คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Numb
เช้าต่อมาบนดาดฟ้าของโรงเรียน..
“เฮ้ เป็นอะไรของเธอ ท้องเสียหรือไง..”
ในโรงเรียนยามเช้า...นาโอมิมาโรงเรียนเช้ากว่าเมื่อวันก่อน เธอใช้เวลายามเช้าไปกับหนังสือเล่มหนาที่เพิ่งได้จากพ่อเลี้ยงเมื่อคืนก่อน เขาวางมันเอาไว้ที่หน้าห้องของเธอแล้วก็ไม่มีคำพูดอะไรมากไปกว่านั้น ทำให้เธอเริ่มคิดถึงเป้าหมายจริงๆ จังๆ ของตัวเองได้บ้าง...
แต่ไม่ใช่ตอนที่ได้เจอกับคาคาชิ...
เธอเพิ่งจะนึกได้ว่า เราไม่ควรรู้จักกันเลย..ไม่ควรจริงๆ..
ดวงตาสีทองครามหม่นลงเล็กน้อย พลางจะมองร่างสูงตรงหน้า...แต่จะให้เธอทิ้งงั้นเหรอ ความรู้สึกดีๆ ที่ผ่านมาไม่นานมันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะคว้ามาจากใครง่ายๆ เธอจะเอาสิ่งที่ควบคุมชีวิตเธอมาตลอด มาตัดสินสิ่งมีค่าพวกนั้นได้ยังไง...
แล้ว...เธอควรจะทำยังไง...คำถามนั้นมันทำให้เธอเศร้าเพราะคิดคำตอบนั้นไม่ได้...
“อืม ฉันกำลังรู้สึกแย่พอๆกันเลยล่ะ”เธอตอบเสียงเบาแล้วปิดหนังสือของตัวเอง..
“เรื่องแค่นี้เธอไม่น่าจะละเอียดอ่อนเลยนะ..กินนมบูดหรือไง”เขาเดินมานั่งข้างๆ เพื่อนสาวแล้วถอดผ้าคลุมออกเพื่อเตรียมจัดการกับมื้อเช้าที่เพิ่งซื้อมา สายตาไล่ไปมองคนที่ผิดปกติในวันนี้แล้วมองท้องฟ้าที่อึมครึมคล้ายจะฝนตก “วันนี้ฟ้าครึ้มจังเลยนะ..”
เหมือนใบหน้าของเธอด้วย มันช่างหม่นจริงๆ...
“นั่นซิ..แย่จัง”เธอพึมพำเสียงลอยก่อนที่จะลูบเปลือกตาตัวเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนข้างๆ กำลังมองเธออยู่นั้นรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย..ครั้นเขาจะหันไปถาม..
“เฮ้.-“
“เอ้า คาคาชิ มาอยู่ที่นี่อีกแล้วเหรอ?”เสียงหวานของใครซักคนหนึ่งทักเขาเสียก่อน พอเขารู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร..เขาจึงรีบละมือของตัวเองออกแล้วหันไปสนใจต้นเสียงที่เรียกขานเขาทันที...
“ริน”เขาเรียกชื่อนั้นแล้วยิ้มเล็กๆ “มีอะไรเหรอ..”
“เปล่าหรอกจ๊ะ ก็แค่มาทักเธอนะ เมื่อวานนี้ขอบคุณมากเลยนะ”รินพูดแล้วยิ้มหวานอีกครั้งหนึ่ง สายตาของเธอหันไปมองยังหญิงสาวข้างๆ เขาเล็กน้อยก่อนที่จะเลื่อนมามองเขาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับถือกล่องๆ หนึ่งขึ้นมา “ถือเป็นของขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”เขาพูดปรามอีกคนด้วยความเกรงใจ..สายตายังมองไปยังคนที่จู่ๆ วันนี้กลับไม่เหมือนเดิมอย่างที่เขาเห็นทุกวัน..แม้ว่าเขาจะมีเวลาอยู่ที่โรงเรียนมากขึ้น..แต่เขาไม่ได้หวังว่าจะมาเจอภาพนี้เลย...
