ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #34 : Part [15.] : แก้มกลม ; อมยิ้ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.82K
      5
      12 มี.ค. 55


    -(: ตัวสวย - ตัวหล่อ :)-

    แก้มกลม ; อมยิ้ม




    มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่แจจุงรู้สึกว่า ความกังวลของเขาเหมือนจะเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว

              น้องคารัมคนนั้น รูมเมทของยูชอน ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งของแจจุงอย่างที่พี่ยูชอนว่าจริงๆ ด้วย

                ก็เชื่อเถอะ หนึ่งในกรรมนักเรียนที่เข้ามาใหม่น่ะ นอกจากอิมซูจองที่แจจุงเป็นคนสอนงานเองแล้ว ก็ยังมีปาร์คฮยอนชอล น้องชายของพี่จียองเข้ามาด้วย เพราะว่ากันว่าน้องฮยอนชอล หรือคารัมนั่นแหละ หัวดีและก็ฉลาดมากๆ แม้พี่จียองก็บ่นให้ฟังตลอดก็เถอะว่าดื้อมากเลย เลยตัดสินใจสอนงานด้วยตัวเอง ไม่โชคดีเหมือนแจจจุงที่ได้ น้องซูจองที่แสนจะเรียบร้อยและว่าง่ายมาเลยสักนิด (แถมยังหัวดีพอๆ กับน้องคารัมด้วย แจจุงคุ้มกว่าเป็นไหนๆ)

                หรือว่าที่แจจุงไม่ได้สอนงานน้องคารัม อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่น้องไม่ค่อยชอบแจจุงนั่นก็ได้

              ก็น้องคารัม – ชอบพี่ยุนโฮนี่นา

                “คิมแจจุง มีของมาส่ง ไปเอาด้วย ทิ้งไว้นานมันเกะกะห้องประชุมรู้มั้ย”

                “นิสัยไม่ดี คารัม ทำไมไม่เรียกพี่ว่าพี่? แล้วพี่จะไปเอาของเมื่อไหร่มันก็เรื่องของพี่นะ”

                “แบร่ๆ ฝันไปเถอะ”

                “ปาร์คคารัม!

                ดูจากเหตุการณ์ข้างต้น ก็จะรู้ว่าคารัมน่ะกวนประสาทแจจุงขนาดไหน แล้วเวลาที่มีคนล้อแจจุงกับพี่ยุนโฮนะ น้องคารัมก็ชอบทำท่าอ้วกๆทุกทีเลย จนแจจุงชักจะไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องที่น้องกวนนะ – แต่เพราะรู้ว่าคารัมเองก็ชอบพี่ยุนโฮนั่นแหละ เลยหมั่นไส้บ้าง คนเค้าเป็นแฟนกันนะ มาทำอย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย ! (แจจุงเริ่มหวงพี่ยุนโฮแล้ว)

                เพราะฉะนั้น ต่อให้น้องคารัมเอาฤทธิ์อะไรมาแผลงใส่พี่ยุนโฮ รับรองได้ว่าแจจุงสู้ตายแน่ๆ

                เชอะ!

                “แบร่รรรรรรรรร” มาทำแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แล้วก็เดินหัวเราะเบาๆหนีไป แจจุงได้แต่ทำหน้าฮึดฮัด จนทำให้หันมาตอบคำถามของรุ่นน้องที่เขากำลังฝึกงานให้อยู่ไม่ทัน

              “อย่างนี้เหรอคะพี่แจจุง?”

                “ชิ”

                “พี่แจจุง...”

                “หา อ่ะ เอ่อออ อ่อใช่ๆ ครับ” ปฏิกิริยาเหม่อๆ นั้นของแจจุง ทำให้ใบหน้าสวยของเด็กสาวรุ่นน้องต้องหันไปมองตามคนที่เพิ่งเดินหนีไปและเอ่ยถาม “ดูพี่แจจุงไม่ค่อยถูกกับปาร์คฮยอนชอลอะไรนั่นเลยนะคะ”

                “อื้ม นิดหน่อยน่ะ ฮ่าๆ ไม่ได้จริงจังหรอก”

                “อ่อ”

                “อืม ว่าแต่ อยู่ห้องเดียวกับคารัมใช่มั้ยล่ะเราน่ะ”

                “อ่อใช่ค่ะ” เธอตอบ ในขณะที่นึกไปถึงใบหน้าหยิ่งๆ และแววตาที่เหมือนจะรู้ทุกสิ่งของปาร์คฮยอนชอลคนนั้น

                แววตาที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

                “อื้มๆ ช่างเถอะๆดูงานตรงนี้ต่อดีกว่า เราพิมพ์ตรงนี้รึยังล่ะ?” มือขาวๆ ชี้ๆ ไปที่จอคอมพิวเตอร์ ในขณะที่รุ่นน้องพยักหน้ารับ “ค่ะ แบบนี้ใช่รึเปล่าคะ” แล้วก็เลื่อนเคอร์เซอร์ให้ดู

                “อื้ม ใช่เลย ซูจองเก่งจัง !

