ความรู้พื้นฐานภูมิคุ้มกันวิทยา 101 โดย Viavy ( ควิซทดสอบ )

1 เซลล์ในข้อใดไม่จัดอยู่ในกลุ่ม myeloid cells

Neutrophils

Mast cells

Megakaryocytes

Polymorphonuclear leukocytes

Eosinophils

2 ข้อใดไม่จัดเป็น antibacterial mechanism ของ phagocyte

acidification: bacteriostatic หรือ bacteriocidal

toxic oxygen-derived products: superoxide, hydrogen peroxide, singlet oxygen, hydroxyl radical, และ hypohalite

enzymes: lysozyme และ acid hydrolases (elastase และ proteases)

antimicrobial peptides: alpha-defensins, azurocidin, และ lactoferricin

polypeptide antibiotics: actinomycin, bacitracin, และ colistin

3 เพราะเหตุใดองค์ประกอบของ sticky pus ถึงประกอบด้วย dead neutrophils

neutrophil extracellular trap (NET)

chromatin decondensation

nuclear delobulation และ membrane rupture

extracellular assembly of neutrophil's cytoplasm

disassembly of nuclear envelope

4 ข้อใดถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับ pattern recognition receptors (PRRs)

มีบทบาทสำคัญใน innate immunity ผ่าน pathogen-associated molecular patterns (PAMPs)

จดจำสิ่งแปลกปลอมจากลักษณะที่แตกต่างกันของ molecule จากสิ่งแปลกปลอม

กระตุ้นการตอบสนองได้ช้าในครั้งแรกที่พบกับสิ่งแปลกปลอม แต่เมื่อพบสิ่งแปลกปลอมเดิมซ้ำจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

อาศัยการนำเสนอ antigens ผ่าน MHC-II เพื่อกระตุ้น T cells

มีบทบาทสำคัญใน adaptive immunity ผ่านการจดจำของ TCRs หรือ BCRs

5 ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ antigen receptors

เกี่ยวข้องกับ adaptive immunity ผ่านการนำเสนอของ APCs ผ่าน MHC-II ต่อ T cells

มีควมหลากหลายต่อ antigen เป็นผลมาจาก gene recombination

อาศัย clonal deletion และ clonal expansion เพื่อกำจัด receptor ที่ตอบสนองต่อเซลล์ของตัวเอง

ปรากฏทั้งใน T และ B cells ซึ่ง B สามารถนำเสนอต่อ T cells ได้ เพื่อกระตุ้นการหลั่ง cytokines

สามารถตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างที่จับจำเพาะกับ receptor

6 ข้อใดไม่จัดเป็น pathogen-associated molecular patterns (PAMPs) ที่เป็นไปได้

5' triphosphate ssRNA

dsRNA

fMet

nuclear dsDNA

endosomal ssRNA

7 danger-associated molecular patterns (DAMPs) ไม่สามารถพบได้เมื่อใด

stressed cells

dead cells (necrotic)

injured cells

mitochondria rupture

cell differentiation

8 ข้อใดกล่าวถึงหน้าที่ของ NF-kB ได้ถูกต้องน้อยที่สุด

กระตุ้น inflammation process หลังกระตุ้น PRRs ด้วย PAMPs

ทำหน้าที่เป็น transcription factor ของ cytokines และ chemokines เช่น IL-6, 12, TNF-alpha

ต้นทางการทำงานของ KF-kB เป็นผลของ signal transduction ที่มี TLRs เป็นจุดเริ่มต้น

ในภาวะปกติ NF-kB ถูกกดการทำงานไว้ด้วย IkB และเมื่อ PRRs ได้รับการกระตุ้น IkB จะถูกทำลาย

สภาวะปกติ NF-kB ไม่สามารถ translocate สู่ nucleus ได้ ต้องอาศัย IkB เกิด binding เพื่อให้ translocate ผ่าน nuclear pore complex ได้

9 ข้อใดกล่าวถึง inflammasome ได้ถูกต้องมากที่สุด

เป็น complex เกิดจาก oligomerization ของ PRRs (NLRPs)

ทำหน้าที่ cut pro-inflammatory cytokines เป็น cytokines ที่พร้อมทำงานได้

ทำหน้าที่ activate กระบวนการ cut ของ gasdermin d

เป็นองค์ประกอบสำคัญของการกระตุ้นการตายของเซลล์แบบ pyroptosis

ถูกทุกข้อ

10 วัคซีน BNT162b2 (Pfizer/BioNtech) ไม่เติม adjuvant แต่สามารถกระตุ้น IFN ได้สูง ข้อใดน่าจะเป็นคำอธิบายสนับสนุนผลการศึกษาในครั้งนี้

RNA ทำหน้าที่เสมือนเป็น adjuvant ด้วย molecule ของ mRNA เอง

mRNA vaccine สามารถกระตุ้น IFN response ได้สูง

mRNA กระตุ้นการทำงานของ gene อื่นที่ทำหน้าที่เป็น adjuvant

มีการเพิ่มเติมลำดับ base เข้าไปใน mRNA เพื่อให้ทำหน้าที่เป็น adjuvant

ยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากไม่ทราบองค์ประกอบของวัคซีน

11 เพราะเหตุใด dendritic cells (DCs) ถึงเป็นตัวเชื่อมระหว่าง innate และ adaptive immunity

immature DCs เป็น skin resident ซึ่งเป็น physical barrier ส่วนหนึ่งของ innate immunity และสามารถกระตุ้น B cells ให้หลั่ง Ig ได้เมื่อถูกกระตุ้นด้วย antigens

