ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] CENTRALIA - KRISYEOL , EXO [SEASON 1]

    ลำดับตอนที่ #11 : [FIC] CENTRALIA - KRISYEOL , EXO - PART 9

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      11
      20 มี.ค. 66

     (ตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริง)

     

     

    CENTRALIA – PART 9

     

     

     

         ทำไมผมต้องมาอยู่ในห้องคนเดียวด้วยเนี่ย ประธานตึกสั่งให้ผมกลับมาห้องแล้วเรียกคนอื่นให้ตามไป ทำไมมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ให้ตามไปด้วย ให้อยู่คนเดียวแบบนี้มันน่าเบื่อ แต่ว่า. . มันก็ดีนี่หว่า ไม่มีคนอยู่ก็เท่ากับว่าผมสามารถออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่มีใครห้าม ตอนที่อยู่ในห้องจงอินผมเห็นแบคฮยอนมีแผนที่ตึกต่างๆของโรงเรียนนี้ ผมจึงหยิบติดมือกลับมาเพื่อที่จะเอามาอ่านเล่นตอนเบื่อๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้ ผมว่าผมรีบออกไปดีกว่าเดี๋ยวพวกนั้นกลับมาจะไม่ได้ออก ผมรีบหยิบแผนที่แล้ววิ่งลงมาชั้นล่างทันที ห้องโถงชั้นล่างไม่มีใครเลยสักคน อาจเป็นเพราะโดนประธานเรียกไป ไม่มีคนอยู่ก็ดีผมจะออกไปสำรวจโรงเรียนและตอนนี้ผมยืนอยู่ที่หน้าตึกแล้ว ในมือผมมีแผนที่โรงเรียนพร้อมทั้งสมุดข้อมูลแต่ละตึกของโรงเรียนนี้ ดูแค่ในแผนที่ก็รู้แล้วว่าโรงเรียนนี้ใหญ่มากๆ ผมค่อยๆเปิดดูข้อมูลตึกแต่ละตึกของโรงเรียนจนไปสะดุดตากับที่ที่นึง หอทองคำ ผมตกลงแล้วว่าจะมุ่งหน้าไปหอทองคำ

     

         ในขณะที่ชานยอลเดินมุ่งหน้าไปหอทองคำนั้น ชานยอลไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินตามเขาไปอยู่เงียบๆ  ไหนว่าเป็นห่วงนักเป็นห่วงหนา ทำไมถึงปล่อยให้มาเดินคนเดียวแบบนี้ได้ ช่วยไม่ได้นะพลาดกันเอง หึ~

     

     

         “อื้อหือ~ วิหารเซนทราเลียสวยอลังมาก” ว่าแต่ทำไมถึงสร้างวิหารในโรงเรียนวะ? ไว้วันหลังค่อยมาดูแล้วกันวันนี้ขอไปดูหอทองคำก่อน ผมเดินไปตามแผนที่เรื่อยๆอากาศที่นี่หนาวอย่างที่คริสบอกจริงๆ อากาศหนาว มีหมอกปกคลุม แต่ผมสงสัยว่าทำไมตั้งแต่ที่เดินมาบางพื้นที่มีหมอกจางๆบางที่ก็ไม่มี บางที่ก็มีหมอกหนามากจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ดีนะที่เส้นทางไปหอทองคำไม่ต้องเดินผ่านหมอกหนาพวกนั้น โรงเรียนนี้แปลกๆนะผมว่า สร้างอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด ที่เดินผ่านมามีทั้งวิหาร มีทั้งรูปปั่นเหล่าทวยเทพเต็มไปหมดไม่เหมือนเป็นโรงเรียนเลยเหมือนหลุดหลงยุคเขามาด้วยซ้ำ สิ่งปลูกสร้างพวกนี้เปลืองงบประมาณโรงเรียนมั้ยเนี่ยสร้างมาแต่ละอย่าง เจ้าของโรงเรียนน่าจะรวยและมีความขอบอะไรแนวๆนี้ล่ะมั้ง ดูอย่างหอทองคำสิผมอยากจะรู้มากเลยว่าจะมีไว้ทำอะไรและข้างในมีอะไรมันควรมีอะไรพวกนี้ในโรงเรียนด้วยหรอ 

     

         ไม่นานนักผมก็เดินมาถึงตึกทองคำ อยากบอกว่ามันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกเป็นสีทองทั้งหมดจริงๆ ผมเดินเข้าไปเอามือลองจับๆถูๆอย่างคนอยากรู้อยากเห็นว่ามันทองจริงๆมั้ยวะ ถ้าหาอะไรมาทุบเอาเศษทองกลับไปก็น่าจะดี ความคิดชั่วร้ายผุดเข้ามาในหัว แต่จะบ้าหรอใครจะไปทำจริงๆผมก็แค่คิดเล่นๆขำๆตามประสา 


