ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กามเทพเบี่ยงรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      15
      6 ก.ย. 56


     



    ตอนที่ 6

     

    ฉันฉีดยากันบาดทะยักให้แล้ว

    หมอเจ้าของไข้เอ่ยบอกเพื่อนสนิทขณะจรดปากกาเขียนข้อมูลลงในแฟ้มประวัติผู้ป่วย แอบเผลอแวบไปมองใบหน้าซีดที่เห็นชัดว่าคงเพลียจัดจนงีบหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะฉีดยาและทำแผลที่บนเตียงคนไข้อยู่ชั่วครู่ แล้วก็ก้มหน้าลงไปจดอะไรขยุกขยิกอีกเล็กน้อย แผลลึกเอาการคนพูดเสียบแฟ้มที่เขียนเสร็จเข้าที่ แล้วเดินมายังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโซฟาที่ไว้สำหรับนั่งเฝ้าไข้ในห้อง ร่างสูงในชุดเสื้อการ์ดหยุดยืนพิงผนัง มือทั้งสองข้างกอดอก สีหน้านั้นจ้องเขม็งไปยังเป้าหมาย

    ถามจริง นายไปทำอีท่าไหน คุณปลายถึงได้ถูกกระเบื้องบาดลึกซะขนาดนี้

    ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียงที่นิ่งเรียบเอ่ยขึ้นค่อนข้างเบา เพราะไม่อยากให้เสียงสนทนานั้นดังรบกวนคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง

    แล้วใครทำ

    ไม่รู้คนตอบส่ายหน้า ฉันยังไม่ได้ถาม เธอเพลียจนหลับไปก่อน

    ปลายนภาเผลอหลับไปตอนไหน เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต สีหน้าซีดเซียวที่เห็นขณะที่เขากำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธอนั้นทำให้เขาไม่อยากเสียเวลามาตั้งข้อซักถามกับเธออีกต่อไป  ร่างที่อ่อนปวกเปียกซบอยู่บนไหล่ไร้แรงขัดขืนไม่เป็นเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอจะพยายามเลี่ยงและจงใจทิ้งระยะห่างของความใกล้ชิดระหว่างสามีภรรยาให้ได้เห็น ดวงตาของเธอที่สะท้อนสบมาขณะที่เขาอุ้มเธอขึ้นรถนั้นดูว่างเปล่าจนเขาต้องรีบบึ่งรถมายังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถ้าช้ากว่านี้เลือดที่ไหลไม่หยุดนั้นอาจจะส่งผลอันตรายต่อตัวคนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นได้

    หมอเจ้าของไข้พยักหน้าแล้วก็ถอนหายใจ เสียเลือดไปเยอะพอสมควร โชคดีที่นายห้ามเลือดไว้ก่อนมา ไม่งั้นคงอันตรายมาก

    คนฟังพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย

             คืนนี้จะให้ใครมาเฝ้าดี พยาบาลเวรไหมหยุดพูดไปเล็กน้อยพร้อมกับแอบจับปฏิกิริยาของคนฟังอย่างเงียบๆ แต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่พูดอะไร หรือว่านายจะเฝ้าเอง

              คนถูกถามหันไปมองที่เตียงคนไข้แวบนึง เหมือนกำลังใช้ความคิด

    คืนนี้คงต้องคอยดูอาการอีกหน่อยหมอเจ้าของไข้รีบเอ่ยชี้แจง อาจจะมีไข้เพราะแผลคงจะเริ่มระบม

              อีกครั้งที่คนฟังพยักหน้าเพื่อบอกว่าตนรับรู้ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากอดิรุธ

              ดนัยเห็นท่าทีที่ตกอยู่ในความภวังค์ลึกของเพื่อนแล้วก็นิ่วหน้า ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเรียบนิ่งจนยากเกินที่เขาจะจับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ ดนัยอดนึกในใจ ห่วงหรือเปล่าวะ...หรือว่าไม่รู้สึกอะไร? ถ้าไม่ห่วง ทำไมต้องตัดสินใจนาน แต่ถ้าห่วง...ท่าทางที่แสดงออกก็ไม่น่าดูเหินห่างเย็นชาจนชัดเจนซะขนาดนั้น

    ให้พยาบาลเวรมาเฝ้าแล้วกันหมอเจ้าของไข้ตัดสินใจแทน นายจะได้พักผ่อนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีประชุมคณะแพทย์แต่เช้า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู สามทุ่มตรง สามทุ่มแล้ววะ ไปพักเถอะ เดี๋ยวเรื่องคนเฝ้าฉันจัดการให้

