คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : MINE"II chapter - 23 up
MINE’II
Chapter 23
งานปัจฉิมของพี่ม.หกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กิจกรรมต่างๆถูกวางแผนงานเอาไว้บ้างแล้งและบางส่วนก็ต้องมาคุยกับเผื่อที่จะได้หาข้อตกลงเรื่องเวลาและสถานที่ ตัวแทนจากชมรมต่างๆ ที่จะจัดกิจกรรมได้เดินทางมาร่วมประชุมกันที่ฝังไอ แทคยอนและ เจสสิก้าเป็นตัวแทนจากชมรมดนตรีขอฝั่งไอเข้าร่วมประชุมในวันนี้ คนที่นั่งฟังจริๆคือแทคยอนมากกว่าเพราะเจสสิก้าหลับตั้งแต่เดินเข้ามานั่งรอแล้ว
แบคฮยอนที่ติดสอยห้อยตามคู่รักแห่งปีมาประชุมด้วยก็นั่งกดโทรศัพท์ไปเงียบๆ แอบยิ้มเมื่อมองไปกี่ครั้งก็เจอแทคยอนลูบผมให้เจสสิก้าอยู่ตลอดเวลา...
อยากให้พี่ชานยอลมานั่งข้างๆบ้าง...
“นั่งยิ้มคนเดียว... บ้าป่ะ” แทคยอนพูดแซวขึ้นมากลางป้องทำเอาแบคฮยอนอารมณ์เสียไม่น้อย
“เรื่องของเราปะพี่ชาย...”
“อย่าเสียงดังเดี๋ยวเจสตื่น”
“แล้วใครมันทำให้เสียงดังก่อน ตัวเองนั่นแหละ” แบคฮยอนเอื้อมมือข้ามหัว เจสสิก้าไปตีไหล่พี่ชายตัวสูง แทคยอนทำท่าจะสู้แต่แบคฮยอนทำท่าจะตีเจสสิก้าแทนทำให้แทคยอนเลือกที่จะอยู่นิ่งๆดีกว่า เพราะถ้าเจสสิก้าตื่นขึ้นมา ตัวเองคงโดนงอนเต็มๆ
“คนนั้นใช่โชรงปะเตี้ย” แทคยอนชี้ไปที่ผู้หญิงผมยาวบนเวที ตัวแทนจากฝั่งจีทั้งสี่คนกำลังพูดอธิบายซุ้มของตัวเองอยู่ โชรงที่ยืนอยู่ริมสุดมองมาทางนี้บ่อยเลยรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆชอบกล ร่างสูงเลยหันไปถามน้องชายข้างๆแทน
“อือ คนริมสุดซ้ายมือไง”
“อ่อ น่ารักดี พี่ชานยอลเค้าชอบคนอ้วนๆเนอะ ตัวเล็กๆกลมๆ”
“...” แบคฮยอนหันไปค้อนใส่พี่ชายตัวเองก่อนจะหันไปมองบนเวที แล้วก็ไม่สนใจหันมาเล่นเกมส์ในมือต่อ...
โชรงที่ยืนอยู่ด้านบนเวทีมองเห็นทุกคนที่นั่งอยู่ และสายตาก็ไปตกอยู่ที่คนสามคนที่นั่งอยู่ด้านหลังๆ เผลอมองแบคฮยอนนานจนเพื่อนต้องสะกิดเมื่อถึงคิวที่จะต้องพูดแล้ว แม้ปากจะพูดอธิบายในสิ่งที่เตรียมมา แต่ในหัวโชรงกลับไปได้คิดตามที่พูดออกไปเลย...
ในตอนเย็นแบคฮยอนและเจสสิก้า ทั้งคู่ต่างซ้อมร้องเพลงในท่อนของตนเองในห้องซ้อม ชานยอลนั่งเล่นเกมส์อยู่ข้างๆแบคฮยอน ช่วงนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้วจึงมีการงดเล่นกีฬาในตอนเย็นทำให้สามารถมานั่งเฝ้าแฟนตัวเล็กร้องเพลงเต็มที่...
