GooD LucK
ดู Blog ทั้งหมด

ชีวิตที่อยากจะ said

เขียนโดย GooD LucK
รู้สึกว่า 27 นี้เป็นเลขที่ดี๊ ดีเนอะ 55
(เอี้ย ลำเอียง)

ตั้งแต่เข้า ม มานี่ก็อยู่หอได้ 27 วันละ (แกรอคอยจะเขียน Blog วันนี้ว่างั้น)
ป่าวววว มันบังเอิญ

ชีวิตตั้งแต่มาอยู่นี้นะ ไม่อยากจะ said เลย
ลำบากมากกก จริง ๆ
ตั้งแต่มอบตัวเลย

โดดเดี่ยว ผู้น่ารักมันยังไม่ต้องลำบากขนาดนี้เลยอะ

"ไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวเลย"
"แต่วันนั้นมามอบตัวคนเดียว"

"พ่อแม่อยู่กับเราตลอด"
"วันนั้นทั้งคู่อยู่ที่โรงพยาบาล"

"ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองเลย(เลวมากจ้ะ)"
"ตั้งแต่มาอยู่นี่ต้องทำหมด"

แล้วมันเป็นอะไรที่ เหนื่อยมาก
ต้องเทียวทุกวันไป-กลับ โรงพยาบาล กับ ม
ไกลมากก พอวันไหนต้องมาอยู่หอ ก็ห้องโล่ง ๆ
คิดถึงบ้าน

เคยทำตัวสบาย อยากซื้อไรก็ไปซื้อ
อยากได้อะไร ก็ต้องได้
พอมาอยู่ที่นี้ ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมดเลย

กลับไปบ้านครั้งแรก กอดคุณยาย จะร้องไห้
คุณยายบอกให้อดทน (คุณยายแก่แล้วจะรู้อะไร คนมันเซนซิทีฟนั้น ฮ่วย)

มีวันนึงเพื่อนกลับไปนอนบ้าน
อยู่คนเดียวในห้องตั้งแต่เช้าถึงเย็น
แม่โทรมา 2 ครั้ง
รู้สึกโดดเดี่ยวจริง ๆ เพื่อนก็กลับอุบลกันหมด
ชวนไปกินข้าวก็ไม่มีใครอยู่เลย

ตอนนั้นแบบ เออ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องกงต้องกินมันละ

แล้วจะออกจากห้องแต่ละทีนะ
ถ้าไม่มีเพื่อน ไม่กล้าไปคนเดียวเลย
กลับห้องไม่ได้
สแกนนิ้วเข้าหอไม่ติด
นี้เพิ่งอยู่ได้แค่ 27 วันเองนะ แล้วต้องอยู่อีกปี
ถ้าวันหนึ่งเพื่อนไม่อยู่ จะเข้าหอยังไง

"ลายนิ้วมือน้องมันตื้นค่ะ"
"นิ้วมือย่นอีกตั้งหาก"

สรุปว่านี้เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่แก้ไม่ตก จริง ๆ

แล้วกิจกรรมใน ม นะ
จะเยอะไปไหนเนี่ย
เหนื่อยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ตอนที่กลับมาถึงบ้าน 5 ทุ่ม ยังงง ว่า นี้มันเลยคำว่าดึกแล้วนะ
สำหรับการอยู่นอกบ้านโดยไม่มีพ่อกับแม่อ่ะ

แล้วพอกิจกรรมตรงนั้นดีขึ้นหน่อย
ก็ไม่ได้กลับไปหาพ่อเลย
แม่ต้องกลับไปทำงานที่บุณฑริก
พ่อกับแม่ก็เลยไม่มีใครอยู่ที่อุบลเลย

3 อาทิตย์ ที่ติดแหง๊กอยู่ที่นี้ เป็นห่วงพ่อมากจริง ๆ โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย

แม่ลาเป็นอาทิตย์ ๆ ลาอีกไม่ได้
บางทีถามแม่แบบงี่เง่าว่า
"นักเรียนแม่สำคัญกว่าบีมั้ย"
แม่ก็ไม่โกรธ เข้าใจเลยว่า จริง ๆ แล้วเราเองที่งี่เง่า

เมื่อก่อนด่าแต่เพื่อน
"โรคจิตหรือไงคุยโทรศัพท์กะพ่อแม่ทุกวัน"
อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวนี้เป็นเอง ดีที่เพื่อนมันไม่ด่าคืนเอาอะ
แล้วบางวัน เป็นหนักกว่ามันอีก ก็เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองก็งี่เง่าได้หลายเรื่องเหมือนกัน

