คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ร้ายที่ ๑ : ศึกกลางงานเลี้ยง ความเกลียดชังที่มากขึ้น
เล่ห์ร้าย ไฮเดรนเยีย
ร้ายที่ ๑ : ศึกกลางงานเลี้ยง... ความเกลียดชังที่มากขึ้น
งานเลี้ยงต้อนรับว่าที่ประธานบริษัทอารยธนกุลถูกจัดขึ้นที่ฮอลขนาดใหญ่ในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีวงออเกสตราเล็กๆ คอยบรรเลงเพลงขับกล่อมให้พนักงานบริษัทและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานได้ฟัง เมื่อถึงฤกษ์ดีที่ประธานงานเลี้ยงจะกล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยือน วิวัฒน์ก็ก้าวขึ้นไปบนแท่นเวทีเล็กๆ
“ผมขอขอบคุณทุกท่านทีมาร่วมงานต้อนรับว่าทีประธานคนใหม่ของบริษัทอารยธนกุล ผมเชื่อว่าลูกชายของผม... ภูริช... จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง และเชื่อมั่นว่าเขาจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าผม” เมื่อวิวัฒน์ผายมือไปยังภูริช บรรดาแขกต่างก็ปรบมือต้อนรับเสียงดัง
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผมในงานเลี้ยงคืนนี้ ผม... ภูริช อารยธนกุล จะทำหน้าที่ต่อจากคุณพ่อให้ดีที่สุด ฝากตัวด้วยครับ” กล่าวจบก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะได้รับเสียงปรบมือที่ดังกว่ารอบแรก
ร่างสูงเดินลงจากเวทีอย่างสง่าผ่าเผย ด้วยบุคลิกที่ดูดีกอปรกับหน้าตาที่คมคายแล้ว ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างจ้องตาไม่กะพริบด้วยความชื่นชม
เดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าว ฝีเท้าก็ชะงักเมื่อพบกับหญิงสาวร่างน้อยในชุดเดรสยาวสีแดงสดตัดกับผิวขาวนวลละออ และมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีเลย หวั่นกลัวว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาอีก
ปุษยาเป็นหญิงสาวที่เด่นที่สุดในงาน ทั้งเสื้อผ้าสีสดและหน้าตาที่สวยคมจนหนุ่มๆ ในงานต้องเหลียวหลัง
“และฉัน ในนามลูกสาวอีกคนหนึ่งของคุณพ่อ ขอแสดงความยินดีแก่คุณภูริอย่างสุดซึ้งค่ะ” หญิงสาวเดินไปหยิบแก้วแชมเปญที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วสาวเท้าเนิบนาบเข้าไปใกล้ร่างสูง
ภูริชพยายามนิ่งดูสถานการณ์ว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหน คิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ให้ดีที่สุด แต่ก็ช้าไป... ชายหนุ่มยืนตัวชานิ่งเมื่อแชมเปญเย็นๆ ไหลผ่านศีรษะลงมาตามใบหน้า
บรรดาแขกต่างส่งเสียงอื้ออึงพูดซุบซิบกัน บ้างก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ฟ้า!” วิวัฒน์ตะโกนด้วยความตกใจเมื่อเห็นลูกสาวราดแชมเปญลงบนศีรษะภูริชท่ามกลางสายตานับร้อยคู่
“ขอแสดงความยินดีที่นายกับแม่สามารถฮุบทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ หวังว่าแอลกอฮอล์มันจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและดับกลิ่นเหม็นๆ บนตัวนายที่ติดมาจากสลัมได้นะ” ปุษยายิ้มอย่างพึงใจในผลงานของตน จ้องมองใบหน้าคมที่เลอะคราบเชมเปญด้วยสายตาเกลียดชัง
ภูริชกำหมัดแน่น ก่อนจะคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กๆ แล้วออกแรงลากออกไปนอกงานเมื่อความอดทนเส้นสุดท้ายได้ขาดผึงลง
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยนะ อีตาบ้าภูริช!” หญิงสาววีดว้าย สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มเป็นพัลวัน แต่ก็ไม่สำเร็จ
ชายหนุ่มถูลู่ถูกังร่างบางไปไกลจนร้างผู้คนก็ปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิศระ
“สะใจรึยัง” ภูริชเอ่ยเสียงเรียบทั้งที่ภายในใจโกรธจนแทบระเบิด ใช้แขนเสื้อเช็ดคราบแชมเปญที่เหนียวเหนอะหนะออกจากใบหน้า
“แค่นี้มันยังน้อยไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่นายและแม่นายทำกับแม่ของฉัน!”
