ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #12 : Part [6.] : YUNHOLIC 2 : x .

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.96K
      13
      3 มิ.ย. 54

    -(: ตัวสวย ตัวหล่อ :)-     
    :  VI YUNHOLIC :X 2.

     

    ชองยุนโฮเคยมีความเข้าใจกับตัวเองว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินไปกว่าความสามารถของมนุษย์

                กาลิเลโอยังประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ได้ เอดิสันยังทำหลอดไฟเป็น

                ขนาดระเบิดปรมาณูที่ว่าสร้างยากนักหนา ไอน์สไตน์ก็คิดทฤษฎีมันออกมาจนได้

              แล้วทำไมกับอีแค่โยนไม้ดรัมเมเยอร์

                ชองยุนโฮถึงจะทำไม่ได้ล่ะ?

     

                ปั่กกกกกก

     

    เสียงไม้ท่อนยาวที่ประดับไปด้วยโบว์ริบบิ้นสีแดงสวยงามกระแทกลงพื้นสนามหญ้าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เป็นสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจชองยุนโฮอย่างหนัก ดวงตาเรียวคมทอดมองผลลัพธ์จากทฤษฎีความสามารถของมนุษย์ในหัวตัวเองแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

    หรือทฤษฎีเราจะผิดวะ?

    ขาเรียวก้าวเดินตรงไปยังที่ที่ไม้ด้ามนั้นปลิวไปไกลแล้วเก็บมันขึ้นมา วันนี้เป็นวันที่สามแล้วหลังจากที่ชองยุนโฮได้ทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ไม้ดรัมเมเยอร์เป็นครั้งแรก แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นครั้งที่สามแล้วเหมือนกันที่ชองยุนโฮเริ่มไม่แน่ใจในความเชื่อมั่นของตัวเองที่เคยเป็นคติพจน์ประจำใจมานานหลายปี

    ยุนโฮพยายามแล้ว

    แต่ทำไมเขาถึงโยนไอ้ไม้นี่ให้หมุนๆ แล้วตกลงมารับในมือแบบสวยงามไม่ได้ซักทีล่ะ?

    ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ผู้คนในโรงเรียนพอจะบางตาลงไปมากพอที่ยุนโฮจะหาที่สงบๆ มาทำอะไรน่าอายแบบนี้ได้บ้าง แจจุงยังไม่เลิกเรียน และก็คงไม่มีอะไรสำคัญกว่าการที่ยุนโฮต้องฝึกโยนไอ้ไม้นี่ไปมาระหว่างรอกลับบ้านพร้อมกับแจจุง

    “โว้ยยยยย เซ็ง” เสียงทุ้มสบถ อาการหงุดหงิดเอาแต่ใจที่เป็นลักษณะเด่นประจำตัวของชองยุนโฮเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ยุนโฮเป็นคนเงียบๆ ก็จริง แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเด็กหนุ่มแสนประหลาดคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนเอาแต่ใจมากเพียงใด เป็นเพราะมีน้อยครั้งมากจริงๆ ที่ยุนโฮจะโดนขัดใจจากสิ่งรอบข้าง อะไรที่เขาอยากทำก็ได้ทำ อะไรที่ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เพราะฉะนั้น การที่ต้องมาทำอะไรที่ไม่เคยแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติที่ยุนโฮจะต้องหงุดหงิดและไม่พอใจ

    ไม่อยากทำแล้วทำไมต้องทำวะ?

    โอ้ย ไม่ยงไม่โยนแล้ว!

    ทันทีที่คิดอย่างนั้น มือใหญ่ก็โยนไม้ด้ามยาวที่น่าสงสารลงไปกองกับพื้นหญ้าทันที ริมฝีปากได้รูปผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเหล่ไปมองไม้ดรัมเมเยอร์อันนั้นอย่างหงุดหงิด พร้อมกับใบหน้าของคนที่น่ารักเกินใครที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง

    อีกครั้ง

    อีกครั้ง

    อีกครั้ง

    แล้วก็อีกครั้งนึง...

    โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ที่มันน่ารำคาญที่สุดก็นี่แหละมั้ง

    ทำไมต้องเข้ามาวนๆๆ อยู่ได้นะตัวสวย

    ทำคนอื่นเค้าจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้บ้างมั้ยเนี่ย

    ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง แต่ยุนโฮก็รู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตที่ชื่อ ตัวสวย นั้นมีอิทธิพลกับจิตใจของเขามากแค่ไหน แม้จะดูไม่มีเหตุผล แต่ยุนโฮก็รู้ดีว่าถึงสมองเขาห้ามอย่างไรหัวใจมันก็คงจะไม่ฟัง เพราะดูอย่างตอนนี้สิ

    ไม่ทันไรเลย มือมันคว้าไม้ขึ้นมาโยนอีกจนได้

     

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีเพียงเหตุผลเดียว...

     

    ริมฝีปากได้รูปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

    “เสร็จงานเมื่อไหร่เจอดีแน่ คิมแจจุง”

     

    ในขณะที่ไม้ยาวๆ กำลังลอยปลิวไปไกลให้ร่างสูงได้เหนื่อยเก็บอีกครั้ง คนที่แอบมองร่างสูงอยู่นานก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ตัวยุนโฮเป็นครั้งแรก แต่ด้วยเป็นเพราะไม่ได้สนใจ มือที่ก้มลงไปเก็บไม้จึงได้แต่ชะงักเมื่อเห็นปลายรองเท้าหนังคู่เงากับชายกระโปรงกรอมเข่าที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นที่ปลายสายตา

    และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เจ้าของรองเท้าคู่นั้นก็ส่งยิ้มบางๆ ให้เขา

    “ไง” เสียงหวานเอ่ยสั้นๆ และยุนโฮก็พยักหน้าตอบ

    “ยังโยนไม่ได้อีกเหรอยุนโฮ?”

    “อือ ยาก” ยุนโฮพูดไปตามจริง ก่อนจะเริ่มโยนไม้ใหม่อีกครั้ง โดยไม่ได้สนใจปาร์คจียองมากนักอย่างที่ผู้ชายทุกคนควรจะสนใจ และเพราะเป็นยุนโฮที่เป็นของยุนโฮแบบนี้ไม่เหมือนใคร ทั้งๆ ที่มันดูแข็งทื่อแต่นั่นกลับทำให้จียองมองว่าเขาเป็นคนที่แตกต่าง

    และภาพที่ชองยุนโฮผู้แสนจะเย็นชาและเงียบขรึมคนนั้นกำลังฝึกโยนไม้ดรัมเมเยอร์อยู่คนเดียวด้วยใบหน้าพยายามแบบนั้นก็น่ารักมากเสียด้วยสิ

    “เราช่วยสอนมั้ย?”

    ข้อเสนอที่เอ่ยออกมาด้วยความจริงใจนั้นทำให้ยุนโฮหันไปมองจียองด้วยความสนใจเป็นครั้งแรกของวัน หรืออาจจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน ใบหน้าหวานเรื่อสีทันทีที่ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองมายังเธออย่างไม่วางตา หัวใจที่เคยเต้นด้วยจังหวะปกติระรัวขึ้นอย่างไร้เหตุผล ก่อนเสียงทุ้มที่เธอหลงรักจะเอ่ยออกมา

    “เธอโยนไอ้นี่เป็นด้วยเหรอ?”

    “เคยสิ ก็เราเคยเป็นนี่นา” จียองพูดก่อนจะแบมือเป็นเชิงว่าให้ส่งไม้มา ยุนโฮส่งให้เธอ และทันทีที่ไม้แตะฝ่ามือ จียองก็ควงไม้สามรอบติดกันด้วยความรวดเร็วแล้วโยนมันขึ้นสูงไปบนอากาศ ยุนโฮมองตามไม้อันเดียวกับที่เขาใช้ที่หมุนติ้วๆ อยู่บนอากาศหลายต่อหลายครั้งก่อนจะตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกสู่มือของจียองเหมือนเดิมอย่างสวยงามแล้วก็ได้แต่อึ้ง

    “เธอทำได้ยังไง”

    จียองอมยิ้ม ท่าทางปลื้มอกปลื้มใจของยุนโฮนั้นทำให้เธอดีใจ

    “ก็ฝึกนั่นแหละ”

    “ฉันก็ฝึก ฝึกมาสามวันแล้วไม่เห็นจะได้เรื่องเลย น่าเบื่อจริงๆ” ยุนโฮบ่นด้วยความเซ็ง ในขณะที่จียองได้แต่เอียงคอสงสัย “นายไม่ชอบ?”

