ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Change! เปลี่ยนพี่ชายมาเป็นคนรัก (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #31 : Change Special SF : April Fool’s Day วันนี้...ต้องโกหก! (All)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      1
      1 เม.ย. 53


    Change Special SF : April Fool’s Day วันนี้...ต้องโกหก! (All)


    ...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันๆหนึ่ง...

     

    .

    .

    .

     

       เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสีครามนั้นแสนจะสดใส ร่างสามร่างซึ่งเป็นชายแต่กลับงดงามเยี่ยงอิสตรีลุกขึ้นมาจากเตียงแสนรักของตนอย่างขัดใจ แม้ว่าจะไม่อยากลุกเพียงใดแต่ก็ต้องลุก เพราะวันนี้...พวกเขามีนัด...

     

    แต่ก็ต้องแปลกใจกับข้อความบางอย่างที่ถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของพวกเขา

     

    ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว

     

    ข้าคือสมาชิกองค์กรที่มีนามว่า ‘EIL’ คนรักของพวกเจ้าอยู่กับองค์กรของเรา

    พวกเรามีความจำเป็นบางอย่างจึงต้องจับตัวพวกเขามา

    ในเวลานี้ทางเราพร้อมจะคืนพวกเขาให้แล้ว

    จงทำตามที่เราสั่งเพื่อพาตัวพวกเขากลับไป

     

    EIL

     

       และเป็นเรื่องแน่นอนที่ทั้งสามจะต้องโทรหากันเมื่อเห็นชื่อของพวกเขาเด่นหราอยู่ในข้อความที่ถูกส่งมา ทั้งหมดนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียน ไม่นานทั้งหมดก็มารวมตัวกันด้วย ทุกคนต่างมีใบหน้าที่ฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

     

    ไอ้องค์กร EIL นั่นมันอะไรกัน! หลอกกันเล่นหรือไง!”

     

    คาร์ตะเบ็งเสียงดังลั่นด้วยความโมโหแต่คิริวก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

    ไม่นะครับคาร์ ผมลองโทรหาพี่โซลแล้วแต่ว่า...

     

    โทรไม่ติดฟรานต่อประโยคจนจบซึ่งคิริวเองก็พยักหน้ายืนยันคำพูดนั้น

     

       ทั้งสามตกสู่สภาวะเคร่งเครียดอีกครั้งหนึ่ง พวกเขานั่งคิดกันอย่างแทบเป็นแทบตายว่าจะทำอย่างไรดี แต่มือถือของทั้งสามก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน

     

    ทั้งหมดสะดุ้งเฮือกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

     

    ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว

     

    คำใบ้แรก

    โดมสีฟ้า ดาวระยับ เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้ายกระจก

     

    EIL

     

    อะไรของมัน! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ!”

     

       คาร์ตบะแตกอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อหันไปสบกับนัยน์ตาคู่สวยของฟรานร่างเล็กก็จำยอมสงบลงแต่โดยดี เมื่อเห็นเช่นนั้นคิริวจึงเปิดประเด็นขึ้นมาในทันที

     

    บางทีอาจจะเป็นการบอกสถานที่ที่เราต้องไปก็ได้นะครับ อย่าง โดมสีฟ้า ดาวระยับ น่ะครับ

     

    จริงสิ...โดมสีฟ้า...ดาว...

     

    ฟรานเอ่ยทวนอย่างช้าๆ พลันทั้งสามก็เบิกตากว้างแล้วชี้กันและกันพร้อมตะโกนลั่น

     

    ท้องฟ้าจำลอง!!!”

     

       ไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกที ทั้งหมดเร่งวิ่งไปยังสถานที่นั้นอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากท้องฟ้าจำลองสักเท่าไหร่ ไม่นานพวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าสถานที่ที่ถูกเจาะจงเอาไว้

     

    เข้าไปกันเถอะ

     

    คาร์เอ่ยลอยๆก่อนจะก้าวนำไปแต่ก็โดนฟรานดักไว้เสียก่อน

     

    เดี๋ยว! มันอาจจะต้องไขปริศนาที่เหลือก่อนก็ได้นะคาร์

     

    อา...ฉันลืมไปเลย

     

    มือบางยกขึ้นลูบศีรษะแก้เก้อ คนเอ่ยทักยิ้มบางๆก่อนที่จะหันไปรวมหัวไขปริศนากันต่อ

     

    เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้าย แล้วก็กระจก...มันเหมือนจะเข้าใจนะ แต่ว่า กระจกนี่สิ...

     

    ร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเงินและเรือนผมสีเพลิงทวนปริศนาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

     

    อาจจะหมายความว่าให้เข้าประตูทางขวา เดินเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ให้ไปสังเกตที่กระจกก็ได้นะ!”

     

    คาร์เสนอขึ้น ทั้งหมดจึงพยักหน้ารับก่อนจะทำตามที่ไขปริศนาเอาไว้

     

       ระหว่างที่กำลังเดินไปยังจุดหมาย คิริวขบคิดกับตนเองด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะไขปริศนาได้ง่ายขนาดนี้ อีกอย่าง...คำว่ากระจกที่อีกฝ่ายบอกยังมีการใส่เครื่องหมายคำพูดแยกออกมาเสียด้วย...

