ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO- YAOI FIC] ::: What Series ::: Sehun x Baekhyun HunBaek

    ลำดับตอนที่ #15 : [SF] What is LOVE... (SehunxBaekhyun ft:Chanyeol) Chapter-5 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.59K
      16
      25 ต.ค. 55

    Title: What is the Love…

    Couple: Sehun x Baekhyun ft: Chanyeol

    Rate: PG-13

    Author: LL1990

     

    -5-


     

    “อีกไม่เกินห้านาทีจะถึงมหาลัยแล้ว น้องเตรียมตัวกันด้วยครับบบ”

    เสียงรุ่นพี่ตะโกนดังขึ้น บอกกำหนดกาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า แบคฮยอนยกหัวขึ้นจากไหล่ที่ตนเองซบไว้มาตลอดทางขึ้นก่อนจะหันไปมองเซฮุนที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง  แสงจากไฟสีส้มบนถนนที่แล่นผ่านเป็นช่วงๆพร้อมกับความมืด ทำให้เขาไม่สามารถอ่านสีหน้าของอีกคนในตอนนี้ได้ว่าคิดอะไรอยู่

     

    หมอนี่ไม่ได้นอนมาตลอดทางเลยหรือยังไงกัน....
     

    แบคฮยอนละสายตาจากใบหน้าคมแล้วก้มลงมองอุ้งมือของตนเองที่ถูกกุมเอาไว้  ยิ่งระยะทางสั้นลงเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามือของเขาค่อยๆเย็นขึ้น ไม่ต่างจากเหงื่อชื่นที่ซึมออกมา ดวงตากลมจ้องมองอย่างนั้นอยู่สักพักก่อนจะเพิ่มแรงบีบเข้ากับอุ้งมือแกร่งของเซฮุนอย่างหวังจะให้ความอุ่นในมือนั้นละลายความเย็นออกไป

     

    “เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันมามองคนตัวเล็กกว่า หากแบคฮยอนยังคงก้มอยู่อย่างนั้น  ก่อนจะเผลอบีบมือของตนเองแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
     

    “บยอน แบคฮยอน...”

     

    กลัว.......

    คำตอบแรกที่แล่นเข้าภายในจิตใจ ทั้งที่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่ความรู้สึกแบบนั้นกลับเข้าครอบงำจิตใจของเขาจนบีบแน่นไปหมด ทั้งที่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หากแต่เลือกที่จะกลืนก้อนแข็งๆนั้นที่จุกอยู่ลงคอกลับไปดังเดิม

    ใบหน้าหวานส่ายหัวรัวจนแพรผมนุ่มยุ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนพร้อมรอยยิ้มบางที่ถูกเคลือบเอาไว้....

     

    “เปล่า แค่ดีใจ...ก็จะถึงบ้านแล้วนี่เน๊อะ”

     

    “อ่า...หะ” เซฮุนตอบรับกลับไป ใบหน้าคมจ้องมองคนตรงหน้าที่จ้องมองเขากลับมาไม่ต่างกัน  ดวงตาสั่นไหวทั้งสองสบกันราวกับต้องการเก็บทุกรายละเอียดเอาไว้ให้มากที่สุด

     

    มันเป็นครั้งแรกที่เซฮุนรู้สึกว่าเขามองเห็นแบคฮยอนได้ชัดที่สุด แม้จะมีเพียงแสงสีส้มที่ตกระทบจากภายนอกผ่านเข้ามาก็ตามที่ ดวงตาไร้เดียงสาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้า  ทำให้เซฮุนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
     

    มือแกร่งอีกข้างที่ว่างอยู่เอื้อมไป ลูบหัวคนตรงหน้าไปมาเบาๆ อย่างอ่อนโยน...

     

    “ผมยุ่งหมดแล้ว” เขาบอกเสียงเบา ดวงตาเรียวช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้า แล้วยิ้มตอบกลับไปแม้จะยากนักก็ตามที..

     

    “ฉัน......”

     

    ขอให้น้องๆตรวจเช็คของให้เรียบร้อยก่อนลงกันด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ปีหน้าคร๊าบบ”  

    เสียงประกาศจากรุ่นพี่ดังขึ้นจากทางด้านหน้าพร้อมกับความเร็วของรถที่ค่อยเคลื่อนช้าลง จนกระทั่งรถจอดสนิท แบคฮยอนมองออกไปทางนอกหน้าต่างสลับกับเซฮุนที่ยังคงทอดมองเขาไม่ห่าง ดวงตากลมก้มลงมองอุ้งมือของตนเองที่เขาจำไม่ได้ว่ากลายเป็นฝ่ายถูกกุมเอาไว้จนเต็มมือตั้งแต่เมื่อไร

    เขาค่อยๆดึงมือของตนเองออกมา  ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ด้านบนที่นั่งมาสะพายเอาไว้อย่างทะมัดทะแมง พอเหลียวซ้ายแลขวาก็พบว่าเพื่อนคนๆอื่นทยอยลงจากรถกันไปหมดแล้ว ใบหน้าหวานหันกลับมามองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอีกครั้ง .....

     

    พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่เซฮุนคิดว่ามันสวยที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา....

