ประวัติ หลวงพ่อโต วัดบางพลี จากปาฏิหารย์ สู่ศรัทธาแห่งธรรม เรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ปัจจุบันใครที่อยากจะขอพร ไปขอพร ขอเลขเด็ด ขอหวย ขอโชคลาภ กับท่านแล้วจะสมหวังแทบทุกราย ใครมีโอกาสได้ไปจังหวัดสมุทรปราการ อย่าลืมไปกราบขอพร หลวงพ่อโต วัดบางพลี กันด้วยนะคะ

ในตรงนี้จะพูดถึงเพียงแต่หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นเลิศในพระสามลูกพี่ลูกน้องเพียงแค่นั้น ในขณะที่จริงแล้วพุทธรูปทุกองค์ ที่พูดถึงมาแล้วนั้น ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์ ได้รับความเคารพนับถือเลื่อมใสเลื่อมใสจากราษฎรมากมายทั้งหมด
คนเฒ่าคนแก่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย ซึ่งท่านพวกนั้นก็ได้ฟังมาจากบรรพบุรุษเล่าให้ฟังต่อๆกันมาว่า มีพุทธรูป ๓ องค์ ที่สร้างโดยญาติพี่น้องสามคน คนโตกำเนิดวันพุธสร้างพระปางอุ้มบาตร คนกลางกำเนิดวันพฤหัสสร้างพระปางสมาธิ คนสุดท้อง สร้างพระปางมารวิชิต ลอยตามน้ำมา ซึ่งคาดว่านำมาใส่แม่น้ำเพื่อหลบเมียนมาร์ หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างการลำเลียงทางแม่น้ำ (บางคำกล่าวบอกว่ามีพระญาติชาย ๓ องค์ อยู่ทางภาคเหนือแสดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ขว้างฏิหารย์ ลอยล่องมาตามแม่น้ำ จากทางทิศเหนือ เรื่อยๆมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา) ท้ายที่สุดมาผุดขึ้นใน แม่น้ำบางปะกงในที่ตำบลหนึ่ง แล้วก็แสดงขว้างฏิหารย์ลอยทวนกระแสน้ำให้ประชากรมองเห็นทั้งยัง ๓ องค์ สามัญชนแถบนั้นต่างพร้อมใจกัน นิมนต์เอาเชือกลูกพรวนมนิลาลงไปผูกมัดที่องค์หลวงพ่อทั้งยัง ๓ แล้วช่วยเหลือกันฉุดดึงขึ้นบกด้วยปริมาณผู้คนราว ๕๐๐ กว่าคนก็ผลักขึ้นมิได้ เชือกขนาดใหญ่ที่ผูกองค์หลวงพ่อ ๓ ก็ขาดผลักไม่เป็นผลสำเร็จตามความจำนง ต่อจากนั้นหลวงพ่อสามองค์ก็จมน้ำหายไปซึ่งๆหน้าคนทั้งผอง สถานที่พุทธรูปอีกทั้ง ๓ องค์ ได้ลอยทวนน้ำมานั้นเลยมีชื่อเสียงว่า “ตำบลสามพระทวน” แต่ว่าถัดมากลับเรียกว่า สัมปทวน อาทิเช่นแม่น้ำหน้าวัดสมปทวน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทุกๆวันนี้ ภายหลังพุทธรูป ๓ องค์ ก็ลอยละล่องตามแม่น้ำบางปะกง เลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งใต้วัดโสธร แสดงปาฏิหาริย์ผุดขึ้นให้ราษฎรบางนั้นมองเห็น ประชาชนได้ช่วยเหลือกันนิมนต์ ผลักขึ้นบกลักษณะเดียวกันกับชาวสัมปทวน แต่ว่าก็ไม่เป็นผลสำเร็จหมู่บ้านบางนั้นก็เลยขึ้นชื่อว่า บางพระ มาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แล้วต่อจากนั้นพุทธรูป ๓ องค์ก็ลอยล่องทวนน้ำขึ้นมาถึงและก็ลอยวนอยู่ที่ศีรษะเลี้ยว ตรงกองพันทหารที่เป็นช่างที่ ๒ ปัจจุบันนี้ สถานที่พุทธรูป ๓ องค์มาลอยวนอยู่นั้นก็เลยเรียกกันว่า แหลมหัววน และก็ได้จมน้ำหายไปต่อจากนั้น พุทธรูปองค์พี่ใหญ่ ได้แสดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ปฏิหาริย์ ล่อยลอยไปผุดขึ้นที่ลำธารแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ราษฎรคนหาปลานิมนต์ขึ้นได้ รวมทั้งตั้งเป็นมิ่งขวัญอยู่ที่วัดบ้านแหลมพวกเราเรียกว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม เวลานี้เป็นแท่นบูชาเชื่อถือกันว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์เท่ากับหลวงพ่อโสธร ส่วนองค์สุดท้องได้แสดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ขว้างฏิหารย์ ลอยล่องไปผุดขึ้นที่ปากคลองสำโรง ประชาชนแถบนั้นได้นิมนต์ขึ้นแพใช้เรือพายลายลาก อธิษฐานว่าจะขึ้นเป็นมิ่งขวัญที่แห่งไหน ก็ขอให้แพนั้นควรหยุดคงที่ แล้วล่องมาตามลำลำคลองแพนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบางพลีก็ได้นิมนต์เชิญขึ้นติดตั้งอยู่หนวัดบางพลีใหญ่ใน ก็ปรากฏว่ามีผู้คนนับถือเลื่อมใสจำนวนมากเสมอกับ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม แล้วก็หลวงพ่อโสธร ส่วนพุทธรูปองค์กึ่งกลางเป็นหลวงพ่อโสธร เมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววน ดังที่กล่าวผ่านมาแล้วแล้ว ก็มาผุดขึ้นที่ท่าหน้าวัด โสธร พูดกันว่าพสกนิกรเยอะมากๆทำฉุดดึงขึ้น โดยได้มีคุณครูผู้รอบรู้ทางไสยเวท ประพฤติตามพิธีกรรมอันถูก แล้วเอาด้านด้ายสายสิญจน์เกี่ยว กับพระมือหลวงพ่อโสธรเชิญขึ้นมาบนฝั่ง เอามาตั้งในวิหารเสร็จตามความมุ่งมาดปรารถนา และก็จัดให้มีการสังสรรค์สมโภช และก็ให้นามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อโสธร องค์หลวงพ่อโสธรจริงๆนั้นในยุคที่ลอยล่องน้ำมาเดิม เป็นพุทธรูปที่หล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางสมาธิ หน้าตักกว้างโดยประมาณ ๑ ศอกเศษ ทรงสวยมากมาย ถัดมาสงฆ์ในวัดมีความเห็นว่ากาลถัดไปวันข้างหน้าฝูงชนที่มีตัณหา รวมทั้งความมักมากแรงกล้ามีอัธยาศัย เป็นบาปทะลึ่งไม่มีความนับถือเลื่อมใส จะนำไปมีคุณประโยชน์ส่วนตัวจะไม่เป็นการไม่เป็นอันตราย ก็เลยพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มห่อองค์จริงเอาไว้ในดังปรากฏที่มองเห็นในขณะนี้
ความคิดเห็น