ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่9 การกลับมาของคนเป็นพี่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 442
      1
      30 ส.ค. 56


     

     

    บทที่9

    การกลับมาของคนเป็นพี่

    ตอนนี้ข้าอยู่ที่สวรรค์มาได้จะอาทิตย์แล้วล่ะ ข้านั่งอ่านหนังสืออยู่ในท้องพระโรงข้างๆเจ้าฟรานที่กำลังเล่นปั่นแปะกับพวกท่านพี่อยู่ พวกเจ้านี่น่าเอาตำรวจมาจับไปเข้าคุกจริงเชี่ยวล่ะ แถมเหล่าขุนนางสวรรค์ยังมีหน้ามาพนันกันอีกว่าใครจะได้

    นี่น่ะเหรอ เด็กมนุษย์ที่ว่าเสียงแสดแก้วหูดังขึ้นพร้อมๆกับการปรากฎตัวของนางร้ายละครหลังข่าว

    ที่ข้าอยากจะรู้คือนั่นปากท่านไปจกเลือดใครมาแดงเชียว แล้วผมน่ะถามจริงๆเถอะว่านั่งวินมอเตอร์ไซค์มาใช่ป่ะ เหตุฉะไหนใยฟูเป็นรังนกกระจอกรวมกันสามรังเช่นนี้ล่ะท่าน  นางเดินมาสำรวจข้า มองจากหัวลงไปเท้าแล้วมองจากเท้าขึ้นมาหัว นี่เจ๊ เอามีดมาผ่าพุงดูเครื่องในเลยไหมห๊ะ?

    ธรรมดา

    จ๊ะแม่แปลกประหลาด ถ้าข้าท่านบอกว่าข้าประหลาดเมื่อไหร่ข้าจะรีบวิ่งไปส่องกระจกทันทีเลยท่าน

    อลาวดี้นี่คือนางฟ้าอาวุธโสของที่นี่ แมรี่ท่านลุงแนะนำนางแก่ข้า ตามมารยาทข้าเลยลุกขึ้นคำนับนาง

    ไม่ต้องมาคำนับ นังมนุษย์เดินดิน ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นแค่เศษสวะยังเสนอหน้ามาอยู่บนสวรรค์ หวังจะจับเจ้าฟรานล่ะซิท่า

     ปึ๊ด!

    ไม่รู้ว่าเส้นอะไรแตกแต่รู้แค่ว่าตั้งแต่ข้าเกิดมาข้ายังไม่เคยมีใครมาด่าแบบนี้มาก่อนเลยนะ

    เรียนท่านยายที่เคารพรักข้าเน้นทุกคำด้วยใบหน้ายิ้มหวาน เจ้าฟรานเริ่มถอยออกห่างข้าไปไกลโขพร้อมๆกับพวกท่านพี่ แม้อยู่ที่นรกข้ามีคนปกป้องตลอดก็ใช่ว่าข้าจะไม่ได้เลี้ยงสัตว์ผู้น่ารักนามสุนัขเอาไว้ในปากนะ

    กรี๊ดดดดดดดดดดด ใครยายแก!!!”

    ก็แกนั่นแหละ!

    ท่านไงคะ ก็ท่านลุงบอกว่าท่านเป็นนางฟ้าอาวุธโส ข้าเรียกว่าท่านยายก็ถูกแล้วนี่ค่ะ

     แล้วท่านยายที่น่ารักของข้าก็นิ่งก่อนจะกรี๊ดเป็นผีโดนน้ำมนตร์อีกรอบ

    แก แก แก๊!!!!!!!!”

    คะ?”

    นังมนุษย์โสเป็นแค่มนุษย์ที่ไร้กำลังแต่ดันมาขัดขืนต่อทวยเทพ เจ้ามันบังอาจนักข้าจะสาปแช่งครอบครัวเจ้านางว่าพร้อมชี้หน้าข้า

    ถ้าทำได้ก็เชิญเถอะค่ะ อ่อ! แล้วก็ท่านก็คงต้องสาปท่านลุงด้วยนะคะเพราะว่า เราน่ะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงไหม

    ฟราน?”ข้าเดินเข้าไปเกาะแขนตัวหัวขาวทีพยายามอยู่ให้ไกลที่สุดแต่ถึงกระนั้น…….