    “แน่ล่ะสิ ใครจะชอบกัน” เขาพูดอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด

    “แล้วทำไมนายถึงยอมทำล่ะ?” เพราะเป็นยุนโฮ เป็นคนที่จียองรู้ทุกเรื่องของเขาดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นของที่ชอบรวมไปถึงแม้แต่อุปลักษณะนิสัย ชองยุนโฮไม่มีวันทำอะไรที่เขาไม่ชอบ แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาถึงยอมทำ?

    ชองยุนโฮขมวดคิ้ว นึกหงุดหงิดอยู่นิดๆ อย่างที่จียองว่า

    นั่นน่ะสิ แล้วทำไมเขาต้องมายอมทำอะไรแบบนี้ด้วย

    “หรือเป็นเพราะว่าฉันขอร้อง..?”  จียองถาม เธอไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองแบบนั้น แต่ที่ถามออกไปเป็นเพราะคิดเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ

    ยุนโฮขมวดคิ้ว ก่อนจะรับไม้คืนมาแล้วว่า “เธอไม่เข้าใจฉันหรอก”

    เห?

    “นายมีเหตุผล?”

    “ฉันบอกไปเธอก็ไม่เข้าใจ”

    “ทำไมล่ะ?” จียองปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออยากรู้จริงๆ จนต้องอดจิ๊ปากไม่ได้เมื่อยุนโฮเริ่มหันไปสนใจไม้ดรัมเมเยอร์ “นี่ยุนโฮ! บอกฉันไม่ได้เหรอ?”

    ยุนโฮนิ่งไปไม่ตอบอะไรอีก เขาไม่ใช่คนชอบพูด และยิ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากแบบนี้ ยิ่งพูดมีแต่จะยิ่งสับสน

    “ยุนโฮ!

    แต่ถ้ายุนโฮไม่ใช่คนชอบพูด อีกข้อหนึ่งที่ควรรู้ก็คือ ยุนโฮไม่ชอบการเซ้าซี้มากกว่า

    “ไม่ใช่บอกไม่ได้ แต่เธอไม่เข้าใจ”

    “นิดนึงก็ได้น่า”

    โธ่...

    ยุนโฮกรอกตา ก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

    “ตัวสวยเป็นคนบังคับ – ตัวสวยทำให้ฉันต้องเป็นดรัมเมเยอร์บ้านี่”

    “หา?”

    “ไม่สิ จริงๆ ตัวสวยไม่ได้คาดคั้นขนาดนั้น แต่ว่าฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฉันอยากเห็นเค้าดีใจ ฉันชอบเวลาตัวสวยยิ้มกว้างๆ น่ารักเป็นบ้า ฉันเลยต้องทำ”

    “นายหมายความว่ายังไง? ตัวสวยคืออะไร?”

    “เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่เข้าใจหรอก”

    “ถ้านายอธิบาย...”

    “ช่างมันเถอะ – ว่าแต่เธอทำยังไงให้ไอ้นี่มันลงมาตรงที่เราจะรับพอดีได้?” เสียงตัดบทที่แข็งขึ้นของยุนโฮทำให้จียองชะงักไป กำแพงที่มองไม่เห็นถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งรอบตัวชองยุนโฮ และนั่นทำให้ความคิดที่อยากจะรู้ของเธอหยุดไป แล้วตอบคำถามยุนโฮดีๆ “ก็...นายตั้งแขนให้ตรงๆ สิ แบบนี้ แล้วก็เวลาโยนก็เล็งให้ตั้งฉาก มันจะได้ไม่ไปข้างหน้าหรือข้างหลัง”

    “อืม” ยุนโฮรับ ก่อนเสียงออดเลิกเรียนรอบเย็นครั้งสุดท้ายจะดังขึ้น บ่งบอกให้ได้ยินเป็นสัญญาณว่าพวกปีหนึ่งเลิกเรียนแล้ว ยุนโฮจึงเก็บไม้เข้ากับตัวแล้วเริ่มเดินลัดสนามออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรซักคำ

    “นะ นายจะไปไหนน่ะ?”

