ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] F.T Island ...ReFrain...

    ลำดับตอนที่ #20 : โดดเรียนกันเถอะ...(4) 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 779
      2
      9 พ.ค. 53

     

    ฮงกี  ฮงกีวอนบินตะโกนร้องเรียกเมื่อกลับมาแล้วไม่เจอเพื่อนที่อุตส่าห์สั่งไว้ดิบดีว่าอย่าไปไหน

     

    บอกอะไรก็ไม่เคยฟัง   ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด


     

    ดื้อ


     

    วอนบินคิดอย่างเริ่มหงุดหงิด   ใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยไป   ไม่ตามหา   ก็คนหายไปเองได้ก็กลับมาเองได้มันจะยากอะไรกัน   แต่สัญญาที่รับปากไว้ดิบดีกับคุณน้าคนสวยทำให้เด็กชายไม่อยากละเลยเพื่อนตัวเล็กนัก   แม้จะมั่นใจหนัก


     

    คนอย่างฮงกี   เอาตัวรอดเองได้น่า

     


    ฮงกี วอนบินตะโกนเรียกอีกครั้ง   ก่อนเดินเลาะตามธารน้ำใส   ผ่านใครก็ถามหาเด็กชายอายุเท่ากัน   ตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารัก  


     

    หลายคนบอกจำได้

     


    เห็นเดินไปทางต้นน้ำนู่นแน่ะ    เมื่อกี้ยังคุยเล่นกันสนุกอยู่เลยจ๊ะ   มาตามหาเพื่อนใช่ไหมนี่   น้ายังแปลกใจทำไมเด็กตัวเล็กนิดเดียวมาเที่ยวแคมป์โดยไม่มีพ่อแม่มาด้วย    นี่มาทัศนศึกษากันล่ะสิ

     


    ใช่ฮะ วอนบินรับคำก่อนบอกขอบคุณและออกตามต่อ


     

    เด็กชายเร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อนึกได้ว่าแยกจากกลุ่มมาซักพักแล้ว    


     

    วอนบิน เสียงใสฟังคุ้นหูดังมาก่อนตัว  


     

    วอนบินถอนใจอย่างโล่งอก   เจอตัวซักที

     


    ลีฮงกี  เดินตัวปลิวเข้ามาหา    ร่างเล็กเปียกไปครึ่งตัวดวงหน้าน่ารักขึ้นสีเรื่ออย่างตื่นเต้นสนุกสนานเต็มที่    สนุกสนานทั้งที่เขากำลังเป็นห่วงหนัก   วอนบินคิดเริ่มกรุ่นน้อยๆ

     


    นายไปไหนมา   ฉันบอกให้รอทำไมไม่รอวอนบินเริ่มว่า   หน้าบึ้ง

     


    ฮงกียิ้มหวานประจบทันควัน 
    โทษที   ก็ตั้งใจว่าจะเดินเล่นแถวนั้นนิดๆหน่อยๆ แล้วทีนี้ก็เดินเพลินอ่ะ


     

    ฮงกีพูดเสียงอ่อย    ส่งสายตาลุแกโทษ


     

    ไม่ให้อภัย วอนบินว่าเสียงเฉียบขาดทำเอาดวงหน้าน่ารักบึ้งขึ้นมานิดหนึ่ง    ก็จะอะไรหนักหนาเล่า   เรื่องมากจริง   ขอโทษก็แล้ว   ทำเป็นลืมๆให้หน่อยไม่ได้เหรอไง   วอนบินขี้ตืด


     

    กลับไปฉันจะฟ้องแม่นาย   ว่านายมันดื้อ   ทำตัวไม่ดี   แย่   คราวหลังไม่ต้องฝากให้ไปเที่ยวกับฉันอีกแล้ว วอนบินขู่ ถ้าคราวหลังยังทำแบบนี้อีกล่ะก็นะ


     

    ฮงกีฟังแค่ครึ่งเดียวก็หน้ามุ่ย   โมโหจัดพูดเสียงเย็นอย่างลืมตัว นายไม่ใช่พ่อฉัน   ถือดีอะไรมาสั่งโอวอนบิน


     

    วอนบินอึ้งตั้งแต่คบกันมา  ฮงกีแสดงออกตลอดเวลาว่าเป็นเด็กร่าเริงน่ารัก   คุยเก่ง  คุยสนุก   น่าคบหาเป็นที่สุดจนบางครั้งทำให้เขานึกหวงไม่ได้    นี่นายเป็นเพื่อนของฉันนะอย่าไปเล่นกับคนอื่นมากกว่าฉันสิ   ไม่รู้เหรอไงว่าคนคนนี้รู้สึกอิจฉาทุกครั้งที่นายยิ้มให้คนอื่น   อิจฉาคนอื่นที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของนาย


     

    นี่เป็นครั้งแรกที่ฮงกีแสดงอีกด้านหนึ่งออกมา   อีกด้านของเด็กที่ต้องโตเกินวัยเพราะความเศร้า   ความเหงาล้ำลึกที่เด็กอื่นในวัยเดียวกันไม่เคยสัมผัส   เสียงเย็นเป็นดั่งแส้วาดผ่านอากาศ   มันไม่ได้กระทบเนื้อบอบบางให้ผิวกายภายนอก   แต่หวดรุนแรงลงที่ดวงใจบริสุทธิ์ของเพื่อน


