ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #21 : Part [10.] : อินฟิค 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.3K
      9
      30 ก.ค. 54

    -( : ตัวสวย ตัวหล่อ : )-
    : X อินฟิค. 2

     

     

                ไม่รู้เป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ คือช่วงนี้ชองยุนโฮรู้สึกว่าเขาเบื่อขี้หน้า “ปาร์คยูชอน” ชะมัด

     

                “ยุนโฮฮฮฮฮฮฮ เอาการบ้านมาลอกหน่อยดิ กูลืมทำมาอ้ะ!

                เสียงทุ้มร้องโอดครวญครางหาเพื่อนรักแต่เช้าในทันทีที่มาถึงโรงเรียน  ใบหน้าแป้นแล้นของเจ้าตัวที่กรูดไปหาเพื่อนคนอัจฉริยะของตัวเองอย่างต้องการที่พึ่ง แต่กลับได้เพียงสายตาเย็นชากลับมาจากยุนโฮ

                “.....”

                “ยุนโฮฮฮฮฮฮ ยืมการบ้านนนนน”

                เมิน

                ริมฝีปากกระจับได้รูปเบ้ออกน้อยๆ ก่อนจะทำหน้าบูดบึ้งตามแบบฉบับใส่ยูชอน

                เป็นอะไรของแม่งอีกเนี่ย? คนยิ่งรีบๆ อยู่

                “ยุนโฮ ขอการบ้านให้กูเหอะนะ นะ นะ นะ นะ”

                ตุ้บ!

                สมุดแห่งความปรารถนาของยูชอนวางอยู่ตรงหน้าตามที่เจ้าตัวต้องการ ปาร์คยูชอนยิ้มร่าไปคว้าหมับเอาไว้ทันทีอย่างลูกหมาได้กระดูก แต่หางกระดิกได้ไม่กี่ทีก็ต้องหันมาทำหน้างงกับอาการปั้นปึ่งของเพื่อนตัวสูงที่ลุกขึ้นแล้วเดินหลบไปเงียบๆ

     

                “ เป็นอะไรของเค้าอีกเนี่ย...ไม่รู้ด้วยและ ตอนนี้ต้องลอกการบ้านก่อน!

               

                .............

     

                วันนี้เป็นโอกาสดีที่คาบเรียนเกษตรของแจจุงตรงกับวิชาพละของยุนโฮ และเพราะอาจารย์ไม่มา แจจุงจึงชวนชางมินกับจุนซูมานั่งดูพวกยุนโฮเล่นบาสเก็ตบอลด้วยกันเหมือนกับที่เด็กนักเรียนคนอื่นๆ มาดูกันที่ข้างสนาม และเพราะไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว แจจุงจึงพยายามยิ้มและโบกมือเพื่อให้ยุนโฮเห็นว่าเขามาดูด้วย

                ก็อยากจะเห็นตัวหล่อยิ้มเขินๆ เพราะเขามาดูแล้วเล่นไม่ออกบ้างอะไรบ้างนี่นา

                แจจุงคิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้น

                แต่..

                ในทางกลับกัน ทันทีที่เห็นหน้าแจจุง แทนที่จะดีใจเหมือนทุกที บางสิ่งบางอย่างกลับดังขึ้นทันทีในหัวของยุนโฮจนทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นบึ้งตึง

     

                 ใบหน้าน่ารักฉีกรอยยิ้มกว้างแสนสดใสอย่างปิดไม่มิดอยู่ที่ข้างสนาม ท่ามกลางสายตาคมที่จับจ้องอยู่ที่ตรงนั้น ยุนโฮเหม่อลอย เขายังคงมอง มองแม้จะรู้ว่าที่ปลายสายตาของดวงตากลมใสนั้นไม่ได้จ้องมองมาที่เขาก็ตาม

     

              หากแต่มองไปที่เพื่อนรักของเขา...ปาร์คยูชอน

     

              เฮ้ย ไอ้ยุนโฮ เหม่ออะไรอยู่วะ ส่งบาสมาดิ !

     

                “เฮ้ย ไอ้ยุน ส่งมาให้กูๆ”

                คนหน้าเหวอที่ยังอ้าปากจนห้อยหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย มือขาวถกแขนเสื้อขึ้นอย่างที่นึกว่าเท่ หากแต่คิมจุนซูกลับเบ้หน้าให้ในทันทีที่เห็นภาพนั้น

                เดิมทีว่าเปลี้ยแล้ว...เวลาเห็นหน้าโทรมๆ กับท่าเหมือนลูกลิงตอนเล่นบาสฯ แบบนี้ยิ่งดูเพลียอีกสิบเท่าอ่ะ !

                จุนซูก็เบ้หน้า ในขณะเดียวกันยุนโฮเองก็จิ๊ปาก

                ใครใช้ให้มาพูดเหมือนประโยคในนิยายนั่นแบบนี้ฮะไอ้ปาร์ค!

