ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [infinite|woogyu] two shots of spirits, the flavor of us.

    ลำดับตอนที่ #7 : three | "presents"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 690
      4
      7 ส.ค. 58







    3rd memory | 

    "presents

     

     


     flumpool - present



     


    ลูกแก้วกลมๆตั้งอยู่บนฐานไม้มั่นคง กากเพชรที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับลอยละลิ่ววนเวียนอยู่ภายในจากการถูกขยับเคลื่อนไหวเมื่อครู่ ลมหายใจถูกผ่อนออกเบาและยาวจนเกิดเป็นฝ้าไออยู่บนพื้นผิวแก้ว ดวงตาเรียวสวยจับจ้องสิ่งที่อยู่ภายในอย่างง่วงงุนพร้อมกับไล้ปลายนิ้วตามรอยโค้งลื่น


    snow globe หรือลูกแก้วหิมะจำลองที่มีอายุยาวนานหลายปียังคงเป็นสิ่งสำคัญของเจ้าของเสมอ เป็นหนึ่งในของขวัญวันเกิดที่ได้จากเขาทุกๆปี บางปีก็เป็นของที่มีประโยชน์เช่นหนังสือวรรณกรรมของนักเขียนที่ชอบ หรือบางปีก็เป็นของไร้สาระอย่างมือปลอมที่ทำเอาตื่นตกใจจนโมโห หลีกหนี ไม่คุย ไม่มองหน้าคนให้ไปสามสี่วัน


    มือขาวจัดชะงักอยู่กับที่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเสนาะหู

     


    "พี่ซองกยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์"


     

    "นี่นาย... เห็นฉันอายุห้าสิบสี่แล้วหรือไง?"


     

    สุ้มเสียงนุ่มว่าอย่างไม่จริงจังนักเมื่อกล่องของขวัญเรียบๆถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ ชายหนุ่มร่างโปร่งหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นผู้รับเบ้ปาก ผ้าพันคอผืนนุ่มถูกปลดออกจากคอ เผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่อมยิ้มจนแก้มตุ่ย

     

    "นายควรที่จะเลิกให้ของขวัญนอกเทศกาลซักที เต็มบ้านไปหมดแล้ว" ชายหนุ่มผิวขาวที่อยู่ด้านในเคาน์เตอร์บ่นกระปอดกระแปดพลางพิจารณากล่องที่ห่อด้วยกระดาษด้านสีเทาด้วยปลายนิ้ว "ถ้าว่างก็มาช่วยกันทำงานบ้านด้วยเลยสิ เพราะของที่รกบ้านฉันอยู่ก็มาจากนายทั้งนั้น"

     

    "แต่พี่ก็ชอบ"

     

    ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆคาเฟ่ที่เป็นงานพาร์ทไทม์ของเขาเวลาไม่มีเรียน เมื่อไม่เห็นพี่เมเนเจอร์อยู่ในสายตาแล้วจึงหันกลับมาสนใจคนที่ยิ้มเก้ออยู่ตรงหน้า ซองกยูเคี้ยวริมฝีปากล่างตัวเองแล้วค่อยๆแกะกระดาษห่ออย่างระมัดระวัง มันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ค่อนข้างแบน ดูจากลักษณะแล้ว ซองกยูก็พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นอะไร ก็คงเป็นหนังสือ—
     

    เมื่อเปิดฝาออก ซองกยูได้แต่นิ่งมองสิ่งที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยตาปริบๆ เขาหลุดหัวเราะเบาๆเพราะมันแตกต่างไปจากที่เขาคิด เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนตรงหน้ายืนรอด้วยรอยยิ้มรู้ทัน

     

     

    "นายพูดถูก ฉันชอบ" ซองกยูฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วหยิบกล่องดีวีดีขึ้นมาชื่นชม พอใจกับรสนิยมการเลือกภาพยนตร์ของอีกฝ่าย แอนิเมชั่นของ Glibli Studio ก็เพราะชอบดูการ์ตูนกันทั้งคู่นั่นแหละ เขาบอกขอบคุณก่อนจะรีบกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง "งั้นวันนี้รับอะไรดีครับ?"
     