    ร่างสูงยืนขึ้นพร้อมกับแปรเปลี่ยนสายตากลับมาที่คนเป็นเพื่อน ไม่เป็นไรเสียงเอ่ยนั้นเรียบนิ่ง อาจจะค้างที่นี่

              ดนัยหูผึ่ง ที่นี่เสียงที่เอ่ยย้ำนั้นมีแววแปลกใจ ห้องนี้หรือว่า…”

    ห้องพักแพทย์

              อืม...ดนัยรับทราบ พร้อมกับแอบส่ายหน้ากับคำตอบที่ได้ยิจากอดิรุธ

              กลับไปนอนบ้านไม่สบายกว่าหรือไงดนัยถามหยั่งเชิง วันนี้นายยังไม่ได้นอนเลยนี่อดิรุธเพิ่งทำการผ่าตัดคนไข้รายด่วนเมื่อคืนจนถึงตอนเช้าของวันนี้ ยังไม่ได้พักก็ต้องออกไปนั่งคุยงานที่ร้านกาแฟเจ้าประจำเพื่อพูดคุยรายละเอียดสำหรับการประชุมทีมแพทย์ของเช้าที่จะถึงนี้ ประจวบเหมาะเจอปลายนภากับสองหนุ่มแต่ใจสาวอย่างหนูติ๋งและหนูต่อที่นั่นพอดี ก็เลยจำเป็นต้องนั่งคุยกันอยู่สักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไป เขาเป็นสารถีขับรถไปส่งหนูติ่งและหนูต่อที่บ้านชีวกิตร เพราะทั้งสองสาวสั่งการมาว่า ให้ไปส่งที่นั่น มีเรื่องจะเมาส์กับลูกสาวเจ้าของบ้าน ส่วนอดิรุธและปลายนภาก็นั่งรถกลับไปที่บ้านอีกหลังที่เป็นเรือนหอของทั้งสองคน  พอตอนหัวค่ำก็เห็นร่างสูงของอดิรุธอุ้มร่างบางที่หมดสติของปลายนภาเข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน เขาที่กำลังเข้าเวรดึกอยู่จึงถูกเรียกตัวให้มาดูแลโดยอัตโนมัติ เมียผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเจ็บทั้งที...แพทย์ที่เป็นลูกจ้างอย่างเขาต้องรักษาอย่างสุดเต็มความสามารถเป็นพิเศษ

              อย่าเป็นห่วงไปเลย ฉันจะดูแลคุณปลายอย่างดีที่สุด หมอเจ้าของไข้รับปากแข็งขัน

              ฉันนอนที่นี่เพราะมีประชุมเช้าประโยคนั้นเอ่ยบอกเหตุผลทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น

              ดนัยเลิกคิ้ว ฉันไม่ได้อยากรู้เหตุผลของนายเล้ย แบบนี้เขาเรียกว่าร้อนตัวนี่หว่า

              เสร็จธุระแล้วก็ไปดูคนไข้คนอื่นเถอะอดิรุธไล่ดื้อๆ ทำเอาหมอหนุ่มถึงกับหน้าเหวอ

              โอ้โห...พอหมดค่าก็ไล่กันเลยนะครับท่าน

              คนไข้คนอื่นไม่มีหรือไง

              เจอคำพูดนั้นเข้าดนัยถึงกับหลุดขำ อ่อ...ครับๆ สุดแล้วแต่ท่านเถอะครับ เชิญท่านเฝ้าภรรยาตามสบายครับท่าน ผมไม่อยู่เป็นก้าง เอ๊ย!...ไม่รบกวนท่านแล้วครับโค้งตัวทำทีท่าเคารพให้กับคนที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาล

              คนเจ็บจะได้พักผ่อนอดิรุธแย้งสีหน้าขรึมจัด

    สีหน้าคนที่กำลังก้าวไปยังประตูทางออกเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยบางอย่าง

              ท่านเป็นห่วงเขาหรือวะดนัยอดไม่ได้ที่จะแหย่คนที่ยืนตีหน้าขรึมอยู่กลางห้อง แต่พอได้ยินคำพูดโต้ตอบกลับมา...

