คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : Chapter 41 : The Story of Drama
Chapter 41 -- The Story of Drama --
ว่าพลางหัวเราะหึๆ ในลำคออีกสองสามครั้ง ก่อนจะออกตัวเดินนำไปสู่ห้องรับแขกซึ่งมีแขกถึงสิบสามคนนั่งแออัดรออยู่ คาร์ส่ายศีรษะไปมาพลางบอกกับตนเองว่านึกแล้วไม่มีผิด แต่ในคราวนี้นั้นเขามิได้ออกปากห้ามปรามแต่อย่างใด
...เขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ใช่ว่าจะโกรธไม่เป็น กล้ามาทำให้เขาเสียใจนี่คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ?...
--Change! --
ร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาคมกริบดุจนัยน์ตาเหยี่ยวสีดำสนิทและเส้นผมสีพระเพลิงที่ซอยละเอียดยาวคลอเคลียไหล่จัดทรงอย่างทันสมัยยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่าเดิมหลังจากที่ใช้กำปั้นทุบกำแพงไปเต็มแรงจนเลือดอาบมือ
ใช่...ผ่านไปเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมงแล้วแต่เขาก็ยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่าเดิม!
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวตัวปัญหาก็เดินกลับเข้ามาในห้องด้วยลุคใหม่ ใบหน้าที่เคยดูเหมือนจะยั่วชาวบ้านตลอดเวลากลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจัง ท่วงท่าออดอ้อนกลายเป็นความกระฉับกระเฉง ดูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงราวกับปลาบู่พัฒนาเป็นปลาหางนกยูงเลยก็ว่าได้
นัยน์ตาเรียวที่กรีดอายไลเนอร์สีเข้มเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนแค่นเสียง ‘หึ’
“ดูสิแบล็ค คุณทำเสียเรื่องหมดเลย แบบนี้ฉันเสียหายนะรู้ไหม!”
“...หุบปากไปเถอะน่า”
บทสนทนาถูกจบลงอย่างค้างๆ คาๆ เพราะเมื่อหญิงสาวได้ยินคำตอบเช่นนั้นก็แค่นเสียง ‘เหอะ’ ดังๆ ออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีและก้าวขายาวๆ เดินออกไปจากห้องแห่งนี้ในทันที
...ทิ้งไว้เพียงปริศนาเกี่ยวกับคำพูดที่แสนจะน่าสงสัยของทั้งสอง...
ครืด...ครืด...
มือถือ I-Phone สีดำขลับเครื่องหรูสั่นไหวไปมาตามระบบที่ตั้งไว้เป็นสัญญาณว่ามีผู้โทรเข้ามาหาเขาในเวลานี้ ดวงตาที่แสนจะเหม่อลอยของชายหนุ่มปรายมองมันอย่างไร้อารมณ์ เตรียมเอื้อมมือไปกดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยแต่ก็ต้องสะดุดเข้ากับสิ่งที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอเสียก่อน
ที่รักของไอ้ฟิวส์...Incoming
‘ที่รักของไอ้ฟิวส์’ มีแค่คนโง่เง่าและไร้สมองเท่านั้นที่จะไม่รู้ว่ามันหมายถึงใคร
...จะเป็นใครไปได้นอกจากเทวดาตัวน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ดันกลายเป็นปีศาจร้ายไปซะเฉยๆ!
แบล็คทำหน้าปั้นยากอย่างสุดแสนจะพรรณนาออกมาให้รับรู้กันได้ เขากลืนน้ำลายที่แสนจะเหนียวหนืดลงผ่านลำคออย่างยากลำบาก รู้สึกราวกับว่าเหงื่อกาฬทั่วร่างพลันหลั่งไหลออกมาจากทั่วทุกรูขุมขน ช่างน่าข่มขื่นยิ่งนักที่ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งจะกลัวเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ได้ถึงขนาดนี้
รับ...หรือไม่รับ?
คิ้วเรียวยาวขมวดเข้าหากัน ลมหายใจหนักๆ ถูกผ่อนออกมารวดเดียวเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดที่กำลังประดาหน้าเข้ามาอย่างยากจะหยุดยั้ง ที่สุดนิ้วโป้งที่ไม่รักดีก็เลือกจิ้มลงไปบนปุ่มปุ่มหนึ่ง...
