Short Fic Conan - Sky's Tear - [Kid x Shinichi] - Short Fic Conan - Sky's Tear - [Kid x Shinichi] นิยาย Short Fic Conan - Sky's Tear - [Kid x Shinichi] : Dek-D.com - Writer

    Short Fic Conan - Sky's Tear - [Kid x Shinichi]

    โดย Silver Baron

    นายมันก็คือจอมโจร ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อจับนายเข้าคุก .. แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมนายถึงคอยช่วยฉันอยู่เสมอล่ะ .. จอมโจรคิดส์ ครบ100%

    ผู้เข้าชมรวม

    13,526

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    13.52K

    ความคิดเห็น


    66

    คนติดตาม


    499
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ค. 55 / 22:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    นานขนาดไหนแล้วนะ .. ที่เราคอยต่อสู้กับคนๆนี้ ไม่ว่ายังไงก็จับไม่ได้ หนีรอดไปได้ตลอด แต่ทำไมทุกครั้งเค้ากลับช่วยเราเอาไว้ นายช่วยมาตอบปัญหาคาใจนี่หน่อยได้มั้ย ... คิดส์

     


    หมายเหตุ
    : นี่คือเหตุการณ์จริงและเหตุการณ์ที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นจากโคนันเดอะมูฟวี่ตอนที่8 มนตราแห่งรัตติกาลสีเงิน เพื่อความสมจริงควรจะดูโคนันเดอะมูฟวี่ประกอบไปด้วย ด้านล่างมีลิ้งค์สำหรับคนที่ขี้เกียจเสิร์จหาตอนที่8

    Link : http://www.movieinzone.com/ตอนมนตราแห่งรัตติกาลสีเงิน+ConanTheMovie8-168.html

    เครดิต
    : โคนันเดอะมูฟวี่8 จากเว็บ movieinzone

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ไม่ได้เข้ามานานมว๊ากก ไม่คิดว่าคนจะอ่านเยอะขนาดนี้ 55 ขอบคุณจริงๆนะคะที่ชอบฟิคสนองนี๊ดของไรต์เตอร์ 555555 อยู่ดีๆก็อยากแต่งฟิค The Mask Singer เลยเข้ามาอีกรอบ

      จริงๆเคยคิดจะแต่งคิดส์โคนันแบบไม่อิงเหตุการณ์ในเรื่องอยู่นะคะ ... แต่การคิดคดีฆาตกรรมนี่มันยากมากจนล้มเลิกไป 5555 ถ้าพอได้ไอเดียพล็อตเรื่องจะมาแต่งคิดส์โคนันเพิ่มนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ -/\-;


      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 


      แฮ่ก .. แฮ่ก .. แฮ่ก

      เสียงหอบหายใจเนื่องจากต้องใช้ขาสั้นๆวิ่งขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้า แต่กระนั้นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจก็ปรากฏออกมาเมื่ออีกฝ่ายไม่มีที่ให้วิ่งหนีต่อ “พวกเราหน่ะ มาจบเกมกันเลยดีกว่านะ คุณหัวขโมย”

      ร่างสูงโปร่งในชุดตำรวจหันมายิ้มให้ ตาที่ตี่จนเกือบจะปิดสนิทยกขึ้นเหมือนจะยิ้มไปพร้อมมุมปาก “นั่นสินะ จะเล่นซ่อนแอบกับเด็กอย่างเธอหน่ะ ออกจะเด็กไปหน่อยนะ” มือเรียวยาวเอื้อมไปจับชุดตำรวจของตัวเองและถอดออกอย่างรวดเร็วจนเผยให้เห็นชุดสูทสีขาวสะอาด ตาตี่กลายเป็นตาเฉี่ยวคมพร้อมแว่นตาครึ่งซีกและหมวกทรงสูงสีเดียวกับชุด มันเร็วเสียจนมองตามไม่ทันเหมือนกับการเล่นกลเปลี่ยนชุดของนักมายากลมือหนึ่ง

       

      ... ก่อนหน้านั้น ...

      ดวงตากลมโตมองโทรทัศน์ผ่านๆอย่างเบื่อหน่าย สังเกตได้จากแขนเล็กที่เท้าอยู่บนโต๊ะทำงาน แต่นามของจอมโจรชื่อดัง .. คิดส์ ทำให้เขาหันมาสนใจบทสนทนาของคุณลุงโคโกโร่ หรือฉายาที่เรียกกันบ่อยว่า โคโกโร่นิทรากับดาราสาว มากิ จูริ

      “ค่ะ เมื่อเช้านี้มันถูกวางอยู่ที่หน้าแมนชั่นของฉันแล้วก็มีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่มากๆอยู่ด้วยหน่ะค่ะ”

      เหอๆๆ ยังเป็นจอมเว่อร์เหมือนเดิมเลยนะ .. โคนันคิดในใจก่อนจะขำฟืดๆออกมา ก่อนจะเริ่มสนใจคำพูดของลุงโคโกโร่ที่กำลังอ่านข้อความในจดหมายให้ฟัง สมองซีกหนึ่งก็กำลังสนใจและคิดตามคำใบ้ในจดหมาย แต่สมองอีกซีกกำลังคิดไปถึงบุคคลที่เป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้

      นี่เราไม่เจอกันมานานขนาดไหนแล้วนะ ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ก็คงตอนนั้นสินะ ที่คิดส์ใช้อุบายเดินกลางอากาศไปเอาอัญมณีหน่ะ .. ดวงตาภายใต้แว่นอันใหญ่เศร้าหมองลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้าคนๆนั้น .. ไม่ได้นะ เราต้องตั้งใจกับคดีนี้สิ คราวนี้แหละยังไงก็จะจับให้ได้ .. ดวงตาที่เผลอวูบไหวเพราะความคิดชั่วครู่กลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดลงอย่างครุ่นคิด .. คำภาษาอังกฤษพวกนั้น ตัวอักษร26ตัว แล้วยังไพ่ที่ถูกผ่าครึ่ง มันหมายความว่ายังไงกันนะ ?

