คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : โดดเรียนกันเถอะ...(4) 100%
“ฮงกี ฮงกี”วอนบินตะโกนร้องเรียกเมื่อกลับมาแล้วไม่เจอเพื่อนที่อุตส่าห์สั่งไว้ดิบดีว่าอย่าไปไหน
บอกอะไรก็ไม่เคยฟัง ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด
ดื้อ
วอนบินคิดอย่างเริ่มหงุดหงิด ใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยไป ไม่ตามหา ก็คนหายไปเองได้ก็กลับมาเองได้มันจะยากอะไรกัน แต่สัญญาที่รับปากไว้ดิบดีกับคุณน้าคนสวยทำให้เด็กชายไม่อยากละเลยเพื่อนตัวเล็กนัก แม้จะมั่นใจหนัก
คนอย่างฮงกี เอาตัวรอดเองได้น่า
“ฮงกี” วอนบินตะโกนเรียกอีกครั้ง ก่อนเดินเลาะตามธารน้ำใส ผ่านใครก็ถามหาเด็กชายอายุเท่ากัน ตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารัก
หลายคนบอกจำได้
“เห็นเดินไปทางต้นน้ำนู่นแน่ะ เมื่อกี้ยังคุยเล่นกันสนุกอยู่เลยจ๊ะ มาตามหาเพื่อนใช่ไหมนี่ น้ายังแปลกใจทำไมเด็กตัวเล็กนิดเดียวมาเที่ยวแคมป์โดยไม่มีพ่อแม่มาด้วย นี่มาทัศนศึกษากันล่ะสิ”
“ใช่ฮะ” วอนบินรับคำก่อนบอกขอบคุณและออกตามต่อ
เด็กชายเร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อนึกได้ว่าแยกจากกลุ่มมาซักพักแล้ว
“วอนบิน” เสียงใสฟังคุ้นหูดังมาก่อนตัว
วอนบินถอนใจอย่างโล่งอก เจอตัวซักที
ลีฮงกี เดินตัวปลิวเข้ามาหา ร่างเล็กเปียกไปครึ่งตัวดวงหน้าน่ารักขึ้นสีเรื่ออย่างตื่นเต้นสนุกสนานเต็มที่ สนุกสนานทั้งที่เขากำลังเป็นห่วงหนัก วอนบินคิดเริ่มกรุ่นน้อยๆ
“นายไปไหนมา ฉันบอกให้รอทำไมไม่รอ” วอนบินเริ่มว่า หน้าบึ้ง
ฮงกียิ้มหวานประจบทันควัน “โทษที ก็ตั้งใจว่าจะเดินเล่นแถวนั้นนิดๆหน่อยๆ แล้วทีนี้ก็เดินเพลินอ่ะ”
ฮงกีพูดเสียงอ่อย ส่งสายตาลุแกโทษ
“ไม่ให้อภัย” วอนบินว่าเสียงเฉียบขาดทำเอาดวงหน้าน่ารักบึ้งขึ้นมานิดหนึ่ง ก็จะอะไรหนักหนาเล่า เรื่องมากจริง ขอโทษก็แล้ว ทำเป็นลืมๆให้หน่อยไม่ได้เหรอไง วอนบินขี้ตืด
“กลับไปฉันจะฟ้องแม่นาย ว่านายมันดื้อ ทำตัวไม่ดี แย่ คราวหลังไม่ต้องฝากให้ไปเที่ยวกับฉันอีกแล้ว” วอนบินขู่ “ถ้าคราวหลังยังทำแบบนี้อีกล่ะก็นะ”
ฮงกีฟังแค่ครึ่งเดียวก็หน้ามุ่ย โมโหจัดพูดเสียงเย็นอย่างลืมตัว “นายไม่ใช่พ่อฉัน ถือดีอะไรมาสั่งโอวอนบิน”
วอนบินอึ้งตั้งแต่คบกันมา ฮงกีแสดงออกตลอดเวลาว่าเป็นเด็กร่าเริงน่ารัก คุยเก่ง คุยสนุก น่าคบหาเป็นที่สุดจนบางครั้งทำให้เขานึกหวงไม่ได้ นี่นายเป็นเพื่อนของฉันนะอย่าไปเล่นกับคนอื่นมากกว่าฉันสิ ไม่รู้เหรอไงว่าคนคนนี้รู้สึกอิจฉาทุกครั้งที่นายยิ้มให้คนอื่น อิจฉาคนอื่นที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของนาย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮงกีแสดงอีกด้านหนึ่งออกมา อีกด้านของเด็กที่ต้องโตเกินวัยเพราะความเศร้า ความเหงาล้ำลึกที่เด็กอื่นในวัยเดียวกันไม่เคยสัมผัส เสียงเย็นเป็นดั่งแส้วาดผ่านอากาศ มันไม่ได้กระทบเนื้อบอบบางให้ผิวกายภายนอก แต่หวดรุนแรงลงที่ดวงใจบริสุทธิ์ของเพื่อน