                ทันทีที่ตัดสินใจได้ ชองยุนโฮก็ส่งลูกยางกลมๆ ให้ชองยงฮวาแทนที่จะส่งให้ตำแหน่งใกล้ที่สุดอย่างยูชอนเหมือนทุกที ปากห้อยๆ อ้ากว้างอย่างตกใจ ในขณะเดียวกับที่ยงฮวาต้องรับลูกไปเล่นเองอีกอย่างงงๆ ด้วยเช่นกัน

     

                หนอย..ตัวเปลี้ย คิดว่าจะเท่กว่าตัวหล่อหรือยังไง

                หงุดหงิด ชองยุนโฮหงุดหงิดจริงๆ !

     

                ชั่วพริบตา ยุนโฮเห็นตากลมๆ นั่นเบนสายตามามองที่เขา เขาเกือบจะฉีกยิ้มตอบรับกลับไป หัวใจเต้นแรงไปหมด มีเพียงไม่กี่ครั้งที่ดวงตาคู่นั้นหันมาเห็นเขา เขาที่อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาแต่เจ้าของมันกับทำราวกับว่าตัวตนของเขาเป็นอากาศ

     

                เขารีบหันหลังกลับไป

                ดวงตากลมๆ คู่เดิมยังจ้องมองเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา ปากกลมๆ อ้าขึ้นเมื่อเห็นเขาหันไปสบตาด้วย ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาจนถึงดวงตาจนยุนโฮรู้สึกใจเต้น

                ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแสยะปากน้อยๆ อย่างร้ายกาจ พลางชายหางตาไปให้ปาร์คยูชอนที่ยังคงตั้งใจขะมักเขม้นเล่นบาสฯ ไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย

     

              หึ เป็นไงล่ะ ไอ้ปาร์ค ตัวสวยมองกูต่างหากล่ะ

     

                “โอ้ส มินโฮ ทางนี้ๆๆ” กระโดดเหยงๆ เป็นเจ้าเข้าทันทีที่ลูกบอลอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือปัด ยูชอนกำลังลุ้น ก่อนจะหันไปสบเข้ากับใบหน้าอย่างตัวร้ายของยุนโฮที่จ้องมองมาทางเขาเสียก่อน คิ้วเรียวขมวดมุ่น

                ไอ้ยุนโฮมันเป็นไรมากเปล่าเนี่ย โดนทำหน้าติ๊งต๊องใส่มาตั้งแต่เช้าละ

     

                “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย”

     

                เสียงเพื่อนคนหนึ่งในทีมดังขึ้นเมื่อบอลที่กำลังแย่งกันอยู่นั้นกระฉอกออกจากสนามไปอย่างแรงเข้าสู้ส่วนของคนที่เป็นผู้ชมนักเรียนที่ข้างสนาม และในทันทีที่ปาร์คยูชอนเห็นเป้าหมายของลูกบอลนั่น เจ้าตัวก็ร้องว้ากออกมาอย่างตกใจ

                “เฮ้ย ไอ้ซังฮย๊อกกกกกกก ทางนั้นน้องแจจุ๊งงงงงงงงงงงงงงง”

                ตายแน่ ถ้าบอลโดนตัวสวยมีหวังโดนไอ้ยุนโฮฆ่าทั้งสนามแน่

              ไม่!!!

                ปาร์คยูชอนขอพลีชีพเพื่อส่วนรวมล่ะงานนี้ !!!

     

                  พลั่ก !!!

     

                คนที่อยู่ใกล้คนตัวบางที่เป็นจุดล่อเป้าของสนามมากที่สุดถอยกรูดกลับไปกันท่าทันทีด้วยความรวดเร็วปานสมการของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ ซึ่งปาร์คยูชอนก็นับว่ามีความรู้ในภาคปฏิบัติของการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไตล์ค่อนข้างดีทีเดียว เพราะถอยไปให้ลูกบอลทีลอยมามันอันเข้าตรงที่หน้าพอดีเต็มๆ

                “พี่ยูชอน / พี่ตัวเปลี้ย !!

                เสียงสองเสียงดังขึ้นในทันที หนึ่งคือคิมแจจุงผู้ที่ไม่แปลกที่จะร้องเพราะเหตุการณ์เกิดจะๆ ตรงหน้า กับสองคือคิมจุนซูผู้ที่ห่างออกไปจากวิถีกระสุนประมาณหนึ่งเมตรถ้วน

                ก็ไม่รู้จะตกใจอะไรกับเค้าด้วยอ่ะนะ จุนซู...

