ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -(: ตัวสวย – ตัวหล่อ :)- [YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #7 : Part [3.] : Jaejoongsickness 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.45K
      23
      13 พ.ค. 54

    -(: ตัวสวย ตัวหล่อ :)-
    :  III  Jaejoonsickness 1

     

    ป่วย ป่วย ป่วย

                แจจุงอยากไม่สบายชะมัดเลย – จะได้หยุดโรงเรียนซักวัน

                จริงๆ แจจุงชอบมาโรงเรียนนะ แต่...ตั้งแต่งานกิจกรรมของโรงเรียนเริ่มต้นขึ้น แจจุงก็แทบไม่มีเวลาว่างอีกเลย

                เป็นเพราะได้รับเลือกให้เป็นกรรมการนักเรียนทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นแค่นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน แจจุงก็เลยต้องหัวหมุนเพราะต้องเรียนรู้งานใหม่หมดเกือบทุกอย่าง ยังโชคดีที่มีจุนซูกับชางมินคอยช่วย แต่มันก็วุ่นวายอยู่ดี เวลาพักทานข้าวของแจจุงหมดไปตั้งแต่ก่อนเวลาพักของเด็กทั่วไป ก่อนจะใช้เวลาพักกลางวันในการเคลียร์เอกสารและประชุมเรื่องกิจกรรมโรงเรียนกับตัวแทนห้องอื่นๆ เล่นเอาแทบไม่มีเวลาว่างเลย

                แต่ปัญหาน่ะมันไม่ได้อยู่ที่แจจุงเหนื่อย หรือว่าเบื่ออะไรหรอกนะ

                เพียงแต่รู้สึกแปลกๆ เพราะเวลาที่จะได้เจอยุนโฮมันแทบไม่มีเลยเท่านั้นเอง

                จากปกติ แจจุงจะเจอกับยุนโฮตอนเช้า ถึงไม่ได้มาโรงเรียนด้วยกันแต่ถ้า  แจจุงอยู่ที่ไหน ก็มักจะเจอยุนโฮโผล่มาใกล้ๆเสมอ บางทีแจจุงมากินข้าวเช้าที่โรงเรียนบ้าง ก็ได้เจอกับยุนโฮ ตอนกลางวันยุนโฮก็ชอบแอบมาหาถึงจะไม่รู้ว่ามนุษย์ดาวอังคารของแจจุงใช้เรดาร์อะไรถึงหาเขาพบ แต่แจจุงก็รู้สึกสนุกดีที่มักจะหันไปเห็นยุนโฮอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่

                แต่ช่วงนี้มันไม่ค่อยเป็นแบบนั้นเลย...

                ตอนเช้าแจจุงต้องไปฝึกงานกับรุ่นพี่สายเดียวกัน ที่มีแจจุงกับตัวแทนห้องอื่นอีกสิบกว่าคน แล้วก็พวกรุ่นพี่อีกพอๆ กัน หัวหน้างานก็คือรุ่นพี่คนสวยปาร์คจียองตัวแทนห้องของพวกยุนโฮนั่นแหละ พี่จียองน่ะทั้งสวยทั้งใจดี แถมยังเอ็นดูแจจุงมากๆ แจจุงก็ดีใจนะ แต่บางทีมันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้นไม้บ่อยๆ เผื่อว่าจะมีใครสักคนมองมาจากตรงนั้นนี่ แล้วพอหันไปไม่มี...มันก็แค่รู้สึกโหวงๆ นิดหน่อย

                นิดหน่อยจริงๆนะ พี่ยุนโฮ...

               

                สามหนุ่มหล่อแห่งแทฮวาชินได้แต่หันมามองหน้ากันความรู้สึกไม่เข้าใจระคนหวาดหวั่น เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเดี๋ยวนี้มักจะอยู่ติดที่เป็นผู้เป็นคนหาใช่นินจา ไม่เหมือนวันอื่นๆ เสียแล้ว ก็ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วมันไม่มีอะไรก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ นี่เล่นนั่งหน้าบูดเป็นตูด เอาแต่อ่านหนังสือแล้วก็ดูนาฬิกา ข้าวปลาไม่กิน อย่างงี้มันทะแม่งๆ อยู่นา

                “เป็นไรวะยุนโฮ? ทำหน้าเป็นตูด แจจุงทิ้งเหรอมึง?”