              ถ้าขืนยังไม่ไป พรุ่งนี้ในที่ประชุม ถ้านายเสนออะไรมา อย่าหวังว่าฉันจะอนุมัติให้ผ่าน

              เฮือก! ...แค่เท่านั้นแหละ ร่างสูงของดนัยรีบตรงดิ่งออกไปจากห้องคนไข้แทบจะทันที

                         

              เดินออกมาจากโซนห้องคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาลไม่เท่าไหร่ สายตาที่ไวของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างโปร่งที่กำลังเดินดิ่งตรงมายังทางที่เขาหยุดยืนอยู่

              โชคดีที่ตรงจุดที่ยืนอยู่มีตู้บริการน้ำดื่มฟรี ดนัยหันควับเข้าตู้กดน้ำ หยิบกรวยกระดาษกดน้ำขึ้นมาดื่ม ดึงเวลาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสาวงามในชุดผ่าตัดสีเขียวเต็มเซตที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แอบแวบไปมองก็เห็นว่าร่างบางนั้นเดินผ่านเขาไปอย่างง่ายดาย ไม่มีทีท่าแม้แต่จะสายตาแลมาที่เขาเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกเสียหน้าเกิดขึ้นฉับพลัน...

              เดี๋ยวก่อน คุณปาวิการณ์!”

              คนถูกเรียกชื่อหยุดเท้า แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา

    นั่นคุณจะไปไหนเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายนั้นดี ขณะที่สายตาก็กวาดสำรวจการแต่งกายของคุณหมอสาวตรงหน้าอยู่เงียบๆ หมออยุรกรรม ทำไมมาใส่ชุดหมอผ่าตัด

              ปาวิการณ์พ่นลมหายใจ แล้วหันกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

    คุณจะรู้ไปทำไม

    ก็ถ้าหากคุณจะไปเยี่ยมพี่สาวคุณ ผมจะได้บอกไว้ก่อนเลยว่า พรุ่งนี้ค่อยมาน่าจะดีกว่าหมอหนุ่มอธิบายต่อ ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับคุณ คุณเองก็เป็นหมอ ทำไมไม่รู้

    คำอธิบายธรรมดาๆ แต่ปาวิการณ์กลับรู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้า

    ทำไมฉันจะต้องฟังคุณ คุณมีสิทธิ์อะไร!”

    คนไข้ของผมจำเป็นต้องพักผ่อน มากๆคำหลังเน้นย้ำเป็นพิเศษ

    อ้อ...ทีนี้ปาวิการณ์รับรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของไข้พี่สาวตนเอง รู้สึกเบาใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าพี่สาวอยู่ในการดูแลของผู้ชายคนนี้ ท่าทีนิ่งขรึมของคนตรงหน้าทำให้ปาวิการณ์ชั่งใจอยู่แปบนึง สักพักก็เอ่ยขึ้น พี่ปลายเป็นอะไรมา เห็นพวกพยาบาลที่หวอดบอกว่าเลือดอาบไปทั้งตัว เกิดอะไรขึ้นทันทีที่ออกมาจากห้องผ่าตัด เธอก็รีบแจ้นข้ามตึกมาทันที ใจที่ร้อนรุ่มเป็นห่วงพี่สาวทำให้เธอมาทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดผ่าตัดที่ใส่อยู่ แม้แต่ผ้าปิดปากนั้นก็ยังไม่ได้ถอด

    คนถูกถามกลับหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินจากคนตรงหน้า

    แค่เท้าถูกกระเบื้องบาด คงไม่หนักขนาดที่เลือดออกท่วมตัวหรอกครับคุณหมอ

    ปาวิการณ์รู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นตัวตลกเพราะการที่ได้รับข่าวมาแบบผิดๆ แท้ๆ  แต่สีหน้าที่แสดงออกนั้นก็ยังคงเรียบนิ่ง แม่ในใจจะรู้สึกโมโหกับท่าทีและสายตาที่จ้องเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เด็กก็ยังเป็นเด็ก เหมือนที่เขาเคยพูดไว้อย่างนั้นแหละ ปาวิการณ์เม้มปากแน่น ภายใต้ผ้าปิดปากอีกฝ่ายคงไม่สังเกตเห็น

    ก็ใครจะไปรู้ล่ะน้ำเสียงนั้นติดจะห้วนด้วยอารมณ์ ก็ทุกคนบอกอย่างนี้ ฉันก็เข้าใจไปตามนี้สิ

    ผมว่าผมพอจะรู้ครับคุณหมอ ว่าคุณเป็นคนยังไงคนพูดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบๆ คุณหมอเป็นคนเชื่อคนง่ายครับและก็หูเบาเสมอต้นเสมอปลายเสียด้วย

     

