ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังแสงแสนฟิคของผึ้ง (Naruto , KNY , Magi, JJK etc.) X Reader

    ลำดับตอนที่ #4 : The Genius* (แก้ไขเนื้อหา)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 547
      30
      10 พ.ย. 62




    The Genius





    “อัจริยะ?" 

              เสียงเหม่อลอยของนาโอมิทวนคำนั้น เป็นหนที่สองหลังจากที่อาจารย์ที่ปรึกษาเดินออกไปจากห้อง...


              "แล้วมันมีปัญหาหรือไง” คนที่นั่งหัวโด่ฟังคำไม่ขยับไปไหนถามเอื่อยผสมปนกับความรำคาญแม้จะไม่ได้หันมามอง กายสูงเอนตัวกลับไปนั่งท่าเดิม 


                ผู้พูดที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร ใบหน้าของเธอเหมือนคนที่ง่วงซึม..ดวงตาสีซีดจ้องมองเพียงกระดานกลางห้อง..และแทบจะไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังถูกคนทั้งห้องเขม่นสายตาใส่ ไม่ใช่แค่พวกผู้หญิง ผู้ชายบางคนที่ตั้งใจโยนกระดาษใส่..เจ้าหล่อนก็นั่งน่ิงๆ ปล่อยผ่านไปไม่ต่างจากรูปปั้น...


                 คาคาชิกรายตามองคำว่า 'ไปตายซะ' ในเศษกระดาษพวกนั้น แต่รู้สึกไม่ปวดใจเท่ากับสีหน้า 'กลางวันนี้กินอะไรดีนะ?' ของเด็กใหม่หรอก เธอฟุบหน้าลงบนโต๊ะไม้ ดวงตาอ่อนล้าพร้อมกับโรคโฮมซิคกำเริบ.. 


                 นาโอมิคิดถึงการหมกตัวอยู่ปราสาทแดรคคิวล่าจับใจ ให้อดทนนั่งนิ่งๆ อยู่ในห้องแคบ กับเสียงจอแจของบรรดาเหล่าวัยรุ่นชนชั้นสูงที่ไม่ต่างจากรังผึ้งนี่กำลังบั่นทอนประสาทไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ โชคยังดีที่มีเสียงกริ่งคอยช่วยชีวิต พวกนั้นจึงพากันลุกออกจากที่นั่งเพื่อรีบเตรียมเพื่อไปเรียนวิชาต่อไปอย่างกระปรี้กระเปร่าจนน่าอิจฉา ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการใส่กระโปรงสเกิร์ตสั้นจู๋แล้ว..แต่ที่เหลือก็คงเป็นแค่..


                เธอนี่มันโง่จนฉันทึ่งจริงๆ” 


                ...เพื่อนข้างโต๊ะ...


               “ถามจริง..เป็นอัจฉริยะไบโพลาร์หรือไง?" 


              คนที่แทบไม่ได้มีความคิดพวกนั้นอยู่ในหัวเลยแม้แต่เสี้ยวเล็บตวัดสายตาไปมองคนด้านข้างที่จู่ๆ ก็พูดมาทั้งๆ ที่ไม่ได้มีใครเกริ่นอะไรทั้งนั้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตารางเรียนเพื่อเช็คเวลาพร้อมๆ กับฟุบหน้าลงบนโต๊ะ รู้สึกได้เลยว่าพิษยาสลบจะยังไม่หายหมดไปจากร่าง..แขนขาของเธอหนักอึ้งไปหมด หัวสมองก็ไม่แล่น ทั้งๆ ที่พยายามทำตัวให้ดูกระฉับกระเฉงแล้วแท้ๆ...


               ..ไอ้แก่บ้านั่น..เจอเมื่อไหร่จะฟาดให้ตายเลย..คอยดูเถอะ..


    ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงรีบหาทางลาออกก่อนที่จะเสียใจทีหลัง" จู่ๆ คนข้างโต๊ะก็พูดขึ้นอีกหน...