      “ผมรู้แล้วครับ” สีหน้าที่ขี้เล่นของโมริ โคโกโร่กลับเอาจริงเอาจังขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของทุกคนในห้องเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจเนื่องจากไม่คิดว่าจะคิดออกได้เร็วขนาดนี้ คำอธิบายที่ดูเหมือนจะเป็นหลักการที่คิดมั่วๆขึ้นเองถูกถ่ายทอดออกมาทางริมฝีปากใต้หนวดสีดำสนิท

      ขาเล็กลงจากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานเพื่อไปนั่งที่โซฟา ระหว่างที่กำลังดูคำใบ้ตามคำที่คุณลุงบอกไปด้วยก็ถามขึ้นถึงตัวอักษรทั้ง26 เมื่อได้คำตอบว่ามันคือตัวอักษรของคำว่า Juliet Romeo Victor และBravo! ก็เริ่มลงมือนับ .. หืม ทำไมนับได้แค่22ล่ะ “เอ๋ เอ๋ เอ๋.. มันแปลกๆนะครับเนี่ย” เมื่อคุณลุงถามกลับร่างเล็กก็เอ่ยขึ้น “นี่ไง มันมีแค่22ตัวเองนะ” แต่คุณลุงโคโกโร่ก็ยังดื้อแล้วบอกอีกว่าคิดส์นับผิด

      คนตัวเล็กแสดงสีหน้าเหนื่อยใจกับคำสันนิษฐานที่ยึดความคิดตัวเองเป็นหลักก่อนจะก้มมองกระดาษอีกครั้งในขณะที่คุณลุงก็ว่าต่อไปเรื่องคิดส์จะมาขโมยอัญมณีวันนี้ .. คนอย่างเจ้านั่นไม่มีวันนับผิดแน่ ไม่มีทางหรอก .. ดวงตากลมหรี่ลงอย่างใช้ความคิด .. ตัวอักษรทั้ง26ตัว แล้วก็ไพ่ใบนี้ ไม่น่าจะใช้สัญลักษณ์แห่งชัยชนะหรอกนะ

       

      .. โรงละคร โซระ ..

      ตัวละครหลักในละครเรื่องโจเซฟินกำลังเข้าห้องมาเพื่อทักทายนักสืบชื่อดัง ในระหว่างที่เด็กผู้ชายใส่แว่นกำลังยืนมองอยู่อย่างนั้น .. ใครกันนะ เจ้านั่นจะปลอมตัวมาเป็นใคร .. ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบห้อง .. คิดสิ การปลอมตัวอย่างแนบเนียนราวกับเวทมนต์ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับผิดเค้าได้ นิสัยบ้าๆแบบนี้ คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเรา แต่พอเรารู้อีกทีเค้าก็ยิ้มให้แล้วกางปีกสีขาวบินหนีไปสุดขอบฟ้า ที่ๆไม่มีวันจะหาเค้าเจอ บ้าที่สุด

      ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองคนที่สารวัตรเมงุเระฝากมา ตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้าง ปากบางอ้าค้าง เหมือนพยายามจะพูดบางอย่างแต่ดันลืมวิธีการเค้นเสียงออกมา “สวัสดี คุโด้ ชินอิจิครับ” รอยยิ้มกับท่าทางที่เอามือล้วงกางเกงดูกวนเป็นพิเศษ สายตาคมแอบเหลือบมองไปทางคนที่ตกใจมากกว่าใคร ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของชื่อตัวจริง

      บ้าหน่า ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ คนๆนั้นไม่ใช่ชินอิจิ คนอื่นอย่าไปหลงเชื่อสิ! .. ดวงตาสั่นระริกด้วยความคาดไม่ถึง สมองที่ใช้ประมวลผลการสืบคดีต่างๆเริ่มไม่สั่งการ นิ้วเล็กชี้ไปทางคนที่พึ่งเดินเข้ามาก่อนจะตะโกนเสียงดัง “จอมโจรคิดส์! คนๆนี้ไม่ใช่พี่ชินอิจิหรอก แต่เป็นเจ้าคิดส์ปลอมตัวมา” ตอนนี้ปากไปไวกว่าสมอง ไม่ทันได้คิดว่าคนๆนั้นจะปลอมมาเป็นตัวเองแบบนี้

      “แล้วแกหน่ะรู้ได้ยังไง” โคโกโร่หรี่ตามองเพื่อถามเด็กตัวเล็กที่ยืนตกใจอย่างทำอะไรไม่ถูก

      “ก็เพราะว่าตัวจริงก็คือ..” ปากที่กำลังจะพูดคำต่อไปหยุดชะงัก รอยยิ้มที่หัวเราะอย่างขบขันอยู่ด้านหลังพวกตำรวจในขณะที่ทุกคนกำลังหันมาสนใจตัวเองทำให้นึกขึ้นได้ .. จะเปิดเผยตัวจริงก็ไม่ได้ว่าเรานี่แหละคือชินอิจิ

      ใบหน้าซีดลง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนออกไป สารวัตรและคุณลุงเริ่มหันไปพูดคุยกันเรื่องที่ลุงโคโกโร่นึกแผนได้

      มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ .. จะทำยังไง จะทำยังไงดี .. ดวงตาจ้องเขม็งไปที่บุคคลตรงหน้าอย่างไม่วางตา คิ้วเรียวขมวดเหมือนกำลังคิดหาทางเปิดเผยตัวจริงของเจ้าตัวปลอมแต่ก็หาไม่ได้เลย .. จะยืนยันยังไงว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ชินอิจิ

      คนที่ถูกจ้องอยู่นานหันมาสบสายตาก่อนจะแย้มรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย มีเพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นรอยยิ้มนั่น .. คงไม่คิดล่ะสิว่าจะเป็นแบบนี้ หึๆ คุณนักสืบ .. สายตาเย้ยหยันอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นคู่ปรับได้แต่ยืนนิ่งแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาใสซื่อเหมือนไม่รู้เรื่องราวอะไรก่อนจะเอ่ยปากจะใช้แผนของตัวเอง

      แผนอะไร เค้ามีแผนอะไรกันแน่ จะไม่ยอมให้คลาดสายตาเด็ดขาด .. คอเล็กเงยขึ้นเพื่อฟังบทสนทนาให้ชัดเจน เมื่อได้ยินว่าจะไปดาดฟ้ากับรันสองคนก็รีบขัด

      “ผมจะไปด้วยครับ!” ร่างเล็กร้องตะโกนขึ้น ไม่ว่าจะถูกโซโนโกะดุเอาก็ไม่ยอมฟัง ร้องตะโกนแต่คำว่าจะไป ท่าทางที่ดูเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นทำให้ชินอิจิปลอมอดขำไม่ได้ .. เวลาที่ทำเป็นเด็กน่ารักดีเหมือนกันแฮะ .. อยากกอดให้หายหมั่นเขี้ยวแต่ก็ทำได้แค่ยืนมองอยู่ตรงนี้ .. อยากมองใกล้ๆแบบนี้ อยากอยู่ใกล้ๆแบบนี้ อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ แค่มองท่าทางของคนๆนี้ ทำไมถึงรู้สึกเศร้าและมีความสุขขนาดนี้นะ ยิ่งอยู่ใกล้แสงสว่างยิ่งรู้สึกตัวเองมืดมิดขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกแบบนี้ มันนานแค่ไหนแล้วนะ

      ร่างเล็กอ้อนอย่างนั้นจนรันตกลง ตากลมโตตวัดมองไปทางด้านหลัง .. เรื่องอะไรจะยอมให้อยู่กับคิดส์เล่า ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยให้นายหายไปจากสายตาอีกแล้ว ..

