ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Wizard

    ลำดับตอนที่ #12 : ณ ที่แห่งนี้นิทราในฝัน : ศิลาปฐพี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 55
      0
      2 เม.ย. 48

    “ จงตายตามพ่อแม่ของเจ้าไปซะกษัตริย์ผู้โง่เขลาที่คิดก่อกรกับปิศาจเอ๋ย ” แม่ทัพแห่งโลกปิศาจบอกเสียงนุ่มพลางขยับดาบในมือให้กรีดลึกเข้าไปในผิวเนื้อช้าๆ



    “ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ”



    ร่างของเฟอร์โรเรนทิ่มถลาลงมาตรงกลางวงล้อมอย่างได้จังหวะเหมาะเหม็ง



    “ เรน!! ” ลิมินท์ยูร้องขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา    “ เจ้ามาได้ยังไง...  อึก!...  หนีไป... ”



    “ ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้งฝ่าบาท ” หนึ่งในปิศาจตาเดียวที่จับยึดเขาไว้พูดขึ้น “ คอจะขาดในอีกไม่กี่อึดใจนี้แล้วยังจะปากดีห่วงคนอื่นอีก ”



    ทันใดนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินสดก็พุ่งเข้าอัดเต็มแรงที่ท้องน้อยซัดเจ้าปิศาจตาเดียวกระเด็นลอยละลิ่วตกจากสะพานสูงลงสู่กระแสธารร้อนระอุที่หลอมละลายหินได้เบื้องล่าง



    “ ก็ลองทำดูสิ... ”



    ปิศาจตาเดียวอีกตัวที่ก้มหลบได้ชนิดเฉียดแผงหลังคอไหม้เกรียมไปทั้งแถบผงกหัวขึ้นมองหาต้นตอด้วยความแค้น  แล้วมันก็ทันได้เห็นเด็กสาวร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อคลุมยาวสีเข้มกำลังกรีดนิ้วเล่นลูกไฟในมือราวกับเล่นลูกบอล



    “ ...ข้าจะทำให้เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย ” เฟอร์โรเรนพูดลอดไรฟันแต่นั่นก็ดังพอที่จะทำให้คู่สนทนาได้ยินความอาฆาตแค้นที่แฝงไว้ในน้ำเสียงเต็มที่ก่อนที่ร่างของมันจะถูกซัดด้วยบอลลูกที่ว่ากระเด็นตกตามเพื่อนของมันไป



    “ พอแค่นั้นแหละเจ้าหนู!! ”



    เสียงหนึ่งเยียบเย็นดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับคมดาบที่ฟันลงกลางศีรษะ          เฟอร์โรเรนสลายลูกไฟแล้วเปลี่ยนเป็นโล่ลมกางขึ้นตั้งรับดาบของแม่ทัพแห่งโลกปิศาจ



    “ รีบไปเอาคัมภีร์เร็วเข้าข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง!! ”  เฟอร์โรเรนหันไปตะโกนบอกลิมินท์ยูที่พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล  พร้อมกับเสกไฟขึ้นขวางทางพวกปิศาจที่พยายามจะยกโขยงตามไป



    “ ฝีมือไม่เบานี่ ” ควอร์ซิสเอ่ยปากชม  “ แต่ก็ยังห่างชั้นนักถ้าเทียบกับพ่อของเจ้า... ถ้ายังไงมาอยู่กับข้าไหมจะช่วยฝึกปรือให้แล้วเจ้าจะได้เป็นทั้งนักดาบและจอมเวทย์ที่เกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์...  ไม่ใช่แค่สายเลือดต้องสาปที่ต้องหนีตายหัวซุกหัวซุนไปวันๆ  อย่างหมาขี้เรื้อนข้างถนนแบบนี้ ”



    “ ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่ยอมไปอยู่กับพวกชั่วช้าอย่างเจ้า ”  



