ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #15 : Part [7.] : ตุ๊กตา-นางฟ้า-ตัวสวย 3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.13K
      13
      2 ก.ค. 54

    -(: ตัวสวย ตัวหล่อ :)-     
    :  VII  ตุ๊กตา-นางฟ้า-ตัวสวย [3]

     

     

              มือเรียวลอกแผ่นพลาสติกใสๆ ออกด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะบรรจงแปะลงไปบนหน้ากระดาษสีขาวที่มีรูปแปะรอไว้อยู่แล้ว ดวงตาคมฉายแววสดใสแม้ว่าฝ่ามือใหญ่เหนียวไปด้วยกลิ่นกาว และกองขยะเทปสองหน้าที่กองเละเทะอยู่บนโต๊ะเรียนตัวเอง

                “เหย ทำไรของมึงอ่ะ” ทันทีที่เสียงออดดัง ชองยงฮวาที่หันกลับหลังมาประจันหน้ากับกองขยะบนโต๊ะเรียนที่มักจะว่างเปล่าอยู่เสมอของยุนโฮก็ต้องร้องออกมาอย่างสนใจ ในขณะที่ปาร์คยูชอนกับลีมินโฮก็ไม่พลาดอยู่แล้วกับการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของไอ้เพื่อนตัวดีที่ชักจะแปลกไปทุกวันคนนี้

                ยงฮวาเรียก แต่ยุนโฮไม่ได้ตอบ

                “ของขวัญน้องแจจุงล่ะสิมึง แล้วนี่นึกออกแล้วเหรอว่าจะให้อะไรอ่ะ?”

                “อืม” ยุนโฮตอบ พยายามเลี่ยงๆ ไม่อยากจะบอกไอ้พวกนี้สักเท่าไหร่ว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ลีมินโฮกลับซักไซ้ “แหมมมม มึง ไม่ต้องเขินไปหรอกน่า เท่าที่เป็นทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะกูว่า”

                “นั่นดิ ยอมน้องเค้าไปซะขนาดนั้นอ่ะ” ยูชอนรับเป็นลูกคู่อีกก่อนจะฮากันทั้งวง

                “มึงอ่ะไปล้อไอ้ยุนมันมาก แล้วมันเขินระเบิดตัวตายไปกูจะมองหน้าน้องแจจุงยังไงวะ ก๊าก” คำพูดที่เหมือนจะช่วยแต่ก็ไม่ทำเอาคนที่จะระเบิดตัวตายเงยหน้าขึ้นมามองตาเขียว “ไม่ได้ช่วยก็ไปไกลๆ ตีนเลยป่ะ”

                “โห อย่าเครียดดิๆ ล้อเล่นนะตัวหล่อจ๋า” ทันทีที่ปาร์คยูชอนเริ่มส่งเสียง ฝ่ามือพิฆาตก็บรรจบลงทันทีที่หน้าผากของเขา

              ผลั่วะ

              เจ็บจนถ้าลงไปร้องงอแงดิ้นๆ กับพื้นได้ยูชอนคงทำไปแล้ว

                “เปลี้ยเกินเยียวยาจริงๆ มึง”

                “อืม แล้วตกลงนี่กำลังทำอะไรอ่ะ ดูประดิษฐ์ประดอยจัง” ยงฮวาถามดีๆ พลางมองไปที่เหล่าดินสอ ปากกาน้ำเงิน ปากกาแดง ปากกาดำ ยางลบ ไม้บรรทัด ถุงดินสอ และสมุดที่รูปร่างคล้ายๆ กับไดอารี่บนโต๊ะที่ดูเหมือนยุนโฮจะกำลังทำอะไรซักอย่างกับมันอยู่

                ยุนโฮอ้ำอึ้งไป ก่อนจะยอมตอบออกมา “ถ้าบอกสัญญาก่อนป่ะว่าพวกมึงจะไม่ล้อกูอ่ะ”

                “ สัญญา / ไม่สัญญา !

                เสียงที่โพล่งขึ้นมาสามเสียงแต่ดันไม่สามัคคีกันเลยทำเอายุนโฮอึ้ง ก่อนยงฮวากับมินโฮจะหันหน้าไปมองปาร์คยูชอนตาเขียวปั้ด

                “ก็ถ้ามึงไม่สัญญาแล้วพวกกูจะได้รู้กันมั้ยเนี่ยะ ! เปลี้ยยูชอน !” เสียงนั้นทำเอาตัวเปลี้ยถึงกับหดเหลือสองนิ้ว ก่อนจะได้แต่สงบปากสงบคำแล้วร่ำไห้กับตัวเองในใจ

              แม้แต่ไอ้ยงฮวาก็ยังเรียกกูเปลี้ยอ่ะ ฮืออออออออออออออออออออ

              ยุนโฮเกาหัว ก่อนจะตอบ

                “กูจะให้ของพวกนี้แหละเป็นของขวัญให้เขา” เขาว่า “ก็เนี่ย ยุนโฮหยิบรูปตัวการ์ตูนที่เขาวาดเองแล้วเอามาปริ๊นท์เป็นสติกเกอร์ให้พวกมินโฮดู “ไอ้ตัวนี้ตัวอะไรรู้มั้ย?”

                “มึง! / หน้าเหมือนมึงเลย ! / มึงชัวร์ !” สามเสียงบอก ยุนโฮอึ้ง

    “มั่นใจขนาดนั้นเลย?”