         ผมเดินมาที่หน้าประตูหอทองคำแล้วเปิดประตูเข้าไป ข้างในมัน เอ่อ คือ มันคืออะไรวะ เข้ามาข้างในก็เป็นทองนะ แต่มันโล่งมากๆ มีเพียงรูปที่ติดอยู่ข้างผนังกำแพงเท่านั้นที่ผมเห็นตอนนี้ มีรูปติดผนังเยอะเลยเชียวแหละ ผมตัดสินใจเดินเข้าไปดูซะหน่อย ผมเดินตรงเข้ามาที่รูปนึงซึ่งรูปตรงนี้คงพิเศษกว่ารูปอื่น เพราะตรงนี้รูปได้มีการจัดลำดับไว้ มองๆดูแล้วเหมือนผังครอบครัวเหมือนกันนะ อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ผมก็ไม่รู้หรอก ข้างบนมี2รูปน่าจะใหญ่สุดหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นคู่สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ ไม่มีประวัติอะไรเขียนไว้เลยมีเพียงรูปและก็ชื่อเท่านั้น

     


     2รูปแถวบนสุด

    ฝั่งซ้ายเป็นรูปผู้ชายชาวต่างชาติมีอายุคนนึงใต้รูปเขียนว่า  อันซัส

    ฝั่งขวาเป็นรูปผู้หญิงชาวเกาหลีซึ่งน่าจะเป็นภรรยาหรือเปล่า? ใต้รูปเขียนว่า  เพิร์ธ

    เป็นคนเกาหลีแต่ทำไมไม่ใช้ชื่อเกาหลีล่ะ? แต่ก็ช่างเถอะ เขาคงจะแต่งกับคนที่ชื่ออันซัสล่ะมั้งเลยไม่ใช้ชื่อเกาหลี ผมมองลงมาอีกแถวนึง มีทั้งหมด4รูป

     


    4รูปแถวที่2

    รูปที่1นับจากฝั่งซ้าย ชายหนุ่มหน้าตาดีเลยทีเดียวแหละ เซนทราเลีย

    อ่าว ชื่อเดียวกับโรงเรียนหนิ คนนี้น่าจะเป็นเจ้าของโรงเรียนตัวจริง ส่วนคนข้างบนอาจจะเป็นพ่อกับแม่ น่าจะใช่แหละ

    รูปที่2  ฮากาลาซ  เบอกานา  นอธิซ 

    ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนักหรอกเพราะชื่ออ่านยากสำหรับผม ชื่อเขียนด้วยตัวเขียนภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งผมไม่ค่อยถนัดพวกตัวเขียน ไม่รู้จะอ่านผิดด้วยหรือเปล่า

     


    รูปแถวที่3และแถวที่4 แถวละ4รูป

    รูปแรก เป็นรูปหญิงสาวชาวเกาหลี เธอสวยมากผมกล้าพูดเลยว่าเธอสวยมากจริงๆ ซีเกล

    รูปถัดๆมาจากแถวที่3และ4 เป็นรูปเด็กทั้งหมดและชื่อพวกนี้ ชื่อนี่มัน! ชื่อตึกนอนทั้งหมด ผมเดาว่าตึกนอนทั้งหมดถูกตั้งด้วยชื่อเด็กๆในรูปแน่ๆผมมั่นใจแบบนั้น

    วีเซนซา  โอเวียโด  คิลลิ่งฟีลด์  อัลคาแทรช  ตารราโก  อควิเลีย  อีห์วาซ 

    2แถวสุดท้ายนี้มีเพียงรูปแรกและรูปสุดท้ายที่ไม่ใช่ชื่อตึกนอน ถ้าให้ผมเดามีความเป็นไปได้ว่ารูปผู้หญิงรูปแรกจากแถวที่3ที่ชื่อซีเกลอะไรนั่นต้องเป็นแม่ของเด็กทั้ง7คนแน่ๆ ผมได้แต่เดาเพราะมันไม่มีประวัติอะไรบอกไว้เลย

     