วอนบินอ้าปากออกเหมือนจะพูดอะไรก่อนที่จะหุปลงเหมือนเดิน ตริตรองชั่วครู่ก่อนเอ่ยช้าๆ อย่างไม่ปิดบังความน้อยใจที่ปะทุรุนแรง เป็นครั้งแรกที่เขาลืมเก๊กวางมาดเหนือฮงกี
“ถือดีตรงที่ฉันเป็นเพื่อนนาย เป็นห่วงนาย และเป็นคนที่ออกตามหานายเพราะคิดว่านานอาจไปจมน้ำที่ไหน หรือหกล้มเป็นอะไรไป คิดไปสาระพัด”
หูฝาดไปรึเปล่าที่ราวกับได้ยินว่าเสียงนั้นสั่นเครือน้อยๆ
“ฉันไม่ต้องการ” ฮงกีพูดอย่างใจร้าย
หน้ากากที่ใส่มาตลอดเริ่มหลุดร่วง คนเข้มแข็งที่ไม่เคยพึ่งพาใคร ไม่ต้องการความเห็นใจจากใครที่เติบโตอย่างช้าๆภายในตัวของเด็กคนหนึ่งเริ่มแสดงตัวตน วอนบินอาจไม่รู้ว่าเพราะใคร หรือเพราะอะไร แต่คนที่รู้ตัวดีกลับปิดเงียบ
ตอนที่เจอวอนบินกำลังเรียกหาเขานั้น ฮงกีกำลังหงุดหงิดได้ที่ เพราะคนคนเดียว ใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่กลับมี
อิทธิพลต่อตัวเองมากมายขนาดทำให้เขาเผลอพูดจาร้ายกาจกับเพื่อนรัก รู้ตัวแต่ห้ามใจไม่ทัน
ถ้าไม่มาเดินเล่นคงไม่ต้องพบ คนที่น่าจะอายุเท่ากัน แต่วางมาดรู้เท่าทันไปเสียทุกอย่าง
“มาอีกแล้วเหรอ” จงฮุนทักเด็กตัวเล็กที่มาเกาะแกะเขาเป็นวันที่สองแล้ว เกาะแกะใช้คำนี้ก็คงได้ล่ะมั้ง เพราะคนตัวเล็กช่างเอาใจ พันแข้งพันขาพร้อมรอยยิ้มกว้างดังดวงตะวันนี้เสมอๆ
“อืม” ฮงกีตอบเสียงใส ตั้งแต่กลับที่พักพร้อมวอนบินเมื่อวานหมอนั่น ก็ตั้งท่างอนลูกเดียว ง้ออย่างไรก็ไม่หาย จนฮงกีเริ่มเหนื่อย เลยกะว่าหลบแว๊บมาเป็นระยะก่อนจนกว่าจะคิดมุกง้อใหม่ๆได้ค่อยเอาไปลอยกับเด็กที่ชอบตีหน้ายักษ์อย่างวอนบิน
“ทำไมวันนี้ไม่อยู่กับเพื่อน อย่าโกหกอย่างเมื่อวานล่ะ ฉันไม่ชอบ”จงฮุนดักคอ
ชอย จงฮุนมาพักเที่ยวกับน้าชาย น้าสะใภ้และลูกพี่ลูกน้อยที่อายุอ่อนกว่าตั้งแต่สองวันก่อน เมื่อวานขณะที่ปล่อยให้ครอบครัว
เดินไปปิกนิกกันตามสบายในขณะที่เขาเลือกที่จะนั่งอ่านหนังสือรับลมเงียบๆคนเดียว เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่งก็โผล่มา
ทำลายบรรยากาศสงบเสียป่นปี้
“นายเองก็โกหกเหมือนกัน” ฮงกีสวนขวับอย่างคนที่ยอมคนไม่เป็นซักกะที “เพราะนายบอกว่ารำคาญฉัน แต่ก็ไม่ได้ไล่จริงจังอะไรไม่ใช่เหรอ”
“นั่นเพราะรู้ดีต่างหากว่า ต่อให้ไล่ยังไงนายคงไม่ไปใช่มั้ยล่ะ” จนฮุนว่า ก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือที่อ่านค้าง
“
“นี่แล้วนายชื่อไร”ฮงกีถามหลังจากนั่งเงียบมาซักพัก
.