                ส่วนทางด้านเพื่อนตัวสูงของแจจุงอย่างชางมิน ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวไม่ตกใจ แต่เพราะกำลังเคี้ยวขนมอยู่ก็เลยร้องไม่ทันต่างหากล่ะ

                “อูยยยยย”

                “พี่ยูชอน เป็นอะไรรึเปล่า” เป็นนางฟ้าใจดีที่รีบรุดไปถึงตัวรุ่นพี่เพื่อนสนิทของคุณแฟนหน้ามึนก่อนเป็นคนแรกเพราะอยู่ใกล้ที่สุด เห็นมือใหญ่ๆ ยกขึ้นลูบดั้งจมูกตัวเองป้อยๆ ก็ไม่ต้องบอกเลยว่าคงจะโดนอัดเข้าไปเต็มๆ “เลือดออกด้วยอ่ะ เลือดกำเดาไหล พี่ยูชอนเงยหน้าๆ”

                “เฮ้ ตัวเปลี้ย เลือดออกเลยอ่ะ รีบเอานี่ไปซับเร็ว” จุนซูที่ตามมาก็รีบเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง มือเล็กคว้าผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาก่อนจะจิ้มไปแรงๆ ที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่กลัวคนป่วยจะเจ็บ

                “เอ้า อุดไว้! เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวตายหรอก”

                “โอ้ยยย มันเจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิเจ้าอ้วน!

                “ว่าใครอ้วนฮะไอ้เปลี้ย”

                “ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะ”

                “แล้วไงเล่า ตัวเปลี้ย!

                “พอๆๆ แล้วทั้งสองคนเลย จุนซู พี่ยูชอนกำลังเจ็บ อย่าเพิ่งเลยนะเดี๋ยวจะแย่ซะเปล่าๆ” แจจุงหันไปห้ามทัพในขณะที่จุนซูหันมาแลบลิ้นให้ไอ้คนที่คำก็เปลี้ยสองคำก็เปลี้ย ดวงตากลมมองเพื่อนที่ทำเป็นกอดอกงอนพี่ยูชอนแล้วก็ยิ้ม

                ปกติคิมจุนซูผู้น่ารักเคยร้ายใส่ใครเขาที่ไหน

                มีแต่พี่ยูชอนนั่นแหละ ที่ขยันทำให้ตัวน่ารักสติแตกเอาๆ ง่ายดายเหลือเกิน

     

                (ส่วนชางมินไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ ก็ดูเหตุการณ์อยู่นั่นแหละแต่ยังกินขนมไม่เสร็จ...เข้าใจนะ)

     

               

                “พี่ยูชอนน่ะหรอ อื้ม เค้าก็นิสัยดีนะ” แจจุงยิ้ม “ยิ้มก็เก่ง ภาษาอังกฤษก็เก่งด้วยล่ะ ไม่รู้สิ ... แต่แจจุงชอบพี่เค้ามากๆ เลย”

     

                ภาพของแจจุงกับยูชอนที่เห็นตรงหน้าทำเอายุนโฮถึงกับสติแตก

     

              ไม่ไหวแล้วเว้ยยยยยยยยยยยย !!!

             

     

                ขายาวรีบจ้ำอ้าวไปถึงตรงกลุ่มที่มีคนมุงอยู่ทันทีท่ามกลางความประหลาดใจของมินโฮ ยงฮวา และเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในทีม ยูชอนเองก็หันมามองยุนโฮ ก่อนจะได้แต่หน้าเหวอเมื่อเพื่อนคนสนิทเมินหน้าใส่ ก่อนจะส่งมือไปกระชากคนน่ารักที่นั่งดูอาการเขาอยู่เข้าไปประชิดตัวด้วยท่าทางราวกับเด็กหวงของเล่น

                “ตัวสวย มานี่!

                “หือออออ พี่ยุนโฮ~ ดึงแรงทำไมเนี่ย”

                “อย่าไปอยู่ใกล้เจ้านั่นนะ” ยุนโฮขู่ฟ่อๆ เป็นแมว

                “เจ้านั่นไหนอ่ะ”

                แจจุงทำตาแป๋วอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของรุ่นพี่ ก่อนยุนโฮที่เห็นท่าทางไม่เข้าใจของแจจุงนั้นก็ได้แต่ทำหน้าบึ้ง ขยับเท้าปึงปังไปมาแล้วตัดสินใจรีบลากรุ่นน้องคนสวยออกไปท่ามกลางผู้คนที่ยังยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                แม้แต่ชางมินที่ยังหยิบข้าวโพดคั่วใส่ปากอีกกำมือยังต้องหยุดชะงักกลางอากาศด้วยความไม่เข้าใจ

               

                “เป็นอะไรของเค้า”

     

                ...

     

                “พี่ยุนโฮ เดี๋ยวสิ จะลากแจจุงไปไหนเนี่ย!

