คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] What is... (Kai x Suho) - Chapter 1
Title: What is…
Couple: Kai x Suho
Rate: PG-13
Author: LL1990
Note: เรื่องนี้เป็นซีรีย์ต่อจากเรื่อง What the (LayxLuhan)เผื่อใครอยากกลับไปอ่านที่ตอนข้างบนได้ แต่ถ้าไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะไม่ได้โยงกันเท่าไรนัก
“ดอกไม้อีกแล้ว”
จุนมยอนมองช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะหลังเวทีในหอประชุมคณะ ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นของใครเพราะช่วงสามสี่วันที่ผ่านมานี้มีเพียงแค่ โอเซฮุนที่เวียนเข้ามาหาเขาทุกวัน วันนี้เขาขึ้นร้องเพลงที่หอประชุมแต่ตัวเซฮุนติดธุระมาไม่ได้ เลยฝากดอกไม้มาแทน
แล้วยังย้ำบอกให้รอเดี๋ยวจะขับรถมารับตอนเย็น
“เฮ้อ” จะให้เขารู้สึกดีได้ไง ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้จุนมยอนก็เห็นอยู่ว่าโอเซฮุนคบกับลู่หานมาก่อน ถึงจะไม่ค่อยรู้จักลู่หาน แต่ก็พอรู้ความเคลื่อนไหวของทั้งคู่หรอกนะ ก็ในเมื่อเป็นคนหล่อกับคนน่ารักของมหาลัยขนาดนี้
“แอบหนีกลับดีกว่า ร้องเพลงเสร็จแล้วด้วย” ปากแดงเล็กเอ่ยพึมพำกับตัวเองแล้วรีบเก็บของลาอาจารย์ พอออกมาหน้าหอประชุมก็เดินเลาะออกทางประตูหลังมหาลัยเพื่อจะทะลุไปยังถนนใหญ่แล้วขึ้นรถกลับบ้าน
แต่พอเดินผ่านสนามบาสที่อยู่ติดรั้วหลังมหาลัยก็เผลอไมได้ที่จะหยุดมอง ...
“...........” มีนักกีฬาบาสของมหาลัยฝึกซ้อมอยู่หลายคน แต่สายตาของจุนมยอนกำลังจับจ้องอยู่ที่ ใครบางคน ...เขามองไม่เห็นจุมฮยอนหรอก เพราะเขาไม่แม้แต่จะหันมา... ร่างบางมองมองอยู่อย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ มันเป็นรอยยิ้มที่
จุนมยอนไม่ค่อยแสดงออกมาให้ใครเห็น
ไม่ว่าใครก็พูดเหมือนกันหมดว่ารอยยิ้มสดใสๆต่างหากที่เหมาะกับเขา ใครเห็นก็ต้อหลงรัก
ใครเห็นก็ต้องหลงรักเหรอ..... ไม่เห็นจะจริงเลย
มีอยู่คนนึงไง........