    ใช่จ๊ะ อลาวดี้ที่น่ารักของข้าก็ยังรับมุกข้าได้ดี

    ข้าน่ะเป็นมนุษย์(หนึ่งในสิบหกส่วน)เคยฝันว่าอยากจะเป็นเทพยาดา(แม้ตอนนี้มีเลือดนางฟ้าอยู่สองส่วนสิบหก)เพราะนางฟ้านั้นช่างสง่างาม ไร้มนทิล บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนใด อีกทั้งยังเป็นที่ศัทราเคารพนับถือของผู้คนทั่วไป ข้าเองก็อยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง(แม้ตำแหน่งตอนนี้จะใหญ่กว่าก็ตาม) ข้าใฝ่ฝันแบบนี้มาแสนนาน

    อาเจ๊ปอบหยิบเชิดขึ้นอย่าทะนงตน อย่างเพิ่งได้ใจไปเจ๊...

    แต่ความคิดนั้นก็จบลงเมื่อเจอท่าน โถ่นางฟ้าในฝันของข้า

    ข้าประสานมือที่หน้าอกแล้วส่ายหัว โดยมีเจ้าฟรานกับท่านพี่ฟีนทำท่าเดียวกันเป็นแบล็กอัพอยู่ด้านหลัง

    ท่านทำลายความฝันของข้า นางฟ้าที่ข้าได้เคยวาดฝันเอาไว้พังทลายไม่มีชิ้นดี ข้าไม่อยากเป็นอีกแล้วนางฟ้าที่น่ารังเกรียจ เอาแต่ดูถูกดูแคลนคนที่ให้ความเคารพนับถือตน แม้ข้าจะเป็นมนุษย์(หนึ่งในสิบหกส่วน)แต่ข้าก็ไม่เคยคิดจะดูถูกใครทั้งนั้น ผิดกับท่านที่ได้รับการบูชาแต่กลับดูถูกคนผู้นั้นว่าเป็นสวะหากพวกเขาได้รู้คงจะเลิกนับถือท่านไปอย่างแน่นอน และข้าเองก็อยากจะรู้นักว่ายามทีท่านสิ้นฤทธิ์ใดๆกลายเป็นเพียงมนุษย์เดินดิน ท่านจะไปทำสิ่งใดได้!”ข้าเอ่ยน้ำเสียงสลดก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงแข็งในตอนท้าย

    ข้าเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทายเพราะความที่ยิ่งทะนงในตัวเองมากเกินไปมันทำให้คนเราตกลงสู่จุดต่ำสุดของชีวิตได้อย่างง่ายดาย อะไรที่มันมากเกินไปมันไม่เคยดีหรอก สักวันท่านก็จะต้องตกลงไปเช่นกัน

    เจ้าสามหาว!”

    สี่หาว ห้าหาวข้าก็ทำได้!”ข้าตวาดพลางเดินหน้าเข้าใกล้ ที่ข้าเกลียดอีกหนึ่งคือคนที่ชอบดูถูกคนอื่นนี่แหละ

    ท่านอาจไม่เคยได้ยินคำสอนที่ว่าผู้ที่ไม่บูชาใคร ไม่ควรได้ใครให้การบูชา ข้าอยากให้ท่านไปคิดสักเล็กน้อย

    บรรดานางฟ้าเทวดาที่ท่านเจออยู่ทุกวันหรือแม้แต่ท่าน มันไม่ใช่วิญญาณมนุษย์หรือไงข้าย้ำใส่หน้านาง

    ข้าเป็นถึงเจ้าชายยมทูตทำไมจะมองวิญญาณไม่ออกว่าอันไหนเป็นมนุษย์มาก่อน อันไหนเป็นชาวสวรรค์แต่กำเนิด นางนิ่งก่อนจะรีบหันหลังเดินจากไป ทำให้ข้าเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อครู่ข้าเพิ่งด่านางฟ้าอาวุธโสโอเคย์ของที่นี่ไป ข้าค่อยๆหันกลับไปมองพวกท่านลุงที่ยืนอ้าปากค้างกันอยู่

    แปะๆๆๆๆๆ

    พวกขุนนางสวรรค์ต่างปรบมือให้ข้าอย่างทั่วถึง

    อลาวดี้ที่รักของข้า เจ้าโคตรเจ๋งฟรานยกนิ้วโป้งให้ข้า

    เจ้านี่ช่างด่าได้สมกับเป็นกุลสตรีจริงๆไม่มีคำหยาบแต่ว่าลึกซึ้งไร้เทียมทานน่าสมัครเป็นศิษย์ เจ้าสนในเปิดสำนักไหมเดี๋ยวข้าจะออกแบบให้