DCs สามารถ phagocytose pathogens และนำเสนอ antigens ผ่าน MHC-II ต่อ T cells ให้หลั่ง cytokines เพื่อกระตุ้น B cells ได้

mature DCs เคลื่อนที่เข้าสู่ local lymphoid organs เพื่อกระตุ้น B cells หลังจาก phagocytose pathogens

DCs สามารถ phagocytose pathogens และสามารถหลั่ง cytokine และ antibodies ได้เอง

เดิม DCs เป็นเซลล์ใน innate immunity แต่เมื่อถูกกระตุ้นด้วย PAMPs จึงเปลี่ยนแปลงรูปร่างและหน้าที่เป็นเซลล์ใน adaptive immunity

12 ข้อใดอธิบาย clonal expansion ได้ถูกต้องมากที่สุด

lymphocyte ที่มี specificity ต่อ self antigen จะถูกกำจัดออกไป และ lymphocyte ที่เหลือจะแบ่งตัว และกระจายการทำงานไปอย่างจำเพาะในแต่ละอวัยวะ

mature naive lymphocyte ซึ่งมี specificity จำเพาะต่อแต่ละ foreign antigen จะถูกเพิ่มจำนวนเมื่อมีการปรากฏ antigen นั้น

clonal expansion เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกลไกป้องกันการติดเชื้อภายในร่างกาย ถึงแม้จะไม่มี antigen เข้ามาก็ตาม

เมื่อมี antigen เข้ามา และ APCs นำเสนอ antigen นั้นต่อ B cell ถึงจะเกิดการสร้าง antibody ที่จำเพาะต่อ antigen นั้น และเกิด clonal expansion ของ antibody นั้นเพื่อเพิ่มจำนวน

clonal expansion เป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นเพื่อคัดเลือกเฉพาะ antibody ที่จำเพาะต่อ antigen นั้นเก็บไว้ และทำลาย antibody อื่น ๆ ที่ไม่จำเพาะต่อ antigen นั้นไป

13 ข้อใดอธิบาย BCRs หรือ TCRs ได้ถูกต้องเหมาะสมน้อยที่สุด

BCRs สามารถ secrete ออกจาก B cells เป็น antibody ได้

BCRs ประกอบด้วย light chain และ heavy chain โดยบริเวณจำเพาะกับ antigen เรียกว่า Fc อยู่ที่ light chain

TCRs ประกอบด้วย alpha และ beta chain และมี V region ทั้ง alpha และ beta chain

TCRs บางชนิดมี gamma หรือ delta chains ได้

ทั้ง TCRs และ BCRs สามารถเกิด binding กับ epitope ของ antigens ได้

14 ข้อใดกล่าวถูกต้องน้อยที่สุดเกี่ยวกับ hypervariable region (HV) ของ BCRs

มี diversity สูงที่สุดที่ CDR3

ประกอบด้วย CDR1, 2, และ 3

diversity ของ BCRs เกิดจาก V(D)J recombination

CDR3 มักเกิด combinatorial diversity

RAG1/2 enzyme เป็นตัวสร้าง diversity ให้ HV ผ่าน ds break

15 ข้อใดระบุความแตกต่างของ TCRs และ BCRs ได้เหมาะสมน้อยที่สุด

TCRs อาศัยการจดจำ antigen ผ่านการนำเสนอของ APCs ด้วย MHC แต่ BCRs ไม่ต้องอาศัยกระบวนการดังกล่าว

TCRs จดจำ peptide หรือ non-peptide ส่วน BCRs จดจำเฉพาะ peptide

TCRs จดจำเฉพาะ linear epitopes ส่วน BCRs จดจำได้ทั้ง linear และ conformational epitopes

TCRs ปรากฏบนผิว T cells ประสานการทำงานกับ APCs

BCRs ปรากฏบนผิว B cells ประสานการทำงานกับ T cells

16 ข้อใดอธิบายความแตกต่าของ MHC-I และ MHC-II ได้ถูกต้องน้อยที่สุด

MHC I จำเพาะกับ cytosolic proteins ของเซลล์ ส่วน MHC II จำเพาะกับ extracellular proteins ที่มาจากกระบวนการ phagocytosis

MHC I ปรากฏในทุกเซลล์ ส่วน MHC II ปรากฏเฉพาะ APCs อย่าง DCs, macrophages, และ B cells

MHC I นำเสนอ foreign pMHC ต่อ CD4 cell ส่วน MHC II นำเสนอ foreign pMHC ต่อ CD8

MHC I เกี่ยวข้องกับการทำงานของ Tc cells และ MHC II เกี่ยวข้องกับการทำงานของ Th cells

17 ข้อใดจำเป็นน้อยที่สุดต่อการกระตุ้น T cells ผ่านการทำงานของ DCs

matching pMHC ต่อ TCR

co-stimulation proteins (B7)

cytokines

chemokines

ถูกมากกว่า 1 ข้อ

18 ข้อใดจับคู่ได้ถูกต้องน้อยที่สุด

Th1: macrophage: IFN-gamma

Th2: eosinophil: helminth

Th17: neutrophil: extracellular bacteria

Tfh: B cell: IL-21

Th1: neutrophil: extracellular bacteria

19 กระบวนการมดจะไม่เกิดขึ้นเมื่อ B cell ไม่ถูกกระตุ้นด้วย Tfh cell

isotype switching

affinity maturation

antibody secretion

memory B cell

ถูกต้องมากกว่า 1 ข้อ

20 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุดถึงกระบวนการทำงานของ antibody

neutralization: ป้องกันการจดจำของ toxin ต่อ receptor

opsonization: กระตุ้นการหลั่ง cytokine

complement activation: complement bind ต่อ bacteria เพื่อเรียก phagocytes

activation and induction: กระตุ้นการทำงานของ phagocyte

opposization: bind bacteria เพื่อให้ receptor ของ macrophage จดจำได้ และเกิด phagocytoses