                คนตาโตร้องเสียงดังเมื่อรุ่นพี่ตัวสูงยังเอาแต่ลากเขาเดินไปเดินมาไม่ยอมหยุด

                ลากจนคนเค้ามองทั้งโรงเรียนแล้วเนี่ย เขินนะ อื้อ~

                ยุนโฮลากแจจุงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดเอาตรงที่สวนเล็กๆ ไร้ผู้คนข้างเรือนเกษตร ตัวหล่อผู้น่ารักจากดาวอังคารของแจจุงทำหน้าบึ้งแบบที่แจจุงเห็นจนชิน ก่อนจะเริ่มตั้งต้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ มีภูมิอย่างเสี้ยมสอน

                “ทีหลังอย่าไปเข้าใกล้ไอ้ยูชอนอีกนะ”

                “อ้าว ทำไมอ่ะ” แจจุงถามออกไปอย่างใสซื่อ ในขณะที่ยุนโฮทำหน้าเครียดกว่าเดิม เขาพึมพำเบาๆ “ตัวสวยใจร้าย คิดจะหาคนเลี้ยงใหม่เหรอ นิสัยไม่ดี”

                “หา? ว่าอะไรนะ”

                “เปล่า” ใครจะยอมพูดให้ฟังอีกรอบล่ะ

                “ตกลงว่าเรื่องพี่ยูชอนทำไม”

                “ไม่รู้อ่ะ ถ้าไปยุ่งกับไอ้ยูชอนก็แปลว่าตัวสวยนิสัยไม่ดี”

                “ห๊า? เกี่ยวกันยังไงเนี่ย” แจจุงทำตาโต ก่อนจะหัวเราะ มือเล็กเลื่อนไปลูบกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลไหม้ของยุนโฮเบาๆ “เป็นอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย ฮะฮะ หน้ามุ่ยเชียว”

                “เปล่าเป็น อย่ามามั่ว”

                ตัวสวยมั่ว มั่วตลอด

                “หึงพี่ยูชอนเหรอ?”

              “ตลกละ” ขึ้นเสียงทันที

                ใช่ ตลกละจริงๆ

                ยุนโฮพูดเสียงดังในขณะที่แจจุงยังยิ้มละไม “ตลกก็ตลก จะขึ้นเสียงทำไมล่ะเนี่ย โอเค แจจุงไม่อยู่ใกล้ๆ พี่ยูชอนก็ได้” ตัวสวยผู้แสนดีให้คำมั่นสัญญา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเห็นรอยเปื้อนดินบนจมูกโด่งๆ ของร่างสูง “อ้าว หน้าไปโดนอะไรมา”

                “หื้อ?”

                แจจุงเขย่ง ก่อนจะขยับเอานิ้วโป้งไปป้ายที่ปลายจมูกให้เบาๆ “เลอะหมดเลยนะ มอมแมมจัง”

                และความใกล้ของการกระทำเมื่อครู่ก็ทำเอายุนโฮเกือบละลาย!

     

                ระเบิดเวลาตั้งแล้ว

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก

     

                ตั้งสติไว้ชองยุนโฮ เราต้องเก็บกู้มันได้แน่    

     

                “เนี่ย เอาแต่ใส่กางเกงนักเรียนเล่นบาสฯ บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าจะเล่นให้เปลี่ยนกางเกงก่อน หกล้มจนแผลเยอะแล้วนะเดี๋ยวนี้น่ะ” ว่าแล้วก็วางมือบนแก้มกร้านของคนหน้ามึน ก่อนจะหยิกแก้มเบาๆ จนยุนโฮสะดุ้ง “วันนี้ล้มไปกี่ทีแล้วก่อนแจจุงมาอ่ะ ไปห้องพยาบาลกันเดี๋ยวแจจุงทำแผลให้”

               

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก

                ตัดสายไฟไปแล้วสายที่หนึ่ง สายสีส้ม ยังเก็บกู้ไม่สำเร็จ

     

                คราวนี้กลายเป็นแจจุงที่ตั้งหน้าตั้งตาลากยุนโฮที่เริ่มตัวแข็งเป็นหินไปที่ห้องพยาบาลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ที่พวกเขายืนคุยกันอยู่มากนัก คนตากลมเดินเข้าไปขอกล่องยากับอาจารย์สาวคนสวยอย่างสุภาพ เป็นเพราะเคยมาฝึกงานทีมปฐมพยาบาลตอนงานกีฬาสี แจจุงจึงสนิทกับอาจารย์เป็นอย่างดี ผิดกับชองยุนโฮที่ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดกายเข้ามาแถวนี้เพราะแทบจะไม่เคยมาร่วมกิจกรรมโรงเรียนอะไรกับใครเขาเลย ขนาดแค่อยู่แต่ในสีตัวเองก็ถือว่าไร้ตัวตนเต็มที

                “ขอบคุณฮะอาจารย์”

