ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ IDEAL DOLL ◆ [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #5 : - D o l l - 05. : ตุ๊กตาที่มีหัวใจเต้นแรง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 318
      7
      31 พ.ค. 57




    ตอนที่ 5

     

     

     

     

                                           

    “ฉันยืมหมดนี่ได้จริงๆ เหรอ”

                    “ได้สิ...ว่าแต่ไม่หนักเหรอ ให้ฉันช่วยถือไปส่งที่บ้านมั้ย”

                    “เฮ้ยๆ เยอะไปละมึง นี่ คนช่วยถือยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคนทำเป็นมองไม่เห็น” เอ่ยปัด ก่อนจะเดินเข้ามาขวางเต็มตัว “ไปๆ หมดธุระแล้วก็เข้าบ้านไป”

                    “แหม กล้าจังนะ ได้ข่าวคนที่มากวนน่ะมึงป่ะ” เจ้าของบ้านเอ่ยกระแนะกระแหนกลับไป เมื่อเห็นท่าทีหวงก้างออกนอกหน้าของอีกฝ่าย หึ วันได้มาก็บอกไม่ชอบไม่อยากได้ ไม่กี่วันเองทำหวงเขาซะแล้ว ไอ้คนปากแข็งเอ๊ย

                    “เออ ทีหลังกูไม่มาละ ป่ะ แจจุง กลับ” พูดจบก็ถือวิสาสะดึงคนตัวเล็กที่ยังยืนจ้องกองหนังสือในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้มบางๆ ให้ออกมาจนคนถูกลากหันไปบอกลาคนใจดีแทบไม่ทัน “อะ...อ่า ชางมิน ขอบคุณนะ”

                    “บาย แจจุง แล้วมาเอาหนังสืออีกก็ได้นะ” ใบหน้าหล่อเหลาตะโกนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

                    “ไม่มาแล้วโว้ย!” แต่ก็ดูเหมือนคนบางคนจะไม่อยากยิ้มด้วยสักเท่าไร

                    มันจะมีเหตุผลอะไรล่ะที่ทำให้ชองยุนโฮฉุนเฉียวเพื่อนรักตัวเองแบบนี้ถ้าไม่ใช่ว่าเขาโดนแย่งตุ๊กตาไปเล่น              

                    ถึงปากจะบอกอยู่ปาวๆ ก็เถอะว่าลูกผู้ชายตัวจริงเขาไม่เล่นตุ๊กตากันสักหน่อย แต่การที่ต้องยืนฟังตุ๊กตาของตัวเองยืนคุยกระหนุงกระหนิงกับไอ้เพื่อนที่ดีกว่าเขาทุกอย่างยกเว้นหน้าตานี่มันก็ทำให้หงุดหงิดได้ไม่น้อยเหมือนกัน เฮ้อ คิดผิดจริงๆ ที่พามาที่นี่เนี่ย!

                    ว่าแต่ชองยุนโฮ เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ แจจุงไปเป็นของแกเมื่อไรกันล่ะ?

                    “ยุนโฮ” จู่ๆ คนที่เงียบไปพักใหญ่ก็หันมาเรียกกัน “เป็นอะไรเหรอ หน้ายู่ยี่”

                    เอ่ยถามเสียงใสอีกทั้งยังหันมาจ้องกันด้วยหน้านิ่งๆ กับตาแบ๊วๆ อย่างนั้นอีก เฮ้อ นี่เคยรู้เรื่องอะไรกับเขาบ้างมั้ย

                    “ช่างเถอะ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปดึงกองหนังสือกับกระเป๋าสะพายจากมือเล็ก จนอีกฝ่ายต้องรั้งไว้แล้วทำหน้างงใส่ “เอ้า ปล่อยมาสิ เดี๋ยวถือให้ไง”

                    “.....”

                    “ไม่หนักหรือไง? ตัวเล็กๆ แบบนั้นเดี๋ยวก็โดนทับตายพอดี เอามานี่” มือใหญ่ดึงกองหนังสือในมือไปถือเองอีกครั้ง และคราวนี้อีกคนก็ไม่รั้งไว้แล้ว มุมปากเล็กยกขึ้นเล็กน้อย

                    อันที่จริงยุนโฮน่ะไม่รู้หรอกว่าตุ๊กตาตัวน้อยของเขาน่ะไม่เข้าใจคำว่า ‘หนักหรืออะไรที่พูดเลยสักนิด