       

      “เอาล่ะ เค้าใส่กุญแจเอาไว้เรียบร้อยแล้วนี่นา” ร่างสูงพูดจบก็เดินกลับไปทางที่เดินมาทันที เมื่อเห็นว่าไปแล้วร่างเล็กจึงลองทดสอบประตูดูอีกเพื่อเช็คให้แน่ใจแต่กลับพบว่ามีกระดาษโน๊ตเล็กๆแผ่นนึงอยู่ตรงที่จับประตู

      สนใจมาคุยกันสองต่อสองไหม คุณนักสืบ

      ชิ เจ้าบ้านั่น ตั้งใจแอบทิ้งโน้ตให้เรางั้นเหรอ .. มือเล็กกำเศษกระดาษไว้แน่นก่อนเดินตามเพื่อกลับลงมาที่ชั้นล่าง พอสบโอกาสที่รันยืนคุยกับโซโนโกะ ชินอิจิตัวปลอมก็เดินนำชินอิจิตัวจริงไปอีกทางเพื่อไปหาที่ส่วนตัว

       

      “คิดยังไงถึงปลอมตัวมาเป็นฉัน” เมื่อปลอดคนร่างเล็กก็เปิดฉากพูดขึ้นทันที “ตั้งใจให้ฉันรู้งั้นเหรอ ท้าทายกันมากเกินไปแล้วนะ” ดวงตาจ้องมองไปที่คนตัวสูงกว่า

      คิดส์ย่อตัวลงมานั่งยองๆเพื่อให้ระดับสายตาอยู่เสมอกันก่อนจะยกยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง “ไม่เจอกันนานเลยนะ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า”

      ร่างเล็กเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามสวนมาแทนที่จะเป็นคำตอบที่ต้องการ “นี่นายฟังฉันพูดมั้ยเนี่ย?”

      แขนยาวรั้งตัวอีกคนเข้ามากอดไว้แนบอก “ไม่เจอกันนานเลยนะ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า” ประโยคเดิมถูกถ่ายทอดอีกครั้งแต่ไม่ใช่เสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนเดิม แต่เป็นเสียงที่แผ่วเบาลงเจือด้วยความคิดถึง ความห่วงใย ปนเปกันไปหมดจนทำให้อีกคนยอมลดท่าทีแข็งกร้าวลง

      “..อืม คิดถึงสิ” ร่างเล็กเอนศีรษะพิงไหล่คนตรงหน้าก่อนจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย .. คิดถึงสิ คิดถึงมากด้วย .. ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน จมูกเล็กสูดดมกลิ่นหอมจากเจ้าตัวที่ไม่ได้สัมผัสมานาน .. ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ตัวนายก็อุ่นอย่างนี้เสมอเลยนะ

      อีกฝ่ายก็ยิ้มไม่ต่างกัน มือหนาลูบหัวที่กำลังพิงไหล่ตนเองอยู่ “ฉันคิดถึงนายมากกว่า” แขนยาวกระชับกอดแน่นเหมือนไม่อยากรับรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีต้องจำใจปล่อยคนๆนี้อีก .. ถ้าโลกนี้มีสิ่งที่ช่วยหยุดเวลาได้ ต่อให้อยู่เมืองไหนประเทศไหน มียามมีตำรวจคุ้มกันแค่ไหน จะต้องเสี่ยงขนาดไหน ฉันจะขโมยมันมา อย่างน้อย มันก็ช่วยต่อเวลาให้ฉันได้กอดนายนานกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี

      เล็บคมจิกเข้าไปในมือหนาก่อนต้องทำใจผละอีกฝ่ายออก “ไปก่อนนะ เดี๋ยวนายค่อยเดินตามฉันไปแล้วกัน จะได้ไม่ถูกสงสัย” ร่างสูงยืนขึ้นก่อนหันหลังเดินไปอีกทางทันทีโดยไม่ยอมหันกลับมามอง .. ถ้าต้องเห็นใบหน้าเศร้าสลดของเค้า เราคงจะทำอะไรที่ไม่สมควรลงไปแน่ๆ .. ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกแก๊งนักสืบรุ่นจิ๋ว

      เมื่อเห็นว่าทางสะดวกแล้วจึงเดินตามไปทีหลัง แต่สายตายังคงจ้องมองแผ่นหลังกว้าง .. ไม่ว่ายังไง ก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังของนายเท่านี้สินะ .. ปากก็ตอบรับด็อกเตอร์กับไฮบาระไปอย่างปกติ สายตามุ่งมั่นถูกนำมาใช้เหมือนทุกครั้ง แต่ไม่ว่าจะปกปิดยังไงก็ตามก็ไม่สามารถละสายตาจากคนๆนี้ได้เลย ตลอดเวลาที่ชินอิจิปลอมชวนเด็กๆมาเล่นเกมทายปัญหาก็ยังคงจ้องอยู่อย่างนั้น แล้วก็อธิบายออกไปถึงคำตอบที่ถูกต้อง ในใจก็แอบขำกับความฝืดของมุกที่ไม่ได้ต่างจากดร.อากาสะเลย

       

      ผ่านไปหลายนาทีจนในที่สุดการแสดงก็ใกล้จะจบลง จอมโจรที่ถูกจับตามองโดยคนตัวเล็กจากที่นั่งคนดูก็เดินออกไปนอกประตู โคนันจึงรีบลุกจากเก้าอี้เพื่อวิ่งตามไป .. ยังไงก็ไม่ยอมให้ขโมยได้หรอก

       

      “โอ๊ยย!” ร่างเล็กล้มกลิ้งไปกับพื้นเนื่องจากบังเอิญไปชนยามที่เดินสวนมาตรงทางเลี้ยว

      “นี่หนู เป็นอะไรหรือเปล่า” ยามคนนั้นถามขึ้น

      โคนันลุกขึ้นยืนก่อนจะตอบไป “ครับ ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ว่า..”