ปุ่มสีเขียว ที่หมายถึงการ ‘รับ’
I-Phone สีดำขลับถูกยกขึ้นมาจ่อหูข้างถนัดด้วยมือที่สั่นไหว รวมไปถึงน้ำเสียงตะกุกตะกักที่กรอกลงไปด้วยความไม่มั่นใจอย่างเด่นชัดด้วยเช่นกัน
“ฮะ ฮัลโหล”
[“รับช้ามากฮะ ตกส้วมตายอยู่หรือไง? พี่แบล็ค”]
ยังไม่ทันได้ทำใจ เสียงหวานๆ ที่แสนจะคุ้นหูก็เอ่ยขึ้นมาอย่างฉับพลันด้วยวาจาส่อเสียด ซึ่งแบล็คเองก็ได้แต่มึนไปสามตลบและนิ่งค้างราวกับเป็นใบ้ ปลายสายคงจะรำคาญจัดจึงเอ่ยรัวต่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
[“ผมมีเรื่องที่จะให้พี่ทำ ถ้าพี่กล้าพอ และผมก็จะยอมรับให้พี่คบกับคาร์ได้อีกครั้ง”]
“จริงเหรอครับ?!”
แบล็คสวนขึ้นมาในทันทีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจยิ่งนัก
[“สาบานด้วยชื่อของฟราน แฟทัล”]
อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและดูมีอำนาจ ได้รับการยืนยันถึงเพียงนี้แบล็คก็ไว้วางใจ ชายหนุ่มกรอกเสียงลงโทรศัพท์เครื่องหรูเพื่อตั้งคำถามที่ตนกำลังสงสัยอยู่
“แล้วเรื่องที่จะให้พี่ทำมันคืออะไรล่ะครับ?”
[“โอ๊ย!”] อยู่ดีๆ น้ำเสียงหวานใสก็อุทานออกมาเสียงดังจนทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง [“ง่ายยิ่งกว่าการแอบไปมีชู้หลายเท่าเลยฮะ!”]
ยกตัวอย่างอื่นไม่ได้แล้วหรือไง? ปอกกล้วยเข้าปากยังฟังดูดีมีระดับกว่าตั้งเยอะ...
ผู้ถูกประชดแสกหน้าอดที่จะนึกค่อนขอดในใจเงียบๆ อย่างเสียมิได้
[“แล้วมันคืออะไรล่ะครับ ฟราน”]
[“ฮิๆๆ”] เสียงหัวเราะที่เล่ห์ร้ายเหลือรับเล็ดลอดเข้ามาชวนให้ขนลุกซู่ [“ก็แค่บุกเข้ามาในคฤหาสน์แฟทัลโดยให้เหลือครบสามสิบสองประการเองฮะ!”]
สวรรค์! ฟราน...เด็กเปรต!
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แบล็คได้แต่อ้าปากค้าง อยากจะด่าความในใจออกไปตรงๆ แต่จิตใต้สำนึกก็รั้งเอาไว้แล้วคอยย้ำเตือนบอกเขาว่าตอนนี้ตนเองกำลังตกเป็นรอง ไม่ควรจะไปเพิ่มเชื้อไฟให้เพลิงมันปะทุมากขึ้นไปกว่าเดิม
ง่ายมาก...ง่ายมากเลยจริงๆ! ที่รักของไอ้ฟิวส์มันโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่! ‘ในโลกใบนี้’ ใครๆ ต่างก็รู้กันว่า ‘คฤหาสน์แฟทัล’ คือสถานที่ที่ขึ้นชื่อลือนามว่าเป็นสถานที่ที่บุกรุกเข้าไปได้ยากเสียยิ่งกว่าการแหกคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดออกมาหลายเท่าตัว หากไม่ได้รับคำอนุญาต กระทั่งมดสักตัวก็ไม่มีสิทธิ์จะรอดผ่านเข้าไปได้!
แล้วอย่างนี้จะให้เขาด่าว่าอะไรได้ล่ะ! เด็กเปรตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
เอ้อ แล้วเขาตอบว่าอะไรออกไปน่ะเหรอ?
“ตกลงครับ!”
...ไอ้ปากไม่รักดีเอ๊ย!