    “นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ?” นักเรียนใหม่ที่กำลังหลับตารอให้คนในห้องคนอื่นๆ ออกไปให้พ้นๆ นั้นหันข้างมาขมวดคิ้วเล็กๆ สภาพอีกคนก็ชวนสนทนาเสียเหลือเกิน คนเราถ้าอยากคุยอะไรด้วยกันซักอย่าง มันจำเป็นต้องเปิดหน้าหนังสือโป๊แล้วชวนคุยไปทั้งๆ แบบนั้นด้วยงั้นเหรอ?


            "แค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้นล่ะ.." ใบหน้าที่เหลือเพียงดวงตาสีนิลทั้งข้างกันมาสบตาเธอ “ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอคิดจะทำอะไรที่นี่ แต่ดันไปทำคนพวกนั้นไม่ชอบขี้หน้าแบบนี้ ถึงจะเป็นแค่พวกชนชั้นสูงที่จ่ายเงินแพงกว่าชาวบ้านให้กับหุ้นของโรงเรียน แต่ก็ไม่ใช่พวกคนโง่ พวกเค้าก็มีวิธีร้อยแปดที่พร้อมจะเขี่ยเธอออกจากที่นี่แบบถูกกฏหมายได้เหมือนกัน เผลอๆ คงจะแรงกว่านั้น.."


               "..ต้องการพูดอะไรกันแน่"


              "ก็หมายความตามที่พูดนั่นล่ะ"


              ความขัดแย้งระหว่างสายตาง่วงซึมกับคำถามที่ทะลุปรุโปร่งของเขาทำให้นาโอมิเริ่มรู้สึกว่า..


              อืม...เธอเกลียดขี้หน้าหมอนี่จริงๆ นั่นล่ะ...


              "งั้นจะบอกอะไรดีๆ ให้ฟังนะ คุณอัจริยะ" เธอขยี้ผมฟูๆ ของตัวเองเซ็งๆ เชิงไม่อยากจะยุ่งนัก "นายจะด่าใครก็ได้ที่นายไม่ถูกใจ มันเป็นสิทธิ์ของนาย...แต่คิดจะล้ำเส้นอีกที ฉันเองก็จะใช้สิทธิ์ของฉันเหมือนกัน"


              "หึ" คนฟังสบถขำ "เป็นแค่เด็กใหม่ คิดจะขู่กันงั้นเหรอ"


              "จะเริ่มคาบต่อไปแล้ว..นายต้องพาฉันไปคาบศาสตราจารย์ชิคาคุ"  เมื่อคิดว่านั่งเถียงกับคนแบบนี้ไปก็คงจะไม่ได้จบดีๆ แน่ จึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนเสียเอง มือเล็กยกสมุดจดแนบอก  แล้วเดินออกจากห้องไป... 


            ฉลาด..ถึงนิสัยของเขาจะชวนน่ากระทืบไปหน่อยก็็เถอะ..แต่เขาฉลาดอยู่ดี...

            ระวังตัวไว้น่าจะดีกว่า...

             




            ในวิชามนุษย์และกลยุทธิ์ของอาจารย์นารา ชิคาคุ 


             ทุกคนในห้องย้ายกันมาอยู่ที่ห้องเรียนขนาดกว้าง ที่ถูกโอบล้อมด้วยอภิมหาหนังสือ ถ้าตัดเจ้าเก้าอี้เรียนกับกระดานสอนไปแล้วล่ะก็ ที่นี่คงไม่ต่างอะไรกับวิชาวิจัยห้องสมุดอะไรเทือกนั้น..


    ถ้าพูดถึงสมัยก่อน เธอเองก็มักจะชอบมาที่นี่บ่อยๆ เพื่อแอบงีบ..แต่ดูเหมือนว่าที่นี่คงจะทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ๆ ง่ายๆ ซะแล้ว ที่นี่มีกล้องวงจรผิดคอยมองเด็กนักเรียนด้านในทุกมุมของห้องแบบนี้ ยังไงๆ ก็ชวนรู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากพิธีปฐมนิเทศเลยด้วยซ้ำ..พวกเขาไม่ไว้ใจนักเรียนของตัวเองงั้นเหรอ..หรือว่า..