    เยี่ยมแม้แต่ท่านพี่เฟรนด์ยังเป็นไปกับเขาด้วย

    เจ้านี่มันลูกเจ้าอลันตัวจริงเสียงจริงมาครั้งแรกก็ทำเอาอึ้งยกห้องโถงอีกแล้ว ด่าไปก็ดีแล้วข้าล่ะโคตรเบื่อนางเลย ทำได้ก็ไล่ไปเกิดตั้งนานแล้ว

    อ้าวเป็นงั้นไป

     

    ข้าเดินออกมาจากห้องโถงเพราะขี้เกรียจจะเจอพวกนางฟ้า เทวดาองค์ต่อๆไป ข้าเดินทอดน่องตามสบายเพราะเริ่มเคยชินกับที่นี่พอควร ที่นี่มีแสงแดดและสายลมจริงๆ อ่อ ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมเวลาที่ลมพัดทำไมข้าถึงเหมือนได้ยินเสียงคนพูดอยู่ข้างๆหู เพราะว่านั่นเป็นเสียงที่เจ้าฟราน(บลังซ์)ฝากให้กับข้า ข้ามองยอดไม้ที่พริ้วไสวไปตามแรงลม ถ้ามาคราวหน้าขอเจ้าฟรานพาพวกสิบสามหน่วยมาด้วยได้ไหมเนี่ยM

    นี่ๆเจ้าเคยได้ยินเรื่องอะไรไหมเสียงที่แว่วมาทางมุมปราสาทเรียกให้ข้ากันไปมอง ข้าเห็นสองทหารยามยืนคุยกันอยู่

    เรื่องอะไรเล่า

    ข้าย่องไปแอบอยู่ที่มุมปราสาทที่ไกลจะพวกนั้นเล็กน้อย

    เรื่องเจ้าชายองค์แรกกับองค์ที่สองของนรกน่ะสิ

    อึก!

    อ๋อ โวะ! เรื่องนั้นข้ารู้ตั้งแต่ชาติปรางก่อนแล้ว!”

    เฮ้ย! เป็นไงว่ะ?”

    เขาเล่าว่า องค์ชายทั้งสององค์นั้นจู่ๆก็หายตัวไปเมื่อสิบปีก่อนโน้น ทิ้งให้น้องสาวตัวเองอยู่คนเดียวข้าว่าสงสัยน้องคงน่ารำคาญมากนั่นแหละ พี่ชายถึงได้พร้อมใจกันทิ้งไปแบบนั้น

    แล้วทั้งสองคนนั้นหายไปไหนล่ะ?”

    ไม่รู้สิ เขาว่าหายสาบสูญไปแล้วสงสัยตายไปแล้วมั้ง ฮ่าๆๆๆ

    อลาวดี้เจ้ามา….อลาวเจ้าร้องไห้ทำไม?!!!”เสียงเจ้าฟรานดูตกใจน่าดู

    ข้ายกมือขึ้นปาดหน้าปาดตา นี่ข้าร้องไห้เมื่อไหร่เนี่ย

    ข้าไม่เป็นอะไรน้ำเสียงข้าแหบพล่าจนตัวเองใจหาย นี่ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย

    มานี่

     ฟรานลากข้าไปที่ห้องของมันก่อนที่จะกดไหล่ข้าในนั่งลงบนโซฟา

    เจ้าเป็นอะไรอลาวฟรานเอ่ยนำเสียงเป็นห่วง ข้าได้แต่ส่ายหัวเบาๆ

    เขาเล่าว่า องค์ชายทั้งสององค์นั้นจู่ๆก็หายตัวไปเมื่อสิบปีก่อนโน้น ทิ้งให้น้องสาวตัวเองอยู่คนเดียวข้าว่าสงสัยน้องคงน่ารำคาญมากนั่นแหละ พี่ชายถึงได้พร้อมใจกันทิ้งไปแบบนั้น

    อึก!”ข้ายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ เสียงหัวเราะของพวกทหารนั่นมันเหมือนดังก้องในหัวข้าตลอดเวลา เหมือนมันจะเยาะเย้ยข้า

    อลาวฟรานเรียกข้าเสียงอ่อย มันนั่งลงข้างๆข้าพลางยกมือขึ้นลูบหัวข้าอย่างปลอมประโลม

    ข้าเอาแต่ร้องไห้ส่วนมันก็นิ่งไม่พูดอะไรใดๆทั้งสิ้น มันรอจนข้าเงียบแล้วค่อยถามซึ่งมันก็นานพอดู

    เจ้าร้องไห้ทำไมอลาว

    พี่ข้าข้าพูดได้แค่นั้น

    ฟรานเบิกตาโพลงอย่างตกใจ มันรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนี่นะ