--Change! --
เส้นผมสีพระเพลิงกระทบกับแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า และดูเหมือนว่ามันจะไม่เลิก ‘เจิดจ้า’ ง่ายๆ จนเส้นผมของเขาส่องประกายสะท้อนแสงอาทิตย์วิบวับจนชวนแสบตายิ่งนัก ทว่าเจ้าของเรือนผมนั้นกลับมิได้ใส่ใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าสีผมของตนนั้นจะไปทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือดร้อนทางสายตาหรือไม่
นัยน์ตาคมกริบสีนิลกาฬฉายแววลังเลใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะใจกล้ามาถึงหน้าบ้านของชาวบ้านเค้าแล้วก็ตามแต่ ถึงอย่างไรก็ตาม หากใครต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขาก็คงจะมีความคิดไม่ต่างจากเขาในเวลานี้สักเท่าไหร่นัก
...ตายแน่!...
ชั่ววูบหนึ่ง ความคิดอกุศลประเภทที่ว่าเขาควรจะกลับไปตั้งหลักด้วยการวัดโลงศพหรือไม่ก็เขียนพินัยกรรมให้เสร็จก่อนค่อยย้อนกลับมาใหม่ดีหรือไม่ก็พลันแล่นวูบเข้ามาในห้วงคะนึงอย่างชวนขนหัวลุกยิ่งนัก
นิ้วเรียวยาวทั้งห้าถูกกำแน่นแล้วทุบอกแกร่งของตนเบาๆ เพื่อเรียกกำลังใจ
เขาไม่ได้ทำอะไรผิด...และนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องบอกให้คนที่เขารักหมดหัวใจได้รับรู้
นัยน์ตาคมกริบถูกช้อนขึ้นมองคฤหาสน์หลังหรูอีกครั้งหนึ่ง ทว่าในเวลานี้ความลังเลใจได้ถูกลบเลือนไปจนหมดสิ้น จะเหลือก็แต่ความมุ่งมั่นมากมายมหาศาลซึ่งปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดก็เท่านั้นเอง
ว่าไปนั่น...แล้วจะบุกเข้าไปยังไงดีล่ะเนี่ย?
แบล็คเหล่ซ้ายแลขวา มันช่างน่าแปลกประหลาดใจยิ่งนักที่คฤหาสน์หลังใหญ่โตขนาดนี้กลับมีคนเฝ้าประตูที่แต่งชุดสูทสีดำขลับอยู่เพียงสองคนเท่านั้น และแน่นอนว่าบริเวณที่พวกเขากำลังเฝ้าอยู่ก็คือ ‘หน้าประตู’ และหากจะไม่เป็นการบ้าหนังมากเกินไป ทางที่เขาควรเข้าก็คือ ‘หลังประตู’
และแล้วเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งก็ได้ฤกษ์มาเล่นซ่อนแอบในยามที่อายุอานามมิได้น้อยเลยเช่นนี้ เขาเหลียวซ้ายเหลียวขวาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนนั้นไม่เห็นเขา ร่างปราดเปรียวก็พุ่งไปยังทิศทางที่เป็นด้านหลังของคฤหาสน์ ขายาวเร่งวิ่งสุดตัวโดยพยายามเหยียบย่ำพื้นให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ถึงอึดใจแบล็คก็มาถึงบริเวณ ‘หลังประตู’ ได้สำเร็จ และดังที่ได้คาดคะเนไว้ข้างต้น ประตูสีขาวบานใหญ่อันเป็นประตูหลังบ้านนั้นไม่มีคนเฝ้าอยู่แม้แต่คนเดียว!
ฝ่ามือหนาไม่รอช้า ยื่นไปหมุนลูกบิดประตูแบบโบราณแล้วดันเข้าไปอย่างรวดเร็ว...เร็วเกินไปจนลืมขบคิดให้ดีเสียก่อนว่าการที่ไม่มีคนเฝ้าเช่นนี้มันก็น่าจะมีกับดักซุกซ่อนอยู่บ้าง
แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้วคุณชาย!
โครม!
“โอ๊ย!”
