คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Chapter 30 : CAMP (3)
Chapter 30 -- Camp (3 )--
“หัวหน้าเอิง (Un) จะเริ่มเลยมั้ย?”
“ใจเย็นๆ น่า ดิซ (Dix) พวกเรายังมีเวลาอีกเหลือเฟือ”
ชายในชุดดำที่เป็นเจ้าของนามทั้งสองสนทนากระซิบกระซาบกันอย่างเบาหวิวราวกับมีระดับความดังเท่ากับเสียงของสายลมเท่านั้น ชายผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘หัวหน้า’ นั้นมีรูปร่างปราดเปรียวบอบบาง แตกต่างกับชายอีกผู้หนึ่งซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำโดยลิบลับ
ร่างของชายผู้มีนามว่า ‘เอิง’ นั้นซุ่มกายอยู่ด้านหน้าสุดราวกับถูกจัดเรียงตามชื่อของเขาที่แปลว่า ‘หนึ่ง’ ถัดไปจากเขามีร่างของคนอีกสิบสองคนกระจายตัวเรียงรายอยู่ตามลำดับเลขของชื่อ เห็นจะมีเพียงดิซคนเดียวเท่านั้นที่แยกตัวออกมาจากลำดับแถวเนื่องด้วยความอารมณ์ร้อนของเขา
“เหลือเฟือของคุณมันเป็นวันแล้วนะ”
ชายร่างใหญ่นามดิซบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะต้องร้องโอ๊ยเมื่อโดนหวดศีรษะเข้าอย่างแรง
“มันเจ็บนะโว้ย! เนิฟ! (Neuf)”
ชายในชุดดำที่ดูจะผอมเพรียวกว่าใครอื่น ผู้มีนามที่แปลว่า ‘เก้า’ เดิมดุ่มๆ ควักกระบองมาหวดศีรษะของชายผู้มีชื่อเป็นลำดับต่อจากตนหน้าตาเฉย ก่อนจะไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วลากให้กลับไปต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเช่นเดิม
มันอาจจะเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนอื่นๆ ที่เห็นชายร่างเล็กลากชายร่างใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าได้อย่างสบายๆ แต่สำหรับเหล่าผู้อ้างนาม ‘สิบสามมรณะ’ นั้น คุ้นตากับภาพการลงไม้ลงมือของสองลำดับนี้มานานแล้ว
“หึๆๆ เจ็บไม่เคยจำเลยนะดิซ”
ชายผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าของกลุ่มคนพิลึกพิลั่นหัวเราะในลำคอด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด
ค้อนวงโตถูกส่งมาจากดิซผู้แม้จะโดนเนิฟคุมตัวอยู่แต่ก็ยังไม่วายหาเรื่องจิกกัดหัวหน้าของตนที่บัดนี้กำลังหัวเราะร่วนอย่างถูกอกถูกใจ และยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าสถานที่ที่พวกเขากำลังดักซุ่มอยู่นั้นไม่มีใครอื่นใดนอกจากร่างคุ้นตาอีกสิบสองร่างที่เป็นสหายสนิทของเขา
“คุณคงมีแผนอยู่แล้วใช่มั้ยครับ?”
ประโยคที่แสนสุภาพถูกส่งมาจากผู้นั่งอยู่ในลำดับที่สาม ‘ทรัวซ์’ (Trois)
เอิงเบนหน้ามาสบตาทรัวซ์ ก่อนจะเผยรอยยิ้มขี้เล่นพร้อมตอบคำถามอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก
“ก็คงอย่างนั้น”
ว่าพลางหัวเราะร่าอีกครั้งหนึ่งจนอีกสิบสองคนที่เหลือได้แต่ส่ายศีรษะไปมาอย่างเอือมระอากับนิสัยของผู้นำกลุ่ม ‘สิบสามมรณะ’ ที่ตั้งแต่รู้จักกันมานานนับสิบปีก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยไปเลยแม้แต่นิดเดียว
... ‘บ้า’ คือคำจำกัดความที่ดีที่สุดของนิสัยนั้น...
--Change! --
“พี่ฮะ...”