                “ก็เหมือนขนาดนี้ เวลาที่เอาหมวกมาใส่แล้วเอาเฮดโฟนครอบอ่ะ มีมึงบ้าทำคนเดียว”

                อ้าววววว จริงดิ แล้วทำไมไม่เห็นรู้เลยวะ

                “อือ ก็ตัวสวยอ่ะบอกว่าชอบไอ้ตัวนี้”

    ยุนโฮขัดๆ เหมิอนจะเขินที่ต้องพูดออกไป “แล้วเค้าก็บอกว่าตัวนี้อ่ะ คือตัวกู กูก็เลยปริ๊นท์สติ๊กเกอร์พวกนี้มาทำเครื่องเขียนให้แจจุงใหม่เลย ก็คิดว่าถ้าทำแบบนี้ เค้าหันไปทางไหนก็จะได้เห็นแต่หน้ากูไง”

                ...!!!

                “ก็ไม่ได้ทำไรมาก แค่เปลี่ยนลายปากกาใหม่เป็นลายไอ้ตัวนี้ แฟ้มใส่งาน อะไรอีกวะ แล้วก็ถุงดินสอด้วย ให้มันมีไอ้ตัวนี้เยอะๆ เผื่อเขาจะชอบ แล้วก็มีสมุด ก็แบบ เออ ติดๆ เข้าไปธรรมดาอ่ะ กูก็ไม่ค่อยมีหัวศิลป์เท่าไหร่ว่ะ แต่เค้าบอกเค้าชอบกู กูก็เลยเอาตัวเองใส่ไปในของขวัญซะเลย”

                ใบหน้าคมอมยิ้มเมื่อนึกไปถึงหน้าน่ารักๆ ตอนกำลังอมยิ้มแล้ววาดรูป

                สาบานได้ว่าตอนนี้เพื่อนทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักแอะเดียว

              มันเพ้อได้ที่แล้วนะเนี่ย...

                “อืม แล้วกูก็ ... กะว่าจะทำเค้กให้เขาด้วยอ่ะ แต่ยังไม่ได้ลองเลย ใกล้ๆ แล้วค่อยคิด”

                “.....”

                คำตอบของยุนโฮทำเอาทั้งสามคนอ้าปากค้าง

                เพ้อระยะสุดท้ายแล้วนะมึงเนี่ย !

                จนยุนโฮที่เพิ่งรู้สึกตัวชักประหม่า

                “เฮ้ย ... เงียบไมอ่ะ ... มึงว่ามันปัญญาอ่อนป่ะวะ แต่กูคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ นะ”

                ของขง ของขวัญอะไร เพิ่งเคยคิดจะให้คนอื่นก็คราวนี้แหละ

                อย่าเงียบดิ เสียความมั่นใจหมด

                “มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เสียงที่ไม่มั่นใจของยุนโฮเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนที่ชองยงฮวาจะเข้าไปตบไหล่ยุนโฮเป็นคนแรก “กูซาบซึ้งมาก ชองยุนโฮ มึงโตขึ้นมาสมชายชาตรีจริงๆ“

                ก่อนมินโฮจะตบไหล่เหมือนกัน “กูเพิ่งรู้วันนี้แหละ ว่าที่จริงแล้วมึงเป็นผู้ชายที่โรแมนติกขนาดนี้ รุ่นพี่ก็รุ่นพี่เหอะ สู้ไม่ได้กับปลายขี้เล็บความคิดมึงเลย”

                ยุนโฮงง “อะไรวะ...ประชดกูรึไง” ยุนโฮถาม แต่เพื่อนทั้งสามส่ายหน้า

                ก่อนปาร์คยูชอนจะตบท้ายด้วยประโยคที่ไม่ว่าใครก็คงเห็นด้วย

                “ถ้ากูเป็นน้องแจจุงนะ รักมึงตายห่าไปเลยว่ะเพื่อน”

     

              ใครๆ ก็รู้ว่ายุนโฮพยายามแค่ไหนที่จะพยายามทำของพวกนี้ขึ้นมา

                มันน่ารักสมกับเป็นความคิดของชองยุนโฮ ผู้ที่มีชีวิตผูกพันกับการเรียนเสียจริงๆ

                ชองยุนโฮผู้ที่ไม่เคยแตะต้องงานศิลป์ใดๆ แค่คิดว่าแจจุงจะมาเห็นยุนโฮตอนนี้ เพื่อนๆ ของยุนโฮก็คิดว่าแจจุงคงจะยิ้มกว้างแล้วก็หน้าแดงแจ๋เลยก็ได้

                เป็นเพราะยุนโฮตั้งใจมากๆ มากเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เสียอีก ชองยุนโฮเด็กเนิร์ดที่ไม่เคยสนใจอะไร แต่ตอนนี้กลับลุกขึ้นมานั่งตัดสติ๊กเกอร์ ทำสมุดไดอารี่ แต่งลายถุงดินสอ

     

              ทั้งหมดนี่เพื่อคนเพียงคนเดียว

     

              5 กุมภาพันธ์ 2010

             

              “แหวะ เค็มชิบบบบบ ไอ้ยุนมึงโยนถุงเกลือเข้าไปในหม้อเหรอ?”