         จากนั้นผมก็เดินดูรูปที่อยู่ในหอทองคำไปเรื่อยและมันมีทางขึ้นไปชั้นบน ผมคิดจะเดินขึ้นไปแต่สายตาผมเห็นรูปปั้นทหารผมว่าผมคงเดินผ่านไปไม่ได้แน่ๆเพราะผมนึกถึงเรื่องที่คริสกับแบคฮยอนเล่าเรื่องรูปปั้นทหารขยับได้ ว่าแต่เป็นรูปปั้นเดียวกันกับที่ขยับได้มั้ยวะ อยากเสี่ยงเดินไปมากๆแต่ในมือรูปปั้นทหารนั้นมีหอกด้วย มันถูกตั้งอยู่ทางขึ้นไปชั้น2 ถึงจะอยากขึ้นไปดูแต่ผมไม่เสี่ยงขึ้นไปจะดีกว่า ถ้ามันขยับขึ้นมาผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ ผมว่าผมออกไปจากหอทองคำดีกว่าพอเห็นรูปปั้นทหารก็ไม่อยากจะดูอะไรต่อแล้วอะ นึกถึงที่แบคฮยอนเล่าแล้วทำใจไม่ได้ถ้าต้องเห็นในแบบที่แบคฮยอนมันเห็น ผมรีบก้าวขาตรงไปยังประตูทางออกทันที

     

         เฮ้ย!! อะไรผ่านหัวไปแว๊บๆวะ! อย่ามาสำแดงอะไรให้กูดูนะ ไม่เอานะ ไม่เอา ตอนนี้ผมจินตนาการไปไกลแล้วล่ะ ไม่รอช้าผมเดินต่อทันที แต่ทำไมผมรู้สึกว่าประตูมันอยู่ไกลจังวะ

     


         “เหี้ย!! ไปไกลๆไม่ต้องมายุ่งกับกูเลยนะ” ผมสบถด่าขึ้นมาในทันทีทันใด ก็ไม่รู้มีอะไรแว๊บไปแว๊บมาบนหัวผมอะ ผมรู้สึกได้แต่ผมไม่ได้เห็นมันชัดๆ

     

         เฮ้ย!! เหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยย!!! ตกใจหมดเลย มันมีนกตัวนึงครับมันบินโฉบหัวผมไปมาไม่เลิกเลย แต่นกมันตัวใหญ่แปลกๆ เมื่อผมรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่นกความกลัวผมหายไปทันที ผมไม่หยุดเดินหรอกนะผมเร่งฝีเท่าเดินต่อ แต่อยู่ๆมันก็บินมาเกาะไหล่ผม ออกไปเลยๆ ผมเอามือดันมันออกจากไหล่แต่ก็ไม่ได้ดันแรงหรอกแค่ดันๆให้มันออกจากไหล่ผมไป แต่ดันยังไงมันก็ไม่ยอกออกจากไหล่ผมสักที ตัวมันก็ไม่ใช่เล็กๆ ทำอย่างกับสนิทชิดเชื้อ ที่สำคัญมันมองหน้าผมด้วยล่ะ นกเลี้ยงหรอทำไมดูไม่กลัวคน

     

         จากนั้นมันก็เหมือนกวนตีนผม มันบินโฉบหน้าโฉบหัวผมจากข้างในหอทองคำ จนผมออกมาข้างนอกหอทองคำ ผมพยายามไล่มันแต่มันก็ไม่ไปสักที กวนตีนที่สุดไอนกเหี้ย ผมสังเกตเห็นว่านกตัวนี้บินแปลกๆ ดูบินเหนื่อยๆเหมือนป่วยยังไงก็ไม่รู้ มันบินได้อยู่ไม่นานมันก็ร่วงตกลงมาบนพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปดู เหมือนมันจะตายแล้วแหละ ทำไมต้องมาตายต่อหน้าผมด้วย ผมค่อยๆนั่งยองๆเอื้อมมือกำลังจะไปอุ้มตัวมันไปฝังแถวๆ นี้ แต่จู่ๆไฟก็ลุกโชนออกมาจากตัวนกตัวนั้น ผมเลยรีบถอยออกห่างจากมันทันที เหี้ย!!!ไฟลุกได้ไงวะ เป็นไปได้ยังไง ไม่จริงอะ นกผีแน่ๆ! ผมตกใจมากจริงๆ ขาเขอก้าวไม่ออก ทำไมขามันไม่รักดีในเวลาแบบนี้เนี่ย

     