ชายหนุ่มร้องเสียงดังลั่น มันเป็นกับดักแบบเด็กๆ ที่แค่เอากองหนังสือตั้งหนึ่งไปติดตั้งกลไกไว้บริเวณเหนือบานประตู เมื่อมีคนเปิดประตูมันก็จะเทโครมลงมาอย่างรวดเร็ว หากมีสมองพอก็คงจะหลบได้อย่างง่ายดาย
ทว่าคุณชายแบล็คนั้น...ไร้สมอง
คงไม่ต้องบอกว่าร่างสูงโปร่งกำลังโดนอะไรประทุษร้ายอยู่ในยามนี้
แบล็คกำหมัดแน่น เลียริมฝีปากเล็กน้อยอย่างที่มักจะทำเป็นประจำเวลาต้องการปลอบให้ตัวเองใจเย็นลง ในเวลานี้เขากำลังพยายามใจเย็นให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ลืมตัวหันไปฉีกหนังสือตั้งเมื่อครู่เป็นการระบายอารมณ์
...เพราะไม่มีใครบอกได้ว่ากองหนังสือนั้นมีหนังสือของฟราน แฟทัล รวมอยู่ด้วยหรือไม่!
คิดได้เช่นนั้นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็จำต้องเลิกให้ความสนใจกับกองหนังสือเหล่านั้นแต่โดยดี เขาลูบศีรษะตนเองป้อยๆ ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ เดินไปตามทางที่ปูด้วยพรมแดงชั้นดีอย่างอาจหาญ
...มากเกินจนลืมไปอีกแล้วว่าเวลาอยู่ในคฤหาสน์แฟทัลเขาไม่ควรทำตัว ‘ไร้สมอง’
เฟี้ยว...
ฉึก!
“เฮ้ย!”
เสียงสามเสียงที่ดังเป็นเสต็ปราวกับการ์ตูนอนิเมชั่นก็ไม่ปานดังขึ้นต่อเนื่องกัน อยู่ดีๆ ก็ปรากฏดาบคู่เล่มยาวที่แหวกผ่านอากาศเล็งมาที่ศีรษะของเขาอย่างแม่นยำ หากเมื่อครู่เขาตั้งสติไม่ทันแล้วเอี้ยวตัวหลบไม่พ้นก็คงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ว่าแต่...ดาบคู่นี่มันดูคุ้นๆ นะว่ามั้ย?
แต่ด้วยความที่กำลังติดภารกิจระดับชาติ แบล็คจึงเมินมันไปอย่างรวดเร็ว แล้วสาวเท้าก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตายทั้งๆ ที่ ‘ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น’ มากขนาดนั้นแล้วก็ตาม
บางทีถ้าในตอนนั้นเขาตัดสินใจหันหลังกลับไปเลยน่าจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
ครืด...ครืด...
ที่รักของไอ้ฟิวส์...Incoming
ไม่ต้องบรรยายท่านทั้งหลายก็คงจะทราบดีว่าสีหน้าของชายหนุ่มร่างสูงในยามนี้นั้นกำลังเป็นเช่นไรเมื่อควักโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูออกมาพบชื่อที่โชว์เด่นหราอยู่เช่นนั้น
พร้อมกับความคิดที่ว่าเขาควรจะเปลี่ยนชื่อที่เมมไว้ให้มันเป็นคำว่า ‘เด็กผี’ แทนจะดูดีกว่าหรือไม่
“...ฮัลโหล”
[“ว่าไงฮะ พี่แบล็ค”] ปลายสายเอ่ยทักในทันทีที่เขากดรับ [“พี่นี่ดวงแข็งจนน่าหมั่นไส้เลยนะฮะ หลบหนังสือกองเบอเริ่มไม่ได้ แต่ดันหลบดาบที่เรียวยาวซะจนมองแทบไม่เห็นได้เนี่ย”]
วาจาวกไปวนมาที่ฟังไม่ออกว่าจะชมหรือด่ากันแน่ แต่เหมือนจะเอนเอียงไปทางด้านหลังมากกว่า ทำให้แบล็คต้องยกมือขึ้นมานวดขมับอย่างอนาถจิตยิ่งนัก
“เราคงเห็นจากกล้องวงจรปิดใช่มั้ยครับเนี่ย”
[“โอ้!”] ฟรานส่งเสียงอุทานแบบที่น่ายันโครมเข้ามาก่อนจะพูดเจื้อยแจ้วต่อ [“ไม่เลวๆ ทั้งๆ ที่กล้องมันเล็กมากแล้วก็ซ่อนเอาไว้อย่างดีแล้วด้วยนะฮะเนี่ย”]
อันที่จริงถ้าได้ฟังประโยคเบื้องต้น ร้อยทั้งร้อยเป็นใครก็ต้องรู้แหละว่าฟรานดูจากกล้องวงจรปิดเอา เพราะนิสัยที่ออกจะคุณหนูเสียขนาดนั้นคงไม่มายืนรับชมภาพความอนาถจิตของเขาซะชิดติดขอบสนามหรอก
“...โทรมามีอะไรครับ”
[“จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เข้าหูเลยนะฮะคุณพี่แบล็ค อย่าลืมนะฮะว่าคนที่กุมอำนาจทั้งหมดในตอนนี้อยู่คือใคร ผมก็แค่อยากจะแนะนำอะไรดีๆ ให้พี่เท่านั้นล่ะฮะ”]
วาจากลับกลอกผสมด้วยคำขู่แบบเวอร์ชั่นอัพตอกหน้าแบล็คไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังคงทำใจแข็งต่อปากต่อคำกลับไปอยู่ดี
“นี่ไม่ใช่เกมนะครับ มันขึ้นอยู่กับชีวิตของคน!”