                    และนอกจากไม่รู้สึกหนักแล้ว เจ้าตัวยังถือมันราวกับเบามากเสียด้วย

                    ส่วนเหตุผลที่ยอมให้เจ้าตัวเอาไปถือให้แบบนี้น่ะเหรอ

                    ก็แค่เพราะว่าแจจุงรู้สึกชอบ...เวลาที่ยุนโฮทำดีๆ กับเขาก็เท่านั้นเอง : )

                    (เอ้า สรุปเหนื่อยฟรีสิเนี่ย)

                    ตกเย็นแล้วกองทัพที่เดินด้วยท้องก็เริ่มหิว พวกเขาจึงเลือกที่จะแวะพักที่ร้านอาหารริมทางเพื่อเติมพลังกันสักหน่อยก่อนจะกลับบ้าน และแม้ยุนโฮจะนึกระแวงหน่อยๆ ที่พา ‘ไอเดียลดอลออกมาเดินกลางแจ้งอย่างนี้ แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนที่เดินสวนผ่านแจจุงต่างก็เดินผ่านกันไปราวกับไม่รู้สึกสนใจหรือสะกิดใจกันเลยสักนิด ยุนโฮก็โล่งใจและคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ก็คงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรถ้าจะพาแจจุงออกมาข้างนอกบ้าง

                    “ก็เหมือนคนขนาดนี้ใครจะรู้ล่ะ เนอะ”

                    “?”

                    ก็ไม่เข้าใจเท่าไรหรอก แต่ถ้ายุนโฮท่าทางอารมณ์ดีแบบนี้ก็คงจะเป็นเรื่องดีนั่นแหละ

     

                   

                    “คุณแมสคะ

                    “หืม มีอะไรเหรอซิน

                    “ระบบตรวจพบเอไอของตุ๊กตาที่ไม่มีข้อมูลอยู่แถวนี้ค่ะ” เสียงหวานรื่นหูเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำตามระบบที่ถูกป้อนข้อมูลมา ในขณะที่คนฟังเอ่ยถาม “ตัวใหม่เหรอ?”

                    “ค่ะ ไม่งั้นก็น่าจะมาจากเขตอื่น” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับใช้เวลาในการประมวลผล ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม “จากข้อมูลสถิติที่ดิฉันอัพเดทล่าสุด ประชากรในเขตปัจจุบันที่มีสิทธิครอบครองไอเดียลดอลยังมีจำนวนเท่าเดิมค่ะ”

                    “อื้ม ก็คงจะเป็นเศรษฐีสักคนรับลูกบุญธรรมเพิ่มล่ะมั้ง” เอ่ยตอบรับพลางครุ่นคิด “ช่างเหอะ บันทึกข้อมูลไว้สิ”

                    “บันทึกไม่ได้ค่ะ”

                    “เห ทำไมล่ะ?”

                    “เอไอที่ตรวจพบมีระบบป้องกันข้อมูลที่สูงกว่าของดิฉันค่ะ เบื้องต้นจึงบอกได้แค่ว่ามีอยู่ แต่ระบุตัวตุ๊กตาและเก็บข้อมูลอื่นๆ ไม่ได้เลยค่ะ”

                    “ว่าไงนะ” ทันทีที่  ‘ตุ๊กตาตัวโปรดรายงานข้อมูลมาเช่นนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปในทันที “เป็นไปไม่ได้น่า...ในบรรดาตุ๊กตาของเรา เธอเองก็มีเอไอระดับต้นๆ แล้วนะ...ยังจะมีปัญญาประดิษฐ์ที่ไหนเหนือกว่านี้อีกเหรอ? ซินโดรม”

                    “ขออภัยค่ะ แต่ดิฉันตรวจสอบไม่ได้จริงๆ”

                    “หึ...น่าสนุกดีเหมือนกันนะ ตุ๊กตาตัวใหม่อย่างนั้นเหรอ? หวังว่าจะไม่ใช่ผลงานของคุณหรอกนะ ด็อกเตอร์จินโฮ...” รอยยิ้มร้ายๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมในทันที “ฉันจะต้องหาเธอให้เจอให้ได้...ต่อให้เหมือนคนแค่ไหนก็เถอะน่า”

                    “.....”

                    “เพราะถึงยังไง...ตุ๊กตาก็ยังเป็นตุ๊กตาอยู่ดี...”