     

    วอนบินอ้าปากออกเหมือนจะพูดอะไรก่อนที่จะหุปลงเหมือนเดิน   ตริตรองชั่วครู่ก่อนเอ่ยช้าๆ อย่างไม่ปิดบังความน้อยใจที่ปะทุรุนแรง   เป็นครั้งแรกที่เขาลืมเก๊กวางมาดเหนือฮงกี

     


    ถือดีตรงที่ฉันเป็นเพื่อนนาย   เป็นห่วงนาย   และเป็นคนที่ออกตามหานายเพราะคิดว่านานอาจไปจมน้ำที่ไหน   หรือหกล้มเป็นอะไรไป   คิดไปสาระพัด

     


    หูฝาดไปรึเปล่าที่ราวกับได้ยินว่าเสียงนั้นสั่นเครือน้อยๆ

     


    ฉันไม่ต้องการ ฮงกีพูดอย่างใจร้าย

     


    หน้ากากที่ใส่มาตลอดเริ่มหลุดร่วง   คนเข้มแข็งที่ไม่เคยพึ่งพาใคร   ไม่ต้องการความเห็นใจจากใครที่เติบโตอย่างช้าๆภายในตัวของเด็กคนหนึ่งเริ่มแสดงตัวตน    วอนบินอาจไม่รู้ว่าเพราะใคร   หรือเพราะอะไร   แต่คนที่รู้ตัวดีกลับปิดเงียบ


     

    ตอนที่เจอวอนบินกำลังเรียกหาเขานั้น   ฮงกีกำลังหงุดหงิดได้ที่    เพราะคนคนเดียว   ใครก็ไม่รู้    ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ   แต่กลับมี
    อิทธิพลต่อตัวเองมากมายขนาดทำให้เขาเผลอพูดจาร้ายกาจกับเพื่อนรัก   รู้ตัวแต่ห้ามใจไม่ทัน

     


    ถ้าไม่มาเดินเล่นคงไม่ต้องพบ   คนที่น่าจะอายุเท่ากัน   แต่วางมาดรู้เท่าทันไปเสียทุกอย่าง


     

     ….

     

    มาอีกแล้วเหรอ จงฮุนทักเด็กตัวเล็กที่มาเกาะแกะเขาเป็นวันที่สองแล้ว   เกาะแกะใช้คำนี้ก็คงได้ล่ะมั้ง   เพราะคนตัวเล็กช่างเอาใจ   พันแข้งพันขาพร้อมรอยยิ้มกว้างดังดวงตะวันนี้เสมอๆ


     

    อืม ฮงกีตอบเสียงใส    ตั้งแต่กลับที่พักพร้อมวอนบินเมื่อวานหมอนั่น ก็ตั้งท่างอนลูกเดียว   ง้ออย่างไรก็ไม่หาย   จนฮงกีเริ่มเหนื่อย   เลยกะว่าหลบแว๊บมาเป็นระยะก่อนจนกว่าจะคิดมุกง้อใหม่ๆได้ค่อยเอาไปลอยกับเด็กที่ชอบตีหน้ายักษ์อย่างวอนบิน


     

    ทำไมวันนี้ไม่อยู่กับเพื่อน   อย่าโกหกอย่างเมื่อวานล่ะ   ฉันไม่ชอบจงฮุนดักคอ


     

    ชอย   จงฮุนมาพักเที่ยวกับน้าชาย   น้าสะใภ้และลูกพี่ลูกน้อยที่อายุอ่อนกว่าตั้งแต่สองวันก่อน   เมื่อวานขณะที่ปล่อยให้ครอบครัว
    เดินไปปิกนิกกันตามสบายในขณะที่เขาเลือกที่จะนั่งอ่านหนังสือรับลมเงียบๆคนเดียว   เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่งก็โผล่มา 


     

    ทำลายบรรยากาศสงบเสียป่นปี้


     

    นายเองก็โกหกเหมือนกัน ฮงกีสวนขวับอย่างคนที่ยอมคนไม่เป็นซักกะที เพราะนายบอกว่ารำคาญฉัน   แต่ก็ไม่ได้ไล่จริงจังอะไรไม่ใช่เหรอ


     

    นั่นเพราะรู้ดีต่างหากว่า   ต่อให้ไล่ยังไงนายคงไม่ไปใช่มั้ยล่ะ จนฮุนว่า   ก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือที่อ่านค้าง

     


    นี่แล้วนายชื่อไรฮงกีถามหลังจากนั่งเงียบมาซักพัก

     

    ….