    “กลับบ้านน่ะสิ”

    “เห?”

    ยุนโฮเดินไปเก็บกระเป๋าเงียบๆ ก่อนจะออกจะสนามไป ทิ้งไว้ให้จียองได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ แม้ทั้งหัวจะเต็มไปด้วยข้อสงสัย หากแต่เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะตามยุนโฮออกไป

    ทำไมต้องกลับตอนพวกปีหนึ่งเลิกพอดีล่ะ?

    ทำเหมือนอย่างกับรอใครอย่างนั้นแหละ

    จะว่าไป...

    ตัวสวยคือตัวอะไรกันนะ?

     

    เจอกันที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน

    ข้อความในโทรศัพท์นั้นทำให้ยุนโฮแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักทั้งๆ ที่ปกติเขาจะไปรอแจจุงตั้งแต่ลงจากหน้าตึก ร่างสูงเก็บกระเป๋าและสัมภาระอันน้อยนิดออกไป ก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ทั้งๆ ที่เป็นโรงเรียนดัง แต่แทฮวาชินก็ไม่ได้ติดกับถนนใหญ่ ในทางกลับกัน ที่นี่กลับเป็นโรงเรียนที่มีทางเข้าลึกพอสมควร ทันทีทีถึง ยุนโฮเจอคนร่างบางยืนอยู่ที่หน้าป้ายรถเมล์เพียงคนเดียว และในทันทีที่สายตาสองคู่สบกัน มันก็พอดีกับที่รถสายที่พวกเขารอมาจอดอยู่พอดี

    ยุนโฮไม่พูดอะไร หากแต่เดินมาจับเข้าที่ข้อมือขาวนั้นพร้อมกับจูงขึ้นรถไปด้วยกันทันที

     

    สองร่างเดินมานั่งเงียบๆ ที่เบาเกือบหลังสุดทางฝั่งขวาของตัวรถ แจจุงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปนั่งติดกับกระจกรถก่อนอย่างเงียบๆ ก่อนจะเป็นยุนโฮที่เดินตามมา รถเมล์ในรอบเย็นเวลานี้มีคนขึ้นน้อยมากและทั้งสายก็แทบจะไม่มีใครนอกจากยุนโฮกับแจจุง มืออุ่นที่กอบกุมกันอยู่ตั้งแต่ขึ้นมาจากรถนั้นยังคงไม่ปล่อยไปไหน ก่อนความเงียบที่ปกคลุมระหว่างตัวคนทั้งสองจะทำให้ยุนโฮเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาดไป

    มือบางคู่นั้นยังคงวางนิ่งๆ ให้เขาจับ

    หากแต่ใบหน้าหวานนั้นกลับเสออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ

    และบนริมฝีปากนั้น ไม่วาดรอยยิ้มอย่างที่เขาต้องการมองให้เห็น

    ทันทีที่รู้สึกได้ ยุนโฮบีบมือนิ่มนั้นแน่นขึ้น ก่อนจะพูดออกไป

    “ตัวสวย”

     

    “ตัวสวย”

    เขาเรียกอีกครั้งที่สอง เมื่อไม่ได้สัญญาณใดตอบรับกลับมาจากแจจุง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกังวลขึ้นมาทันทีอย่างที่แม้แต่ตัวยุนโฮเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าอย่างนั้นออกไปเมื่อไหร่ มือใหญ่บีบมือนิ่มแน่นขึ้นอีกนิด

    เหมือนกับว่าเขาอยากจะรับรอยยิ้มของคิมแจจุงผ่านทางฝ่ามืออย่างไรอย่างนั้น

    เสียงทุ้มที่อ่อนลงครั้งที่สองทำให้แจจุงยอมหันกลับมา ลูกแก้วสีดำกลมโตนั้นจ้องเขานิ่งๆ ริมฝีปากอิ่มยังคงเรียบเฉย ยุนโฮเอ่ยปากถาม “ตัวสวยเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมเงียบไปล่ะ”

    แจจุงส่ายหน้า

    “โกหก บอกพี่สิ ว่าตัวสวยเป็นอะไร”

    “เปล่า...”