     

                   

    ◆ ◆ ◆š

     

     

                    หลังจากไปช็อปปิ้งกันมานิดหน่อย แจจุงก็พอจะมีเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ส่วนตัวเป็นของตัวเองบ้างแล้ว

                    และก็แน่นอนว่าเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยน่ะเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตลอดทาง ผิดกับคนจ่ายเงิน ที่มองบิลทีน้ำตาก็แทบจะเช็ดหัวเข่าอยู่แล้ว

                    “ไอ้พ่อบ้า...เจอหน้านะจะไถตังค์ให้จนเลยคอยดู” เสียงทุ้มบ่นเซ็งๆ ในขณะที่หันไปจูงมือเล็กตามสัญชาตญาณเมื่อเดินเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้าที่ผู้คนพลุกพล่านไม่ต่างจากตอนเช้า ใช้เวลาไม่นานนักยุนโฮกับแจจุงก็กลับมาถึงบ้าน ซึ่งสิ่งแรกที่ตุ๊กตาตัวน้อยเลือกจะทำก็คงไม่พ้นการเอาหนังสือที่ขนมามาจัดเรียงด้วยนัยน์ตาใสเป็นประกาย และนั่นก็ทำให้ร่างสูงต้องเดินมาสุมหัวดูด้วยด้วยความสนใจ

                    “เห เอามาเยอะแยะเลยนี่ หนังสืออะไรบ้างเนี่ย?” ฝ่ามือเรียวหยิบมาเปิดๆ ดู “หนังสือเรียน นิทาน การ์ตูน นิยาย อื้ม เลือกมาตั้งหลายแบบเลยนะ”

                    “ยุนโฮอยากอ่านอันไหนไหม” เสียงใสเอ่ยอย่างหวังดี แต่คนฟังกลับได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ “เอ่อ แหะๆ ไม่เป็นไรหรอก นายอ่านไปเถอะ”

                    แหม เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเอื้อเฟื้อพี่ก็ได้จ้า ตุ๊กตาตัวน้อย ก็พี่มันตัวขี้เกียจ กร๊ากกกก  

                    “เหรอ งั้นเราจะอาบน้ำกันเลยหรือเปล่า” ใบหน้าน่ารักพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามประเด็นใหม่ด้วยน้ำเสียงพาซื่อราวกับกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ “ฉันอยากให้ยุนโฮถูหลังให้อีกจังเลย แล้วเมื่อวานฉันก็ยังไม่ได้ถูคืนให้ยุนโฮเลยนะ ลองไหม มันสบายมากๆ”

                    เอ่อะ ถึงเวลานี้อีกแล้วเหรอวะ!!!

                    “เอ่อ...ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก...นายก็อาบน้ำเองเป็นแล้วนี่ใช่ไหม? ฮะๆ งั้นก็ไปอาบก่อนเลยสิ” พูดพลางยัดผ้าขนหนูและอะไรต่อมิอะไรใส่มือคนชวนไปทั้งๆ อย่างนั้น ในขณะที่ใบหน้าหวานได้แต่เอียงคองง

                    “แล้วยุนโฮไม่อาบด้วยกันแล้วเหรอ”

                    “ฮะๆ พอดีฉันเล่นเกมค้างไว้น่ะ นายไปอาบก่อนก็แล้วกันนะ” แถไปจนผิวมันถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว แต่ก็ต้องยอมนั่นแหละ ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในตารางด้วยเหตุผลกระทำชำเราผู้ไม่มีทางสู้แทนการครอบครองตุ๊กตาโดยไม่ได้รับอนุญาติน่ะนะ

                    และก็โชคดีที่แจจุงว่าง่ายอย่างที่คิด เพราะในที่สุดเจ้าตัวก็พยักหน้าก่อนจะตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำก่อนในที่สุด

                    ระหว่างรอให้ตุ๊กตาตัวน้อยอาบน้ำให้เสร็จ เด็กหนุ่มก็เลยเลือกจะเล่นเกมในโทรศัพท์รอไปก่อน

                    และก็ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างฉุดไม่อยู่นี่อีกแล้ว ที่ทำให้ปัจจุบันมนุษย์ที่เคยกลายเป็นผู้สร้างกลับตกเป็นทาสของมันไปเสียแทนเมื่อถูกสิ่งที่เรียกว่า ‘ความบันเทิงที่พัฒนาถึงจุดสุงสุดเข้าครอบงำ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดในปัจจุบันก็เช่นในเรื่องของโทรศัพท์มือถือ ที่ในปัจจุบันประโยชน์ใช้สอยหลักของมันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการ โทรอีกต่อไปแล้ว ในทางกลับกัน มันกลับเป็นตัวแทนของการสื่อสารทุกรูปแบบ ที่รวมเข้าไว้ในสิ่งประดิษฐ์ชนิดเดียว ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง โทรศัพท์ และที่สำคัญที่สุด...เครื่องข่ายไร้สายอย่างอินเตอร์เน็ต ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยมนุษย์ก็ยังไม่สามารถอยู่โดยไร้การสื่อสารได้ และปัจจัยสี่ที่เคยพูดว่าจำเป็นต่อชีวิตของมนุษย์นั่น ก็ไม่ได้มีเพียง อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยา อีกต่อไปแล้ว

