ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEXY! Billionaire 'CHANBAEK FT. HH♡

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAP. IX ϟ friends, enemies

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.32K
      8
      11 พ.ย. 57




    เพื่อนไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหน้าตาดีหรูหราใช้ของมีราคา

    หากแต่สิ่งที่เพื่อนจำเป็นต้องมีคือ ' ความจริงใจ '

    ไว้ใจคนผิดชีวิตอาจจะพลาดเหมือนตายทั้งเป็น

     

    ----------------------------------------------------

    C H A P T E R  8

     

     

     

                ‘ขอเที่ยวให้ลืมโลกก่อนละกันค่อยกลับมาจัดการปัญหาชีวิตต่อ

     

     

                ลู่หานวางแพลนเที่ยวสามวันที่ปูซานไว้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการตะลอนกินอาหารขึ้นชื่อเล่นน้ำทะเลจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ หลากหลายกิจกรรมที่คิดจะทำส่งท้ายชีวิตเด็กมหาลัย โดยไม่คิดเลยว่าสามวันนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

     

                ถึงแม้จะไม่ได้สนใจใครมากเป็นพิเศษก็ตามหากแต่ความจริงแล้วลู่หานและคยองซูก็นับว่าเป็นที่นิยมเงียบๆ ในกลุ่มผู้ชายหลายคนอยู่มาก ผู้หญิงก็มีหากแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรังสีเขม่นไปซะอย่างนั้น

     

     

                ติดแต่ตรงจะชอบทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลาจะยิ้มก็ต่อเมื่ออยู่กับคยองซูเพียงเท่านั้นจึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ามาทำความรู้จักมากนัก หากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนคบเลย คนเรายังไงก็ต้องมีสังคมเป็นของตัวเอง

     

     

                ลู่หานมีเพื่อนในสโมสรนักเรียนจีนในเกาหลีอีกกลุ่มหนึ่งนอกจากคยองซูที่ตัวแทบจะติดกันตลอดทั้งวันหากแต่นานๆ ครั้งถึงจะได้พบปะสังสรรค์กัน จะไม่ให้นานๆ ครั้งได้ยังไงกันล่ะในเมื่อ ..

     

     

                ท่าทางไม่น่าไว้ใจ เลิกคบเหอะลู่หาน

     

     

                คยองซูเคยพูดอย่างเอาแต่ใจจนลู่หานถึงกับส่ายหัวให้กับเพื่อนอย่างขำๆ แปลกที่คนเข้ากับคนง่ายอย่างเพื่อนตัวเล็กของเขากลับไม่ชอบพวกนี้จนเข้าขั้นรังเกียจไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ ลู่หานรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะฐานะหรืออะไรหรอก ความถูกใจชะตาล้วนๆ

     

     

     

                คนกลางอย่างเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจาก ..

     

     

                เอาน่า ฉันจะไม่สนิทกับพวกนั้นเท่านายหรอก” ถ้าให้เลือกยังไงเขาก็ต้องเลือกเพื่อนตายอย่างคยองซูที่มีเพียงคนเดียวมากกว่าพวกเพื่อนกินเป็นโขยงเหล่านั้นอยู่แล้ว

     

     

                “เรียนจบทั้งที ไปทะเลกันเถอะเสียงเพื่อนผู้ชายชาวจีนคนหนึ่งที่เข้ามากอดคอเอ่ยดังขึ้นมา

     

     

                ห้ามปฏิเสธนะโว้ย นายไม่เคยไปสังสรรค์กับพวกเราเลยสักครั้ง” น้ำเสียงขู่เข่นของเพื่อนทั้งกลุ่มกดดันลู่หานจนตัวต้องพยักหน้าตอบให้ไม่ได้ ..