ก่อนที่แบล็คจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อน้ำเสียงเย็นเยียบจากปลายสายตอบกลับมาด้วยวาจาที่เหินห่าง [“แล้วคุณคิดว่าผมทำเล่นๆ หรือไงกันหืม? คุณจะดูถูกตระกูลแฟทัลมากเกินไปหน่อยมั้งครับ”]
“พี่ขอโทษครับ”
นานๆ ทีจะได้ยินอีกฝ่ายพูดจาสมกับวัยก็ทำให้หนาวไปทั้งกายแล้ว...
ปลายสายถอนหายใจเล็กน้อยก่อนกลับมาใช้ภาษาแบบเดิม [“ก็ดีฮะ ฟังที่ผมพูดดีๆ ละกัน ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน]
“ครับ”
[“ถ้าพี่ไม่แน่จริง ผมแนะนำให้รีบกลับไปดีกว่านะฮะ ไม่อย่างนั้นผมรับรองได้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ชื่อของพี่ถูกจารึกบนป้ายหลุมศพอย่างแน่นอน”]
แม้จะแอบสะดุ้งไปเล็กน้อยแต่เสียงทุ้มก็ตอบกลับไปอย่างหนักแน่น “พี่มั่นใจครับ”
[“ก็ดี”] ฟรานตวัดเสียงห้วน [“งั้นก็ขอให้สนุกนะฮะ...พี่แบล็ค”]
ก่อนที่บุตรชายคนเล็กแห่งตระกูลแฟทัลจะกดตัดสายไปในทันที บทนึกจะโทรมาก็โทร บทนึกจะตัดสายทิ้งก็เล่นตัดไปง่ายๆ ชนิดที่เขายังไม่ได้เอ่ยรับคำของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ แบล็คถอนหายใจยาวๆ กับชีวิตที่น่าเวทนายิ่งนักของตน ก่อนจะยัดมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างลวกๆ
...และวันนี้ก็ต้องจะไม่มีชื่อของเขาอยู่บนป้ายหลุมศพด้วย!
--Change! --
“นี่มัน...แฮ่ก...บ้าอะไร...แฮ่ก...กันเนี่ย!”
ใบหน้าที่ ‘เคย’ หล่อเหลา...ย้ำว่า ‘เคย’ หล่อเหลา! เพราะบัดนี้ มันกลายเป็นใบหน้าที่โทรมชนิดหาใดมาเปรียบได้ไปเสียแล้ว และจะไปว่าใครอื่นใดได้นอกจากเจ้าของใบหน้าที่ดันบ้าชนิดกู่ไม่กลับเสียเอง
ต่อจากดาบคู่ก็เป็นพัด กับดักเข็มอาบยาพิษ ลูกกระสุน กับระเบิด แส้เลเซอร์ที่สะบัดโดยอัตโนมัติ มีดสปาร์ต้าที่พุ่งมาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบ รอยเหมือนโดนอะไรบางอย่างเหยียบบนใบหน้า ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าโดนกระบองเหล็กทุบศีรษะ สนับมือที่อัดไปเต็มๆ หน้า ตบท้ายด้วยเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ...กริชจำนวนสามเล่มถ้วนที่พุ่งมาจากสามทิศทางพร้อมกันจนเขาเกือบหลบไม่ทันและหวุดหวิดต้องกลายเป็นเป้ามีดที่โดนเสียบจนพรุน
แล้วจะไม่ให้โวยวายได้ยังไงกัน!