    กำลังหวังบางอย่างจากพฤติกรรมตัวนักเรียน?


    แกร๊ก..


    ในระหว่างที่นาโอมิกำลังเดินสำรวจห้องเรียนใหม่พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เธอก็สะดุดกับบางอย่างที่ไม่ไกลเท้าของตัวเอง หญิงสาวในชุดนักเรียนเซล้มลงบนพื้น..เสียงหัวเราะของใครซักคนดังขึ้นมาอย่างถูกใจไม่ใช่น้อย..


    “อุ่ยตาย..ก็เห็นอยู่ว่าชั้นกำลังเดินอยู่..หมายถึงถ้าหล่อนเห็นจริงๆ ละนะ"


             "ฮ่าๆๆๆๆ"


            ดูเหมือน..นาโอมิจะถูกเหมาว่า เป็นผู้พิการทางสายตาไปเรียบร้อยแล้ว...

    ...แค่พูดเล่นๆ ยังเชื่อได้ขนาดนี้...ไม่เห็นเป็นเหมือนอย่างที่หมอนั่นพล่ามเลยแฮะ...


    นาโอมิมองนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวที่ใช้ยันไม่ให้ตัวเองล้ม แล้วยันกันขึ้นมายืนตามปกติ..


    “..ไม่เห็นต้องแกล้งล้มเลยนี่” อิทาจิที่อยู่ระแวกนั้นพอดี ยื่นมือเข้ามาพยุงตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง..


    “แค่เล่นบทเป็นเด็กใหม่จอมโง่เท่านั้นเอง..ว่าแต่เรียกว่านาโอมิก็ได้ ฉัยพยายามจำชื่อใหม่นี่อยู่" เธอพูดกับเด็กอายุสิบสองแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ คงเป็นด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ยังหลงเหลืออยู่ในอิทาจิที่มีสูงพอๆ กับเธอ เขาขมวดคิ้วสงสัยแล้วรีบนั่งลงข้างๆ เธอด้วยความอยากรู้ทันที..


    "งั้นเธอก็มีชื่อเก่าน่ะซิ ชื่อแปลกๆ หรือเปล่า?” ดวงตากลมสวยถามอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่จะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อนิ้วชี้เรียวที่สวมแหวนรูปร่างประหลาดเคลื่อนเข้ามาลูบหัวของเบาๆ..


    “ใช่..โคตรแปลกเลยล่ะ”  นาโอมิยิ้มอารมณ์ดี ก่อนที่จะเท้าแขนมองเด็กหนุ่มที่หันไปสนใจกับตำราโบราณตรงหน้าราวกับหลุดออกไปอยู่คนละโลก น่าเสียดายที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนัก..แต่เธอมีมีความรู้สึกบางอย่างที่เธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กนี่มาก แต่ไม่ใช่เพราะสิเน่หาหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาดูใสซื่อแต่ไม่โง่ หูไวตาไว..ชอบหมกตัวอยู่กับหนังสือตำรายากๆ ทำเอานึกถึงน้องชาย...


    นั่นซิ...น้องชาย...เท่าที่เธอเห็นเจ้าเด็กนั่นครั้งสุดท้ายเจ้าเด็กบ้านั่นก็อายุพอๆ กับอิทาจิเลยนี่นา..

         

            ป่านนี้...จะทำอะไรอยู่นะ...






    “เซ็น นาโอมิ..” 


             อาจารย์ฝึกสอนนามิคาเสะ มินาโตะ ทวนชื่อนั้นหลังจากดูประวัติคร่าวๆ ในกระดาษที่ส่งหาครูที่ปรึกษา ดวตาสีฟ้าอ่อนมองผ่านแว่นกรอบบางก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ดูยังไงเขาก็มองออกว่ามันคือข้อมูลปลอม ถึงน้อยคนจะดูออกก็เถอะ สถานการณ์ในเทอมใหม่ครั้งนี้ คงมีเรื่องบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องในโรงเรียนนี้แน่..


