คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Special Part#
Special Part#
“…ทุกสิ่งก็เป็นดังที่กล่าวมา”เสียงชายแก่บอกเล่ารายงานการซ่อมประตูนรกที่พังไปเมื่อสอง-สามอาทิตย์ก่อนแก่ราชาของตนที่นั่งฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจดี…มั้ง?
อลันเริ่มมองออกไปนอกหน้าต่างของท้องพระโรงที่เจ้าตัวเป็นคนบอกให้ทำเอง ก็นั่งอยู่ในท้องพระโรงที่ปิดหมดมันอุดอู้นี่นา
“ท่านรายงานจบแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ..ขอรับ”
“งั้นเรากลับห้องล่ะ”พูดจบผู้ที่ได้อยู่ในตำแหน่งราชานรกก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากท้องพระโรงท่ามกลางสายตางงๆของเหล่าขุนนางที่มาเข้าเฝ้า…พอกันทั้งพ่อทั้งลูกไม่ไล่ให้ไป ก็เดินออกไปเอง
อลันเดินมาตามทางเท้าจะขอบคุณหรือไล่กระทืบฟรานดีที่มาทำประตูนรกพัง ทำเอาเขาไม่มีงานทำเสียอย่างนั้นแหละ
“….ข้าว่าเจ้าฟรานอะไรนั่น ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นรองหัวหน้าสักนิดเลย”
“ใช่ๆเจ้านั่นชอบแทะเล็มองค์หญิงด้วย”
อ่า….จะพูดว่าเขามาทันฟังข่าวหรือดันไปได้ยินเรื่องนินทาชาวบ้านเอาดีนี่
“เราว่าถ้าอลาวมาได้ยินพวกเจ้าคงโดนถึงสองข้อหาเชียวล่ะ”
เอาเป็นว่าโพล่หน้าออกไปก่อนก็แล้วกัน
“ทะ ท่านอลัน!”
อืม…รู้สึกว่าตัวเขาเองจะจำชื่อตัวเองได้นะ เขาคงไม่ต้องให้พวกทหารตะโกนเสียงดังเพื่อเตือนความจำหรอกมั้ง
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าพวกเจ้าจะโดนข้อหาอะไรบ้าง”อลันถามเสียงนุ่มแต่สายตาที่มาพร้อมยิ้มละไมกลับ…จิกโคตรจนทหารทั้งสองต้องหลบตาแล้วส่ายหัวดิก
“ข้อแรกคือพวกเจ้าเรียกอลาวว่าองค์หญิง..”ใครจะไม่รู้ว่าลูกชาย…ลูกสาว…เอ่อลูกคนสุดท้องแล้วกัน ใครจะไม่รู้ว่าลูกคนสุดท้องของเขาไม่ชอบให้ใครเรียกว่า”องค์หญิง”หรือ”เจ้าหญิง”
“ส่วนข้อสอง คือเรื่องที่เจ้าดูถูกฟราน ถ้าเจ้าได้รู้อะไรบางอย่างบางทีพวกเจ้าอาจจะกลัวฟรานหัวหดเลยก็ได้”พูดจบก็เดินออกมาตรงนั้น
คนเป็นพ่อที่รู้ดีทุกอย่าง เขารู้ว่าอลาวดี้ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเพื่อนของเขา ใช่’เพื่อน’ ถึงแม้เจ้าตัวจะเรียก’คนของข้า’บ้างล่ะ’ลูกน้อง’บ้างล่ะ แต่เขาก็รู้ว่าทั้งสิบสองคนถ้ารวมฟรานก็เป็นสิบสามคนซินะ เอาเป็นทั้งสิบสามคนที่คนที่
อลาวดี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อน เขาเองก็มีนะถึงจะแค่คนเดียวแถมขี้โวยวายไปหน่อยก็เหอะ
“เจ้าฟราน!!!!!!”