      “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ยามอีกคนเดินเข้ามาถาม รอยยิ้มแสดงชัยชนะปรากฏขึ้นเหมือนทุกครั้งที่หาตัวคนร้ายเจอ ก่อนจะเปิดปากถามเรื่องกระบองที่ขนาดผิดไปจากปกติ

      “ถ้าจะถามว่าทำไมใช้กระบองยาวแบบนี้ ก็เพราะว่า.. มันไม่ใช่กระบองยังไงเล่า!” เมื่อจบคำสุดท้ายดวงตาก็ลืมขึ้นมาอย่างมีเลศนัย ฝ่ามือกดลงที่ปลายกระบองก่อนจะมีแสงสว่างจ้าจนแสบตา หลังจากแสงหายไปโคนันก็รีบตามคิดส์ไปที่ลิฟต์ เมื่อเห็นยามร่างสูงกำลังยิ้มและโบกมือให้ก็รีบวิ่งเข้าไปแต่ก็ไม่ทันการแล้ว จึงต้องรีบเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลิฟต์อีกตัว

       

      .. ย้อนกลับมาปัจจุบัน ..

      “โคนันคุง” เสียงรันที่แว่วมาทำให้โคนันหันกลับไปมองจนเกือบจะโดนไพ่ของคิดส์ยิงใส่ ร่างเล็กกดที่รองเท้าเพิ่มพลังเตะจนมีประกายไฟออกมารอบๆ นิ้วป้อมกดที่เข็มขัดให้ลูกฟุตบอลออกมา แล้วเตะไปที่ร่างสูงแต่ก็พลาด

      เมื่อสบโอกาสคิดส์ก็ยิงไพ่รัวจนโคนันไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ต้องคอยหลบเลี่ยงเพียงอย่างเดียว “รู้สึกว่าจะรู้ผลกันแล้วนะ คุณนักสืบ” ร่างสูงยกยิ้มขึ้นไม่ต่างจากคนที่หลังชิดกับขอบรั้วก่อนจะเหนี่ยวไกโดยเล็งไปที่หัวร่างเล็ก

      “อ่ะ..” เพียงแค่ก้าวเดียวที่พลาดไปก็ทำให้โคนันเสียหลักจนพลัดตกลงไปจากรั้วกั้น เสี้ยววินาทีนั้นหัวใจของคิดส์ก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกลัว ไม่คิดว่าการไล่ล่าที่เค้าและคนๆนั้นทำเป็นประจำจะให้เกิดเรื่องพวกนี้ ปีกสีขาวกางออกแล้วร่อนลงไปหาคนที่กำลังร่วงลงไปสู่ชั้นล่างสุดของตึก .. ถ้าคนๆนั้นเป็นอะไรไปเค้าคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ชั่วชีวิต

      แต่แล้วร่างสูงก็ได้มองเห็นสายตามุ่งมั่นที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว เขาก็เข้าใจได้ทันทีเมื่อโคนันยิงเข็มยาสลบที่มักจะใช้กับโคโกโร่นิทราใส่เค้า มือหนาจับแฮนด์เครื่องร่อนไว้แน่นแล้วเบี่ยงไปอีกทางจนหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกคนว่าจะเอาตัวรอดยังไง

      ร่มสีเหลืองกางออกก่อนโคนันจะร่อนตามคิดส์ไป ร่างสูงยิ้มก่อนจะบินหลบเลี่ยงเพื่อหนีคนที่ตามมาก่อนจะปลดตะขอแล้วกระโดดลงไปที่หลังคารถไฟ มือหนาสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหันมายิ้มให้อย่างกวนเบื้องล่าง

      โคนันที่เห็นเช่นนั้นก็ปลดตัวเองแล้วกระโดดตามลงมาติดๆ “ถ้าแกบินบนฟ้าไม่ได้ จอมโจรคิดส์มันก็แค่โจรกระจอกแค่นั้นแหละ”

      “งั้นฉันก็ .. ขอกลับไปเป็นจอมโจรอย่างเดิมแล้วกันนะ” เส้นเอ็นที่ห้อยลงมาจากเครื่องร่อนสะท้อนกับแสงไฟจนพอมองเห็น

      “เสร็จกัน!” คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะวิ่งตรงไปเพื่อจับอีกคนไว้ .. ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้นายหนีไปอีก ฉันจะไม่ยอมให้นายไปไกลจากสายตาฉันเด็ดขาด!

      “ไปก่อนนะ” พูดจบก็กดปุ่มที่แฮนด์ในมือ เส้นเอ็นที่โยงอยู่ก็ดึงให้คิดส์ลอยกลับไปที่เครื่องร่อน มือที่สั้นเกินไปทำให้โคนันเอื้อมไปคว้าไว้ไม่ทัน

      ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วหันกลับมามอง แต่ก็เห็นเพียงแค่เครื่องร่อนจากทางด้านหลัง “อย่าไปนะ” เสียงแผ่วเบาที่พยายามเรียกอีกคน แต่เสียงนั้นก็เบามากจนส่งไปไม่ถึง .. หนีไปอีกแล้ว หนีไปแบบนี้ทุกที โถ่เว้ย! .. กำปั้นเล็กทุบไปที่หลังคารถก่อนจะแบออก ดวงตากลมก้มมองมือตัวเอง .. ถ้าตัวเรายังเป็นชินอิจิคงไม่พลาดแบบนี้ .. หยาดน้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะกลั้นไว้เหมือนมันไม่เคยไหล .. นายชอบปลอมตัวเข้ามา แอบมองฉันโดยที่ฉันไม่รู้ตัว พอฉันจับได้และพยายามจะรั้งนายไว้ นายก็จะหนีฉันไปจนฉันตามไม่ทัน เหมือนนกพิราบ ยิ่งพยายามจะจับเข้ากรง มันก็จะกางปีกบินหนี .. ร่างเล็กถอนหายใจช้าๆ .. เหมือนนายตอนนี้เลย

       

      .. บนเครื่องบิน ..

      “คิดอะไรอยู่เหรอ .. เรื่องคิดส์อีกล่ะสิ” ไฮบาระพูดอย่างรู้ทัน มือเรียวกางหนังสือออกมาอ่านแต่ก็ยังแอบเหล่มองอีกคน

      สมองยอดนักสืบยังคงประมวลผลสิ่งที่ยังคาใจไม่เลิกแต่หูก็คอยฟังสิ่งต่างๆรอบตัว เมื่อได้ยินที่พวกเกนตะคุยกันก็นึกถึงโฟร์เนติกโค้ดขึ้นมาทันที ร่างเล็กเผยยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มอธิบายถึงวิธีการคิดคำใบ้ทั้งหมดให้ไฮบาระฟังตั้งแต่เรื่องโค้ดจนถึงเรื่องไพ่สองโพธิ์ดำที่ถูกตัดแปลว่าเลขของเที่ยวบินหารสองไม่ลงตัว

      “เจ้านั่นจงใจให้ฉันรู้สึก และจงใจให้ฉันประหม่าเพราะนึกว่ามันทำพลาดไปยังไงล่ะ”

      “ถ้าอย่างนั้นล่ะก็..”

