จอมนางเคียงหทัย ดวงใจจักรพรรดิ [จบ] ลบ 23 สค.
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผู้แต่ง : ธารธารา...
My.iD :
https://my.dek-d.com/lachanas/writer/
ตอนที่ 4 : พี่ชาย...ท่านวางศักดิ์ศรีลงหน่อยไหม
มี่อิงเอนตัวนอนราบกับหลังม้าขณะที่มันหันมากระโจนใส่อีกครั้ง กระบี่ในมือพลิกมาต้านรับ จากนั้นจึงใช้ขาถีบม้า พุ่งทะยานไปด้านหน้า ทิ้งชายชุดดำไว้เบื้องหลัง ขณะที่ตัวนางมุ่งเข้าสู่วงล้อม
เมื่อเห็นคล้ายมีคนเข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นจึงตะโกนร้องเรียก “จอมยุทธ์ โปรดช่วยคุณชายของข้าด้วย” ชายหนุ่มท่าทางปราดเปรียวผู้นี้ ดูท่าวรยุทธ์จะแข็งแกร่ง แต่แขนด้านซ้ายของเขามีรอยถูกดาบฟัน ท่าทางกำลังที่ถดถอย คาดว่าน่าจะโดนพิษ มิเช่นนั้นคงไม่ตกเป็นรองเช่นนี้
เมื่อเหลือบมองชายหนุ่มอีกคน มี่อิงก็ถึงกับร้องอุทานในใจ คนผู้นี้จะต้องเป็นบุคคลสำคัญ ท่าทางสง่าองอาจผ่าเผยนั้น แม้ตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังมิอาจลดทอนความน่ายำเกรง ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกว่าตนต่ำต้อยราวมดปลวก แต่นางไม่มีเวลาพิจารณามากกว่านี้ เมื่อคนชุดดำสองคนพุ่งเข้ามาหา
เด็กสาวซัดมีดบินในมือปักไหล่ขวามันคนหนึ่งขณะยกกระบี่ขึ้นรับการจู่โจมของอีกคน การต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้นางที่ฝึกฝนกับทหารของบิดามาแต่เด็กย่อมได้เปรียบ นางรับดาบของมันอยู่สามสี่กระบวนท่า ก่อนจะได้จังหวะเสือกแทงกระบี่ใส่ท้องของมัน แล้วหันกลับมาสำรวจคุณชายผู้นั้น แม้เขาจะบาดเจ็บ และดูท่าว่าอาจจะโดนพิษ แต่ท่าทางของเขากลับไม่ได้ลดทอนความสง่าลงเลยแม้แต่น้อย
“ขึ้นมา” นางกระตุกม้าพุ่งไปพร้อมส่งมือให้เขา ชายหนุ่มเอื้อมจับมือนางแล้วจึงโหนตัวขึ้นม้า ร่างสูงโอบประคองจากด้านหลัง กลิ่นกายของบุรุษเพศเข้มข้นจนทำให้เด็กสาวถึงกับหน้าแดงเรื่อ
“รับไป” นางโยนยาแก้พิษให้บ่าวผู้นั้น ยานี้นางมักพกติดตัวเสมอ จวนแม่ทัพนั้นเปรียบเหมือนรังงู เผลอยามใดเป็นถูกงูฉก งูที่ว่านี้ไม่ใช่งูจากที่ใด แต่กลับเป็นบรรดาแม่ๆทั้งหลาย ว่างเว้นจากการงานเป็นต้องส่งยาพิษมาให้นางแก้เบื่อเล่น มิเข้าใจเหตุใดมิรู้จักเบื่อหน่าย ส่งมาถึงสี่ห้าครั้งยังไม่ประสบผลสำเร็จ น่านับถือความพยายามของพวกนางยิ่ง การงานอันเป็นประโยชน์กลับไม่พยายามเท่าหาทางฆ่าลูกเลี้ยง ช่างมีความอดทนเหลือจะกล่าว ยาแก้พิษที่นางพกนับยาชั้นเสิศ สามารถแก้พิษได้มากกว่าแปดสิบชนิด แม้บางชนิดจะแก้ไม่ได้ แต่ก็ยังพอบรรเทาได้