     

    อ๊ะ!”

     

       คิริวอุทานขึ้นมาก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือของคาร์กับฟรานและลงมือลากให้เดินย้อนออกมาโดยที่ไม่คิดจะอธิบายอะไรเลยแม้แต่คำเดียว คนโดนลากก็ได้แต่อึ้งกับอึ้ง เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ด้านนอกอันเป็นที่อยู่เดิมเสียแล้ว

     

    ย้อนกลับมาทำไมน่ะโซล?”

     

    คือว่า...คือว่า...

     

    คิริวเอ่ยตะกุกตะกักเพราะกำลังหอบ เมื่อนิ่งเงียบเป็นการพักได้ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นมาในที่สุด

     

    คำว่า กระจกถูกแยกออกมาอีกที มันน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ไขปริศนา เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้าย มากกว่าคาร์กับฟรานเบิกตากว้างเมื่อพอจะเริ่มเดาออก ใช่! กระจกที่สะท้อนทิศตรงข้าม หมายความว่าเราต้องเปลี่ยน ทิศของมันต่างหาก!”

     

    งั้นก็เป็น...เข้าทางซ้าย เลี้ยวทางขวา!”

     

       คาร์เอ่ยย้ำทีล่ะคำๆเสียงดัง คราวนี้เขาเป็นคนลากเพื่อนทั้งสองเสียเอง พวกเขาเดินเขาประตูของท้องฟ้าจำลองทางด้านขวา เดินตรงไปได้สักพักหนึ่งก็มีทางแยก พวกเขาเดินไปทางขวาอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ...มันคือทางตัน...

     

    อ๊ะ! มีกระดาษแปะอยู่ตรงกำแพง!”

     

    แต่คาร์ที่กำลังมุ่งมั่นนั้นสายตาดีแบบสุดๆ...

     

       ทั้งสามย่างก้าวเข้าไปยังกำแพงที่มีกระดาษแปะไว้ คิริวดึงกระดาษออกมาก่อนจะอ่านออกเสียงให้อีกสองคนได้ยินไปด้วย

     

    ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว

     

    คำใบ้ที่สอง

    เขาวงกต เคาะสามครั้ง บันได

     

    EIL

     

       ทั้งสามพร้อมใจกันเงียบกริบเมื่อได้รับรู้คำใบ้ที่สองซึ่งแทบจะไม่สามารถเอามาแปลความหมายอะไรได้เลย แต่พวกเขาก็ต้องไขปริศนานั้นให้ได้...เพื่อคนสำคัญของพวกเขา...

     

    เขาวงกตนี่หมายถึงสถานที่หรืออะไรกัน?”

     

    ไม่น่าจะใช่นะครับคาร์ แถวนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเขาวงกตอยู่เลยนะครับ

     

       คาร์และคิริวผลัดกันเสนอขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีอะไรเข้าท่า สักพักหนึ่งพวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ คิดไปคิดมาก็คิดออกในที่สุด...แปลกเพราะว่าฟรานยังไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเลยสักคำยังไงล่ะ!

     

    เป็นอะไรน่ะฟราน?”

     

    คนตัวเล็กแต่โหดเปิดปากถาม ฟรานหันมามองด้วยใบหน้าคิดหนักก่อนจะเอ่ยขึ้น

     

    ฉันรู้สึกคุ้นๆน่ะ อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเขาวงกต...ไปได้ยินมาจากไหนแล้วนะบรรยากาศรอบข้างเงียบสงบลงในทันที อ๊ะ! ใช่แล้ว! ฉันเคยอ่านเจอ เขาบอกว่ามันมีหลักการในการเล่น เขาวงกตอยู่...หากอยากออกจากเขาวงกตให้เดินเลียบด้านขวาไปเรื่อยๆ

     

    คาร์และคิริวเบิกตากว้างก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่ารู้สึกคุ้นๆเช่นกัน

     

    ลองเดินดูเลยละกัน!”

     

       พวกเขาพยักหน้าให้กันก่อนจะเดินเรียงเป็นแถวเลียบผนังด้านขวาไปเรื่อยๆจนไปถึง...ทางตันอีกทางหนึ่ง...ทั้งสามจึงยกปริศนาที่เหลือมาใช้ต่อ

     

    เคาะสามครั้ง?”

     

    ก๊อกๆๆ

     

    ยังไม่ทันได้ไขปริศนา ฟรานก็เคาะกำแพงเล่นสามครั้งแต่ก็ต้องตกใจเมื่อกำแพงแยกตัวออก

     

    ถูกเหรอ?”