                “...” ทันทีที่ปากพล่อยๆ ของปาร์คยูชอนขยับ สายตาคมกริบจากเพื่อนรักก็ตรงเข้าไปปาดคอเขาจนขาด

                ฉับ!

                กูขอโทษครับเพื่อนชองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    T-T

                “แล้วทำไมช่วงนี้มึงไม่ค่อยแว็บๆ หายตัวไปเลยวะ เห็นปกตินี่ยังกับนินจา พวกกูก็งงเป็นนะเว้ย”

    เป็นมินโฮที่ถามแทน เขาไม่ได้อยากไล่ยุนโฮไปไหนหรอก เพียงแต่ถ้าถามว่าทำไม คำตอบก็คงเป็น...อยากรู้ (เ--อก) นั่นแหละ

                ยุนโฮเอาหนังสือวางบนตัก ขมวดคิ้วตามแบบฉบับของคนขี้รำคาญ ก่อนจะขยับปากพูดพึมพำ

                “กูเกลียดงานกรรมการนักเรียน”

               

    “ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้คิดถึงตัวสวย”

    เขาพูด ก่อนจะทำเมินหน้าไปอ่านหนังสือต่อ เล่นเอาเพื่อนสามคนต้องถอนหายใจเฮือก เนี่ยแหละครับ คนมันไม่คิดถึงเลยครับ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากที่ซักไซ้ไล่เรียงอาการทั้งหมดยุนโฮเป็นก็พบข้อมูลว่า...

     

              ช่วงนี้แจจุงมีงานกรรมการนักเรียน ก็เลยไปหาไม่ได้ ถึงไปแจจุงก็ทำงานอยู่ตลอด ไม่รู้จะทำอะไรกันนักหนา เช้า กลางวัน เย็น น่าเบื่อ เซ็ง อารมณ์ไม่ค่อยดี ถ้าถามว่าคิดถึงรึเปล่า ขอบอกว่าเปล่า แค่หงุดหงิดกลัวคนอื่นจะแกล้งตัวสวย กลัวตัวสวยกินข้าวไม่ตรงเวลา เกิดเป็นอะไรไปยุนโฮก็ไม่รู้ว่าจะต้องพาตัวสวยไปเข้าโรงพยาบาลที่ไหน แพทย์ยังรักษาคน สัตวแพทย์รักษาสัตว์ แต่ไม่รู้ว่าจะมีหมอคนไหนรับรักษา ตัวสวยรึเปล่า? – ถ้ามีคนนั้นก็คงจะเป็นยุนโฮเอง เพราะยุนโฮคงทนไม่ได้ที่จะให้คนที่ไม่รู้จักตัวสวยมาจับนู่นๆ นี่ๆ

                ก็บอกแล้วว่าคนเลี้ยงมากับมือ

     

              ไอ้ตัวที่ขีดเส้นใต้ทั้งหมดนั่นเลยครับ คือสิ่งที่พวกผมพยายามเค้นออกมาในหนึ่งชั่วโมง ที่ปากห้อยๆ ของมันยอมปริออกมา กว่าจะเอาออกมาได้แต่ละข้อเล่นเอาปาร์คยูชอนน้ำลายแทบหมดปาก

                อย่างที่มันพูดครับ มันไม่คิดถึงน้องแจจุงเลย ไม่เห็นจะสนใจเลย ก็แค่ – ก็แค่ – ก็แค่มันทุกอย่าง

                อย่างงี้เค้าไม่เรียกคิดถึงธรรมดาแล้วครับ ในกรณีนี้ ในกรณีที่ปาร์คยูชอนเป็นลูกครึ่งอเมริกา เคยทำผมสีทองจ๋าตัดเกรียนตามนิสัยจึงจะขอแนะนำภาษาอังกฤษวันละคำ

                ผมคิดว่ายุนโฮกำลัง ป่วย

                ป่วยเป็นโรค ‘Jaejoongsickness’  (หรืออาจเรียกว่ามีอาการ Bellesick)

                อาการมันก็คล้ายๆ กับโฮมซิคทั่วๆ ไปนั่นแหละครับ เพียงแต่มีความรุนแรงเพียงเพราะตัวสวยของยุนโฮนั้นมีอิทธิพลมากกว่าบ้านเยอะ

                ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ต่อไปมันจะยิ่งอาการหนักรึเปล่าน่ะสิ

                เฮ้อ ในฐานะคนรักเพื่อน เรายินดีช่วยครับ

                “นี่ยุนโฮ อยากไปกินข้าวกับน้องแจจุงมั้ยล่ะ?”