เขาแค่อยากเห็นเธอยิ้ม เหมือนตอนนั้น..
“แล้วนี่..เพื่อนในห้องที่ว่าเหรอ น่ารักจัง..ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะจ๊ะ หน้าตาเธอออกไปทางๆ ยุโรปด้วยนะเนี่ย..”คนมาใหม่หันมาถามเขาแล้วมองมายังเพื่อนใหม่ที่กำลังนั่งเงียบๆ มาได้พักหนึ่งแล้ว นาโอมิสะดุ้งตัวก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร..
“โทษทีนะ..ฉันชื่อเซ็น นาโอมิ แล้วก็ขอบคุณที่ชมฉันนะ เธอเองก็น่ารักเหมือนกัน”นาโอมิเงยหน้าขึ้นมายิ้มเล็กๆ
คาคาชิที่ได้ยินแบบนั้นหันขวับไปมองทันที....พูดจาดีแปลกๆ แฮะ..
“เธอปากหวานมากเลยอ่ะ...มีแฟนหรือยังจ๊ะเนี่ย”เพราะโดนทั้งสายตาและรอยยิ้มไปเต็มๆ ทำเอารินถึงกับหน้าแดงเห่อร้อนแล้วรีบถามอีกคนทันที
“โหย พูดหวานใช่ว่าจะต้องมีป๊ะล่ะ”เธอยิ้มขำแล้วมองระหว่างคนสองคนที่มองหน้ากันยิ้มเล็กยิ้มน้อยเท่านั้นละก็เข้าใจทันที “อย่าบอกนะว่า..ฉันพลาดอะไรไป.”
“ไม่ เราเป็น-“
“ตาแหลมมากจ๊ะ~เราเป็นแฟนกัน~คาคาชิหนะ ขี้อายก็เลยไม่กล้าพูดอีกละซิ”รินพูดเสียงหวานก่อนที่จะยิ้มให้นาโอมิอย่างเป็นมิตร ผิดกับสีหน้าของคาคาชิที่นิ่งไปเสียสนิทไม่มีคำเถียงใดๆ ต่อจากนั้นเลย
...แสดงว่านี่คงเป็นเรื่องจริง..
หญิงสาวเบิกตากว้างเบาๆ มีบางอย่างในร่างกายของตัวเองที่ค่อยๆ เคลื่อนไปมาอย่างเอื่ยช้าและลึกลงไปจากหน้าอก..ลึกลงไปยังส่วนลึกในความรู้สึกที่ไม่เคยหยั่งถึง มือทั้งสองรู้สึกสั่นเทิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเพราะรู้สึกว่าตัวเองคงจะมาเกะกะชาวบ้าน อีกอย่างเพื่อนของเธอเองก็ไม่ใช่คนมีเวลาเท่าไหร่ซะด้วย..
เพื่อนของเธองั้นเหรอ...หึ...นาโอมิเดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้งั้นเหรอเนี่ย...
“งั้น..ฉันไม่กวนนะ..”
ใช่..ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปซะ..
หมับ..
ร่างสูงคว้ามือเล็กๆ เบาไว้ทันที เขามองหน้าเพื่อนที่ดูแปลกๆไป..“จะไปไหน..นาโอมิ”
“อะไรของนายอีกละ..แฟนนายมาทั้งคนนะ”เสียงเบาถามคนที่รั้งมือของเธอไว้ “เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับวะ..ขอไปก่อนนะ นายอยู่ที่นี่เถอะ..”
...อยู่ตรงที่ๆ เหมาะสมมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ..
ฉัน...ไม่ควรจะหวัง..อะไรจากนายเลยซักนิด...
นาโอมินั่งอยู่ในพุ่มไม้สูง..สถานที่ที่ไม่มีใครเข้ามาและสงบ..
“หลับซิ...เหนื่อยแล้วนะ...”