     

     “ลา....ก่อน” น้ำเสียงเบาหวิวถูกเอ่ยออกมา เซฮุนพยักหน้าให้คนตรงหน้าเบาๆ

     

    “อืม..ลาก่อน”

     

    +

     

    “แบคฮยอนอ่า! เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น และเพียงแค่เท้าแตะลงพื้น ยังไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กๆของเจ้าของชื่อนั้นก็ถูกรวบเข้าสู่อ้อมกอดใหญ่พร้อมกับแรงรัดแน่นที่แทบจะกลืนเขาเข้าไปในอก

     

    อ้อมกอดที่แบคฮยอนคุ้นเคย....

     

    “กลับมาสักทีนะเตี้ย”  เจ้าของอ้อมกอดว่าพร้อมรอยยิ้มบาง มือหนาโอบร่างคนที่สูงเพียงแค่ไหล่เอาไว้ไม่ห่าง ส่วนแบคฮยอนที่ทำอะไรถูกเลยได้แต่ปล่อยให้อีกคนกอดเอาไว้นิ่งๆโดยไม่ขืนด้วยแม้แต่น้อย ทั้งที่เขาควรจะไล่เตะชานยอลสักทีสองทีอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าเขากลับรู้สึกพลังของเขาถูกดูดออกไปจนหมดจากใครบางคน...

     

    “ว่าไง ไปไม่บอกกันเลยนะ”

     

    “อ้าวไค รุ่นพี่” แบคฮยอนเอ่ย เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาของจงอินเดินควงกุญแจมาพร้อมกับคนรัก มือหนาเอื้อมไปยีแพรผมนุ่มอย่างมั่นเขี้ยว แบคฮยอนค้อนกลับไปน้อยๆอย่างเคยชิน

     

     นี่มารับเขากันหมดเลยรึยังไงกัน

     

    “ก็แบคฮยอนกลับมาทั้งที่ต้องฉลอง” เสียหวานของจุนมยอนเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดู พลางเหลือบตาขึ้นมองที่ยังฉีกยิ้มกว้างเอาคางเกยบนศีรษะของแบคฮยอนเอาไว้ไม่ห่าง “รู้รึเปล่าว่าคนแถวนี้เกือบจะเป็นบ้าน่ะ หืม?”

     

    “เห?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทำเอาจุนมอยอนอดที่จะหัวเราะคนตรงหน้าไม่ได้

     

    “ ก็.....” ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ร่างโปร่งที่คุ้นตาจุนมยอนเป็นอย่างดีก็เดินก้าวลงมาจากรถ  

    “เซฮุน........” เขาครางออกมาแผ่วเบาแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ จงอินและชานยอลต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ต่างจากเจ้าของชื่อที่ดูจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าเป็นใคร

     

    “นี่มันไปด้วยหรอ” เสียงทุ้มของชายยอลกระซิบถามคนในอ้อมกอดเบาๆ หากแต่ไร้คำตอบ และยังไม่ทันที่ชานยอลจะได้จี้ถามเพื่อนตัวเล็ก คำถามที่อยากจะรู้ก็ถูกเอ่ยขึ้นโดยจุนมยอน
     

    “เซฮุนก็ไปแคมป์มาด้วยหรือ” เซฮุนพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ พร้อมกับความเงียบที่ขึ้นชั่วขณะโดยอัตโนมัติราวกับสวิตซ์ไฟที่ถูกปิด ก่อนที่เซฮุนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
     

    “แล้วจุนมยอนไปญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง”
     

    “เห?” ใบหน้าหวานเลิกคิ้วขึ้นทันทีกับคำถาม “พี่ไม่ได้ไปญี่ปุ่น...นี่นา”  สิ้นคำตอบนั้น แทบจะทันทีที่สายตาคมของเซฮุนถูกเหวี่ยงกลับไปยังร่างของแบคฮยอนที่หลบหน้าซุกเข้ากับอกของชานยอลเมื่อสบเข้ากับดวงตาคม จนเขารู้สึกชาราวกับต้องคำสาบไปทั้งตัว

     

    ..........สายตาที่สะท้อนความผิดหวังอะไรบางอย่าง.....

     

    “มีอะไรกันรึเปล่า” จุนมยอนเอ่ยแทรกขึ้นสลับกับมองแบคฮยอนและเซฮุน ที่เขาหวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างที่อยู่ที่แคมป์หรอกนะ
     

    เซฮุนเบนสายตาจากร่างเล็กกลับมองจุนมยอนแล้วส่ายหน้ากลับไปเป็นคำตอบ
     

    “งั้นผมกลับก่อนแล้วกัน” เขาว่าเพียงเท่านั้น ก่อนจะกระชับกระเป๋าเข้ากับไหล่ของตัวเอง แล้วเดินไปอีกทางทันที
     

    ท่าทางที่ยังคงเย็นชาของเซฮุนทำเอาจุนมยอนหน้าเสียไปเล็กน้อย ไม่ต่างจากแบคฮยอนที่โผล่ออกหน้ามามองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆไกลออกไปทุกที

     

    พร้อมกับความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในจิตใจ จนเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอยกมือขึ้นมากำเสื้อของชานยอลเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร

     

    “เป็นอะไรไป”

     

    “เปล่า....”