    "กาแฟร้อนครับ แล้วก็..." ร่างโปร่งทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้ม ปลายนิ้วชี้ไปยังของขวัญที่ตนเพิ่งให้เมื่อครู่ "ดูนั่นด้วยกันนะครับ
     

    ปฏิกริยาที่ได้รับก็คุ้มค่ากับคำหยอดเล็กๆน้อยๆพอให้ขนลุกเล่น เมื่อแก้มขาวๆถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเลือดฝาดเพราะมันฟังดูเหมือนถูกชวนไปเดทยังไงก็ไม่รู้ ซองกยูอมลมจนแก้มพองแล้วทำท่าจะโยนดีวีดีในมือใส่ ชายหนุ่มทำเป็นสะดุ้งแล้วกระโดดถอยหลัง ปฏิกริยาโอเวอร์เกินจริงทำให้ความไม่พอใจที่แสร้งทำในทีแรกนั้นพังทลายในที่สุด

     

    "นายเลิกเรียนกี่โมง?" ซองกยูถามขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากยื่นมือออกไปขยี้ผมของคนเด็กกว่าเสียกระจาย


    "อืม ประมานสี่โมงครึ่ง"


    "งั้น... เย็นนี้?" พออูฮยอนพยักหน้ารับเป็นการตกลงแล้วจึงพูดต่อ "ฉันออกกะบ่ายสาม มาช่วยกันทำความสะอาดบ้าน จะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วก็... ดูหนังมาราธอนเป็นไง?"


     

    "เพอร์เฟ็ค"

     


     

    (อาจจะไม่เพอร์เฟ็คเท่าไหร่ในส่วนของซองกยูเพราะเขาพบตัวเองรัวกำปั้นใส่ต้นแขนของอูฮยอนไม่ยั้งหลังจากหนังเรื่องสุดท้ายที่เลือกมาจบลง ถึงจะกลัวกันทั้งคู่แต่เสียงหลอนๆที่อีกฝ่ายคอยทำคลอตลอดทั้งเรื่องคงทำให้เขาขวัญผวาไปอีกนาน เขาสาบานได้ว่าจะไม่ดูหนังสยองขวัญกับเด็กนี่อีกต่อไป)

     

     

    ~

     

     

    ซองกยูหมุนลูกบิดบนเครื่องทำกาแฟจนไปหยุดอยู่ที่เอสเพรซโซสองช็อต กดกลิ่นเฮเซลนัทลงไปในถ้วยตวง ตามด้วยไซรัปนิดหน่อยเพื่อความหวานเพียงน้อย เขาเทนมสดลงไปในแก้วพลาสติกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและตามด้วยส่วนของกาแฟ พยักหน้ากับตัวเองด้วยความพอใจเมื่อทั้งสองอย่างแบ่งชั้นได้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ

     

    "เฮเซลนัทลาเต้ครับ"

     

    แก้วพลาสติกถูกวางลงบนโต๊ะกลมเบาๆ ส่งผลให้ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเลิกคิ้วให้

     

    "แต่ผมสั่งแค่ไอซ์ลาเต้–" ซองกยูตัดประโยคของอูฮยอนด้วยการนั่งลงตรงข้ามแล้วดันแก้วไปตรงหน้าอีกฝ่าย

     

    ใช้เวลาประมานไม่กี่วินาทีในการประมวลผลในสิ่งที่ได้ยิน อูฮยอนก็หัวเราะออกมาเบาๆ พับหนังสือพิมพ์เป็นสี่ทบก่อนจะก้มหน้าลงกัดหลอด ช้อนตาขึ้นมองคนที่นั่งท้าวคางตัวเองด้วยสองมือที่นั่งอยู่ตรงข้าม คนอายุมากกว่ามองมาด้วยดวงตาเป็นประกายและเต็มไปด้วยความคาดหวัง


     

    "พี่นี่น่ารำคาญเหมือนกันแฮะ" อูฮยอนเห็นแล้วก็พูดกลั้วหัวเราะ
     

    "เฮ้ย อย่าพูดมาก"


    "ครับครับ"
     