     

       คาร์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะเบ้หน้าอย่างขัดใจเมื่อฟรานส่ายศีรษะและยื่นใบบางอย่างที่แปะไว้ที่กำแพงด้านในมาให้ดู

     

    ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว

     

    นั่นเป็นคำตอบที่ผิด หากเคาะผิดอีกครั้งเดียวเพดานจะถล่มลงมา

    โปรดคิดให้ดีก่อนกระทำ

     

    EIL

     

    กวนประสาทชะมัด

     

    ฟรานและคิริวพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดประโยคนั้นในทันที

     

    ยังเหลือคำใบอีกคำนะครับ...บันได...

     

    บันได? พื้น?” คาร์เอ่ยขึ้นอย่างงงๆ ไม่สิ...มันดูง่ายไป

     

       ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนพากันเสมองไปยังทั่วทุกแห่งในที่แห่งนี้ หวังว่าจะปิ๊งอะไรบางอย่างขึ้นมา และมันก็เป็นความคิดที่ถูกเมื่อคาร์หันไปมองทางตันแล้วคิดอะไรออก

     

    ทางตันไง!”

     

    ทางตัน???”

     

    คาร์ถอนหายใจด้วยใบหน้าหน่ายๆก่อนจะตั้งท่าอธิบาย

     

    ก็ตอนที่เราเจอกระดาษครั้งแรกตรงทางตันเราต้องใช้ ตรงข้ามใช่มั้ยล่ะ ก็นั่นแหละ! เราก็ลองยึดหลักเดียวกันดูสิ

     

    ฟรานทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ก่อนจะพูดขึ้น พื้น...ก็ต้องเพดาน!”

     

    ลองดูเลยครับ

     

    เอ้อ...แต่ว่า...ฟรานมีท่าทางลังเลทำให้คิริวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ

     

    ก็มัน...

     

    มันอะไรล่ะ!”คาร์เป็นฝ่ายทักท้วงขึ้นบ้าง

     

    ฟรานถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด

     

    ก็มันสูงนี่...

     

    ........”

     

    ...มันก็จริง...

     

       คิริวและคาร์แอบเห็นด้วยขึ้นมาในใจ เพดานของที่แห่งนี้ไม่ใช่เตี้ยๆ เพราะมันสูงแบบไม่ธรรมดา สูงราวๆ 2 เมตรกว่าได้...แล้วพวกเขาที่สูงไม่เกิน 180 กันทั้งนั้นจะทำยังไงดีล่ะ?

     

    คำตอบ...ต่อตัว...

     

       คิริวผู้น่าสงสารต้องอยู่ด้านล่างสุดเพราะตัวสูงที่สุดในกลุ่มแล้ว ต่อด้วยฟรานและคาร์ ไม่ใช่ว่าคาร์เตี้ยสุด อันที่จริงคาร์กับฟรานสูงเท่าๆกัน แต่เพราะคาร์น่าจะพอตั้งสติได้มากที่สุดต่างหาก!

     

    ก๊อกๆๆ

     

    กึก...กึก...

     

       เสียงอะไรบางอย่างคล้ายกำลังเคลื่อนไหวดังขึ้น คาร์ไม่รอช้ารีบกระโดดลงมาและดึงฟรานให้ตามลงมาติดๆ ก่อนจะตะโกนบอกให้ถอยไปจากบริเวณ

     

    กึก...กึก...

     

    ตึง!

     

    ทั้งสามอ้าปากค้างให้กับภาพนั้น...ภาพเพดานที่เปิดออกและมีบันไดพาดลงมา!

     

    ...พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกแปะไว้...

     

    ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว

     

    นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง ยินดีด้วย

    ปีนบันไดนี้ขึ้นมาก็จะได้พบกับสิ่งที่พวกเจ้าตามหา

     

    EIL

     

       แล้วมีหรือที่ทั้งสามจะรอช้า พวกเขารีบปีนขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว แต่ทัศนียภาพทั้งหมดกลับมีแค่ความมืดมิด...

     

    พรึ่บ!

     

    ปัง!

     

    “Happy April Fool’s Day!!!”

     

    พี่/พี่แบล็ค/พี่โซล!!!”

     

    ชายทั้งสามยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่คิริวจะพึมพำขึ้นมา

     

    มิน่าล่ะ...ก็คิดอยู่แล้วว่ามันแปลกๆ ทุกอย่างเป็นสิ่ง ตรงข้ามแถมยังชื่อ ‘EIL’ นั่นอีก...สลับแล้วได้ ‘Lie’ ที่แปลว่า โกหกที่แท้ก็ 1 เมษา วันแห่งการโกหกนี่เอง

     

    ฟราน คาร์ และคิริวมองหน้ากันอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่ทั้งหมดจะยิ้มออกมาในที่สุด

     

    ...ถูกหลอกซะแล้ว...

     

    ...กฎของวันแห่งการโกหก โดนหลอก แล้วห้ามโกรธ...

     

    Happy April Fool’s Day

     

    ...จำวันนี้ให้ดี อย่าไปโดนใครโกหกเข้าซะล่ะ...

     

       SF สำหรับวันๆนี้โดยเฉพาะ แต่งอย่างหัวหมุนสุดๆ หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ ^-^

     

    1/เม.ย./53 อัพ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×