“รอข้า” เสียงทรงพลังของบุรุษด้านหลังเอ่ยเฉียบขาดกับบ่าวขณะที่นางควบม้าพุ่งทะยานฝ่าวงล้อมออกไป
เป็นดังขาดพวกมันทิ้งคนไว้สู้กับบ่าวคนนั้นแค่สองคน ส่วนคนที่เหลือรีบพุ่งทะยานตามมาอย่างไม่ลดละ
“ท่านมีแรงควบม้าหรือไม่” นางเอ่ยขณะเงยหน้าขึ้นถาม แม้จะอยู่ในความมืด แต่นางก็ยังพอมองเห็นเสี้ยวหน้าคม จมูกโด่งสันของบุรุษผู้นี้ มืดเช่นนี้ยังมองออกว่าเป็นคุณชายรูปงาม
“อืม” เขารับคำขณะสองแขนแกร่งโอบรอบตัวนาง เอื้อมมือมาชักบังเหียน มี่อิงขยับตัวเล็กน้อยอย่างอึดอัด นางไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษเช่นนี้มาก่อนย่อมรู้สึกไม่สะดวกใจ แต่ในสถานการณ์เป็นตายเท่ากันเช่นนี้ ถือศักดิ์ศรีไปก็มีแต่จะตายเปล่า
เปลี่ยนเขาเป็นผู้ควบม้า มือหนึ่งของนางยึดกับลำแขนแกร่งไว้ ส่วนอีกมือก็ล้วงเอามีดบินออกมา แม้พวกมันจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่ก็ใช่จะทุกคนที่มีวิชาตัวเบาสูงล้ำขนาดที่จะตามฝีเท้าม้าทัน ไม่นานก็สามารถสลัดหลุดคนกลุ่มใหญ่ เหลือเพียงแค่สองคนที่ตามมาไม่ห่าง นางอาศัยจังหวะและความแม่นยำ ซัดมีดบินใส่พวกมันทั้งสองร่วงลงไปนอนกับพื้น
“ห่างจากนี้สามสิบลี้1มีวัดร้าง” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยบอก หญิงสาวเพียงพยักหน้ารับ แล้วคว้าบังเหียนมาถือเอง เบี่ยงตัวออกจากท่าทางใกล้ชิดที่ชวนกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ ยิ่งเขาเข้าใกล้ กลิ่นอำพันเข้มข้นก็ยิ่งอบอวลในอากาศ ชวนให้หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างประหลาด
ชายหนุ่มด้านหลังเองก็เช่นกัน หัวคิ้วของเขาย่นเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเครื่องหอม กลิ่นหอมหวานอ่อนๆทว่าทำให้รู้สึกสดชื่นเช่นนี้ มีแต่สตรีท่าทางอ่อนหวานเท่านั้นที่ใช้ ไหนเลยจะเป็นจอมยุทธ์ผู้หนึ่งเช่นนี้ อีกทั้งร่างบางตรงหน้าที่เพิ่งโอบประคอง ก็ช่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับสตรีในห้องหอ หาใช่บุรุษที่ท่องอยู่ในยุทธภพ
ควบม้ามาราวหนึ่งเค่อ2 เงาตะคุ่มของวัดร้างที่ตั้งอยู่บนเนินพลันปรากฎในครรลองสายตา ย่ำเข้าไปถึงก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ทั้งเปล่าเปลี่ยวและเงียบสงัด เมื่อดึงบังหียนม้าให้หยุดลงแล้ว นางจึงเป็นฝ่ายเอี้ยวตัวลงก่อน ขณะที่กำลังจะส่งมือให้เขา ชายหนุ่มกลับโหนตัวลงมาแล้ว แม้จะเห็นว่าร่างหนาตรงหน้าถึงกับเซถอยหลัง แต่กลับไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ยืนตัวตรงสองมือไพล่หลัง กลิ่นไอของความสูงศักดิ์แผ่จางๆรอบตัว
นางกรอกตามอง ถอนหายใจสองครั้งให้กับท่าทางหยิ่งยโสเช่นนั้น