    “ ก็แล้วมนุษย์อย่างแม่หรือพ่อมดอย่างพ่อของเจ้ามันวิเศษวิโสนักหรือไง...  ปากก็พูดดีว่าต่อสู้เพื่อสันติภาพ...  ว่าปิศาจอย่างพวกเราต่ำทรามทั้งที่ตัวเองน่ะต่ำช้าซะยิ่งกว่าสัตว์ที่ไล่เข่นฆ่าพวกเดียวกันได้ลงคอ!!  ฆ่าคนที่เลือดในกายครึ่งหนึ่งเป็นของมัน!! ” ควอร์ซิสฟาดดาบลงมาไม่ยั้งอย่างเดือดดาล  ใบหน้าซีกขวาที่ไม่มีหน้ากากเงินบดบังบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกลียดมากมายที่สุมแน่นอยู่ในอก



    “ อยากพล่ามอะไรก็เชิญ ” เฟอร์โรเรนว่า “ ยังไงข้าก็จะฆ่าเจ้าอยู่ดี ”



    “ คิดรึว่าฝีมืออ่อนหัดอย่างเจ้าจะทำได้ ” ควอร์ซิสตวัดดาบเก็บข้างตัวแล้วใช้แค่หมัดซ้ายเพียวๆ  อัดเฟอร์โรเรนกระเด็นลอยไปไกล  “ ขนาดสิงห์ซ้ายที่ว่าแน่  ข้ายังฆ่ามาแล้วนับประสาอะไรกับลูกครึ่งไร้น้ำยาอย่างเจ้า ”



    “ เจ้าว่าอะไรนะ!!  ” เฟอร์โรเรนตะโกนก้องด้วยความแค้นพลางใช้หลังมือปาดเลือดออกจากมุมปาก “ เจ้าบอกว่าเจ้าฆ่า...  ”



    “ สิงห์ซ้าย...  ”  ควอร์ซิสย้ำพลางสะบัดปอยผมดำยาวให้พ้นตา  “ หรือถ้าจะให้ถูกก็คือ...  ซิริอัส  เกรซัสยังไงล่ะ ”



    “ ข้าไม่เชื่อคำโกหกของเจ้าหรอก!! ”



    เฟอร์โรเรนกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเป็นรอยลึกในอุ้งมือเมื่อควอร์ซิสวาดดาบออกเตรียมพร้อมแล้วพุ่งเข้าใส่  สติที่ไม่อยู่กับตัวทำให้คมดาบฟันโดนข้อมือเต็มๆ  เพราะไม่ทันได้กางอาคมรับ



    “ ตามใจ... ”

    -----------------------------------------------------------------------------

    ลิมินท์ยูโผไปที่แท่นสูงรองรับพระศพเอเกอร์  ตอนนั้นเองที่จิตของเขาสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่อบอวลอยู่รอบตัว



    “ ข้า...  ในนามของเลโอเรียน  ลิมินท์ยู  เอ.  ฟีเลโดเรีย กษัตริย์แห่งมวลมนุษย์ผู้ครองฟีเลเซีย ”  เขาตะโกนก้องพร้อมกับใช้กริชเวทย์กรีดข้อมือตัวเองเอาเลือดเซ่นบูชาผ่านลงไปในปากของโครงกระดูกที่อ้าค้าง   “ ...ขออัญเชิญผู้สร้างแห่งปฐพีจากที่พำนักสู่หัวใจของสรรพสิ่งเพื่อมอบสันติภาพที่แท้จริงให้กลับคืนมาอีกครั้ง...  ”



    กล่องเหล็กที่อยู่บนตักของเอเกอร์เปล่งแสงเจิดจรัสแล้วลอยขึ้นช้าๆ



    “ ...ด้วยเลือดและวิญญาณแห่งข้า...  ขอวิงวอน... ”  



