คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ...โดดเรียนกันเถอะ...
ReFrain
เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่ชั่วเสี้ยวนาที จงฮุนก็รู้สึกตัวตื่นภาพแรกที่เห็นคือกลุ่มผมนุ่มสีอ่อนที่ซุกอยู่ที่อกของเขา จงฮุนเผลอแย้มรอยยื้มเพียงนิดเดียว นิดเดียวจริงๆก่อนจะสลายไปอย่างรวดเร็ว วงแขนแกร่งละออกจากร่างบางที่นอนกอดมาทั้งคืน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่หมอนี่นอนเคียงข้างก็ทำให้เขาหลับสนิทได้มากกว่าคืนไหนๆ เหมือนได้ย้อยวันเวลาไปในอดีต
และเพราะแขนขาวที่รั้งตัวเขาเข้ากอดเหมือนกัน
จงฮุนแงะเอาแขนของฮงกีออกจากตัวก่อนลุกขึ้นจากเตียง ผ่าห่มลู่ลงไปกองตรงเอง ผมสีเข้มยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง จงฮุนประคองศีรษะได้รูปที่ตกลงเมื่อเขาลุกกลับไปวางบนหมอน ก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายไปในห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาโดยมีเพียงผ้าเช้ดตัวผืนเดียวพันไว้ตรงเอว
ร่างสูงมองคนที่นอนขดตัวกลมดิ๊กหลับสนิทอยู่บนเตียงแล้วส่ายหหัว ดูเหมือนเขาจะต้องเป็นคนปลุก
“เฮ้ ลีฮงกี ตื่นได้แล้ว” จงฮุนเรียกพร้อมเข้าไปเขย่า
“อื้อ” ฮงกีคราง ใบหน้าหวานเงยขึ้นมานิดหนึ่งก่อนตกลงตามเดิม
“รีบตื่นเร็วเข้า ฉันไม่อยากไปสายเพราะนาย”
“อื้อ” ฮงกีซุกเข้าหากองหมอนนุ่มก่อนคว้าเอาผ้าห่มมาปิดหู ท่าทางน่าหมั่นไส้เสียจนจงฮุนต้องนับหนึ่งถึงสิบ
“อย่ายุ่งน่า” ฮงกีพึมพำ
คำพูดที่ทำให้ปรอทในหัวจงฮุนเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงที่เอ่ยต่อมาถึงเย็นเยียบ
“จะตื่นหรือไม่ตื่น”
ฮงกีพลิกตัวนอนคว่ำแทนคำตอบ
ดวงตาคมทอประกาบวาบ จงฮุนเข้ากระชาฮงกีอย่างแรงจนตัวปลิวขึ้นมานั่ง ก่อนดึงเอาผ้าห่มหนาออกจากตัวร่างบาง จงฮุนไม่รู้ว่ามือขวาของฮงกีที่เจ้าตัวพันแผลไว้ลวกๆวันนั้นเป็นแผลกระจกบาดที่ยังไม่หายดีพอโดนกระชาก ก็ทำให้เจ็บเสียจนฮงกีร้องโอ้ยทันที แต่จงฮุนไม่สนใจและมองไม่เห็นเลือดสีเข้าที่ซึมชื้น เขาลากร่างบางพรวดเดียวตกเตียงเสียงลั่น
“อะไรกันวะ” ฮงกีตะโกนเสียงกร้าวอย่างลืมตัว ทั้งเจ็บทั้งจุกเล่นเอาตาสว่างก็ทันควัน พอเห็นหน้าตัวการชัดก็สบถยาวเหยียดด่ามันในใจอย่างไม่รอช้า ชอย จงฮุน ไอ้บ้า