                ดวงตากลมโตของรุ่นพี่ฉายแววชื่นชมรุ่นน้องอย่างปิดไม่มิด มือขาววางลงบนไหล่เล็ก ก่อนจะหันไปพูดกับอิมซูจองด้วยใบหน้าใจดี “เก่งอย่างนี้แป็บเดียวก็ทำงานกับพวกพี่จียองเค้าได้แล้วแหละ ไม่เห็นต้องกังวลเลยน้าเรา”

                “ก็ไม่รู้สิคะ เห็นพวกพี่ๆเค้าเก่งกันทั้งนั้น หนูก็เลย...”

                “ไม่หรอก ซูจองเก่งกว่าพี่อีกนะ ! ตอนพี่เข้ามาทำงานกรรมการเนี่ยปีที่แล้ว คนสอนพี่เค้าสอนแทบตาย ฮ่าๆพี่ขี้ลืมอ่ะ แต่เราความจำดี แถมหัวไวมากๆเลยนะ เรียนเก่งใช่ไหมเนี่ย”

                “ก็นิดหน่อยค่ะ” ริมฝีปากบางฉีกยิ้มเบาๆด้วยความภูมิใจ

                ดวงตาเรียวสวยได้รูปแอบลอบมองใบหน้าหวานสวยของรุ่นพี่อย่างจงใจ หลายวันมาแล้วที่เธอได้โอกาสเข้ามารู้จักและทำความสนิทสนมกับแจจุงโดยบังเอิญ เนื่องในฐานะรุ่นพี่ที่มาช่วยสอนงานกรรมการให้เธอ ระบบกรรมนักเรียนของแทฮวาชินค่อนข้างเข้มงวดและเป็นระบบ จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมแจจุงถึงได้งานเยอะอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้การรับคนเข้ากรรมการนักเรียนก็เป็นระบบรุ่นก่อนคัดรุ่นต่อไป ซึ่งจะเลือกเฉพาะคนที่มั่นใจแล้วว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียนจริงๆ แล้วเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริง ยุนโฮเองก็ตรงกับคุณสมบัติที่ว่าและควรจะเป็นหนึ่งในกรรมการนักเรียน – ไม่สิ ควรจะเป็นประธานเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ ด้วยนิสัยอย่างนั้น เลยอาจจะเป็นเหตุผลเดียวเลยก็ได้ที่ทำให้ชองยุนโฮไม่มีรายชื่ออยู่ในสภานักเรียน ไม่ว่าจะปีไหนๆ ก็ตาม

                “อื้มๆแล้วนี่ซูจองไปค่ายรึเปล่า”

                คำถามของรุ่นพี่ผู้ที่แสนน่ารักสมคำร่ำลือ ทำเอามือที่กำลังรัวข้อความทำเอกสารอยู่ถึงกับชะงัก ซูจองหันหน้ามามองแจจุงด้วยแววตาครุ่นคิดเล็กน้อย

                นั่นสิ...สรุปพี่ยุนโฮไปด้วยรึเปล่านะ

                ถึงยัยพวกนั้นจะบอกว่าไม่น่าจะไปก็เถอะ...ลองถามหยั่งเชิงดูก่อนดีกว่า ถ้าชองยุนโฮไม่ไปจริง คิมแจจุงก็อาจจะไม่ไปตามแฟนด้วยก็ได้นี่

                “แล้วพี่แจจุงไปหรือเปล่าคะ” เด็กน้อยทำใบหน้าใสซื่อ จนแจจุงได้แต่หัวเราะแล้วตอบออกไป “ไปสิๆ พี่อยู่ปีสองนะ เค้าบังคับไปทุกคนแหละ”

                “อ้าว อย่างนี้พี่ยุนโฮไม่เหงาแย่หรอคะ”

                “หืม?” ดวงตากลมเบิกขึ้น “ซูจองก็รู้จักพี่ยุนโฮด้วยเหรอ”

                อืม...

                “แน่สิคะ ฮ่าๆ ใครที่ไม่รู้จักรุ่นพี่ชองยุนโฮกันบ้างล่ะคะ เพื่อนๆ หนูเล่าเรื่องพี่เค้าให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนเลย”

                ฟังคำคนเป็นน้องสาวแล้วก็ได้แต่อมยิ้มจางๆ พลางนึกไปถึงวันแรกที่เขามาเข้าเรียนที่นี่ – เหมือนกันเลย ตอนนั้นก็เป็นจุนซูที่เล่าเรื่องของพี่ยุนโฮให้เขาฟังตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา โดยหารู้ไม่ว่า แจจุงน่ะ เจอพี่ยุนโฮเล่นแผลงๆ ใส่ไปตั้งแต่วันปฐมนิเทศซะแล้ว

                จะว่าไป พี่ยุนโฮก็มึนน้อยลงจากเดิมเยอะเลยนะ ตะก่อนนี่อะไรก็ไม่รู้ อย่างกับมนุษย์ต่างดาว ฮ่าๆ

                ตอนนี้โชคดีที่เหมือนแจจุงจะลากเข้ามาใกล้โลกได้หน่อยนึง : )

                “อื้ม พี่ยุนโฮไม่เหงาหรอกๆ”

                “ทำไมล่ะคะ?”