หลังจากเดินออกมาจากดาดฟ้า หาที่เงียบๆ สบายใจและเอนพิงตัวเองลงบนต้นไม้ได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือการพยายามข่มตาหลับ..แต่มันก็ไม่หลับซักที มันเป็นอะไรที่เธอไม่โปรดเอาซะเลย มันเจ็บใจที่เธอไม่เข้าใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเผชิญกับสภาพอ่อนแอของตัวเอง ถ้าจะมองในแง่ของคนในครอบครัวของเธอมันคงเป็นเรื่องที่อัปยศ..
วอร์คเกอร์...ไม่ควรอ่อนแอ และเพราะเธออ่อนแอ จึงถูกทิ้ง..
ในความจริงแล้วนาโอมิก็ไม่อยากจะคิดแง่ร้ายถึงจุดนั้น แต่เธอเองก็ยังไม่ได้คำตอบเลยว่าทำไมครอบครัวบ้านั่นถึงได้หายไปกันหมด ทำไมสิ่งที่เธอได้รับมีเพียงแค่จดหมายโง่ๆ แล้วก็พวกคนแปลกหน้าที่พาเธอมาที่นี่...ไอ้ตาแก่นั่นคิดจะทำกับเธอเหมือนที่ทำกับผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ ไม่...เลิกคิดซะ ในตอนนี้เธอคือเซ็น นาโอมิ รักษาความลับ..ถ้าอยากมีชีวิตอยู่อย่าทำให้โทบิรามะต้องผิดหวัง ห้ามเด็ดขาด...
แต่...หมอนั่น เธอควรจะจัดการความรู้สึกนี้ยังไงดี เพราะดันมาโรงเรียนซะเช้าขนาดนี้ แถมยังมาเจอเหตุการณ์แปลกๆ ตาไปเมื่อกี้อีก เฮ้อ..ให้ตายซิ ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนรู้อะไรมาเยอะ แต่พระเจ้าท่านคงไม่มาเล่นตลกกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ..
ถึงจะ...ไม่ใช่คนแรกก็เถอะ เพราะเหมือนงั้นเหรอ...
“เฮ้ เธอเองเหรอที่ชื่อนาโอมิ หน้าหงอยเลยนะ”เสียงคนแปลกหน้าดังออกมาจากด้านนอกพุ่มไม้ หญิงสาวสะดุ้งตกใจก่อนที่จะมองลอดออกไปผ่านกิ่งไม้ที่ขดเลี้ยวจนแทบไม่เห็นด้านนอก แต่ไม่รู้ว่าทำไมชายคนด้านนอกถึงได้รู้ว่าเธออยู่ข้างใน..
“ใช่ มีธุระอะไร”เธอถามออกไปด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะถอดสโมทอร์กออก
“แต่..ที่ได้ยินมาเนี่ย..ไม่ใช่ชื่อนี้ไม่ใช่เหรอ...เอเลนจัง~”เสียงด้านนอกพูดออกมาลอยๆ ก่อนที่จะทาบมือลงบนกิ่งไม้ที่มีเจ้าของดวงตาสีทองครามนั่งอยู่ด้านในที่สะดุดตกใจ หญิงสาวค่อยๆ เคลื่อนตัวเองออกมาจากพุ่มไม้นั้นพร้อมๆ กับคว้ากระเป๋าของตัวเองทันที...
ชื่อนั่น..หมอนี่มันรู้มาได้ยังไง...
“คุณหมายความว่าอะไร” เธอถามเสียงแข็ง
“อย่ากลัวกันเลยน่า..ฉันรู้ว่าเธอแสบแค่ไหน”คนด้านนอกยังคงพูดก่อนที่จะเดินเข้ามายังทางเข้าเพียงทางเดียวของพุ่มไม้ หญิงสาวที่ไร้หนทางหนีกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะมองชายตรงหน้าที่เดินเข้ามายังที่ที่เธอนั่งอยู่..หญิงสาวพอได้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดมากเท่าไหร่...ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ..
รอยสักที่แขนนี่มัน...
“น นาย!!" หมอนี่มันตัวอันตราย!