         ในพริบตาไฟก็ดับลงพร้อมเหลือเพียงแต่กองขี้เถ้า ผมสาบานได้เลยว่าตอนที่ไฟลุกผมเห็นเปลวไฟมันลุกเป็นรูปนกกางปีกมันเป็นภาพที่สวยมากและก็น่ากลัวด้วยเช่นกัน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมมองไปยังกองขี้เถ้า ไม่อยากจะเชื่อเลยก็เมื่อกี้ไฟมันลุกไปแล้วหนิ แต่ แต่ทำไมมีลูกนกในกองขี้เถ้า แล้วมันก็ยังไม่ตายด้วยนะ นกเหี้ยอะไรวะ นกผีหรอ! ผมรีบเดินหนีออกมาทันที กูไม่อยู่แล้วจ้ากูจะกลับตึกไม่เป็นแล้วยอดนักสำรวจ ผมเดินมาได้ไม่เท่าไหร่ อยู่ๆผมก็นึกสงสารนกตัวนั้นอย่างบอกไม่ถูก ทำไมต้องรู้สึกผิดที่ทิ้งลูกนกไว้ตรงนั้นด้วยวะ แต่เอาวะ! ผมรีบเดินกลับไปที่เดิมเพื่ออุ้มลูกนกตัวนั้นกลับไปด้วย

     

         ผมอุ้มลูกนกตัวนั้นขึ้นมาจากกองขี้เถ้า กลัวก็กลัวแหละเพราะผมไม่รู้ว่าที่เจอเมื่อกี้มันคืออะไร แต่ผมคงไม่ใจร้ายปล่อยให้ลูกนกตายอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นแบบนี้หรอกนะ ผมเดินไปที่ต้นไม้แถวๆนี้ เด็ดใบไม้กิ่งไม่เล็กๆยัดๆใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ด แล้วเอาลูกนกใส่ไว้ในนั้น อย่างน้อยก็เอามันกลับไปเลี้ยงที่ห้องรอให้มันโตแล้วก็ค่อยเอามาปล่อยก็แล้วกัน

     

         ผมเดินกลับไปทางเก่าที่ผมเดินมาตอนแรก ระหว่างที่เดินอยู่นั้นผมรู้สึกนะว่าเหมือนมีคนเดินตามมา แต่พอหันไปดูมันก็ไม่มีใคร บรรยากาศน่ากลัวสุดๆถึงแม้จะไม่ใช่ตอนมืดก็ตาม แต่ผมไม่ชอบไอ้หมอกพวกนี้เอาซะเลยถึงแม้ว่ามันจะไม่หนาก็เถอะ มันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เดินไปได้อยู่ไม่นาน ผมว่าผมเห็นอะไรอีกแล้วนะแว๊บๆ จะเป็นนกอีกเปล่าเนี่ย แต่ช่างมันเหอะผมรีบเดินต่อไปไม่สนใจอะไรแล้ว อะไรมันแว๊บๆอีกแล้ววะ มันอยู่ตรงกลุ่มหมอกหนาๆ ผมชะเง้อมองอย่างสงสัยอีกแล้ว ไม่นานนักความขี้สงสัยก็หายไปทันทีที่เห็น ชิบหายแล้วกู ไอเหี้ยยยยยย เหี้ยแล้วกู! งานงอกแล้วมึง ตัวเหี้ยอะไรอีกวะ สิ่งที่ผมเห็นคือตัวประหลาดอะไรไม่รู้น่ากลัวมากๆ ขาวซีด แบบซีดมากๆๆๆๆๆ บนตัวมันมีแต่ลอยเส้นเลือดเต็มไปหมด มันดูไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ ดวงตาโปนสีแดงของมันน่ากลัวชิบหาย ยังมีแขนขาที่ผิดแปลกไปจากมนุษย์อีก ผมไม่สนแล้วว่ามันจะเป็นตัวเหี้ยอะไร เพราะมันพุ่งตรงมาทางผมเหมือนล็อคเป้าหมายไว้ที่ผม นาทีนี้ก็ต้องใส่เกียร์หมาเท่านั้น มันวิ่งตามมาเร็วมาก เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันวิ่งมาดักหน้าผมไว้ ทำไงดีๆๆๆๆๆๆ ผมน่าจะเชื่อที่คริสพูดตั้งแต่แรก นี่ใช่มั้ยที่คริสไม่อยากให้ผมออกไปไหน ผมรู้ซึ้งแล้วแต่ถึงกระนั้นก็สายไปแล้ว ผมพลาดที่ไม่ฟังที่คริสเตือน ผมไม่คิดว่ามันจะมีอะไรแบบนี้ในโรงเรียน มันเหนือธรรมชาติมากๆ ในหัวผมตอนนี้มีแต่คริส ถ้าผมตะโกนเรียกคริสออกไป คริสจะมามั้ย จะรีบมาช่วยผมหรือเปล่า ผมยังไม่อยากตายนะ ถ้าผมผ่านตรงนี้ไม่ได้ผมมีโอกาสตายสูงมาก

         