    …เด็กคนนี้ เป็นใครกันแน่นะ..


    “โอ้ เจออะไรน่าสนใจงั้นเหรอ ครูมินาโตะ..” เสียงทักทายของร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งพิงกับหน้าต่างหินอ่อนเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยบนลานทางเดินกว้าง หันมามทักทายลูกศิษย์ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เจ้าของชื่อทักได้ยินเสียงนั้นแล้วรีบเงยหน้าขึ้นมามองเขาทันที..


    ศาสตราจารย์จิไรยะ..” เขาเปรยชื่อของกวีแห่งชาติแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่มีอะไรหรอกครับ..ผมคงอายุมากขึ้นจนตามกระแสของโลกไม่ทันซะแล้ว..”


    “ฮ่าๆๆ พูดแบบนี้ลูกเมียคงเสียใจแย่เลยนะ” จิไรยะหัวเราะลั่นแล้ววางปากกาลง “มีข่าวลือให้วอดวายไปหมด...พวกคนชั้นสูงในโรงเรียนเป็นคนพาเด็กนั่นมาที่นี่..คงจะไม่ธรรมดานั่นล่ะ..”


    “ครับ แค่แนะนำตัวหน้าชั้นเธอก็ทำให้คนทั้งคลาสเกลียดหน้าเธอได้แล้ว..”


    “แหม พวกหัวสูงแบบนั้นจะเกลียดพวกที่ไม่ใช่ตัวเองก็ไม่แปลกหรอก เพราะงั้นมันถึงเป็นหน้าที่ของนายที่ต้องสอนเจ้าพวกนั้นไม่ใช่หรือไง..”ชายแก่ปรามก่อนที่จะยิ้มเล็กๆ แล้วมองยังรูปตรงหน้า “เป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ เลยนะ...โดยเฉพาะดวงตา..”


    “เธอบอกว่าเธอพิการนะครับ..” 


    จิไรยะผวนคิ้วขึ้น แล้วหมุนศีรษะมามองเขาราวกับได้ยินบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ตนคาด...


            “พิการ?”






    อัจริยะจะเนื้อหอม..ต่อเมื่อเป็นที่ต้องการ..


    "คาคาชิคุง ช่วยสอนจุดนี้ให้หน่อยซิ"

    "..ฮ่าๆ เพื่อนรัก ฉันรู้น่าว่านายไม่ยอมบอกคำตอบ"

    "โหววว...นายมันเจ๋งชะมัด..ต้องเกิดกี่ชาติฉันถึงจะหัวดีเท่านาย อัจฉริยะจริงๆ!!"


            ในคาบสุดท้ายของวัน วิชาชีวศาสตร์เพื่อการแพทย์ที่เป็นของศาสตรจารย์ซึนาเดะ เนื่องจากท่านได้ตำแหน่งผอ.ควบด้วย คาบในวันนี้จึงไม่ได้มาสอนและปล่อยให้พวกเราหมกกันสวนพฤกศาสตร์ นาโอมิที่หลับตาพักอยู่ข้างๆ อิทาจิลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะทำงานในตอนนี้แลดูวุ่นวายไม่หยุด..


              เลียกันสนุกสนานจริงเชียว...


            ดวงตาสีทองครามมองพ่ออัจริยะกระพริบเป็นจังหวะ ไปพลางลูบเจ้านกฮูกตัวปุยที่กำลังหลับอยู่ในโพรงที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ ก่อนที่ทั้งเธอกับมันจะสะดุ้งพร้อมกัน เมื่อมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากด้านหลัง..


              พร้อมกับหนังสือเล่มหน้าที่กระแทกบนโต๊ะดัง ปัง!