     

     

    70 %----------------------

     
     

    สุดท้ายแบคฮยอนก็ไม่ได้เอาเลือดหัวลูกชายออกอย่างที่ควรจะทำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเขามานั่งอยู่ในร้านอาหารแถวๆมหาลัยร้านประจำอย่างตอนนี้ได้ยังไง จำได้แค่ว่าพอเซฮุนกลับไปแล้ว ชานยอลกับจงอินแล้วก็รุ่นพี่ก็ขับรถมาพากันมาที่นี่  ทั้งที่เขาอยากจะกลับไปกระโดดใส่เตียงแล้วหลับเป็นตายเสียมากกว่า แต่รอยยิ้มจากรุ่นพี่จุนมยอนก็ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดพวกนั้นลงไปจนหมด

     

    “ทานอะไรกันดี แบคฮยอนคงหิวแย่” จุนมยอนว่าพลางยื่นเมนูไปให้เจ้าของชื่อ  แม้จะยังไม่รู้สึกคุ้นชินกับการที่มีใครอีกคนเข้ามา แต่แบคฮยอนก็เอื้อมมือไปรับแต่โดยดี อันที่จริงเขามักจะโดนตามใจจากจงอินกับชานยอลอยู่แล้วเวลาที่ออกไปทานออกข้างนอก แม้แต่ลู่หานเองก็ตามเถอะ จนบางครั้งขาเองก็นึกแปลกใจ...ในเมื่อเขาก็เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ

     

    “ที่จริง ผมก็ไม่ค่อยหิวเท่าไร่” เขาว่าพลางกวาดสายตามองดูที่เมนู “งั้น...เอาซอลรองทัง ที่หนึ่งแล้วกัน” คนเป็นพี่ยิ้มรับหวานก่อนจะหันไปถามคนรักด้านข้าง

     

    “โอเค ไคทานล่ะอะไร”

     

    “จุนมยอน”

     

    “คิม จงอิน”

     

    “ผมแค่จะบอกว่า เหมือนจุนยอน” ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปาก จุนมยอนเลยค้อนใส่ให้หนึ่งทีแล้วเลิกที่จะสนใจ หันไปถามสมาชิกอีกคนที่เหลือแทน ....ก็ตั้งแต่คบกับเขาเพิ่งรู้ว่าจงอินพูดเยอะแถมยังทะเล้นไม่แพ้ใครเลย!

     

    “ชานยอลล่ะ”

     

    “เหมือนแบคฮยอนครับ” เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับ จุนมยอนนึกขำไม่น้อยก็ต้องแต่ยืนรอแบคฮยอนกลับมาจนกระทั่งตอนนี้เข้าแทบจะไม่เห็นรุ่นน้องตัวสูงหุบยิ้มเลยสักครั้ง

     

    “คิดเองไม่เป็นรึไงเล่า” แบคฮยอนว่าหน้ามุ่ย แต่นั่นยิ่งทำให้ชานยอลยิ้มกว้างกว่าเดิมเป็นเท่าตัว สุดท้ายเลยได้สายตาเหวี่ยงๆของคนตัวเล็กกลับไปเป็นของแถม

     

    “ว่าแต่ไปที่โน่นมาเป็นไงบ้าง” จงอินว่าขัดเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังเตรียมยกกำปั้น แล้วก็ได้ผลเมื่อมือนั้นชะงักกึกกลางอากาศหันมาสนใจเขาทันที

     

    “ก็...ดี” เขาตอบเสียงเบาพลางเสหน้าลงมองแก้ว

     

    “แล้วมึงกับ...”

     

    “อ้าว แบคฮยอนกลับมาแล้วหรอจ้ะ” เสียงหวานใสของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวเล็กที่เดินเข้ามาทักทายที่โต๊ะ มือบอบบางที่เอื้อมมาบีบแก้มเขาเบาๆ ทำเอาแบคฮยอนต้องละสายตาขึ้นจากแก้วน้ำตรงหน้า ก่อนจะครางออกมาเสียงเบาเมื่อพบว่าเป็นใคร

     

    “แทยอนนูนา....”

     

    “รู้ไหมคนแถวนี้คิดถึงจนแทบเป็นบ้า” แบคฮยอนเอียงคอครุ่นคิด ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นประโยคที่เขาคิดว่าเขาได้ยินเป็นครั้งที่สองตั้งแต่กลับมาที่โซล “ตอนแรกนึกว่าจะรีบกลับมาซะอีก ใจแข็งชะมัดเลย”

     

    “เอ๊.....” คิ้วเรียวขมวดยุ่งเข้าห้ากันอย่างไม่เข้าใจ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรออกไป เสียงทุ้มของชานยอลก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน

     

    “ก็ใครมันบอกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วแบคฮยอนจะรีบกลับมากันเล่า!

     

    “ก็เพราะนายมันไม่สำคัญพอตั้งหาก ไอ้เด็กหูกาง! แทยอนละสายตาจากแบคฮยอนหันไปสวนกลับฉับทันที

     

    “ยัยแทงป้า!