                    ก็ดูอย่างตอนนี้สิ เหลือเชื่อขนาดไหนล่ะที่สุดท้ายเด็กติดเกมอย่างยุนโฮก็ยังต้องทิ้งเครื่องเกมที่เก็บหอมรอมริบเงินซื้อมาตอนเด็กๆ ให้ฝุ่นขึ้นไว้อย่างนั้น เมื่อในวันนี้ เกมในโทรศัพท์ได้รับการพัฒนาจนมีฟังก์ชันทั้งภาพและเสียงที่ไม่ต่างอย่างเครื่องเกมจริงๆ เลยสักนิด จะต่อจอยสติ๊ก หรืออุปกรณ์เสริมอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้นด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว

                    นี่มันสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ

                    ข้อความวิดีโอเข้า จาก กรุ๊ป 4 หล่อ

                    เสียงข้อความเตือนที่แทรกขึ้นมาระหว่างที่ยุนโฮกำลังเมามันอยู่การฟันมอนสเตอร์อย่างเอาเป็นเอาตายเรียกความสนใจจากเด็กติดเกมส์ได้ชะงัด คิ้วเรียวขมวดเข้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะบ่น  “อะไรวะ”

                    และในทันทีที่ตัดสินใจกดพอส เพื่อหยุดเกมค้างไว้แล้วเปิดข้อความดู ภาพและเสียงที่เป็นหน้าจิ้มลิ้มๆ ของจุนซูก็ปรากฏ

                    ‘พรุ่งนี้นัดรวมตัวที่ห้องลับไอ้ยูชอน ยุนโฮ มึงพาแจจุงมาด้วยนะ สวัสดี

                    แล้วภาพก็ตัดไป

                    แค่เนี้ย!?

                    ไหล่กว้างยักขึ้นลงหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปิดเกมมาเล่นต่ออย่างไม่ใคร่ใส่ใจใดๆ

                    เจ้าพวกนั้นคงคิดจะเล่นอะไรอีกล่ะสิ...

                    สิบห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

                ยุนโฮยังคงตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมอยู่อย่างตั้งใจ

                    และในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับภาพสามมิตินวัตกรรมใหม่ล่าสุดของบริษัทเกมที่สามารถฉายภาพออกมาจากจอแบนๆ เพียงมีฉากรับภาพอะไรก็ได้เช่นผนังห้องได้อย่างสมจริง คนที่กำลังขะมักเขม้นกับเกมก็มีอันต้องอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ คนที่น่าจะกำลังอาบน้ำอยู่ก็เปิดประตูวิ่งออกมาซะอย่างนั้น

                    “ยุนโฮ!

                    “เฮ้ย!!!

                    ร่างเปลือยเปล่าขาวจั๊วะที่ยังหลอนอยู่ในประสาททั้งยามหลับและยามตื่นออกมาปรากฏสู่สายตาอีกครั้ง แจจุงวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ตัวเปียกๆ ก่อนจะย่างสามขุมเขามาหาเจ้าของชื่อทั้งนัยน์ตาใสๆ แบบนั้น เสียงหวานเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ในขณะที่หารู้ไม่ว่าอีกคนน่ะกำลังจะเป็นลมอยู่รอมร่อ

                    “ยุนโฮ มีตัวอะไรไม่รู้ในห้องน้ำ เดินได้ด้วยล่ะ” เขาบอกด้วยหน้าซื่อๆ

                    “นี่ ทำไมถึงออกมาทั้งโป๊ๆ แบบนี้เล่า!!!