                จู่ๆ ปาร์คยูชอนก็ถามขึ้นมา เรียกใบหน้าที่กำลังจดจ้องอยู่แต่กับหนังสือให้เงยขึ้นมาได้ทันที ยงฮวากับมินโฮเองก็มองยูชอนเช่นกัน

                โห้ยยยยยยย เห็นสุดหล่อหน่อยเป็นไม่ได้ จ้องยังกับกูเป็นบารัก โอบาม่า

                “เดี๋ยวหาเวลาให้ ช่วยด้วยแบบเนียนๆ ไม่มีใครในโรงเรียนรู้ด้วย เอาป่ะ”

                “ไม่เอาอ่ะ วุ่นววาย”

                “เออน่า เอาเหอะ” ยูชอนคะยั้นคะยอ ทำเอายุนโฮเริ่มรำคาญ

              “โอ้ย ไอ้ปาร์คเปลี้ย ไอ้ตัวเปลี้ย! เลิกยุ่งกับกูซักที”

                “ตัวเปลี้ย? ตัวเชี่ยไรวะ?” ปาร์คยูชอนขมวดคิ้ว

                “ตัวเปลี้ยก็คือตัวเปลี้ยอะดิ พูดไม่รู้เรื่อง”

                วุ้ยยยยย ใครกันแน่วะที่พูดไม่รู้เรื่อง

                “ฮันแน่ ทำมาตั้งชื่อให้กู เริ่มสนใจจะศึกษากูแบบน้องแจจุงแล้วล่ะซี่~ หล่อลึกอย่างกูเนี่ย เสน่ห์ภายในแพรวพราว” เรียกเสียงหัวเราะเหอะๆ จากมินโฮได้ไม่น้อย “หล่อลึกจริงๆ ลึกจนกูหาความหล่อไม่เจอเลย”

                “กูก็ว่างั้น สงสัยเสน่ห์แม่งพราวจัด ผู้หญิงแสบตา แฟนยังไม่มีซักคนเลย”

                ถึงแม้จะถูกเพื่อนๆ ประชดแดกดันแค่ไหน ยูชอนก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับประโยคสั้นๆ ของยุนโฮ

              “ตัวเปลี้ยอย่างมึง...กูจะศึกษาไปให้เสียเวลาทำไมล่ะ...”

                ปกติปากหนักไม่ใช่เหรอวะ พอด่ากูล่ะพูดมากขึ้นมาทีเลยนะ ไอ้ยุนโฮ!!!

                “เออๆๆ กูมันแย่ มันเลว แล้วตกลงว่าจะลองมั้ย ไม่อยากเจอแจจุงเหรอ?” จริงจังนะ ขอร้อง นี่จริงจัง!

                “ทำไงล่ะ” ยุนโฮเริ่มเหนื่อย เสียงแว้ดๆ ของยูชอนทำให้เขาปวดหู ไอ้ตัวเปลี้ย!

                “เอาน่า ตกลงว่าโอเคป่าว?”

                ยุนโฮขมวดคิ้ว นึกไม่ค่อยไว้วางใจแผนการของไอ้เพื่อนรักนี่ซักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมพยักเพยิดหน้าไป เพราะอยากจะลองดูอยู่เหมือนกัน

    “ลองดูก็ได้”

     

    เช้าวันต่อมา ยูชอนรีบมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อไปที่ห้องของแจจุง แล้วจะรู้ว่าปาร์คยูชอนคนนี้ รักเพื่อนมากแค่ไหน ฮ่าๆ (ยิ่งใหญ่จริงๆ)

                “อ่า สวัสดีครับน้อง...”

    ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามา ยูชอนก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะหันไปทำหน้าสยองอีกทางเมื่อเห็นน้องๆ ผู้หญิงหลายคนหันมาจ้องตาเขาเป็นมัน ...ผู้หญิงไม่เท่าไหร่ แต่กะเทยควายนี่ปาร์คไม่ไหวน้า...

                “คือว่า พี่อยากรู้ว่าคิมแจจุงมาโรงเรียนรึยังอ่ะจ๊ะ?”

                “แจจุงยังไม่มาเลยค่ะ” เด็กสาวท่าทางกล้าๆ คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “แล้วพี่ยูชอนอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ?”