เสียงร้องเรียกหวานหูที่คุ้นเคยดังขึ้นในระยะประชิด พี่ชายผู้รักน้องสุดชีวิตสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนจะใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเรียกสติให้กลับคืนมาได้อย่างครบถ้วน แล้วเขาถึงนึกออกว่าที่ที่เขาอยู่ในเวลานี้คือภายในเต็นท์ซึ่งสมาชิกกลุ่มของเขาทั้งหกคนใช้เป็นที่นอนตลอดการเข้าค่ายครั้งนี้
และคนที่กำลังเรียกเขาอยู่ก็คือ ฟราน น้องชายสุดที่รักของเขานั่นเอง
ท่อนแขนแกร่งรั้งร่างเล็กของน้องชายมากอดไว้หลวมๆ ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้ว่าสองพี่น้องคู่นี้นอนข้างๆ กัน
“มีอะไรเหรอครับ?”
“พี่ชาย...ฟรานนอนไม่หลับ”
คำพูดคำจาสุดแสนน่ารักประกอบกับแอ็คติ้งกอดตุ๊กตาโลมาตัวที่ได้มาเมื่อครั้งงานโรงเรียนเสียแน่นก็ทำให้ฟิวส์แทบเลือดกำเดาไหลหมดตัวตาย ฟรานนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในยามที่อุตส่าห์พกตุ๊กตาโลมากับแหวนประดับมรกตที่เขาเคยให้ไว้ทั้งคู่มาเข้าค่ายด้วย
หลังจากที่พร่ำเพ้อไปเสียนาน ฟิวส์ก็ดึงสติให้กลับมาเข้าที่ ก่อนจะยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่ายว่า
“ถ้าอย่างนั้นออกไปเดินเล่นกันมั้ยครับ?”
“อาจารย์จะไม่ว่าเหรอฮะ?”
คิ้วเรียวขมวดกันแน่นพร้อมกับทำปากยื่นเล็กน้อยด้วยท่าทางครุ่นคิดที่น่ารักได้ใจพี่ชายไปเต็มๆ ร่างสูงยิ้มบางเบาก่อนจะฉุดข้อมือเล็กให้ยืนขึ้นแล้วพาเดินดุ่มๆ ออกนอกเต็นท์ไปแบบไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย
สักพักหนึ่งร่างเล็กก็เลิกร้องโวยวาย กระชับมือพี่ชายตอบด้วยใบหน้าน่ารักที่ขึ้นสีระเรื่อจางๆ และเพราะว่าโดนลากมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ตุ๊กตาโลมาที่ใหญ่กว่าตัวจึงยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวเล็กซึ่งกระชับมันไว้แน่นอย่างทะนุถนอม
ฟิวส์ยิ้มให้กับภาพน่ารักๆ นั้น ก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินจูงมือไปสำรวจตรงโน้นทีตรงนี้ทีจนเพลิน
“ฮ้าว...”
เสียงหาวเบาๆ ของร่างข้างกายเรียกความสนใจจากผู้เป็นพี่ชายได้เป็นอย่างดี ภาพที่ได้พบนั้นคือภาพของร่างน้อยที่ยกกำปั้นข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ตาตัวเองอย่างมึนๆ เห็นทีจะถึงเวลานอนของร่างน้อยแล้ว สองพี่น้องจึงตกลงปลงใจจะกลับเข้าเต็นท์กันในที่สุด
โดยที่มิได้รับรู้ถึงร่างอีกสิบสามร่างที่คอยจับตาดูทุกอากัปกิริยาของพวกเขามาโดยตลอดเลย...
ใบหน้าขี้เล่นของผู้เป็นผู้นำแปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เคร่งเครียดและสุขุมนุ่มลึก ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อพวกเขากำลังปฏิบัติภารกิจ และทุกครั้งภารกิจก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าเหตุใดหัวหน้าที่ไม่เต็มเต็งผู้นี้จึงดำรงตำแหน่งของผู้ที่ต้องแบกรับสิบสามชีวิตไว้พร้อมกันมาได้นับสิบกว่าปี
“สิบสามมรณะ รับคำสั่ง...”
เสียงเอื่อยเฉื่อยที่แม้จะไม่เด็ดขาดเท่าการสั่งของนายสูงสุดของพวกเขา แต่ทว่าก็มีแรงกดดันและความน่าเกรงขามแฝงอยู่ไม่น้อย ผู้ร่วมนาม ‘สิบสามมรณะ’ ต่างคุกเข่าลงต่อหน้าหัวหน้ากลุ่มพร้อมกับก้มศีรษะให้อย่างนบนอบ
“รับคำสั่ง!”
อีกสิบสองคนที่เหลือตอบรับอย่างขันแข็ง เอิงเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจพลางสั่งต่ออย่างเนิบนาบว่า
“สังหารสองพี่น้องตระกูลแฟทัลซะ...”