    “ถ้าอย่างนั้นยิ้มให้หน่อยได้มั้ย วันนี้เหนื่อยมากเลย” ยุนโฮพูด เสียงของเขาดูเหนื่อยจริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาหมดแรงมากที่สุดก็คืออาการที่แปลกไปของแจจุงอย่างนี้

    อยากให้ยิ้มให้ อยากให้หัวเราะให้ดู

    เพียงแค่นั้น แรงที่เหมือนจะหมดไปแล้วก็ดูเหมือนจะถูกเติมเต็มขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ยุนโฮไม่รู้ว่าแจจุงจะเข้าใจไหม..

     

    “เหนื่อยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับยิ้มล่ะ?” แจจุงพูดตอบอย่างอ่อนใจ เขารู้ว่าทำให้ยุนโฮลำบากใจ ยุนโฮซื่อและเป็นไปได้ยากที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขา ความรู้สึกเวลาที่เห็นพี่จียองเข้าใกล้พี่ยุนโฮ

    แจจุงรู้ว่ายุนโฮไม่เคยคิดอะไร

    มันพูดยาก – บางทีคนที่งี่เง่าคงจะเป็นแจจุงเอง

    “พอตัวสวยยิ้ม เวลาเหนื่อยๆ มันก็หายไปเองนี่”

    แจจุงยิ้ม...

    มันไม่ได้เป็นเพราะการขอร้อง

    แต่เป็นเพราะยุนโฮต่างหากที่ทำให้แจจุงยิ้ม

    “ยิ้มแล้ว...” ชองยุนโฮพูด ดวงตาของเขายิ้มตามไปด้วย ก่อนเสียงทุ้มจะว่า “แล้วตกลง ตะกี้ตัวสวยเป็นอะไร?”

    เสียงทุ้มนั้นช่างไร้เดียงสาเหลือเกินในความรู้สึกของแจจุง

    มือนิ่มกุมมือใหญ่ของยุนโฮแน่นขึ้น ก่อนจะยิ้มแล้วเอนหัวไปซบที่ไหล่กว้างนั้นแล้วหลับตา

    “ไม่หรอก ไม่เป็นอะไรแล้ว”

    แค่มีชองยุนโฮ มนุษย์ประหลาด ผู้ชายซื่อๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างในตอนนี้อยู่ใกล้ๆ

    แจจุงก็จะไม่เป็นไรอีกแล้ว..

    ยุนโฮตัวแข็งทื่อทันทีที่หัวกลมๆ ของแจจุงเอียงมาซบที่คอ ดวงตาเรียวเหล่ไปมองคนน่ารัก กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยแตะเข้าที่จมูกจนอดไม่ได้ที่จะทำดุใส่กลับตามนิสัยทั้งๆ ที่จริงๆ ในใจมันเขินจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว “เอาหัวมาพิงทำไม เมื่อยนะ เอาออกไปเลย”

    “ไม่ชอบเหรอไง?” แจจุงแหย่

    “ใครจะชอบ? หนักก็หนัก” เขินด้วย แต่ไม่พูดหรอก ตัวสวยนี่ยุ่งยากจริง!

    “น่า ขอพิงหน่อย วันนี้เห็นมนุษย์ดาวอังคารเขวี้ยงไม้ดรัมฯ ด้วย ตลกอ่ะ สงสัยจะยังไม่ชินกับแรงโน้มถ่วงโลก”

    “เขวี้ยงอะไร โยนต่างหาก” ยุนโฮแก้ตัว

    “ลอยไปไกลอย่างกับพุ่งหลาวขนาดนั้นอ่ะนะ? โยน? เขวี้ยงล่ะสิไม่ว่า” แจจุงหัวเราะ ยุนโฮหน้ามุ่ย พลางบ่น “ก็เพราะใครกันล่ะ เมื่อยแขนเป็นบ้า..”