ฮงกีปรับลมหายใจเข้าออกให้ตัวเองใจเย็นลงเพื่อห้ามมโนสำนึกพื้นฐานตัวเองที่สั่งให้ชกหน้าคนตรงหน้าซักทีสองที
ชอยจงฮุน ชอยจงฮุน อย่านึกนะว่าฉันจะไม่กล้าเอาคืนนาย จำไว้เลย ฮงกีได้แต่แค้นเพราะตอนนี้ไม่มีแรงบู้ เมื่อคืนอาการกำเริบซะแทบแย่ จนนอนหลับๆตื่นๆแทบทั้งคืน
“ฉันมาอยู่บ้านนายได้ยังไง”
ฮงกีพยุงตัวขึ้นมา ถามคำถามที่คาใจที่สุดเป็นลำดับแรก
“ไปอาบน้ำซะแล้วก็นี่” จงฮุนโยนผ้าเช็ดตัวกับชุดเปลี่ยนมาให้ “ใช้ของฉันไปก่อนก็แล้วกัน”
“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ฮงกีถามซ้ำเสียงห้วนเมื่อคนที่ต้องตอบคำถามจงใจเมิน
จงฮุนหันกลับมามองก่อนพูดเรียบๆ “รีบไปอาบน้ำได้แล้ว หรือจะให้อาบให้”
ฮงกีหน้าร้อนวูบ ดวงตาคมของอีกฝ่ายจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตาด้วยแววที่บอกว่าหากเขาไม่ทำตามที่อีกฝ่าย
สั่ง คนตรงหน้าก็พร้อมที่จะทำตามที่พูดจริงๆ เขาสะบัดหน้าหนีทั้งโกรธทั้งอายปนกันมั่วไปหมดแยกไม่ออกว่าอะไรมากกว่าอะไร
“ฝากไว้ก่อนเหอะ” ฮงกีพูดทิ้งท้ายก่อนแลบสิ้นเผล่ให้คนใจร้ายแล้ววิ่งแนบเข้าห้องน้ำไปพร้อมเสียงปิดประตูดังโครม ถ้าบ้านพังได้ฮงกีคงได้หัวเราะร่าแต่สิ่งที่ตามมาเป็นเพียงเสียงเย็นชาคาดโทษ
“ถ้านายทำแบบนั้นอีก นายโดนดีแน่ลีฮงกี”
อ๊ากกกกกกกกกกกก ฮงกีร้องอย่างขัดใจแต่ก็เป็นได้เพียงเสียงร้องในใจเช่นเดิม ทำไมวันนี้แพ้ตลอดเลยวะ
มินฮวานตาโต อ้าปากหวออย่างงงจัดเมื่อเห็นชัดว่าเช้านี้ใครเดินลงบันไดบ้านตัวเองมาพร้อมกัน
“วันนี้นิวเคลียร์ระเบิดเหรอฮะ หรือว่าควายออกลูกเป็นหมู พี่ฮงกีถึงได้เดินออกมาจากห้องพี่จงฮุนได้”
“ปากไม่สร้างสรรค์ระวังปากจะแตกได้นะน้องรัก”ฮงกีสวนทันควัน พร้อมกับที่จงฮุนยกมือฟาดศรีษะมินฮวานอย่างแรงไปที
มินฮวานก้มหัวหลบทันหวุดหวิด หัวเราะร่า “แทงใจดำก็บอกมาเถอะ”
จงฮุนถอนใจไม่อยากต่อคำนึกรู้ว่า กับไอ้เด็กบ้านี้ยิ่งเถียงมีแต่จะเข้าทางมันก็เท่านั้น ร่างสูงจึงเลี่ยงเข้าไปเตรียมอาหารเช้าในครัว นิสัยอย่างนี้เป็นของจงฮุนแต่ตรงกันข้ามอลยกับอีกคนที่เริ่มยิ้มแสยะ อวดเขี้ยวเล็กที่มุมปาก
“นั่นสินะ” ฮงกีลากเสียงยาว เดินลงบันได้มาโอบคอคนที่อายุน้อยกว่า “เมื่อกี้ฉันเพิ่งโทรไปบอกวอนบินให้มารับแหละ”