ถามว่าเบื่อไหมที่มานั่งเฉยๆแบบนี้ บอกเลยว่าไม่เคยคิด! แค่ได้ยินเสียงน้องอยู่ใกล้ๆหูชานยอลก็มีความสุขแล้ว
“พี่ชานยอลเล่นกีตาร์เป็นใช่มั้ยคะ พี่ช่วยสอนแบคฮยอนหน่อยได้มั้ย” เจสสิก้าบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้นานแล้ว แบคฮยอนลดเนื้อเพลงในมือลงก่อนจะลุกขึ้นนั่งฟังเพื่อนตัวเล็กพูดดีๆ
“คือหนูอยากให้มันมีเสียงกีตาร์คลอเบาๆค่ะ เพราะเสียงเปียโนมันซอฟต์อยู่แล้ว ถ้าได้กีตาร์เข้ามาเสริมอีกหนูว่ามันน่าจะเพราะมากขึ้น”
“แต่เราเล่นไม่เป็นนะเจส” แบคฮยอนส่ายหน้าไม่เอาด้วยจนหน้ามาปลิว
“ให้พี่ชานยอลสอนไง เธอแค่เล่นไม่กี่คอร์ดเองนะ”
“มันจะออกมาดีแน่เหรอ” แบคฮยอนถามซ้ำ
“ดีสิ เราลองให้แทคยอนดูแล้ว แทคบอกว่าดีมากๆเลยนะ ตอนนี้ให้แทคยอนไปบอกน้องที่ชมรมเครื่องสายมาเล่นเชลโช่ให้ นะๆแบคลองดูก่อน ถ้าไม่ได้ยังไงค่อยดูกันอีกทีนะ” เจสสิก้าพยายามบอกให้เพื่อนลองดูก่อน เพราะเหลือเวลาซ้อมอีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น แต่สำหรับเจสสิก้าที่เป็นคนวางดครงมาตั้งแต่ต้นก็อยากให้มันออกมาดีที่สุด
“นั่นสิน้องแบค ลองดูก่อนก็ดีนะพี่ว่า” ชานยอลพูดก่อนจะคว้ามือแฟนมาพลิกไปมา “นิ้วน้องแบคก็เรียวดี พี่ว่าน่าจะเล่นกีต่าร์ได้อยู่นะ”
“พี่คิดว่างั้นเหรอฮะ” ทั้งคู่พยักหน้ารับทำเอาแบคฮยอนต้องพยักหน้าตกลงอย่างเสียไม่ได้
หลังจากที่ตกลงกันได้เรีบยร้อย เจสสิก้าก็ออกจากห้องไปทำเรื่องยืมเครื่องดนตรีที่ห้องส่วนกลาง ทิ้งให้ชานยอลและแบคฮยอนคุยเล่นกันอยู่สองคนในห้อง
“พี่ชานยอลคิดว่าผมจะเล่นได้ตริงๆเหรอครับ ผมไม่มั่นใจเลย”
“เดี๋ยวพี่สอนเราเอง ยังไงก็ทำได้แน่นอน” ชานยอลรับเนื้อเพลงในมือของอีกคนมาดูก่อนจะได้รู้ว่าควรจะเริ่มสอนตรงไหนดี
“มาแล้วๆ” เสียงใสๆของเจสสิก้าดึงขึ้นทันที ร่างบางจัดการส่งกีตาร์ให้กับชานยอลก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าทั้งคู่
แบคฮยอนพยายามจำตามที่แฟนตัวสูงบอกว่าคอร์ดไหนเป็นคอร์ดไหน ส่วนเจสสิก้าก็นั่งให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างกันนัก มีหลายครั้งที่บ่นว่าเจ็บนิ้วแต่แบคฮยอนก็อดทนกดคอร์ดต่อไปเรื่อยๆ พอเริ่มเปลี่ยนคอร์ดพื้นฐานได้ก็ได้รับเสียงปรบมือจาก เจสสิก้าดังไปทั่วห้อง
ในช่วงเย็นแทคยอนเดินมารับเจสสิก้าและน้องชายที่ห้องซ้อมเหมือนปกติ ร่างสูงถือกระเป๋าเป้ของเจสสิก้าไว้เพราะของแบคฮยอนได้ย้ายไปอยู่บนไหล่ของชานยอลเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนเดินออกมาจากห้องซ้อมเงียบๆ
“เดี๋ยวแทคยอนไปส่งเจสสิก้านะ เดี๋ยวพี่พาน้องแบคกลับบ้านเอง” ชานยอล บอกก่อนจะจูงมือแฟนตัวเล็กไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่อีกฝากของสนาม แทคยอนทำเพียงแค่ยักไหล่เท่านั้นก่อนจะมองจนคนทั้งคู่ขับรถออกไปแล้ว ทั้งแทคยอนและเจสสิก้าถึงขับรถตามออกไป