เฮอะ...ทำหยิ่งไปเถอะ เกิดแผลฉีกขาด พิษกำเริบขึ้นมา ข้าจะไม่เปลืองแรงฝังท่านเลย
หันไปหยิบถุงใส่น้ำที่ห้อยคอม้าแล้วจึงเดินตามร่างสูงที่แม้จะมีร่องรอยของอาการบาดเจ็บ แต่ฝีเท้ากลับเป็นระเบียบมั่นคงยิ่ง เดินด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยยิ่ง มิรู้ว่าเขาจะอดทนไปทำไม ในเมื่อมีเพียงแค่เขากับนางอยู่ในนี้ หาใช่ท่ามกลางธารกำนัลไม่ ได้แต่ส่ายหน้าระอา จำใจเดินเข้าไปช่วยประคอง ไม่รู้ตัวเลยว่าเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้สูดดมกลิ่นหอมจากกาย ริมฝีปากที่มักเป็นเส้นตรงยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายพึงใจ มี่อิงพาเขาไปนั่งตรงกองฟางแห้ง ล้วงหาเอายาแก้พิษออกมาจากในเสื้อ
“ท่านรีบกินเข้าไปก่อน ยานี้แม้ไม่สามารถรักษาพิษในตัวท่านได้ แต่อย่างน้อยก็อาจจะบรรเทาลงได้บ้าง” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าแล้วรับยาและน้ำจากนางมา
เขาเพียงนั่งนิ่งๆมองนาง ดวงตาดำขลับแวววาวอยู่ในความมืด ถูกเขาจ้องเช่นนี้ นางจ้องกลับไป มองไปมองมาครู่หนึ่งกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างไรชอบกล แสร้งเสหันไปสำรวจรอบๆ ทำทีเป็นยกมือขึ้นกอดอกเลียนแบบคุณชายเจ้าสำราญกลับพบว่ามือตัวเองเปื้อนไปด้วยเลือด
“ท่าน...บาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้” พูดไม่ทันจบ คนที่เคยนั่งหลังตรงคอแข็งก็ฟุบหน้าหมดสติไปแล้ว
กระโดดทีเดียวก็ไปถึงตัวเขาอย่างร้อนรน มือลูบผ่านแผ่นหลังของเขาพบว่ามันชุ่มโชกไปด้วยเลือดข้นเหนียว
เจ็บหนักขนาดนี้ ท่านยังไม่ร้องสักคำ ไม่รู้ว่าขาเหยียบแดนปรโลกแล้ว ท่านยังจะหอบศักดิ์ศรีไปด้วยหรือไม่
มี่อิงได้แต่ส่ายหน้าระอาพลางฉีกเสื้อผ้าเขา รอยดาบกรีดลงเนื้อเป็นทางยาวปรากฎแก่สายตา รอยแผลค่อนข้างลึกและเป็นรอยเขียวคล้ำ บ่งบอกว่าโดนพิษ นางค่อยๆใช้น้ำในถุงล้างเลือดรอบๆ ล้วงยาห้ามเลื้อดออกมาทา จากนั้นจึงผละไปเอาถุงที่แขวนกับม้า ในนั้นมีอุปกรณ์ที่นางพกพาหลายสิ่งรวมทั้งเข็มกับด้าย
ขอโทษนะพี่ชาย ฝีมือเย็บของข้าอาจจะไม่สวย แต่รับรองได้ว่าไม่ขี้ริ้ว ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร เกรงว่าตามหมอมาอาจจะร้ายมากกว่าดี
สลบไปเช่นนี้ก็ดี ตอนนางเย็บแผลจะได้ไม่ต้องร้องโวยวายเสียงดัง
กล่าวขออภัยจากเขาแล้ว นางก็ลงมือเย็บแผลให้เขาด้วยตัวเอง อาศัยแสงสว่างจากจันทร์เต็มดวงที่ลอดมาทางหน้าต่างและฝีมือเย็บปักของนาง ไม่รู้ว่าเมื่อเห็นรอยเย็บแล้ว พี่ชายตรงหน้าจะหัวเราะหรือร่ำไห้