      “คิดส์ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในเครื่องบินนี้แน่” .. ใช่แล้วล่ะ แต่ปัญหาคือ คิดส์ปลอมตัวเป็นใครกันแน่ .. ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ .. ยังไงก็ต้องมาขโมยอัญมณีสินะ .. โคนันจับจ้องไปที่อัญมณีอย่างไม่วางสายตาไม่ว่าใครจะเข้าใกล้ยังไงและตอนไหน

      ร่างเล็กยังไม่ละสายตาออกห่างจากอัญมณีเหมือนกับอีกคนที่ยังไม่ละสายตาออกห่างจากร่างเล็กเช่นกัน .. คงคิดจะคอยสังเกตช่วงที่ฉันขโมยอัญมณีสินะ .. มือหนาเท้าคางลงกับที่วางแขน .. จับสังเกตไปเถอะ นายไม่มีวันตามฉันทันหรอก ฉันจะคอยมองนายอยู่อย่างนี้ จะไม่ยอมให้นายมองกลับมา เพราะทุกครั้งที่ฉันเห็นใบหน้านายตอนที่จ้องมา ฉันก็แทบจะยอมทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้เข้าใกล้นาย อยากจะกอดนายไว้อย่างนั้น ไม่อยากให้นายต้อง .. ร้องไห้

       

      .. ย้อนกลับไป ..

      เครื่องร่อนสีขาวบริสุทธิ์บินจากไปแล้ว แต่ไม่ได้หนีไปเลยซะทีเดียวกลับบินลงจอดที่ดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่งแล้วแอบมองคนบนหลังคารถไฟจากบนนั้น แม้จะอยู่ไกลแต่เพียงอ่านปากก็รับรู้ได้ถึงข้อความสั้นๆเค้าส่งผ่านมา อย่าไปนะ ดวงตาคมหม่นลง “ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันก็อยู่นี่ไง แอบมองนายจากตรงนี้” ประโยคที่ตอบไปอย่างแผ่วเบายิ่งกว่า ไม่มีทางเลยที่อีกคนจะได้ยิน

      คิดว่านายเศร้าอยู่คนเดียวเหรอ ไม่จริงหรอก เพราะเมื่อไหร่ที่นายเศร้า ฉันจะคอยมองนายจากที่ตรงนี้แล้วจะเศร้าไปพร้อมกับนาย .. แต่แล้วสายตาเฉียบแหลมก็สะดุดเมื่อเห็นหยาดน้ำตาสีใสอยู่ที่ขอบตากลมโตแต่ไม่นานมันก็หายไป เหมือนว่าเจ้าของน้ำตานั้นไม่อยากให้ใครรู้ว่าภายในตัวเองนั้นอ่อนแอแค่ไหน มือหนากำแน่นที่หน้าอกตัวเอง รู้สึกปวดแปล๊บขึ้นมาทันที เปลือกตาค่อยๆปิดลงเพื่อปิดภาพบาดใจนั้นไว้ .. อย่าร้องไห้เลยนะ ถ้าฉันต้องเห็นนายร้องไห้อีกแค่ครั้งเดียว .. ร่างสูงผ่อนลมหายใจช้าๆก่อนจะตัดใจแล้วใช้เครื่องร่อนบินไปทางตรงข้ามกับรถไฟ .. ฉันต้องทนไม่ไหวแน่ๆ

      .. กลับมาปัจจุบัน ..

      ระหว่างที่ร่างสูงกำลังสนุกอยู่กับการมองการกระทำของโคนันก็เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมคุณจูริขึ้น เลยทำให้โคนันต้องเลิกยุ่งเรื่องคิดส์แล้วหันมาคลี่คลายคดีเสียก่อน

      เอาล่ะ ไหนโชว์การสืบสวนของนายให้ดูหน่อยสิ คุณยอดนักสืบ .. ร่างสูงแอบยิ้มเล็กน้อยโดยใช้มือที่เท้าคางปิดไว้ ตลอดการหาหลักฐาน หาตัวคนร้าย ชายหนุ่มที่แอบปลอมตัวมาก็ไม่เคยละสายตาไปเลย จนกระทั่งความมั่นใจกลับมาแต่งแต้มที่ใบหน้าของร่างเล็กอีกครั้ง

      “อ้าวคุณลุงครับ นั่นอะไรครับหน่ะ” นิ้วเล็กชี้ไปที่เพดานเครื่องบินเพื่อหาโอกาสเหมาะๆในการยิงเข็มยาสลบ แต่ก็พลาดไปเมื่อเครื่องบินเอียงตัวไปด้านข้างจนเข็มอาบยาสลบไปโดนทนายคิซากิหรือแม่ของรันแทนจนหลับไป

      เสียงหัวเราะเบาๆเล็ดลอดออกมาทางริมฝีปากหนาเมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าตาตื่นรีบแก้สถานการณ์ ทั้งยังปรับเสียงผิดไปใช้เสียงของโซโนโกะอีกต่างหาก แต่โคนันก็ยังคงอธิบายรูปคดีไปโดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคนๆหนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดจนจบและคนร้ายก็ยอมสารภาพผิด

      แย่แล้ว .. “นี่ ขนมที่ยกไปให้กัปตันเมื่อกี้หน่ะ บอกเค้าว่าอย่ากินนะครับ! ถ้าไม่รีบล่ะก็ พวกกัปตันจะมีอันตรายมากนะครับ” โคนันตะโกนขึ้น แอร์โฮสเตสสาวรีบวิ่งไปโทรหากัปตันทันที ส่วนร่างเล็กก็อธิบายให้คุณลุงฟังต่อ

      “ค่ะ จะรีบไปค่ะ” ร่างโปร่งรีบวิ่งตรงไปที่ห้องกัปตันพร้อมกับพวกโคนันทันที “ขอโทษนะคะ” มือเรียวเปิดประตูเข้าไปจนทำให้เห็น ทั้งกัปตันและผู้ช่วยนักบินต่างใช้มือกุมคออย่างทุรนทุรายเหมือนคนที่หายใจไม่ออก จนกัปตันสลบไปโดนแฮนด์บังคับทำให้เครื่องบินดิ่งตัวลงข้างล่างรวมทั้งปุ่มออโต้ไพลอตยังปิดการทำงาน