    แจจุงอมยิ้ม

    “เหรอๆ ไหนๆ เมื่อยมากมั้ย” แจจุงล้อ ก่อนจะเอามือไปบีบๆ ที่ต้นแขนของคนข้างกายเล่น จนยุนโฮต้องยกแขนหนี “นี่! ทำอะไรน่ะตัวสวย!

    “นวดให้ไง”

    “ไม่ต้องๆ เลย”

    “ทำไม เขินเหรอ หน้าแดงหมดแล้ว”

    “เปล่าซักหน่อย” ยุนโฮเมินหน้าไปทางอื่น แจจุงยิ้ม บางๆ ก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนแกร่งนั้น เสียงหัวเราะที่เบาลงไปของแจจุงทำให้ยุนโฮหันหน้ากลับมา ก่อนจะพบรอยยิ้มบางๆ แต่งแต้มอยู่บนใบหน้านั้น

    ยุนโฮชะงักไป หัวใจเขาเต้นระรัว ก่อนเสียงทุ้มจะบ่นเบาๆ

     “ทำไมชอบยิ้มแบบนี้นักนะ..”

    “ถ้างั้นแจจุงจะทำหน้าบึ้ง”

    “เฮ้ย ... ไม่เอา”

    เสียงทุ้มที่ดูตื่นตระหนกนั้นทำแจจุงหัวเราะออกมาอย่างจริงใจ

    ผู้ชายคนนี้น่ารักจริงๆ

    เฮ้อ...

    “พี่ยุนโฮ...”

    เสียงหวานเอ่ย และยุนโฮหันไปมอง ก่อนใบหน้าน่ารักที่แสนเป็นห่วงเป็นใยนั้นจะทำให้ความรู้สึกทั้งหมดของยุนโฮที่มีต่องานกีฬาสีนี้เปลี่ยนไป

    “หืม?”

    “ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก...แล้วก็ขอบคุณนะที่ยอมทำตามที่แจจุงขอ แจจุงรักพี่ยุนโฮมากๆ เลยล่ะ...”

     

    มันมีอยู่ไม่กี่เหตุผลหรอกที่จะทำให้คนอย่างชองยุนโฮยอมทำได้ทุกอย่าง

    และหนึ่งในนั้น ก็คงเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ตัวสวย เนี่ยแหละ

     

    หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์ที่วุ่นวายยุ่งเหยิง แต่มีความสุขที่สุดของยุนโฮ

    มันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบทำ แต่มันเป็นสิ่งที่เขาพอใจ

    ชองยุนโฮไม่ได้อยากแต่งตัวเท่ๆ ทำตัวเป็นที่สนใจของคนอื่น แต่เขาอยากเห็นแจจุงยิ้ม

    ชองยุนโฮไม่ได้อยากทำอะไรทั้งนั้น

     

    แต่เขาอยากให้แจจุงบอกรัก...

     

    “อยู่นิ่งๆ สิรุ่นพี่ยุนโฮ”

    “ฉันแสบตาจะตายอยู่แล้วนะตัวน่ารัก แล้วนี่ตัวสวยอยู่ไหน?” ยุนโฮบ่น ในขณะที่มือเล็กของจุนซูพยายามปัดป้องมือของยุนโฮที่จะยกขึ้นมารบกวนการแต่งหน้าของเขา “จะหาแจจุงทำไม ไหนว่าจะเซอร์ไพร์สไงฮะ! โอ้ยพี่ยุนโฮอยู่นิ่งๆ สิ – ชางมิน - พี่เปลี้ย ! มาช่วยกันจับพี่ยุนโฮไว้หน่อยสิครับ !

    ทันทีที่เสียงแหลมๆ ของรุ่นน้องดังขึ้น ชางมินกับยูชอนที่ได้แต่ดูการต่อสู้ระหว่างตัวสองตัวอยู่นั้นก็รีบกุลีกุจอเข้ามามือสองคู่ยื้อยุดมนุษย์ดาวอังคารที่ปกติเอาแต่นอนหลับและนิ่งเป็นหนอนไหมที่วันนี้ดูจะดื้อเป็นพิเศษเอาไว้กับที่ เพราะด้วยอาการที่ไม่ชินกับเครื่องสำอางและกลิ่นน้ำหอมที่กระจายฟุ้งอยู่ทั่วห้องเปลี่ยนเสื้อนี่ ทำให้คนที่ความอดทนต่ำอย่างยุนโฮลดความอดทนลงจนแทบจะเป็นศูนย์

    “อย่าขยับสิพี่ยุนโฮ เดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก !

    “ทำไมตัวน่ารักต้องเอาอะไรดำๆ มาป้ายหน้าฉันด้วย?” ยุนโฮร้อง นี่ยังดีที่เป็นจุนซู เป็นเพราะเจ้าตัวขอไว้ ทีมงานเมคอัพของสีจำเป็นจึงกลายเป็นคิมจุนซูผู้ไม่รู้ว่าไปเรียนการแต่งหน้ามาจากไหน  และแน่นอนว่าชิมชางมินและปาร์คยูชอนเพื่อนรักของยุนโฮก็ควรจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

    ที่อยู่ก็เพื่อกันไม่ให้ไอ้ตัวหล่อนี่มันสติแตกตายไปซะก่อนเนี่ยล่ะ...

    “เค้าเรียกแต่งแบบสโมคกี้อายส์ไง พี่ยุนโฮ เดี๋ยวนี้เค้าฮิตแบบนี้แหละ เท่ๆ โหดๆ”

    “แต่มันแสบตานี่”

    “พี่เปลี้ย จับพี่ยุนโฮแน่นๆ สิครับ”

    เสียงเรียกนั้นทำให้ยูชอนขมวดคิ้ว ก่อนจะกัดฟันกรอด

    “แน่นน่ะแน่นได้เว้ย แต่นี่ปาร์คยูชอน ไม่ได้ชื่อเปลี้ย! เรียกกันดีๆ ได้มั้ยคิมจุนซู?”

    “พี่คือพี่เปลี้ยยูชอน ยังไงพี่เปลี้ยยูชอนก็คือพี่เปลี้ยยูชอนอยู่ดี” จุนซูตอบกลับไม่แยแส ทำเอายูชอนขึ้น “ไอ้เด็กนี่!

    “เอาน่าพี่ เอาไว้ทะเลาะกันทีหลังเถอะ พี่ยุนโฮ ทนหน่อยนะครับ ถือว่าเพื่อแจจุงนะ”

    และเสียงชิมชางมินนั่นเองที่ทำให้ทุกอย่างสงบลงในที่สุด

     

    เสียงกรี๊ดดังถล่มทลายทันทีที่ร่างสูงของรุ่นพี่ที่ทุกคนเฝ้าใฝ่ฝันจะเห็นปรากฏกายขึ้นที่หน้าขบวนพาเหรด หลายความสนใจที่เล็งพุ่งเป้าไปที่การประกวดท็อบไอดอลของงานกีฬาสีในครั้งนี้  ไม่จำเป็นต้องบอกว่าคนที่มาแรงและเป็นที่สนใจที่สุดในงานนี้เป็นใคร  เพราะมันเดาได้ไม่ยากจริงๆ

    “กรี๊ดดดดดดดดด พี่ยุนโฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ หล่อมาก ! หล่อมาก ! เท่มากๆๆ !

    ร่างสูงในชุดทหารฝรั่งสีแดงขลิบเลื่อมยศสมเกียรติสีทองยืนตรงอยู่ที่หน้าขบวน สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ในขณะเดียวกันดวงตาที่ถูกแต่งหน้าด้วยสไตล์สโมคกี้อายส์นั้นก็ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูดุดันและเท่ขึ้นกว่าเดิมมาก ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มยืนตรงอย่างไม่สะทกสะท้านแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างที่ยุนโฮไม่เคยนึกชอบ หากแต่ใครจะรู้ สิ่งที่ยุนโฮเฝ้ามองและจับบจ้องตลอดเวลากลับไม่ใช่ขบวนพาเหรด สาวๆ เชียร์ลีดเดอร์ กองทัพนักกีฬาหรือถ้วยรางวัลใดๆ

    เขาแค่มองหาใครบางคน...