                “เอ่อ ไม่เป็นไร แล้วคิมจุนซูหรือชิมชางมินล่ะจ๊ะ มารึยัง?” ยูชอนทำเป็นไม่สนใจคำถามพวกนั้นของรุ่นน้อง ก่อนจะรีบหาเหตุผลมาอ้างเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายเลยเถิด

    “พี่มาเรื่องงานน่ะจ้ะ”

                และทันทีที่ปาร์คยูชอนส่งเสียงคำถามสุดท้ายออกไป ไม่นานใบหน้าคุ้นตาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้น

    “ชางมินยังไม่มาหรอก แล้วรุ่นพี่มีธุระอะไรกับพวกผมเหรอ?”

    คิมจุนซู!

     

                “อันที่จริง ไม่ใช่แค่รุ่นพี่ยุนโฮหรอกที่ป่วย ผมว่าแจจุงมันก็ป่วยเหมือนกัน”

    หลังจากที่เดินหลบออกมาหาที่เงียบๆ คุยกันได้สองคนแล้ว ยูชอนก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้จุนซูฟัง ร่างเล็กได้แต่พยักเพยิดหน้า

    “ช่วงนี้มันเงียบไปเลย แป็บๆ เดี๋ยวก็จะโดนตัวรุ่นพี่ตัวแทนมาเรียกตัวไปตลอด”

    “โว้ว ยัยปาร์คจียอง คนบ้างาน” ยูชอนพึมพำ

    “หืม?” คิมจุนซูเลิกคิ้ว “แล้วไอ้แผนอะไรของพี่น่ะว่ายังไง?”

    “ก็ไม่ยังไงหรอก ก็แค่อยากให้ยุนโฮมันมีเวลาร่วมกับน้องบ้าง แต่ถ้าจะมานั่งกินข้าวด้วยกันเฉยๆ คนเค้าก็จะสงสัย แต่ถ้าจะให้ไปแอบเจอกันเหมือนที่ยุนโฮชอบทำช่วงนี้แจจุงเค้าก็ไม่มีเวลาว่างเลย พี่ก็เลยคิดว่าถ้าพาสองคนนั่นมากินข้าวด้วยกันเพราะเผอิญเพื่อนรู้จักกันก็น่าจะดีกว่า”

    “คือจะให้พวกผมไปกินข้าวกับพวกพี่?”

    “อือ”

    “เหอะ แผนไร้สาระ” จุนซูทำหน้าล้อเลียน ในขณะที่ยูชอนเบิกตากว้าง

    “ว่าไงนะ??”

    “ก็เปล่านี่”

    “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ กวนประสาทจริงๆ เลยนาย ไม่ได้คิดแผนตั้งแต่แรกก็อย่ามาวิจารณ์คนอื่นเค้าสิ!

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ผมจะพูดจะคิดอะไรน่ะ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่เหรอ?”

    “ไอ้อ้วน”

    “หา?” คิมจุนซูหันขวับไปทันที “ตะกี้นายว่าไงนะ?”

    “บอกว่าอ้วน ดูดิ เสื้อนักเรียนคับหมดแล้ว”  เขาพูดอีก คิมจุนซูหน้าแดง ทั้งโกรธทั้งอาย

    “รุ่นพี่ไม่มีสิทธิมาวิจารณ์ผมนะ”

    “แล้วฉันจะพูดอะไรมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่เหรอ?”

    “โอ้ยยยยยยยยย อย่ามาลอกเลียนแบบนะ!

    “ไม่ได้จดลิขสิทธิ์เหมือนกันแหละ” ยูชอนสบถ ก่อนจะว่า “หึ ตัวก็อ้วน หน้าก็บาน”

    คำพูดนั้นทำเอาคิมจุนซูของขึ้น เหมือนปาร์คยูชอนทำลายเขื่อนกั้นน้ำที่ปากของเขาแตก จุนซูใส่ไม่ยั้ง

    “โหย นึกว่าตัวเองหล่อตายแหละ ดูรวมๆ ก็เป็นผู้เป็นคนอยู่หรอกนะ แต่ลองแยกส่วนดิ หัวก็เถิก หน้าผากนี่เอามาสร้างสนามบอลได้แล้ว ตาก็ตี่ จมูกก็บาน หน้าก็แป้น ปากก็ห้อย ลูกกระเดือกก็ขัดลูกตาเป็นบ้า เห็นแล้ว คิมจุนซู so เปลี้ย ว่ะ!