ฮงกีทำอย่างนั้นจริงๆตอนอยู่ในห้องน้ำหลังจากโทรไปบอกแจจินแล้วว่าไม่มีอะไรต้องห่วงเขาจะไปโรงเรียนพร้อมจงฮุนกับมินฮวาน ทั้งอ้อนวอนทั้งขู่ให้มันมารับเขาไปด้วยจนอีกฝ่ายยอมตกลงแม้เสียงจะแสดงความหงุดหงิดระยะสุดท้าย
มันช่วยไม่ได้เพราะถ้ามาโทรข้างนอกคงโดนเจ้าของบ้านด่าว่าชักช้าและอาจจะถีบออกมาทั้งๆไที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ เขาอยากให้มินฮวานได้มีโอกาสอยู่ใกล้วอนบินเพราะอยากให้น้องสมหวัง วอนบินเองก็ยังไม่มีใคร อีกอย่างถ้าไปโรงเรียนพร้อมกันจงฮุนกับวอนบินจะได้ปรับความเข้าใจกันซะที โดยมีเขานี้แหละเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับมิตรภาพอันยาวนาน
ฮงกีเริ่มเพ้อ เพราะเมื่อคืนนอนไม่พอ
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแน่ะ เรานี่เก่งจริงๆเลย หึหึ
ไอ้สองตัวนี้มันบ้ามานานเกินไปแล้ว ฮงกีคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง กลับมาอารมณ์ดีเกินขนาดอีกครั้งกับฝัน
กลางวันที่ยังคงไม่รู้ตัวว่ามันก็เป็นได้เพียงแค่ความฝัน
“นั่นมันเรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับผมซะหน่อย” มินฮวานลดเสียงลง
“เป็นอะไรไปน่ะ เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ฮงกีถามอย่างเป็นห่วง เขาเพิ่งเห็น เพิ่งเห็นจริงๆว่าสีหน้า
ของมินฮวานนั้นซีดกว่าปรกติเล็กน้อย ดวงตาก็มีแววช้ำเหมือนเมือคืนร้องไห้มา และการหยอกล้อเมื่อครู่ก็เป็นเพียงแค่หน้ากาก
หน้ากากบางๆที่คนอ่อนแอเพียรพยายามสร้างขึ้นมา แต่กลับพังทลายได้อย่างง่ายดายเพราะชื่อของคนคนเดียว คนที่ได้แต่แอบรัก วอนบิน
“ผมไม่ได้เป็นไรหรอกฮะ แค่เมื่อคินนอนดึกไปหน่อย คนตั้งใจเรียนอย่างผมก็ต้องทำการบ้านเองสิฮะ ใครจะไปนั่งลอกทุกวันอย่างพี่ล่ะ” มินฮวานเย้ากลั้วเสียงหัวเราะบางเบา คราวนี้ฮงกีเห็นชัดมินฮวานรู้สึกอย่างไร เขาก้มหน้านิดหนึ่งก่อนยิ้มอ่อนโยน
“พี่ไม่เคยแตะการบ้านนะมินฮวาน ไม่ว่าจะทำเองหรือลอกคนอื่น” ฮงกีพูดขำ ๆ
“มินฮวานมากินข้าว เรียกตัวขี้เกียจข้างๆนายมาด้วย” เสียงจงฮุนดังมาจากในครัว
“ได้ยินเสียงหมาเห่ามั้ย” ฮงกีกระซิบกับมินฮวาน
มินฮวานหัวเราะแววหมองในดวงตาใสจางไป พี่ฮงกีมีวิธีทำให้คนรอบข้างสบายใจเสมอ อย่างนั้นแล้วเขาจะสู้คนคนนี้ได้อย่างไร ผมสู้พี่ไม่ได้เลย
.