ภูริชถอนหายใจ เบือนหน้าหนีจากหญิงสาวที่จ้องเขาราวกับมองแมลงสาบที่น่าขยะแขยง
“ชั่ว! ชั่วทั้งแม่ทั้งลูก”
“แล้วผมกับแม่ไปฆ่าแม่คุณตอนไหน แม่คุณนั่นแหละที่ฆ่าตัวตายเอง” คราวนี้ชายหนุ่มเถียงกลับด้วยเริ่มกักเก็บอารมณ์ไม่อยู่
ปุษยากรีดร้องก่อนจะตวัดฝ่ามือไปยังเป้าหมาย แต่ก็พลาดเมื่อมือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้ทันก่อนที่มันจะปะทะเข้ากับเสี้ยวหน้าคมๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
“ผมจะพยายามไม่ถือในสิ่งที่คุณเพิ่งทำไปนะ เพราะผมคิดมาตลอดว่าคุณเป็นเด็กมีปัญหา แล้วรู้ตัวรึเปล่าว่าสิ่งที่คุณทำไปเมื่อกี้ ไม่ใช่ผมเลยที่ควรอาย แต่เป็นคุณนั่นแหละ คุณน่ะกลายเป็นนางร้ายในสายตาใครหลายๆ คนไปแล้วรู้ตัวไหม”
ปุษยาอ้าปากค้าง อึ้งกับคำพูดกระทบใจคนฟังของชายหนุ่มตรงหน้า ความโกรธที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้พละกำลังมากขึ้นไปด้วย เธอสะบัดมือออกจากอุ้งมือหนาอย่างแรง และเสี้ยววินาทีที่มือเธอเป็นอิศระ ฝ่ามือบางๆ ก็ฟาดลงไปบนดวงหน้าคมอย่างจังจนเกิดเสียงดังคล้ายประทัดจิ๋ว
“ฟ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” วิวัฒน์ที่วิ่งตามมาห้ามศึกไว้ได้ทัน
ภูริชก็นึกขอบคุณอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าวิวัฒน์มาช้ากว่านี้แม้เพียวเสี้ยววินาทีแล้ว เขาอาจจะเผลอบีบคอเล็กๆ นั้นไปแล้วก็ได้
“ตามมาหาเรื่องภูริถึงที่นี่ ไม่อายแขกบ้างเหรอไง! กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ปุษยาจ้องเขม็งไปที่ภูริชอย่างเดือดดาล จนภูริชต้องเบือนหน้าหนีจากสายตาอาฆาตนั้น
“ฟ้า!” อีกครั้งที่วิวัฒน์ตวาดชื่อลูกสาวเมื่อเห็นหล่อนยังนิ่ง และนั่นทำให้หญิงสาวกระทืบเท้าสะบัดหน้าออกไปจากตรงนั้น
“ไม่เป็นไรนะภู” วิวัฒน์เอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงที่เมื่อครู่ถูกหักหน้ากลางงาน
“นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มเช็ดคราบเชมเปญที่ยังหลงเหลืออยู่จนหมด
“จะกลับเลยก็ได้นะ ถ้าไม่อยากกลับเข้าไป”
“ไม่ได้หรอกครับ งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อผม ผมก็ต้องอยู่”
วิวัฒน์พยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของภูริช เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าภูริไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงไป เข้ารู้ดีว่าลูกชายคนนี้หนักแน่นแค่ไหน ขนาดโดนลูกสาวตัวแสบกระทำถึงขนาดนี้ยังทนนิ่งเฉยอยู่ได้
ภายในผับย่านทองหล่อคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงอึกทึกครึกโครมของดนตรีผนวกกับแรงกระโดดขึ้นลงของนักท่องเที่ยวยามราตรีทำให้น้ำในแก้วไหวไปมา ภายในมุมที่มืดที่สุดมีหญิงสาวในเดรสสีแดงสดนั่งกระดกมาการิต้าสีชมพูหวานลงคอเป็นแก้วที่สาม
ปุษยากำแก้วแน่น ดวงตาแวววาวในความมืด สมองในตอนนี้ของเธอเต็มไปด้วยความแค้น
“ฉันไม่ใช่เด็กมีปัญหา นายนั่นแหละอีตาบ้าภูริช นายนั่นแหละที่ควรอาย เพราะฉันเป็นลูกเมียหลวง ส่วนนายก็เป็นแค่ลูกเมียน้อยที่ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว!” ปรามาสจบก็ยกน้ำสีหวานกรอกลงคอเป็นแก้วที่สี่
ปุษยาเดินโซเซไปที่รถหลังจากดื่มไปกว่าสิบแก้ว น้อยครั้งที่เธอจะดื่มหนักขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรฝืนสังขารตัวเองขับรถกลับบ้าน แต่ถ้าไม่ดื้อดึงก็ไม่ใช่คุณหนูปุษยาน่ะสิ
หญิงสาวเดินเข้าบ้านหลังจากขับรถกลับมาอย่างสวัสดิภาพ สองเท้าพยายามพยุงร่างที่โอนเอนแทบจะไร้สติ
“ทำไมกลับมาป่านนี้!” วิวัฒน์เอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากนั่งรอลูกสาวมานานกว่าห้าชั่วโมง เมื่อเห็นสภาพที่มึนเมาของปุษยาก็ต้องเอือมระอา
สายตาสามคู่จ้องไปที่หญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก มีทั้งเห็นใจ เอือมระอา และไม่แสดงความรู้สึกใด
ภูริชถูกวิวัฒน์บังคับให้มานั่งรอปุษยา จึงทำให้ฤดาต้องอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย แม้จะตกใจกับการกระทำของปุษยาในงานเลี้ยงที่วิวัฒน์เล่าให้ฟัง แต่สภาพของหญิงสาวในตอนนี้ทำให้นางเห็นใจ
หญิงสาวที่กำลังสะลึมสะลือมองทั้งสามคนด้วยหางตาผ่านๆ พยายามจะเดินหนีขึ้นห้องนอนแต่ก็ถูกวิวัฒน์ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“มานี่เดี๋ยวนี้!”