ว่าแต่...อาวุธทั้งสิบสามอันเบื้องต้นนั้นมันดูคุ้นๆ นะว่ามั้ย?
ใบหน้าที่ ‘เคย’ หล่อเหลาซีดเซียวลงไปถนัดตา เมื่อมีเวลาให้หวนคิดคำนึงมากพอ อันที่จริงมันก็ควรจะสะกิดใจได้ตั้งแต่เห็นดาบคู่เรียวยาวทรงญี่ปุ่นที่ลงอักขระชั้นดีแบบไม่มีใครเหมือนแล้ว แต่เขาดันปัดมันทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใยเพราะเห็นว่าไม่สำคัญไปซะได้
...แสบนักนะ เล่นยกนักฆ่ามืออาชีพมาเนี่ยกะจะฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงเลยใช่มั้ย?!
แบล็คมีใบหน้าบิดเบี้ยวและฟันที่กระทบกันดังกรอดๆ กำปั้นของเขากำแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลซิบๆ แต่มีหรือที่เขาจะสนใจ!
โครม!
เรียวขายาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอย่างเหลือล้นตวัดใส่ประตูบานใหญ่เบื้องหน้าล้มโครมจนพังแบบไม่เป็นท่าเพื่อระบายอารมณ์ของตนเอง ก่อนจะต้องหน้าซีดไปอีกครั้งเมื่อเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้
นี่มันบานประตูห้องฟรานนี่นา
...ตายแน่!...
คิดอย่างอกุศลได้ไม่นานนัก น้ำเสียงเย็นเยียบติดลบสิบองศาก็ดังแว่วลอดไรฟันมาให้ได้ยินในบัดดล ซึ่งก็สามารถทำให้สีเลือดฝาดบนใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเลือนหายไปมากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างง่ายดาย
“พี่กล้ามากเลยนะที่มาพังประตูห้องของผมแบบนี้น่ะ ช่างเป็นแขกที่ไม่น่ารักจริงๆ เลยนะฮะ...”
ถ้าอยู่ในการ์ตูน ภาพของฟรานที่นั่งไขว่ห้างอย่างองอาจอยู่บนโซฟาสีดำขลับก็คงมีแบ็คกราวด์เป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างไปแล้ว
นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวไล่สังเกตรอบบริเวณอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากฟรานที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นจุดศูนย์กลาง มีพี่ชายสุดที่รักของอีกฝ่ายนั่งเอนกายอย่างสบายอกสบายใจประกบข้างอยู่ ห่างไปไม่ไกลนักเป็นร่างเล็กน่าทะนุถนอมของคาร์ซึ่งมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่กำลังโดนบุคคลจำนวนสิบสามคนถ้วนรุมบ้าเห่ออย่างน่าสงสาร
กระทั่งกัตหรือเนิฟที่ได้ชื่อว่าโคตรเย็นชาก็ยังไปร่วมวงกับเขาด้วย!
“เอาเป็นว่าผมจะส่งบิลเก็บค่าซ่อมประตูไปที่บ้านพี่ทีหลังละกันนะฮะ”
ฟรานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักตกลงเอาเองเสร็จสรรพ
แบล็คยืนเงียบ มิได้อ้าปากโต้แย้งแต่อย่างไร เพราะถึงอีกฝ่ายจะเรียกเก็บค่าประตูบานเล็กนิดเดียวแต่ฝังเพชรเสียเยอะนั่นเป็นล้านก็ไม่ได้ลำบากอะไรเขาสักเท่าไหร่นัก เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว
“แล้ว...จะให้พี่ทำอะไรต่อล่ะครับ?”
นัยน์ตากลมโตสีเงินเหลือบมองเขาเล็กน้อยด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมอง ‘ไอ้โง่’ อยู่
“นี่พี่โดนอาวุธของพี่ๆ สิบสามมรณะเล่นงานจนสมองกลับไปแล้วหรือไงฮะ” อ้อ...แล้วสิบสามอาวุธที่คุ้นหน้าคุ้นตานั่นก็มีเจ้าของเป็นดั่งที่คิดไว้จริงๆ “พี่ก็ต้องขอโทษคาร์น่ะสิถามได้!”