         ผมค่อยๆก้าวถอยหลังเพราะมันค่อยๆก้าวมาหาผม กริช! เออใช่แล้วที่พี่ฮีชอลให้ผมไว้ ผมเอามือล้วงมันขึ้นมาทันทีที่ผมนึกได้ ถึงมันจะเล็กก็เถอะอย่างน้อยมันก็คงพอช่วยได้บ้างแหละ ผมค่อยๆเดินมาทางข้างๆเขยิบๆมาเรื่อยๆ ผมคิดว่าผมจะวิ่งหนีมันไปก่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากันอีกที ผมออกตัววิ่งทันที พึ่งรู้ว่าขายาวๆมันมีประโยชน์ก็ตอนนี้แหละ แต่จะมีประโยชน์ไปได้สักกี่น้ำ ผมวิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา สับตีนแตก วิ่งประหนึ่งตัวเองเป็นนักวิ่งทีมชาติก็ไม่ปาน มันจะไม่มีซีนเดียวกับในหนังในละครแน่นอนที่ผมวิ่งแล้วสะดุดล้ม ขาผมเหมือนตั้งระบบวิ่งอัตโนมัติ นาทีนี้ขอให้หนีให้พ้นก็พอ

     



    โอ๊ย!!!!!!!!!

     



         แรงกระชากอย่างแรงที่ไหล่ผม ผมหงายหลังล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง แต่ดีที่หัวผมไม่กระแทกพื้นไปด้วยเพราะแรงฝืนตัวที่ผมฝืนไว้ตอนกำลังจะถึงพื้น เมื่อผมล้มลงมันพุ่งตามลงมาทันที นาทีนั้นผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ รู้ตัวอีกทีกริชก็แทงเข้าที่ช่วงท้องของมันซะแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจแทงแต่ด้วยความกลัวตายมือผมแทงไปเอง หลังจากที่ผมใช้กริชแทงมันไปเสียงโหยหวนก็ดังระงม ไม่นานร่างทั้งร่างของมันก็กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไปกับสายลมพร้อมกับเสียงโหยหวนของมัน ผมว่าผมกำลังจะสติแตก ผมพยายามจะประคองสติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มือผมสั่นไปหมด หัวใจผมเต้นแรงมาก แรงเหมือนจะหลุดออกมาจากร่างเสียให้ได้ มันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไร ทำไมเป็นแบบนี้ เรื่องจริงหรอ ผมฝันใช่มั้ยบอกผมที ตอนนี้ผมนึกถึงแต่คริสทำไมคริสถึงไม่มาช่วยสักที ไม่ออกมาตามหาผมกันหน่อยหรอ

     

         ในระหว่างที่กำลังหวาดกลัว สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอตัวนั้นอีกตัว เหมือนมันกำลังจะตรงมาทางผม ก่อนที่มันจะเข้ามาถึงตัวผม มันก็โดนดาบจากใครสักคนแทงเข้าที่อกก่อนที่มันจะกลายเป็นเถ้าถ่านหายไป

     

    “เป็นอะไรมั้ยชานยอล” ผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้วพูดขึ้น

     

    ไม่ใช่คริส แต่เป็นใครก็ไม่รู้ แล้วที่สำคัญรู้จักชื่อผมได้ไง เค้าพูดพร้อมกับพยุงตัวผมให้ยืนขึ้น

     

    “ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับที่ช่วย”

     

    “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

     

    “ก็บอกว่าจะไปส่ง” คนนั้นพูดจบก็เอามือมาจับแขนผมไว้ เค้าช่วยพยุงผมให้เดิน ตอนนี้ผมเจ็บไหล่มากเลยล่ะ มันปวดๆ แสบๆ ขาผมเองก็เจ็บจากที่ล้มเมื่อกี้ อย่างน้อยก็ไม่ได้โง่วิ่งล้มเองละวะ

     

    “นายชื่ออะไรอะ” ผมถาม ผมควรเรียกพี่ดีมั้ย ดูแล้วเขาน่าจะโตกว่าผมหลายปีมากๆ

     

    “แอนดี้”

     

    “ไม่ต้องจับก็ได้ครับ ผมเดินเองได้”

     

    “เดินจะไม่ไหวอยู่แล้วยังทำเก่ง” นี่เค้ากำลังว่าผมอยู่ใช่มั้ย

     

    “. . . . . . .”

     

     

     

     

     

     

     

    “ชานยอล! ประธาน!!” คริสเรียกซะผมตกใจ ผมเห็นคริสวิ่งมา เหมือนวิ่งออกมาตามหาผม? เมื่อกี้คริสพูดว่าประธาน? ผมอยู่กับพี่แอนดี้2คน ประธาน? พี่แอนดี้? เฮ้ยยยยยคนนี้เป็นประธานตึกหรอวะ!