     

     

                แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนบอกคยองซูได้ล่ะเนี่ย

     

     

                จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องบอกคยองซูจนได้กว่าจะต้องกลั้นใจเอ่ยปากพูดอีกทั้งงอนง้อนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยให้ตายเถอะ นี่เพื่อนหรือเมีย .. แต่ยังไงเขาก็รู้สึกดีนะเพราะรู้ว่าที่คยองซูเป็นอย่างนี้ก็เพราะเป็นห่วง พวกเพื่อนคนจีนหน้ามันก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วว่าไว้ใจไม่ได้

     

     

                หากแต่คงไม่กล้าทำอะไรเขามากหรอกมั้ง .. อย่างน้อยก็คงแค่เล่นแผลงๆ

     

     

                ผ่านด่านคยองซูมาได้แล้วหนึ่งเหลือก็แค่ลางานกับพี่แบคฮยอนก็เป็นอันเสร็จสรรพ

     

     

                เกิดเป็นลู่หานนี่เหนื่อยจริงๆ !

     

     

     

     

     

              Byun Café

              9.00 AM

     

     

     

                กรุ๊ง กริ๊ง

     

                " ยินดีอีกครั้งนะลู่หานเรียนจบซะที " แบคฮยอนยิ้มทักทายเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นใครก่อนจะเดินนำเค้กชิ้นเล็กๆ ตกแต่งอย่างน่ารักมอบให้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มขายแบคฮยอนทำเพื่อลู่หานโดยเฉพาะอยู่แล้วโอกาสพิเศษทั้งที

     

     

                " โอ้โห ใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับ " ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างน่าเอ็นดู แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะย้ำแล้วย้ำอีกให้ทานให้หมดเพราะเขาตั้งใจทำสุดฝีมือเลยทีเดียวเป็นเค้กใหม่ที่ยังไม่ได้เอามาวางขาย

     

     

                " แหน่ะ จะให้ผมเป็นหนูทดลองล่ะสิ "

     

     

                " จะว่างั้นก็ได้นะ ฮ่าๆ แล้วนี่เรียนตจบแล้วจะเอายังไงต่อไปหืม " แบคฮยอนหยอกล้อกับลูกจ้างที่เปรียบเสมือนน้องอย่างเป็นกันเองก่อนจะถามถึงอนาคตอีกฝ่าย

     

     

                " ก็คงจะหางานไปเรื่อยๆ แหล่ะครับนี่ก็ยื่นไปแล้วหลายที่ พี่จะไล่ผมออกแล้วหรอ!!! " ลู่หานแบะปากทำท่าจะร้องไห้ปลอมๆ ใส่แบคฮยอน

     

     

                " ใครจะไล่ลงล่ะพนักงานดีเด่นแบบน้หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน แค่จะบอกว่าระหว่างรอเขาติดต่อกลับว่างๆ มานี่ก็ได้ " แบคฮยอนว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ลู่หาน

     

     

                " เพราะพี่ใจดีอย่างนี้สิน้าถึงได้เป็นขวัญใจเด็กมหาลัยแถวนี้ ว่างๆ ผมจะมาช่วยนะแต่วันอาทิตย์ต้องไปเที่ยวทะเลกับพวกเพื่อนที่สโมสรก่อนสัญญาเอาไว้แล้ว อย่าตัดเงินเดือนผมนะ ฮ่าๆ " ลู่หานพลางยู่ปากน่าหมั่นเขี้ยว

     

     

     

                " เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย ไปกี่วันน่ะเตรียมของไปให้ครบนะหาซื้อแถวนั้นแพงจะตายไป " แบคฮยอนก็คือแบคฮยอนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายยังคงเป็นพี่ที่ใจดีคอยเป็นห่วงน้องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย

     

     

                " สามวันเองครับไม่ต้องเป็นห่วง กลับมาก็ต้องหางานทำต่อละแย่จริงๆ " ว่าพลางก็ส่ายหัวให้กับสิ่งที่ต้องกลับมาเจอหลังจากไปเที่ยวจนอิ่มหน่ำ

     

     