“ได้ยินมาว่าลูกสาวของโทบิรามะเป็นคนสวย แล้วมันก็สวยอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ.." ร่างสูงพูดแล้วเอื้อมมือเข้ามาจับใบหน้าหวานคมตรงหน้าอย่างถูกอกถูกใจ “ออ เรื่องนี้คนรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ต้องกลัวหรอกเธอไม่ใช่เป็นคนทำความลับแตกซะเองนี่นะ..”
“นายพูดถึงเรื่องอะไร..ป ปล่อยฉันนะ!”เธอพูดด้วยสีหน้าไม่ตลกก่อนที่จะมองแขนข้างหนึ่งที่ดึงตัวเธอขึ้นมาพาดบนไหล่แกร่งพร้อมๆกับล็อคขาของตัวเองไว้..
แรงเยอะชะมัด!!
“โอเคๆ ฉันปล่อยเธอแน่”
คนแปลกหน้าพูดแล้ววางคนตัวเล็กลงตรงหน้าของตัวเอง แต่ยังคงวางมือแกร่งบนไหล่เล็กเอาไว้ไม่ให้เจ้าตัวได้หนีไปเสียก่อน นาโอมิเริ่มเบ้หน้ากับท่าทางวางอำนาจนั่น นี่ถ้าวันนี้ไม่มาเจออะไรน่าอารมณ์เสียก่อนละก็..ต่อมลูกหมากไอ้บ้านี่แตกไปแล้วแน่ๆ..
“นายเป็นใคร..”
“อุจิวะ โอบิโตะ”ร่างสูงพูดแล้วยิ้มเล็กๆ “อยู่ห้องพิเศษปีสอง เป็นรุ่นพี่ของเธอปีนึง..ฉะนั้นเธอควรจะเคารพฉันนะ.”
“แล้วรุ่นพี่..ต้องการอะไรเหรอคะ”ร่างเล็กถามเสียงอ่อนแต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ไม่หาย..มันน่าเคารพตรงไหนไม่ทราบ..
“วันนี้รินคงไปหวานกับไอ้คาคาชินั่นสินะ เธอเลยมาหงอยอยู่ที่นี่..อา..น่าสงสารจริงๆ เธอคงจะไม่มีเสปคประหลาดๆ แบบนั้นหรอกนะ”เขาพูดอีกคนด้วยสีหน้าไม่จากเดิมก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แขนแกร่งดันร่างเล็กให้ติดไปกับพุ่มไม้ แล้วจ้องมองสีหน้าของเด็กสาวที่กำลังประหม่าด้วยแววตาที่สนุกสนาน... “อยากรู้งั้นเหรอว่าทำไมฉันถึงรู้ ไม่ต้องแสร้งทำหน้าไร้เดียวสาขนาดนั้นก็ได้...เธอคงจะหลอกฉันไม่ได้เหมือนกับทุกคนหรอกนะ..”
“…”ไร้ซึ่งคำพูดที่ออกมาจากนาโอมิ..สีหน้าของเธอดูหมองลงเมื่อได้ยินคำๆ นั้น..
“โอเค ฉันพูดแรงไปหน่อย ที่ฉันได้ยินมากับความจริงมันคงคนละเรื่องกัน” รุ่นพี่พึมพำกับตัวเองก่อนที่จะลูบหัวคนตรงหน้า พอสายตาเมื่อยๆ เชิงขี้เกียจจะเอาปัญหาเดิมๆ มาคิดเงยขึ้นมาสบตากับเขาแล้วถอดถอนหายใจพ่นใส่หน้าม้าของตัวเอง..
“แล้ว...มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบคะ”
“เกี่ยวซิ เกี่ยวแบบจังๆ เลยละ”โอบิโตะยิ้มก่อนที่จะละตัวออกมา “แต่ฉันไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดหรอกนะ..เพราะพ่อของฉันเองก็รู้จักกับเซ็นจู โทบิรามะ ฉันก็เลยพอรู้เรื่องของเธอมาบ้างเท่านั้นเอง..เถอะน่า เราสองคนนี่เหมาะกันมากกว่าที่คิดนะ เพราะว่าอนาคต..เธอต้องมาเป็นวอร์คเกอร์ให้กับฉันยังไงล่ะ...”