     

    “ทำไมทำหน้าตาตื่นแบบนั้นล่ะคริส” ประธานคนที่ช่วยพยุงผมเดินมาพูดขึ้น

     

    “ผมขอตัวชานยอลคืนด้วยครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” คริสพูดพร้อมเดินมาพยุงผมอีกข้าง

     

    “ทำไมไม่ดูแลให้ดีตั้งแต่แรก ปล่อยให้ออกมาเดินเล่นในที่แบบนี้ได้ยังไง ดูแลกันไม่ดีเลยนะ”

     

    “ประธานคิดจะทำอะไร? ”

     

    “ก็จะพากลับตึกไง ถามทำไม”

     

    “จะพากลับตึกไหนล่ะครับประธาน วีเซนซา หรือ อควิเลีย”  ชัดเลย พี่แอนดี้คือประธานตึกอควิเลีย ไม่น่าล่ะ ตอนที่คริสเห็นประธานคริสถึงทำหน้าตกใจแบบนั้น

     

    “หึ~ คนที่นายควรระวังไม่ใช่ฉันหรอก ถ้าฉันคิดจะเอาตัวชานยอลของนายไป นายคงไม่มีทางได้เห็นชานยอลยืนอยู่ตรงนี้หรอกคริส” ประธานอควิเลียเดินมาหยุดพูดตรงหน้าคริส

     

    “อ่อ แล้วอีกอย่าง กลับไปบอกอิริคกับฮีชอลด้วยว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วยไปเจอที่เดิม ฉันจะรอ”

     

     

     

     

    “เป็นไปไม่ได้ จะใช่จริงๆหรอ สิ่งที่ฉันเห็น มันจริงหรือแค่บังเอิญ” คนที่เดินจากไปพูดกับตัวเองเบาๆ

     

     

     

     

     

     

    “นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหนดูซิ” คริสถามพร้อมทั้งพยายามพลิกตัวผมเพื่อดูว่าผมบาดเจ็บอะไรตรงไหนมั้ย 

     

    “ไม่เป็นไรมากหรอกแค่เจ็บไหล่กับเจ็บขา”

     

    “ถอดเสื้อโค้ดออกมาจะได้หายามาทาให้”

     

    “เฮ้ย! ลืมเลย” ลูกนกๆๆๆผมลืมซะสนิทเลย ลูกนกจะตายยังวะ กะช่วยชีวิตมันไม่ใช่มาทำมันตายนะ ผมเอามือล้วงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ดทันที

     

    “โล่งอกนึกว่าจะตายซะแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะหากล่องเล็กๆหรืออะไรก็ได้ที่พอจะเอาเศษไม้เล็กๆวางซ้อนกัน แล้วเอาใบไม้วางทับกันอีกที พยายามจะทำให้เหมือนรังนก แต่ก็ไม่ค่อยจะเหมือน ผมควรหาผ้ามาด้วยน่าจะสร้างความอบอุ่นสำหรับลูกนกได้ดีกว่าเศษไม้กับใบไม้

     

    “ไปเอามันมาจากไหน เอามาทำไม” คริสถาม

     

    “ไปเจอมาหน้าหอทองคำเลยเอากลับมาเลี้ยง เดี๋ยวมันโตก็เอาไปปล่อย ข้างนอกมันหนาวแม่มันก็ไม่มีคงหาอะไรกินเองไม่ได้หรอก”

     

    “จิตใจดีนะเราน่ะ” คริสพูดยิ้มๆ

     

    “นอกจากฉันจะจิตใจดีแล้วหน้าตาก็ดีด้วย” ประโยคนี้ทำให้คริสหลุดขำออกมานิดๆ พร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผม

     

    “จะตลกเกินไปละคริส เพื่อนเล่นหรอเอามือมาขยี้หัวกันแบบนี้” ผมเอามือจัดๆทรงผมให้เรียบร้อย ผมไม่ได้โกรธมันหรอกที่ทำแบบนั้น แต่ผมกลัวผมยุ่ง ฮ่าๆๆๆๆๆ

     

    “ฉันยังไม่ได้ชำระหนี้เลยนะ เรื่องที่นายหนีออกไปเดินเล่นคนเดียวแบบนั้น”

     

    “อะไร ฉันแอบไปที่ไหน ก็ฉันเบื่ออะที่อยู่คนเดียว ก็แค่ออกไปเดินเล่นเอง”

     

