คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ...รักที่สับสน...
แพขนตาหนากระพริบน้อยๆ อย่างที่เจ้าตัวพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมตาตื่น ริมฝีปากขยับพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ว่า ความง่วงก็ยังเป็นนายเช่นเดิม แม้จะไม่อยากให้เป็น
จงฮุน...ถ้าฉันล้มลงล่ะก็ นายจะช่วยฉันได้ไหม มือของนายจะช่วยฉุดให้ฉันลุกขึ้นแล้วเดินต่อไปครั้งหน้าได้รึเปล่า
ถ้าเพียงแต่เรามีใครซักคน แค่คนเดียวก็พอ คอยอยู่เคียงค้างเราไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดเรา ฉันก็คิดว่าทนได้แค่เพียง มีนาย นายเท่านั้น เพราะว่าฉันโลภ คนเพียงคนเดียวนั้นถึงไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้แต่ต้องเป็นนาย ถ้าไม่ใช่นายมันก็ไม่มีความหมายใดๆ
หยดน้ำใสค้างที่อยู่ที่ขนตาเมื่อฮงกีผล็อยหลับลึกลงอีกครั้ง สำนึกบางอย่างทำให้คิดได้ว่านี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านแจจิน...
...
ระยะทางโรงเรียนกลับมาบ้านทำไมคราวนี้ถึงได้แปลกนัก ตอนที่เดินมาเหมือนว่าใช้เวลานานนักหนาแต่พอเห็นประตูรั้วเท่านั้นกลับรู้สึกเหมือนเวลานั้นผ่านเร็วไป มินฮวานนึกอยากให้เวลานี้ทอดต่อไปอีกซักนิด นิดเดียวก็ยังดี เวลาที่มีคนที่รักเดินเคียงข้างไปด้วยกัน แต่นั่นก็เป็นได้เพียงปรารถนาเพียงฝ่ายเดียว
บ้านของมินฮวานและจงฮุนนั้นอยู่ใกล้โรงเรียนมากเดินไปกลับได้อย่างสบาย ส่วนบ้านของวอนบินนั้นอยู่ห่างออกไปอีกหน่อยแต่ก็พอที่จะเดินไปโรงเรียนได้ ซึ่งบางวันก็จะเห็นวอนบินขี่จักรยานไปโรงเรียน ผิดกับบ้านของแจจินที่อยู่ไกลออกไปในย่านของคนรวย ถ้าไม่มีรถคอยรับส่งก็เดาได้เลยว่าต้องตื่นแต่เช้านั่งรถไฟใต้ดินมาโรงเรียน
“ขอบคุณนะฮะที่มาส่ง” มินฮวานว่า
“อื้ม” วอนบินตอบรับ “ฉันไปก่อนนะ”
“กลับบ้านดีๆนะฮะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
มินฮวานยืนส่งวอนบินด้วยสายตา ร่างสูงที่เดินไกลออกไปยกมือโบกลาในอากาศ
เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก ในที่สุดก็ไม่ได้พูด...