“ชอย จงฮุน”
ฮงกีเลิกคิ้วพูดออกไปตามใจนึกอย่างยั้งปากไม่ทัน “ยอมบอกง่ายๆซะงั้นแฮะ”
“ก็เพราะถึงจะไม่อยากบอก นายก็คงตอแยไม่เลิกจนกว่าจะได้อย่างใจไม่ใช่เหรองัย”
ฮงกีแสดงอาการสะบันหน้าน้อยๆแบบที่คนลอบมองต้องแอบยิ้มขำ
“ลีฮงกี” ฮงกีเอ่ยชื่อตัวเองลอยๆออกมาทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ถาม
รู้อยู่แล้วล่ะ จงฮุนนึกเพราะเมื่อวานด้วยใจอยากรู้จึงเดินตามเพื่อนแปลกหน้าไปห่างๆ เพื่อนแปลกหน้าคงจะใช้คำคำนี้ได้กระมังเพราะคนตัวเล็กไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนแต่กลับให้ความรู้สึกสนิทสนมและไว้ใจได้อย่างน่าประหลาด แม้ปากจะหนักยิ่งกว่าหนักทำให้ไม่กล้ายอมรับความจริงต่อหน้าเจ้าตัวแต่ชอยจงฮุนก็ไม่ขี้ขลาดขนาดไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง
เขานึกถูกชะตาคนตัวเล็กหน้าตาน่ารักนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าตัวเข้ามาทัก และนึกชอบแกล้งยั่วโมโหฮงกีเล่นไปด้วย
เมื่อวานที่เดินตามเขาได้เห็นเด็กอีกคนที่น่าจะเป็นเพื่อนที่มาด้วยกันกับฮงกี ท่าทางห่วงหาเร่งร้อน เหมือนทำของสำคัญหล่น
หายเจือไปด้วยความกังวลแหละหวาดกลัวดังว่าต้องสูญเสียของสำคัญนั้นไปตลอดกาล เสียงเรียกร้องหาฮงกี ยิ่งนานเสียงนั้นก็ยิ่งเต็มไปด้วยความร้อนใจ พอคนตัวเล็กก้าวเข้าไปหาความโล่งใจก็ฉายชัดแต่เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นโมโหใหญ่ ท้ายสุดก็เหมือนจะทะเลาะกันเสียหลายคำเมื่อเด็กชื่อฮงกีเดินหนีไป สีหน้านั้นก็แปรเป็นน้อยใจ
“คนเมื่อวานเหมือนจะห่วงนายมากนะ เป็นพี่น้องกันเหรอ” อยู่ๆไม่รู้อะไรมาดลใจจุงฮุนเลยถามออกไปอย่างนั้น
คนตัวเล็กกว่าอ้าปากหวอ “นายสะกดรอยตามฉันเหรอไง”
จงฮุนเอาหนังสือตีโป๊กเข้ากลางหัวพลางขำ “บ้าสิ แค่บังเอิญน่ะ”
“แล้วไป นั่นเพื่อนนะ เพื่อนรักที่สำคัญมาก” ฮงกีตอบเสียงเบา หากแม้จะเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหนักแน่นในสายตาของคนฟัง
“พรุ่งนี้ฉันมาหาได้อีกหรือเปล่า” ฮงกีถามในท้ายที่สุด
จงฮุนยิ้ม “ได้สิ”
เป็นครั้งแรกที่ฮงกีเห็นจงฮุนยิ้ม ยิ้มทั้งปากและตา ยิ้มที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นได้อย่างประหลาด
“แต่พรุ่งนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วมั้งเพราะฉันจะกลับตอนเย็นน่ะ”
...
หายหัวไปนานมาก ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะที่ยังไม่ลืมเรื่องนี้
(ซึ้งงงงงง) สำหรับตอนนี้เราเริ่มงงๆแล้วเพราะมันจะเป็นแบบย้อนอดีต
ตอนแรกว่าจะแค่เกริ่นชวนที่พบกัน แล้วแยกเป็นตอนพิเศษ
แต่เขียนไปเขียนมาดันมันกว่าเนื้อเรื่องหลัก เราก็เลยเอามารวมกันไปก่อน
พอจบแล้วค่อยแก้และแยกออกมาเป็นตอนพิเศษอีกทีค่ะ
แล้วก็ตอนนี้เราก็ไม่มีเวลาเขียนยาวๆลงรวดเดียวเหมือนเดิม
ถ้าใครคิดว่าทยอยลงอย่างนี้ดีแล้ว แล้วค่อยรวมตอนทีหลังหรือว่า
รอให้จบตอนก่อนแล้วค่อยลงดีกว่า จะได้อ่านอย่างต่อเนื่อง
ก็ช่วยบอกกันด้วนนะคะ ^^
ขอบคุณมากค่ะ
รักคนอ่าน รักคนเมนท์ รักครอบครัว รักเพื่อน รักทุกคนเลย เย้ HAVE A NICE DREAM
ความคิดเห็น