    โอ้ยยยยยย วันนี้ทำไมมีแต่คนเรียกผมว่าเปลี้ยวะเนี่ยยยยยยยย ไอ้หนูนี่ก็อีก นี่ปากหรือกรรไกรวะเนี่ย โอ้ย ปาร์คเปลี้ย!

    ปาร์คยูชอนพยายามสะกดอารมณ์ ท่องเอาไว้ว่า ทำเพื่อเพื่อน ทำเพื่อเพื่อน เขาพยายามจะปิดบทสนทนา

    “ เออ โอเค ด่าได้ด่าไป ฉันฝากไว้ก่อน – สรุปว่าพาแจจุงมาโรงอาหารด้วยละกัน พวกฉันจะรีบโดดไปกินข้าวคาบของปีหนึ่ง หวังว่าคงอยากจะช่วยเพื่อนใช่ไหมล่ะ” ว่าจบเขาก็เดินออกไป จุนซูแลบลิ้นใส่ข้างหลัง ก่อนจะพึมพำ

    “เฮอะ ไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊ก นึกว่าหล่อตายอ่ะ!!

    ใบหน้าคมคายหันหลังไปมองร่างเล็กที่ยืนทำหน้าเหวี่ยงๆ อยู่ข้างหลังเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพูดเบาๆ ให้ตัวเองได้ยิน

    “น่ารักซะเปล่า...ปากร้ายเป็นบ้า”

     

    เกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้วที่แจจุงแทบไม่ได้เจอยุนโฮเลย

    ใบหน้าน่ารักของคนที่ใครๆ มักจะบอกว่าสวยได้แต่นั่งเหม่อมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลายครั้งที่ถูกคุณครูเขกหัวเพราะเรียกแล้วไม่ตอบ อาการเหมือนแมวเหงาที่แจจุงกำลังเป็นอยู่นั้น แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากสายตาชิมชางมินและคิมจุนซู

    “แจจุง ช่วงนี้ดูหงอยๆ นะ เป็นอะไรรึเปล่า”

    “ก็เปล่าหรอก...” แจจุงส่ายหัว “งานมันเยอะน่ะ เหนื่อยๆ”

    “งั้นวันนี้ไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกัน” จุนซูยิ้ม ในขณะที่แจจุงหันมามองหน้า

    “อ้าว แต่จุนซูบอกว่าที่โรงอาหารคนเยอะ เลยชอบชวนเราไปกินที่สนามไม่ใช่เหรอ?”

    “มันคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศแหละ ไปเหอะ” ชางมินที่รู้เรื่องแล้วก็สนับสนุน แจจุงจึงยิ้มออกมา “อื้อ ก็ดีนะ”

     

     “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบโรงอาหาร คนเยอะจะตาย วุ่นวายเป็นบ้า”

    “เดี๋ยวก็ชอบน่า ไปซื้อข้าวเร็วๆ” ยูชอนรีบดันหลังยุนโฮไป ก่อนจะบอกให้ยงฮวากับมินโฮไปจองที่ ที่แน่นอนว่า ต้องเป็นโต๊ะเดียวกับคิมจุนซู คิมแจจุง และชิมชางมิน

    “พี่ยุนโฮ...”

    แจจุงเบิกตาโตทันทีเมื่อสมาชิกทุกคนในโต๊ะมานั่งพร้อมจานข้าวกับคนละจาน สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ 4 เทพบุตรของโรงเรียนที่ปกติไม่ค่อยโผล่หน้ามาให้เห็นที่โรงอาหารมากนัก แจจุงหันไปสบตากับยุนโฮโดยที่ไม่พูดอะไร ก่อนจะหันกลับไปกินข้าวอย่างเดิม เมื่อยุนโฮจ้องกลับมา

    5 นาที...

    6 นาที...

    7 นาที...