             “เธอคิดว่าที่นี่..เป็นสนามเด็กเล่นของเธอหรือไง”

    เสียงหงุดหงิดของร่างสูงพูดพร้อมกับลากหนังสือเก่าแก่ลงบนโต๊ะหินอ่อนที่ชื้นด้วยมอสซากุระเคลื่อนมาอยู่ต่อหน้านาโอมิ..ถึงแม้ว่ามันจะตกแต่งอย่างสวยงามไว้เพื่อผ่อนคลายคนที่เข้ามาใช้สถานที่ แต่ทว่ามันดูจะไม่มีประโยชน์นักสำหรับอารมณ์ของชายหนุ่มผู้ทำตัวลึกลับคนนี้เลยซักนิด..


            เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มกับเพื่อนรักพวกนั้นอยู่เลย ไบโพล่าร์ชัดๆ...


    นาโอมิพ่นความคิดนั้นออกไปพร้อมๆ กับหันไปมองอิทาจิที่สมาธิไม่หลุดเลยแม้แต่น้อย..พลางหันกลับมาการถอนหายใจ มือไล่เปิดหนังสือเล่มหนาตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วแน่น...


    “ไอ้นี่มันคืออะไร” เธอถามเสียงต่ำ 


    พงสาวดารยุทธวิถีนินจาในยุคสมัยสงครามโลกนินจาครั้งที่หนึ่งถึงห้า..” 


             "ห๊ะ =_=" ภาษาต่างดาวเร๊อะ? ทำไมถึงมีคำว่านินจาสองรอบละ?


             "อาจารย์มินาโตะให้ฉันดูเธอตลอดสองอาทิตย์..ฉะนั้นเธอต้องทำตามที่ฉันสั่ง" คนตัวสูงพูดเสียงเรียบกันนักแล้วชี้นิ้วสั่ง "นี่เป็นงานกลุ่มชิ้นแรก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้..ส่งวิเคราะห์ของหนังสือเล่มนี้มาให้ฉันตรวจจนกว่าจะหมดเล่ม.."


              "งานกลุ่ม? นี่ฉันไปตกลงกับนายตอนไหนไม่ทราบ?!" นาโอมิเถียงฉับสีหน้าหัวเสีย 


            "..คุณนาโอมิ คือแบบว่า.." เสียงของอิทาจิลอยเข้ามาข้างหูพร้อมกับเอนตัวเข้ามากระซิบ  "อันที่จริงเค้าคงจะทดสอบคุณนาโอมิน่ะครับ มันเป็นกฏลับๆ ที่ตั้งกันกับอาจารย์มินาโตะเมื่อเทอมก่อน ว่าอันดับหนึ่งของชั้นมีอำนาจที่จะสามารถพิจารณาว่าใครสามารถออกจากห้องได้ เมื่อเทอมก่อนเองก็มีเรื่องแบบนี้นะครับ ทั้งๆ ที่เค้าเข้ามาเมื่อเทอมก่อนก็กวาดนักเรียนห้องเราลดฮวบจนกลายเป็นห้องกว้างๆ อย่างที่เห็นในตอนนี้นั่นล่ะละครับ..ซึ่ง--.."



              ฟังๆ ดูเธอก็อยู่ในสถานการณ์นั้น แถมยังเป็นตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนด้วย..สินะ...

              เด็กคนนี้..บทจะเงียบก็เงียบ บทจะพูดก็พูดหูดับตับไหม้เลยวุ้ย...  (=_=)


               "พอๆ เข้าใจแล้วน่า.." เธอวางมือปางห้ามญาติเพราะรู้ว่าถ้าขืนฟังต่อได้มีหวังได้ถูกไล่ออกในฐานทำร้ายร่างกายคนแน่..เธอละตัวออกมาเปิดหนังสือตรงหน้าผ่านๆ ไอ้ระดับความยากที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวหนักกว่าเดิม ให้ตายซิ ไม่ว่ายุคไหนโรงเรียนก็มีความน่าเบื่อไม่เปลี่ยน..


                 ไหนจะไอ้หมอนี่ที่แลดูจะกระเหี้ยนกระหือรือหมายจะไฝว้กับเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่งให้ได้เหลือเกินนะ ถึงจะทำเป็นอ่านหนังสือเหมือนกับกำลังดูถูกทางอ้อมก็เถอะ...