    ขบวนพาเหรดเริ่มเดินด้วยรูปขบวนที่ตรงกับที่ซ้อมกันเอาไว้ก่อน ยุนโฮเดินได้ดีและการโยนไม้ดรัมเมเยอร์ของเขาก็ทำได้ดีมาก หลังจากใช้เวลาถึงเจ็ดวันกว่าจะทำให้ยุนโฮแน่ใจได้ว่าทฤษฎีความสามารถมนุษย์ของเขายังไม่ผิดไป ยุนโฮก็เริ่มโยนมันและรับได้บ่อยขึ้น จนคล่องมือในที่สุดด้วยความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากปาร์คจียอง

    งานประกวดพาเหรดของสีในช่วงครึ่งเช้าแรกผ่านไปได้ด้วยดีอย่างราบรื่น

    และผลการประกวดท็อบไอดอลสรุปออกมาด้วยคะแนนของยุนโฮที่ชนะอกแทคยอนเฉียดฉิวเพียงไม่กี่คะแนน

    ถึงมันจะน่าเบื่อ ถึงจะน่าเซ็งตรงที่ต้องทนแดดร้อน ต้องทนฟังเสียงกรี๊ดดังๆ ที่อยู่รอบตัว

    แต่พอเห็นตากลมๆ กับอมยิ้มน้อยๆ ของคนที่ยืนมองเขาอยู่ข้างๆ ขบวนพาเหรดคนนั้น

    มันก็ทำให้ยุนโฮคิดว่าทุกอย่างมันประสบความสำเร็จเสียจริงๆ

     

    หลังจากที่ต้องทนกับแสงแดดเจิดจ้าและการรุมล้อมๆ ของสาวๆ ที่มาขอถ่ายรูปอยู่นานเป็นชั่วโมง ในที่สุดยุนโฮก็มีโอกาสได้ปลีกตัวออกมาจากที่นั่นจนได้ ตัวสวยหายไปจากที่นี่แล้ว แต่ยุนโฮรู้ดีว่าเขาจะไปหาแจจุงเจอได้ที่ไหน ร่างสูงรีบตรงไปที่เดิม ใช้สายตามองในสิ่งที่เขาเอาแต่มองมาตลอดเวลาตั้งแต่ได้รู้จักกับแจจุง

    ดวงตากลมโตรอสบกับเขาอยู่ที่ที่เดิม

    โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ยุนโฮพบแจจุงเป็นครั้งแรก...และทุกครั้ง...

    ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยทักมนุษย์ดาวอังคารของเขาที่วันนี้กลายร่างเป็นเจ้าชายชุดทหารด้วยรอยยิ้ม และแน่นอนว่าในทันที ยุนโฮเบะปากตามสัญชาตญาณ

    “ยิ้มอะไร ฮึ?”

    “ถ่ายรูปกันน่า รูปหนึ่งนะ”

    ยุนโฮส่ายหน้า

    “ไม่เอา น่าเกลียดจะตาย”

    “หล่อจะตาย! มาๆ เร็ว เอาหน้ามาใกล้ๆ ตรงนี้”

    “ไม่เอา ห้ามถ่ายเลย”

    “โอ้ย คนเค้าถ่ายรูปพี่กันทั้งโรงเรียนแล้วมั่งเหอะ” เสียงหวานบ่น “ทีถ่ายกับน้องคนอื่นถ่ายได้ ถ่ายกับแจจุงไม่ได้งั้นสิ?” ว่าไปแล้วก็งอนทำแก้มป่อง ร้อนถึงเจ้าชายชุดทหารที่ต้องรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย ถ่ายๆๆๆ ก็ได้ เอ้า จะทำอะไรก็ทำดิ”

    ไม่มีครั้งไหนที่ชองยุนโฮจะเอาชนะคิมแจจุงได้

     

    “ฮิฮิ ยิ้มน้า”

    ชองยุนโฮยังคงหน้าบึ้ง แม้จนกระทั่งตอนที่แจจุงส่งโทรศัพท์ให้ถือ และสั่งให้กดชัตเตอร์

    หากแต่ไม่ว่าจะมองยังไง

    ภาพของคนสองคนที่มีความสุขอยู่เต็มเปี่ยมก็กลับปรากฏอยู่ในนั้น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×