รังสีอำมหิตจำนวนมากแผ่ฟุ้งกระจายขึ้นมาทันควัน แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นของพวกเขาทุกคนที่เก็บงำรังสีอำมหิตจำนวนมากนี้เอาไว้ได้อย่างมิดชิดโดยที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย
“ทำตาม แผน ที่วางไว้”
คำสั่งประโยคสุดท้ายถูกสั่งด้วยน้ำเสียงยานคางมากกว่าเก่าแต่กลับน่าขนลุกกว่าคราแรกหลายเท่าตัว ศีรษะของบุรุษสิบสองคนผงกวูบ ก่อนที่ร่างทุกร่างรวมทั้งผู้ออกคำสั่งเองจะกระโจนแยกย้ายกันไปเตรียมพร้อมตามสถานที่ที่เตรียมการกันไว้
--Change! --
“อ๊ะ!”
“มีอะไรเหรอฮะ พี่?”
ฟิวส์มีท่าทางสับสนและอึกอักอยู่เล็กน้อย แต่ก็ตอบออกมาอย่างจนใจว่า
“เต็นท์ที่พักของโรงเรียนเราหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ พอมาถึงจุดที่พี่คิดว่าน่าจะถึงแล้ว พวกเราก็จะเดินย้อนกลับมาที่เดิมใหม่ทุกครั้งเลย...”
ฟรานมีท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าน่ารักหันซ้ายแลขวาก่อนจะอุทานเบาๆ เมื่อพบว่าพวกเขาย้อนกลับมาอยู่ที่เดิมตามที่ฟิวส์ได้บอกเอาไว้จริง มันช่างเป็นเรื่องที่น่าฉงนเสียนี่กระไร สองพี่น้องได้แต่ยืนหยุดนิ่งพลางหันไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน
“สิบสามมรณะ รับคำสั่ง...”
ทันใดนั้นเอง บังเกิดน้ำเสียงเนิบนาบแว่วเข้ามาในโสตประสาทของทั้งคู่ คิ้วเรียวยาวของสองพี่น้องขมวดแน่นพร้อมกับหันไปมองรอบด้านด้วยท่าทางระแวดระวัง
“รับคำสั่ง!”
ก่อนที่ทั้งสองจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคนอีกจำนวนมากตอบรับกลับมา
“สังหารบุคคลตรงหน้าซะ!”
นัยน์ตาของทั้งคู่เบิกกว้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างในชุดดำทั้งสิบสามร่างกระโจนออกมาจากเงามืด ตีตัวออกเป็นวงกลมยืนล้อมรอบสองพี่น้องจนไร้ซึ่งหนทางหนี ฟิวส์เม้มปากแน่นก่อนจะรวบร่างของน้องชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ตายเสียเถอะสองพี่น้องตระกูลแฟทัล!”
...จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่อไป?!...
To Be Continue
มาอัพแล้วค่ะ ^-^ แอบทิ้งท้ายไว้ให้ค้างกันอีกรอบ...แต่ท่านผู้อ่านหลายคนก็คงได้รับรู้นามสกุลของสองพี่น้องซึ่งถูกเปิดเผยไปบ้างแล้ว ‘Fatal’ (แฟทัล) หมายถึง เคราะห์ร้าย ถึงตาย เป็นอันตราย หรือร้ายกาจ ค่ะ ว่าง่ายๆ ก็คือเป็นการบอกใบ้อ้อมๆ ว่าคนตระกูลนี้ไม่ธรรมดา!
มาพูดถึงชื่อของ ‘สิบสามมรณะ’ กันบ้างค่ะ ตอนที่จะเริ่มแต่งตอนนี้สิ่งที่คิดหนักที่สุดก็คือ...ชื่อของพวกนี้นี่แหละ - -^ จะให้แต่ละคนไร้ชื่อก็กระไรอยู่ แต่จะให้คิดชื่อหรูๆ ให้คนสิบสามคนอย่างกะทันหันใครมันจะไปคิดออก? ลงท้ายเลยปิ๊งว่าจะใช้ชื่อตัวเลขเป็นตัวแทน...แล้วจะเอาเลขของประเทศไหนล่ะ? อังกฤษ จีน ไทย? รับไม่ได้...สุดท้ายจึงลงเอยด้วยเลขฝรั่งเศสค่ะ >~<
13/พ.ค./53 อัพ
4/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น