“จุนมยอนน!!!!!” เสียงเรียกที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ร่างบางที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งหันไปมอง แล้วก็หนีแทบไม่ทัน เมื่อโอเซฮุนตรงดิ่งมาหาราวกับพายุ จนคนบริเวณนั้นหันมามองด้วยความสนใจ
“ทำไมไม่รอเลยล่ะ ผมบอกแล้วไงว่าจะมารับ”
“ก็...พี่ว่าพี่จะกลับเอง...ลำบากนายเปล่าๆ” เขาตอบกลับไปโดยไม่ค่อยจะใส่ใจกับสรรพนามที่อีกคนเรียกเพียงชื่อของตนเองเฉยๆเท่าไรนัก เพราะเซฮุนเรียกเขาอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว กับเซฮุนเองก็คงจะเป็นความเคยชิน แม้ว่าเพื่อนของเขาจะเคยตักเตือน แต่เด็กดื้ออย่างเซฮุนน่ะฟังกันซะที่ไหน มิหนำซ้ำยังเกือบแลกหมัดกันซะอีก ดีนะที่เขาห้ามเอาไว้ได้ทัน
“ลำบากที่ไหน สำหรับพี่ไม่มีคำว่าลำบากหรอก” ใช่ มันจะไปลำบากเขาที่ไหนกัน ได้ขับรถไปส่งคนน่ารักอย่างจุนมยอน ที่พ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของเขาไปด้วย คงไม่มีอะไรจะมีความสุขไปกว่านี้แล้วใช่ไหมล่ะ
ใบหน้าหล่อยิ้มให้อีกคนอย่างเต็มใจแล้วถือวิสาสะคว้าปึกกระดาษโน้ตในมือของจุนมยอนมาถือไว้เสียเอง ก่อนที่มืออีกข้างจะไปคว้ามือบางมากุมเอาไว้อย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง หากแต่จุนมยอนกลับเผลอสะบัดมือออกทันที ทำเอาเซฮุนที่เตรียมเดินนำหน้าไปนั้นหันกลับมามองนิ่ง
“ขอโทษ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“บ้างทีพี่ก็น่าจะชินได้แล้ว”
ใบหน้าคมกรอกตาขึ้นมองฟ้าแล้วส่ายหัวเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของจุนมยอนเอาไว้อีกครั้งแน่น แม้จะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือแต่จุนมยอนก็ยอมเดินตามเซฮุนไปแต่โดยดี...หากแต่สายตาของจุมยอนก็ดันเผลอไปสบเข้ากับใครบางคนที่ยืนถือลูกบาสอยู่ข้างสนามแล้วมองมาทางเขาด้วยแววตาที่เขาเองก็ยากที่จะอธิบาย...
.......
...........
.................
“เฮ่ยไค มองอะไรอยู่วะ” เสียงทุ้มใหญ่เฉพาะตัวของเพื่อนรักอย่างชานยอลทักดังขึ้นพลางวิ่งเยาะๆเขามาหา ทำเอาจงอินที่กำลังยืนนิ่งมองร่างของใครบางคนเดินจากไปจนลับตาต้องสะดุ้งก่อนจะหันกลับไปมองต้นเสียงแล้วส่ายหัวเบาๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็กูเห็นอยู่ว่ามึงมองไอ้เซฮุน มึงคิดจะแก้แค้นให้ลู่หานใช่ไหมวะ”
“.....................”
“น่าจะบอกกู จะได้เข้าไปช่วยอัดแม่ง”พูดเองเออเองเสร็จสรรพอย่างเคืองๆ ก็จะไม่ให้ชานยอลแค้นไอ้หมอนั่นได้ไง บังอาจมาทำให้เพื่อนเขาเสียใจ จนลู่หานร้องไห้กับแบคฮยอนทางโทรศัพท์เป็นวรรคเป็นเวร แล้วมันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเขาไม่ต้องมารับภาระจ่ายค่าโทรศัพท์ที่บิลยาวเป็นหางว่าวเพราะแบคฮยอนมันเสือกขโมยโทรศัพท์ของเขาไปใช้!
แต่หน้าแปลกแหะที่ลู่หานมันเศร้าอยู่ได้แค่วันเดียว เพราะหลังวันเกิดหมอนั่นก็เหมือนจะร่าเริงผิดปกติ....
“เปล่า” เสียงไคตอบกลับมาสั้นๆเล่นเอาชานยอลรู้สึกฉุนอยู่ไม่น้อย
“นี่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง มันมาทำให้เพื่อนเราเสียใจนะเว่ย” จุนมยอนส่ายหัวเบาๆแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือแกร่งปาลูกบาสทิ้งไปยังกลางสนามก่อนจะก้าวเท้าไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆแล้วทิ้งตัวนั่งลง โดยมีชานยอลเดินตามไปนั่งด้วยติดๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องของลู่หาน แต่จะให้เขาบอกออกไปได้ยังไงว่าเมื่อครู่คนที่เขามองนั้นไม่ใช่ไอ้เซฮุน แต่คือคนที่เดินจับมือไปกับมัน....