                " เอาน่าอยู่ว่างๆ ก็มาทำงานกับพี่ก่อนไง ไปเที่ยวกับเพื่อนอีกกลุ่มคยองซูไม่น้อยใจแย่รึไง " แบคฮยอนรู้ดีว่าคยองซูหวงเพื่อนเพียงคนเดียวอย่างลู่หานขนาดไหนถึงกับแปลกใจเมื่อได้ยินลูกจ้างตัวเองบอกว่าขอลาไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มอื่น

     

     

                " ไปทัวร์ยุโรปกับครอบครัวเขาแหล่ะครับอีกเดี๋ยวก็จะไปเรียนอังกฤษแล้ว "

     

     

                " ไม่เหงาแย่หรอไงเราปกติดตัวติดกันจะตายไป "

     

     

                " ก็คงไปแหล่ะครับมีพี่จงอินไปด้วยค่อยหายห่วงหน่อย " ลู่หานตอบไปยิ้มไปพูดก็พูดเถอะคบกันมาตั้งสี่ปีพอรู้ว่าต้องแยกกันไปคนละซีกโลกแล้วก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ คยองซูเป็นลูกคุณหนูถูกเลี้ยงดูแบบประคบประงมมาตั้งแต่เด็กๆ จึงค่อนข้างน่าเป็นห่วงปกติมีอะไรเขาก็คอยจัดการให้ตลอดแต่ถ้าตอนนี้มีคนคอยดูแลอย่างจงอินแล้วเขาก็หายห่วงไปได้เปราะหนึ่งแหล่ะนะ

     

     

                มักจะมีคนถามลู่หานอยู่เสมอๆ ว่าไม่คิดจะลองไปกับคยองซูหรอ ให้สอบทุนก็คงสอบได้อยู่แล้ว เขาเองก็เคยคิดนะหากแต่ลองคำนวณค่าใช้จ่ายดูแล้วถึงแม้จะได้ทุนแต่ค่ากินค่าอยู่ก็คงต้องออกเองอยู่ดี ค่าใช้จ่ายบานเบอะตั้งแต่เริ่มคิดเลยทีเดียวเขาจะบากหน้าที่ไหนไปขอเงินแม่ล่ะสู้เก็บเงินเองไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์รอไปก่อนถึงเวลาทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายคนตัวเล็กคิดแบบนั้น ..

     

     

     

     

     

     

                ลู่หานจัดกระเป๋าเตรียมข้าวของเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดผนัง ก่อนจะรีบกุลีกุจรตามหาโทรศัพท์เพื่อโทรไปหาคยองซูที่ป่านนี้ต้องงอนตุบป่องไปแล้วแน่นอน และก็เป็นดังคาดเสียงแว้ดตามสายดังมาจนมือเล็กต้องคว้าโทรศัพท์ออกห่างชั่วคราว

     

     

                ( นายนี่นะ! ใจร้ายเกินไปแล้วนอกจากจะไม่มาส่งยังจะไม่โทรมาบอกลาอีก ถ้าฉันตกเครื่องบินตายไปนายจะเสียใจ!!! )

     

     

                “ใครให้พูดแบบนี้ ตีปากเลยนะ”

     

     

                ( เอานั่นแหล่ะ มัวแต่ทำอะไรอยู่ล่ะช้าชะมัดเลย นี่รู้มั้ยพี่เซฮุนเบี้ยวฉันอีกละบอกว่าติดประชุมกลายเป็นฉันต้องไปกับคุณแม่แค่สองคน.. )

     

     

                คยองซูยังคงบ่นไม่หยุดปากตั้งแต่เริ่มรับสาย อาจจะเนื่องด้วยสาเหตุหนึ่งคือเขาทำตัวน่าหงุดหงิดอย่างที่เจ้าตัวบอกแต่อีกสาเหตุคงจะเป็นพี่ชาย ที่จู่ๆ ก็ดันเบี้ยวบอกจะตามไปทีหลังเพราะติดเรื่องธุรกิจอะไรสักอย่าง เล่นเอาคยองซูถึงกับบ่นเป็นหมีน้อยกินผึ้ง

     

     

                เมื่อสายการบินประกาศดังเรียกในที่สุดคยองซูก็จำต้องวางสายไป โดยก่อนวางก็ได้กำชับลู่หานเสียดิบดีราวกับจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นเดือน ทั้งๆ ที่ก็ไปเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น

     

     

                ( ถึงแล้วเฟซไทม์มาหาด้วยฉันจะหาเน็ตที่นั่นรอ ห้ามลืม!)