                “อ่า นี่ชองยุนโฮหรือเปล่าเนี่ย เห็นคนพูดถึงกันเยอะนะ เพิ่งเคยเห็นตัวจริงเนี่ยแหละ”

                “ฮ่าๆ อาจารย์พูดยังกับพี่เค้าเป็นดาราแน่ะ” ยิ้มจนดวงตาหยีเป็นขีดน่ารัก

                “สำหรับโรงเรียนเราก็ถือว่าเป็นดาราแหละน่า ว่าแต่เป็นแฟนดาราเนี่ย งานยุ่งมั้ยแจจุง”

                ไม่วายหยอดคำถามสุดท้ายมาให้ได้เขินกันเล่น แก้มใสๆ แดงเรื่อ ก่อนจะตอบเบาๆ

     

                “ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกฮะ ดาราน่ารักน่ะครับ”

     

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก

                ตัดสายไฟเส้นสีฟ้าอีกหนึ่งเส้น แต่ยังพลาด ระเบิดเวลาไม่หยุดเดิน งานเข้า

     

                “เจ็บ”

                “เจ็บเป็นด้วยเหรอ เห็นปกติชอบทำหน้านิ่งเป็นหิน นึกว่าตายด้านซะอีก” แจจุงพูดแล้วยิ้ม ก่อนจะแกล้งจี้ปลายสำลีลงไปแรงๆ ที่หัวเข่าของยุนโฮอีก “โอ้ย”

                “ดูสิ มีแผลถลอกเป็นเด็กๆ ไปได้ แดงไปหมดแล้วเนี่ย”

                “นิดหน่อยน่า เด็กผู้ชาย มันก็ต้องมีแผลบ้างสิ”

                “โอ้โห พูดอะไรแบบมนุษย์โลกเป็นด้วย”

                “แน่นอน” ยุนโฮทำหน้าตาเป็นต่อ ก่อนจะได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าล้อเลียนของแจจุง “อะไร มาทำหน้าแมวใส่ทำไม”

                “พูดเอง หรือไปยืมคำพูดใครมาพูดกันแน่น้า”

                “.....”

                จ้อง จ้อง จ้อง

                อย่าเอาหน้าแมวๆ แบบนั้นมาจ้องกันแบบนี้นะ !

                ยอมก็ได้!

                “แม่เคยพูดแบบนี้ตอนพี่เอาแต่อ่านหนังสือแล้วไม่ออกไปเล่นนอกบ้านเลยสมัยประถม” ยุนโฮเมินหน้าไปทางอื่น  “ก็เลย...จำได้”

                “แหม น่ารักนะเนี่ย”

                “พูดมากน่า เด็กผู้ชายมีแผลน่ะ ถูกแล้ว ไม่เหมือนตัวสวย ตัวอะไรไม่รู้ เนียนหมด!

                คำพูดนั้นทำเอาแจจุงหน้าบึ้ง “อะไรอ่ะ แจจุงออกจะแมนอ่ะ” ทำท่าจะลุกขึ้น จนยุนโฮต้องห้าม “จะไปไหนน่ะ”

                “ไปหกล้มไง จะได้มีแผล สมกับเป็นลูกผู้ชาย”

                “ลองไปสิ ตายแน่ ตัวสวย” ยุนโฮขู่เสียงเข้ม จนแจจุงต้องยิ้มกว้าง “ฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งดีขนาดนี้ จู่ๆ จะไปหกล้มให้เจ็บเล่น เดี๋ยวเจอตี”

                “ดุจังเลยน้า”

                “ตัวสวยดื้อก่อนนะ”

                “ดื้อแต่ก็รักคนเลี้ยงนะ”

     

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก

                เส้นสีสาม สายไฟสีเหลือง เวลาไม่หยุด แถมเดินเร็วโคตร ใกล้หมดเวลาแล้ว ระเบิดเวลากำลังจะทำงาน

     

                “เอ้า ทายาเสร็จแล้ว เตรียมตัวไปลงสนามต่อได้”

                “ป่านนี้เค้าเล่นเสร็จกันหมดแล้วมั้งเนี่ย” ยุนโฮพูดหน้ามึนๆ

                “ยังไงก็เล่นระวังๆ นะ อย่าเป็นแผลมาอีกล่ะพี่ยุนโฮ เป็นห่วง”

     

                ปิดท้ายด้วยยิ้มหวานๆ ...

     

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก

                เหลือเวลาให้ตัดสายไฟอีกเส้นเดียว

     

                และ...เราพลาด..

     

                ยุนโฮเบือนหน้าไปทางอื่นหลบสายตาแป๋วๆ กับรอยยิ้มที่มักจะทำให้เขาพ่ายแพ้เสมอ ก่อนทำท่าจะลุกขึ้น แต่ในขณะนั้น กลับถูกคนตัวบางที่เล่นทีเผลอดึงลงมานั่งเสียก่อนก่อนจะฝังจมูกโด่งรั้นของตัวเองเข้ากับแก้มกร้านฟอดใหญ่

                ยุนโฮหันขวับ ตาโต

                ในขณะที่แจจุงทำหน้าทะเล้น

              “อ่า นึกว่าเจ็บแก้มไง เลยเป่าให้”

     

                เนียน!!!