      “เฮ้ย!” เสียงทุ้มตะโกนก่อนมือหนาจะคว้าที่นั่งผู้โดยสารเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้มไป .. บ้าเอ้ย เป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน .. ร่างสูงกัดฟันแล้วพยายามทรงตัวเพื่อเดินไปที่ห้องกัปตัน .. รอฉันหน่อยนะ ฉันกำลังจะไปช่วยนายแล้ว ชินอิจิ

      “ต้องหาทางดึงขึ้นมาก่อน เอาเค้าออกจากที่นั่งก่อนครับ!” โคนันรีบตะโกนบอกแอร์ให้ดึงตัวกัปตันขึ้นก่อนร่างเล็กจะรีบตรงเข้าไปนั่งข้างหน้าแฮนด์บังคับ สองเท้ายันคอนโซลด้านหน้าเอาไว้แล้วดึงแฮนด์เข้ามาหาตัวสุดแรงเกิด เสียงใสร้องตะโกนเมื่อการดึงแฮนด์บังคับไม่ง่ายเลยกับการที่ตัวเค้าเองเล็กเท่าเด็กประถม แต่ในที่สุดโคนันก็ทำสำเร็จ เค้าสามารถรักษาระดับความสูงไว้ได้

      เอาล่ะ เปิดสวิตออโต้ไพรอตซะ .. ไวเท่าความคิด มือหนาเอื้อมมากดสวิตทันทีที่เครื่องรักษาระดับได้ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิดส์หรือชินโจที่เค้ากำลังปลอมตัวอยู่

      “คุณชินโจว?”

      “ทำได้ดีนี่นา เจ้าหนู” ร่างสูงยิ้มรับก่อนจะหันไปสั่งการเพื่อพาหมอมาดูอาการของกัปตันและผู้ช่วย ระหว่างที่กำลังช่วยพยุงกัปตันออกมาจากห้องมือของคุณบัน โทโอรุไปโดนปุ่มที่แผงควบคุมด้านบนเข้า แต่ไม่มีใครได้ทันสังเกตอะไร

       

      เมื่อคำตัดสินของแพทย์ออกมาแล้วว่ากัปตันไม่มีสติพอที่จะบังคับเครื่องบินต่อไปได้ ร่างสูงจึงรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้ทางหอควบคุมทราบเรื่องเพื่อจะหาทางแก้ไขและรับหน้าที่การบังคับเครื่องบินเอง นิ้วเรียวชี้ไปทางโคนัน “ส่วนผู้ช่วยนักบินก็ .. ใช่แล้ว .. ให้เธอนั่งก็แล้วกันนะ” มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “การบังคับเครื่องบินเมื่อกี้นี้ เธอทำได้ไม่เลวเลยนี่นา” ร่างสูงหัวเราะในใจเมื่อร่างเล็กยอมตกลงโดยดีด้วยท่าทางเด็กๆกลบเกลื่อนสายตา ก่อนจะไล่คนอื่นๆให้กลับไปนั่งที่

      ดวงตากลมโตหันกลับมาจ้องอย่างไม่ไว้วางใจ .. ใครจะบ้าให้เด็กมาขับเครื่องบินกัน อย่าบอกนะว่าคุณชินโจคือคนๆนั้น ? .. ร่างเล็กยกยิ้มขึ้นก่อนจะหันไปหาคนที่เคาะแฮนด์เล่นอย่างสบายใจ “นายหน่ะ คิดส์ใช่มั้ย?”

      “หืม? เรื่องอะไรเหรอ”

      “เจ้าบ้าเอ้ย อย่าแกล้งทำไก๋หน่อยเลย มีใครในโลกบ้างจะให้เด็กประถมมานั่งในที่นั่งผู้ช่วยนักบินแบบนี้เนี่ย”

      “ฮ่าๆ ความแตกแล้วเหรอเนี่ย” ดวงตาเฉี่ยวคมก้มลงไปมองหน้าคนตัวเล็ก .. จับได้จนได้สินะ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดนรู้ตัวจนได้ .. ร่างสูงนั่งฟังโคนันพูดถึงเรื่องที่ชินโจตัวจริงปลอมตัวเป็นคิดส์แล้วไปรอที่บ้านพัก .. สมแล้วที่เป็นคุโด้ ชินอิจิ ยังฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ ..

      “เอาไงล่ะ จะจับฉันหรือเปล่าคุณนักสืบ” ร่างสูงหันมาถามยิ้มๆ

      “แน่นอน เอาไว้ให้นกยักษ์มันบินกลับรังได้ก่อนเถอะหน่า” โคนันยิ้มตอบอีกคน .. รอให้นกยักษ์กลับรังก่อน แล้วค่อยจับนกพิราบขังกรง .. ร่างเล็กหัวเราะออกมาเบาๆจนร่างสูงหันมามอง

      “ขำอะไร?” แต่โคนันก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ร่างสูงหันกลับไปเช็คปุ่มออโต้ไพรอตก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างดึงอีกคนมานั่งบนตักตัวเอง

      “นี่ ทำอะไรของนายหน่ะ” ชินอิจิที่กลับกลายเป็นเด็กโวยวายลั่นก่อนจะพยายามกลับไปนั่งที่ตัวเองแต่ก็โดนแขนของคนตัวสูงกว่ารั้งไว้

      “ก็นานๆทีจะได้อยู่กับนายแบบนี้” คิดส์ก้มลงไปสูดดมความหอมที่กลุ่มผมนิ่ม .. ตัวนายยังหอมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ .. “นายนี่ชอบไล่จับฉันจริงนะ”

      “แน่นอนอยู่แล้ว และฉันจะจับนายให้ได้ด้วย” โคนันเผยยิ้มออกอย่างมั่นใจ

      “ถ้านายยังอยู่ในร่างชินอิจินายเสร็จแน่ ยังดีที่ฉันยังไม่อยากพรากผู้เยาว์” ร่างสูงหัวเราะในลำคอ ดวงตาพราวระยับอย่างมีเลศนัย

      “อะไรเล่า เจ้าบ้า” โคนันดันหน้าอีกคนออกก่อนจะขยับกลับไปนั่งที่เดิมขณะที่อีกคนหันไปสนใจบทสนทนาจากศูนย์ควบคุม เมื่อคุยกันเสร็จและทำตามคำแนะนำเรียบร้อยแล้วนกยักษ์ก็ค่อยๆลดระดับลงเรื่อยๆ

      หลังจากที่เครื่องบินลำใหญ่ฝ่าผ่านก้อนเมฆไปด้วยการควบคุมเครื่องของทั้งสองคนจากคำแนะนำของผู้ช่วยที่ศูนย์ ร่างสูงก็แอบหันมามองร่างเล็กโดยไม่ให้อีกคนรู้ตัว .. ถ้าเครื่องบินนี้ลงจอด เราก็คงต้องแยกกันอีกแล้วสินะ ชินอิจิ

      เปรี้ยง !!!

