมายืนเขินเหนียมอายอยู่นี่...สาเหตุก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเพราะร่างขาวๆ ที่ดูสวยจนเกินกว่าจะเป็นบุรุษเพศของตุ๊กตาตัวแสบตรงหน้านี่ล่ะ

                    “เอางี้ ฉันจะทำให้ดู แล้วนายก็จำไว้ก็แล้วกัน”

                    “อือ”

                    “นี่เรียกสบู่เหลว บีบใส่มืองี้ แล้วก็ถูตัว...” เจ้าของฝ่ามือใหญ่เอ่ย ก่อนจะลูบมือไปตามผิวเรียบเนียนสวยบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายแผ่วเบา “แล้วก็เอาไอ้นี่ขัด เชื้อโรคขี้ไคลอะไรมันจะได้หลุดออกมา รู้มั้ยว่านี่มันนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เค้าวิจัยกันมาแล้วเลยนะว่าประสิทธิภาพยอดเยี่ยมขจัดคราบสกปรกได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์น่ะ”

                    “.....”

                    “เฮ้อ จะว่าไปเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็วัดกันที่ผลการวิจัยทั้งนั้นเลยนะ ก็วิทยาศาสตร์โลกเราน่ะก้าวหน้าจะตาย ใครมาทำตัวไม่น่าเชื่อถืออยู่ก็ไปไม่รอดหรอก นายว่างั้นมั้ย...แจจุง”

                    “.....”

                    “เฮ้ ทำไมเงียบไปล่ะ ฉันถูหลังให้แรงไป...เอ่าเฮ้ย หลับไปแล้วเหรอ!” เสียงทุ้มเร่งระดับขึ้นมา เมื่อพอชะโงกหน้ามาพบว่าดวงตากลมๆ ที่เคยเอาแต่จ้องเขาตลอดเวลาบัดนี้กลับปิดสนิทไม่รับรู้อะไรไปเสียแล้ว...ให้ตายสิ นี่คงไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาถูหลังให้สบายไปจนเคลิ้มหลับไปหรอกนะ อะไรจะเหมือนคนขนาดนั้น นี่ไอ้พ่อบ้านั่นเขียนโปรแกรมพระเจ้าอะไรไว้หรือยังไงกัน ชักจะแยกตุ๊กตากับคนไม่ออกแล้วเนี่ย!?

     

                    และเพราะสติที่เคยครบถ้วนสมบูรณ์ถูกพรากไป ตุ๊กตาตัวน้อยที่เคยนั่งหลังตรงก็เลยเผลอเอนตัวไปข้างหลังจนเอาแผ่นหลังลื่นๆ ที่ชุ่มฟองสบู่ไปหมดไปพิงแผ่นอกกว้างของคนข้างหลังจนได้ ปฏิกิริยานั้นทำให้ท่อนแขนแกร่งสอดเข้าใต้รักแร้ขาวทันทีเพื่อรองรับร่างบอบบางเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะแก้มกร้านจะต้องขึ้นสีเรื่อจัดเมื่อพบว่าปลายนิ้วของตัวเองเผลอไปสัมผัสกับตุ่มไตเล็กบางอย่างเข้า

                อึ๊ย...โดนจนได้ แม่งเอ๊ยยยยยยย

                    “เวรเอ๊ย” และดูเหมือนเสียงทุ้มจะสบถดังไปหน่อย จึงทำให้เปลือกตาที่เผลอปิดสนิทไปครู่หนึ่งค่อยๆ เปิดขึ้นมาอีกครั้ง แก้วตาใสค่อยๆ เสมองคนที่โอบรัดร่างของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะพึมพำเสียงเบา

                    “ยุนโฮ...อ่า ฉันหลับ”

                    “ฮึ่ย ตื่นแล้วเหรอ ดี! รีบๆ ลุกขึ้นมาเลย ให้ตายเหอะ!

                    “ขอโทษ มันรู้สึกดีน่ะ”

                    “พูดว่าสบายก็พอเฟ้ย” รู้สึกดงรู้สึกดีอะไรฟะ!? ตัวเองไม่คิดแต่คนอื่นเค้าคิดเนี่ยรู้มั้ยเนี่ย! (?)