“อย่างน้อยลู่หานก็ตาสว่างขึ้นไม่ใช่รึไง”
“แต่มันต้องโดนสั่งสอน”
“ใช่ มันต้องโดนสั่งสอน!” เสียงใสของใครบางคนเอ่ยแทรกตามขึ้นมาทันที จนชานยอลและจงอินหันกลับไปมองอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะพบว่าเป็นแบคฮยอนเพื่อนตัวเล็กที่เพิ่งเลิกเรียนวิชาเลือกเสร็จ กำลังเดินก้าวฉับเข้ามาทางพวกเขาแล้วทิ้งกระเป๋าดังตุ้ม
“อ้าวเตี้ยเป็นไรหน้าหงิกเป็นต---” ((
“เป็นอะไรพูดให้มันดีๆชานยอล” คนตัวเล็กตั้งท่าหาเรื่องทันทีนี่ยังไม่รวมที่มันว่าเขาว่าเตี้ยนะ บยอนแบคฮยอนไม่ได้เตี้ยนะ ความสูงเขาถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานชายเกาหลี เพียงแต่เตี้ยกว่าไอ้2ตัวนี้ก็เท่านั้นเอง หรืออีกอย่างก็คือพวกมันสูงเกินมาตรฐาน และคนที่ควรจะมีความสูงเป็นปมด้อยคือชานยอลกับจงอินไม่ใช่เขา!
“หน้าหงิกเป็นคนหน้าตาดี...เลย” ร่างโปร่งแค่นยิ้มตอบไปอีกอย่าง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำในกระติกประเคนให้อีกคนไปดื่มเผื่อจะได้ใจเย็นลง ก็คนที่ชานยอลไม่อยากมีเรื่องมากที่สุดรองจากลู่หานก็แบคฮยอนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าเขากลัวไอ้เตี้ยนี่หรอกนะ แต่สำหรับแบคฮยอนมีไว้ให้เกรงใจมากกว่า ใช่..มีไว้ให้เกรงใจ
... แล้วทำไมสายตาของจงอินที่มองมาทางเขามันเหมือนกับกำลังจะพูดว่า
((กูนึกว่ามึงจะแน่)) ด้วยวะ
ก็เขาบอกแล้วไงวะว่าเขาไม่ได้กลัวไอ้เตี้ยนี่น่ะ
“แม่ง เมื่อกี้เดินสวนกับไอ้เซฮุนด้วย เดินจูงมือไปกับพี่จุนมยอน นี่ถ้ากูไม่เกรงใจเขากูซัดหน้ามันไปแล้ว” แบคฮยอนว่าพลางเปิดขวดน้ำขึ้นซดเข้าปากอึกใหญ่อย่างเจ็บใจ
“เกรงใจรึกลัวมันต่อยกลับกันแน่เตี้ย”
“ไคคค ดูมันเห่อะ”
จงอินส่ายหน้าให้กับไอ้คู่เตี้ยสูงที่กำลังหาเรื่องกัน เขาถือลูกบาสเดินแยกไปกลางสนามชู๊ตมันลงแป้นหลายๆครั้ง เมื่อมันไม่ลงก็ชู๊ตซ้ำๆ ราวกับสมาธิหลุดลอยออกไปและกำลังพยายามเรียกมันกลับมา แค่นึกไปถึงใบหน้าหวานเศร้าๆก็รู้สึกหงุดหงิด
ใครกันล่ะที่เคยมาสารภาพรักกับเขาแล้วพอถูกเขาปฏิเสธ ก็ร้องไห้... หึ ดีแล้วที่เขาไม่สนใจ
เพราะตอนนี้ก็มีไอ้เซฮุนหน้าอ่อนมาตามต้อยๆแล้วนี่
“ไอ้ไคแบ่งทีมซ้อมกันเหอะ” เสียงตะโกนจากชานยอลทำให้จงอินโยนเรื่องบ้าๆในหัวทิ้งแล้วเดินไปรวมซ้อมกับเพื่อนๆ
.......