หากคุณได้ไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์นี้ก็คงขำเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้วเมื่อได้เห็นสีหน้าของแบล็คในเวลานี้ที่หมดสภาพความดูดีไปโดยสิ้นเชิง ทว่าอันที่จริงการที่ชายหนุ่มจะมีสีหน้าเช่นนั้นก็คงไม่ได้แปลกอะไรนักหนา คำพูดของฟรานต่างหากที่แปลก!
“อะไร...นะครับ?”
คนที่ยังคงอ้าปากค้างพยายามเรียกเสียงของตนให้เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
“ผมก็บอกให้พี่ก้มลงไปกราบขอขมาคาร์ซะดีๆ ยังไงล่ะฮะ อธิบายเรื่องทั้งหมดให้มันฟังขึ้นด้วย”
“...เราไม่เชื่อพี่ไม่ใช่เหรอ? ฟราน”
“ฟรานจำได้ว่าไม่เคยพูดอย่างนั้นเลยนะฮะ เนอะพี่ฟิวส์”
ไม่วายหันไปเนอะไปแนะกับพี่ชายสุดที่รักซึ่งส่งยิ้มหวานเลี่ยนและพยักหน้าหงึกหงักตามแต่โดยดี โดยที่บางทีเจ้าของหน้าหล่อๆ นั่นอาจจะยังไม่ทันได้คิดเลยด้วยซ้ำว่าฟรานเคยพูดหรือไม่เคยพูดกันแน่
...ต่อยเพื่อนตัวเองต่อหน้าแฟนมันนี่ผิดมั้ย?...
...คำตอบคือผิดอย่างมหันต์ เพราะแฟนของมันดันชื่อ ‘ฟราน แฟทัล’ น่ะสิ!...
แบล็คอยากจะทึ้งหัวตัวเองให้ตายไปข้างหนึ่ง เพราะวันนี้เขาต้องจำใจสงบสติอารมณ์มามากเกินพอแล้ว บางทีการได้อัดหน้าหล่อๆ ของฟิวส์สักเปรี้ยงหนึ่งอาจจะเป็นตัวเลือกการระบายอารมณ์ที่ดีที่สุด แต่มันจะไม่ดีที่สุดตราบใดที่เจ้าของสมญานาม ‘เด็กผี’ ยังคงนั่งทำตาแป๋วอยู่แถวนี้!
ยังไม่ทันได้โต้แย้งอะไรไปมากกว่านั้น เจ้าของเรือนผมสีแสบตาก็ต้องรู้สึกหนาววูบไปทั้งกายเมื่อได้รับรังสีอำมหิตอย่างท่วมท้นมาจากข้างหลัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันมาจากใคร เพราะจะมีใครกันที่มาเที่ยวสาดรังสีอำมหิตใส่ชาวบ้านเล่นอย่างเหล่านักฆ่าเลื่องชื่อนาม ‘สิบสามมรณะ’
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เหล่าสิบสามมรณะเลิกวุ่นวายกับการบ้าเห่อคาร์และเปลี่ยนมายืนล้อมรอบร่างเล็กนั้นพร้อมอาวุธครบมือแทน พร้อมกับส่งสายตามาทางแบล็คสื่อนัยเป็นคำพูดว่า ‘ถ้ายังไม่รีบมาขอโทษคาร์ แกตาย!’
แบล็คไม่รอช้า ก้าวยาวๆ ไปยืนอยู่เบื้องหน้าร่างที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ก่อนจะทรุดตัวลง และหากทำได้เขาก็คงเอาศีรษะของตนกระแทกพื้นทำนองหนังจีนไปแล้ว
“พี่ขอโทษนะครับ คราวหลังพี่จะไม่แกล้งเราแบบนี้อีกแล้ว คราวนี้พี่ทำเกินไปจริงๆ”
แกล้ง?
ราวกับมีตัวอักษรเบื้องต้นแปะอยู่บนใบหน้าของทุกคน
“ที่จริงผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เองครับ เป็นทอมด้วย พี่แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าคาร์จะเชื่อใจพี่มากแค่ไหน แต่พี่ก็คงทำเกินไป”
คำเฉลยรวดเดียวจบทำให้คาร์ต้องรีบยกมือขึ้นมาขอเบรกแทบไม่ทัน
“เดี๋ยวนะครับ พี่บอกว่าทั้งหมดนั่น...พี่แกล้งทำ?!”