    คนในโต๊ะเริ่มเงยหน้าขึ้นมองชองยุนโฮ จุนซู ชางมิน ยูชอน ยงฮวา และมินโฮ ไม่ว่าใครก็หันไปมองยุนโฮกันหมด

    ผ่านไป 7 นาทีแล้ว...ยุนโฮยังไม่ได้ตักข้าว แต่ยุนโฮกำลังมอง

    อย่าเรียกมอง เรียกจ้องดีกว่า ยุนโฮกำลังนั่งจ้องแจจุงตาไม่กะพริบ

    “เฮ้ย ไอ้ยุนโฮ กินข้าวมั่งดิวะ” ยงฮวากระแทกไหล่ให้เพื่อนที่นั่งแข็งเป็นตุ๊กตาหมีอยู่ข้างๆ อะไรมันจะคิดถึงขนาดนั้นวะ แล้วกระซิบ

    “มึงจ้องซะน้องเค้าจะกินข้าวไม่ลงอยู่แล้ว”

    ยุนโฮรู้สึกตัว ก่อนจะก้มลงไปจัดการกับจานตัวเองบ้าง สักพักหนุ่มดาวอังคารก็สบถขึ้นมา

    “ทำไมรสชาติมันห่วยอย่างงี้อ่ะ”

    เป็นที่รู้กันว่า ถึงจะไม่ค่อยได้มากินข้าวที่โรงอาหาร แต่กับข้าวของโรงเรียนก็เป็นสิ่งที่ชองยุนโฮใช้ชีวิตร่วมกับมันมาร่วมห้าปี เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆ จะบ่นอะไร เพราะคนอื่นก็กินกันปกติ จนมินโฮต้องเงยหน้ามาให้คำตอบ ด้วยการกระซิบแซวเบาๆ แค่พอให้คนในโต๊ะได้ยิน

    “ก็มึงเล่นกินแต่กับข้าวของแจจุงอ่ะ ทีนี้พอฝีมือแม่ครัวมันไม่ถึงขั้น ก็เลยไม่อร่อยไง”

    ยุนโฮเบือนหน้าหนี ในขณะที่แจจุงแอบอมยิ้ม

    เป็นยุนโฮเองที่วางช้อนกับส้อมที่สี่นาฬิกาเป็นคนแรก กับข้าวพร่องไปจนเกือบหมดด้วยความรวดเร็ว แต่ดูเหมือนยุนโฮจะกินไปงั้นๆ มากกว่า เพราะพอทุกอย่างเรียบร้อย แทนที่จะลุกไปเก็บจาน เขากลับนั่งจ้องแจจุงต่อซะแบบนั้น

    สายตาที่ไม่ว่าใครมองก็รู้ มันอาการหนักแล้วจริงๆ...

    แจจุงเงยหน้าขึ้นมามองฝั่งตรงข้าม เมื่อรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจดจ้องที่ตัวเองอยู่ แต่พอเห็น ก็อดที่จะอมยิ้มบางๆ ไม่ได้

    คนเย็นชา ที่แทบไม่มีความสนใจอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากหนังสือกับตัวเอง ตอนนี้กำลังมองแจจุงด้วยสายตาที่ไม่ว่าใครก็คงไม่เคยเห็น

    สายตาที่บอกว่าอยากกอด คิดถึง และมีเพียงสายตาเท่านั้นที่ยุนโฮแสดงมันออกมา เพราะเขายังคงนั่งนิ่ง และไม่ทำอะไรนอกจากมองแจจุงเท่านั้น

    “อ้าว ยุนโฮ มากินข้าวที่โรงอาหารด้วยเหรอ?”

    จู่ๆ เสียงใสๆ ที่หวานน่าฟังก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศฟองสบู่ที่ยุนโฮกำลังจะแผ่ขยายอาณาเขตออกไปรอบโต๊ะจนหมดสิ้น ดวงตาคมยังไม่เลิกจ้องคนตรงหน้า เพียงแต่รู้สึกตัวแล้วก็เท่านั้นเอง

    “อ๊ะ สวัสดีครับ พี่จียอง”

    เป็นแจจุงที่หันไปทักเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่เป็นใคร หญิงสาวหน้าเจื่อนไปเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เธอเลือกทักทายด้วย เธอหันไปมองรุ่นน้องที่เธอแสนจะเอ็นดู

    “อ้าว แจจุงก็กินโต๊ะนี่ด้วยเหรอ สวัสดีจ้ะ”

    “พอดีโต๊ะมันเต็มน่ะ ฮ่าๆ ก็เลยเบียดๆ กันไป”

    ปาร์คยูชอนรีบแก้ตัว คงเป็นพอดีกับที่ยงฮวาและมินโฮถอนหายใจ เจ้าหญิงของโรงเรียนยิ้มกว้าง ก่อนจะไปคุยกับแจจุงอย่างอารมณ์ดี