     

              “เค็มไปอีกเหรอ กูก็ดูตามสูตรในเว็บอ่ะ” ยุนโฮเกาหัว ก่อนจะเอานิ้วลองบิเศษขนมปังขึ้นมากินแล้วก็ต้องเบ้หน้า

                “กูว่ามึงไม่ไหวอ่ะ เอาไง เรียกคุณน้ามาช่วยดีกว่ามั้ง”

                “โอ้ย กูทำมาขนาดนี้แล้วนะเว้ย พอๆๆ หมดหน้าที่มึงละ รอชิมไปก็พอๆ”

                เป็นอีกครั้งที่ผองเพื่อนของยุนโฮมาสิงสถิตที่บ้านตระกูลชองอีกครั้ง

                แต่ครั้งนี้อาการหนักตรงที่ว่ารู้สึกว่าท้องอืดจนจะตายอยู่แล้วเนี่ยสิ

                คุณคงสงสัย ว่าแค่ชิมเค้กที่ไอ้ยุนโฮทำมันจะท้องอืดตรงไหนได้ใช่มั้ยครับ? แต่ปาร์คยูชอนมีคำตอบให้

                แล้วคุณจะเข้าใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่อไปนี้

     

                เช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ สามสมาชิกของเราถูกเรียกมาที่บ้านของไอ้ยุนโฮอย่างเร่งด่วน น้ำเสียงที่ดูร้อนรนของมันทำให้พวกผมต้องรีบกระวีกระวาดกันออกมาทั้งๆ ที่มันเป็นเช้าวันเสาร์ เพื่อที่จะได้มาพบกับสภาพบ้านของยุนโฮ ...

    ที่เละราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาก็ไม่ปาน

                ผมเป็นคนที่มาถึงคนแรก ก็ต้องอ้าปากค้างถึงสภาพบ้านที่ฟุ้งไปด้วยแป้งขาวๆ ลอยคละคลุ้งเต็มบ้านเหมือนไฟไหม้ ก่อนจะตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อภาพของไอ้ยุนโฮในชุดเสื้อกันเปื้อนในสภาพที่หูเหอและหน้าตาเละยิ่งกว่าเดินออกมาต้อนรับ

                นี่มึงจะพังบ้านเรอะไงเนี้ยยยย?

                ผมพอจะเดาได้ว่ามันกำลังทำอะไร และก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคุณน้าแม่มันคงไม่อยู่บ้านชัวร์ๆ

                ผมด่ายุนโฮว่าจะทำเค้กทำไมไม่ให้คนช่วยทำ ซึ่งเหตุผลอันดื้อดึงของมันก็ทำให้หัวผมแทบจะระเบิดเพราะหัวเด็ดตีนขาดมันก็ยืนยันว่ามันจะทำด้วยตัวเอง

                “ทั้งๆ ที่มึงก็ทำไม่เป็นเนี่ยนะ”

                “ใช่”

                อาเมน...

                “แล้วที่เรียกกูมานี่ล่ะ?”

                “ช่วยเก็บบ้านกับมาชิมไง”

                โอ้โหยยยยยย ไอเวรรรรรรรร

                ผมแทบจะยกมือขึ้นชกหน้ามันเสียเดี๋ยวนั้น ไม่ติดตรงที่ว่ามันคว้ากระดาษเอสี่บนโต๊ะที่เละไปแล้วขึ้นมาปัดฝุ่นๆ เสียก่อน แล้วบ่นพึมพำ “แป้งเค้ก บัตเตอร์เค้ก ไข่ไก่ น้ำตาลไอซิ่ง ส่วนผสมแบบนี้ ใส่เตาแล้วก็กดปุ่ม... อะไรวะ ก็ทำตามสูตรอ่ะ”

                “ไหนๆ มันเกิดอะไรขึ้น”

                ก่อนผมจะฟังที่มันเล่าแล้วต้องกุมขมับ

                ยุนโฮบอกว่ามันทดลองทำตามสูตรที่ปริ๊นท์มาจากเว็บแล้วหลายรอบมากๆ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการ โดยวิธีดังนี้

     

    1.มันพยายามคลำหาของที่เป็นส่วนผสมทั้งหมดมา (เอาใบที่ปริ๊นท์มาไปให้ร้านขายอุปกรณ์แล้วให้เค้าหยิบให้) หลังจากนั้นก็แบกของมาบ้านเพราะแม่มันไม่อยู่

    2.มันพยายามจะศึกษาว่า ไอ้หม้อ เตา ที่ตีไข่ มีด ของบ้าบออะไรในครัวมันใช้ยังไงบ้าง ได้แผลไปสองแผลเพราะดันโง่เผลอจับมีดด้ามคมด้วยนิ้วเปล่า (สะกิดนิดเดียว ปิดพลาสเตอร์แล้ว ยังดีที่มันทำแผลเองเป็น)

    3.มันผสมส่วนผสมตามสูตร รอบแรกเทแป้งพลาดฟุ้งไปทั่วครัว แต่ก็ยัดพิมพ์เข้าไปในเตาจนได้ สุดท้ายพอกดปุ่ม รอไปรอมาก็ ตู้ม! เปิดมาส่วนผสมก็ดำปิดปี๋ ที่สำคัญควันแป้งยังคลุ้งไปทั่วบ้านอีก