                    “โป๊? อะไรเหรอ อย่าเพิ่งสิ ยุนโฮ มาดูนี่สิ” ทว่าดูเหมือนความตื่นเต้นของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยจะมีมากกว่าความกลัวต่อเสียงดังๆ ของคนตรงหน้า เพราะนอกจากแจจุงจะไม่กลัวที่โดนดุแล้ว เขาก็ยังมาดึงคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ให้เข้าไปในห้องน้ำด้วยกันด้วยซ้ำ และนั่นทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนเลือดจะพุ่งออกจากจมูกเสียให้ได้ หากปลายนิ้วขาวไม่ชี้ไปที่อะไรบางอย่างที่มุมผนังห้องน้ำเสียก่อน

                    “นี่ ดูสิ เดินอยู่ล่ะ” เสียงหวานเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ

                    “อะไรเนี่ย โธ่ กิ้งกือนั่นเอง” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเซ็งๆ “เข้ามาได้ไงฟะเนี่ย”

                    “อ๊ะ ยุนโฮ นั่นจะทำอะไรน่ะ” คนตากลมร้องเรียกเมื่อเห็นร่างสูงทำท่าจะคว้าไม้เล็กๆ อะไรสักอย่างที่วางอยู่ใกล้ๆ ไปจิ้มที่สิ่งนั้น มือขาวรั้งไว้ในทันที ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วยุ่งๆ แล้วหันมาบ่น

                    “อะไรเล่า ก็จะเขี่ยมันไปทิ้งไง”

                    “จะแกล้งมันใช่ไหม”

                    “แกล้งอะไรล่ะ แค่จะเอาไปทิ้ง”

                    “ทิ้ง แปลว่าไม่ดีใช่ไหม”

                    “พอพูดได้ก็พูดใหญ่เลยนะ”

                    “ยุนโฮนิสัยไม่ดี”

                    “เฮ้ อีกแล้ว ฉันไปนิสัยไม่ดีตรงไหน ก็แค่กิ้งกือ”

                    “ชื่อกิ้งกือหรอ ตั้งใจเดินนะ~ อย่าไปสนใจเขาเลย”

                    “อะไรกันละเนี่ย!!” เขาโวยวายเสียงดัง เมื่อนอกจากเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยจะทำเป็นเมินกันแล้ว ยังหันไปคุยกับกิ้งกือราวกับว่าเจ้าตัวขาเยอะๆ นั่นกำลังถูกทารุณกรรมจากเขาเสียด้วย

                    มาทำเป็นเชิดใส่กัน ตัวเองไม่รู้เรื่องเองต่างหากไม่ใช่หรือไงเล่า!

                    และไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมั่นไส้ปากกลมๆ นั่นหรือแค่อยากจะเอาตัวประหลาดออกไปจากห้องน้ำเท่านั้น มือใหญ่จึงฉวยโอกาสที่แจจุงไม่ระวัง จิ้มเจ้าตัวที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเดินเข้าให้จนมันขดตัวกลมตามสัญชาตญาน

                    “อ๊ะ! ยุนโฮทำอะไรน่ะ!” เสียงใสเอ่ยอย่างตกใจ ตากลมโตเบิกกว้างทันทีที่เห็นเจ้าตัวเล็กม้วนเป็นวงกลม

                    “ฮ่าๆ” หัวเราะอย่างสะใจอีก

                    “ทำไมจู่ๆ ก็กลมแบบนี้ล่ะ ไม่เดินแล้วเหรอ หรือว่าตาย” ริมฝีปากกลมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “ตายแปลว่าไม่มีชีวิต...”

                    “ก็แค่ม้วนน่า” ร่างสูงเอ่ยปัดเซ็งๆ อะไรเนี่ย แค่ทิ้งกิ้งกือมันจะอะไรกันนักกันหนา

                    “ยุนโฮนิสัยไม่ดีที่สุด ทำไมทำแบบนี้” ใบหน้าหวานหันมามองร่างสูงด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันตัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งเหลือไว้แต่เด็กผู้ชายหนึ่งคนกับกิ้งกือม้วนหนึ่งตัวที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

                    เอ้า สรุปว่านี่กูผิดเหรอเนี่ย!!?