                “ก็เค้าก็ไปด้วยน่ะ”

              และคำตอบนั้นก็ทำเอารุ่นน้องคนสวยที่กำลังยิ้มบางๆ อยู่ได้แต่ยิ้มค้าง

     

                พี่ยุนโฮไปเหรอ?

                ไม่ชอบเข้าค่ายนี่นา? ... แล้วทำไมล่ะ?

                “เอ๋ ... แต่ซูจองได้ข่าวมาว่า ...” เสียงหวานๆ พลันเงียบหายไป นึกๆ ดูแล้ว บางทีการที่เธอทำเป็นรู้เรื่องของยุนโฮกับแจจุงมากไป อาจจะทำให้พี่แจจุงสงสัยก็ได้นี่ งั้นยังไม่พูดดีกว่า

                “ข่าวอะไรหรอ?”

                “อ๋อ เปล่าๆ ค่ะ”

                “อืม...โอเค งั้นเดี๋ยวส่วนของวันนี้พี่ฝากซูจองทำต่อเลยก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาของแล้วจะไปเรียนต่อเลยอ่ะ จะหมดพักแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”

                “ค่ะ ตั้งใจเรียนนะคะ”

                “อืมๆ : )“ ว่าจบแล้วก็รีบรวบข้าวของของตัวเองก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเด็กสาวก็มองตามไปและเห็นร่างของรุ่นพี่ที่เดินสวนกับปาร์คฮยอนชอลที่กำลังเข้ามาพอดี ใบหน้าน่ารักๆ นั้นเขม่นกันเล็กน้อย แต่ซูจองก็ได้แต่ยิ้มเงียบๆ อยู่ในใจ

                ไม่ถูกกันนั่นแหละดีแล้ว เอาเวลาไปแย่งชิงพี่ยุนโฮกันให้พอเถอะ

              เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นเจ้าของพี่ยุนโฮน่ะ

                นึกในใจพลางอมยิ้มพิมพ์งานเอกสารต่อไปอย่างอารมณ์ดี แต่เพียงครู่เดียว ความรู้สึกที่เหมือนถูกใครจ้องมองอยู่ก็ทำให้ซูจองต้องเหลียวหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กหนุ่มในร่างคุ้นตานั่นเอง ที่กอดอกพิงเสามองเธออยู่ด้วยสายตาแปลกๆ

                ปาร์คฮยอนชอล

                แต่ท่าทางกวนประสาทนั่นก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอต้องถาม

                “มองอะไรของนาย”

                “หืม”

                “ก็ฉันถามว่านายมองอะไรฉัน ก็เห็นยืนจ้องอยู่ได้ ปาร์คฮยอนชอล”

              “ก็แค่มองคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคิมแจจุง”

              และประโยคนั้นก็ได้แต่ทำให้ซูจองขวดคิ้วอย่างสงสัย “อะไรของนาย?”

                “เธอชอบชองยุนโฮเหรอ?”

                หมอนั่นไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามคำถามใหม่ที่เล่นเอาซูจองหน้าชา “ชอบอะไรของนาย?”

                “อย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลยน่า เธอคิดว่าผมอยากยุ่งเรื่องของเธอมากนักหรือไงกัน” ฮยอนชอลทำหน้าเบื่อหน่าย “แค่คิดว่าความคิดของเธอมันก็ดี อาจจะตบตาคิมแจจุงผู้แสนใสซื่อจนเกือบบื้อคนนั้นได้แน่ แต่นั่นไม่ใช่กับผม”

                “ฉันไม่ได้ชอบพี่ยุนโฮ และฉันเป็นรุ่นน้องที่ดีของพี่แจจุง ไม่เหมือนนาย”

                “นั่นคือสิ่งที่เธอต้องทำตอนอยู่ต่อหน้าคิมแจจุงต่างหาก แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอคิดจะจับเขา – แถมยังเข้าทางแฟนเขาซะด้วย ร้ายไม่ใช่เล่นๆ นะ”

                ปาร์คฮยอนชอล หมอนี่เป็นใครกัน ! – ซูจองได้แต่คิดในใจอย่างเดือดดาล

                ดูท่าว่า อันดับหนึ่งในการสอบเข้าที่มันได้มาจะไม่ได้แค่ของหลอกเด็กเสียแล้ว

                ปาร์คฮยอนชอลฉลาดจริง

                และท่าทางจะอันตรายกับเธอเสียด้วย !