    ลำแสงแผดจ้าขึ้นทุกทีในขณะที่ร่างของลิมินท์ยูทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้นอย่างอ่อนแรงจนต้องใช้ทั้งแขนพาดพยุงตัวไว้กับแท่นบรรทม  นัยน์ตาหรี่ปรือลงและหอบหายใจรวยริน



    “ ...ด้วย...  เลือดและ...  วิญญาณ... ”



    ควอร์ซิสผละจากเฟอร์โรเรนแล้วกระโจนเข้าใส่อะไรก็ตามที่ลอยอ้อยอิ่งออกจากกล่อง  หมุนตัวเตะลิมินท์ยูที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือเข้าที่หน้ากระเด็นไถลตกจากขอบสะพานไปเกาะต่องแต่งอยู่ด้วยมือเพียงข้างเดียว  ...ซ้ำยังบาดเจ็บ!!



    เฟอร์โรเรนพยายามสกัดด้วยคาถาแต่แม่ทัพหนุ่มกลับปัดมันทิ้งได้ง่ายดาย  มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้า  ไขว่คว้าเข้าไปในกลุ่มแสงและทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัส  แสงสว่างก็แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นสิงโตหินตัวใหญ่ยักษ์กระโจนเข้าขย้ำคอแม่ทัพแห่งโลกปิศาจที่กลับตัวกลางอากาศหลบไปได้หวุดหวิดชนิดถากเส้นผมนุ่มสลวยที่แสนภาคภูมิใจนักขาดร่วงลงพื้นปอยใหญ่   ควอร์ซิสหมุนตัวกลับเข้าประจัญอีกครั้งพร้อมกับดาบที่กำมั่นในมือ



    สิงโตหินคำรามก้องจนผนังทั้งสี่ทิศสั่นสะเทือน  ขนแผงคอสะบัดตามแรงลมคำราม  มันตะกุยพื้นหินแตกกระจุยเป็นร่องลึกยาวแล้วโผร่างเปรียวเข้าใส่



    เฟอร์โรเรนกุมมือชุ่มเลือดที่มนตร์รักษาเริ่มสมานตัวไว้แน่นพร้อมกับวิ่งไปที่ขอบสะพาน  “ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ”  เขาถามพลางส่งมือให้ลิมินท์ยู



    “ อืม... เรน!! ข้างหลัง!! ”



    เฟอร์โรเรนหันขวับไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว  กรงเล็บของหมาป่าวิญญาณตะปบข่วนแก้มซ้ายเป็นทางยาวและเกือบแทงทะลุอก  โชคดีที่เขาพลิกตัวหลบได้ทันแต่ก็เกือบโดนลูกหลงจากการโจมตีของสิงโตหินที่รุกไล่แม่ทัพโลกปิศาจอย่างไม่ลดละในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการปิศาจตาเดียวได้ง่ายดายโดยการเหยียบจนร่างกายแหลกเหลว  หรือกัดกระชากเป็นชิ้นๆ  แล้วเหวี่ยงตกขอบเหวไปตัวแล้วตัวเล่าจนไม่เหลือ  



    เขาพยายามจะเข้าไปช่วยลิมินท์ยูอีกครั้งแต่ฝูงหมาป่าวิญญาณก็กรูกันเข้ามารุมล้อมไว้ทุกทิศทาง  มันแผ่กรงเล็บตะกุยพื้นแล้วกระโจนเข้าใส่   เฟอร์โรเรนวาดมือออกข้างตัวกางเวทย์ลมขึ้นป้องกันตัวเอง   แต่ก็ต้องทุ่มพลังจนสุดตัวเพื่อแลกกับการต้านไว้ได้เพียงชั่วคราว  เขี้ยวเล็บของมันแทงทะลุผ่านสายลมเข้ามาสร้างรอยแผลบนตัวเขารอยแล้วรอยเล่า