                ...รู้สึกผิดจริงๆ ที่ไม่ได้ต่อยหน้าเมื่อเช้า...




              ในระหว่างที่เพื่อนใหม่กำลังหัวหมุนอยู่กับการตามหารายชื่อพืชอยู่ในอาคารพฤกษชาติ...จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของคาคาชิก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณสั่นเพียงสองจังหวะ เขาสะดุ้งออกจากภวังค์เล็กน้อย ก่อนที่จะก้มลงมามองยังนาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้นยืน


              "จะไปแล้วเหรอครับ?" อิทาจิที่นั่งจิบชาร้อนพักสายตาพูดทัก..แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องอาคารพฤกษา พลางหันไปมองสมาชิกใหม่ซึ่งตอนนี้กำลังออกไปหาหนังสือเล่มอื่น ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มีแม้แต่พื้นฐานของในสถานะนักเรียนพิเศษด้วยซ้ำ..เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่าทีของคนอื่นๆ..ถึงได้ทำเหมือนกับว่าเธอมีอิทธิพลนัก..


              ในตอนเช้า..เขามีเรื่องกับผู้อำนวยการก็เพราะเรื่องเธอนี่ล่ะ..

               ทำไมถึงต้องเอาคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า..มาแทนหมอนั่นด้วย..



     “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...คาคาชิ” ศาสตราจารย์ซารุโทบิ ฮิวรุเซ็นต์ที่ยืนอยู่นอกคลาสพฤกษชาติทักชายหนุ่มที่กำลังเดินด้วยสีหน้าคร่ำเครียด..เจ้าของชื่อนั้นสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันไปยังต้นเสียงนั้น.


               "ศาสตราจารย์?" 




    “..เพื่อนใหม่เป็นยังไงบ้าง”


    ศาตราจารย์ฮิวรุเซ็นหันข้างมาถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ ในระหว่างที่เขากำลังถือหนังสือนับสิบเล่มเข้ามายังห้องทำงานขนาดกว้างที่ยังคงทำด้วยไม้ และเสื่อทาทามิ ประตูบานเลื่อนไม้ที่ต้องเลื่อนเอง และต้นไม้บอนไซที่เรียงรายอยู่ที่ระเบียง ทุกอย่างในห้องมันช่างไม่ต่างอะไรกับสัฒนธรรมดั้งเดิมในสมัยสงครามโลกนินจาครั้งที่สามแม้แต่น้อย ทั้งหมดเป็นรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ของชายชราผู้นี้..


    คาคาชิจำรายละเอียดทุกอย่างของที่นี่ได้ เพราะเข้าออกที่นี่บ่อยกว่าห้องสมุดเสียอีก.. 


    “เซ็น นาโอมิ..น่ะเหรอครับ?”เขาทวนชื่อนั้นแล้วนั่งลงบนเบาะนั่งตามปกติ ถึงจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นักที่เด็กใหม่จะเป็นที่พูดถึงกันในบรรดาคุณครูในโรงเรียน..แต่ที่น่าแปลกใจคงเป็นชายชราคนนี้เสียมากกว่า..


    “เซ็น?” ชายชราทวนคำพูดนั้นแล้วอมยิ้ม “นี่เธอคงไม่คิดจะเขี่ยเด็กคนนั้นทิ้งตั้งแต่วันแรกหรอกนะ.."


    “ตำแหน่งนักเรียนพิเศษ...แต่เดิมแล้วมันก็ไม่มีใครชื่นชมกับตำแหน่งนี้หรอกนะครับ” เขาพูดตามความสงสัยตรงๆ ของตัวเอง แล้วโค้งตัววางหนังสือเล่มหนาลงบนพื้นถัดจากกองเก่าๆ ที่ตัวเขาเองนี่ล่ะที่เป็นคนยกมาเมื่อครั้งก่อนๆ “มองยังไงเธอก็เป็นแค่เด็กทัศนคติแย่ พูดจาอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ..นอกจากจะไม่มีคุณสมบัติ...เธอก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำเลยว่าตำแหน่งนั้นมันทำอะไรได้บ้าง”


    ศาสตราจารย์ฮิวรุเซ็นเอนตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานก่อนที่จะลูบเคราเล็กน้อยแล้วถอดถอนหายใจ..