ความจริงก็คือไม่ใครสมควรจะถูกเอาไปเปรียบกับใคร เพราะในโลกนี้ไม่มีใครที่เหมือนกันเลย เพราะอย่างนั้นถึงไม่มีใครแทนกันได้ แต่ละคนย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป และคนที่ใช่จริงๆในโลกนี้ คนที่เข้ากับเราในได้ทุกอย่างอาจไม่มีจริงๆก็ได้ หรือถ้ามีคนคนนั้นก็จะไม่มีเกินหนึ่งคน แล้วแต่ว่าเราจะหากันเจอหรือเปล่า
เมื่อวอนบินมากดออดหน้าประตูฮงกีก็จัดการยัดขนมปังปิ้งเจ็ดแผ่นกับแยมอีกครึ่งขวด และนมอีกขวดครึ่งเข้าไปในกระเพาะเรียบร้อยแล้ว การตั้งอกตั้งใจกินจนน่าตกใจทำให้มินฮวานแย่งกินไม่ทันและจงฮุนที่มองอยู่ต้องซ่อนยิ้ม
“หัดสะกดคำว่าเกรงใจก็ดีเหมือนกันนะ” จงฮุนพูด ก่อนเดินนำออกจากบ้านไป ไม่มีแต่จะชายตาแลโอวอนบิน
ฮงกีอ้าปากค้าง ก่อนเริ่มคิดอย่างปลงตก ตั้งแต่เช้ามาเขาโดนหลอกด่ากี่ครั้งแล้วเนี่ย ร่างบางคว้ากระเป๋าเดินตามไป
“ไหนว่าป่วยใกล้ตายแล้วให้รีบมารับไปโรงพยาบาลไง”วอนบินทักด้วยน้ำเสียงโมโหจัด
ฮงกียิ้มน่ารักประจบ “ล้อเล่นน่ะ ไม่ได้เหรอ ใจหว้างหน่อยสิโอวอนบิน เดี๋ยวไม่มีคนคบจะหาว่าไม่เตือนนะ”
มินฮวานทักทายวอนบินขณะที่ลงกุญแจประตู
วอนบินหันไปพยักหน้าให้นิดหนึ่ง “แล้วนายมาทำอะไรที่บ้านมินฮวาน”
“บ้างจงฮุนด้วย”
“นั่นแหละ”
“นั่นแหละอะไรล่ะ” ฮงกีเอียงหัวถามดวงตาเป็นประกาย
“นายมาทำอะไรที่บ้านของมินฮวาน
ก็ได้บ้านของจงฮุนด้วย” วอนบินหน้าหงิก
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน” ฮงกีพ่นลมพรืดพูดอย่างครุ่นคิด แจจินบอกว่าจงฮุนนั้นได้โทรไปบอกกับแจจินให้แล้วว่าไม่ต้องห่วงเพราะฮงกีไปพักด้วย แต่ก็ไม่ได้เล่าว่าเขาไปบ้านจงฮุนได้อย่างไร
ร่างสูงที่เดินนำนั้นเดินอย่างไม่สนใจบทสนทนาของคนข้างหลังแม้จะพาดพิงถึงตัวเอง ฮงกีเผลอทอดสายตามองตามบ่ากว้างหนา ที่ตรงนั้นเคยเป็นที่พักพิงของเขาในวันที่ล้าอย่างที่สุด มันเคยเป็นที่สุดท้ายที่เขาซุกหน้าร้องไห้ในวันที่สิ้นหวัง แต่ตอนนี้มันได้เป็นอะไรเลย นอกจากแผ่นหลังของคนเคยรู้จัก แม้แต่ความเป็นเพื่อนนายก็ไม่มีมันมอบให้ฉันแล้วใช่ไหม
“หยุดกวนประสาทซักหนึ่งวินาทีจะตายมั้ยวะ” วอนบินบอก
ฮงกีกระพริบตาก่อนเบือนหน้ามามองวอนบิน ยิ้มน้อยๆอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าวอนบินกำลังหงุดหงิดหนัก
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยลอง”
“ไอ้” วอนบินทำท่าเหมือนจะด่าอะไรซักอย่างแต่คำนั้นไม่ได้หลุดออกมา
25 %
ความคิดเห็น