      เหมือนท้องฟ้าตั้งใจจะช่วยและกลั่นแกล้งตามความคิดของคิดส์ไปพร้อมๆกัน ฟ้าก็ผ่าลงมาที่เครื่องบินจนทำให้แผงวรจรทั้งหมดดับไป เครื่องบินที่ทุกคนนั่งอยู่ก็พุ่งลงไปที่พื้นเบื้องล่างแต่ยังโชคดีที่หมุนปุ่มกู้แผงวงจรกลับมาได้ทัน เพียงแต่ ..

      “.. ระบบออโต้ไพรอตมันไม่ติดหน่ะสิ” โคนันพูดขึ้นแล้วชี้ไปทางปุ่มนั้น ทั้งคู่จึงจำใจต้องเร่งเครื่องแล้วเชิดหัวขึ้นตามที่ได้รับคำแนะนำแทนที่จะลงจอด แต่เพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเครื่องบินจึงถูกลมพัดไปอีกทาง

      มือหนาจับแฮนด์บังคับแน่น พยายามทำให้เครื่องบินไม่ชนตึกเทอมินอลข้างหน้า เสี้ยววินาทีที่ร่างสูงเหลือบมองไปทางอีกคนที่จับเบาะที่นั่งไว้ก็ตัดสินใจแอบผ่อนแรงลงเล็กน้อย เพราะถ้าเอียงมากไปปีกเครื่องบินอีกฝั่งก็จะชนพื้นและคนๆนั้นจะบาดเจ็บ

      เครื่องยนต์หนึ่งในสี่ร่วงลงมาเนื่องจากชนกับตึก ส่วนของตึกก็ตกไปชนเครื่องบินจนสนามบินลุกไหม้ไปด้วยเพลิงสีแดง น้ำมันจากเครื่องยนต์ที่พังไปรั่วไหลลงมาไม่หยุดโดยที่สองคนไม่ทันได้สังเกตเพราะยุ่งอยู่กับการตั้งลำเครื่องบินใหม่

      พวกเกนตะ อายูมิและมิสึฮิโกะที่เข้ามาบอกเรื่องเครื่องยนต์ที่หลุดไปก็ทำให้โคนันได้สังเกตเห็นปริมาณเชื้อเพลิงที่แทบไม่เหลือแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัยคือการทำให้เครื่องบินลงจอดให้ได้เร็วที่สุด

      โคนันถามหาแผนที่ในขณะที่คิดส์พยายามติดต่อหอบังคับการอีกครั้ง แต่คลื่นแทรกก็ทำให้ได้ยินเสียงของกัปตันไม่ชัดเลย โคนันนั่งหาสถานที่ที่พอจะลงจอดได้ เพราะถ้าหากจะย้อนกลับทางเดิมคงไม่ทัน .. จะต้องลงจอดให้ได้ภายในสิบนาที

      ทุกคนที่ถกเถียงกันเรื่องที่ลงจอดก็เริ่มรนมากขึ้นเนื่องจากที่ไหนๆก็ลงจอดไม่ได้เลย สนามบินที่ใกล้ที่สุดก็เสี่ยงเกินไปที่จะลงจอดได้ .. ที่ไหนนะ ที่ไหนดี มันน่าจะมีที่ให้เราลงจอดได้บ้างสิ .. เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดตามใบหน้าเนียนที่ซีดลง มือเล็กไล่ไปตามหน้าแผนที่อย่างร้อนใจ

      เสียงหวานเล็กของอายูมิเรียกสติโคนันให้กลับมารวมทั้งทำให้ฉุกคิดได้ถึงเรื่องท่าเรือที่มีทางยาว น่าจะพอลงจอดได้ นิ้วมือเริ่มไล่ไปตามชื่อท่าเรือต่างๆ

      “เจอแล้ว! ท่าเรือสึกิโมริ” ร่างเล็กเริ่มวิเคราะห์ถึงความยาวและความกว้างของท่าเรือที่พอจะลงจอดได้ รวมถึงทิศทางของลมที่ช่วยเกื้อหนุนให้ลงจอดได้อย่างสำเร็จ

      “ไม่ไหวหรอก ตอนที่ชนกับหอบังคับการบินเมื่อกี้ แขนซ้ายฉันโดนกระแทก ตอนนี้ใช้แค่มือขวาบังคับอยู่นะเนี่ย ถ้าต้องร่อนลงด้วยการบังคับด้วยมือล่ะก็ ต้องใช้มือสองข้างหน่ะสิ” คิดส์พูดอย่างคิดหนักก่อนจะหันไปเจอรันเข้าพอดี ร่างสูงถามเพื่อเช็คว่าพอจะบังคับได้มั้ย รวมทั้งยังแกล้งพูดเล่นให้บรรยากาศตึงเครียดคลายลงเล็กน้อยด้วย

      คิดส์ในร่างชินโจลุกขึ้นเพื่อให้รันนั่งแต่ร่างโปร่งก็ยังคงปฏิเสธไม่ยอมบังคับจนเครื่องบินพุ่งลงข้างล่างรันจึงจำใจไปนั่งที่กัปตันแล้วคอยบังคับเครื่องบินตามที่โคนันและคิดส์บอก คิดส์หันไปสั่งการคนอื่นๆให้ไปดูแลผู้โดยสารไม่ให้ตื่นตกใจแต่ก็ยินยอมให้โซโนโกะอยู่เผื่อในกรณีฉุกเฉิน

      แย่แล้ว! .. โคนันกลับมานั่งคิดเรื่องที่ท่าเรือไม่มีแสงเลยเมื่อมองลงไปข้างล่าง จึงทำให้มองไม่เห็นทางว่าควรจะเอาเครื่องลงจอดตรงไหน .. ทำไงดีล่ะ เราถอยกลับไม่ได้แล้วด้วย

      มือหนาเอื้อมมากดสวิตช์ลดความดัน “ท่าทางไม่ได้การแล้วนี่นา ฉันขอลงก่อนแล้วกัน Good Luck” ร่างสูงยิ้มก่อนจะชูนิ้วโป้งให้แล้วเดินออกจากห้องกัปตันไปทันที โซโนโกะก็เดินตามออกไปติดๆ