     

    “ยังจะเถียง!

     

    “เดี๋ยวนะ...นี่มันอะไรกัน”  แบคฮยอนเอ่ยขึ้น เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะพอเดาเรื่องอะไรไม่ออก ดวงตาเรียวนิ่งขลับหันไปมองแทยอนสลับกับชานยอลอย่างต้องการเค้นคำตอบ

     

    นัยน์ตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ขี้เล่นเหมือนอย่างทุกครั้ง ทำเอาแทยอนเริ่มชาไปทั้งร่าง ๆ  เธอยิ้มออกมาแห้งๆพร้อมกับเสียงตะกุกตะกัก เธอทำตัวไม่ถูกกับโหมดนี้ของแบคฮยอนเท่าไรนัก ก็แบคฮยอนโหมดที่เธอคุ้นเคยมักจะวิ่งมาอ่อล้อทุกครั้งที่เจอต่างหาก...

     

    “เอ่อ.......นูนาไปล่ะ พอดีนัดเด็กไว้” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็จ้ำเดินออกจากร้านไปทันที ปล่อยให้ชานยอลนั่งอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ

     

    “เฮ้ อย่าชิ่งซิป้า!

     

    “ปาร์ค ชานยอลฉันถามว่านี่มันอะไรกัน”

     

    “คือ.....”

     

    “แบคฮยอนอ่า” จงอินปราม แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้ผลเมื่อดวงตาเรียวยังคงจับจ้องไปที่ชานยอลที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม  หากเสียงของจงอินที่เคยใช้ได้ผลกับแบคฮยอนทุกครั้ง... กลับไม่เหมือนเดิม

     

    “ตอบมา”

     

    “ก็ยัยป้านั่นบอกว่าถ้ากูทำแบบนั้นมึงจะรีบกลับมา” ชานยอลตอบเสียงอ่อย “เพราะว่ากูคิดถึงก็เลย...”

     

    “สนุกมากไหม”

     

    “แต่เฮ่ ฉันกับยัยป้านั่นไม่ได้มีอะไรกันจริงๆนะ...ก็แค่เสี.....”

     

    เพี้ยะ!

     

    “แบคฮยอน/แบคฮยอน”  เสียงจงอินและจุนมยอนครางเรียกออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะเกิดความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะ ใบหน้าของชานยอลที่หันไปตามแรงเมื่อครู่ค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้ากับแบคฮยอนอีกครั้ง แม้จะรู้สึกปวดหนึบอยู่บนข้างแก้ม แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจมัน

     

    เพราะน้ำใสๆที่ร่วงเผาะลงมาอาบแก้มของคนตรงหน้ามันทำให้ชานยอลชาไปทั้งร่าง

    ...เขาไม่เคยทำให้แบคฮยอนร้องไห้

     

    “สนุกมากใช่ไหม กับความรู้สึกฉันน่ะ” ร่างเล็กพูดเสียงสั่น ดวงตายังคงสะท้อนภาพของชานยอลตรงหน้า ทว่าร่างโปร่งยังคงเอาแต่นิ่งเงียบและเมื่อไม่มีคำตอบให้แบคฮยอนจึงเลือกที่จะเดินหนีออกมาจากตรงนั้นเสียเอง....

     

    “แบคฮยอนอ่า! เดี๋ยวก่อน” ชานยอลตะโกนเรียก เขาลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะตามแบคฮยอน  ติดที่จงอินยืนขวางเอาไว้ก่อน

     

    “มึงอยู่นี่เลย เล่นห่าอะไรกันไม่รู้เรื่อง” จงอินชี้นิ้วสั่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายวิ่งตามร่างเล็กออกไป  

     

    พอออกมาจากร้านได้ สายตาคมก็รีบมองหาทันที ก่อนจะพบร่างคุ้นตากำลังนั่งคู้อยู่ที่ริมถนน ..เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

     

    “แบคฮยอนอ่า..”

     

    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...” เสียงใสพึมพำกับตัวเองไปมาโดยไม่ได้คำนึงถึงการมาของจงอินแม้แต่น้อย

     

    “เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มตะล่อมถามอย่างใจเย็น หากอาการนิ่งงันราวกับยังอยู่ในโลกส่วนตัวของแบคฮยอนก็เอาจงอินต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ...

     

    แบคฮยอนถ้าลองได้กั้นตัวเองออกจากอะไรบางอย่างละก็ หมอนั่นจะทำกับว่าทุกอย่างไม่มีตัวตน...มันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้น... ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่โดนล้อคาบวิชาว่ายน้ำเมื่อตอน ม ปลายได้มัง....กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนปกติกับเพื่อนคนอื่นๆก็ใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์...

     

    “มึงรู้ใช่ไหมว่ามันไม่ได้ตั้งใจ” จงอินว่าต่อ...โอเค เขารู้ว่าไอ้ชานยอลมันตั้งใจ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันอาจจะเกินคาดกว่าความตั้งใจ เพราะฉะนั้นเขาจะคิดเสียว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็แล้วกัน

     

    “แบคฮยอน...”

