คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Change Special SF : April Fools Day วันนี้...ต้องโกหก! (All)
Change Special SF : April Fool’s Day วันนี้...ต้องโกหก! (All)
...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันๆหนึ่ง...
.
.
.
เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสีครามนั้นแสนจะสดใส ร่างสามร่างซึ่งเป็นชายแต่กลับงดงามเยี่ยงอิสตรีลุกขึ้นมาจากเตียงแสนรักของตนอย่างขัดใจ แม้ว่าจะไม่อยากลุกเพียงใดแต่ก็ต้องลุก เพราะวันนี้...พวกเขามีนัด...
แต่ก็ต้องแปลกใจกับข้อความบางอย่างที่ถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของพวกเขา
ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว
ข้าคือสมาชิกองค์กรที่มีนามว่า ‘EIL’ คนรักของพวกเจ้าอยู่กับองค์กรของเรา
พวกเรามีความจำเป็นบางอย่างจึงต้องจับตัวพวกเขามา
ในเวลานี้ทางเราพร้อมจะคืนพวกเขาให้แล้ว
จงทำตามที่เราสั่งเพื่อพาตัวพวกเขากลับไป
EIL
และเป็นเรื่องแน่นอนที่ทั้งสามจะต้องโทรหากันเมื่อเห็นชื่อของพวกเขาเด่นหราอยู่ในข้อความที่ถูกส่งมา ทั้งหมดนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียน ไม่นานทั้งหมดก็มารวมตัวกันด้วย ทุกคนต่างมีใบหน้าที่ฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้องค์กร EIL นั่นมันอะไรกัน! หลอกกันเล่นหรือไง!”
คาร์ตะเบ็งเสียงดังลั่นด้วยความโมโหแต่คิริวก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่นะครับคาร์ ผมลองโทรหาพี่โซลแล้วแต่ว่า...”
“โทรไม่ติด”ฟรานต่อประโยคจนจบซึ่งคิริวเองก็พยักหน้ายืนยันคำพูดนั้น
ทั้งสามตกสู่สภาวะเคร่งเครียดอีกครั้งหนึ่ง พวกเขานั่งคิดกันอย่างแทบเป็นแทบตายว่าจะทำอย่างไรดี แต่มือถือของทั้งสามก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน
ทั้งหมดสะดุ้งเฮือกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว
คำใบ้แรก
โดมสีฟ้า ดาวระยับ เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้าย ‘กระจก’
EIL
“อะไรของมัน! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ!”
คาร์ตบะแตกอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อหันไปสบกับนัยน์ตาคู่สวยของฟรานร่างเล็กก็จำยอมสงบลงแต่โดยดี เมื่อเห็นเช่นนั้นคิริวจึงเปิดประเด็นขึ้นมาในทันที
“บางทีอาจจะเป็นการบอกสถานที่ที่เราต้องไปก็ได้นะครับ อย่าง ‘โดมสีฟ้า ดาวระยับ’ น่ะครับ
“จริงสิ...โดมสีฟ้า...ดาว...”
ฟรานเอ่ยทวนอย่างช้าๆ พลันทั้งสามก็เบิกตากว้างแล้วชี้กันและกันพร้อมตะโกนลั่น
“ท้องฟ้าจำลอง!!!”
ไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกที ทั้งหมดเร่งวิ่งไปยังสถานที่นั้นอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากท้องฟ้าจำลองสักเท่าไหร่ ไม่นานพวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าสถานที่ที่ถูกเจาะจงเอาไว้
“เข้าไปกันเถอะ”
คาร์เอ่ยลอยๆก่อนจะก้าวนำไปแต่ก็โดนฟรานดักไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว! มันอาจจะต้องไขปริศนาที่เหลือก่อนก็ได้นะคาร์”
“อา...ฉันลืมไปเลย”
มือบางยกขึ้นลูบศีรษะแก้เก้อ คนเอ่ยทักยิ้มบางๆก่อนที่จะหันไปรวมหัวไขปริศนากันต่อ
“เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้าย แล้วก็กระจก...มันเหมือนจะเข้าใจนะ แต่ว่า ‘กระจก’ นี่สิ...”
ร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาสีเงินและเรือนผมสีเพลิงทวนปริศนาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“อาจจะหมายความว่าให้เข้าประตูทางขวา เดินเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ให้ไปสังเกตที่กระจกก็ได้นะ!”
คาร์เสนอขึ้น ทั้งหมดจึงพยักหน้ารับก่อนจะทำตามที่ไขปริศนาเอาไว้
ระหว่างที่กำลังเดินไปยังจุดหมาย คิริวขบคิดกับตนเองด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะไขปริศนาได้ง่ายขนาดนี้ อีกอย่าง...คำว่ากระจกที่อีกฝ่ายบอกยังมีการใส่เครื่องหมายคำพูดแยกออกมาเสียด้วย...