      ประตูเหล็กถูกเปิดออกจนลอยไปตามแรงลม ชุดปลอมตัวของชินโจถูกถอดออกอย่างรวดเร็วจนกลับเป็นจอมโจรคิดส์เหมือนเดิมแล้วกระโดดลงจากเครื่องบิน ปีกสีขาวที่แสนคุ้นเคยกางออกก่อนจะร่อนลงไปเบื้องล่าง

      เจ้าบ้านั่น หนีเราไปอีกแล้วเหรอ .. ทิ้งเราไปทั้งๆแบบนี้อีกแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นก็ทิ้งเราไป .. “อย่าไปนะ” คำพูดสั้นๆคำเดิมถูกถ่ายทอดอีกครั้งเหมือนพึมพำกับตัวเองในใจ .. ไม่ว่ายังไงก็จับไม่ได้เลยสินะ นกพิราบตัวนั้น

       

      โคนันที่เห็นรันเริ่มไม่มีกำลังใจในการบังคับเครื่องบินอีกจึงแอบหลบแล้วใช้เสียงของชินอิจิเพื่อให้กำลังใจรัน

      “แสง! เห็นแสงแล้ว มีแสงอะไรไม่รู้กำลังเคลื่อนที่อยู่” รันพูดขึ้นขณะที่มองลงไปที่พื้น ร่างเล็กจึงรีบไปที่ประตูก่อนจะพบว่ามันคือแสงของรถตำรวจที่คิดส์ล่อมาให้ .. อย่างนี้นี่เอง .. รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอีกคนต้องการช่วยตนและคนอื่นๆบนเครื่องบิน

      ที่เหลือฝากด้วยนะ พ่อยอดนักสืบ .. มือหนาล้วงกระเป๋า ริมฝีปากยิ้มกวน ด้วยท่าประจำของร่างสูงที่ยืนอยู่บนเสาตรงท่าเรือ .. นายอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หนีไปไหน ฉันอยู่นี่ แอบมองนายจากตรงนี้ .. เหมือนเดิม

      สุดท้ายนกยักษ์ก็ร่อนลงถึงพื้น โชคยังดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ รถกู้ภัยต่างมาคอยดูแลผู้โดยสาร รันและโซโนโกะก็ถูกพาตัวไปดูแล

      ดวงตากลมโตมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท “ขอบคุณมากนะ คิดส์” เสียงขอบคุณแผ่วเบาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนถูกใครบางคนที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่มองอยู่ตลอด

      ร่างสูงเดินเข้ามาประชิดตัวโคนันก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู “ควรจะขอบคุณเค้าโดยตรงจะดีกว่านะ เจ้าหนู” เสียงในประโยคแรกที่ดัดให้เหมือนเจ้าหน้าที่ก็สามารถทำให้เนียนได้เหมือนทุกครั้ง แต่คำว่าเจ้าหนูที่คิดส์พูดกลับใช้เสียงของตัวเองจริงๆจนร่างเล็กต้องรีบหันกลับมา

      แต่โคนันก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบเพียงแค่นกพิราบสีขาว ในปากของมันคาบกระดาษม้วนหนึ่ง เมื่อโคนันหยิบกระดาษม้วนนั้นมานกพิราบก็โผบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที เหมือนกับว่าพอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จ เจ้านกก็จำเป็นต้องกลับคืนสู่เจ้าของ

      ยังไงก็ไม่อยากลากันโดยตรงเลยใช้วิธีส่งจดหมายมา .. ฉันจะคอยมองนายจากที่ที่มืดมิดแห่งนี้ มืดเสียจนแสงสว่างอย่างนายมองไม่เห็น และจะคอยดูแลปกป้องนายไปจนกว่าแสงสว่างจะหายไป ฉันรักนาย ...

      จอมโจรคิดส์

      หยดน้ำตาใสเริ่มมาบดบังดวงตาจนเริ่มมองเห็นไม่ชัด แต่ก็ยังพอที่จะเห็นปล.ด้านล่าง

      ปล. ผู้ส่งสาร

      ผู้ส่งสาร? หมายถึงนกงั้นเหรอ? .. เพียงครู่เดียวสมองอันปราดเปรื่องของโคนันก็คิดได้ พอพลิกกระดาษไปด้านหลังก็เจอคำมากมายเหมือนเกมหาคำ มือเล็กเริ่มพับกระดาษแผ่นนั้นเป็นรูปนก คำที่เขียนอยู่มากมายก็ค่อยๆลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนเมื่อพับเสร็จก็ได้ออกมาเป็นประโยคสั้นๆ พอพลิกดูอีกด้านก็เจออีกประโยคหนึ่ง มารวมกันจะได้ว่า

      ถ้าฉันเป็นนก นายก็เป็นท้องฟ้า ... อย่าร้องไห้เลยนะ ท้องฟ้าของฉัน

      น้ำตาที่กำลังจะไหลแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด “เจ้าบ้า ใครร้องไห้กัน”

      เสียงนกพิราบดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของโคนัน เมื่อหันไปก็เห็นชายคนหนึ่งพยายามซ่อนนกพิราบไว้ อีกมือก็ดึงหมวกมาปิดหน้า แต่ก็ยังปิดแก้มที่ขึ้นสีจางๆไม่ได้

      รอยยิ้มของร่างเล็กกว้างขึ้นก่อนพูดอย่างไร้เสียงกลับไป “ฉันก็รักนายเหมือนกัน นกพิราบของฉัน” ถึงแม้จะไม่ได้ยิน แต่สายตาคมก็สามารถอ่านมันได้อย่างง่ายดาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตอบ ร่างสูงโบกมือให้ก่อนจะเลื่อนลงมาที่นกพิราบ ชั่วพริบตาเดียวนกก็หายไปในอากาศ คิดส์ค่อยๆเดินถอยหลังเข้าไปในกลุ่มคนแล้วหายตัวไปเหมือนไม่เคยมีคนยืนอยู่ตรงนั้น

      โคนันเก็บเอานกกระดาษตัวเล็กใส่กระเป๋าเสื้ออย่างระวังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเครื่องร่อนสีขาวสะอาดที่กำลังบินลับหายไป ... แล้วเจอกันใหม่นะ คิดส์

       
      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       

      เรียบร้อยย ครบ100%แล้ว เรื่องนี้เป็นยังไงก็บอกกันด้วยนะ

      เม้นกันเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์หน่อย
      ^^ รักคนเม้นๆ 

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×