    เลือดที่ไหลซึมจนชุ่มทำให้มือของกษัตริย์หนุ่มเลื่อนหลุดออกจากขอบหินที่เกาะไว้ช้าๆ  นิ้วทั้งห้าชาจนไร้ความรู้สึกและไม่อาจทนรับน้ำหนักตัวได้อีกต่อไป



    “ ลิมินท์ยู!! ”



    เฟอร์โรเรนร้องเสียงดังพร้อมกับพุ่งตัวฝ่ากรงเล็บออกไปที่ขอบสะพาน  มือข้างหนึ่งสะบัดสร้างสายลมขึ้นเป็นเกลียวเชือกพันยึดต้นแขนขวากษัตริย์หนุ่มไว้ได้ทันก่อนที่ร่างจะสัมผัสกระแสธารเดือดเบื้องล่าง  ในขณะที่มืออีกข้างเกร็งจิกขอบหินไว้แน่น  ทั้งแขนโดยเฉพาะฝ่ามือครูดไถลไปกับสะพานเลือดไหลซิบไปเป็นทาง  



    กษัตริย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองสายลมที่รวมตัวเป็นเกลียวเชือกพันรัดรอบต้นแขนของตนอย่างไม่เชื่อสายตา  ก่อนจะมองไล่ขึ้นไปสบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ทิ้งตัวนอนราบกับพื้นใช้มือเพียงข้างเดียวกำยึดปลายสายอีกด้านของเชือกลมไว้แน่นพยายามยื้อชีวิตของเขาไว้สุดกำลัง  แม้ชีวิตของตัวเองจะตกอยู่ภายใต้กรงเล็บและคมเขี้ยวของสัตว์ร้ายสี่ขาที่ผงาดเงื้อมอยู่บนแผ่นหลัง  ...เขาจำเป็นต้องสลายกำแพงลมเพื่อสร้างเชือกเวทย์ให้แข็งแรงพอ



    “ ไม่เป็นไรใช่ไหม ”



    “ ปล่อยมันซะเรน!! ”



    เลือดหยดหนึ่งไหลเรื่อยจากไรผมผ่านดวงตาที่ยิบหยีลงมาตามคาง  “ เรื่อง! ” เฟอร์โรเรนตอบเสียงแผ่วทว่าหนักแน่น  “ แน่จริงท่านก็อย่าตายละกัน ”



    ดวงตาของกษัตริย์หนุ่มเบิกกว้างก่อนจะแย้มยิ้มออกมา  แต่แล้วภาพหนึ่งก็เกือบหยุดหัวใจเขา “ เรน!! ”



    เฟอร์โรเรนเหลียวมองไปข้างหลัง

        

    ควอร์ซิสยืนตัวตรงตั้งดาบขึ้นตรงหน้า   มืออีกข้างกางออกข้างลำตัวแล้ววาดเป็นวงเข้าหาตัวใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกรีดผ่านปลายลงมาถึงคอดาบให้เลือดย้อมใบมีดกลายเป็นสีดำสนิท   ตัวอักษรสามคำเปล่งประกายแสงเจิดจ้าขึ้นบนพื้นสีหมึกอ่านได้ว่า...

        

    “ อัญ – เชิญ – จิต ”

        

    ละอองไอแห่งความมืดมิดที่แผ่ออกปกคลุมร่างรวมตัวกันกลายเป็นหมาป่าไฟตัวใหญ่ผงาดเงื้อมขึ้นเบื้องหลัง  ควอร์ซิสฟาดดาบลงเบื้องหน้า  สะพานแตกเป็นหลุมกว้างก่อนจะปริร้าวแล้วแยกออก  เศษเล็กเศษน้อยลอยหวือขึ้นกลางอากาศ   ดวงตาสีเลือดของหมาป่าโชนกล้าขึ้นแล้วพุ่งทะยานเข้าใส่สิงโตหิน

        

    เขาตวัดดาบอีกครั้งพร้อมกับโผทะยานขึ้นกลางอากาศ  หมาป่าลอยละลิ่วตรงเข้าขย้ำคอสิงโต  ร่างของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันครั้งแล้วครั้งเล่าเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว



    หมาป่าไฟพลาดท่าถูกสิงโตหินตะปบเข้าที่แสกหน้า  อึดใจต่อมาร่างของมันก็ถูกฉีกขย้ำกลืนหายเข้าไปในท้องของสิงโต



    แม่ทัพโลกปิศาจลงสู่พื้นพร้อมกับสิงโตที่สะบัดหางเป็นวงแล้วกลับตัวเตรียมจู่โจมเมื่อแสงอ่อนจางทอลอดออกมาตามรอยกะเทาะที่ผิวตัว  ...ที่ลามร้าวมากขึ้นทุกทีๆ    



    สิงโตหินแผดร้องกึกก้องเมื่อเนื้อหินจำนวนมากทะลายลงก่อนที่ทั้งร่างจะแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีดินปลิวหายไปในอากาศ  หมาป่าโผทะยานออกมายืนแยกเขี้ยวคำรามเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อล้มเป้าหมายได้สำเร็จก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลายไปบ้าง  



    ฝุ่นควันเริ่มจางลง  ควอร์ซิสยืดตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ  พร้อมกับปัดปอยผมดำออกจากนัยน์ตา   ก้าวเข้าหาดวงแก้วที่ลอยคว้างอยู่เหนือกองหินอันเกิดจากการแหลกสลายของผู้เฝ้าคัมภีร์    



    เขากระหยิ่มยิ้มย่องที่มุมปากอย่างพึงใจเมื่อยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสลูกแก้ว   หากมันเปล่งรัศมีสีทองเรืองรองที่แผดเผาให้มือของเขามอดไหม้สลายกลายเป็นเถ้ากระดูกแตกละเอียดในพริบตา



    ควอร์ซิสกรีดร้องสุดเสียงพร้อมทั้งชักแขนกลับก่อนที่มันจะลามไปทั่วทั้งร่าง  



    เมื่อสบโอกาส  เฟอร์โรเรนรวบรวมพลังทุกหยาดหยดในกายเท่าที่จะมีเหลือเพื่อรักษาเชือกเวทย์ให้ยึดไว้กับขอบสะพาน  สร้างกำแพงลมขึ้นซัดร่างหมาป่าวิญญาณให้พ้นจากตัว   ก่อนจะผุดลุกขึ้นโผทะยานไปในอากาศ  เสกลูกไฟจิ๋วพุ่งสกัดควอร์ซิสที่ยังมีพลังเหลือเฟือพอจะกระโดดกลับตัวเตะฟาดเข้าที่หน้าพร้อมกับกระโดดขึ้นในอากาศหากปลายนิ้วเรียวที่ยื่นออกไปจนสุดนั้นแตะสัมผัสคัมภีร์สันติภาพได้ก่อนที่ร่างจะลอยถลาหัวทิ่มกระแทกพื้นสะพาน



    ทันทีที่ฝ่ามือซ้ายสัมผัสคัมภีร์สันติภาพก็ทอแสงสว่างเรืองรองมากขึ้นอีกพร้อมกับแผดเผาอุ้งมือเขาเช่นเดียวกันกับแม่ทัพแห่งโลกปิศาจ  หากผิดกันตรงที่มันไม่แหลกสลายแต่ก็กัดกินนำความเจ็บปวดชำแรกลึกลงถึงกระดูกจนนิ้วทั้งห้าแทบขาดออกจากกัน  ...ถึงกระนั้นเฟอร์โรเรนก็ยังคงกำมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ



    “ โอ๊ย!! ” เขากรีดร้องทุรนทุราย  กุมมือข้างซ้ายที่กลุ่มควันสีขาวจางพวยพุ่งขึ้นมาเป็นสาย  เคล้ากลิ่นเหม็นเนื้อไหม้



    นัยน์ตาพร่ามัวจนมองแทบไม่เห็น  อีกทั้งยังไม่เหลือพลังและไร้สิ้นเรี่ยวแรงดังนั้นเมื่อเฟอร์โรเรนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อคลุมที่กลิ้งกระทบเอวอยู่ตลอดเวลาตอนที่ควอร์ซิสย่างสามขุมเข้ามาหาช้าๆ  พร้อมกับเกร็งกรงเล็บออกเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะหยิบมันออกมาแม้จะเป็น...  