     

                    ถึงจะยังงงๆ กับชีวิตไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปก็ตาม แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มทำได้ก็คงมีเพียงการเก็บเจ้าตัวต้นเหตุไปทิ้งแล้วก็เข้าไปอาบน้ำต่อจนเรียบร้อย

                    ร่างสูงที่ออกไปเดินตะลอนเทียวไปเทียวมาอยู่นอกบ้านตั้งแต่เช้า พอร่างกายได้แช่น้ำอุ่นสบายๆ หน่อยก็ชวนให้ประสาททุกส่วนรู้สึกผ่อนคลายลงจนอดรู้สึกดีไม่ได้ เด็กหนุ่มใช้เวลาพอสมควรในการอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายใจ พอออกมา ภาพแรกที่เห็นตรงหน้าก็คือคนหน้าหวานในชุดลำลองตัวใหม่เรียบร้อยที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับหนังสือเล่มใหม่โดยที่ไม่คิดสนใจโลกภายนอกเลยสักนิด

                    ดูสิ ขนาดเขาเดินมาใกล้ขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเลย

                    และด้วยต้องการจะเรียกความสนใจจากคนที่เดี๋ยวนี้ชักจะทำเมินใส่กันบ่อยเกินไปแล้ว เสียงทุ้มก็ได้แต่เอ่ยกระแอมไป “อะแฮ่ม”

                    “.....”

                    “อื้มมม...”

                    “.....”

                    “อ...ฮึ้มมมมม”

                    “.....”

                    “แจจุง!” เสียงทุ้มโพล่งออกมาในที่สุด เมื่อไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะหันมาสนใจกันเลยสักนิด ซึ่งก็ได้ผล คราวนี้นัยน์ตาหวานหันกลับมามองเขาแล้วจริงๆ พร้อมด้วยหน้านิ่งๆ ที่สื่อเป็นนัยน์ว่า มีอะไรแบบไม่แอ๊บแบ๊วเหมือนอย่างทุกครั้งจนเรียกได้ว่าทำยุนโฮใจเสียไปเหมือนกัน “เอ่อ...”

                    “?”

                    “ก็...คือว่านี่ไง! คือฉันจะบอกนายว่า ทีหลังน่ะห้ามวิ่งออกมมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่โป๊อย่างนั้นอีกเข้าใจไหม!” และเพราะไม่รู้จะยกเรื่องอะไรขึ้นมาเป็นประเด็นดี คนเรียกร้องความสนใจก็เลยได้แต่งัดเหตุผลที่คิดขึ้นได้กะทันหันมาอ้างนู้นอ้างนี่เสริมสถานการณ์ไปก่อนก็เท่านั้น แต่สุดท้ายก็ต้องหน้าเสียไปอีกเมื่ออีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วก็หันกลับไปอ่านหนังสือตามเดิมเท่านั้น

                    เอ่อ...

                    “นี่ เมื่อกี้ที่พูดน่ะเข้าใจแล้วเหรอไง” ทำเป็นแอบแหย่ถามไปอีกรอบ ซึ่งก็ได้รับเป็นเพียงเสียงหวานๆ นิ่งๆ ที่ตอบรับมาเพียงคำเดียว

                    “อืม”

                    โหยยยยยยยยย ทำไมเย็นชาจังอ่ะ

                    คนที่ตอนแรกทำอะไรเป็นเล่นเป็นตลกไปหมดเมื่อได้รับคำตอบสั้นๆ ห้วนๆ แบบนั้นก็เลยดูเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มจะไม่ปกติเสียแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาแอบชะโงกมองหน้านิ่งๆ ของอีกคนที่ก็ไม่เห็นจะต่างจากเวลาปกติตรงไหน แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่เหมือนเดิมนะ

                    บรรยากาศมันอึมครึมยังไงไม่รู้สิ

                    หรือว่ากำลังโดน ‘งอนนะ?

                    “นี่...” คิดได้ดังนั้น คนที่ดูเหมือนจะตกเป็นจำเลยโดยไม่รู้ตัวก็ได้แต่เอ่ยเสียงอ่อยเพื่อลองเชิง และก็เหมือนเดิม... เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยที่เคยมาอ้อนกันอยู่เรื่อยยังคงเอาแต่อ่านหนังสือแล้วก็ไม่หันมาสนใจกันเลยสักนิด แต่คนตัวสูงก็ไม่ละความพยายามง่ายๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ คนตัวเล็ก ก่อนจะแสร้งทำเป็นชะโงกหน้าดู

                    “แจจุง ทำอะไรอยู่เหรอ”

                    “อ่านหนังสือไง” ในที่สุดก็ตอบมาจนได้ แต่ก็นะ...เสียงเย็นชาอีกแล้วววววว

                    “หนังสืออะไรเหรอ สนุกมั้ย” พูดออกไปแล้วก็แทบจะตบปากในความตอแหลของตัวเอง ให้ตายสิ บอกเลยว่าถ้าไม่ได้อยากจะง้อนี่ให้ตายเขาก็ไม่มีทางทำท่าเหมือนจะใฝ่รู้แบบนี้หรอก!