...ของๆ ฉันงั้นเหรอ เหอะ หมอนี่มันเพี้ยนชะมัด...
คนที่นี่ไม่ว่าใคร....ก็บ้ากันไปหมด..
นาโอมิคิดกับตัวเองขำๆ ท่ามกลางความเศร้า..
ดวงตาเหม่อลอยมองชายตรงหน้าแล้วลากสายตาไปทางอื่นก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกริ่งจากประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ร่างสูงที่ยืนตรงหน้านึกบางอย่างขึ้นได้ จึงคว้ามือเล็กของอีกคนไว้..
“ฉันรู้..ว่าการเป็นเธอน่ะมันเหนื่อยแค่ไหน" เขาพูดแล้วยิ้มอีกครั้ง "..งั้นกันเถอะ..ถึงเวลาที่เธอต้องเล่นละครต่อแล้ว.”
“เฮ้ยจริงดิ รุ่นพี่ระดับนั้นเดินมาส่งยัยแม่มดงั้นเหรอ..”
“เหอะ แม้แต่รุ่นพี่ก็ไม่เว้นงั้นเหรอเนี่ย..”
“ตามมารยานั่นละมั้ง ฮิฮิ”
เสียงซอกแซกของคนในห้องหันไปมองร่างทั้งสองที่เดินเข้าอยู่ที่ประตูหน้าห้อง และกำลังคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นาโอมิจะเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาที่แปลกๆ ไปจากทุกๆ วัน เธอขมวดคิ้วเล็กๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะของตัวเองพร้อมกับ..
“ยุ่งเรื่องชาวบ้านแบบนี้..ทำตัวเองให้ดีก่อนมั้ย?”
ฮ เฮือก...
และทั้งห้องก็สะดุ้งกันถ้วนหน้าทันที...
“ให้ตาย..พรุ่งนี้กรุงโรมจะแตกหรือไง..”
พอยัยแม่มดของห้องฟาดคำพูดใส่กลางหน้าพวกปากดีทั้งหลายแล้ว เธอถอนหายใจก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองอย่างปวดหัว วันนี้ก็แล้ว เมื่อวานก็แล้ว ไหนจะวันต่อๆ ไปอีก คิดว่าเธออยู่ที่นี่แล้วจะเป็นจำอวดให้พวกนี้ล้อได้ทุกวันหรือไง อย่าให้หมดความอดทนเมื่อไหร่เธอจะคว้าตำแหน่งสภาแล้วก็เปลี่ยนกฏในโรงเรียนนี้มันซะให้หมด...
ไม่เคยหงุดหงิดอะไรซ้ำซากแบบนี้มาก่อน พับผ่าซิ..
“ฉันจะไปตอนคาบสาม..ฝากแลคเชอร์ด้วย”ร่างสูงที่นั่งข้างๆ พูดกับอีกคนด้วยสีหน้าปกติ ที่แฝงไปด้วยความกังวลของเขาแต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไล่สายตาไปมองก็ตาม...
“อืม..”เธอครางเบาๆ ก่อนที่จะหยิบกล่องขนมแบบเดียวกับที่เขาเคยซื้อเมื่อวันก่อนขึ้นมาเคี้ยวเบาๆ เพื่อทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง..มือเล็กเท้าแขนมองหนังสือตรงหน้าไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะปิดมันซะ...แล้วหยิบสมุดอีกเล่มขึ้นมาเขียน..
“นิยายเหรอ..”เสียงจากข้างๆ ถามอีกคนที่เขียนผิดเวลาไปหรือเปล่า..
“…”
นาโอมิ..
...พอเห็นท่าทางเงียบๆ ของอีกคนมาได้ซักพัก เขาจึงถอนหายใจเพราะเริ่มรู้ว่าอีกคนอยู่ในโลกส่วนตัวไม่สนใจสิ่งรอบตัวแล้ว...
“รุ่นพี่นั่น..รู้จักกันงั้นเหรอ..”