     

                ปฏิกิริยาสุดท้าย ทำให้ระเบิดเวลาหัวใจมันเต้นแรงจนแทบระเบิด

                ชองยุนโฮแพ้แล้ว

     

                ติกต่อก ติกต่อก ติกต่อก ๆๆๆๆๆๆๆ

     

              ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมม

               

     

                มิชชั่นเฟลด์.

     

                .............

     

                การแข่งขันจบลงไปแล้วเพราะตัวเต็งของทีมสองคนไม่อยู่ คือคนหนึ่งหายตัวไปกับแฟนและอีกคนก็เดี้ยงอยู่ข้างสนาม  ชางมินอาสาไปหากล่องพยาบาลมาให้รุ่นพี่ยูชอน เพราะฉะนั้นจึงเหลือเพียงคิมจุนซูที่ต้องนั่งเอาผ้าเช็ดหน้าดันจมูกไอ้รุ่นพี่คนที่ว่าเอาไว้เงียบๆ คนเดียว

                “ไอ้ยุนโฮมันเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย”

                คนถูกอุดจมูกแหงนหน้าหมดสภาพพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีปั้นปึ่งของเพื่อนรักที่มีต่อตัวเองตั้งแต่เช้า แต่เพราะฝืนพูดทั้งๆ ที่จมูกยังมีผ้าเช็ดหน้าอุดเอาไว้จึงไม่วายโดนคนตัวเล็กด่าเข้าให้อีกยก “จะพูดทำไมเนี่ย อยากกระอักเลือดตายเหรอ”

                ปาร์ยูชอนขมวดคิ้ว นึกหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรให้ไม่ได้

     

                โห่ย ก็เลือดมันหยุดไหลแล้วนี่หว่า

     

                “ก็เลือดมัน...” กำลังจะหันไปพูด จุนซูหันหน้ามามอง ตาแป๋ว

                “หืม? เลือดหยุดไหลแล้วเหรอ”

                ทันทีที่คนตัวเล็กถามคำถามนั้น ยูชอนส่ายหัวขวับ

                “ยังๆๆๆ” โกหกหน้าตาย “อย่าเพิ่งเอามือออกนะ”

                นานๆ ทีเจ้าตัวเล็กจะยอมทำน่ารักๆ ใส่เขาซักที ใครจะยอมปล่อยให้โอกาสหมดไปง่ายๆ เล่า

                “ก็จับให้อยู่นี่ไง แปลก มือก็มี ทำไมจับเองไม่ได้”

                “เล่นบาสฯ เยอะอ่ะ นิ้วล็อค”

                “อนาถจริง อย่างกับคนแก่”

                ด่าเก่งจริงเว้ย กินเพดดีกรีเป็นอาหารหรือไงลูกบ้านนี้

                “นี่ถามจริง”

                “อะไร?”

                “อยู่ใกล้ๆ ฉันไม่หวั่นไหวมั่งเหรอ”

     

                โอ โห่ย ...

     

                “เล่นมุขตลกเหรอ” จุนซูกรอกตา “จะบอกว่าฝืดมาก”

                ยูชอนหน้าเจื่อน

                “ก็เห็นแจจุงบอกว่านายชอบพวกแบบ เรื่องชาวบ้านอะไรงี้ไม่ใช่เหรอ...”

                “ว่าฉันเสือก?” ทำท่าจะเอาผ้าเช็ดหน้าออก “เปล่าๆๆๆ ไม่ใช่อย่างงั้น...ก็แบบรอบรู้ไง” เรื่องชาวบ้านน่ะนะ

                “แล้วไง”

                “อือ แล้วก็เห็นชางมินบอกว่า ปกตินายก็ใจดี ไม่ค่อยร้ายๆ กับใคร”

                “อืม”

                “แล้วทำไม...ไม่เห็นสนใจเรื่องของฉันมั่งเลยอ่ะ” ปากห้อยๆ พล่ามไม่หยุด “แถมยังชอบดุด้วย ไม่เคยเห็นนายพูดดีๆ กับฉันซักคำ ขนาดพี่ยังไม่เรียกเลย  ทีกับคนอื่นอ่ะ พูดจาน่ารักเชียว ทำไมอ่ะ”

                จุนซูขมวดคิ้ว ก่อนจะทำท่านึกแล้วตอบ “เพราะนายไม่มีอะไรให้ฉันสนใจล่ะมั้ง”

                ฉึกกกก

                “แล้วจะให้ฉันไปญาติดีกับนายได้ไง ก็มีแต่นายคนเดียวที่พูดจาแย่ๆ กับฉัน”