    “ เฮ้ย! ”



    เขาอุทานลอดไรฟันที่ขบกันแน่น  กรามนูนเห็นเป็นสันและนึกอยากจะปาลูกแก้วใสขนาดเท่าลูกวอลนัตในมือทิ้งถ้ายังจะมีแรงเหลือพอให้ทำ  ...เขาไม่เคยเห็นอาวุธอะไรที่ไร้ประโยชน์มากเท่านี้มาก่อนแล้ว



    “ ส่งคัมภีร์มาให้ข้า ”  ควอร์ซิสพูดเสียงนุ่มกรงเล็บเกร็งจิกกระชากผมยกลอยขึ้นง่ายดาย

        

    “ ฝันไปเถอะ ”  เขาตอบผ่านริมฝีปากบางที่มีเลือดกบ  

        

    ร่างสูงสะบัดเรือนผมดำยาวที่กลางหลังพร้อมกับหยักยิ้มเยือกเย็นที่มุมปากก่อนจะเสือกหมัดเข้าที่ท้องน้อย  เลือดก้อนใหญ่พุ่งพรวดขึ้นมาตามลำคอที่แสบร้อน



    “ อึก!! ”



    “ ในเมื่อพูดดีๆ  ไม่ชอบก็จะขอแย่งมาเองในแบบของข้าล่ะนะ ”  



    “ อยากได้ก็แย่งเอาเองซี่ ” เฟอร์โรเรนคำรามลอดไรฟันอย่างท้าทายเมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีทางใดเลยที่ควอร์ซิสจะสัมผัสสิ่งที่อยู่ในมือเขาได้   มันเปล่งแสงที่ราวกับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทิ่มแทงร่างสูงให้ต้องชักมือกลับอย่างอับจนหนทางในขณะเดียวกันก็กรีดแทงอุ้งมือของเขาให้เจ็บลึกยิ่งขึ้นไปด้วย



    หยาดเลือดสีเข้มไหลรินผ่านร่องนิ้วราวกับสายน้ำ  ...เจ็บจนแทบจะขาดใจแต่เขาจะไม่มีวันปล่อยมันเด็ดขาด  ...อย่างน้อยก็เพื่อชายคนหนึ่งที่กำลังเฝ้าดูอยู่ด้วยความห่วงใย



    ลิมินท์ยูพยายามโหนเชือกเวทย์ขึ้นมา   หากสิ่งที่รอเขาอยู่คือฝูงหมาป่าวิญญาณที่เดินวนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ   เขาจิกเล็บเข้ากับร่องหิน   มืออีกข้างชักมีดสั้นเล่มสุดท้ายที่ซ่อนไว้ออกมา



    มือข้างที่เหลือของควอร์ซิสแผ่กรงเล็บพุ่งมาหมายจะควักนัยน์ตาให้ค่อยตายทั้งเป็น  และในเสี้ยววินาทีชี้เป็นชี้ตายนั้นเองเฟอร์โรเรนก็รวบรวมแรงฮึดเฮือกสุดท้ายทำในสิ่งที่ตำรายุทธ์ไม่ว่าเล่มใดไม่เคยจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การต่อสู้   เขากระแทกลูกแก้วในมือยัดใส่ปากแม่ทัพปิศาจที่ถึงกับอึ้งแล้วปล่อยเขาร่วงลงกับพื้น  ก่อนจะยกมือขึ้นกุมคอแน่นแล้วสำลักถ่มมันออกมา