พอมาเรื่องเรียนนะ
ตั้งแต่ลงเรียนและ
อะไรก็เต็ม ๆๆๆ เต็มไปหมดเลย โคตรหงุดหงิด
แล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยตั้งแต่เข้ามาอยู่
ทั้ง งง ทั้งไม่พยายามปรับตัว (ก็คนมันเคยสบายนี้หว่า จะต้องปรับไรอีก(คิดสั้นมาก))
ก็ได้แต่ โทษตัวเองและ

ไม่รู้จะถามใคร
ไม่มีใครให้ถาม
บางทีโทรไปถามพ่อ (คือพ่อก็งง อะ เพราะว่าพ่อไม่รู้เรื่อง)

จนกระทั่งเกิดเรื่องน่าตกใจครั้งแรก

"ถอนพละแล้วลงใหม่ไม่ได้"

มันหมดเขตไปแล้ว แต่ไม่ดูปฏิทินเอง
สะเหร่อ ได้โล่อีกตามเคย

กรี๊ดสลบ เกิดอาการปอด โคตร ๆ
ตายละ หน่วยกิตไม่ครบ
จะลงอะไรก็ลงไม่ได้ซักที อาจารย์ไม่ให้ลง
ถ้าไม่ให้ลงแล้วจะให้เรียนอะไร

ก็ในเมื่อวิชาที่ต้องเรียนมันเต็ม
แล้วหน่วยกิตจะครบได้ไง
ไม่เข้าใจชีวิตเลย

เรียนอะไรไม่เข้าใจ
ก็ไม่เข้าใจมันอยู่นั้นแหละ
ยิ่งการจัดการนะ ไม่รู้จะอ่านจะจำตรงไหนเลย

ทำไงละ ? อยากได้ A อะ
สวดมนตร์เอาคงไม่ไหว

แล้วยัง Math com อีก
โอ๊ยยยย อะไรกันเนี่ย

แล้วพี่จะบอกตลอดเลยว่า
"อยู่ใน ม สงสัยอะไรให้ถามรุ่นพี่"

โด่ย พูดก็ง่ายดิ
เอาเข้าจริง จะถามใครละ
มันไม่มีทางตอบได้เลยเมื่อเราไปยืนอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ
แล้วให้เราเลือกว่าจะเดินไปถามใครดี
บางคำถามปัญญาอ่อนโคตร ๆ แต่เราอยากรู้งี้ ใครมันจะไปกล้าถามฟร่ะ
ดีไม่ดีถามไป จะโดนพี่แกเขวี้ยงค้อนกลับมา ใครจะไปรู้

รุ่นพี่บางคนก็เห็นเป็นเรื่องตลกซะงั้นกับบางคำถาม
บางทีไปถามอะไรที่พี่เค้าตอบไม่ได้ โดนหมั่นไส้เอาอีก
คนเรามันก็ต้องระวังตัวนี้หว่า

เรื่องเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่เจอแล้วอยากหนีสุด ๆ เกลียดสุด ๆ เลยคือ
เมื่อวานนี้
ไปซ้อมเชียร์ (เชียร์อะไรก็ช่างมันเถอะนะ)
เอาเป็นว่าไปซ้อมเชียร์

"อยากให้พี่เข้าใจว่า หนูนั่งบนขั้นบันได
ที่ปกติเค้าเอาไว้เดินอะคะ ไม่ใช่เก้าอี้"
 
ไม่ได้บ่นหรอก ว่ามันไม่สบาย เห็นพี่หาห้องซ้อม ก็เข้าใจนะ
เราเองก็พอจะนึกออกว่ามันลำบากที่จะนัดมาให้ครบ ที่จะหาห้องดี ๆ ให้

แต่สารภาพตามตรง เก้าอี้มันแคบมาก ๆ ไม่ต่างอะไรกะนั่งบนพื้น
จังหวะที่ซ้อมมันก็ต้องยืนใช่ไหมละ

คือถ้าพี่ไม่ได้โรคจิตก็จะเห็นว่าแต่ละคนลุกกันลำบากมาก
มันไม่ใช่ว่าไม่ตั้งใจนะพี่
แต่บางทีมันยืนไม่ทันเพื่อนบ้าง กางเกงติดบ้าง
เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็น่าจะเข้าใจ