    “แต่ฉันได้ข่าวว่าเช้านี้เธอเป็นฝ่ายหาเรื่องเค้าเองนะ.."


    “..." คาคาชิหลุบตาลง เลี่ยงสายตาที่มองทะลุปรุโปร่งของศาสตราจารย์ที่ไม่สามารถปกปิดความคิดอะไรได้


              "ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้หรอกนะ แต่อย่างน้อย..เธอก็ควรจะจัดการอารมณ์ในตอนนี้..ไม่ใช่ไปลงกับคนอื่น..เธอควรจะรู้ตัวบ้างมั้ยว่าเธอโชคดีมากแค่ไหนที่ยังมีชีวิตอยู่.."


              "ผม..ไม่ได้คิดจะลืมหรอกครับ" คำว่าเหล่านั้นทำให้ใบหน้าภายใต้หน้ากากเริ่มหมองเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงมาถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "แต่เรื่องนี้..มันเกี่ยวอะไรกับสงครามครั้งใหญ่..เมื่อสามปีก่อนหรือเปล่าครับ”


    ศาสตราจารย์ชะงักอยู่ครู่หนึ่งแล้วผ่อนลมหายใจ..เด็กคนนี้สมกับเป็นอัจริยะจริงๆ..


            "อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้นล่ะ?" ชายชราถามเสียงเรียบ แล้วรินชาลงบนแก้วสีเข้ม 


    “...แค่ลางสังหรณ์น่ะครับ" เด็กชายตอบเสียงไม่มั่นใจนัก..


    “อันดับแรกเธอควรจะจัดการอารมณ์นั่นของตัวเองซะ เพราะเธอเองมีหน้าที่ต้องทำอยู่..และทางที่ดีเธอทิ้งความสงสัยนั่นด้วย” ศาสตราจารย์พึมพำด้วยน้ำเสียงเบา ดวงตาของเขาไล่มองนอกหน้าต่างซึ่งเป็นเมืองหลวงใหญ่ “ใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปตราบเท่าที่ยังมีโอกาสเถอะ.."


               "ครับ.."



    ===============


              "อ๊ะ หมอนั่น...หายไปแล้ว"


              นาโอมิเพิ่งกลับมาจากพักกลางวัน เมื่อกลับมาที่ห้องแล้วพบว่าเพื่อนข้างห้องได้อันตรธานหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนี่พึ่งจะบ่ายเองแท้ๆ...แต่เพราะเป็นวันแรกพวกอาจารย์ในคลาสหัวกระทิจะไม่ค่อยว่างกันนัก พวกลูกคุณหนูต่างๆ ก็พากันกลับไปหมด....ฉะนั้นในห้องตอนนี้เองก็..ไม่มีใครอยู่เลยซักคน..อ๊อ ถ้าจะมีก็คงเป็นอิทาจิที่หมกตัวอยู่ที่ห้องสมุดล่ะนะ...แต่ไปยุ่งเวลาที่เด็กคนนั้นหมกหมุ่นก็แทบไม่ต่างอะไรจากธาตุอากาศอยู่ดี....


             แต่ไม่คิดว่าหมอนี่จะเป็นไปกับเค้าด้วยนี่ซิ...


              "เอ๋ นี่น่ะเหรอ ห้องของนาโอมิ?" เสียงตุแง้วของฮารุโนะ ซากุระ อาจารย์ฝึกสอนจากห้องพยาบาลซึ่งรู้จักกันเพราะไปนั่งกินข้าวกลางวันด้วยแทรกเข้ามาดูด้านในห้อง แล้วหลุดหัวเราะออกมา "มองหาใครอยู่เหรอ?"


              "อัจฉริยะปากเสียน่ะ" เธอตอบแล้วยกกระเป๋าขึ้นมา "แต่ก็คงไม่อยู่แล้ว.."