    อูฮยอนดื่มลาเต้เย็นเฉียบเข้าไปอึกใหญ่ ปล่อยให้รสชาดหวานขมของกาแฟและกลิ่นหอมหวานของเฮเซลนัทลงคอไปอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มหายใจเข้าออกลึกๆแล้วยิ้มให้คนตรงหน้า เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาแทนคำตอบ เมื่อซองกยูได้รับสิ่งที่ต้องการริมฝีปากสีสดก็โค้งเป็นรอยยิ้มเจือความพึงพอใจ ในเวลาเช้าตรู่ที่ลูกค้ายังบางตา ทั้งคู่ก็นั่งคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระและข่าวในหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เสียงกระดิ่งหน้าร้านจะดังขึ้น
     

    ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นพร้อมกับถาดทรงกลมในอ้อมแขนเมื่อเห็นคนที่เพิ่งเดินเข้ามา รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า


     

    "โฮวอน!"

     

     

    โฮวอน อูฮยอนเม้มปากแน่นไปกับชื่อและร่างกายกำยำที่เพิ่งก้าวเข้ามา เขาขมวดคิ้วมองซองกยูที่ทักทายคนอายุน้อยกว่าอย่างร่าเริงและกระฉับกระเฉง แต่อูฮยอนรู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามหรือไม่พอใจที่เห็นแขนแกร่งยกขึ้นโอบเอวบางอย่างนุ่มนวล ก็ในเมื่ออีโฮวอนคือคนรักของซองกยู ใครๆก็รู้
     

    เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเอาหนังสือพิมพ์ไปเก็บไว้บนรางไม้ดังเดิม หยิบผ้าพันคอที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้ขึ้นมาโยนข้ามไหล่ไว้อย่างลวกๆก่อนจะเดินเข้าไปหาคนสองคนที่อยู่ด้านในเคาน์เตอร์โดยบีบแก้วพลาสติกในมือเพื่อระงับการสั่นไหว

     


    "พี่ซองกยู ผมไปก่อนนะ"

     

    "ไปแล้วเหรอ?" ซองกยูหันขวับกลับมาโดยที่ยังมีแขนของโฮวอนเกี่ยวเอวเอาไว้อยู่ "กลับบ้านเมื่อไหร่ก็แวะมาเอาพายแอปเปิ้ลด้วยล่ะ พี่ฮโยซองเอามาฝาก"

     

    อูฮยอนพยักหน้ารับน้อยๆ เขามองโฮวอนที่ยิ้มมาให้พร้อมกับโบกมือลาแล้วก็จำต้องยิ้มตอบเพื่อน และเขาก็รู้สึกถึงกล้ามเนื้อรอบริมฝีปากที่มันตึงแน่นจากความฝืน
     

    เสียงกังวาลใสของกระดิ่งหน้าประตูและรอยยิ้มของซองกยูบาดลึกลงไปในใจจนเจ็บแสบ อูฮยอนสบถใต้ลมหายใจให้กับแรงกระตุกวูบที่กลางหน้าอก เห็นบ่อยแค่ไหนก็ยังใจหาย
     

    ทั้งๆที่ทำเป็นเข้มแข็งและยอมปล่อยไปแล้วแท้ๆ

     

     

    ~

     

     

    "คำสามคำง่ายๆ พูดออกไปก็ไม่ตายหรอกมั้ง อูฮยอน"


     

    เจ้าของชื่อถอนหายใจแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เบื่อหน่ายกับคำตำหนิมากมายที่ได้ยินมาไม่หยุดหย่อน นอกจากคนที่สนิทมากๆแล้ว คนรอบตัวเขาต่างก็สงสัยทั้งนั้นว่าทำไมเขาถึงได้ไม่แยแสถึงความเป็นที่ชื่นชอบซักเท่าไหร่ จริงอยู่ที่เขาก็มีมองใครบ้าง นัมอูฮยอนก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อยากอยู่ในความสัมพันธ์ ต้องการที่จะได้รับความสนใจจากใครซักคน
     

    ถ้าจะให้พูดตามตรง เขาพอใจแล้วกับความห่วงใยและความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายมีให้ มิตรภาพจากซองกยูเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตเขา แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ที่นึกหวังอยากได้อะไรมากกว่านั้น แต่ในเมื่อซองกยูดิ้นหลุดออกไปจากฝ่ามือในที่สุด อูฮยอนถึงได้ตระหนักว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และถูกความเป็นจริงบีบบังคับให้พยายามที่จะลืมและตัดใจ
     