    “อ๋อ อย่างนั้นเอง ตอนแรกพี่ก็นึกว่าเรารู้จักกับพวกยุนโฮด้วยซะอีก เพราะอย่างนั้นพี่คงตกใจแย่เลย ก็พวกนายน่ะ คบกันอยู่แค่ในกลุ่มนี่เนอะ”

    เอิ่ม...อันที่จริง ไอ้คู่ตรงหน้าน่ะ มันยิ่งกว่ารู้จักกันอีกอ่ะครับ...มันคบก็แล้วด้วยแหละ แต่เพื่อนปาร์ค เพื่อนชอง เพื่อนลีไม่กล้าบอกกกกกกก

    ก็ใครๆ ก็รู้ว่าปาร์คจียองน่ะ...

    “ยุนโฮมากินข้าวที่โรงอาหารแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เราว่าได้สารอาหารครบกว่ากินขนมปังเยอะเลยนะ”

    “อืม” ยุนโฮตอบเรียบๆ ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดูดอึกๆ ต่อ

    ในขณะที่แจจุงหันไปมองรุ่นพี่ที่พูดประโยคนั้นทันที...รุ่นพี่จียอง?

    ยุนโฮคงมองไม่เห็นแต่แจจุงมองเห็น สายตาที่จียองมองยุนโฮ และมันเป็นอย่างที่พวกยูชอนว่า คนอย่างจียองน่ะดูง่าย มีแต่ยุนโฮแหละมั้งที่ไม่รู้เพราะเจ้าตัวไม่เคยสนใจอะไรกับใครเขาเลย เรื่องจียองชอบยุนโฮน่ะ ยูชอนก็รู้ ยงฮวาก็รู้ มินโฮก็รู้ หรือแม้แต่แจจุง...

    ยังคิดว่าอาจจะใช่เลย...

    “งั้นเราไปก่อนนะ แจจุง กินเสร็จแล้วไปหาพี่แทคยอนข้างบนเลยก็ได้นะ สงสัยป่านนี้นั่งเรียงเอกสารหัวปั่นอยู่แน่เลย นี่พี่ก็เพิ่งลงมาเอง” จียองยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวเอง ทันทีที่สาวเจ้าเดินออกไป คิมจุนซูก็รีบยิงเสียงแหลมๆ ใส่เพื่อนรัก

    “โห พี่จียองสวยจริง สวยมากเลยอ่ะแจจุง สวยมาก น่ารักมาก”

    “อื้ม” แจจุงหันไปยิ้มให้จุนซู ก่อนจะลอบมองปฏิกิริยาของยุนโฮที่โดนรุ่นพี่คนสวยชวนคุยเมื่อกี้

    หวา...ยังจ้องแจจุงอยุ่เลยอ่ะ...

    นี่ไม่สนใจใครเลยหรือไงเนี่ย

    “อื้ม สงสัยว่าฉันคงต้องไปแล้วล่ะจุนซู พี่แทคยอนคงรออยู่” แจจุงยิ้ม ในขณะที่จุนซูหูตั้ง เรดาร์กอสซิปบอยมันกระตุกเขายิกๆ

    “แทคยอน นายหมายถึงรุ่นพี่อกแทคยอน เจ้าชายของสายศิลป์เหรอแจจุง!?”

    “เอ่อ ถ้าเจ้าชายที่ว่านายหมายถึงประธานชมรมเคนโด้ล่ะก็...ใช่”

    “โหวววววว หล่อมั้ยแจจุง แจจุงได้ทำงานกับป็อบสตาร์โรงเรียนทั้งนั้นเลยอ่ะ น่าอิจฉา” จุนซูผู้ปลื้มป็อบสตาร์ดาวเด่นของโรงเรียนแทบทุกคนยิ้มร่า เรียกสีหน้าเซ็งๆ จากชางมินและยูชอนได้

    “ยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ ตลอดเลยนะ”

    ชางมินอาจจะเซ็งจุนซูเพราะจุนซูชอบยุ่ง แต่ปาร์คยูชอนเซ็งจุนซูตรงที่ว่า...

    ได้ข่าว กูนี่ก็หล่อติดอันดับนะเว้ย แล้วไหงไอ้เด็กนี่มันทำหน้าเหม็นใส่อย่างนั้นอ่ะ   

    ไหนว่าบ้าป็อบสตาร์ไงวะ? หรือเราจะหล่อไม่พอวะเนี่ย?