                    แต่ถึงจะว่างั้นก็เหอะ...นี่ขนาดเป็นแค่ตุ๊กตายังงอนกันได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นเมียล่ะจะเอาแต่ใจขนาดไหน! (เอ๋)

                    “นิยายน่ะ”

                    “เหรอ น่าสนุกเนอะ”

                    “อืม”

                    “เอ่อ...” ท่าทางศึกนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วสิ “นิยายแนวไหนเหรอ ฮ่าๆ แบบ สืบสวน สยองขวัญ อะไรงี้ ฮ่าๆ น่าสนใจจัง”

                “นิยายรัก”

                อู้ววววว เป็นคนโลกสวยซะด้วยเว้ย จะว่าไปก็แก่แดดไม่ใช่เล่นๆ นะจ๊ะแม่ตุ๊กตา

                    “แฮะๆ น่าสนุกจัง งั้นฉันอ่านด้วยได้ป่าว” แต่ถึงจะคิดแซวนู่นแซวนี่ยังไง คำพูดที่ออกไปก็ยังคงรักษาภาพพจน์อยู่เช่นเคย ริมฝีปากหยักได้รูปแสร้งตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ พลางนึกคาดหวังในใจว่าจะได้รับคำตอบแสนน่ารักของอีกคนคืนกลับมา ก่อนจะได้แต่อ้าปากค้างแทนเมื่อเสียงหวานให้คำตอบเพียงสั้นๆ

                “ไม่”

                    ง่ะ

                    “ท...ทำไมอ่า”

                    “ยุนโฮนิสัยไม่ดี ยุนโฮฆ่าคุณกิ้งกือ แจจุงไม่ให้อ่านหนังสือหรอก” แล้วก็ดูเหมือนคนที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่นานจะยอมหันมาบอกความในใจกันตรงๆ เสียที ซึ่งเหตุผลนั้นก็ไม่ได้อยู่เกินความคาดหมายของเด็กหนุ่มนัก

                    โอ้ยยย เรื่องนี้จริงด้วย ไอ้ตัวขาเยอะ ก่อเรื่องจนได้

                    “เฮ่ อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันไม่ได้ฆ่ามันนะ”

                    “เมื่อกี้ก็เห็นอยู่ว่าเขากลมไปแล้ว ไม่เดินแล้ว แจจุงเห็นกับตา”

                    “อ..เอ่อ กลม นายคงหมายถึงม้วน...เออ นั่นแหละ จะม้วนจะกลมอะไรก็เหอะ ยังไม่ตาย เข้าใจไหม? มันแค่ตกใจฉัน ทิ้งไว้พักหนึ่งเดี๋ยวก็กลับมาเดินได้น่า” ยุนโฮพยายามอธิบาย และคราวนี้เหมือนจะทำให้อีกคนเริ่มมีท่าทีลังเล

                    “จริงเหรอ”

                    “จริงดิ ที่ฉันเอามันออกไปนั่นก็ไม่ใช่อะไร แค่มันอยู่ในบ้านนี้ไปก็อึดอัด มันควรจะออกไปเผชิญโลกกว้างนะไม่ใช่ถูกขังแบบนี้ เข้าใจไหม” จริงๆ ก็แค่เกะกะลูกตานั่นแหละ แต่ก็พูดเสริมเติมแต่งเข้าไปซะหน่อยพอให้ดูดีน่ะ

                    “อย่างงั้นเหรอ” เมื่อได้รับคำอธิบาย ก็ดูเหมือนจะทำให้ใบหน้าหวานที่เคยบูดบึ้งคลายลงไปนิดหน่อย “แต่ถึงยังไง ยุนโฮก็ไม่น่าไปแกล้งเขา เขาตกใจใช่ไหม”

                    “อื้ม ขอโทษน้า ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ตอบไปแบบนั้นทั้งๆ ที่ในใจนึกหัวร่อเสียงดัง หึ! จริงๆ ที่ทำให้มันม้วนก็แค่เพราะจะได้เก็บเอาไปทิ้งง่ายๆ แค่นั้นแหละ! “ถ้างั้น...”

                    “ยุนโฮพูดขอโทษ แปลว่ายุนโฮรู้สึกผิด แล้วถ้าพูดคำนี้แจจุงก็จะรู้สึกดีขึ้นนิดนึงใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ย ก่อนจะแย้มรอยยิ้มจางๆ ออกมา “ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่โกรธยุนโฮแล้วก็ได้”

                    สำเร็จ!