                “ก็แล้วจะทำไม ทำไมฉันจะไม่รู้ – นายเองก็คงอยากได้พี่ยุนโฮจนตัวสั่นเหมือนกัน”

                “เธอนี่มันโง่ชะมัด สอบเข้าได้ที่สองจริงๆเหรอเนี่ย” คารัมได้แต่ตอกกลับไปด้วยวาจาร้ายกาจ

                “นาย!

                “ผมอาจจะไม่สนใจเธอ ถ้าเธอเข้าไปจีบพี่ยุนโฮ หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่วิธีการที่รังแกคิมแจจุงแบบนี้ เพราะการกระทำของเธอ ผมว่ามันไม่แฟร์” ดวงตากลมนั่นจดจ้อง “ดูก็รู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นรุ่นน้องที่ดี และมันก็เป็นการไร้สาระมากถ้าเธอคิดจะหักหลังเขาด้วยการใช้ประโยชน์จากเขา”

                “ทำมาเป็นสำบัดสำนวน ไม่ได้ดูตัวเองเอาเสียเลยนะ” ซูจองแค่นยิ้ม

                “เธอคิดว่าผมจะทำอะไรคิมแจจุงอย่างนั้นเหรอ?” คารัมทำใบหน้าเฉยชา “ยังไงซะ ถ้าเธออยากได้พี่ยุนโฮจริงๆ ล่ะก็ ผมบอกได้คำเดียวว่า รุ่นพี่อาจจะเป็นของเธอได้ แต่เธอจะไม่มีวันเป็นของเขา”

                “พูดบ้าอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจสักนิด”

                “เพราะเธอโง่กว่าผมไง” คารัมยิ้มล้อเลียน ท่าทีที่ทำให้ซูจองหงุดหงิดมากกว่าเดิม “เธอคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ชองยุนโฮคบกับคิมแจจุงคื้ออะไร สวย น่ารัก นิสัยดี เรียนดี เข้าใจเขาดีที่สุด หรือว่าอะไร?”

                “ก็น่าจะทุกอย่างไม่ใช่เหรอไง ถามอะไรแปลกๆ” ซูจองมุ่นหัวคิ้ว

                “ผิด”

                “หา อะไรเนี่ย”

                “คำตอบคือ เพราะเขาเป็นคิมแจจุง”

                “.....”

                “เพราะเขาเป็นคิมแจจุง และมีคิมแจจุงคนเดียวเท่านั้นที่จะรู้คำตอบของสาเหตุที่ทำให้พี่ยุนโฮเลือกเขา”

                “.....”

                “คนอย่างเธอน่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองแปลงร่างเป็นคิมแจจุงได้เมื่อไหร่ ค่อยมาหวังก็แล้วกัน”

                “.....”

                “แล้วถึงอย่างนั้น ก็จำไว้ด้วยล่ะ ว่าพี่ยุนโฮรักอิมซูจองที่กลายร่างก็เพราะกลายเป็นคิมแจจุง ไม่ใช่อิมซูจองจริงๆ ซักหน่อย”

                “นาย!

                “ผมว่าเตือนด้วยความหวังดีหรอก ถ้าไม่อยากให้ตัวเองเจ็บเล่นเหมือนพี่สาวผมล่ะก็นะ จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอ” ว่าจบก็เดินจากไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งไว้แต่ความหัวเสียและไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิดของเด็กสาวที่ได้แต่นั่งเดือดดาลอยู่ตรงนั้น

               

                .....

     

                “นี่”

                เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ ในวันๆหนึ่งที่สี่สหายนั่งจมปลักอยู่ที่ร้านข้าวกลางโรงอาหารที่มีผู้คนพลุกพล่าน วันนี้ปาร์คยูชอนกินบะหมี่แห้ง ชองยงฮวากินบะหมี่แห้ง และลีมินโฮก็กินบะหมี่แห้ง โดยที่ไม่ได้นัดหมายกัน (ส่วนชองยุนโฮมีข้าวกล่องแสนอร่อยของน้องแจจุง) ดังนั้น พวกเขาเลยสงสัยว่าเพราะแบบนี้วันนี้มันถึงเป็นวันพิเศษสำคัญอะไรสักอย่างแน่ๆ

                พิเศษยังไงน่ะเหรอ? ก็...

                “นี่ ปาร์คยูชอน”

              ชองยุนโฮเรียกตัวเปลี้ยว่า ปาร์คยูชอน

                ปาร์คยูชอน ใช่แล้ว ปาร์คยูชอนถูกต้องตามพจนานุกรมทุกประการ

                “ห๊ะ” เสียงเรียกนั้นทำเอาคนที่กำลังสูดบะหมี่แห้งเข้าปากอยู่อย่างหิวโหยต้องถึงกับเงยหน้าขึ้นมาร้องห๊ะเสียงดัง จนเส้นร่วงจากปาก ยงฮวากับมินโฮก็ชะงักเหมือนกัน แต่ท่าทางไม่น่าทุเรศเท่า สามสหายหันหน้าไปมองเพื่อนผู้อัจฉริยะพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมายอีกครั้ง ก่อนชองยุนโฮผู้ใบหน้าไร้ความรู้สึกอยู่เสมอจะค่อยๆ มุ่นหัวคิ้วแล้วบ่น