...........
...............
.................
จุนมยอนถูกพามานั่งในร้านอาหารแทนที่จะได้กลับบ้านเพราะเซฮุนยืนยันว่าจะเลี้ยงข้าวเย็น พอนั่งอยู่ในร้านเซฮุนก็เป็นคนสั่งอาหารและคอยดูแลทุกอย่างให้อย่างดี ถึงแม้จุนมยอนไม่ได้เต็มใจมาแต่เพราะรอยยิ้มของเซฮุนที่ส่งมาให้มีแต่ความจริงใจเลยยิ้มตอบไปด้วย
“วันนี้ผมเลยไม่ได้ดูจุนมยอนร้องเพลงเลย”
“นายก็เคยฟังพี่ร้องบ่อยๆ”
“ผมอยากฟังจุนมยอนร้องด้วยตาตัวเองทุกครั้งนี่ มีงานครั้งต่อไปตอนไหน” เซฮุนถามพร้อมยิ้มใส่ตาคนน่ารัก เขาชอบทุกครั้งเวลาที่จุนมยอนหลบตาเขาเหมือนกับกำลังเขิน ถึงจะไม่รู้ว่าใช่ความเขินรึเปล่า ก็ขอเข้าตัวเองเถอะ
“อาจารย์ยังไม่ได้บอกมาเลย ช่วงนี้ต้องทำงานส่งอาจารย์ด้วย พรุ่งนี้เลยจะไปหาข้อมูลในห้องสมุด”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปอยู่เป็นเพื่อน”
“อ...อืม...”
ใบหน้าหวานก้มลงทานอาหารเงียบๆ ตอบคำถามเซฮุนเป็นบางครั้ง หรือบางครั้งที่ได้มองไปรอบร้านอาหารก็มักเห็นสายตาของสาวๆแอบลอบมองมาทางเซฮุนบ่อยครั้ง เลยทำให้จุนฮยอนเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย หนุ่มฮอตอย่างเซฮุนเวลาไปไหนด้วยก็ต้องตกเป็นเป้าสายตา ..หรือบางครั้งอาจจะเป็นเป้านินทาก็ได้
“พี่อึดอัดรึเปล่า”
“..........” เสียงถามที่เหมือนล่วงรู้ความในใจทำให้จุนมยอนมองสบตา กัดริมฝีปากแดงของตัวเองแล้วพยักหน้าเบาๆ มือของคนถามเลยเอื้อมมาไล้ที่แก้มขาวแผ่วเบา “ ผมขอโทษ ทีหลังเราไปร้านที่ไม่ค่อยมีคนดีกว่าเนอะ จุนฮยอนจะได้ไม่อึดอัด”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก แค่กลัวเขาจะมองเซฮุนไม่ดี....”
“ทำไมต้องมองผมไม่ดี”
“.................” เงียบ ไม่มีคำตอบ แต่เหมือนเซฮุนจะรู้ถึงสิ่งที่จุนมฮยอนคิด เลยบีบมือเรียวไว้แน่น
“ผมไม่เห็นแคร์ ก็ผมชอบจุนฮยอนนี่”
...........
...............
....................