                    ร่างสูงยิ้มกริ่มในใจที่ปฏิบัติการณ์แสร้งสะตอเพื่อง้อตุ๊กตาได้ผลสำเร็จ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นข้างหลังคนใสซื่อที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย และหลังจากที่ดีกับร่างสูงเสร็จ เขาก็กลับไปจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มโปรดที่กำลังติดหนึบเหมือนเดิม แต่อ่านต่อไปได้ไม่นานนัก คนรักการอ่านก็รู้สึกเหมือนกับลืมอะไรบางอย่างไว้ในถุงหนังสือที่เพิ่งหอบมาวันนี้ ร่างบอบบางจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที จนไม่ทันได้ระวังตัว สะดุดขาโต๊ะเข้าอย่างแรงจนร่างเล็กเซและทำท่าจะล้ม

                    “อ๊ะ”

                    “เฮ้ย”

                    โครม!

     

                    คนตัวสูงที่ไหวตัวทันหันมาคว้าร่างบางไว้ได้พอดี แต่สุดท้ายก็ทรงตัวไม่ไหวจนล้มไปทั้งคู่เสียได้ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ตุ๊กตาตัวน้อยลงไปนอนทับอยู่บนแผ่นอกแกร่งทั้งตัว ใบหน้าหวานประชิดเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ใกล้จนได้กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ที่ไม่รู้ว่าฟุ้งมาจากใครกันแน่ตลบอบอวล ฝ่ามือบางวางทาบบนแผ่นอกโดยอัตโนมัติเพื่อพยุงตัว ก่อนจะนิ่งไปเมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงอะไรบางอย่างที่กำลังขยับเคลื่อนอยู่อย่างรุนแรงภายในนั้น

                    เสียงอะไรน่ะ...

                    เหมือนวันนั้นเลย

     

                    เพราะกำลังจดจ่อกับการนึกคำศัพท์ที่เคยอ่านในหนังสือ ร่างบางของคนเป็นตุ๊กตาจึงไม่ได้ระวังกับแรงกระแทกช่วงต่อของรถในจังหวะที่เลี้ยวโค้งเลย และนั่นทำให้ร่างสูงในนิทราที่เคยพิงอยู่กับผนังเผลอเซมาชนกับอีกคนโดยไม่รู้ตัว

                แถมปลายจมูกโด่งเป็นสันนั่นยังฝังเข้ากับแก้มของเขาเต็มๆ ด้วย

                “อ๊ะ”

     

                    ตอนนั้น...ก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน

                    แต่นี่มันเป็นของยุนโฮ

                    “อะ...เอ่อ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงทุ้มของคนที่นอนรองเป็นเบาะให้ตุ๊กตาทับเล่นก็เอ่ยขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่า”

                    แต่ก็ดูเหมือนว่าแจจุงจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแล้ว เมื่อตอนนี้มีบางอย่างรบกวนจิตใจเขามากกว่านั้น “ยุนโฮ ทำไมหัวใจนายถึงเต้นดังแบบนี้เหรอ”

                    “หะ...หา”

                    “หัวใจของนายเต้นแรงมากเลย ดูสิ” แค่อธิบายไม่พอ ยังเอามือไปทาบบนอกเพื่อพิสูจน์ให้คนฟังดูเสียด้วย จนร่างสูงได้แต่เหงื่อตก

                ...ก็แหงล่ะ มานอนทับกันอยู่ขนาดนี้จะไม่เขินได้ยังไง

                    แต่แทนที่ร่างสูงจะได้ให้คำตอบดีๆ กับคนตัวเล็กเพื่อไขข้อข้องใจ เสียงหวานที่เอ่ยในประโยคถัดมากลับยิ่งเร่งจังหวะในหัวใจเขาที่เกือบจะเข้าสภาวะปกติแล้วให้กลับมาสั่นไหวรุนแรงอีกครั้ง

                    “ฉันแปลกใจมากเลย เพราะเมื่อวานตอนที่รถเขย่า...แล้วจมูกยุนโอมาโดนแก้มฉัน”

                    “.....”

                “หัวใจฉันก็เต้นแบบนี้เหมือนกัน”

                    “.....”

                    “มันเป็นเพราะอะไรนะ ยุนโฮ”

     

                    ให้ตายสิ นี่มันจะอันตรายไปกันใหญ่แล้วจริงๆ นะ

     

     
     

    TBC.





     

    ◆ ◆ ◆



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×