                “มองอะไรของพวกมึง”

                “ก็ตะกี้มึง...” พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอย่ามัวเถียงกันให้เสียเวลาเลยดีกว่า เพราะรับรองว่าคนอย่างชองยุนโฮไม่มีทางรู้ตัวแน่ว่าตัวเองทำตัวแตกต่างจากทุกวันยังไง  “เอ่อ ... เปล่าๆ แล้วมึงเรียกไอ้ยูชอนทำไม ดูดิ มันตกใจแดกบะหมี่ไม่ลงเลย เดี๋ยวไหลเข้าจมูกไปละจะยุ่ง รูยิ่งใหญ่ๆ อยู่”

                “ไอ้ฟาย ยงฮวา ไอ้ลีลา จะด่ากูจมูกบานก็พูดมา”

                “มึงพูดเองนะ ฮ่าๆ”

                “ไอ้ตาถั่ว กูออกจะหล่อ ประมาณทงบังชินกิ”

                “แหงดิ กูว่ามิคกี้ก็จมูกบานพอๆ กับมึง” สิ้นเสียงมินโฮ ทั้งโต๊ะก็หัวเราะกันครืน ในขณะที่คนโดนล้อเลียนได้แต่ทำหน้ามุ่ย “เงียบไปเลย เอ้าๆ ไอ้ยุน มีไรจะถามก็ถามมา”

                “อืม  พอดีกูกำลังสงสัยว่า ค่ายแปลว่าอะไร”

                “อืม....ค่าย.. หื้ม?”

                ค่าย – แปลว่าอะไร?

                หื้มมมมมมมมมมมมม? ค่ายแปลว่าอะไรรรรรรรรรรรร?

                แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ? งงอีกแล้วมึง ไอ้ยุนโฮ!

                “ฟาย ถามหอกไรวะ เห็นหน้ากูเป็นพจนานุกรมเหรอ เปิดเอาดิวะ” คนถูกถามด้วยปัญหาอันไม่น่าจะตอบเอาเสียเลยขมวดคิ้ว ในขณะที่มินโฮกับยงฮวาหัวเราะกันคิกคัก และยุนโฮก็บ่นพึมพำ “ปาร์คยูชอนไม่รู้ ใช้ไม่ได้เลย กาก”

                เอ้า ด่ากูอีก !

                “ฮ่าๆ อันที่จริง กูว่าคู่มึงกับไอ้ยุนโฮนี่ก็น่ารักดีนะ น่าเอาไปแข่งกับ –( : ตัวสวย – ตัวหล่อ : )- จริงๆฮ่าๆโคตรขำอ่ะ”

                “อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มึงคิดได้ไง ไอ้มินโฮ ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว มึงมันโรคจิต” ยูชอนด่าเป็นชุด ในขณะที่ยุนโฮได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยงฮวาเองก็ขำจนแทบจะลงไปกองกับพื้น เขาเสริม “เออ ก็จริงนะ มึงไม่ชอบเหรอยูชอน ยกระดับจากตัวประกอบมาเป็นตัวพระรอง นางรอง เอ๊ะ หรือตัวร้ายวะ? ฮ่าๆๆ เรตติ้งขึ้น”

                “ตลก กูไม่ใช่ตัวประกอบแต่แรกแล้วเว้ย กูพระเอกกกกกกกกกกกกกกกกก”      

                “พระเอกเรื่องบ้าไรของมึ้ง” แล้วก็ส่งเสียงด่ากันระงมในความหลงตัวเองของเพื่อน ในขณะที่ปาร์คยูชอนได้แต่ยิ้มกริ่ม ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ “ก็เรื่อง *0* ตัวเปลี้ย – ตัวน่ารัก *0*  ไง”

                โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห พูดจาเหมือนจีบเค้าติดแล้วเลยยยยยยยยยยยยยย เพื่อนกู โอ้โห

                “เหอะๆ ทำเป็นพระเอก ได้ข่าวยังโดนเค้าไล่เป็นหมูเป็นหมาทุกวัน”

                “ผู้หญิงด่าเค้าเรียกว่าผู้หญิงรักเว้ย!” ปาร์คคุงยังไม่ยอมแพ้

                แต่ได้ข่าวว่าน้องจุนซูเป็นผู้ชายบ้างป่ะ!