     

    “ฉันอยากกลับแล้ว”


     

    +++++++

     

    อันที่จริงชานยอลกลับมาที่ห้องได้สักพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่จงอินบอกว่าจะพาแบคฮยอนมาส่งที่ห้องก่อน เขาก็รีบออกจากร้านมาทันที  อย่างน้อยก็ยังโล่งอกที่แบคฮยอนยังคงเลือกที่จะกลับมาห้อง แต่เพียงแค่คิดจะเดินก้าวเข้าไปจงอินก็หยุดเขาไว้เสียก่อน 

     

    ทั้งที่อยากจะเข้าไปหาอีกคนที่อยู่ในห้องนอนแทบใจจะขาด  หากชานยอลก็รู้ดีว่านั้นไม่ใช่ประโยคขอร้อง...แต่มันคือประโยคคำสั่ง... ที่เขาคิดว่าเป็นความต้องการของคนภายในห้องนั้น

     

    ทว่าสุดท้ายชานยอลก็ไม่สามารถทำตามคำขอนั้นได้...เรียวขายาวก้าวไปที่บานประตูห้องนอนแล้วค่อยๆเปิดมันออก ความมืดที่ปรากฏอยู่บ่งบอกได้ดีว่าอีกคนคงหลับไปแล้ว แต่ในสถานการณ์อย่างนี้เขารู้ดีว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถข่มตาหลบได้อย่างสบายใจ

     

    ริมฝีปากหนาเม้มปากเขาหากันอย่างชั่งใจ ก่อนจะเดินไปยังเตียงกว้างแล้วทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มอีกด้านที่ว่างอยู่ จากนั้นจึงขยับตัวเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นอนขดตัวหันหน้าไปอีกทาง วงแขนแกร่งสวมกอดร่างเล็กนั้นไว้จากทางด้านหลังแน่นพร้อมกับกับเสียงทุ้มกระซิบที่ถูกเอ่ยออกอย่างรู้สึกผิด

     

     “กูขอโทษ....”

     

    “...................”

     

    “กูก็แค่อยากให้มึงกลับ....” ใบหน้าหล่อเกยไปที่ไหล่บาง พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น “แต่สุดท้ายมึงก็ไม่กลับมา.....”

     

    “ขอกูอยู่คนเดียวได้ไหม” เสียงเบาเอ่ยออกมาทำเอาคนที่ได้ยินชะงัก

     

    “แบคฮยอนอ่า”

     

    “พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเหมือนเดิม”  แบคฮยอนบอกอีกครั้ง ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรกับใครทั้งนั้น มันอาจจะดูใจร้ายกับชานยอล เพราะเราไม่เคยโกรธกันเกินข้ามวัน หรือเพียงแค่ได้ยินคำขอโทษจากมันทุกอย่างก็ควรจะจบลงด้วยการที่เขาอาจจะเตะมันให้หายแค้นเหมือนกับทุกครั้ง...

     

    แต่กับเรื่องนี้...ทำไมถึงทำไม่ได้กันนะ

     

    +++++++

     

    อ้อมกอดของชานยอลละออกไปแล้ว พร้อมกับบานประตูที่ถูกปิดลงอย่างเงียบๆ แบคฮยอนพลิกตัวกลับมานอนปกติ ก่อนจะกรอกตาขึ้นมองเพดานอย่างครุ่นคิด

     

    ชานยอลกับแทยอนนูนาไม่ได้มีอะไรกันเขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง ที่เขาร้องไห้ก็เพราะว่าโกรธที่หมอนั่นเล่นอะไรแผลงๆมากกว่า...แต่ความคิดที่ทำให้เขาสับสนตอนนี้ก็คือถ้าเขาไม่ได้ยินโทรศัพท์ลวงโลกจากชานยอลวันนั้น....

     

    เขากับโอ เซฮุน....จะ...ถึงขั้นมีอะไรเกินเลยรึเปล่า

     

    “แน่ใจรึเปล่า”  คำถามสุดท้ายที่ดังขึ้นแต่แบคฮยอนก็ไม่คิดจะปฏิเสธมัน ...

    บางที...เรื่องของชานยอลอาจจะเป็นแค่ข้ออ้าง.....ข้ออ้างที่ให้เขาทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด

    เฮ้อ............

     

    “แบคฮยอนอ่า...นายกำลังเป็นอะไรกันแน่นะ” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพลิกตัวซุกหน้าลงกับหมอนนิ่งๆ ราวกันต้องการช่วงเวลาที่สงบเพื่อพักความเหนื่อยล้าของสมองที่กำลังปวดไปหมด...

     

    แต่กลับทำไม่ได้เลย เมื่อใบหน้าของใครบางคนยังวนเวียนเข้ามาไม่ห่าง

     

    “พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเหมือนเดิม”

    เสียงใสพึมพำกับตัวเอาเบาๆ ก่อนที่เปลือกตาอันหนักอึ้งจะค่อยๆปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน...