    4.ยุนโฮมันเลยผสมส่วนผสมใหม่อีก กดปุ่มใหม่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เคลียร์สภาพที่เละเป็นโจ๊ก (จากการตอกไข่ไม่เป็น ทำแป้งหก อุปกรณ์ครัวกระจาย) ของบ้าน ผมก็มาถึงเสียก่อน

    5. เป็นอย่างที่เห็น

     

    ผมถามมันว่าจะให้ช่วยอะไรมั้ย (เช่น การโทรไปถามวิธีทำแม่ที่บ้าน ผมช่วยเองคงอาการหนักกว่าเดิม แต่ยุนโฮยังคงดึงดันปฏิเสธ เอาแต่บอกว่าแค่ขนมปังก้อนเดียวมันทำได้อยู่แล้ว)

    หลังจากนั้นผมเลยปล่อยให้มันพังครัวตัวเองต่อไปอยู่คนเดียวโดยพยายามทำตัวเป็นประโยชน์ด้วยการช่วยเช็คพื้นบ้านที่เละไปด้วยฝุ่นให้ ผ่านไปประมาณ 30 นาที เสียงทุ้มที่ทำอะไรกุกกักอยู่ในครัวก็แหกปากเรียกผมอีก

    “ยูชอนนนนน”

    “ไรๆ”

    “ออกมาแล้วว่ะๆ”

    ร่างสูงของเพื่อนในชุดเสื้อกันเปื้อนสีเขียวอ่อนของแม่มันทำเอาผมอยากจะหัวเราะ หน้าหล่อๆ ของมันเละไปด้วยแป้งขาวๆ เหมือนเด็ก ก่อนมันจะประคองถาดเค้กก้อนเล็กๆ ออกมาให้ผมด้วยท่าทีระมัดระวัง “อันแรกเลยนะที่มันออกมาเหมือนในรูปอ่ะ”

    “อย่าเพิ่งเหลิง ห่า กินเข้าไปจะตายรึเปล่าก็ไม่รู้” ผมสบถ “รีบๆ กินดิ๊ๆ”

    ผมทำหน้าเหม็น ก่อนจะมองเค้กที่ดูภายนอกก็ท่าทางน่ากิน (กว่าเดิมนิดหน่อย) แล้วบิเนื้อขนมปังนิดนึงออกแล้วเข้าปาก...

    อื้อหืออออออออออออออออ

    “เป็นไงมั่งๆๆ ?”

    “อยากตาย นี่มึงระเบิดฟาร์มไข่ไก่ลงไปเหรอ? กลิ่นไข่วิ่งมาถึงไส้ติ่งกูเลยอ่ะ!

    ยุนโฮทำหน้าเซ็ง ก่อนจะแบ่งขนมปังในถาดใส่ปากแล้วทำหน้าเบ้ ยอมเดินกลับไปในครัวเหมือนเดิม

    เออ ยอมรับง่ายดี แต่ทีหลังช่วยทดลองชิมก่อนจะมาให้กูได้ป่ะ นี่เห็นปาร์คยูชอนคนนี้เป็นหนูทดลองหรือไง ! (สงสัยจะใช่)

    หลังจากนั้นไม่นานยงฮวากับมินโฮก็มาครับ ทีแรกพวกมันก็ระริกระรี้กันใหญ่ที่ได้เห็นไอ้ยุนโฮในมาดคุณพ่อบ้าน สาบานได้ว่าตั้งแต่พวกผมรู้จักน้องแจจุงนี่ อยากจะกัดลิ้นตายเมื่อการกระทำแต่ละอย่างของไอ้ยุนมันเลยครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นน่ะสิ รู้จักกันมาก็สี่-ห้าปี มันเคยทำอะไรอย่างคนธรรมดาเค้าซะที่ไหน จนพวกผมก็เริ่มจะสงสัยแล้วล่ะครับ ว่าบางทีน้องแจจุงอาจจะเป็นนางฟ้าหรืออะไรซักอย่างจริงๆ

    พอพวกเข้ามา มาถึงก็ทำหน้าระรื่นพลางตบมือกันยกใหญ่เมื่อเห็นเค้กก้อนที่ห้าในมือไอ้ยุนโฮเพื่อนรัก จนกระทั่งได้เอาใส่ปากเข้าไปนั่นแหละ ก๊ากกกกก ผมล่ะอยากจะขำให้ลั่นบ้านตระกูลชองตอนเห็นหน้าไอ้มินโฮ เป็นไง บอกแล้วของอย่างนี้ดูแต่ภายนอกได้ที่ไหนล่ะ ฮ่าๆ

     แต่งานนี้ดูถ้าคนที่เหนื่อยสุดคงจะเป็นไอ้ยุนโฮ เพราะรายนั้นงมมาตั้งแต่เช้า จนเย็นแล้วก็ยังไม่เสร็จ ไอ้พวกผมมันกระเพาะเหล็กรสชาติห่วยแค่ไหนกินน้ำตามแล้วชิมต่อได้ ถ้าจำไม่ผิดผมชิมเค้กไอ้ยุนโฮมาเป็นสิบๆ ก้อนแล้ว (ทำทีละก้อนเล็กๆ) รสชาติมันก็โอเคขึ้นเรื่อยๆ แหละ เดี๋ยวเค็มไป หวานไป เกลี่ยไปเกลี่ยมาก็ชักจะอร่อยละ

    “อีกทีดิ๊ !