“พี่ชานยอลมาทางนี้ทำไมอ่ะครับ บ้านผมไม่ได้มาทางนี้ซักหน่อย” แบคฮยอนทักเมื่อพบว่าชานยอลขับรถมาผิดเส้นทางที่จะกลับไปบ้านของตัวเอง
“พี่จะกลับบ้านไปเอากีตาร์ก่อนแล้วค่อยไปบ้านน้องแบค”
“กีตาร์ของแทคยอนก็มีนะครับ ผมยืมของแทคยอนมาฝึกก่อนก็ได้”
“พี่ไม่ถนัดน่ะ น้องแบคไม่อยากมาบ้านพี่เหรอ”
“เปล่าหรอกครับ ผมตื่นเต้น.... แค่คิดว่าวันนี้จะได้ไปบ้านพี่ชานยอลผมก็ตื่นเต้นแล้ว”
“แล้วน้องแบคอยากไปค้างบ้านพี่ไหม” ชานยอลส่งยิ้มแบบมีอะไรแอบแฝงทำเอาแบคฮยอนยิ้มค้างเหรอหรา
“พี่ชานยอลทะลึ่งจัง” แบคฮยอนตีที่ไหล่หนาของชานยอลแต่แทนที่จะเจ็บแต่ชานยอลกลับหัวเราะออกมาเสียงดังแทน... ความสุขเล็กๆน้อยๆของคนเป็นแฟนกัน นอกจากได้ยืนจับมืออยู่ข้างๆกันแล้ว การที่ทำให้อีกคนยิ้มเขินมีความสุขก็เป็นอีกอย่างที่ชานยอลชอบจะทำ
เมื่อมาถึงบ้านของชานยอลก็พบว่าพ่อและแม่ของชานยอลนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอลูกชายกลับบ้านอยู่แล้ว แบคฮยอนรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยพบหน้าพ่อกับแม่ของชานยอลมาก่อน...
“พาใครมาบ้าน ไม่คิดจะแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักหน่อยหรือไง ไอ้ลูกชาย” คนเป็นพ่อทักลูกชายที่บอกสวัสดีแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงคนตัวเล็กขึ้นห้องไม่ได้สนใจพ่อกับแม่ที่นั่งมองอยู่เลย
“สวัสดีครับ ผมแบคฮยอนครับ ผมเป็นรุ่นน้องพี่ชานยอลที่โรงเรียน” แบคฮยอนยกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
“นี่แฟนผมเองพ่อ น่ารักปะ” ชานยอลจูงมือน้องมานั่งตรงที่ว่างเพราะเห็นว่าคงคุยกันยาว
“หน่าตาน่าเอ็นดู อายุเท่าไรแล้วครับ” คนเป็นแม่ถามก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มของคนตัวเล็ก แบคฮยอนยิ้มหวานให้ก่อนจะตอบคำถาม
“ปีนี่ 16 แล้วครับ”
ชานยอลปล่อยให้แบคฮยอนคุยกับพ่อและแม่ของตนเองรอไปก่อน เพราะตัวเองจะขึ้นไปเก็บของบนห้อง ร่างบางพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปตอบคำถามคุณนายใหญ่ของบ้านด้วยรอยยิ้ม...
กว่าจะได้กลับมาที่บ้านของแบคฮยอนก็เกือบสามทุ่มกว่า เพราะคุณนายใหญ่ท่านอยากเลี้ยงต้อนรับแฟนของลูกชายคนเดียว ท่านเลยอาสาเข้าครัวเองโดยมี แบคฮยอนคอยเป็นลูกมือหยิบของให้จนเสร็จ ได้อาหารหน้าตาน่าทานมากมายวางอยู่บนโต๊ะ แบคฮยอนดูจะเข้ากับแม่ของตนได้ดีจนชานยอลรู้สึกสบายใจ ก่อนกลับมาท่านของให้ชานยอลพาแบคฮยอนมาที่บ้านอีกเพราะท่านชอบเด็กตัวเล็กๆที่น่าตาจิ้มลิ้มคนนี้ซะเหลือเกิน
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแทคยอนไม่ได้กลับมานอนที่บ้านในคืนนี้ เพราะวงของแทคยอนมีปัญหาเรื่องเพลงทำให้แทคยอนต้องไปซ้อมร้องเพลงต่อที่บ้านเพื่อน ชานยอลขอบอกเลยว่าฟินมากที่สุด...