    ทำไมจู่ๆเจ้าถึงได้นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

    ข้าได้ยินพวกทหารคุยกัน

    เพราะมัวแต่ก้มหน้าเลยไม่รู้ว่าเจ้าฟรานมันมีแววตาแบบไหน

    เจ้ามีอะไรจะเล่าให้ข้าฟังหรือเปล่ามันพูดคลายๆที่ข้าเคยพูดกับมัน

    ข้านิ่งไปพักใหญ่ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ แต่มันมากจนข้าเรียงไม่ถูก

    ในบางครั้งข้ารู้สึกว่าการรอคอยมันยาวนานและเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นแรง ข้ารอคอยอย่างมีความหวัง หวังเอาไว้เสมอว่าการรอคอยของข้ามันจะไม่ไร้ประโยชน์ บางครั้งข้าท้อและว่าข้าก็ยังไม่เลิกที่จะหวัง ทั้งที่ไม่รู้ว่าหวังนั้น การรอคอยนั้น มันมีค่าอะไร ทั้งที่การรอคอยมันทำให้ข้าทรมานและเจ็บปวดแต่ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงยังไม่เลิกหวัง อาจจะเป็นเพราะที่ตรงนั้นมันไม่สามารถมีใครมาแทนได้ ข้าถึงได้รอคนเดิมๆให้กลับมาทีเดิมๆ

    ฟรานไม่ได้พูดอะไร มันเอาแต่นิ่งทำให้ข้าไม่รู้ว่ามันรู้สึกแบบไหน

    ข้าอธิฐานเสมอทุกครั้งที่มีโอกาสได้เห็นดวงดาว อธิฐานให้พวกเขากลับมา อธิฐานให้พวกเขาได้ยินเสียงของข้าบ้าง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเสียงนั้นจะส่งไปถึงหรือเปล่า ข้าแค่อยากให้พวกเขาได้ยินเสียงของข้าและกลับมาแค่ครั้งเดียวก็ยังดี แต่บางทีข้าก็อาจจะลืมไปว่าเสียงที่ส่งไปไม่ถึงมันก็ได้แค่ดังอยู่แบบนั้น

    ข้าพูดทุกอย่างที่ข้าอยากพูดออกไปจนหมด ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาข้าหลอกตัวเองมาตลอดและสุดท้ายข้าก็หลอกตัวเองไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ข้ามันคนโง่ข้ารู้ดีแต่ข้าผิดด้วยเหรอที่ข้าจะรอ ในเมื่อข้ามีพี่อยู่เพียงแค่สองคน

    ขอแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวก็ยังดีที่จะได้พบกัน ข้าขอแค่นั้นจริงๆแต่ทำไม ทำไมมันไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ อีกสักครั้งให้ข้าได้ยินเสียงที่เรียกชื่อข้าพร้อมรอยยิ้มนั้น ข้าแค่อยากให้รอยยิ้มนั้นกลับมาอยู่กับข้าอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ที่ข้าเคยไม่ดี ที่ข้าเคยเอาแต่ใจ ข้าขอโทษแต่ว่าพวกเขา พวกเขาเคยได้ยินเสียงของข้าบ้างไหม พวกเขาจะจำได้ไหมว่ามีข้าอยู่บนโลกใบนี้…..

    หรือว่าข้าน่ารำคาญจริงๆข้าเอ่ยขึ้นลอยๆเหมือนคนที่ไม่รู้อะไร

    ขอโทษนะอลาวพูดจบประสาทการรับรู้ข้าก็ดับลงไป

     

    ข้าตื่นขึ้นมากลางดึกบนเตียงในห้องเจ้าฟราน และได้รู้ว่าเวทย์มนตร์นั้นไม่ใช่หมดลบความทรงจำเพราข้ายังจำทุกสิ่งทุกอย่างได้เรื่องของท่านพี่ทั้งสอง แค่นึกน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีกรอบ โห้ย!!!!เรื่องนี้ข้าเป็นพระเอกนะไม่ใช่นางเอก ร้องอยู่ได้เนี่ย!! ตาที่พล่าไปด้วยน้ำตาเหลือบไปเห็นเจ้าฟรานนอนอยู่บนโซฟาปลายเตียง  หัวขาวๆขยับนิดหน่อยก่อนที่มันจะลุกขึ้น

    ยังไม่หยุดร้องอีกเหรออลาว

    หยุดแล้วร้องใหม่ไม่ได้หรือไงข้าพยายามกวนมันเพื่อข้าจะอารมณ์ดีขึ้น

    มันลุกขึ้นเดินมาหาหาก่อนจะก้มลงมาให้อยูในระดับสายตาข้า

    ข้ายกห้องนี้ให้เจ้าร้องไห้ไปก่อน ถ้าต้องการคนปลอบเรียกข้าแล้วกันมันวางมือบนหัวข้าที่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป

    เช้าวันรุ่งขึ้นข้าถึงได้รู้ว่าทหารสองคนถูกเจ้าฟรานสั่งประหารไปแล้วในฐานะที่ทำให้ข้าร้องไห้ ฟรานมันขาโหดตัวจริงเลยนะเนี่ย และอีกอย่างคือข้าไม่หยุดร้องสักทีอาจเป็นเพราะว่าข้าไม่ได้นึกถึงมันมานานแล้วมั้ง ข้าร้องไห้ไม่กินไม่นอนมาสองวันกว่าข้าจะหยุดร้องได้ สภาพข้าโทรมจนเจ้าฟรานมันทนไม่ได้จับข้าทำผมแต่งหน้าจนกลับมาสวยเป๊ะแต่นี่อาจไม่ใช่ที่ข้าต้องการก็ได้นะ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ยังกินอะไรไม่ลงอยู่ดีนั่นแหละ

     

     

    ร่างสองร่างก้าวเท้าผ่านประตูมิติของแดนนรก พอถึงหน้าด่านเจ้าหน้าที่ต่างลุกขึ้นด้วยความไม่คุ้นกับคนที่เดินเข้ามา

    พวกเจ้าเป็นใครน่ะ?”สมายด์จ้องร่างของผู้ที่มาอย่างไม่วางใจ

    ชายคนแรกรูปร่างสูงโปร่งเส้นผมสีดำสนิทไว้ยาวเป็นรากไทรเคียงใบหน้าติดเบื่อหน่ายเต็มทน ดวงตาสีเทาม่นฉายแววไม่พอใจออกมาแบบไม่ปิดบัง ส่วนอีกคนเป็นชายรูปร่างบางเส้นผมสีเงินยาวถึงกลางหลังถูกรวบที่ปลายแบบลวกๆ นัยน์ตาสีแดงฉายแววขบขันนึกสนุกแบบไม่เข้ากับสถานการณ์

    ก่อนจะถามชื่อใครช่วยแนะนำตัวก่อนสิเจ้าของเรือนผมสีเงินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    สมายด์ หัวหน้าหน่วยเก้าแห่งสิบสามหน่วยยมทูต ผู้คุมกฎของที่นี่ แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใครสมายด์ว่าพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรเท่าที่ควร

    ชายสองคนเลิกคิ้วสูงก่อนหันมองหน้ากัน

    เดี๋ยวนี้เขามีหน่วยนี้กันแล้วเหรอ ว่าแต่เอาไงดีล่ะเขาจำเราไม่ได้ด้วยล่ะท่านพี่’”

    ไม่รู้ แล้วอลาวดี้มันไปอยู่ไหนเนี่ย?”คนผมดำเอ่ยอย่างหงุดหงิด

    พวกเจ้ามีอะไรกับหัวหน้าของข้าสมายด์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากทั้งสองคนจึงเริ่มไม่วางใจ

    มีอะไรกันพวกท่าน!!!!”ซีโร่ที่เดินออกมาดูความเรียบร้อยถึงกับชะงักเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือน

    อะไรกันเจ้ารู้จักพวกข้าด้วยหรือ? แต่ข้าไม่รู้จักเจ้านะชายผมดำเอ่ยอย่างเซ็งๆ

    ถ้ารู้ว่าพวกเราเป็นใครก็ช่วยพาพวกเราไปที่ที่เราอยากไปหน่อยสิชายผมเงินเอ่ยอย่างสุภาพ

    ซีโร่ได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปท่ามกลางความงุนงงของผู้ดูแลประตู ตลอดทางที่เดนผ่านพวกขุนนางต่างแปลกใจละคนตกใจเมื่อระลีกได้ว่าแขกสองคนที่เดินตามหัวหน้าหน่วยห้ามาเป็นใคร

    แล้วอลาวดี้ไปไหนล่ะ?”ชายผมเงินเอ่ยถามซีโร่

    จะไปถามหามันทำไม

    ข้าได้ข่าวว่าท่านถามหาอลาวดี้ก่อนข้าอีกนะ

    คนผมดำหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนที่จะโวยวาบกลบเกลื่อน

    เจ้าจะบ้าหรือไงที่ข้าถามหามันเพื่อให้มันมาช่วยพูดให้เราได้เข้ามาต่างหากเล่าเจ้าบ้า!!!!”