              “น้องจุนซูเป็นผู้ชายเว้ย”

                “ก็แล้วทำไม กูจะใช้ และต้องเป็นจริงด้วย เดี๋ยวก็รู้ ว่ากูจะจีบจุนซูติดหรือเปล่า”

                “เห้ย ปาร์ค เอาจริงเหรอวะคนนี้” มินโฮได้แต่ถามเถียงเหวอ แม้จะรู้อยู่บ้างแหละ ว่าจุนซูคนนี้น่ะ ปาร์คยูชอนผู้ไม่เคยมีแก่นสารอะไรสักอย่างในชีวิตเอาจริง แต่ก็นั่นแหละ มาคอนเฟิร์มกันต่อหน้าแบบนี้ก็ทำเอาตกอกตกใจเหมือนกัน

                และในขณะที่เพื่อนรักสามสหายกำลังจดจ่ออยู่กับประเด็นพี่ปาร์คและน้องจุนซูนั้น จู่ๆ คนหล่อสุดที่เงียบมานานก็ได้แต่ถามคำถามที่ทำเอาวงแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง “อะไรน่ะ ยูชอน”

                “หืม”

              “นายอยากเลี้ยงตัวน่ารักเองหรอกเหรอ”

                “ห๊ะ”

                “นายเองก็อยากเลี้ยงตัวน่ารักสินะ”

                เอ่อ...

                สิ้นประโยคนั้น สามสหายได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย

                พร่ำอะไรของมึง ไอ้ยุนนนนนนนน ไปนอนไป๊ปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป

     

                ......

     

                ในความเป็นจริง วันนี้มันไม่ใช่วันสำคัญอะไรหรอก

                ก็แค่เรื่องค่ายมันเกี่ยวกับตัวสวย และคนที่ทำให้ยุนโฮเกิดอาการแปลกๆ ได้ก็มีแต่ตัวสวย เพราะฉะนั้น มันก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะเสียเวลามากกว่าสิบสองชั่วโมงต่อวันในการคิดถึงเรื่องของคิมแจจุง

                ตัวสวยของชองยุนโฮ

     

                “ก็แล้วสรุป ค่าย มันแปลว่าอะไรล่ะเนี่ย” ยุนโฮบ่นพึมพำ ในขณะที่นั่งรอแจจุงกลับบ้านด้วยกันเหมือนทุกที ก่อนดวงตาเรียวคมที่กำลังจดจ้องไปยังทิวทัศน์รอบๆจะสูญเสียทัศนวิสัยไปชั่วขณะ จนเหลือเพียงสีดำเมื่ออยู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงฝ่ามืออันนุ่มนิ่มคู่หนึ่งที่เอื้อมมาปิดตาเขาเอาไว้

                ยุนโฮมองอะไรไม่เห็น  แต่เขาก็อมยิ้ม

                ตัวซนมาแล้ว

              “ทายดิ๊ใคร”

                “แมว”

                “ตลก”

                “ตัวซน”

                “ตัวสวยต่างหาก!” ยังพูดไม่ทันขาดคำ มือขาวๆ ก็โดนดึงออก ก่อนจะกลายเป็นใบหน้าน่ารักที่ ที่เข้ามาแทนที่ภาพสีดำๆ นั้น ยุนโฮอมยิ้มเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนแจจุงจะชวนกันดึงให้ลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านได้แล้ว พลางถาม “เมื่อกี้บ่นๆ อะไร?”

                “หือ”

                “เมื่อกี้เห็นพูดอะไรค่ายๆ มีอะไรรึเปล่า” ดวงตากลมใสจดจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาคม ยุนโฮทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตอบ “อ๋อ เปล่า ก็แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย ถามใครแล้วแต่ก็ไม่มีใครเข้าใจพี่เลย”

                “หืม? อะไรล่ะ”

                “พี่ถามไอ้ยูชอนว่า ค่าย แปลว่าอะไร มันดันบอกว่าให้พี่ไปเปิดพจนานุกรม ไม่น่าถามมันเลย ลืมไปว่าแม่งเป็นตัวเกรียน อ่ะ เซ็งๆๆ”

                “ฮ่าๆ ตลกละ พี่ยุนโฮนั่นแหละมึนเอง”

                “มึนไรล่ะ ก็ถามปกติ!

                “นี่ที่ถามเนี่ย หมายถึง อยากรู้ว่าไปค่ายต้องทำอะไรบ้างใช่รึเปล่า” แจจุงถามหยั่งเชิง เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องภาษาเอเลี่ยนชองซักเท่าไหร่ แต่สกิลการเดาน่ะขอก็ให้บอก ก็แจจุงน่ะ รู้เรื่องพี่ยุนโฮดีกว่าใครทั้งหมดแลยนี่นา!

                ยุนโฮทำน่านึก “อืม...ก็อาจจะอะไรประมาณนั้น” และคำตอบของตัวเองที่เดาถูกต้องนั่นก็ทำให้ตัวสวยได้แต่อมยิ้ม

                “โหย ทีหลังน่ะ มึนให้มันน้อยๆ ลงหน่อยรู้มั้ย เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย ทีหลังก็ถามพี่ยูชอนดีๆ สิว่าไปค่ายทำไรบ้าง ชอบพูดให้คนอื่นเค้ามึนกันอยู่เรื่อย ไม่ใช่โดราเอมอนนะ จะได้มีวุ้นแปลภาษาเอาไว้กินตอนแปลภาษาตัวหล่อน่ะ” ตัวสวยพูดล้อยิ้มๆ ในขณะที่ยุนโฮได้แต่ถามกลับ

                “แล้วตัวสวยมีหรอ”

                “หืม?”