    “โอยยย พวกกูอิ่มอ่ะ กูว่ามึงเรียกคุณน้าดีกว่า” ยงฮวาโอดเหมือนเห็นเค้กฝาแฝดกับไอ้ก้อนตะกี้มา ในขณะที่ผมเองก็นอนแผ่สองสลึง ไม่ไหวด้วยแล้วเหมือนกัน “อิ่มแล้วอ่ะไอ้ยุนนนน” มินโฮก็ว่างั้น

    “เฮ้ยยยย อีกทีดิ อันนี้กูมั่นใจแล้ว นะนะ”

    พวกผมส่ายหน้าไม่เอากันสลอน จนในที่สุดยงฮวาที่เป็นผู้เป็นคนก็อาสาช่วยเหลือเพื่อนรักด้วยการหยิบมากินอีกคำ “คราวนี้ห่วยอีกกูเรียกคุณน้านะ”

    ยุนโฮพยักหน้า หน้าตาน่าสงสารโคตรๆ แต่พวกผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันอ่ะ

    “อืมมมม... เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

    ทันทีที่ใส่เข้าปาก ไอ้ยงฮวาก็ร้องลั่น ทำเอาพวกผมหนาเหวอ “เป็นไรรรรรรรร”

    “ไม่ไหวๆ หวานเกินว่ะ พวกมึงอย่ากินเลยเสียดายปาก” มันแย่งจานมาจากมือไอ้ยุนโฮ ก่อนจะหยิบมากินอีกคำ เฮ้ย มีลับลมคมในว่ะ ไอ้มินโฮทำหน้างง “ห่วยอีกแล้วเหรอ..”

    ผมสงสัยจึงได้หยิบมากินอีกคน ก่อนจะบ่นตามไอ้ยงฮวา “เออ มินโฮ อย่ากินเลย สมควรเอาไปทิ้งสุดๆ หืม .. สงสัยท้องเสียแหงๆ ..“ ผมว่าก็จะแย่งกันซัดกับไอ้ยงฮวาราวกับเมื่อกี้ไม่ได้พูดเลยว่าอิ่มโคตรกันชนาดไหน

    “อะไรของพวกมึงเนี่ย ไม่อร่อยแต่ดันแย่งกันกิน กูไม่เชื่อ มาลองดิ๊ !” ว่าแล้วมันก็ฉกเข้าปากไปจนได้ “เฮ้ยยยยยยยยยยย อร่อยว่ะ ใช้ได้เลยไอ้ยุน เป๊ะเลย”

     

    สภาพพวกตัวดีที่กำลังแย่งกันกินเค้กของยุนโฮทำเอาร่างสูงฉีกยิ้มกว้าง ก่อนใบหน้าหล่อเหลาที่เลอะไปด้วยแป้งจะฉายแววพอใจออกมา

     

    : )

     

    ...

     

    6 กุมภาพันธ์ 2010

     

    “ต้องใส่ขนาดนี้เลยเหรอวะ?”

    “เอออออ หล่อมาดดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะเว้ย”

    “แต่กูนัดตัวสวยแค่ร้านอาหารเอง...ไม่เว่อไปหน่อยเหรอ?”

    “ร้านอาหารแหละ เหมาะกับ สูท ที่สุดละ ที่สำคัญ หน้าตาอย่างมึง แต่งแบบนี้มีแต่เค้าจะหันกันมามองกันทั้งโซล ดูดีสุดๆ มั่นใจดิวะ!

    “แต่...”

    “เอาเหอะ เว่อๆ ไปเหอะ ไม่งั้นเสียแรงที่พวกกูอุตส่าห์มาขลุกอยู่ที่บ้านมึงตั้งสองวันแย่”

    “แต่กูไม่เคยแต่งงี้เลยนะ!

    “ทุกอย่างที่มึงทำให้น้องแจจุงก็  ไม่เคย ซักอย่างนั่นแหละ ทำๆ ไปเหอะ ไหนๆ ก็ทำขนาดนี้ละ” ชองยงฮวาว่าขณะที่เอามือปัดๆ ไหล่ให้เพื่อน “หืม.. วันนี้เพื่อนกูหล่อขั้นเทพไม่ไหวแล้ว”

    สามฝ่ามือตบลงให้กำลังใจ ก่อนตัวหล่อในมาดใหม่ที่เซตผมเป็นทรงกับสูทสีดำสนิท คว้าช่อดอกไม้ ก่อนจะถือกล่องของขวัญกับกล่องเค้กขับรถออกจากบ้านไปด้วยใจที่แม้แต่ตัวเองยังอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

     

    วันนี้ต้องโรแมนติก โรแมนติก โรแมนติก

    โรแมนติก โรแมนติก โรแมนติก ท่องเอาไว้ !

     

    Romantic !

     

    ...