“ถ้าจะพูดตรงๆ ก็นั่นแหละครับ”
และหากนี่เป็นฉากในการ์ตูนอีกครั้ง ท่านก็จะได้เห็นแบล็คกำลังทำหูตกและหางลู่อย่างเจี๋ยมเจี๊ยม
ซึ่งหากนี่เป็นฉากในการ์ตูนเช่นกัน ท่านก็จะได้เห็นรอบๆ ตัวคาร์มีรังสีดำทะมึนแผ่ออกมา ตามด้วยเสียงโครมครามที่ไม่ต้องพากย์ก็คงรู้ๆ กันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตัดมาอีกฟากหนึ่ง ซึ่งถอยทัพหนีออกมาจากคู่สามีภรรยาที่กำลังตีกันดังโครมคราม อันที่จริงต้องบอกว่าสามีนั้นโดนอัดอยู่ข้างเดียวเสียมากกว่า ฟรานนั่งจิบชาด้วยท่วงท่าสง่างามตามแบบฉบับคนที่ได้รับการอบรมมาดีอยู่บนตักของฟิวส์ ห่างกันไปไม่ไกลนักเป็นร่างของเอิง หัวหน้ากลุ่มสิบสามมรณะซึ่งนั่งพิงกำแพงด้วยท่าทางสบายๆ พลางเอ่ยปากถามนู่นนี่กับฟรานไปด้วย
“นี่ ฟรานจัง” ทิ้งช่วงเล็กน้อยเพื่อรอให้ดวงตากลมโตน่ารักหันมามองตน “ทำไมดูไม่ตกใจกับเรื่องที่แบล็คบอกเลยล่ะ?”
“อ้อ” ร่างน้อยยิ้มรับก่อนตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “เพราะฟรานรู้อยู่แล้วยังไงล่ะฮะ”
“รู้อยู่แล้ว?”
“อันที่จริงพี่เอิงคงไม่คิดใช่มั้ยฮะว่าฟรานจะไม่มีปัญญาไปสืบเอาเองว่าความจริงเป็นยังไงจนต้องมากระชากคอถามพี่แบล็คเอาน่ะ”
เอิงพยักหน้าด้วยท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิด “แล้ว?”
“...ฟรานใช้ให้คนในบ้านไปสืบมาให้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะฮะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และพี่แบล็ควางแผนจะทำอะไร”
ได้ยินเพียงแค่นั้น เอิงก็ตกใจจนแทบจะสลบ
ดวงตากลมโตจ้องมองท่าทางตกใจของเอิงก่อนจะหัวเราะคิกคัก “การที่ได้ทดสอบความรักของคนอื่นนี่มันสนุกจังเลยนะฮะ!”
นัยน์ตาเรียวสวยของเอิงตวัดไปมองแบล็คที่กำลังโดนคาร์อัดยับจนใบหน้าที่เยินอยู่แล้วเพราะพวกเขาต้องเยินหนักขึ้นไปอีกด้วยความเวทนาแทนยิ่งนัก
...จุดด่างพร้อยที่สุดในชีวิตของแบล็คก็คือการหลงตัวมารู้จักเจ้าของนามสกุล ‘แฟทัล’ ทั้งหลายนี่แหละ...
To Be Continue
ใน...ที่...สุด...ก็ตัดจบตอนนี้ได้ซะที! เริ่มแต่งตอนนี้มานานแล้วล่ะค่ะแต่ต่อไม่จบซะที พอวันนี้กะจะมาต่อให้จบๆ ไปก็ดันยาวยืดไม่จบเสียทีเป็นของสมนาคุณไปอีก - -^
เซ็ต ‘of Drama’ ยังไม่จบนะคะ ที่คิดไว้เหลือ ‘The Ending of Drama’ ที่คล้ายๆ ภาคเฉลยเรื่องวุ่นวายทั้งหมดอีกตอนหนึ่งค่ะ แต่จะได้ฤกษ์เริ่มแต่งและมาอัพเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบค่ะ ที่แน่ๆ คือไรเตอร์ใกล้จะสอบอีกแล้ว TT^TT
ท้ายสุด ขออภัยที่หายไปตั้งเดือนนึงเต็มๆ นะคะ (- / \ -)
6/ธ.ค./53 อัพ
10/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น