     

     

                ใบหน้าหวานถึงกับหัวเราะออกมา เขานึกหน้าคยองซูจ้องหน้าตัวเองออกเลยล่ะ.. ดุอย่างกับเสือ












    50%
     

    - - -  t r u s t m e  - - -

     

     

     

     

     

     

                ลู่หานหอบหิ้วสัมภาระอันน้อยนิดของตัวเองมารอก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยไปเที่ยวโดยไม่มีคยองซูเลยสักครั้งนี่คงจะเป็นการเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มอื่นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่เรียนมา

     

     

                เมื่อเลยเวลานัดไปประมาณสิบห้านาทีเพื่อนหลายคนก็เริ่มทยอยกันมาสองสามคนจนในที่สุดก็ครบ ในขณะกำลังขึ้นรถจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าที่ลู่หานไม่รู้จักแต่กลับทักทายคนอื่นทั่วทั้งรถอย่างสนิทสนมตามมาสมทบอีกสองสามคน แม้จะค่อนข้างไม่ชอบใจเพราะเพื่อนๆ รับปากกันไว้แล้วว่าจะมีแต่พวกเขากันเองหกเจ็ดคน

     

     

                แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีหากเขาจะถามมากซอกแซกอะไรในตอนนี้ ..

     

               

                แม้จะไม่ค่อยคุ้นหน้าในมหาลัย หากแต่ลู่หานกลับมองโลกในแง่ดีคิดไปว่างเพราะเอาแต่ตัวติดกับคยองซูเกินไปเขาเลยไม่ค่อยรู้จักใครนัก .. ด้วยความเหนื่อยอ่อนที่ไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่นักเมื่อคืนทำให้ลู่หานผล็อยหลับไปในทันทีหลังจากที่รถออกได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

     

     

                รถเคลื่อนตัวไปได้ไม่ไกลออกนักก็เลี้ยวหัวออกนอกเมือง ซึ่งเป็นคนละทิศกับจุดหมายที่เหล่าบรรดานักศึกษาจบใหม่ต้องการจะไป ทุกคนรู้ดีว่าจุดหมายที่แท้จริงคือที่ไหนจึงได้แต่มองหน้ากันเงียบๆ เว้นก็เพียงแต่ลู่หาน .. ที่ไม่รู้เลยอะไรสักนิด

     

     

                " โทษทีนะลู่หาน พวกฉันจำเป็นจริงๆ " เสียงพูดเบาๆ ทำเอาลู่หานสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเล็กน้อยเขาไม่เคยชินกับการนอนท่ามกลางผู้คนเยอะๆ จนตื่นขึ้นมาเอาซะง่ายๆ เมื่อทุกคนเห็นคนที่งัวเงียทำท่าจะตื่นจะรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว

     

     

                ลู่หานรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสังเกตโดยรอบกลับไม่พบอยู่บนรถไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนขับรถ สีหน้าคนตัวเล็กเริ่มไม่ค่อยสู้ดีกับลางสังหรณ์แปลกๆ เมื่อมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างกลับพบเพื่อนที่ค่อนข้างรู้จักดีกำลังคุยกับคนแปลกหน้าที่นั่งติดรถมาด้วยอย่างเคร่งเครียด

     

     

                นี่มันอะไรกัน?

     

     

                มือเล็กเริ่มดึงประตูรถหากแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงลองพยายามเคาะกระจกเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนด้านนอก หากแต่ไม่มีคนสนใจเลยสักนิดทั้งๆ ที่เสียงก็ไม่ใช่เบาๆ ..

     

     

                ไม่สิ!