“ไหนน้องแบคมานั้งข้างพี่มา” ชานยอลตบลงที่ว่างข้างๆตัวเอง ซึ่งแบคฮยอนก็นงลงอย่างว่าง่ายก่อนจะเอากีตาร์มาวางบนตักด้วยท่าเตรียมพร้อม
“เดี๋ยวพี่สอนน้องแบคปรับสายก่อนก็แล้วกันเนอะ” ชานยอลเปิดแอพเทียบเสียงขึ้นมาก่อนจะลองดีดที่สายเบาๆ ถ้าสายที่มีเสียงตรงอยู่แล้วแอพจะแสดงไฟสีเขียวและแต่ถ้าเสียงเพี้ยนไฟจะขึ้นสีแดงและบอกถึงระดับความเพียนว่าอยู่ที่เสียงอะไร พอสอนเสร็จชานยอลก็ลองให้แบคฮยอนปรับเองเมื่อปรับได้ตรงตามที่สอนไว้ก็ดึงอีกคนมาหอมแก้มฟอดใหญ่
“งื้ออออ. พี่ชานยอลสอนผมก่อนสิ่” แบคฮยอนเอามือปิดแก้มข้างหนึ่งแล้วเอียงคอมองอีกคนอย่างน่ารัก ต่อให้พยายามจะถอยห่างแค่ไหนแต่เมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนของชานยอลแล้วแบบนี้นอกจากเขินแล้วแบคฮยอนทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
“คิดซะว่าพี่เก็บเป็นค่าครูก็แล้วกันนะ” บอกยิ้มๆแล้วก็หอมแก้มอีกคนอีกครั้ง
“ผมว่าพี่ชานยอลสอนผมกดคอร์ดตามนี้เลยดีกว่าครับ” แบคฮยอนชูเนื้อเพลงให้ชานยอลดูก่อนจะยิ้มเขินเมือชานยอลกับประกบจูบลงมา แม้จะมีกระดาษกั้นแต่ความนุ่มนิ่มนั้นก็ยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของแบคฮยอนอยู่ดี
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ” ชานยอลยิ้มให้แบคฮยอนแต่ร่างบางกับไม่ได้รู้สึกดีเลย ใจเต้นจนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว พี่ชานยอลบ้า!!!
วันปัจฉิมพี่ม.หก
เสียงดนตรีที่สนามบาสกลางดังไปทั่ว นักเรียนมากมายกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตียมสถานที่ กำหนดการกิจกรรมที่สนามบาสจะเริ่มขึ้นในตอนเที่ยงและจัดยาวไปถึงสี่โมงเย็น ซุ้มจากฝั่งจีดูจะได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะมีกิจกรรมบอกรักตามสไตร์ผู้หญิง เหมาะสำหรับคนที่อยากจะแกล้งหรือแสดงความยินดีรูปแบบใหม่ แม้ว่าจะดูไร้สาระแต่ตอนนี้ใบลงคิวก็มีคนจองเต็มหน้าเอสี่แล้ว