    “ ไอ้เด็กบ้า ” ควอร์ซิสยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่ย้อยหยดเป็นสายก่อนจะถ่มน้ำลายรดด้วยความเจ็บใจ

                                                                    ~Ж Ж=== ===Ж Ж~



    “ ท่านทอร์เรออนหัวเสียน่าดูเมื่อรู้ว่าท่านปล่อยเด็กนั่นไป ” ชายร่างสูงในชุดเกราะเหล็กพูดขึ้น  เขามีดวงตาคมเหมือนซิริอัสหากดูซื่อและเถรตรงกว่ากันมาก



    “ พ่อมดเฒ่านั่นก็ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ข้าทำสักครั้งอยู่แล้ว  ...ถึงเขาจะนับถือและเชื่อมั่นในคำทำนายของข้าก็เถอะ ” แมวเหมียวขนฟูสีอมส้มมอซอสะบัดหางอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโต๊ะสูง  มันกำลังแหงนหน้าชมจันทร์และหมู่ดาวที่ทอแสงริบหรี่อยู่บนยอดหนึ่งของหอคอยในปราสาท



    “ อย่าว่าแต่ท่านทอร์เรออนเลยท่านนักพยากรณ์  แม้แต่ตัวข้าเองยัง...  ทำไมท่านถึงสั่งห้ามไม่ให้ข้าติดตามฝ่าบาทหรือส่งใครไปอีกล่ะครับ...  จริงอยู่ว่าองครักษ์ทั้งสิบฝีมือไม่เป็นรองใครแต่ท่านก็ไม่น่าปล่อยพระองค์ไปแบบนั้น... ”



    “ อย่างนี้แหละดีแล้ว...  ให้พ่อคนหัวรั้นนั่นไปเอาเลือดเสียออกซะบ้างเผื่อว่าตื่นขึ้นมาอีกครั้งจะได้ตาสว่าง  ...แล้วเราก็ได้รู้กันล่ะว่าฟีเลเซียจะได้แต่งตั้งราชันย์องค์ที่สองหรือ...  แค่ปลงพระศพเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ”



    เพอร์เซสขยับตัวอย่างอึดอัด  เมื่อสบสายตามันวาวนิ่งสนิทดูไร้อารมณ์  ก่อนจะหยิบดาบข้างเอวที่ฝักเป็นเป็นสีดำสนิทรวมทั้งอัญมณีรูปดาบที่ประดับอยู่ขึ้นมา “ แล้ว...  ท่านแน่ใจแล้วหรือที่ฝากมันไว้กับข้า ”



    “ สิงห์ซ้ายเลือกวิถีของมันเองหาใช่ข้าไม่...  ดาบแกร่งย่อมรู้ว่าใครคือนายที่เหมาะสม  เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าดาบได้เลือกเจ้าแล้ว ”



    “ ท่านกำลังลองใจข้า... ”



    “ สิงห์ซ้ายต่างหากที่ลองใจเจ้า ...เช่นเดียวกันกับสิงห์ขวาที่กำลังเล่นตลกอยู่กับโชคชะตาต้องสาป  ...แต่ข้าล่ะสงสัยจังเลยว่าเจ้าหนูลูกครึ่งจะทำยังไงถึงปลุกจอมขี้เกียจระดับพระกาฬอย่างเจ้านั่นให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ”



    ดาวตกดวงหนึ่งพุ่งข้ามผืนฟ้าสีหมึกทิ้งประกายแสงสีจางไว้เป็นสาย  แมวเหมียวสะบัดหางเป็นวงอย่างพึงใจอีกครั้ง  ในขณะที่ร่างที่ยืนเคียงข้างแอบถอนหายใจเบาๆ  แล้วถอยฉากออกไปเงียบๆ

                                                                                                            ~Ж Ж=== ===Ж Ж~



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×