                “วุ้นแปลภาษา”

                “ตลก ใครจะมี”

                “แล้วทำไมตัวสวยเข้าใจพี่ล่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาทำซื่อ  ในขณะที่แจจุงได้แต่อมยิ้มจนแก้มตุ่ย ก่อนจะตอบออกไปเสียงใสที่ตรงไปตรงมาจนทำให้คนหน้ามึนถึงกับเขินขึ้นมากับเขาบ้างเหมือนกัน “ก็เพราะเป็นตัวสวยไง ... เพราะเป็นตัวสวย ถึงได้เข้าใจตัวหล่อทุกอย่างเลย”

                ตัวสวยตลก ตัวสวยนิสัยไม่ดีเลย ชอบมาทำให้หน้าเขาร้อนๆ

                แล้วนี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย อมยิ้มจนแก้มตุ่ยอยู่ได้ รู้มั้ยมันน่ารักเนี่ย ติ๊งต๊องจริง!

                ยุนโฮได้แต่พร่ำบ่นในใจเหมือนทุกทีทั้งที่ตัวเองก็ร้อนหน้าจะตายอยู่แล้ว

     

                “กิ๊วๆ หน้าแดงเลย เขินหรอตัวหล่อ” คนที่อมยิ้มจนแก้มตุ่ยส่งเสียงแซว ยอมรับว่าชอบใจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะที่ทำให้ชองยุนโฮเสียทีได้ ในขณะที่เจ้าของฉายาหันมาทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเอานิ้วบีบแก้มกลมเบาๆ จนแจจุงร้องเสียงดัง “โอ๊ย”

                คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มชอบใจ “ดื้อนัก โดนบ้าง”

                “นิสัยไม่ดี แกล้งแจจุง : (

                “อะไร มาทำบ่น เจ้าแก้มกลม ก็อมยิ้มทำไมนักหนาล่ะ”

                “ก็แค่อมยิ้มมันผิดกฏหมายรึไง”

                “ไม่ผิด แต่มันน่ารัก น่ารักจนน่ารำคาญอ่ะ เข้าใจป่ะ ตัวสวย !

     

                งื้อ! ไม่ไหวแล้วนะ บ่อยๆ ก็ชักจะไม่ไหวแล้วนะ!

                เมื่อไหร่พี่ยุนโฮจะหยุดทำให้หัวใจแจจุงทำงานหนักซักทีนะ.

     

                “เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ แล้วสรุปสงสัยอะไรล่ะเรื่องค่าย แจจุงตอบได้นะ” มือขาวยกมือโบกๆ เพื่อไล่ความร้อนที่ใบหน้าออกไป ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

                “ทำเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ตัวแก้มกลมแดงๆ” และแน่นอนว่ายุนโฮก็ยังคงล้อ

                “พอเลย!

                “ไม่อมยิ้มแก้มตุ่ยละหรอ ตัวแก้มกลม”

                “เลิกล้อซะทีเหอะน่า”

                “ตัวแก้มกลม ตัวอมยิ้ม”

     

                ก็เพราะใครเล่า ตาบ้า!

     

                “ฮ่าๆ” กลายเป็นยิ่งเห็นเจ้าคนสวยขัดใจได้เท่าไหร่ ชองยุนโฮก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นเท่านั้น ท่าทางดีใจจนน่าหมั่นไส้ที่ทำให้คนแก้มกลมคนที่ว่า ได้แต่บ่นพึมพำอย่างขัดใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ “คอยดูนะ ไปค่ายจะไปอาบน้ำกับคนอื่น”

                และประโยคนั้นเองที่ทำให้ชองยุนโฮสีหน้าเปลี่ยนจนได้ และเมื่อความได้เปรียบกับมาอยู่ที่คนน่ารักอีกครั้ง แจจุงก็ยิ้มอย่างชอบใจ – ขอเอาคืนบ้างเถอะ อิอิ

                “หืม อะไรนะ ว่าไงนะ?”

              “บอกว่าไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น!

                “อย่ามาตลกดิ๊ ตัวสวย” ยุนโฮขมวดหัวคิ้วอีกแล้ว

                “โป้งๆ พี่ยุนโฮ”

                “ตัวสวย นิสัยละ”

                “โป้งงงงงงงงงงงงงงงง” ว่าจบแล้วก็เอาแต่พูดประโยคเดิมทวนซ้ำไปซ้ำมาด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติจนยุนโฮตกใจ “ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น!

                “ตัวสวยๆ หยุดๆ เลย”

                “ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น  ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น!

                “แจจุง”

                “ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น  ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น!

                “โอ้ย ยอมแล้ว หยุดเลยนะ”

                “ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับคนอื่น!