                ฉึกกกก

              พูดอีกก็ถูกอีก

                “ก็นายพูดไม่ดีกับฉันเหมือนกันอ่ะ”

                “นายก็พูดอ่ะ”

                ตั้งท่าจะเถียงกันอีกยก จนยูชอนต้องเป็นฝ่ายหยุดก่อนเพราะไม่อยากให้เรื่องยาวกว่าเดิม จริงๆ มันก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ยูชอนต้องถามอะไรจุนซูแบบนี้ ไม่ชอบขี้หน้าก็คือไม่ชอบขี้หน้า

                ไม่รู้ทำไมจะต้องรู้สึกเหมือนอยากให้ตัวน่ารักพูดดีๆ กับตัวเองบ้าง

                “โอเคๆๆ ฉันผิด งั้นเอางี้ หลังจากนี้ เรามาญาติดีกันไหม แบบว่าคุยกันดีๆ อะไรแบบนี้”

                คำถามนั้นของยูชอนทำเอาดวงตาหยีเล็กของจุนซูยิ่งจ้องมองด้วยความสงสัย ก่อนจะจะเอามือไปแตะหน้าผากเถิกๆ ของรุ่นพี่เบาๆ “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมวันนี้เปลี้ยจัง”

                “โธ่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย พูดจริงๆ ก็พูดจริงๆ สิ”

                “โอเค ก็ถ้านายไม่กวนประสาทฉัน ฉันก็จะไม่กวนประสาทกลับก็ได้”

                “เรียกฉันว่าพี่ด้วยสิ” รีบต่อรองอีก แต่คราวนี้จุนซูทำหน้าบึ้ง

                “เร็วไป ยังไม่ได้เริ่มดีกันเลยซักหน่อย”

     

                เล่นตัวจริ๊งงงงงงงงงงงง

     

                “อ่ะ เอาไงก็เอาตามนั้นแล้วกัน ยังไงเพื่อนฉันก็เป็นแฟนกับเพื่อนนายนี่นะ ก็ถือว่าเราเป็นคนรู้จักกันใช่รึเปล่าล่ะ” ยูชอนพูดแบบปลงๆ ในขณะที่จุนซูได้แต่หันมาทำหน้าล้อเลียน “เฮอะ ยอมฉันง่ายจังนะ”

                “หืม ไมอ่ะ?”

                “ก็แปลกไง ปกติต้องเถียงกลับแทบเป็นแทบตาย มันเหมือน...”

                “เหมือน?”

                “เหมือนนายจะจีบฉันน่ะสิ” พูดเสร็จก็แทบจะตะครุบปากที่ไวเหมือนกรรไกรของตัวเองไว้ไม่ทัน บ้าเอ๊ย คิมจุนซู ไอ้นิสัยคิดอะไรก็พูดนี่มันแก้ไม่หายเลยจริงๆ

                สิ้นประโยคนั้น ทั้งยูชอนกับจุนซูก็เงียบไป

                ก่อนจะกลายเป็นรุ่นพี่ที่ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่กับพื้นหญ้าเตียนๆ แล้วเอาท่อนแขนวางรองต่างหมอน ดวงตาเรียวทำเป็นเสมองไปทางอื่น แล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างที่ดังพอที่รุ่นน้องจอมแสบได้ยินอย่างชัดเจน

     

              “มั้ง...”

     

     

                 …..

     

                นิ้วเรียวกดรัวๆ ลงบนแป้นพิมพ์สีดำสนิทด้วยความรวดเร็ว ดวงตาคมของคนที่เคยเป็นเด็กอนามัยนอนแต่หัวค่ำนั่นบัดนี้กลับเอาแต่นั่งจ้องเครื่องโน้ตบุ้คของตัวเองที่เคยใช้เฉพาะเวลาทำงานอย่างขะมักเขม้น

                เข็มนาฬิกาเดินไปจนถึงเลขสิบเอ็ดแล้ว แต่ชองยุนโฮก็ยังไม่นอน

                ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ก็คงต้องย้อนกลับไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเสียก่อน

     

                “ยินดีต้อนรับสมาชิกสู้ฟอรั่มใหม่ของเรา ห้อง fiction เปิดให้สมาชิกที่มีคอมเม้นท์มากกว่า 50 เข้าได้แล้ววันนี้”

              กฎทั่วไป : ที่นี่รวบรวมฟิคชั่นเฉพาะคู่พี่ยุนโฮกับคิมแจจุง ใครรับไม่ได้กรุณาอย่าเข้า ! เพราะเรารักพี่ยุนโฮ พี่ยุนโฮรักใครเราก็รักคนนั้นด้วย

     

                Fiction นี่มันคืออะไร ?????