มื้ออาหารจบลงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เซฮุนสั่งไอศกรีมรสโปรดให้จุนฮยอนทานก่อนจะเช็กบิลกลับด้วยรถของเซฮุนเอง ตลอดเวลาที่นั่งมาในรถไม่มีการพูดคุยใดๆ พอถึงบ้านก็พลบเย็นเกือบหัวค่ำ
“ปลดล็อคสิ พี่จะลงแล้ว”
“จุนมยอนอ่า ผมชอบจุนมยอนนะ อย่าทำหน้าเหมือนฝืนๆเวลาอยู่กับผมสิ มันทำให้ผมเสียใจนะ”
“เซฮุนเป็นน้องพี่”
“ก็ไม่ได้อยากเป็นน้องนี่ อยากเป็นสามี”
“..................” คำพูดตรงๆทำเอาใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีทันที เซฮุนยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มลงฉวยโอกาสหอมแก้มปลั่งนั่นอย่างแผ่วเบาทำเอาจุนมยอนตกใจเบนหน้าหนีไม่ทัน คราวนี้ร่างสูงเลยหัวเราะออกมากับท่าทางตื่นๆนี่ ก็แล้วจะให้เขาเรียกพี่ได้ไง ในเมื่ออีกคนท่าทางเด็กกว่าเขาขนาดนี้
“ฝันดีนะจุนมยอน”
ร่างบางไม่ตอบแต่รีบเปิดประตูลงมาจากรถ ลูบแก้มตัวเองเบาๆ ถ้าถูกเซฮุนจู่โจมแบบนี้มากๆสักวันนึงเขาต้องแย่แน่ พอรถเซฮุนเลื่อนออกไป ก็ต้องมองรอบๆตัวที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครเดินมาทางหน้าบ้านเพราะเป็นช่วงค่ำ ร่างบางแอบถอนหายใจเพราะกลัวใครจะมาเห็นแล้วเอาไปว่าลับหลัง
แต่พอหันหลังจะเดินเข้าบ้านกลับเจอใครบางคนยืนอยู่...........
“ไค....” เสียงจุนมยอนครางอย่างตกใจ ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นทันทีเห็นอีกคนยืนมองหน้าเขานิ่ง จงอินยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไร แล้วเมื่อครู่ที่เซฮุน....หอมแก้มเขาล่ะ จงอินจะเห็นรึเปล่า
อ่า...แล้วทำไมจุนมยอนจะต้องกลัวว่าจงอินจะคิดอะไรด้วยล่ะ
ก็ในเมื่ออีกคนไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย...นายมันบ้าไปแล้ว คิม จุนมยอน
“พอดีเอาของมาให้พี่ซีวอนน่ะ”
“หรอ....”ร่างสูงพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ หากแต่ดวงตาทั้งสองคู่เหมือนไม่ได้สนใจในคำตอบหรือคำถามของกันและกันแม้แต่น้อย มันก็แค่คำถามที่อีกคนตั้งขึ้นเพื่อให้ได้ถ่วงเวลาเอาไว้อีกสักนิด และคำตอบที่เพียงแค่ต้องการได้เพียงเห็นใบหน้าหวานนั้นชัดๆ
“งั้นผมกลับล่ะ” เขาพูดตัดบทขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแววตาเศร้าๆของจุนมยอนที่เหมือนกำลังตัดพ้อเขาอยู่เป็นนัยๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังบ้านของตัวเองบ้าง
ใช่บ้านของเขา....ที่อยู่ข้างๆกับบ้านของคิมจุมยอน และแม้แต่ชานยอล แบคฮยอนหรือลู่หานเองก็ไม่รู้
“เดี๋ยวไค”
“...............”
“เมื่อกี้พี่กับเซฮุนเราไม่ได้....”
“พี่จะทำอะไรมันก็ไม่ได้อะไรกับผมอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอก”จงอินพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับไปอีกครั้งโดยไม่หันกลับมามองเจ้าของบ้านตัวเล็กอีก ทิ้งให้จุนมยอนมองตามแผ่นหลังแกร่งนั่นหายลับเข้าบ้านไปจนสุดสายตา กลีบปากบางเม้มกัดเข้าหากันแน่นให้ตัวเองได้รู้สึกเจ็บเล่น พอยิ่งคิดว่าตัวเองเผลอพูดออกไปอย่างนั้นแล้วจุมยอนก็ยิ่งนึกอยากจะตบปากตัวเองแรงๆอยู่ไม่น้อย ทำไมเขาจะต้องร้อนรนรีบแก้ตัวเหมือนว่ากับเขากำลังทำผิดมหันต์ต่อจงอินอย่างนั้นกันด้วย
เฮ่อ...จุนมยอนนะจุนมยอน
TBC
ความคิดเห็น