     

    ใบหน้าน่ารักอมยิ้มน้อยๆ ขณะนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะอาหารสีน้ำตาลอ่อนที่ริมในสุดของร้านอาหารอิตาเลี่ยนเล็กๆ ที่เขานัดกับคนตัวสูงเอาไว้ ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารที่แจจุงบังเอิญมาเจอกับยุนโฮตอนไปเดินเที่ยวด้วยกันที่อินดี้ทาวน์ตอนที่ยุนโฮกับแจจุงเพิ่งรู้จักกันไม่นาน วันนั้นแจจุงอยากมาที่นี่มากเพราะบรรยากาศข้างนอกน่ารักสุดๆ แต่เพราะเป็นตอนเย็นแล้วก็เลยไม่ได้เข้าไป และวันนี้ มันจึงเป็นสถานที่ที่แจจุงกับยุนโฮคิดว่าเหมาะที่สุดที่จะฉลองวันเกิดด้วยกัน

    วันนี้เป็นวันเกิดของยุนโฮ .. แต่อันที่จริงถือว่ายุนโฮกับแจจุงเกิดใกล้กันมาก แจจุงเป็นน้องยุนโฮเกือบหนึ่งปี และนี่เป็นวันเกิดปีแรกที่แจจุงจะได้ฉลองวันเกิดกับตัวหล่อที่แสนจะน่ารักของแจจุงคนนี้

    ตากลมมองไปที่ถุงแก้วใสๆ ที่ใส่ของขวัญของตัวเองเอาไว้แล้วอมยิ้ม ร่างบางในชุดเสื้อยืดคอวีสีสดใสตามสไตล์กับกางเกงผ้ายืดแนวเรียวขาเสลาสีเทาอมชมพูยังคงน่ารักเหมือนทุกวัน  ก่อนเสียงฮือฮาซุบซิบที่ดังขึ้นจะเรียกให้ดวงตากลมหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างสงสัย

    ก่อนจะต้องตาโตกว่าเดิมเหมือนเห็นภาพตรงหน้า

     

    สายตาเกือบทุกคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่มร่างสูงผู้มาใหม่ ชองยุนโฮในชุดสูทที่โตกว่าอายุเดินเข้ามาอย่างทุลักทุเล ใบหน้าคมนั้นยังคงดูเรียบเฉยเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่เขาพยายามใช้ขาและช่วงลำตัวเปิดประตูร้านเข้ามา มือใหญ่นั้นประคองกล่องสี่เหลี่ยมด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม ข้างแขนซ้ายยังเหน็บช่อดอกไม้เอาไว้ข้างกาย ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วเดินเข้ามาทางแจจุงทันทีที่สบเข้ากับดวงตากลมๆ ของคนที่นัดเอาไว้

                สายตาหลายคู่ยังคงจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มผู้ที่ดูดีสุดๆ และโดดเด่นกว่าใคร ในขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเสียงอะไรหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของคิมแจจุงที่แทบจะช็อคไปแล้วกับความเซอไพร์สของตัวหล่อหน้ามึนของตัวเองในวันนี้

                ทันทีที่ร่างสูงหย่อนกายลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับตัวสวย เขาก็รีบยื่นดอกไม้ช่อโตที่ประคองถือมาตั้งแต่ลงจากรถในคนน่ารักที่ยังนั่งงงไม่เลิก แจจุงอึ้งไป ใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่าเวลาธรรมดาเป็นร้อยเท่า แต่ใครเล่าจะรู้ ถ้าหัวใจแจจุงเต้นเร็วกว่าเดิมร้อยเท่า หัวใจของยุนโฮยิ่งเอาความเร็วนั้นยกกำลังสองไปอีกสิบรอบ...

                ก่อนเสียงทุ้มๆ ของเพื่อนรักจะดังเข้ามาในหัว

                ไปถึงมึงต้องใจเย็นๆ อย่าพูดอะไรห้วนๆ ใส่น้องเขา เงียบไว้ แล้วพยายามยิ้ม ยิ้มแบบพระเอก

              คิดได้อย่างนั้นริมฝีปากก็พยายามยิ้มออกมาทั้งที่ตัวเองแทบจะแข็งเป็นหินอยู่แล้ว ยุนโฮเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับแจจุงที่กำลังจะสำลักความเขินตายอยู่ตรงนั้น แล้วเอ่ยเสียงพูดขึ้นทำลายความเงียบ

              จะพูดอะไรให้สุภาพ จุดตายที่ดีอย่าลืมลงท้ายว่า “ครับ”

              ...สุขสันต์วันเกิดนะครับ..”

                เจ้าของเสียงพูด ก่อนจะยิ้มรับคำสุดท้ายนั้นอีกครั้ง พลางยื่นกล่องของขวัญไปให้แจจุง จนคนตากลมได้แต่อึ้งแล้วกะพริบตาปริบๆ ให้กับความโรแมนติกเกินพิกัดของชองยุนโฮคนตรงหน้าตรงนี้ ก่อนปากกลมๆ อมยิ้มน้อยๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นของมือใหญ่ที่สัมผัสเขาแผ่วเบาเมื่อครู่

                นึกอีกสิยุนโฮ ต้องทำอะไรอีก นึกสินึก

               มาดดีมีชัยไปก่อน ทักทายน้องแจจุงด้วย....

              ด้วยอะไรอ่ะ? โอ้ยนึกไม่ออก หัวสมองมันตื้อไปหมดแล้วจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว !

                ยุนโฮพยายามนิ่งทั้งๆ ที่ในใจร้อนเป็นไฟ ยิ่งเห็นคิมแจจุงมายิ้มในระยะประชิดแบบบนี้เขายิ่งทำอะไรไม่ถูก ที่ไอ้พวกนั้นเคยพูดก็ดูจะลางเลือนในสมองเป็นบ้า

                ก่อนเสียงใสๆ กับฝ่ามือที่เลื่อนมาจับนั้นจะทำให้ขีดจำกัดของยุนโฮหมดลงในที่สุด

                “นี่ ไม่ต้องฝืนขนาดนั้นก็ได้นี่นา...”