     

    ชอย จงฮุน


     

    ฮงกีเลิกคิ้วพูดออกไปตามใจนึกอย่างยั้งปากไม่ทัน ยอมบอกง่ายๆซะงั้นแฮะ

     


    ก็เพราะถึงจะไม่อยากบอก   นายก็คงตอแยไม่เลิกจนกว่าจะได้อย่างใจไม่ใช่เหรองัย

     


    ฮงกีแสดงอาการสะบันหน้าน้อยๆแบบที่คนลอบมองต้องแอบยิ้มขำ


     

    ลีฮงกี ฮงกีเอ่ยชื่อตัวเองลอยๆออกมาทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ถาม

     


    รู้อยู่แล้วล่ะ   จงฮุนนึกเพราะเมื่อวานด้วยใจอยากรู้จึงเดินตามเพื่อนแปลกหน้าไปห่างๆ   เพื่อนแปลกหน้าคงจะใช้คำคำนี้ได้กระมังเพราะคนตัวเล็กไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนแต่กลับให้ความรู้สึกสนิทสนมและไว้ใจได้อย่างน่าประหลาด    แม้ปากจะหนักยิ่งกว่าหนักทำให้ไม่กล้ายอมรับความจริงต่อหน้าเจ้าตัวแต่ชอยจงฮุนก็ไม่ขี้ขลาดขนาดไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง


     

    เขานึกถูกชะตาคนตัวเล็กหน้าตาน่ารักนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าตัวเข้ามาทัก   และนึกชอบแกล้งยั่วโมโหฮงกีเล่นไปด้วย

     


    เมื่อวานที่เดินตามเขาได้เห็นเด็กอีกคนที่น่าจะเป็นเพื่อนที่มาด้วยกันกับฮงกี    ท่าทางห่วงหาเร่งร้อน    เหมือนทำของสำคัญหล่น
    หายเจือไปด้วยความกังวลแหละหวาดกลัวดังว่าต้องสูญเสียของสำคัญนั้นไปตลอดกาล   เสียงเรียกร้องหาฮงกี   ยิ่งนานเสียงนั้นก็ยิ่งเต็มไปด้วยความร้อนใจ   พอคนตัวเล็กก้าวเข้าไปหาความโล่งใจก็ฉายชัดแต่เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นโมโหใหญ่   ท้ายสุดก็เหมือนจะทะเลาะกันเสียหลายคำเมื่อเด็กชื่อฮงกีเดินหนีไป   สีหน้านั้นก็แปรเป็นน้อยใจ

     


    คนเมื่อวานเหมือนจะห่วงนายมากนะ   เป็นพี่น้องกันเหรอ อยู่ๆไม่รู้อะไรมาดลใจจุงฮุนเลยถามออกไปอย่างนั้น

     


    คนตัวเล็กกว่าอ้าปากหวอ
    นายสะกดรอยตามฉันเหรอไง


     

    จงฮุนเอาหนังสือตีโป๊กเข้ากลางหัวพลางขำ บ้าสิ    แค่บังเอิญน่ะ

     


    แล้วไป    นั่นเพื่อนนะ    เพื่อนรักที่สำคัญมาก ฮงกีตอบเสียงเบา    หากแม้จะเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหนักแน่นในสายตาของคนฟัง

     


    พรุ่งนี้ฉันมาหาได้อีกหรือเปล่า ฮงกีถามในท้ายที่สุด

     


    จงฮุนยิ้ม
    ได้สิ


     

    เป็นครั้งแรกที่ฮงกีเห็นจงฮุนยิ้ม   ยิ้มทั้งปากและตา   ยิ้มที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นได้อย่างประหลาด   

     


    แต่พรุ่งนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วมั้งเพราะฉันจะกลับตอนเย็นน่ะ

     


    ...



    หายหัวไปนานมาก   ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะที่ยังไม่ลืมเรื่องนี้
    (ซึ้งงงงงง) สำหรับตอนนี้เราเริ่มงงๆแล้วเพราะมันจะเป็นแบบย้อนอดีต
    ตอนแรกว่าจะแค่เกริ่นชวนที่พบกัน  แล้วแยกเป็นตอนพิเศษ
    แต่เขียนไปเขียนมาดันมันกว่าเนื้อเรื่องหลัก   เราก็เลยเอามารวมกันไปก่อน
    พอจบแล้วค่อยแก้และแยกออกมาเป็นตอนพิเศษอีกทีค่ะ

    แล้วก็ตอนนี้เราก็ไม่มีเวลาเขียนยาวๆลงรวดเดียวเหมือนเดิม
    ถ้าใครคิดว่าทยอยลงอย่างนี้ดีแล้ว   แล้วค่อยรวมตอนทีหลังหรือว่า
    รอให้จบตอนก่อนแล้วค่อยลงดีกว่า  จะได้อ่านอย่างต่อเนื่อง
    ก็ช่วยบอกกันด้วนนะคะ ^^

    ขอบคุณมากค่ะ

    รักคนอ่าน รักคนเมนท์  รักครอบครัว รักเพื่อน รักทุกคนเลย เย้ HAVE A NICE DREAM  

    ฉลาด ฮงกีพึมพำ   เริ่มหงุดหงิดอีกครั้งทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนที่หงุดหงิดง่ายนัก   เมื่อวานก็ทีแล้วคราวนี้ก็อีก   ทั้งๆที่ไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษยิ่งกับคนแปลกหน้า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×