    ร่างสูงที่นั่งอ่านงานในมือถืออยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นคนที่นอนนิ่งมาเนิ่นนานบนเตียงพลิกตัวกลับมา แล้วก็ยันร่างบางของตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงคนไข้ สายตาเรียบนิ่งที่จับจ้องมาไร้ความง่วงงุนแต่กลับมีแววไม่พอใจกับบางสิ่งบางอย่างรวมอยู่แทน

    ทำไมคุณยังไม่ไปที่ห้องคุณอีกน้ำเสียงคนเจ็บเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบก่อน พร้อมกับเอี้ยวตัวไปด้านขวาใช้มือกดสวิตซ์ไปข้างเตียง

    ดูเหมือนคนถูกถามจะยังตั้งตัวไม่ทัน เพราะทำได้แค่หันซ้ายหันขวา ดูเหมือนกำลังมองหาคำตอบแต่ก็ยังหาไม่เจอ

    ผม...

    มีประชุมเช้าไม่ใช่หรือคะน้ำเสียงนั้นเรียบจนจับความรู้สึกของคนพูดไม่ได้

    อดิรุธไม่ตอบ หลังจากที่ประเมินสภาพของหญิงสาวตรงหน้าแล้วเขาก็เข้าใจในอะไรบางอย่าง ท่าทีหรี่ตานั้นแสดงให้เห็นอีกครั้ง

    คุณไม่ได้หลับน้ำเสียงที่ถามขึ้นนั้นแข็งกว่าครั้งไหนๆ

    แต่ปลายนภาไม่สะทกสะท้าน คะ ไม่ได้หลับหล่อนตอบสั้นๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว คุณเองก็ควรกลับไปพักผ่อนน้ำเสียงนั้นยังคงราบเรียบสม่ำเสมอ หรือถ้าจะทำงานสายตาเรียบนิ่งเลื่อนไปยังมือของอีกฝ่าย คุณก็ควรจะเปิดไฟ แต่นี่ คุณมานั่งทำงานมืดๆ ได้ยังไง เสียสายตากันพอดี

    นั่นเรียกว่าห่วงใยหรือเปล่า...อดิรุธอดคิดไม่ได้ ถึงประโยคคำพูดจะดูเป็นเช่นนั้น แต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับทำให้รู้สึกว่าน่าจะเป็นการประชดมากกว่าความคิดหลังชนะในที่สุด อดิรุธก้มไปกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดค้างไว้แล้วใส่เข้าในกระเป๋ากางเกง ตัดสินใจหยุดงานที่ยังติดพันอีกต่อไป

    คุณทำแบบนี้ทำไม

    ก็เพราะไม่อยากมาคอยตอบคำถามนะสิคะว่าไปโดนอะไรมาหญิงสาวตอบตามตรง เหนื่อยค่ะ มัวแต่ตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำซาก

    อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่

    มันเป็นธรรมดา เพราะทุกคนเขาเป็นห่วงก็ต้องถาม ส่วนหมอเขาต้องถามเพื่อจะได้รักษาให้ถูกโรคถูกอาการ

    รวมถึงตัวคุณด้วยหรือเปล่าถามไปแล้วก็แทบจะกลั้นใจรอคอยคำตอบ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงที่เอ่ยว่า...

    คุณพักผ่อนเถอะ ผมก็จะกลับไปที่ห้องแล้วเหมือนกันอดิรุธตัดบทเสร็จสรรพจนอีกฝ่ายเกือบทำหน้าเหวอเพราะเปลี่ยนโหมดตามไม่ทัน ร่างสูงฉวยโอกาสที่คนบนเตียงนิ่งงันก้าวเดินออกจากห้อง แต่ไม่ทันที่จะพ้นประตู สติของคนเจ็บก็ประมวลกลับมาเป็นปรกติได้ทันเวลา

    เดี๋ยวคะ ยังมีอีกเรื่อง ที่ฉันควรต้องบอกคุณ

    ร่างสูงตรงประตูหยุดเท้าแล้วหันกลับมา พร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเพื่อเช็คเวลา เกือบเที่ยงคืนแล้วเพิ่งรู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว

    คุณมีอะไรก็ว่ามา

    คราวหน้าคราวหลังอย่าเผอเรอหรือประมาทอย่างที่ทำวันนี้อีก

    อดิรุธขมวดคิ้วมุ่น

    การที่คุณกับฟ้าลดามายืนคุยกันกลางสวนแบบนั้น พวกคุณทำพลาดอย่างมหันต์เลยนะคะน้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเรื่อยๆ จังหวะที่พูดก็ดูสม่ำเสมอฟังคล้ายกับว่าผู้พูดไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับคำพูดที่ตัวเองกำลังพูดเลยแม้แต่น้อย