    หากแต่ว่าเขาหาทางออกไม่เจอ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้อูฮยอนเลิกนึกถึงเจ้าของดวงตาคู่เล็กและรอยยิ้มสวยๆนั้นได้เลยซักที ยังไงดีล่ะ... เพื่อนข้างบ้านก็ซองกยู เพื่อนสมัยอนุบาลก็ซองกยู ขึ้นประถมแล้วก็ยังเล่นกับซองกยู ชอบสาวคนไหนเข้าก็คุยกับซองกยู เลิกกับแฟนก็ไปร้องไห้กับซองกยู การตัดสินใจเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็มีซองกยูช่วย กำลังใจก็มาจากซองกยู มองไปทางไหนก็ซองกยู

     

    เมื่อทุกอย่างมันกระจ่าง อูฮยอนก็พบว่าทั้งโลกของเขาก็มีแต่คิมซองกยู

     

     

     

    "อย่าพูดเหมือนกับว่ามันทำง่ายที่สุดในโลกสิวะ ให้ฉันปีนหน้าต่างกระโดดลงไปตอนนี้เลยยังง่ายกว่า"

     

    คนเป็นเพื่อนอ้าปากกำลังจะโต้ตอบ แต่อูฮยอนก็ยกมือขึ้นมาบอกให้หยุด เขาส่ายหน้าเบาๆแล้วถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน

     

    "แค่คิดว่าพี่ซองกยูจะทำหน้ายังไง ฉันก็ขนลุกแล้ว"

     

    "แต่พี่ซองกยูแคร์นายมากกว่าตัวเอง–"

     

    "แต่เขาชอบโฮวอน ในฐานะคนรัก" อูฮยอนหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับมยองซูที่มีสีหน้าจริงจังเหมือนกัน บางทีเขาก็อยากจะบอกให้อีกฝ่ายเลิกสนใจสถานการณ์ของเขาเสียที ยิ่งพูดถึงมากเท่าไหร่ อูฮยอนก็ยิ่งลืมไม่ได้ "ถ้าฉันเป็นได้แค่นี้ จะไปเรียกร้องอะไรได้อีก"

     

    ถึงกับทิ้งแฟนไปหา คนที่อยู่ในฐานะแค่นี้ ที่ว่าเพียงเพื่อจะไปรับกลับบ้านเพราะมันแค่ไปดื่มแล้วขับรถกลับเองไม่ได้เนี่ยนะ มยองซูคิดแล้วก็กรอกตาหน่ายๆ

     

    "งั้นนายยิ่งต้องสารภาพ" มยองซูขยี้ผมสีดำขลับของตัวเองเมื่อเห็นสีหน้างุนงงจากเพื่อน "โว๊ะ ซื่อบื้อเอ๊ย... ถ้านายพูดมันออกไปได้เมื่อไหร่ นั่นแหละคือเวลาที่นายพร้อมที่จะตัดใจ"

     

    อูฮยอนนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะแค่นหัวเราะเมื่อคิดว่าที่มยองซูพูดมาก็ถูก เพราะที่เขาทำมาตลอดก็คือการมัวแต่เฝ้าพะวงตอกย้ำความรู้สึกที่มีจนฝังลึกอย่างไม่คิดที่จะให้อีกฝ่ายรู้ ปล่อยให้มันแผ่ก้านใบจนพัวพันแก้ไม่ออก ถ้าเพียงเขาจะกล้าพูดมันออกไปและยอมรับทุกๆผลกระทบที่จะตามมา อูฮยอนอาจจะประสบความสำเร็จในการถอยออกไปจากชีวิตของซองกยูมากกว่านี้

     

    แต่มันมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น
     


    ชายหนุ่มทิ้งหน้าผากลงกับโต๊ะแรงๆก่อนจะแน่นิ่งไปเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มยองซูก็ได้แต่กระพริบตาช้าๆด้วยความข้องใจเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเพื่อน

     

     