ปกติอาจารย์อาสอนนางแต่เรื่องการฝังเข็มและปรุงโอสถ เนื่องจากรู้สึกเอน็จอนาถใจกับฝีเข็มของนาง ทักษะด้านการเย็บแผลของนางจึงค่อนข้างต่ำ เอิ่ม...ต่ำที่สุดถ้าเทียบกับอย่างอื่น แต่นางก็เคยเรียนรู้มาบ้าง อาจารย์อาเคยสอนนางเย็บแผล เอ่อ...วัวบ้าง ม้าบ้าง ส่วนคนนั้น ยินดีด้วยพี่ชาย ท่านเป็นคนแรกที่ข้าลงมือ นับเป็นเกียรติประวัติอย่างสูงแก่วงศ์ตระกูลของท่าน
เสียดาย หากข้าหน้าหนากว่านี้อีกสักหน่อย คงพิจารณาจะสลักชื่อตัวเองลงไปด้วย
จัดการเย็บแผลให้เขาแล้ว หันมองซ้ายขวา เสื้อผ้าบนตัวเขานั้นโชกไปด้วยเลือด จำใจต้องฉีกเอาชายเสื้อคลุมยาวของตัวเองบางส่วนออกมาพันแผลห้ามเลือด ส่วนเสื้อผ้าของเขาที่ถูกทิ้งขว้างไว้ เมื่อพิจราณาเนื้อผ้าสีเขียวเข้มนั้นนิ่มลื่น บ่งบอกว่าเป็นของชั้นดี ช่วยยืนยันความคิดของนางว่าบุรุษผู้นี้คงมีฐานะไม่ธรรมดา นางจัดการให้เขาได้นอนพัก แล้วจึงทิ้งถุงน้ำและผลไม้ถุงหนึ่งที่ป้าหยูเตรียมมาให้
ก้มหน้าพิจารณาชายหนุ่มในความมืด กลับเห็นเพียงเงาลางๆจากแสงจันทร์ที่ยามนี้หลบไปอยู่หลังก้อนเมฆใหญ่ ในใจให้รู้สึกเสียดายยิ่งนัก มนุษย์คนแรกที่ได้รับเกียรติรับการรักษา เอิ่ม...รับการเย็บแผลจากนาง แต่นางกลับเห็นหน้าเขาไม่ชัดเสียอย่างนั้น น่าเสียดายโดยแท้ แต่คิดวนกลับไปมาแล้วก็ยังได้ข้อสรุปว่า เขาช่างเป็นบุรุษที่พร้อมมูลไปด้วยโชค หากไปเจอะเจอคนอื่นป่านนี้ขาข้างหนึ่งคงกำลังก้าวข้ามสะพานแม่น้ำหลงลืม มิได้มานอนหายใจสม่ำเสมอเช่นยามนี้
แต่พี่ชายผู้นี้ก็แปลกพิลึก ขนาดนอนหมดสติยังนอนตัวตรงเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่ง เสียงหายใจแม้แผ่วเบาแต่ยังสม่ำเสมอยิ่ง
มี่อิงส่ายหน้าให้กับชายประหลาดผู้นี้พลางผละออกมา
หวังว่าพรรคพวกที่ท่านตามตัวจะหาท่านพบโดยเร็ว
นางกล่าวกับเขาสั้นๆ แล้วจึงหันหลังควบม้าจากมา ตอนควบม้าเข้ามาถึงวัด นางรับรู้ได้ว่าเขาได้ส่งสัญญานบางอย่างตามพรรคพวกให้มาช่วย จึงจากมาอย่างวางใจ คาดว่าอีกไม่ช้าคนพวกนั้นคงตามมาทัน ตัวนางไม่อาจรั้งนานกว่านี้ มิเช่นนั้นป้าหยูอาจจะเป็นห่วงจนส่งคนไปแจ้งท่านยาย
พรุ่งนี้เช้าข้าจะแวะมาดูท่านอีกครั้งก็แล้วกัน
เด็กสาวเอ่ยทิ้งท้ายกับสายลมแล้วจึงควบม้าจากไปในความมืด
-----------------------------------------------------------
1 ลี้ เป็นหน่วยวัดความยาวหรือระยะทาง 1ลี้ เท่ากับ 500 เมตร
2 เค่อ หนึ่งเค่อประมาณ 15นาที ใน 1วันมี100เค่อ
ท่านผู้นี้ก็อดทนเกิน ระเบียบเป๊ะ
ดังขาด = ดังคาด นะคะ
บังหียน ==> บังเหียน
เอน็จอนาถ ==> ลองไปเปิดพจนานุกรมดูกลายเป็นว่าสะกด อเนจอนาถ ค่ะ มีในตอนอื่นๆ ด้วยนะคะ