คำว่าชอบ ทำไมถึงได้พูดยากนักก็ไม่รู้ ทั้งๆที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ โอกาสที่ได้มาเพราะคนคนนั้นช่วย มินฮวานเจ็บใจตัวเอง
มินฮวานไขประตูรั้วก่อนเดินเข้าบ้านไป เขาเปิดประตูบ้านถอดรองเท้าเก็บใส่ชั้น เปิดไฟให้บ้านที่ว่างเปล่าสว่างไสว ว่างเปล่าเหมือนหัวใจของตัวเองแต่ไม่มีวันที่จะสว่างไสวเพราะแสงไฟนั้นไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของ ลีฮงกีแต่ผู้เดียว ความจริงนี้ไม่มีวันเปลี่ยน
มินฮวานย้ำกับตัวเอง
โอวอนบินรักเพียงลี ฮงกี
และชอยมินฮวานก็เป็นได้แค่ไอ้โง่ที่รักเขาข้างเดียวเป็นเวลาหลายปี เด็กหนุ่มหัวเราเบาๆ ก็แค่ไอ้โง่
ถึงเวลารึยังหนอ เวลาที่ควรตัดใจ ก็ตอนนี้เจ้าของตัวจริงเขากลับมาแล้วนี่นา เพราะฉะนั้นที่ตรงนั้นก็ไม่เหลือช่องว่างให้เราเข้าไปแทรกอีกแล้ว
น้ำใสเอ่อคลอในดวงตา
ไม่มีมีที่สำหรับเขาอีกแล้ว
ไม่มี
น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านแก้มใสไปตามแนวคางได้รูปก่อนตกลงบนพื้น
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้านึกดีใจที่ตอนนี้บ้านว่างเปล่า
อย่างน้อยก็ขอให้ได้บอกก่อน บอกคำว่ารัก หลังจากนั้นไม่ว่าคำตอบที่ได้จากเขาจะเป็นอย่างไรเราจะยอมรับทั้งหมด อย่างน้อยก็ขอให้ได้หลอกตัวเองไปอีกซักพักเถอะนะครับว่า หัวใจของพี่ยังมีผมอยู่บ้าง แม้จะเป็นเพียงเสื้ยวเล็กๆก็ตามที
....
จงฮุนไขประตูรั้วบ้านอย่างยากลำบากเพราะตัวภาระที่ไม่ใช่ขนาดเล็กๆบนหลัง ใบหน้าหล่อเหลาบูดสนิทเมื่อไม่ว่าจะกดกริ่งเท่าไหร่ น้องชายตัวดีที่อยู่ร่วมชายคาบ้านก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาช่วยซักนิด กระเป๋านักเรียนสองใบถูกวางทิ้งอย่างไม่ได้รับการสนใจข้างตัวตั้งแต่แรก แต่พอคิดว่าน่าจะวางฮงกีลงด้วย ส่วนเล็กๆในหัวใจกลับค้านแรงว่า ไม่อยากปล่อยมือ
จงฮุนร้องไชโยในใจเมื่อได้ยินเสียงคลิกของล็อกที่ถูกปลด เด็กหนุ่มเดินไขประตูบ้านด้านในได้โดยใช้เวลาไม่นาน ภายในบ้านนั้นมืดสนิท ทำให้คิดว่ามินฮวานคงหลับไปเรียบร้อยแล้ว
จงฮุนเปิดไฟ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดพาเอาร่างที่ไม่มีสติของคนขี้เซาติดตามไปด้วย ประตูห้องนอนถูกเปิดอย่างแผ่วเบา ร่างสูงเดินเข้าไป บรรจงวางร่างเพรียวลงบนเตียงนุ่มของตัวเอง
“ปวดไหล่ชะมัดเลยแฮะ” อดไม่ได้ที่จะบ่น เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบ ห้าทุ่มแล้ว จงฮุนไม่ได้โทรบอกแจจินก่อนเรื่องฮงกี พอนึกได้ตอนนี้ก็อดห่วงไม่ได้ว่าคนขี้กังวลคนนั้นจะร้อนรนขนาดไหนแล้ว
โทรศัพท์มือถือถูกกดโทรออกอย่างรวดเร็ว ด้วยคีย์ลัด รอสายไม่ถึงสามครั้งเสียงใสๆของคนปลายสายก็ดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจไม่ผิดจากที่คิดไว้ซักเท่าไหร่
“จงฮุนเหรอ นายโทรมาก็ดีเลย ฮงกียังไม่กลับบ้านฉันโทรหาเท่าไหร่ก็ปิดเครื่อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำยังไงดีจงฮุน”
แจจินร่ายยาวมาเป็นชุด เมื่อนิสัยดั้งเดิมทำเอานั่งไม่ติดที่
จงฮุนหัวเราะกับความน่ารักนั่น “ใจเย็นแจจิน ไม่มีอะไรซักหน่อย”
“ไม่มีได้ยังไง” แจจินสวน “ฮงกีจะกลับบ้านดึกขนาดไหนก็ต้องโทรมาบอกก่อน เพราะเค้ารู้ว่าฉันจะเป็นห่วง
แต่นี่เล่นหายไปเงียบๆ โดนใครดักตีหัวขโมยกระเป๋าไปรึเปล่าก็ไม่รู้ จงฮุนฉันไปแจ้งตำรวจดีมั้ย”
จงฮุนมองร่างของเจ้าของชื่ออย่างนึกขำ “ฉันก็เห็นว่าเขานอนหลับสบายดีนะ”
“เอ๋”
“หมอนั่นย้อนกลับมาน่ะ เพราะยูริยังทำงานอยู่ก็เลยกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”
“อ้อ ตรงนั้นฮงกีโทรมาบอกก่อนแล้ว”
“ทีนี้รอไปรอมา ก็หลับ”
“แล้ว?”