    “แล้วเป็นไงเดินเล่นของนายเจออะไรดีๆมั้ยล่ะ”

     

    “. . . . . . . .” ผมไม่พูดอะไรต่อหรอกเดี๋ยวยาว ไม่อยากเล่าด้วยเดี๋ยวคริสบ่น แต่ตอนนี้ผมเจ็บๆแสบๆที่ไหล่มากเลยมันค่อยๆรุนแรงขึ้น ผมเลยถอดเสื้อโค้ดออกเพื่อนที่จะดู

     

    “เลือด!!” คริสพูดออกมาเสียงดัง

     

     

    “เฮ้ย!!เลือดดดดดด” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเลือดออก มันเป็นรอยไหม้และมันเป็นรอยมือ รอยจากไอตัวนั้นแน่ๆเลย

     

    “ไปโดนมาจากไหนชานยอล!!!” คริสหันมาตะคอกใส่ผม

     

    “ตะ ตอนเดินกลับมา” คริสในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก

     

    “นายไปที่น้ำพุศักดิ์สิทธ์มาใช่มั้ย!!!”

     

    “เปล่านะ ฉันไม่ได้ไป ฉันเห็นมันโผล่มาจากตรงที่หมอกเยอะๆ”

     

    “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าออกไป ทำไมไม่เคยเชื่อฉันเลยห๊ะ!!”

     

    “ก็มันน่าเบื่อหนิอยู่คนเดียวอยู่แต่ห้องอะ!!!” ผมก็โมโหเป็นนะ

     

    “แล้วไม่รู้หรือไงว่าคนเค้าเป็นห่วง!!!”

     

    “ไม่รู้เว้ย!!!” ถ้าคริสเป็นไฟ ผมก็เป็นน้ำมันแม่งเลย เจ็บก็เจ็บยังมาโมโหมาตะคอกใส่อีก

     

    “ที่ฉันทำไปทั้งหมดนายยังดูไม่ออกอีกหรอห๊ะปาร์คชานยอล ว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน!!!”

     

    “เป็นห่วงฉัน?”

     

    “. . . . . . . . .”

     

    “คริส”

     

    “อ่าว จะไปไหนอ่ะ” คริสเดินออกจากห้องผมไปซะเฉยๆ เขินหรอ? ใช่มั้ย? ดูเหมือนเขินเลย ผมก็เขินๆอยู่นะที่ได้ยินคริสพูดแบบนั้น แต่ทำไมต้องเขินด้วยวะ พวกจุนมยอนก็เคยพูดว่าเป็นห่วงเหมือนกัน แต่กับคริสทำไมต้องเขินด้วยวะ เฮ้อ แล้วผมจะเอายังไงกับแผลนี้ดี ผมนั่งอยู่สักพักจึงตัดสินใจได้ ผมเดินไปที่ประตูเพื่อจะไปห้องน้ำล้างแผลแล้วค่อยไปขอยาจากพี่ฮีชอล

     

    “จะไปไหน” เมื่อผมเปิดประตูแล้วมุ่งหน้าไปห้องน้ำที่อยู่สุดทางเดินคริสก็เดินขึ้นบันไดมาพอดี

     

    “จะไปล้างแผล”

     

    “เดี๋ยวทำให้ นายทำเองไม่สะดวกหรอก” ที่หายไปคริสคงลงไปเอายาสินะ ผมเห็นคริสถืออะไรมาด้วยก็ไม่รู้น่าจะเป็นกล่องยา

     

     

     

    “ถอดเสื้อออกสิ เปิดแค่ไหล่แบบนี้ฉันเช็ดแผลให้ไม่ถนัด”

     

    “งั้นฉันทำเอง ถอยไปเลย”

     

    “จะอายอะไรผู้ชายด้วยกัน”

     

    “ไม่ได้อายเว้ย!”

     

    “ไม่อายก็ถอดออก”

     

    “. . . . . . . .” คริสแม่ง

     

    “จะถอดเองหรือจะให้ฉันช่วยถอด?”