    คนเป็นน้องได้แต่พยายามทำใจเชื่อท่าพี่ของตัวเองให้ได้

    แล้วไงล่ะ อลาวดี้ไปไหน?”คนผมเงินยังไม่วายกลับไปถามใหม่

    ท่านอลาวดี้ไปแดนสวรรค์ขอรับ

    หา!!!!!!!!”สองเสียงประสานกันดังลั่นจนซีโร่ต้องอุดหู

    ไปกับใคร?!”คำถามกึ่งตวาดทำเอาซีโร่สะดุ้งเล็กน้อย

    ไปกับท่านฟรานขอรับพูดจบก็ก้มหน้าลง

    เจ้าชายสวรรค์งั้นเหรอซีโร่เงยหน้ามองชายผมเงินอย่างทึ่งๆ

    อุตส่าห์ไม่บอกแล้วนะวาเป็นใคร ดันรู้อีก

    ว่าไงนะไปกับเจ้าชายสวรรค์ นี่มันบังอาจหนีตามผู้ชายงั้นเหรอ!!!”

    เปล่าขอรับ โดนท่านฟรานฉุดไป

    หา!!!!! พวกเจ้ามันอะไรกันเนี่ยปล่อยเจ้าหญิงของตัวเองให้ไปกับเจ้าชายแดนสวรรค์ ทำไมไม่ช่วยเกิดมันปล้ำ

    อลาวดี้ขึ้นมาทำไง

    ไม่ทันแล้วล่ะขอรับ ปล้ำไม่ปล้ำไม่รู้ รู้แต่จูบกันไปแล้ว

    ท่านพี่ ท่านกำลังพูดเหมือนเป็นห่วงอลาวดี้อยู่นะชายผมเงินแซว

    ใช่ที่ไหน ข้ายังไม่อยากได้หลานตอนนี้ต่างหาก

    เหรอ

    เอาเป็นว่าใจเย็นๆก่อนนะท่านพี่ อลาวดี้ออกจะเป็นคนรักนวลสงวนตัวนะ

    เอ่อ ถึงแล้วขอรับซีโร่เอ่ยพลางผลักประตูเข้าไป

    ร่างสูงบนบรรลังจ้องมองแขกที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้างุนงง ก่อนจะโพลงออกมาดังลั่น

    พวกเจ้า!!!”

    สองบุรุษโค้งคำนับร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ซึ่งขณะนี้กำลังรีบกระโดดลงมาด้านล่าง

    พวกเจ้าหายไปไหนมากัน!?”อลันถามด้วยความดีใจ

    ข้าขอโทษพวกเราทั้งสองจำต้องหนีชายผมดำเอ่ยเบาๆด้วยใบหน้าสำนึกผิด

    หนี? หนีจากอะไรกัน?”อลันมองหน้าเด็กหนุ่มสองคนตรงหน้าที่บัดนี้เรียกว่าชายหนุ่มอาจจะเหมาะกว่า

    พวกเราต้องหนีท่านตาตามคำแนะนำนัยน์ตาสีแดงจ้องกับนัยน์ตาสีแดงอีกคู่หนึ่ง

    หมายความว่าไง ทำไมต้องหนีแล้วใครแนะนำ?”

    ชายหนุ่มสองคนหันไปมองหน้ากัน

    ท่านก็รู้ท่านตากำลังหาทายาทคนต่อไปอยู่ พวกข้าจำต้องหนีไปให้ไกลส่วนเรื่องที่ว่าใครแนะนำพวกข้าบอกไม่ได้ แล้วที่หกเดือนที่แล้วที่ต้องตัดพลังไปเพราะว่าพวกนั้นเกือบตามพวกเราได้

    ช่างเถอะ เดม่อนเจ้าไปส่งข่าวให้ข้าหน่อยอลันหันหาคนที่นั่งอยู่ในหมู่ขุนนาง

    ขอรับเดม่อนลุกขึ้น นัยน์ตาสีโลหิตเหลือบมองแขกทั้งสองอย่างรู้กัน

    ไปบอกอลาวดี้ว่า….”

     

    พี่ของข้ากลับมาแล้ว!!!!!”

    ข้าโพลงออกมาดังลั่นหลังจากที่เจ้าฟรานบอกข่าวใหม่แก่ข้า

    จริงๆเหรอฟราน จริงๆเหรอ

    จริงสิ เมื่อครู่เดม่อนติดต่อมาหาข้าน่ะ

    ฟรานว่าด้วยรอยยิ้มที่ไม่แพ้ข้า

    ฟราน….”