                    “อื้ม นั่นแหละ อาบน้ำนี่ดีจังนะ” เสียงหวานเอ่ยยิ้มๆ และในขณะที่ร่างสูงไม่ทันตั้งตัวนั้นเอง กายบางก็พลิกกลับมาทั้งตัว ก่อนจะเอ่ยเสียงใส

                “ถูข้างหน้าให้ฉันด้วยได้มั้ย มันสบายดีน่ะ”

                    ไอ้เหี้ยยยยยย ขาวเว่อร์

                    ถึงจะพยายามบอกตัวเองอยู่ทุกๆ สามวินาทีว่าให้เลิกคิดอะไรลามกได้แล้วเพราะคนตรงหน้านี่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันอีกทั้งยังเป็นตุ๊กตาอีกต่างหาก แต่เมื่ออีกคนหันหน้ามาหากันตรงๆ แถมยังอยู่ในระยะประชิดขนาดนี้ มันก็ห้ามใจไม่ให้เขาคิดอกุศลไม่ได้จริงๆ นี่นา

                    ก็ดูดิ...ผิวขาวยังกับจะเรืองแสงได้ไม่พอ ยังเนียนไปหมดทั้งตัวอีก...ที่ชัดว่าไม่ใช่คนแน่ๆ ก็ตรงหัวนมเนี่ยแหละ ชมพูขนาดนี้มีที่ไหนวะ? แล้วทำไมแขนกับขาถึงเรียวเล็กแบบนี้วะ หุ่นก็สวย...ถึงจะผอมบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อ...โอ๊ย ชองยุนโฮนี่แกเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย!!!

                อุตส่าห์ใช้เวลาไปครู่หนึ่งเลยเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะรวมรวมสมาธิได้ถึง 3 วินาที...เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่กำลังจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงินของชองยุนโฮก็เอ่ยประโยคที่ทำให้เขาสติแตกขึ้นมาอีกจนได้

                    “อันนี้ของยุนโฮ...ใหญ่ดีเนอะ”

                โอ้ยยยยยยยยยยยย นี่ก็ช่างสังเกตเหลือเกิ๊นนนนนนนนน

                    แค่พูดเปล่าไม่พอ...เจ้านี่ดันเอานิ้วมาชี้ประกอบคำบรรยายเสียด้วย “อันนี้...มีเหมือนกันเลย แต่ของยุนโฮใหญ่กว่า”

                    เอาตามจริง! ขอสาบานด้วยเกียรติของลูกเสือเลยว่าถ้าเป็นไอ้ยูชอนพูดแบบนี้ ชองยุนโฮก็คงจะลุกขึ้นไปยืนผงาดแล้วเอาอาวุธชี้หน้าเพื่อนด้วยความภาคภูมิใจแล้ว! แต่นี่อะไร...ดันมาเป็นเจ้าตุ๊กตานี่ซะได้

                    งานนี้บอกตรงๆ เลยว่าเครียด!

                    “เอ่อ...แหะๆ เหรอ” เอ่ยรับคำไปเก้ๆ กังๆ พลางพยายามนึกบทสวดมนต์อะไรต่อมิอะไรเท่าที่พอจะนึกอออกมาท่องไปด้วย ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้า@^$#^%...

                    ฮือ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาชี้หน้าเค้านะลูก พ่อขอร้อง!

                    “อะ...ส..เสร็จแล้ว”

                    สุดท้ายก็ได้แต่หลับหูหลับตาถูผิวนิ่มๆ ไปจนทั่ว ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อค้นพบว่าภารกิจสำเร็จแล้ว แต่ไม่ทันจะได้ปล่อยให้หัวใจทำงานอย่างปกติถึงสามนาที เสียงใสที่เอ่ยทักมาอย่างใจดีก็ทำเอาชองยุนโฮหยุดหายใจอีกจนได้

                    “ยุนโฮถูตัวให้แจจุงเสร็จแล้ว...ให้แจจุงถูคืนให้มั้ย?”

     

                โอ้ย ไม่เป็นไรแล้วครับคุณตุ๊กตาตัวน้อย...พอกันที!

                   

                    แล้วเด็กหนุ่มก็ได้เรียนรู้เป็นครั้งแรกในรอบชีวิตสิบแปดปีเอาก็วันนี้

                ว่าบางที...การอาบน้ำรวมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยจริงๆ






    TBC.





     

    ◆ ◆ ◆



     

    Note :


    เรื่องนี้ค่อนข้างทะลึ่งมะ? 555 แล้วก็ใช้คำหยาบเยอะหน่อยนะคะ
    ต้องการความเป็นธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น
    555

    แท็คฟิค #ตุ๊กตาตัวน้อย


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×