“อ๊ะ!”
คิริวอุทานขึ้นมาก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือของคาร์กับฟรานและลงมือลากให้เดินย้อนออกมาโดยที่ไม่คิดจะอธิบายอะไรเลยแม้แต่คำเดียว คนโดนลากก็ได้แต่อึ้งกับอึ้ง เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ด้านนอกอันเป็นที่อยู่เดิมเสียแล้ว
“ย้อนกลับมาทำไมน่ะโซล?”
“คือว่า...คือว่า...”
คิริวเอ่ยตะกุกตะกักเพราะกำลังหอบ เมื่อนิ่งเงียบเป็นการพักได้ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นมาในที่สุด
“คำว่า ‘กระจก’ ถูกแยกออกมาอีกที มันน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ไขปริศนา ‘เข้าทางขวา เลี้ยวทางซ้าย’ มากกว่า” คาร์กับฟรานเบิกตากว้างเมื่อพอจะเริ่มเดาออก “ใช่! ‘กระจก’ ที่สะท้อนทิศตรงข้าม หมายความว่าเราต้องเปลี่ยน ‘ทิศ’ ของมันต่างหาก!”
“งั้นก็เป็น...เข้าทางซ้าย เลี้ยวทางขวา!”
คาร์เอ่ยย้ำทีล่ะคำๆเสียงดัง คราวนี้เขาเป็นคนลากเพื่อนทั้งสองเสียเอง พวกเขาเดินเขาประตูของท้องฟ้าจำลองทางด้านขวา เดินตรงไปได้สักพักหนึ่งก็มีทางแยก พวกเขาเดินไปทางขวาอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ...มันคือทางตัน...
“อ๊ะ! มีกระดาษแปะอยู่ตรงกำแพง!”
แต่คาร์ที่กำลังมุ่งมั่นนั้นสายตาดีแบบสุดๆ...
ทั้งสามย่างก้าวเข้าไปยังกำแพงที่มีกระดาษแปะไว้ คิริวดึงกระดาษออกมาก่อนจะอ่านออกเสียงให้อีกสองคนได้ยินไปด้วย
ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว
คำใบ้ที่สอง
เขาวงกต เคาะสามครั้ง บันได
EIL
ทั้งสามพร้อมใจกันเงียบกริบเมื่อได้รับรู้คำใบ้ที่สองซึ่งแทบจะไม่สามารถเอามาแปลความหมายอะไรได้เลย แต่พวกเขาก็ต้องไขปริศนานั้นให้ได้...เพื่อคนสำคัญของพวกเขา...
“เขาวงกตนี่หมายถึงสถานที่หรืออะไรกัน?”
“ไม่น่าจะใช่นะครับคาร์ แถวนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเขาวงกตอยู่เลยนะครับ”
คาร์และคิริวผลัดกันเสนอขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีอะไรเข้าท่า สักพักหนึ่งพวกเขาก็รู้สึกแปลกๆ คิดไปคิดมาก็คิดออกในที่สุด...แปลกเพราะว่าฟรานยังไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเลยสักคำยังไงล่ะ!
“เป็นอะไรน่ะฟราน?”
คนตัวเล็กแต่โหดเปิดปากถาม ฟรานหันมามองด้วยใบหน้าคิดหนักก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ฉันรู้สึกคุ้นๆน่ะ อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเขาวงกต...ไปได้ยินมาจากไหนแล้วนะ” บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบลงในทันที “อ๊ะ! ใช่แล้ว! ฉันเคยอ่านเจอ เขาบอกว่ามันมีหลักการในการเล่น ‘เขาวงกต’ อยู่...หากอยากออกจากเขาวงกตให้เดินเลียบด้านขวาไปเรื่อยๆ”
คาร์และคิริวเบิกตากว้างก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่ารู้สึกคุ้นๆเช่นกัน
“ลองเดินดูเลยละกัน!”
พวกเขาพยักหน้าให้กันก่อนจะเดินเรียงเป็นแถวเลียบผนังด้านขวาไปเรื่อยๆจนไปถึง...ทางตันอีกทางหนึ่ง...ทั้งสามจึงยกปริศนาที่เหลือมาใช้ต่อ
“เคาะสามครั้ง?”
ก๊อกๆๆ
ยังไม่ทันได้ไขปริศนา ฟรานก็เคาะกำแพงเล่นสามครั้งแต่ก็ต้องตกใจเมื่อกำแพงแยกตัวออก
“ถูกเหรอ?”