                ...

                ยุนโฮเงยมองหน้าตัวสวยที่เขายอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนๆ นี้เพียงคนเดียว รอยยิ้มสวยที่เป็นเอกลักษณ์ส่งให้ยุนโฮอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่ว่าจะแบบไหน ก็โรแมนติกทั้งนั้นแหละน่า”

                ยุนโฮถอนหายใจ ก่อนยิ้มออกมาอย่างยอมรับว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อจากนี้

                “รู้แล้วน่า .. ตัวสวยพูดมาก”

                แจจุงหัวเราะ ก่อนจะมองไปที่กล่องสี่เหลียมที่เห็นยุนโฮประคองมาตั้งแต่เข้ามาในร้าน “แน่ะ มีดอกไม้แล้ว มีของขวัญแล้ว แล้วนี่กล่องอะไรอีกอ่ะเนี่ย?”

                “ลองเปิดดูสิ”

                ยุนโฮทำหน้าบึ้ง ก่อนจะสั่งห้วนๆ อย่างที่เป็นตัวเองสุดๆ แจจุงหัวเราะเบาๆ ก่อนภาพที่เห็นหลังจากยกฝากล่องออกจะทำให้ตากลมๆ ต้องเบิกกว้าง

                “เอ๋....”

               

              ‘Happy birthday -( : ตัวสวย ตัวหล่อ : )-

     

                ตัวหนังสือนั้นบูดเบี้ยวอย่างที่คนมองเดาได้ไม่ยากว่าใครจะเป็นคนทำ หน้าเค้กที่วาดเป็นรูปรอยยิ้มนั้นทำเอาแจจุงอุ่นวาบไปทั้งอก แล้วถามเสียงเบาๆ ราวกับยังตั้งตัวไม่ทัน “....นี่ อย่าบอกนะ ว่า...”

                ยุนโฮที่อาการหน้าแดงเริ่มกำเริบ ทันทีที่พอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร เสียงทุ้มก็รีบดัก “เงียบไปเลยๆ ไม่ต้องเป่าแล้วเทียนเทิน รีบกินเร็วๆ ซิ”

                “เดี๋ยวสิพี่ยุน...อื้อ !

                เพราะเขินกันไปเขินกันมาจนไม่รู้แล้วว่าใครเขินกว่าใครกันแน่ ตัวหล่อที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อนก็รีบคว้าส้อมตักเค้กจิ้มใส่ปากของแจจุงทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว จนปากกลมๆ นั้นเลอะไปด้วยคราบครีมแต่ก็ยอมเคี้ยวๆ เข้าไป “เลอะหมดอ่ะ!

                อยากจะว่าต่อ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้มาสบตากับสายตาที่ดูเหมือนจะคาดหวังเสียเหลือเกินของตัวหล่อคนข้างหน้าที่มองราวกับจะถามว่า เป็นไงบ้าง?

                แจจุงหัวเราะจนหน้าแดง ก่อนจะตอบออกไปทั้งรอยยิ้ม “อร่อยที่สุดเลย”

               

                ....

     

                ผลัดกันแกล้งป้อนกันไปป้อนกันมาจนเค้กปอนด์เล็กๆ ที่เป็นผลงานอันสุดแสนจะยิ่งใหญ่ของยุนโฮหมดลงไป แจจุงกับยุนโฮจึงสั่งข้าวมากินกันคนละจาน รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของตัวสวยที่โดนเซอไพร์สอะไรมากมายเหลือเกินจากตัวหล่อที่แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนตั้งแต่รู้จักกัน เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนรู้ตัวอีกที ตัวสวยก็ชวนตัวหล่อออกมาเดินพักท้องข้างนอกร้านซะแล้ว

                “ฮ้า อิ่มจัง” แจจุงยิ้ม ในมือถือกล่องถุงแก้วกับช่อดอกไม้ไว้ในมือ

                “กินเข้าไปเยอะๆ น่ะดีแล้ว จะได้โตไวๆ” ยุนโฮว่าเรียบๆ ในขณะที่แจจุงดึงร่างสูงให้นั่งลงมาที่ม้านั่งเล็กๆ ข้างกัน โดยมีแสงไฟส่องทำลายความมืดที่เริ่มโรยตัว “ว่าแต่เขา ตัวเองเหอะ นึกคึกอะไรมาใส่สูทน่ะ แก่แดดจริงๆ”

                “...งะ เงียบน่า ก็ไอ้ยงฮวามันบอกให้ใส่ บอกมันแล้วว่าเว่อ” คนหน้าตึงบ่น ในขณะที่แจจุงหัวเราะแล้วเอี้ยวตัวไปดึงเน็คไทให้เข้าที่ “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ใส่อย่างงี้หล่อออก”

     

              ตึกตักตึกตักตึกตักตึกตัก

                โอ้ย รำคาญหัวใจ!