    คนอื่นมาเห็นนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณแม่มาเห็นเข้า พวกคุณสองคนนั้นแหละที่จะเดือนร้อน

    อดิรุธเงียบ ขณะที่เกิดคำถามในใจ เขาอยากจะถามคนตรงหน้า แล้วคุณล่ะ เดือนร้อนกับสิ่งที่เห็นบ้างหรือเปล่าแต่เมื่อเห็นสายตาที่ทอดมองมานั้นราบเรียบดูว่างเปล่ากว่าทุกครั้ง อดิรุธก็พอจะรู้คำตอบทั้งๆ ที่ไม่ต้องถาม

    คุณเห็นเสียงที่เอ่ยนั้นเบา รู้สึกแน่นอกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

    คะ ฉันเห็นหญิงสาวพยักหน้าแล้วก็เปลี่ยนสายตาไปอีกทาง เหม่อมองออกไปที่ระเบียงไม่สบตากับคู่สนทนาอีกต่อไป แค่เห็นนะคะ แต่ไม่ได้ยินหรอกค่ะว่าคุณสองคนคุยอะไรกันบ้าง ก็แค่เดินผ่านไปพอดีและก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น

     

    ว้าย!

    ประตูที่เปิดออกทำให้ร่างที่เอาหูแนบกับประตูห้องคนไข้พิเศษถึงกับเสียหลักไปชนเข้ากับร่างสูงที่ก้าวออกมา

    อดิรูธเลิกคิ้วด้วยความตกใจ

    เอ่อ...ปาวิการณ์รีบตั้งหลักถอยออกมายืนตรง สีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตากับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เอ่อ...ปาไม่ได้แอบฟังนะคะ ปา...ปา...ปาวิการณ์เกิดติดอ่างขึ้นมาเสียดื้อๆ

    อดิรุธมองท่าทีหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ส่ายหน้า เปิดยิ้มน้อยๆ ได้ยินอะไรบ้างละ

    ก็เรื่องที่พี่รุธกับฟ้าลดายืนคุยกันที่สวน แล้วพี่ปลายไปเห็นเข้าก็เท่านี้แหละคะ อุ๊บ!” ปาวิการณ์ยกมือบิดปากไวของตัวเอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

    อดิรุธพยักหน้าพร้อมกับร้อยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิม

    ก็ได้ยินไม่มากเท่าไหร่สินะน้ำเสียงที่เอ่ยนั้นก็เจือไปด้วยรอยขัน คนที่ได้ฟังเงยหน้าขึ้นมาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อในสายตาและหูของตัวเอง อดิรุธไม่โกรธและไม่ได้กล่าวโทษในการกระทำที่ดูจะไร้มารยาทของเธอเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเห็นว่าการกระทำของเธอดูเป็นเรื่องตลกอีกต่างหาก

    ปาขอโทษคะหญิงสาวยกมือขึ้นไหวคนที่มีอายุมากกว่า รู้สึกกระดากใจกับสิ่งที่ตนได้ทำและถูกจับได้เพราะว่าตนนั้นทำพลาด แอบก่นด่าตัวเองในใจ ว่าทำไมไม่ได้ยินเสียงเดินของอดิรุธเลย หูนะหูจะตึงเกินไปแล้ว!

    พี่รุธไม่โกรธปาใช่ไหมค่ะรู้สึกยังหายใจไม่ทั่วท้องขณะที่เอ่ยถาม

    อีกฝ่ายส่ายหน้า พร้อมกับรู้สึกมึนๆ และล้าที่หัวขึ้นมา คงเพราะอดนอนต่อเนื่องกันมานานแบบข้ามวันข้ามคืน

    ไม่โกรธแน่นะค่ะ

    ไม่หรอกรู้สึกเหนื่อยขณะที่เอ่ยตอบ จะเข้าไปข้างในหรือเปล่าแต่พี่ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาดีกว่า

    ปาวิการณ์พยักหน้า คงไม่กล้าเข้าไปแล้วล่ะ พี่ปลายปลอดภัยดีใช่ไหมค่ะ

    ปลอดภัย ไม่เป็นอะไรมาก อยู่ในความดูแลของคุณหมอดนัย ปาวางใจได้

    ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรถึงต้องเอ่ยชื่อคนๆ นั้น หล่อนไม่อยากคิดและไม่อยากหาคำตอบ รับรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ตนเองกำลังรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาตงิดๆ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×