     

    ++++++++++

     

    แสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านเข้าบอกให้รู้ว่านี่คือวันใหม่ แบคฮยอนขยับไปมาเล็กน้อย มือบางควานหาแว่นตาบนหัวเตียงขึ้นมาใส่อย่างเคยชิน ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ...กระเป๋าเป้ยังคงถูกวางอยู่ตรงมุมห้อง

     

    เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ... เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังประตูห้องที่ถูกปิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน...พอเดินออกมาได้ก็ต้องเจอกับร่างสูงของใครบางคนนอนขดอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ที่ตอนนี้มันดูจะเล็กไปถนัดตาเมื่อมีร่างของชานยอลอยู่บนนั้น

     

    เขาเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนที่ว่าง แรงยุบลงที่เบาะ ทำให้อีกคนรู้สึกตัว... ชานยอลเด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะพลิกร่างแล้วทิ้งตัวนอนลงบนตักของร่างเล็กอีกครั้ง

     

    “หลับสบายดีรึเปล่า” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นถาม แบคฮยอนพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ ดวงตาบวมช้ำที่มองเห็นผ่านกรอบเลนส์ใสทำเอาคนที่นอนอยู่อดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ชานยอลเอื้อมมือขึ้นไปแตะพวงแก้มใสแล้วไล้ผิวเนื้อนิ่มนั้นอย่างแผ่วเบา

     

     “กูขอโทษ....”
     

    “มึงพูดไปแล้วเมื่อวาน”
     

    “แล้ว......” ชานยอลจ้องมองคนด้านบนด้วยความความรู้สึกที่หลากหลาย ริมฝีปากช่างพูดเม้มเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจ และก็เหมือนอีกคนจะอ่านข้อความนั้นออก แบคฮยอนคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา
     

    “ไม่ได้โกรธแล้ว......”
     

    “จริงหรือ?”
     

    “อือ”
     

    “จะตบจะตีกูก็ได้นะ”
     

    “อยากโดนแบบเมื่อวานอีกรึไง” มือบางลูบผมคนบนตักเล่นเบาๆอย่างเพลินมือก่อนจะจับมันรวบเอาไว้แล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังยางบนโต๊ะด้านข้างมาผูกเอาไว้เป็นจุกเล็กๆ
     

    “ก็ถ้ามันจะทำให้มึงหายโกรธ”
     

    “ก็บอกแล้วไงว่าหายแล้ว”  เขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ  ชานยอลเอื้อมมือจับมือเรียวของแบคฮยอนมากุมเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวเข้าหาแผ่นท้องเรียบแบน... ใบหน้าหล่อซุกไซ้เข้าหาอย่างต้องการความอบอุ่น
     

    “คิดถึงชะมัด”
     

    “จักจี้น่า” เขาว่าพลางดันหน้าของอีกคนออกห่าง แต่ดูท่าว่าจะไร้ผลเมื่อ ชานยอลกลับยิ่งรวบเอวของเขาเอาไว้แน่นกว่าเดิม  สุดท้ายเลยได้แต่ปล่อยให้อีกคนซุกหน้ากอดเอาไว้จนพอใจ
     

    มือบางลูบไปที่ไหล่กว้างของชานยอลเล่นเบาๆ  พร้อมกับความคิดบางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาช้าๆ... อันที่จริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย...และเขาก็ไม่รู้ว่าจะโกรธชานยอลไปเพื่ออะไร...ใช้แล้วทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง...อย่างที่มันควรจะเป็น

     

    “อย่าปล่อยกูไปไหนอีกเลยนะ...” เสียงใสพึมพำออกมาเบาๆ ทำเอาคนที่นอนอยู่บนตักต้องพลิกตัวกลับมาเงยหน้าขึ้นมอง

     

    “เมื่อกี้ว่าไงนะ”

     

    “เปล่านี่”

     

    “ก็ได้ยินอยู่”
     

    “แค่บอกว่าคิดถึงข้าวผัดแฮมจะแย่แล้ว” มือบางเอื้อมไปบีบปลายจมูกของอีกคนเบาๆ ทำเอาร่างโปร่งรีบเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปถามด้วยความดีใจ

     

    “จริงอ่ะ”

     

    “อือ”

     

    “งั้นจะรีบทำเดี๋ยวนี้เลย”

     

    ฟอดดดดด

    เสียงทุ้มพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่แล้วก็รีบลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าครัวไปทันที ก็ตั้งแต่แบคฮยอนไม่อยู่เขาก็ไม่ได้ทำอาหารทานเองเลยสักมื้อ อย่างมากก็แค่โทรสั่งร้านอาหารข้างล่างหรือไม่ก็ซื้อมาจากข้างนอกเสียมากกว่า

    มันไม่เหมือนกับเวลาที่ใครบางคนแหกปากร้อง และคอยจ้องเวลาเขาทำอาหาร รอว่าเมื่อไรจะเสร็จ...มันทำให้เขาตั้งใจทำเป็นพิเศษเมื่อรู้ว่าอีกคนกำลังรอที่จะทาน

     

    ++++++++

     

    บางทีมันก็มีเรื่องให้คิดมากเกินไป.. เกินกว่าที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...
    เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้จริงๆเลยให้ตาย....มันเหมือนเขากำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง...