     

    “เออ! ถอดเองก็ได้!” ผมไม่ได้ตั้งใจตะคอกคริสหรอกนะ แต่คนมันเขินไง ถึงผู้ชายด้วยกันก็เถอะ ไม่นานก็ล้างแผลเสร็จ ผมกับคริสจึงเดินกลับเข้าห้องของผม

     

    “นายรอดมาได้ไง ประธานอควิเลียช่วยนายไว้หรอ? ” คริสถามในขณะที่ทายาให้ผม ยาอะไรก็ไม่รู้ มันเหมือนพวกสมุนไพรกลิ่นฉุนมาก แต่ทาแล้วรู้สึกเย็นๆ ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนที่แผลได้ดีเลยทีเดียวแหละ

     

    “ตอนแรกก็เกือบไม่รอดหรอก แต่ดีที่ฉันเอากริชแทงมันเลยรอดมาได้”

     

    “แล้วไปเจอประธานอควิเลียได้ไง? ”

     

    “ประธานอควิเลียเดินมาเจอไอตัวนั้นกำลังจะเข้ามาทำร้ายฉันเค้าก็เลยจัดการมัน”

     

    “ประธานเนี่ยนะช่วยนาย”

     

    “ทำไมพูดงั้นล่ะคริส พูดอย่างกับประธานเป็นคนไม่ดีงั้นแหละ”

     

    “ไม่รู้สิ ดูเหมือนประธานอควเลียจะไม่ถูกกับประธานตึกเรา กี่ทีๆก็มีปัญหากันตลอด อย่างที่นายเห็นตึกเรากับตึกเค้ามีปัญหากันมาก่อน”

     

    “ว่าแต่ไอมันเป็นตัวอะไรอะคริส ปีศาจหรอ ใช่มั้ย”

     

    “อืม” ใช่จริงๆด้วย มันคือปีศาจ แล้วมันมาอยู่ในโรงเรียนได้ไง

     

    “มันอยู่ในโรงเรียนได้ยังไง แล้วมันไม่ออกทำร้ายคนอื่นไปทั่วหรอ แล้วไม่มีใครมาจัดการมันหรอ แล้ว..”

     

    “พอๆๆๆฉันตอบนายไม่ทัน”

     

    “นายเล่ามาเลยเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงทำไมถึงมีปีศาจในโรงเรียน”

     

    “เรื่องมันยาวและมันก็นานมาแล้ว นายจะฟังประวัติเซนทราเลียเลยมั้ยล่ะ”

     

    “ฟัง เล่ามาให้หมด เอาให้ละเอียด นานกี่วันฉันก็ฟังได้” ผมรู้ว่าคริสไม่เล่าแน่ๆถึงพูดว่ามันยาวและนานมาแล้ว ยังไงผมก็จะฟัง ประวัติยันโคตรเหง้าผมก็จะฟัง



    “. . . . . . . . . .”

     


    “ไม่ต้องมาเงียบเลย เล่ามา”

     

     

     


    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

     


    ใครมาตอนนี้วะ เดี๋ยวคริสชิ่งหนีกันพอดี คริสเดินไปเปิดประตู ผมก็เห็นว่าใครมา เซฮุน จุนมยอน แบคฮยอน คยองซู ลู่หาน เลย์  ไอพวกนี้มันไม่รู้หรอกว่าผมโดนปีศาจเล่นงานมา แต่ไม่บอกมันหรอกนะเดี๋ยวมันจะโวยวายใส่ผมยกใหญ่

     

    “มาทำไมกัน ห้องตัวเองไม่มีอยู่หรือไง” ผมพูดกวนตีนมันไป

     

    “โทษทีนะที่มันขัดจังหวะสวีทของมึงกับคริส” เซฮุนพูด พอเซฮุนพูดจบทุกคนก็หัวเราะ เหี้ย! ไม่น่ากวนตีนมันเลย

     

    “หวีดห่าไร พอเลยๆ”

     

    “คุยไรกันอยู่วะ” แบคฮยอนถาม

     

    “กูว่าเค้าใช้ใจคุยกันอยู่ว่ะแบค” ไอ้เซฮุน อีแป๊ะยิ้ม!

     

    “พอเลยๆเซฮุนมึงก็ไปแซวมัน ดูดิเขินจนหูเหอกางหมดแล้ว” จุนมยอนแม่งก็อีกคน

     

    “ใจพ่องงงงงง กูกำลังจะให้คริสเล่าประวัติเซนทราเลีย”

     

    “เล่าถึงไหนแล้ว อยากฟังเหมือนกัน” แบคฮยอนพูดขึ้นอย่างสนใจ

     

    “ยังไม่ได้เล่าเลยพวกมึงก็มาเคาะห้องกันก่อน”

     

    “นั่งก่อนๆ คริสเล่ามาเลย ไหนๆมิสก็ยังไม่ได้เอาตารางเรียนมาให้ เวลามีเยอะเหลือเฟือ”

     

    “จะเล่าเท่าที่รู้นะเพราะฉันก็ไม่ได้รู้ทุกอย่างหรอก คุณลุงคนดูแลโรงเรียนเค้าเล่าให้ฉันฟังอีกที”

     


     

    * - * - * C E N T R A L I A * - * - *


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×