คาร์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่จะเบ้หน้าอย่างขัดใจเมื่อฟรานส่ายศีรษะและยื่นใบบางอย่างที่แปะไว้ที่กำแพงด้านในมาให้ดู
ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว
นั่นเป็นคำตอบที่ผิด หากเคาะผิดอีกครั้งเดียวเพดานจะถล่มลงมา
โปรดคิดให้ดีก่อนกระทำ
EIL
“กวนประสาทชะมัด”
ฟรานและคิริวพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดประโยคนั้นในทันที
“ยังเหลือคำใบอีกคำนะครับ...บันได...”
“บันได? พื้น?” คาร์เอ่ยขึ้นอย่างงงๆ “ไม่สิ...มันดูง่ายไป”
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนพากันเสมองไปยังทั่วทุกแห่งในที่แห่งนี้ หวังว่าจะปิ๊งอะไรบางอย่างขึ้นมา และมันก็เป็นความคิดที่ถูกเมื่อคาร์หันไปมองทางตันแล้วคิดอะไรออก
“ทางตันไง!”
“ทางตัน???”
คาร์ถอนหายใจด้วยใบหน้าหน่ายๆก่อนจะตั้งท่าอธิบาย
“ก็ตอนที่เราเจอกระดาษครั้งแรกตรงทางตันเราต้องใช้ ‘ตรงข้าม’ ใช่มั้ยล่ะ ก็นั่นแหละ! เราก็ลองยึดหลักเดียวกันดูสิ”
ฟรานทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ก่อนจะพูดขึ้น “พื้น...ก็ต้องเพดาน!”
“ลองดูเลยครับ”
“เอ้อ...แต่ว่า...”ฟรานมีท่าทางลังเลทำให้คิริวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็มัน...”
“มันอะไรล่ะ!”คาร์เป็นฝ่ายทักท้วงขึ้นบ้าง
ฟรานถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด
“ก็มันสูงนี่...”
“........”
...มันก็จริง...
คิริวและคาร์แอบเห็นด้วยขึ้นมาในใจ เพดานของที่แห่งนี้ไม่ใช่เตี้ยๆ เพราะมันสูงแบบไม่ธรรมดา สูงราวๆ 2 เมตรกว่าได้...แล้วพวกเขาที่สูงไม่เกิน 180 กันทั้งนั้นจะทำยังไงดีล่ะ?
คำตอบ...ต่อตัว...
คิริวผู้น่าสงสารต้องอยู่ด้านล่างสุดเพราะตัวสูงที่สุดในกลุ่มแล้ว ต่อด้วยฟรานและคาร์ ไม่ใช่ว่าคาร์เตี้ยสุด อันที่จริงคาร์กับฟรานสูงเท่าๆกัน แต่เพราะคาร์น่าจะพอตั้งสติได้มากที่สุดต่างหาก!
ก๊อกๆๆ
กึก...กึก...
เสียงอะไรบางอย่างคล้ายกำลังเคลื่อนไหวดังขึ้น คาร์ไม่รอช้ารีบกระโดดลงมาและดึงฟรานให้ตามลงมาติดๆ ก่อนจะตะโกนบอกให้ถอยไปจากบริเวณ
กึก...กึก...
ตึง!
ทั้งสามอ้าปากค้างให้กับภาพนั้น...ภาพเพดานที่เปิดออกและมีบันไดพาดลงมา!
...พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกแปะไว้...
ถึงเด็กหนุ่มทั้งสาม ฟราน คาร์ คิริว
นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง ยินดีด้วย
ปีนบันไดนี้ขึ้นมาก็จะได้พบกับสิ่งที่พวกเจ้าตามหา
EIL
แล้วมีหรือที่ทั้งสามจะรอช้า พวกเขารีบปีนขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว แต่ทัศนียภาพทั้งหมดกลับมีแค่ความมืดมิด...
พรึ่บ!
ปัง!
“Happy April Fool’s Day!!!”
“พี่/พี่แบล็ค/พี่โซล!!!”
ชายทั้งสามยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่คิริวจะพึมพำขึ้นมา
“มิน่าล่ะ...ก็คิดอยู่แล้วว่ามันแปลกๆ ทุกอย่างเป็นสิ่ง ‘ตรงข้าม’ แถมยังชื่อ ‘EIL’ นั่นอีก...สลับแล้วได้ ‘Lie’ ที่แปลว่า ‘โกหก’ ที่แท้ก็ 1 เมษา วันแห่งการโกหกนี่เอง”
ฟราน คาร์ และคิริวมองหน้ากันอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่ทั้งหมดจะยิ้มออกมาในที่สุด
...ถูกหลอกซะแล้ว...
...กฎของวันแห่งการโกหก โดนหลอก แล้วห้ามโกรธ...
Happy April Fool’s Day
...จำวันนี้ให้ดี อย่าไปโดนใครโกหกเข้าซะล่ะ...
SF สำหรับวันๆนี้โดยเฉพาะ แต่งอย่างหัวหมุนสุดๆ หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ ^-^
1/เม.ย./53 อัพ
ความคิดเห็น