“เพิ่งรู้จักเมื่อกี้นี้เอง..พูดมากกว่านายอีก..ไม่ชอบเลย”เธอพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดก่อนที่วางขวดโหลขนมของตัวเองลงบนโต๊ะ เรื่องอื่นเธอไม่คิดจะปิดบังเพื่อนคนนี้อยู่แล้ว...แต่ขอแค่เรื่องเดียวเท่านั้น..มันเป็นแค่เรื่องๆ เดียวที่ทำให้คนอย่างเธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองทั้งหมดเพื่อไม่อยากจะทำลายมัน...
ขอแค่เรื่องเดียวเท่านั้น...
ร่างสูงมองท่าทางไร้อารมณ์ของอีกคนแล้วขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิด..
..ว่าจะถามแต่อาจารย์ก็ดันเข้าเสียก่อนเนี่ยซิ....
“เราต้องคุยกันแล้วละ..”
ห๊ะ...
“นาโอมิ...เธอเป็นอะไรของเธอ ตั้งแต่เช้าที่เธอทิ้งฉัน..แล้วไหนจะไอ้รุ่นพี่นั่นอีก..”
ร่างสูงดันร่างเล็กชิดกับกำแพงอาคารพฤกษาด้วยสีหน้าหมดความอดทน มือข้างหนึ่งดึงสิ่งปกปิดหน้าของตนเองออก ดวงตาอีกข้างที่ถูกเกี่ยวออกมาเผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าทำให้เขาดูดุดันมากกว่าครั้งไหนๆ..ทั้งๆ ที่วันก่อนเธอรู้สึกว่ามันสวยก็ตาม...
แต่ทำไมวันนี้...เธอถึงรู้สึกกลัว...เพราะรู้สึกอ่อนแอในตอนนี้งั้นเหรอ..
“ไม่ได้ทิ้งซักหน่อย..”เธอพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้าลง แต่ไม่ทันเท่าไหร่ก็ถูกมือหนาจับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาแกมบังคับ..นั่นละที่ทำให้คาคาชิเริ่มอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่นาโอมิจะทำตัวแบบนี้ เท่าที่รู้จักกันมาหลายวันเธอไม่มีใช่ผู้หญิงที่จะมาอ่อนแอแบบนี้
อะไรกันที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้...มันคืออะไรกันแน่...
“ฉันไม่ชอบคนโกหกนะ”เขาถามอีกคนเสียงต่ำ
“ก็บอกว่าไม่ได้โกหกอะไรไง แล้วนายจะมาทำหน้าตาโกรธฉันทำไม ยังกับ..ฉันทำอะไรที่แย่ไปมากๆ...ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดเลย..”เธอพูดตามที่ตัวเองคิดก่อนที่จะหลบสายตาที่แทบจะแยกเขี้ยวเข้ามากินเธอได้ทั้งร่าง มันคงเป็นความกังวลจากเรื่องหลายๆ เรื่องจริงๆ นั่นละ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมากลัวถึงจุดนี้..
“งั้นฉันจะพูดให้ฟัง..แต่ก่อนอื่น..เลิกกลัวฉันก่อนได้มั้ย”เสียงดุเริ่มอ่อนลงเล็กน้อยพลางยื่นมือเข้าไปจับมือของอีกคนที่กำลังสั่นไม่่หยุด รวมไปถึงตาช้ำตรงหน้าที่กำลังกลัวเขาที่กำลังโมโห..ไม่คิดเลยว่าในการกระทำของเขาเพียงแค่นี้จะมีอิทธิพลกับอีกคน...
“นายทำหน้าเหมือนจะฆ่าฉัน..หึ เป็นแค่คาคาชิแท้ๆ..แต่คิดว่าแค่นี้ฉันจะกลัวหรือไง”แม้ปากจะพูดสู้ขึ้นมาแบบนั้น แต่ดวงตาสีหวานข้างหนึ่งมีน้ำตาหยดแรกร่วงลงมาแล้วต่อตามมาหยดด้วยแล้วหยดเล่า คนเห็นตรงหน้าได้แต่ต้องทำใจแข็งไม่ใจอ่อนไปด้วย..
บ้าเอ้ย...
“ฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับริน..เราเคยสนิทกันมาก”
“…”
“แต่..ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้น”
“แล้วนายจะมาบอกฉันทำไม..”นาโอมิถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ..
“เพราะนั่นคือประเด็นที่เธอควร-.” เธอควรรู้จักเขามากกว่านี้.
ควรจะรู้จัก...ตัวตนของเขา...
ฮูกกกก...
จู่ๆ นกฮูกที่ไม่น่าจะอยู่ใอาคารพฤกษาก็ปรากฏตัวกระพือปีกขาวสะอดจากต้นไม้สูงด้านบนพร้อมกับจดหมายที่ติดมากับจงอยขาองมัน ร่างสูงที่พอได้ยินเสียงของมันแล้วถึงกับจิปาก ก่อนที่จะโค้งตัวลงมาใกล้หญิงสาวตรงหน้ามากขึ้น...
“ฉ ฉันว่ามันมาหานายนะ..”นาโอมิพูดเสียงเบาเพราะดูจากแววตาไร้เดียงสาของนกฮูกตัวนี้มันเพ่งเล็งมายังชายตรงหน้าที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด..
“รู้แล้ว..”เขาพึมพำแล้วลดตัวออกอย่างช่วยไม่ได้ เขาคว้ากระดาษซองจดหมายที่มันบินมาส่งแล้วโฉบลงบนแขนเล็กของหญิงสาวที่ถูกต้อนจนมุมทำให้ร่างสูงต้องขยับออกไป และสร้างพื้นที่หายใจโล่งๆ ให้เธอได้ทันเวลาเสียดิบดี..
เฮ้อ..รอด..
“อย่าคิดว่าจะรอดนะ..”เขาหันมาพูดทันทีที่อีกคนถอนหายใจโล่งแล้วทำหน้าดุอีกครั้งหนึ่ง นาโอมิสะดุ้งแล้วหันมากระพริบตาปริบๆ ทันที...
“น นายต้องการอะไรกันแน่.”เธอถามด้วยสีหน้าสงสัย..อะไรของมันกันแน่วะ..
“เย็นนี้ฉันจะมารับที่หน้าโรงเรียน ห้ามไปไหนกับใคร แม้แต่ซากุระก็ห้ามไป..”
“นี่นายเป็นแม่ฉันอีกแล้วนะ..มีปัญหาก็รีบ-“
มือหนากระชากเสื้อนักเรียนของหญิงสาวอย่างแรงจนร่างเล็กสะดุ้งเฮือกตกใจ...
อ อะไรกันวะเนี่ย!?
“ฉันจะให้เธอเลี้ยงข้าว..จบมั้ย?”
“จบ จบก็ได้..”หญิงสาวพูดเสียงอ่อนแล้วมองคอเสื้อที่ถูกกระชากด้วยสีหน้าตกใจน้ำตาที่ไหลจู่ๆ มันก็แห้งไปดื้อๆ ที่ตกใจไม่ได้กลัวมากกว่าเดิมหรอกนะ แต่การกระทำแบบนี้คนธรรมดาๆ รู้จักกันได้แค่สี่วันนี่ถึงขั้นกระชากกันแล้วเหรอ..เธอว่าไม่นะ..ไอ้หมอนี่มันต้องการอะไรจกาสังคมกันแน่วะ..
“ถ้าไม่มา...ได้มีเรื่องแน่"
ใบหน้านิ่งพูดขู่ตบท้ายก่อนที่จะสวมผ้าคลุมและผ้าคลุมตาตัวเองแล้วเดินออกไปทันที...
“เฮ้อ..ไอ้หมอนี่ที่เข้ามาได้คงไม่ได้บ้าหรอกนะ ใช่มั้ย” หญิงสาวที่ยืนตัวตรงมานานถึงกับขาอ่อน สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าคาคาชินั่น คุยกับเสือสิงกระทิงแรดมันคงจะง่ายและไม่เปลืองแรงกว่านี้เยอะ..จะให้เลี้ยงข้าวทีต้องบีบบังคับกันขนาดนี้เชียวเหรอ?
โอ้ย..เหนื่อยใจ...
ความคิดเห็น