“ฉันไม่มีปัญญาปลุกคนขี้เซาของนายน่ะสิก็เลยพอมานอนที่บ้านฉันก่อน”
“เอ๋”
“ไม่ต้องมาทำเสียงงงเลย ไม่งั้นจะให้ฉันทำยังไง ปล่อยทิ้งไว้ที่โรงเรียนอย่างนั้นเหรอ นายเห็นฉันเป็นคนใจดำได้ขนาดนั้นเชียว” จงฮุนพูดกลั้วหัวเราะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้อารมณ์ดีนัก แค่มองดูดวงหน้าสวยหวานหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขาเท่านั้น หัวใจกลับรู้สึกพองโตคับอกอย่างไม่มีเหตุผล
“งั้นอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะเอารถออกไปรับฮงกีกลับแล้วกันนะ จะได้ไม่รบกวนนาย”
“ไม่ต้องหรอก ให้นอนที่นี่ไปก่อนก็ได้ ชุดนักเรียนฉันก็มีเหลือเฟือเดี๋ยวตอนเช้าให้ฮงกียื้มก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร ทางนี้ฉันดูเองนายอย่าห่วงเลย นี่ก็ดึกมาแล้วไปนอนเถอะนะ” จนฮุนกล่าว แม้สมองจะแย้งหนัก ทำไม ทำไมถึงต้องเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยมากขนาดนี้
คนที่เคยลั่นวาจากับตัวเองไว้ว่า เกลียด
แจจินพูดอะไรอีกสองสามคำก็วางไปพร้อมคำบอกให้ฝันดีจากจงฮุนซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับมาด้วยความสนิทที่มีให้เสมอไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปซักเท่าไหร่ก็ตามว่า “นายก็เหมือนกัน อ้อ ถ้านอนเตียงเดียวกันระวังโดนถีบล่ะ”
เมื่อวางสายจากเพื่อนเรื่องที่กวนตะกอนในใจให้ขุนก็หวนกลับมาอยู่ในห้วงความคิดที่สับสน
ทั้งทั้งที่แจจินก็เสนอมาแล้วแท้ๆว่าจะมารับกลับ ไม่ง่ายกว่าหรือ ตอนเช้าจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย
จงฮุนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจตัวเองและที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็คือ คนที่นอนหลับสบายคล้ายห่างไกลเรื่องทุกร้อนทั้งปวง
เพราะว่านี่มันก็ดึกแล้ว ถ้าให้แจจินมารับรายนั้นก็ต้องพลอยไม่ได้นอนไปด้วย แล้วเขาก็ต้องอยู่รอ
และแล้วคนฉลาดเสมอก็หาข้ออ้างให้กับการกระทำแปลกๆของตัวเองได้อีกครั้ง ทั้งๆที่หัวใจมีรอยอุ่นวาบที่
หายไปเนิ่นนาน นานพอๆกับการจากลาที่รุนแรงครั้งนั้นของคนที่บัดนี้หวนคืนกลับมา กลับมาแล้ว
หัวใจ
ฮงกีขยับตัวอย่างอึดอัด คิ้วเรียวสวยม้วนเข้าอย่างขัดใจ ร้อนชะมัด แพขนตาหนาที่ทาบอยู่บนแก้มเนียนกระพริบอยู่สองสามครั้งก่อนลืมเปิดขึ้น
“แจจิน”ฮงกีครายอือ เรียกคนที่นอนด้วยกันอยู่ทุกวัน “ร้อน” เขาเริ่มงอแง