     

    ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วหลังจากกลับมาจากที่แค้มป์ ทั้งที่อาทิตย์หน้าก็จะเปิดเทอม แต่แบคฮยอนกลับคิดว่าแต่ละวันกลับผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขากับชานยอลเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม กินข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน ไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน อย่างที่เคยเป็น หรือบางวันก็จะมีจงอินกับรุ่นพี่แวะมาทำอาหารทานด้วยกันบ้าง

     

     ....อย่างวันนี้

     

    “ทำไมเดี๋ยวนี้สูบจัด” เสียงทุ้มของจงอินดังขึ้นจากทางด้านหลังก่อนจะเดินมานั่งข้างๆที่ตรงระเบียง ที่กลายเป็นที่ประจำสำหรับแบคฮยอนช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้ไปเสียแล้ว
     

    ใบหน้าน่ารักที่คีบบุหรี่อยู่ในมือพร้อมกับกระป๋องเบียร์ในมืออีกข้างหันกลับไปมองเพื่อนรักพร้อมกับรอยยิ้มบางแล้วส่ายหัวน้อยๆเป็นคำตอบ

     

    เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันสูบไปทำไม

    มันก็แค่ทำให้เขารู้สึกดีเวลานั่งคิดอะไรเพลินๆ

    ....เหมือนกับควันสีขาวในปลิวหายไปกับลม....

     

    “เป็นห่วง”  จงอินพูดสั้นๆ  แล้วยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นจิบโดยไม่หันหันกลับไปมองคนด้านข้าง แต่ก็ทำให้แบคฮยอนอดที่จะระบายยิ้มแทนคำขอบคุณออกมาเสียไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรเขารู้ดีว่าจงอินไม่ใช่คนพูดเยอะ และเมื่อพูดออกมาเมื่อไร นั่นก็หมายความว่าเจ้าตัวคิดอย่างนั้นจริงๆ

     

    มือบางทิ้งมวนบุหรี่ลงกับพื้น แล้วเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้าง พร้อมกับเปลือกตาบางที่ค่อยๆปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน

     

    “ฉันไม่ใช่เด็กเหมือนอย่างเมื่อก่อนน่า...” เสียงใสพึมพำออกมาเบาๆ

     

    “มีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำตัวให้คนอื่นต้องเป็นห่วง”

     

    “ฉันทำที่ไหนกัน”

     

    “กำลังทำอยู่นี่ไง” จงอินตอบกลับ พร้อมกับความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะ เขาวางกระป๋องเบียร์ลงกับระเบียง แล้วหันมาประคองใบหน้าของแบคฮยอนให้เงยขึ้นมาสบตา “มึงรู้ตัวไหมว่าไม่เคยเป็นแบบนี้”

     

    “แบบไหน” สาบานได้ว่าแบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนจงอินจริงๆนะ  เพียงแต่เขามีอะไรที่ต้องเป็นห่วงกันเชียวหรือ ก็อาจจะแค่สูบบุหรี่ ทุกคนก็รู้ว่าเขาสูบเป็นปกติ...เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะบ่อยเท่านั่นเอง...แต่แล้วยังไงล่ะ

     

    น่าเป็นห่วงตรงไหนกันเชียว
     

    ปากรั้นๆที่ยู่เข้าหากันทำเอาจงอินส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวเล็กน้อยๆ เพราะลงได้ถ้าแบคฮยอน ยู่ปากหรือเม้มปากจนเป็นเส้นตรงละก็ นั่นหมายความว่าหมอนั่นกำลังดื้อเงียบและมันก็คงจะไร้ประโยชน์ถ้าเขาซักให้มากความ

     

    “กูจะไม่ถามว่ามึงเป็นอะไร” เขาเอื้อมมือไปรวบศีรษะเล็กลงซบที่อกแล้วกดเอาไว้แน่นๆ  “แต่มึงรู้ใช่ไหมว่ากูพร้อมที่จะรับฟังทุกอย่าง...ถ้ามึงอยากจะเล่า”

     

    “บอกไม่ได้....” เสียงใสบอกแผ่วเบาพลางส่ายหน้า

     

    “ไม่เป็นไร” ใบหน้าคมเกยบนลงศีรษะเล็ก พลางเอื้อมมือไปลูบที่แผ่นหลังบางอย่างแผ่วเบา  “ไม่เป็นไรนะ”หากประโยคสุดท้ายเหมือนกับต้องการปลอบโยนเสียมากกว่า แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นจากอกแกร่งดวงตากลมช้อนตาขึ้นมองจงอินอย่างขอบใจ 

     

    จงอินมักจะเป็นแบบนี้เสมอมันทำให้เขารู้สึกสบายใจและไม่กดดันเวลามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ต่างจากเสี่ยวลู่และชานยอลที่เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับเขามักจะใจร้อนที่พร้อมจะลุยเพื่อเขาได้ทุกเมื่อ

     

    แต่กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้

    เขายังไม่พร้อมที่จะยอมรับเลยจริงๆ

     

    “ไค..”