               

                ยุนโฮเริ่มค้นหาคำตอบนั้น ด้วยการสมัครสมาชิกเว็บแฟนคลับของตัวเอง

               

                -----------------

     

                -ตัวหล่อ- เป็นชื่อเดียวที่ยุนโฮคิดออกในตอนนั้น

                เขาเริ่มเล่นเว็บบอร์ดเป็นครั้งแรกในชีวิต ยุนโฮไม่ใช่เด็กเนิร์ดที่เล่นคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตไม่เป็น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยเล่นเว็บบอร์ดแฟนคลับพวกนี้มาก่อน แต่เพราะความสงสัย จึงทำให้ตัวหล่อเริ่มตั้งต้นศึกษามัน

                ใช้เวลาหนึ่งคืน ในที่สุดชองยุนโฮก็สามารถคอมเม้นท์ครบ 50 และเข้าไปทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “ฟิคชั่น” ได้สำเร็จ

               

                ก่อนจะค่อยๆ ติด...

               

                ตอนนี้ยุนโฮรู้แล้วว่าฟิคชั่นคือนิยายที่แฟนคลับของเขาเป็นคนแต่งขึ้น ยุนโฮเริ่มอ่านมัน และยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก เขาชอบเห็นเวลาที่ชองยุนโฮกับคิมแจจุงในเรื่องทำอะไรน่ารักๆ ใส่กัน ยุนโฮไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นอะไร รู้แต่ว่าพอเริ่มอ่านแล้วมันก็หยุดไม่ได้ ยุนโฮอ่านไปเรื่อยๆ และคอมเม้นท์ให้ในเรื่องที่สนใจ ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆ อย่างชอบใจ ในขณะเดียวกันเพราะฟิคชั่นเรื่อง COWARD ที่เขาเข้าไปอ่านเมื่อวานนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ยุนโฮรู้สึกเบื่อขี้หน้า “ปาร์คยูชอน” สุดๆ

     

                คนมัน “อิน” ไม่เข้าใจเหรอไง?

     

                หลังจากคืนนั้น ก็กลายเป็นว่ายุนโฮเริ่มตั้งต้นที่จะรีบกลับบ้านมาเปิดเว็บของตัวเองดูทุกวันเพื่อหานิยายอ่าน เขาเรียนรู้คำว่า ”ฟิค” และศัพท์ปประหลาดๆ มากมายที่พวกสมาชิกในบอร์ดใช้กัน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า เจ้าของบอร์ดที่พวกเธอเฝ้ากรี๊ดกันนักหนา ได้เข้ามาเล่นอยู่ที่นี่ด้วยอีกคนแล้ว

     

                “อืมมมมม...อันนี้น่าสนใจแฮะ”

     

                เป็นเพราะเพิ่งเริ่มอ่านได้ไม่นาน อะไรๆ ก็เลยดูจะน่าตื่นเต้นไปเสียหมดสำหรับยุนโฮในตอนนี้ เสียงคลิกของเม้าส์ดังขึ้นตลอดไม่หยุดแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ ดวงตาเรียวไล่อ่านตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าเว็บด้วยความสนุกสนาน

                จนกระทั่ง...

     

              ฝ่ามือหยาบร้อนยื่นไปจับไว้ที่ต้นแขนขาวอย่างต้องการสมาธิ ปลายพู่กันในมือของคนร่างสูงสั่นระริก ก่อนมันจะค่อยๆ บรรจงแต่งแต้มสีสันลงไปบนร่างกายขาวสะอาดที่ปราศจากอาภรณ์ใดๆ

     

                เอ๊ะ?

     

              “อือ...พี่ยุนโฮ”

              เสียงครางหวานหลุดรอดออกจากริมฝีปากกลมในทันทีที่ความเย็นของน้ำสีสัมผัสลงบนเนื้อนุ่ม ราวกับเขากำลังยั่ว ดวงตากลมโตหวานเชื่อมจ้องมองจิตรกรหนุ่มด้วยแววตาร้อนแรง ก่อนร่างบนเก้าอี้จะค่อยๆ แยกเรียวขาออกจากกัน

              “อย่าลืมตรงนี้..ด้วยนะ”

     

                เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ?

               

                ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ยุนโฮได้แต่นั่งอ้าปากค้างอยุ่ตรงนั้น ตัวหนังสือตัวแล้วตัวเล่าผ่านสายตาของเขาไปเรื่อยๆ ไม่มีใครทราบว่ายุนโฮต้องเผชิญกับพายุลูกใหญ่อะไรบ้างในคืนนั้น

               

                รู้สึกตัวอีกที พระอาทิตย์ยามเช้าส่องสว่างที่ขอบฟ้า เสียงนกร้องเป็นสัญญาณของวันใหม่

     

                และยุนโฮก็รู้สึกว่าเขากำลังบ้าไปแล้ว.

     

              ------------------

    TalK : แฮ่ๆๆๆ

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×