              "หมายถึงครูคาคาชิใช่มั้ย?" ซากุระยิ้มร่า 


              "ครู?" นาโอมิได้ยินแล้วขมวดคิ้วแน่นทันที หมอนั่นเพิ่งม.ปลายเองไม่ใช่เหรอ?


              "อ อ๊อ..แบบว่า เค้าดูไม่เหมือนเด็กม.ปลายเลยใช่มั้ยละ? แถมยังฉลาดเกินไปด้วย..แบบว่า ฉันก็เลยติดปากเรียกครูน่ะ"  สาววัยสิบแปดพูดเสียงแห้งเหมือนกับกำลังกลบเกลื่อนบางอย่าง แล้วพยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง "จ จริงซิ! ไหนๆ ก็ว่างแล้ว ไม่สนใจมาทำกิจกรรมอะไรหน่อยเหรอ?"


              "...อืม" นาโอมิลูบคางตัวเองใช้ความคิด "..กิจกรรมกลับบ้าน?"


              "ไม่ได้ย่ะ ยัยเด็กโฮมซิก -_-" ซากุระมะเงกหัวใส่เด็กนักเรียนเข้าซักที "งั้นไปลองที่ชมรมคหกรรมมั้ยละ? ฉันเองก็เคยอยู่ชมรมนั้นตอนม.ปลายนะ ได้กินขนมฟรีแทบทุกวันเลย.."


              "เอา!"


             "ดีล! ฉันไปด้วย!!"


             "นี่เค้าจ้างเจ๊มาทำงานจริงๆ เหรอเนี่ย =-="



    =============================


              และนาโอมิก็อยู่ที่ตึกคหกรรมจนถึงสี่โมงเย็น...


          

              "กลับบ้านกาน~"


             เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก ทำให้ทุกคลาสในโรงเรียนปล่อยเร็วเป็นพิเศษ ทุกเริ่มพากันกลับบ้านไปตามระเบียบ เหมือนกับๆ นาโอมิ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น..เพราะดันไปอยู่ในชมรมคหกรรมนานไปหน่อย สิ่งที่ได้กลับมาก็คือมหากรรมขนมหวานที่เธอต้องแบกกลับเพียงลำพังเพราะความใจดีของคนในชมรม...


              เธอเดินมาทุลักทุเลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกมาจากรั้วโรงเรียน...


              "ให้ผมช่วยมั้ยครับ คุณหนู"


              คีย์เวิร์ดที่ไม่ได้มาตลอดทั้งวันจู่ๆ มาทักไม่ให้สุ่มให้เสียงจากด้านหลัง นาโอมิสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหันหลังไปพบกับร่าสูงในชุดสูทสีดำคุ้นตา...แต่ไม่คิดว่าจะอยู่ในโรงเรียนนี่ซิ..


              "..คุณชิซุย?"


              ชัดเลย! คนของพ่อทูลหัวทำงานอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย...


              "อย่างที่คิด..เถลไถลตั้งแต่วันแรก"


              แต่อีเสียงนี้....ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันลืมเด็ดขาด..


                หญิงสาวในชุดเครื่องแบบยุดเดินแทบจะทันที รีบหันข้างไปมองต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลแล้วเบิกตากว้าง..เมื่อคนคุ้นๆ สวมแว่นกันแดดสีดำเข้มเอนตัวพิงรถคันหรูที่จอดอยู่ที่หน้าร้านกาแฟไม่ไกลจากตัวโรงเรียนไม่ใชใครอื่นเลย เขาหันมาที่เธอพร้อมกับถอดแว่นออกมา ปรากฏเป็นโครงใบหน้าคมคายที่เป็นเอกลักษณ์ของชายวัยสามสิบห้า..


                ต ตายโหง...


               "...ไง ลูกสาว..."



                           เซ็นจู โทบิรามะ!!!!!




    ข้ารู้ว่าเจ้าส่องกันแล้วไม่เม้น....


    ฮึฮึฮึ...




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×