แล้วเท่าที่ดูทุกคนก็ดูเค้าจะเข้าใจกันนะ
แต่มันก็ยังมีพี่บางคนที่วีน ก็ไม่เข้าใจว่าเธอเป็นอะไร

อารมณ์เสีย ก็ไม่รู้ว่าเธอจะอารมณ์เสียอะไร
จะบอกว่า น้องไม่พยายามทำตามที่พี่บอก
กะปัญหามันก็อยู่แค่ ลุกนั่งช้าแค่นั้นแหละ
แค่เห็นหน้าพี่คนนั้นก็อยากกลับบ้านแล้ว อย่าว่าแต่จะอดทนซ้อมต่อเลย

ขนาดพี่ที่เป็นหัวเจอร์ เค้ายังใจเย็นได้เลย
จริง ๆ แล้วจะว๊าก ก็ไม่โกรธนะ
เข้าใจอยู่ รู้จักอยู่ ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องนะ

แต่ถ้าเป็นแบบพี่คนนี้อีก ก็เลิกเหอะ
พี่เลิกมาคุม มาเป็นสตาร์ฟ เหอะ
เราว่าพี่ความอดทนต่ำอะ
กลับไปอยู่ห้อง ตากพัดลมเย็น ๆ เราจะเข้าใจแกอยู่
ถ้ามาแล้วจะวีน
ทั้ง ๆ ที่พี่ ปี 3 ปี 4 เค้ายังเข้าใจเราเนี่ย

คราวหน้าอย่ามาเลย
แค่มีพี่มาไม่กี่คน อาจจะดุบ้าง แต่ไม่ทำหน้าตาแบบนั้นก็พอ

555

คือตั้งแต่เชียร์มา
มีเมื่อวานนี้แหละ
ที่เห็นแล้วแบบรู้สึกว่า
อะไรฟร่ะ อารมณ์เสียไรของมันฟร่ะ

เพราะปกติ เราไม่สน
อยากวีน อยากว๊าก อะไรก็ทำไป
ทนได้ก็จบไปเป็นเรื่อง ๆ


แต่อันนี้ขอบ่นนิดนึง

ไม่ว่าจะยังไงก็ตามนะ
อยู่มา 27 วันนี้
ยังไง๊ ยังไงเลขมันก็สวยจริง ๆ อะ
555

แล้วมันเป็นอะไรที่แบบ บ่น บ่น บ่น
บ่นอย่างเดียวเลย
คือฉัไนม่เคยจะเขียน Blog สร้างสรรค์ได้นานเลย
เพราะอารมณ์มันเป็นที่ตั้งจริง ๆ
ตั้งแต่อารมณ์อยากเขียน
อารมณ์อยากด่า
อารมณ์อยากเอาแต่ใจ
อารมณ์อยากโวยวาย

ให้มันได้อย่างงี้สิ

แล้วคำถามฮา ๆ เลยนะ โดนเยอะมาก
โดนกี่ทีก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนแล้วหัวเราะเลยเนี่ยคือ

"ทำไมบีบีไม่อยู่หอในอะ"
ตอบ "คือบีบีตัวจริงนั้นมันนิสัยเสียมาก คิดถึงว่าโลกจะแตกเมื่อไหร่นั้นมันก็เกี่ยวพันกับเรื่องที่ว่าถ้าเกิดอยู่หอใน มันคงสำแดงเดชขึ้นจนเพื่อนเค้าทนอยู่ด้วยไม่ได้"

"นิสัยเสียยังไง"
ตอบ "คือเรื่องมันยาวอะ"

"กินเหล้าไหม"
ตอบ "พูดจริง ๆ ใครถามแบบนี้อยากตบปากมากเลย"

"บีบีหยิ่งมาก ไม่กล้าคุยด้วย"
ตอบ "OK เข้าใจ ก็ไม่รู้จะว่ายังไง นี้ก็ส่วนหนึ่งนะ"
 
"บีบีบ้าเรียนมากเลย ไม่ยักกะรู้ว่าปล่อยมุขเป็นด้วย"
ตอบ "โดนแบบนี้เข้าไปก็หงายเหมือนกัน ก็ไม่รู้จะตอบว่าไง คือเรียนก็เรียน เล่นก็เล่น อาจจะเล่นมากไปหน่อย แต่คนเราไม่มีใครบ้าเรียนตลอดเวลา หรือว่าตลกได้ตลอดเวลาอะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
เพื่อนเราเขียนได้แบบตรงสุดๆอะ
แร๊งงงงงงงงงงงงง