แต่คราวนี้แทนที่จะได้รับคำพูดตามใจอย่างที่ควรกลับได้รับเพียงความเงียบไร้การตอบสนอง
“แจจิน” ฮงกีเรียกดังขึ้นอีกนิด ก่อนจะหายงัวเงียและก็พบสาเหตุที่ว่าทำไมวันนี้ถึงได้ร้อนนักก็หลุดขำออกมา “เฮ้ย เอาแขนหนักๆของนายออกไปไกลๆจากตัวฉันเลยนะ ร้อนจะตายอยู่แล้ว ไม่งั้นถึงเป็นนายก็เถอะฉันถีบตกเตียงๆจริงๆนะ”
ฮงกีบ่นหงุงหงิงอย่างอารมณ์ดีโดนไม่รู้เรื่องรู้ราว ด้วยนึกขำเพื่อนตัวดีที่ดันละเมอมากอดเขาได้
ฮงกีเลิกคิ้วเมื่อยังคงไม่ได้รับการตอบสนอง เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มบางในความมืด “ฉันจะนับถึงสามนะถ้านายยังไม่ขยับออกไปล่ะก็ หึหึ เอาล่ะนะ”
“หนึ่ง สอง ”
“สองครึ่ง ไม่เอาน่าแจจิน ฉันไม่อยากเห็นนายตกเตียงดังอั๊กเพราะโดนถีบดังปึ๊กหรอกนะ”
ฮงกีขมวดคิ้วเมื่อเพื่อนรักที่ปรกติเป็นคนหลับยากแต่ตื่นง่ายยังคงเงียบอยู่เช่นเดิน “เอางั้นก็ได้ สะ ”
ก่อนที่จะได้เอ่ยคำว่าสามและเงื้อเท้าวงแขนอบอุ่นนั้นก็ละออกไปแต่โดยดี กลายเป็นมือใหญ่ที่รั้งท้ายทองเขาเข้าหาตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีริมฝีปากร้อนก็แนบประชิด
“อื้อออ”ฮงกีประท้วง มือขาวทุบอกแกร่งของคนฉวยโอกาสแรงๆพร้อมดิ้นใหญ่ มือใหญ่รั้งต้นคอเขาไว้แรงมากขึ้น
ฮงกีเพ่งมองไปในความมืดเบื้องหน้า ก่อนที่จะพบความจริงที่ทำเอาตัวเองเกือบสำลักลมหายใจตาย ชอย จงฮุน หมอนี่มาอยู่นี่ได้ยังไงกัน
ด้วยความตกใจฮงกีจึงเผลอเผยอริมฝีปากให้เรียวลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาภายในอย่างอ่อนหวาน
ความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งขึ้นจากช่องอกวูบเดียวแต่เสียวแปลบจนใจสะท้าน มือที่เคยทุบเคยดันออกกลับกำเสื้อของจงฮุนแน่นเพื่อใช้เป็นหลักยึด ในความมืดดวงหน้าหวานซีดจัดลงอย่างรวดเร็ว จงฮุนละริมฝีปากออกช้าๆจากเรียวปากนุ่มที่สั่นระริกและลมหายใจหอบที่ถี่กระชั้น
“เลิกโวยวานซักที่ได้มั้ย ฉันจะนอน” จงฮุนพูดเสียงเย็น
ฮงกีอ้าปากเพื่อหอบหายใจ อาการปวดหนึบในช่องอกมันร้าวราวกับโดนมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกๆครั้งที่ลมหายใจเข้า ทุกๆครั้งที่หายใจออก เจ็บซะจนน้ำตาซึม ร่างบางจึงผวาตัวเข้ากอดร่างสูงที่นอนเคียงข้าง ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าจนฮุนพูดอืออาอะไรต่อ คืนนี้อาจจะยาวนานกว่าที่คิดสำหรับลีฮงกี
ความคิดเห็น