“ฟ้าง่วง”
“อย่าให้พ่อต้องโกรธไปมากกว่านี้นะฟ้า” นึกแล้วก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งเคืองที่ลูกสาวตนทำงานเลี้ยงต้อนรับว่าที่ประธานเสียป่นปี้
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เดินเข้าไปนั่งบนโซฟาด้วยความไม่พอใจเพราะปวดหัวจนแทบระเบิด อยากจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแทบแย่
“ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้”
ปุษยาจ้องเขม็งที่คู่กรณีด้วยดวงตาแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ไม่...”
“ฟ้า สนุกนักเหรอที่ทำตัวเป็นนักเลงแบบนี้”
“แล้วเพราะอะไรล่ะคะที่ทำให้ฟ้าต้องเป็นแบบนี้ ต้นเหตุมันคืออะไรพ่อก็ควรแก้มันที่ตรงนั้นสิ!” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ยอม อารมณ์โกรธที่มากขึ้นทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ “เป็นตายร้ายดียังไงฟ้าก็จะไม่ขอโทษ ...อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้ยิน” ประโยคหลังเธอมอบให้กับชายหนุ่มพร้อมกับแววตาอาฆาตมาดร้าย
“แม้ว่าพ่อจะยึดรีสอร์ทของเราคืนอย่างนั้นเหรอ”
ปุษยาใจหายวาบ มองหน้าบิดาที่ดุดันเฉียบขาดพร้อมจะเอาจริง
“ช่างมันเถอะครับคุณวัฒน์ เรื่องมันแล้วก็แล้วกันไป” ภูริชพยายามห้ามศึกระหว่างพ่อลูก เขาเองก็เบื่อที่ต้องมานั่งฟังอะไรแบบนี้ และก็รู้อยู่ตั้งแต่ต้นแล้วว่าหญิงสาวไม่มีวันเอ่ยคำขอโทษ ต่อให้เอาปืนมาขู่เธอก็คงไม่ยอม
“พ่อจะยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้ามีครั้งหน้าอีกแล้วพ่อรู้ว่าฟ้าพยายามกลั่นแกล้งภูริชไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ พ่อจะยึดรีสอร์ทจากฟ้าแล้วยกให้ภูริชไป ...และฟ้าก็รู้ว่าพ่อพูดจริงทำจริง”
หญิงสาวกำมือเม้มริมฝีปากแน่น หากเธอถูกยึดรีสอรท์ไปจริงๆ ก็เท่ากับว่าเธอไม่เหลืออะไรเลย และภูริชก็กลายเป็นฝ่ายครอบครองทุกอย่างโดยสมบูรณ์
“ไปนอนกันได้แล้ว” วิวัฒน์จบการสนทนาเพียงเท่านั้นก็เดินขึ้นห้องนอนเป็นคนแรก
ปุษยายืนขึ้น จ้องหน้าสองคนแม่ลูกด้วยสายตาที่เย็นชาผิดกับทุกครั้ง ก่อนจะเดินกลับห้องนอนของตนด้วยสภาพที่เริ่มสร่างเมา
หญิงสาวทิ้งตัวลงบนที่นอน น้ำตาเริ่มไหลออกมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธอกำผ้าปูที่นอนแน่น ความเคียดแค้นและความน้อยใจที่มีทำให้เธอเป็นทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อของเธอจะเข้าข้างเธอ... ทุกครั้งพ่อจะด่าเธอและเข้าข้างภูริช เป็นอย่างนี้เสมอมา
ภูริชมีทั้งพ่อและแม่คอยค้ำกะลาหัว ในขณะที่เธอเป็นเพียงหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครต้องการหรือใส่ใจความรู้สึก
ปุษยาเม้มปากแน่นยามนึกถึงใบหน้าสองแม่ลูกที่มักหลอกหลอนเธอทุกคืนก่อนนอน หญิงสาวยันกายลุกขึ้นนั่ง ปาดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนดวงหน้าออกไปจนหมด ต่อไปนี้เธอจะเปลี่ยนความแค้นให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง ...เธอจะไม่มี่วันยอมแพ้!
“เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะแม่ หนูจะกำจัดสองแม่ลูกนั่นออกไปให้ได้และทวงสิทธิ์ที่หนูกับแม่ควรจะได้รับ” เธอเอ่ยขณะมองรูปมารดาที่ตั้งไว้บนโต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียง ก่อนจะเอนกายลงนอนด้วยหมดเรี่ยวแรง
ปุษยาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน อาบน้ำเพื่อขจัดความรู้สึกที่หัวเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อหญิงสาวเดินลงมาชั้นล่างเห็นวิวัฒน์นั่งจิบกาแฟอยู่กับลูกชายคนโปรดก็แปลกใจ
“ไม่ไปทำงานเหรอคะ?”
“มาก็ดีแล้ว มานั่งนี่ซิ”
ปุษยาเดินไปนั่งลงแต่โดยดี กิริยาว่านอนสอนง่ายทำเอาวิวัฒน์แปลกใจอยู่ลึกๆ
“มีอะไรคะ?”
“พ่อจะส่งเราไปดูงานที่รีสอร์ททางใต้”
“เมื่อไหร่คะ”
“มะรืนนี้”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ ฟ้าจะได้ขอตัว” ยังไม่ทันจะลุกขึ้น วิวัฒน์ก็กล่าวต่อ
“พ่อจะให้ภูริชไปดูงานกับเราด้วย” ไม่เพียงแต่หญิงสาวจะตกใจ แต่ชายหนุ่มที่โดนพาดพิงก็ตกใจจนแทบสำลักกาแฟ
“อะไรนะคะ!”
“พ่อจะให้ภูริชไปกับฟ้าด้วย ภูริชเขาถนัดด้านนี้ เผื่อจะให้คำแนะนำเราได้” วิวัฒน์ขยายความ แต่นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวไม่พอใจมากขึ้นและสวนคำบิดาทันควัน
“ไม่จำเป็น ฟ้าจบบริหารมาเหมือนกัน รีสอร์ทของฟ้า ฟ้าดูแลเองได้”
“จะทำตามคำสั่งของพ่อ หรือจะให้พ่อยึดรีสอร์ท” วิวัฒน์เล่นมุกเดิม ซึ่งด็ได้ผลชะงัดทุกครั้ง สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะอยากให้ปุษยาได้ใกล้ชิดภูริชมากขึ้น เผื่อจะได้สัมผัสถึงตัวตนของภูริชว่าเป็นคนเช่นไร อคติที่บังตาลูกสาวของเขาตอนนี้ทำให้มองไม่เห็นว่าภูริชเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เขาอยากให้เธอยอมรับภูริชเป็นพี่ชายได้เสียที ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่มีความทุกข์ นี่แหละการแก้ที่ต้นเหตุที่ลูกสาวของเขาเรียกร้อง
ปุษยาชักสีหน้าไม่พอใจ จ้องไปที่ภูริชอย่างโกรธเคือง
“ไปอยู่ที่นั่นอย่านึกว่าจะแกล้งภูริชได้อีกล่ะ เพราะพ่อจะโทรถามพนักงานอยู่เรื่อยๆ”
ภูริชนั่งนิ่งไม่ออกความเห็น ด้วยความที่เป็นคนทันคนจึงทำให้รู้ถึงจุดประสงค์ของวิวัฒน์ได้ทะลุปรุโปร่ง แต่เขาไม่คิดว่าการทำแบบนี้จะได้ผล ตรงกันข้าม... มันอาจจะทำให้เรื่องยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“ไปอยู่กี่วันคะ?”
“อาจจะสักอาทิตย์นึง เตรียมจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยล่ะ”
ปุษยาเม้มปากแน่น เถียงไม่ออกแม้เพียงคำเดียวด้วยมีรีสอร์ทเป็นเดิมพัน การอยู่ร่วมโลกกับภูริชเป็นสิ่งที่เธอไม่พึงปรารถนาอันดับหนึ่ง ยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเลวร้ายมากเท่านั้น
‘ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ ฉันจะเล่นงานนายจนทนไม่ไหวเลยคอยดู!’
_____________________________________________________
เฮ่อ... หนูฟ้าของเราจะเล่นงานอะไรพี่ภูอีกนะ ถ้าพี่ภูโกรธมากๆ เข้าอย่าหาว่าไม่เตือนนะ อิอิ
ความคิดเห็น