     

    “หืม?” จงอินส่งเสียงรับในรับคอก่อนจะผละออกมามองหน้าคนตัวเล็ก นัยน์ตากลมจ้องมองเขากลับมาด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออกแต่ก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของแบคฮยอนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี  “ว่าไง”

     

    “กัดได้ไหม”

     

    “ห๊า?” เขาเลิกคิ้วขึ้นมองอีกคนอย่างแปลกใจ ทว่าแบคฮยอนกลับยิ้มคืนมาเป็นคำตอบ ก่อนจะเอื้อมมือเรียวบางของตนเองไปที่เสื้อคลุมของจงอินแล้วจัดการแหวกมันออกมาเล็กน้อย จนเผยให้เห็นผิวเนื้อสีแทนที่ตัดกับเสื้อกล้ามสีขาวด้านใน  แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองจงอินจากนั้นจึงก้มลงมองที่แผงอกตรงหน้าอีกครั้ง

     

    นิ้วเรียวจิ้มที่ตรงนั้นเบาๆ

     

    “อยากกัด...ตรงนี้....”

     

    “เป็นหมารึไง” จงอินเผลอตบไปที่ศีรษะเล็กเบาๆ หากแบคฮยอนกลับดูจะชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้านั้นจะระบายยิ้มออกมาบางๆ

     

    “อือ”  และก็เป็นคำตอบที่ทำเอาจงอินดูจะอึ้ง ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนหมอนี่คงได้ลงขึ้นมาไล่เตะเขาหรือไม่ก็ฟาดกำปั้นแรงๆทุบเขาเป็นแน่ แต่วันนี้กลับยิ้มหวานคืนมาซะอีก

     

    .....แปลก....

     

    “ก็เอาซิ” สิ้นคำอนุญาตแบคฮยอนก็ก้มลงไปที่หน้าออกแกร่งของจงอินอีกครั้ง  ริมฝีปากบางทาบลงไปที่ผิวเนื้อตรงหน้าเพื่อเบาๆเพื่อลองเชิง ก่อนจะก้มลงไปใช้ฟันงับเป็นครั้งที่สอง... มือบางที่กำปกเสื้อของจงอินเอาไว้แน่นบ่งบอกได้ดีว่าแรงที่ขบกัดลงไปบนเนื้อนั้นเป็นอย่างไร ....

     

    ทว่าจงอินกลับไม่ร้องขอให้อีกคนปล่อยออกแม้แต่น้อย....ไม่ต่างจากมือแกร่งลูบไปที่แพรผมนุ่มอย่างอ่อนโยนราวกับต้องการให้แบคฮยอนระบายบางอย่างออกมาให้หมด

     

    “พอแล้วหรือ?”  จงอินถามขึ้นเมื่อ ใบหน้าหวานผละออกมา แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆ มือบางยกขึ้นมาเช็ดปากของตนเองก่อนจะเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำลายที่เขาฝากเอาไว้บนแผ่นอกของอีกคนให้สะอาด

     

    ชั่ววูบหนึ่งภาพของใครก็ผุดขึ้นมาในหัว จนเผลอใช้มือลูบไปที่รอยกัดฝีมือของตัวเองแผ่วเบา  เห็นแล้วก็ตลกพิลึก...

     

    ถ้าเป็นผิวของหมอนั่นคงเห็นชัดกว่าผิวของจงอินเป็นไหนๆ

     

    “ประสาทรึเปล่า หัวเราะคนเดียว” เขาใช้นิ้วดีดไปที่หน้าผากมนเบาๆ แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถาม รอยยิ้มหวานยังคงถูกเคลือบไว้ที่ริมฝีปากรั้น  มือบางจัดเสื้อของอีกคนให้เข้าที่แล้วตบเบาๆสองสามทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเพื่อนตัวสูง

     

     “เจ็บรึเปล่า”  จงอินส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น มือแกร่งรวบคนตัวเล็กเข้ามากอดอีกครั้ง โดยมีใบหน้าน่ารักที่ซุกอยู่ในอกเขาส่งเสียงหัวเราคิกคักเป็นระยะ.... เพราะสำหรับจงอินแล้ว รอยกัดแค่นี้ไม่เจ็บเลยสักนิด ถ้ามันจะแลกกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของแบคฮยอนกลับมากอีกครั้ง....

     

     

    หลังจากกลับมาจากที่แค้มป์นั่น....

     

     

     

    TBC

     

    หายไปนานมากเลยอ่ะ รู้ตัวฮ่าๆๆ พอดีไม่สบายค่ะว่าจะมาต่อสักสองสามวันที่แล้ว (ก็ยังช้าอยู่ดีกร๊ากกกก) แต่สังขารไม่ให้จริงๆ TAT เอนจอยรีดดิ่งค่ะ ^-^

    ส่วนใครที่อ่านตอนที่แล้วไม่ได้ เข้าไปอ่านตามนี้เลยค่ะ *-* พาสเวิร์ด เซแบค (ภาษาอังกฤษค่ะ) ตอนอื่นๆคนเขียนก็เอาไปลงในนั้นด้วย คอมเม้นในนั้นได้เลยค่ะ ไม่ต้องใส่พาสเวิร์ดอะไรทั้งนั้น พิมพ์เสร็จกดเม้นได้เลยยย ^_^

    PS เพิ่งรู้ว่าถ้าโดนแบนมันจะไม่ขึ้นว่าเราอัพเดตฟิก อืมมม ดีจริงๆ -_-


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×