    เรากลับนรกกัน

    อือ

     

    ข้าวิ่งผ่านประตูนรกอย่าไม่กลัวภาพพจน์เสียหายโดยมีฟรานวิ่งตามมาติดๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องโถง

    ท่านพี่!!!!”

    ข้าตะโกนเรียกท่านพี่ตั้งแต่หน้าประตูพลางวิ่งเข้าหาก่อนที่จะกระโดดถีบหน้าพี่อลัวซ์เต็มๆ พี่อเล็กซ์ให้ตายข้าก็ไม่ทำอะไรหรอก

    เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ยอลาวดี้!!”คนผมดำลุกขึ้นพร้อมเสียงโวยวาย

    ถีบท่านไงท่านพี่อลัวซ์ที่รัก หึหึข้าว่าในขณะที่มือยังเกาะหนึบท่านพี่อเล็กซ์อยู่

    ไอ้สองมาตรฐาน!”

    อ๊ะแน่น๊อน~”

    พวกท่านนะพวกท่านจู่ๆก็หายไปเป็นสิบปี ไม่ส่งข่าวส่งอะไรมาเลยเชียว พวกท่านมันบ้า..อึกข้ายกมือขึ้นปาดน้ำตา พอเจอหน้าพวกเขาแล้วข้าก็ลืมคำด่าที่เตรียมเอาไว้ไปหมดเลย

    เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งร้องนะ คือมัน เฮ้ย! พูดไงดี คือท่านพี่อลัวซ์เลิกลั่กสุดขีด

    ข้ารู้แล้วล่ะท่านพี่อเล็กซ์ยิ้มก่อนหันไปกระซิบกับท่านพี่อลัวซ์ ท่านพี่อลัวซ์ทำหน้าเซ็งๆก่อนจะยอมพยักหน้า

    ท่านคู่ดึงมือข้าเข้าไปกอดท่านกลางความงงของข้า ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ข้ารู้สึกสบายใจอย่างประหลาด

    ข้าขอโทษ

    เสียงสุดท้ายที่ข้าได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะดับลง

     

     ร่างบางสลบไปในอ้อมกอดของพี่ชายของตนเอง อลัวซ์ชอนร่างน้องสาวขึ้นพลางส่ายหัวอย่างหน่ายๆ

    พวกท่านสินะพี่ของอลาว

    สองพี่น้องเหลือบมองคนหัวขาวที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาแต่แรก ร่างที่เคยยืนกอดอกพิงประตูเดินตรงมายังทั้งสองที่ยืนอยู่

    ข้าไวท์ทีเซอร์ ฟราน เพื่อนของอลาว

    พลั่ก! พลั่ก!

    ใบหน้าของสองพี่น้องหันไปคนล่ะฝั่งตามแรงชก

    และข้าไม่ยอมให้ใครมาทำให้อลาวดี้ร้องไห้แน่ ต่อให้เป็นพี่ของอลาวเองก็ตาม ข้าก็ไม่มีทางปล่อยนัยน์ตาสีม่วงจ้องด้วยความเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความครุกรุ่นภายใน

    อลาวดี้ร้องไห้มาสองวันโดยไม่ได้นอนเพราะพวกท่าน ลองไปคิดดูแล้วกันว่าแค่คำขอโทษมันพอหรือเปล่า ข้าขอตัวพูดจบร่างนั้นก็อัตทานหายไปจากตรงนั้น

    สองพี่น้องต่างมองหน้ากันก่อนจะมองน้องเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่ใหญ่

    มันขนาดนั้นเลยเหรอ

     

    นี่ก็ผ่านมาเดือนเศษแล้วยอมรับเลยว่าตั้งแต่พวกท่านพี่กลับมาข้าติดพวกเขาเพิ่มขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พี่อเล็กซ์แต่ว่าพี่อลัวซ์ก็ด้วย เรียกว่าติดทั้งคู่เลยดีกว่า แต่ว่าทั้งคู่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆท่านพี่อเล็กซ์ใจดียังไงก็แบบนั้น ท่านพี่อลัวซ์ชั่วร้ายยังไงก็ชั่วร้ายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง หรือต้องเรียกคงเส้นคงว่าด้านความชั่วร้าย

    โป๊ก!

    อ๊ากกกกก ทำบ้าอะไรของท่านเนี่ย!”ข้าหันไปถามตนที่เอาสันดาบเขกหัวข้า

    ข้ารู้นะว่าเจ้านินทราข้าในใจน่ะท่านพี่อลัวซ์ทำว่าหน้านิ่งพลางเช็ดดาบในมือราวกับไปโดนสิ่งสกปรกมา ข้าไม่ใช่ก้อนอุนจิจังนะท่าน!