ซุ้มฝั่งบีก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ปีนี้ซุ้มฝั่งบีเลือกจะแต่งตัวแนวแฟนตาซีโดยมีนโยบายขายกอดเพื่อการกุศล หนึ่งกอดหนึ่งบาทเป็นกำลังใจให้กับเด็กน้อยที่ต่างจังหวัด แม้จะดูไร้สาระกว่าฝั่งจีแต่บอกได้คำเดียวว่าฟินไม่แพ้กัน
ฝั่งไอจัดซุ้มเป็นฉากต่างๆสำหรับถ่ายรูปโดยเฉพาะ มีฉากหวานแหววน่ารักมากอยู่ฉากนึ่งและแบคฮยอนได้สัญญากับตัวเองในใจแล้วว่าจะต้องถ่ายรูปคู่กับชานยอลให้ได้ ระหว่างนี้เด็กๆที่ไม่ใช่พี่ม.หกก็เดินชมงานไปก่อนแบคฮยอนที่ต้องเตรียมตัวแสดงก็เก็บตัวเก๋ๆอยู่ในห้องซ้อมกับเจสสิก้าที่บรรจงแต่งหน้าอยู่ไม่ห่างกัน
“ช่วงนี้สวยขึ้นปะเนี่ย ตั้งแต่มีแฟนเราว่าเจสน่ารักขึ้นนะ เป็นผู้เป็นคนมากขึ้น”
“ก็ไม่นะ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองสวยขึ้นแต่รู้สึกว่าสวยมานานแล้วและตอนนี้ก็สวยกว่าแต่ก่อน” เจสสิก้าหันมาตอบเพื่อนตัวเล็กแบบเชิดคอขึ้นจนแบคอยอนขำเพราะกลัวอีกคนขอจะเคล็ดเหลือเกิน
“แบคใส่กูกระต่ายแล้วน่ารักง่ะ” เจสสิก้ายิ้มให้ก่อนจะดึงแบคฮยอนมาส่องกระจกคู่ตัวเอง
วันนี้ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนขึ้นเวทีเหมือนครั้งก่อนๆ แบคฮยอนใส่สูทผูกหูกระต่าย ผมเซตขึ้นเปิดหน้าผากรับโชคดูน่ารักมาก ในขณะที่เจสสิก้าใส่ชุดเดรสลากยาวระบายขนนกสีขาวบริสุทธ์ ผมที่ยาวถูกดัดเป็นลอนเก็บทัดหูหนึ่งข้าง บนหัวติดกิฟขนนกเข้ากับชุด.. วันนี้เจสสิก้าสวยมากและแบคฮยอนเองก็หล่อไม่แพ้กัน
“แทครู้ไหมว่าเจสใส่ชุดนี้” แบคฮยอนถาม มือก็ช่วยเพื่อนจัดชุดให้เข้าที่มากขึ้น
“บอกว่าไม่ใส่ชุดนักเรียนแต่ไม่ได้บอกว่าจะใส่ชุดไหน แล้วตัวเองบอกปฟนยัง”
“บอกแล้ว ชุดนี้พี่ชานยอลเลือกให้”
“กิ้วๆ ขอแซวเบาๆเพราะต้องเก็บเสียงไว้ร้องเพลงค่ะ”
“อย่ามาแซวเลย เดี๋ยวแทคยอนเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ คอยดูเถอะว่าจะต้องง้อกันจนเสียงแหบ”
“หึๆ เรามาถ่ายรูปส่งไปให้แทคยอนดูกันดีกว่า” เจสสิกก้าเดินไปหยิบกล้องมาส่งให้แบคฮยอนถือไว้ก่อนจะเริ่มถ่ายรูปคู่ ทั้งสองถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยอย่างสนุกสนานจนใกล้ถึงเวลาแสดง...