     

     

                ลู่หานสบตาเข้ากับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง .. หากแต่เขาคนนั้นกลับรีบหันหน้าไปทางอื่นทันทีทำราวกับไม่เห็น ไม่จริงน่า นี่มันอะไรกันเขางงไปหมดแล้ว

     

     

                ผ่านไปไม่ถึงสองนาทีคนแปลกหน้าหน้าตาหน้ากลัวทั้งสองและคนขับรถก็ขึ้นรถมาทันทียิ้มทักทายลู่หานอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกตัวรถ ..

     

     

                “แล้วคนอื่นล่ะ!!!” เสียงเล็กตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจดวยสีหน้าตระหนก

     

     

                เดี๋ยวก็ตามมาเองแหล่ะน่า นอนซะ” คนแปลกหน้าคนแรกที่นั่งข้างรถขับรถว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทางข้างหน้า

     

     

                ไม่! พวกเขาไปไหน

     

     

                “เอ๊ะ บอกให้นอนสิ” เริ่มหันมาทำท่าทางหงุดหงิดใส่จนลู่หานสะดุ้งตกใจ เมื่อเจออย่างนี้มันทำให้ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก ..

     

     

                “พวกนายกำลังจะพาฉันไปไหนกันแน่!!!” คนตัวเล็กว่าอย่างไม่ยอมแพ้ถามย้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนในที่สุดคนแปลกหน้าอีกคนหันไปพูดกับเพื่อนด้านหน้าด้วยท่าทางรำคาญสุดจะทน

     

     

                บอกแม่งไปเหอะ รำคาญ”

     

     

                “พวกนั้นมันเอาแกมาแลกพนันบอล เข้าใจแล้วก็หุบปากซะ”

     

     

                “ฮะ? อะไรนะไม่จริง พวกนั้นไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ฉันจะแจ้งตำรวจ!” คำพูดข่มขู่ของลู่หานกลับเรียกเสียงหัวเราะอันแสนน่ากลัวของคนทั้งคันรถได้เป็นอย่างดี แจ้งตำรวจงั้นหรอ น่าขำสิ้นดี

     

     

                “เพื่อนแกเลวได้ยิ่งกลัวนี้อีกมันทำบ่อยจะตายไป สงบสติอารมณ์ซะ”

     

     

                “ไม่ ไม่จริง ปล่อย ปล่อยสิโว้ย ปล่อยนะ ปล่อยยยยยยยยยย!!!!

     

     

                ลู่หานดิ้นไปดิ้นพยายามหาทางเอาตัวรอดทำแม้กระทั่งแอบหนีไปตอนรถหยุดเติมน้ำมันจนในที่สุดพวกชั่วสองคนนั้นทนไม่ไหวจัดการนำเชือกที่อยู่ท้ายรถมามัดแขนมัดขาของลู่หานพร้อมกับนำผ้ามามัดปากไว้จนแน่นไปหมด

     

     

                “หมดฤทธิ์สักที ตัวแค่นี้แรงเยอะชิบหาย !!!!”

     

     

                เมื่อมองไม่เห็นหนทางรอดของตัวเอง คนตัวเล็กก็ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเขาน่าจะเชื่อคยองซูว่าเพื่อนพวกนั้นมันไม่น่าไว้ใจ ถึงแม้จะไม่สนิทกันมากแต่ลู่หานก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะกล้าเอาเขามาขายแบบนี้ โลกมันโหดร้ายเกินไปจริงๆ คำว่ามิตรภาพคงมาหลังคำว่าเอาตัวรอดซะล่ะมั้ง

     

     

                แล้วชีวิตเขาต่อไปนี้จะเจออะไรบ้าง

     

     

                คิดถึงคยองซู ได้โปรดช่วยฉันด้วย ..

     

     

                แม้จะรู้ว่าโอกาสแทบจะเป็นศูนย์ แต่เขาก็อดหวังไม่ได้จริงๆ

     











    100 แล้วจย้า

    #ฟิคเชื่อใจ


    M

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×