    ปาร์คเครียด!

    “ก็หล่อนะ หล่อดี สาวๆ กรี๊ดตรึมเลยแหละ” แจจุงตอบจุนซูยิ้มๆ แต่กลายเป็นยุนโฮทีถามขึ้นมาเสียงเรียบนิ่ง

    “หล่อกว่าฉันไหม?” ทุกสายตาหันไปมองที่ยุนโฮเป็นตาเดียว

    แทคยอนอะไรนั่น หล่อกว่าฉันรึเปล่า?” เขาว่าเสียงหนักแน่น จริงจัง

    เอาแล้วไง...แจจุงอมยิ้ม ก่อนจะเก็บกระเป๋า

    “งั้นฉันไปก่อนนะ” แล้วเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูยุนโฮ

    “พี่เป็นตัวหล่อนะ แล้วจะมีใครหล่อกว่าได้ยังไงล่ะ แล้วเจอกัน”

    แจจุงเดินไปแล้ว แจจุงลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว ก็ดีนะ เพราะถ้าแจจุงหันมามองหน้ายุนโฮต่ออีกหน่อย

    ก็คงจะเห็นแล้วล่ะ ว่ารอยยิ้มอันนับเป็นของหายากที่สุดในโรงเรียนอย่างหนึ่งของยุนโฮ

    มันปรากฏขึ้นแล้ว...

               

                วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในอาทิตย์ที่ยุนโฮกลับมาร่าเริงได้อีกครั้งทั้งๆ ที่เหลืออีกตั้งสี่วันกว่าจะหยุดเสาร์อาทิตย์ ร่าเริงที่ว่าก็คือ เจ้าตัวมีการฟังเพลง และนอนหลับนอกไปจากการนั่งทำหน้ามุ่ยแล้วอ่านหนังสืออย่างเดียวมาตลอดสัปดาห์แล้ว

                ต้นเหตุก็มีนะ เพราะหลังจากที่เมื่อวานได้ไปนั่งจ้องหน้าแจจุงหลังจากที่ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว ตอนเลิกเรียนถึงยุนโฮจะต้องกลับก่อนเพราะตัวสวยมีงานต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ช่วยชีวิตเขาได้มาก

               

    (ฮัลโหล)

                “ตัวสวย...”

                (ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอกันเลยเนอะ คิดถึงจัง)

                “...”

                (รู้นะ ว่าทำหน้าแดงอยู่ ตัวหล่อเนี่ยล่ะน้า คิดถึงก็บอกมาสิ เอาแต่นั่งจ้องแบบนั้น เดี๋ยวแจจุงก็พรุนเป็นฟองน้ำหรอก)

                “ตัวสวยมั่ว...ใครมองล่ะ?”

                (ถ้าบอกว่ามั่วก็แสดงว่าใช่น่ะสิ..)

                “ติงต๊อง ทำงานเสร็จแล้วเหรอไง”

                (ยังเลย ช่วงนี้พี่ยุนโฮก็ต้องซ้อมติวคณิตศาสตร์เหมือนกันใช่ไหม ชางมิน บอก)

                “อืม”

                (อือ งานเยอะกันทั้งคู่เลยเนอะ เอางี้ ไปเที่ยวกันมั้ย...?)

                “หือ...”

                (วันเสาร์นี้ทำงานให้เสร็จสิ อยากไปเที่ยว ถ้าไม่พาไปจะชวนคนอื่นไปแล้วน่ะ แบร่)

                “บ้าดิ จะไปไหนก็ว่ามา งานน่ะเสร็จอยู่แล้ว”

                (เมียงดงนะ...อยากไปเดินเล่น...)

                “คนเยอะ”

                (ตอนเดินน่ะ แจจุงเห็นแค่พี่ยุนโฮคนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก)

               

                แค่ประโยคนั้นก็ทำยุนโฮยิ้มเป็นบ้าได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วก็เอาแต่รอ...ว่าเมื่อไรจะถึงวันเสาร์ซักที...

                ท่าทางมีความสุขผิดปกติของยุนโฮที่ทำให้เพื่อนๆ ได้แต่มอง

    ดูท่าว่า...ชองยุนโฮมนุษย์ดาวอังคารกำลังจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์โลกเพราะมนุษย์นางฟ้าคิมแจจุงซะแล้ว

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×