                “เฮ้ ไม่หยุดใช่ไหม เออได้”

                “ไปค่ายจะไม่เล่นกับตัวหล่อ จะไปอยู่กับคนอื่น อาบน้ำกับคนอื่น นอนกับ

                ยังไม่ทันจะจบประโยค เสียงหวานใสที่กำลังเจื้อยแจ้วกับถูกขัดขึ้นด้วยเสียงทุ้มที่ดังกว่าเสียก่อนซะงั้น – เสียงทุ้มอันดัง – ที่ไม่ได้สนใจใครเลยว่าจะได้ยินประโยคดังกล่าวหรือไม่

                เสียงทุ้มอันดัง...ที่ทำเอาคิมแจจุงถึงกับต้องเป็นฝ่ายอึ้งถึงขีดสุด

     

                “ไปค่ายจะเล่นกับตัวสวย อยู่กับตัวสวย อาบน้ำกับตัวสวย นอนกับตัวสวย!

     

                “เฮ้ย!!” ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ทันที ในขณะที่รุ่นพี่หน้ามึนยังไม่สนใจ ตะโกนต่อไปด้วยเสียงดังกว่าเดิมซ้ำอีก “ไปค่ายจะเล่นกับตัวสวย อยู่กับตัวสวย อาบน้ำกับตัวสวย นอนกับตัวสวย ไปค่ายจะเล่นกับตัวสวย อยู่กับตัวสวย อาบน้ำกับตัวสวย นอนกับตัวสวย!

               

                ให้ตายสิ!!

                นี่มันชักจะเสียงดังไปแล้วพี่ยุนโฮ๊วววววววววววววววววววววววว >//////<

     

                “หยุดนะพี่ยุนโฮ” ยังพยายามร้องห้าม แต่ก็ยังกับว่าจะมีใครสนใจ

                “ไม่หยุด! - ไปค่ายจะเล่นกับตัวสวย อยู่กับตัวสวย อาบน้ำกับตัวสวย นอนกับตัวสวย!” ราวกับเทปที่รีซ้ำอีกครั้ง ยุนโฮกับแจจุงก็ยังคงตะโกนเสียงดังกลับไปกลับมาใส่กันอยู่อย่างนั้น หากแต่ในคราวนี้ คนที่ดันอายสุดๆ ดันเป็นแจจุงเสียเอง

                ก็ดูประโยคที่พี่ยุนโฮพูดสิ มันน่าอายมั้ยล่ะ!

                “แจจุงอายคนนะ เลิกตะโกนเสียงดังซักที แจจุงยอมแล้ว”

                “งั้นตกลงตามนั้นถึงจะหยุด” ยื่นขอเสนอลอยๆ

                “ตกลงอะไร” แจจุงขมวดคิ้ว

                “ก็ตกลงสิ”

                “ก็บอกมาก่อนดิ ว่าเรื่องอะไร”

                “ไม่ตกลงก็ไม่หยุด ไปค่ายจะเล่นกับ...”

                ตั้งท่าจะเริ่มอีกครั้ง ในขณะที่แจจุงได้แต่หลับหูหลับตาตอบไปเพราะทนอายไม่ไหวแล้ว

                “โอ้ย เออ ตกลงก็ได้! พอ หยุดได้แล้ว!

                “โอเค : )

                ว่าแล้วก็หยุด ในขณะที่คิมแจจุงได้แต่หอบแฮ่กๆ เพราะตะโกนมากไปแถมยังหน้าแดงเถือกเพราะเขินตัวหล่ออีกซะงั้น คนหน้าหวานทำหน้ามุ่ย ก่อนจะหันไปถามรุ่นพี่ด้วยความเซ็ง “แล้วตกลงว่า ให้ตกลงเรื่องอะไร?”

                “อ๋อ ก็”

                ทำหน้าทะเล้น

                “....”

                “ก็”

                “....“

                “ไปค่ายจะเล่นกับตัวสวย อยู่กับตัวสวย อาบน้ำกับตัวสวย นอนกับตัวสวยไง”

     

                “ไอ้พี่ยุนโฮบ้า!!!!

     

                tbc.

    - - - - - -  -

    TALK :

    อิอิ มาต่อแล้ววววว ใกล้จะไปค่ายวิทย์ละ ลุ้นๆ >< อิอิ งานนี้มีหนุก 555+


    แจ้งประชาสัมพันธ์ รีปริ้นท์ฟิค 4 เรื่องนะคับ
    (true or lies?,checkmate,scandal,the parallel story)
    4 เรื่องนี้ รีรอบสุดท้ายแล้วนะจ๊ะ จะไม่ทำ ไม่เอาไปขายที่งานอีกแล้วจ้า จะไปทำแต่ตัวสวยฯ แว้ว
    สั่งได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนา นะ : )) ดูรายละเอียดที่นี่ค่ะ
    http://kyokoong.exteen.com/20120310/no-1-2-3-4-2

    คิดถึงทุกคน บวายยยยยยยยยยย . ตอนที่แล้วขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนที่มาเม้นท์ให้น้า จุ้บๆ :3



              


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×