    แต่ท่านจะมาเขกหัวสุภาพสตรีได้ไงข้าแย้ง

    สุภาพสตรีเขาไม่กระโดดถีบหน้าพี่ตัวเองหรอกนะ อลาวดี้ท่านพี่อเล็กซ์ว่ายิ้มๆ

    ก็ช่วยไม่ได้นี่ท่านพี่ ใครใช้ให้พวกท่านหายไปเป็นสิบปีเล่า แค่นี้น้อยไปนะเนี่ยข้าว่าพลางกอดอกเชิดหน้าขึ้น

    โอ๊ะโอ่...นี่ข้าลืมใครไปใช่ไหม? แน่นอนเจ้าฟรานไง ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะช่วยงานท่านลุงอยู่ก็เลยวุ่นๆและข้าก็มัวแต่ติดท่านพี่เลยลืมมันไปเสียสนิทจิต แต่จู่ๆข้าก็คิดถึงมันขึ้นมามีอะไรหรือเปล่าเนี่ย

    โอ๊ะ! ชาหมดข้าไปเอาชาก่อนนะข้าลุกขึ้นไปพร้อมๆกับถือถ้วยชาไปด้วย

    ท่านอลาวดี้ขอรับ มีคนมาหาซีโร่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

    แล้วไอ้ตัวหัวขาวที่ข้าเพิ่งนึกถึงเมื่อครู่ก็พุ่งเข้ามากอดข้า

    อลาวดี้ที่น่ารักของข้า คิดถึงข้าไหม?”

    ไม่เลยแต่หน้าข้ายิ้มแป้นเชียวล่ะ

    ก็ดูดีใจดีนี่

    ท่านพี่อลัวซ์ เคยยืนอยู่เฉยๆแล้วรู้สึกตัวอีกทีไปอยู่ที่โต๊ะพิพากษาวิญญาณของท่านพ่อไหม?”

                    ระหว่างที่ข้ากับท่านพี่อลัวซ์กำลังจะวางมวยกันนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น แกกลัวไม่ได้เปลี่ยนประตูใหม่ใช่ไหมเนี่ย ห๊ะ?

    ท่านอลัวซ์ ท่านอเล็กซ์ ท่านอลาวดี้ ขอรับท่านราชาอลันเรียกประชุมด่วนขอรับ!”ทหารชั้นผู้น้อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตามข้ากับพวกท่านพี่

    มีเรื่องอะไรกันหนอ?”ท่านพี่อเล็กซ์บ่นหน่อยๆก่อนลุกขึ้นนำไปโดยมีท่านพี่อลัวซ์และข้าที่มีเจ้าฟรานเกาะเดินตามไป

    มากันแล้วเหรออลัวซ์ อเล็กซ์ อลาวดี้ท่านพ่อเอ่ยด้วยหน้าตาร้อนรนแบบสุดๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

    มีอะไรงั้นเหรอท่านพ่อ

    คือว่า นักโทษชั้นที่สามแหกคุกไปได้สิบสี่ตน

    หา!!!”พวกข้าร้องเสียงดังพลางหันมองหน้ากัน

    มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่าท่านอา?”

    อ้าว ฟรานแล้วงานของเจ้า….”

    ข้าเอาไปให้ท่านพี่ทำแล้วช่างเป็นน้องที่ดีเหลือเกิน

    งั้นเจ้าช่วยไปตามจับกับอลาวดี้แล้วกัน

    ท่านพ่อสรุปง่ายๆแต่ข้าขอค้านครับท่านประทานที่เคารพ!

    ได้ไงท่านพ่อ ทำไมต้องเป็นข้ากับมันข้าชี้ไปที่มันที่ว่า

    พวกเจ้าเคยทำงานด้วยกันมาเดือนหนึ่งไม่ใช่หรือไง

    ท่านพี่อลัวซ์ว่าพลางมองเจ้าฟรานด้วยสายตาเกรงๆ

    ท่านไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกน่า!”

    แต่เจ้าถามหาเหตุผลนะอลาวดี้ท่านพี่อเล็กซ์พูดบ้าง

    นี่พวกท่านอยู่ด้วยกันมากไปไหมเนี่ย พี่อเล็กซ์จากที่เข้าข้างข้ากลายไปเป็นกำลังเสริมให้ท่านพี่อลัวซ์แล้วง่ะ

    ก็ได้ๆ ข้าไปก็ได้ข้ามันไม่สำคัญนี่เชอะ!”พูดจบข้าก็สะบัดก้นออกมาพร้อมกับเจ้าฟราน

     

    ********************************************************TBC.*******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×