นักเรียนชั้นม.หกจากทั้งสามฝั่งกำลังเดินชมซุ้มต่างๆอยู่ที่สนามบาสกลาง และบางส่วนก็เริ่มจับกลุ่มนั่งดูคอนเสริต์อยู่ที่ด้านหน้าเวที เซฮุนและเพื่อนๆก็เป็นหนึ่งในนั้น ในมือของเซฮุนมีดอกไม้มากมายทั้งจากรุ่นพี่ที่เอามาให้แล้วก็บอกชอบร่างบางเพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เจอกันอีก แม้จะมีเงาดำตามตัวแต่เซฮุนก็รับดอกไม้เหล่านั้นไว้ เซฮุนนั้นฮอตตั้งแต่อยู่ม.ต้นแล้ว ถึงจะมีแฟนแต่ความสวย?ก็ยังคงอยู่ทำให้วันนี้เซฮุนเป็นที่จับตามอง
เซฮุนนั่งพิงหลังเข้ากับหน้าขอของไค ส่วนเทาและลูฮานต่างตกอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ชานยอลที่ถือดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ไว้ในมือกำลังอมยิ้มเขินเมื่อนึกถึงหน้าคนรักที่กำลังจะขึ้นเวที ตอนนี้ชานยอลอยากให้แบคฮยอนขึ้นเวทีไวๆเพราะจะได้เอาดอกไม้ไปให้แล้วพาน้องไปเปี่ยนเสื้อผ้าและพากลับบ้านอย่างไว วันนี้ชานยอลมั่นใจว่าทั้งแบคฮยอนและเจสสิก้าต้องเป็นที่เล่าขานแน่นอน
หลายวงผลัดกันขึ้นแสดงไปเรื่อยๆ มีทั้งเพลงสนุก เพลงฮาและเพลงซึ้งๆมากมายให้พี่ม.หกได้จดจำช่วงเวลาสุดท้ายนี้ไว้ พิธีกรจากฝั่งไอขึ้นไปพูดบนเวทีถึงความสำคัญในวันนี้ และพูดถึงโชว์สุดท้ายที่เป็นที่จับตามองและกำลังจะแสดงในชุดต่อไป
เสียงปรบมือดังไปทั่วเมื่อเปียโนถูกเข็นออกมาด้านหน้าซ้ายมือของคนดู แบคฮยอนเดินจูงมือเจสสิก้าขึ้นเวที ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กับคนดูทั้งหมดก่อนจะก้มหัวแล้วเดินเข้าประจำที่ แบคฮยอนโบกมือให้ชานยอลเพราะเห็นว่าร่างสูงกำลังมองมาที่ตน ส่วนเจสสิก้าก็กำลังจัดแจงกับท่านั่งของตนเองอยู่.. ไม่นานเสียงปรบมือก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเปียโนของเจสสิก้าแทน
แม้ว่าจะไม่ใช่การร้องเพลงครั้งแรก แต่การร้องเพลงครั้งนี้มันพิเศษออกไป เพลงนี้แบคฮยอนคั้งใจมอบให้ชานยอลคนเดียว และในขณะที่เจสสิก้าก็นึกถึงแฟนตัวโย่งที่ยืนชูสองนิ้วอยู่ด้านข้างเวที
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเท่าไรว่าตอนนี้เจสสิก้าก็รักแทคยอนไม่แพ้แบคฮยอนที่รักชานยอลเลยสักนิดเดียว...
The day we met. Frozen I held my breath
Right from the start. I knew that I'd found a home for my
Heart beats fast.Colors and promises
How to be brave. How can I love when I'm afraid to fall
But watching you stand alone
All of my doubt. Suddenly goes away
somehow…
One step closer
I have died every day. Waiting for you
Darlin' don't be afraid. I've loved you for a Thousand years
I'll love you for a Thousand more
Time stands still. Beauty in all she is
I will be brave. I will not let anything Take away
What's standing in front of me
Every breath. Every hour has come to this
One step closer
I have died everyday Waiting for you
Darlin' don't be afraid I have loved you for a Thousand years
I'll love you for a Thousand more
And all along I believed I would find you
Time has brought Your heart to me
I have loved you for a Thousand years
I'll love you for a Thousand more
I'll love you for a
Thousand more
One step closer
ตลอดทั้งโชว์แบคอยอนแทบไม่ละสายตาไปจากชานยอลเลย... ผมร้องเพลงนี้ให้พี่นะ พี่ชานยอล
ไม่ได้แค่คนรักเท่านั้นที่เราอยากจะอยู่ดูแลเค้าเป็นพันๆปี แต่แบคฮยอนก็เป็นเพื่อนคนสำคัญที่เจสสิก้าอยากอยู่ด้วยเป็นพันๆปี ไม่จำเป็นว่าต้องรักแบบแฟน แค่เรารู้สึกรักใครสักคน เพลงรักที่เราร้องจะออกมาไพเพราะจับใจไม่แพ้กัน...
เสียงโน้ทและเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความรัก.. มันเพราะแบบนี้นี่เอง...
หายหัวไปแต่เค้ากลับมาละ ปิดเทอมตั้ง 6 เดือนเลยอ่ะ
อย่าดกระเราเลยที่หายไป หายไปให้คิดถึงไงคะทุกคน
จงมโนเอาว่าเพลงนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรักนะคะ
ฝนรักทุกคนนะคะ อิอิ
ความคิดเห็น