    "ที่นายพูดมามันก็ใช่ แต่ก็นั่นแหละ–" อูฮยอนหายใจเข้าลึกแล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่ไม่หายไปจากใบหน้า "ฉันตัดสินใจที่จะยอมเจ็บตั้งแต่ยืนมองเฉยๆแล้ว"

     

    ไม่เสียดายซักวินาที–

     

    "ก็เราโตขึ้นมาด้วยกันนี่นา พี่ซองกยูไม่ทิ้งฉันง่ายๆหรอก"
     

    "ความคิดแบบนี้ก็สมเป็นนายดี" มยองซูยักไหล่แล้วหัวเราะเบาๆ

     

     

    อยากเห็นเขายิ้ม อยากให้เขามีความสุขจากอะไรเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ และยอมก้าวถอยไปถ้าในที่สุดแล้วไม่ใช่คนของเขา คือความรักในแบบที่อูฮยอนเข้าใจ อาจจะต้องอยู่กับมันตลอดไปก็ได้แต่ซองกยูไม่จำเป็นต้องรู้ การได้มีความรู้สึกดีๆกับใครซักคนโดยเฉพาะกับผู้ชายคนนี้ไม่มีทางที่จะเป็นทางเลือกที่ผิด ซองกยูเป็นเหมือนกับของขวัญที่หาจากที่ไหนไม่ได้แล้ว
     

    ถ้ามีใครเกิดสงสัยว่าทำไมอูฮยอนถึงได้พร่ำเสาะหาสิ่งของมากมายให้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย และนั่งห่อของขวัญเหล่านั้นแม้ในวันที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ – ก็ดูสิ คิมซองกยูให้อะไรเขาตั้งเยอะแยะ – เขาก็แค่ยิ้มและตอบกลับไปง่ายๆ

     

     

    "ตอบแทนพี่ซองกยู"

     

     

    ~

     

     

    ซองกยูยืนกระพริบตามองสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว เขายกมือขึ้นขยี้ตาแล้วก็กระพริบถี่ๆให้แน่ใจว่าเขามองมันไม่ผิด หนึ่งคือนาฬิกาข้อมือพลาสติกที่สีเริ่มซีดอันเล็กจิ๋ว ซองกยูจำได้ว่ามันอยู่ในกล่องใส่ของจิปาถะที่อยู่ใต้โซฟา น่าจะเป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่แลกกันตอนยังเด็ก และสิ่งที่วางอยู่ข้างๆกันคือนาฬิกาทรายขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อยที่วางทับกระดาษโน๊ตเอาไว้ เม็ดทรายจำนวนสุดท้ายเพิ่งจะร่วงผ่านช่องลงไปทิ้งให้ฝั่งบนว่างเปล่า ซองกยูพลิกมันกลับหัวก่อนจะกางกระดาษออกแล้วไล่สายตาอ่านลายมือเรียบร้อยอย่างใจเย็น
     

     

    นาฬิกาลายงี่เง่านี่มันโบราณสุดๆเลยนะ ทำไมพี่ยังเก็บเอาไว้อีก?
    แต่มันเป็นลายพาวเวอร์เรนเจอร์พิทักษ์ความยุติธรรมที่เราชอบดูทุกเช้าสุดสัปดาห์ล่ะ
    ไว้ไปหามาดูด้วยกันอีกไหม?

     


    ข้อความเข้าใจง่ายที่แทบจะไม่เกี่ยวกับนาฬิกาทรายหน้าตาคลาสสิกอันนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ซองกยูก็รู้สึกว่าตัวเองอมยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดแค่คิดว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร ใจความสำคัญที่ลอยอยู่ในอากาศระหว่างสิ่งของสองชิ้นนี้


     

    'เราโตขึ้นแล้วนะ'

     

     

     

     

    end "presents"
    tbc→

    เคยไหม การที่อยู่ดีๆก็อยากซื้ออะไรให้ใครโดยไร้เหตุผล
    ถึงจะเป็นแค่ความพยายามตอบแทนอะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะแทนด้วยสิ่งของได้ก็ตามที :)
    (ขอแอบทำตัวเป็นแฟนคลับของเพลงประกอบนิดนึง ฮา ชอบวงนี้มากเลยฮะ xD)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×