     

                “...เปิดของขวัญดูยัง...” หลังจากที่เงียบไปซักพัก ยุนโฮก็ถามขึ้นมาราวกับต้องการทำลายความเงียบ แจจุงหัวเราะ “ก็นั่งอยู่ด้วยกันเห็นว่าแกะยังล่ะ ไม่เอาอ่ะ เอาไปดูที่บ้าน”

                “อืม...” ว่าแล้วก็เงียบกันไปอีก จนแจจุงที่กำของขวัญในมืออยู่นานจะส่งสิ่งที่บรรจงทำขึ้นมาด้วยมือให้ยุนโฮ

    “อ่ะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์”

     

    หืม.....???

     

    ดวงตาเรียวคมมองสิ่งที่ห้อยต่องแต่งอยู่ต่อหน้าตัวเองด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะทำตาโต “อะ อะไรน่ะ...”

    แจจุงหัวเราะ “แล้วคิดว่าเหมือนอะไรล่ะ”

    สิ้นคำถามนั้น ยุนโฮตอบออกมาราวกับไม่ได้คิดเลย

    “ตัวสวย!

      
     

              แจจุงหัวเราะ เมื่อยุนโฮรีบคว้าตุ๊กตาตัวนั้นไปจากมือเขาแล้วจ้องมันด้วยความสนใจทันที

                “ให้อันนี้เป็นของขวัญวันเกิดแล้ว ... จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านแล้วนะพี่ยุนโฮ”

                “หืม ...” ยุนโฮเลิกคิ้ว ก่อนแจจุงที่หน้าแดงแป้ดไปแล้วจะตอบ “ก็...เวลาแจจุงไม่อยู่ ตัวนี้ก็เหมือนตัวแทนแจจุงไง .. เห็นบอกว่าชอบ .. คิดถึง .... แจจุงอยู่เรื่อย งั้นก็ ... เอาตัวสวยไปก่อนละกัน”

                “หืมมม” ยุนโฮครางรับ ก่อนจะจ้องมองตุ๊กตาตัวน้อยด้วยท่าทางถูกใจสุดๆ มือใหญ่ยกขึ้นเทียบกับใบหน้าน่ารักแล้วครุ่นคิด

                น่ารักเหมือนกันเปี๊ยบเลยยย !

                “ถึงจะไม่ใช่ตัวจริง ... แต่แจจุงก็เสกแล้วนะ ! แจจุงทำร่างแบ่งภาคเข้าไปในตัวนั้นแล้ว !” พูดเองก็ยิ้มเขินเอง ก่อนยุนโฮจะพยักหน้ารับแล้วกำตัวสวยตัวน้อยไว้ในมืออย่างชอบใจ

                “นี่ เลิกเล่นได้แล้วน่า อะไรจะชอบขนาดนั้น”

                “ตัวสวยทำเองเหรอ?”

                “อื้อ ... “ แจจุงพูด ก่อนสัมผัสยุกยิกกับอะไรเขียวๆ ที่เอวจะทำให้ยุนโฮสงสัย “นั่นอะไรน่ะ!

                “หือ...เปล่า ไม่มีอะไร” แจจุงพูดปัดๆ แต่การปิดบังนั้นไม่หลุดพ้นไปจากสายตาของยุนโฮได้ “เอามาดูนะ!

                “อื้อ... พี่ยุนโฮ .. อ่ะ”

                มือใหญ่คว้าเข้าได้ที่ข้อมือเล็ก ก่อนสัมผัสนุ่มๆ ของวัตถุในมือจะทำให้เขาอมยิ้ม

                “ตัวหล่อนี่!” ยุนโฮยิ้มล้อ ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะแว้ดกลับไปทั้งๆ ที่หน้าแดงแจ๋ไปหมด

     

                “นึกว่าตัวเองฟุ้งซ่านเป็นคนเดียวรึไงล่ะ !

     

     

                ....

                ร่างบางล้มลงลงกับที่นอนในขณะที่มือนิ่มยกผ้าขนหนูขึ้นซับความชื้นที่เส้นผม พลางแกะของขวัญในกล่องออกดูด้วยความตื่นเต้น แล้วก็ต้องอมยิ้มออกมากว้างๆ เมื่อเห็นของใช้กระจุ๊กกระจิกที่ทำด้วยมือที่ติดสัญลักษณ์ของตัวหล่อเต็มไปหมด

                สุขสันต์วันเกิด .. ชอบนักสิไอ้ตัวเนี้ย ! มองให้พอแล้วก็ไม่ต้องไปมองรุ่นพี่อีกนะ !’

     

                มันเป็นวันเกิดที่มีเรื่องให้เซอไพร์สเยอะที่สุดในชีวิตของแจจุงเลยทีเดียว

                และแน่นอนว่า มันจะเป็นความทรงจำที่แจจุงจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด...

     

                ให้ตายเหอะ ! วันนี้แจจุงยิ้มไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย !

     

    "ทำไมตัวหล่อต้องสีเขียว"

    "เพราะพี่ยุนโฮชอบสีเขียว"

    "ทำไมตัวหล่อต้องหน้าบึ้งล่ะ?"

    "เพราะพี่ยุนโฮชอบทำหน้าบึ้ง"

    "แล้วทำไมตัวสวยถึงสวยล่ะ?"

    อื้อ... เขินตายอ่ะ !

     

     

    -----------------

    EDIT : เพิ่งเห็นว่ารูปไม่ขึ้น TT กลับมาแก้ใหม่แล้วค่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×