เสียงตวาดที่ดังลั่นออกมาจากห้องของอลาวดี้เรียกเสียงหัวเราะแก่อลันหน่อยๆ เขาไม่ได้เห็นอลาวดี้ตะโกนเสียสุดเสียงมานานมากแล้ว นับตั้งแต่…ตั้งแต่…สิบปีก่อนที่ลูกชายทั้งสองหายไป จากวันนั้นอลาวดี้ก็แทบไม่ได้แสดงตัวเองออกมาเลยสักครั้ง เขาดีใจที่เห็นอลาวดี้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง ราชานรกเดินก้าวเท้าไปยังห้องของตนช้าๆ ความคิดเดียวที่แล่นเข้ามาในหัวเขาคือ
“ทำไมผ้าคลุมมันถึงได้หนักอย่างนี้เนี่ย!”อลันบ่นหน่อยๆพอจะเข้าใจความรู้สึกอลาวดี้ขึ้นมาเล็กๆ เขาควรจะตัดงบหน่วยคอสตูมของตนเองออกดีไหม? เพื่อผ้าคลุมของทั้งเขาและอลาวดี้จะได้สั้นลงไปอีก
ตุ้บ!
ร่างของราชานรกทิ้งตัวลงบนที่นอนแบบไม่แคร์สายตาใคร ก็จะแคร์ใครล่ะในเมื่อก็อยู่คนเดียวนี่ อลันถอดรองเท้าเสริมส้นสองนิ้วออกอย่างเซ็งๆแล้วปามันไปไว้มุมห้องแบบไร้การถนอม ถ้าไม่เห็นแก่หน้าคนสั่งป่านนี้เขาเอามันไปเผานานแล้ว! เซนส์ดิเฮลเลอร์ อลัน สูงตั้งร้อยแปดสิบเอ็ด แล้วทำไมต้องใส่สนสูงให้สูงไปอีกเนี่ย ไม่เข้าใจ!!!!!
อลันเดินไปถอดเสื้อผ้าไปเป็นเหตุให้เสือผ้ากองเต็มพื้นเป็นทางยาวไปถึงห้องน้ำ ทั้งผ้าคลุม เสื้อสูทตัวนอก เสื้อสูทตัวใน เสื้อซับ กางเกงขายาว เข็มขัด รวมกับชั้นใน ร้อนตับจะแตกแต่ให้แต่ยังกับอยู่ขั้วโลกเหนือสงสัยต้องตัดงบคอสตูมจริงๆนะเนี่ย
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำอลันก็ตรงมาที่หน้ากระจกที่บานใหญ่ปานประชดกันอยู่ บนหัวมีผ้าเช็ดตัวสีขาววางเอาไว้ให้ตัดกับเส้นผมสีดำที่พอปล่อยแล้วก็ยาวไปถึงกลางหลัง ส่วนที่ตรงมาที่หน้ากระจกใช่ว่าจะมารีบเสริมหล่อแต่อย่างใดเขานัดคนไว้ต่างหาก
“ฟีเนอร์~~ ข้ามาแล้ว~~”อลันเรียกอีกฝั้งเสียงหวานย้อยจนน่าคลื่นไส้
“น้ำเสียงเจ้าฟังแล้วชวนจิตตกจริงๆอลัน”อีกฝ่ายบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ว่าไอ้ดวงตาสีม่วงที่แฝงแววดีใจเอาไว้นั่นมันอะไรกัน
“ข้าคิดถึงท่านจังเลย!”
“แงะ ข้าขนลุก”อีกฝ่ายเบ้หน้าลงหน่อยๆ การที่มีผู้ชายมาพูดว่าคิดถึงมันน่าสยดสยองอยู่หรอก
“อะไรกัน ทำไมท่านพูดแบบนี้ ท่านไม่รักข้าแล้วใช่ไหม ท่านนอกใจข้า!!!”
“ฟู่!!!!”อันน้ำเปล่าที่สมควรจะเข้าปากและลงท้องของราชาสวรรค์ไปกลับพุ่งออกมาเป็นสายทำมุมกับแสงเกิดเป็นสายรุ่งพอดีเด๊ะ!
“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย!!!”เสียงทุ้มดังลั่นคับห้องปรานเพดานจะถล่มลงมา เป็นความโชคดีเล็กๆที่อลันกลางเขตกันเสียงไว้หลายชั้น จะเอาอยู่หรือเปล่าเนี่ย
“การแกล้งท่านนี่มันสนุกจริงน้า~”อลันว่าพลางยิ้มแฉ่ง นี่ไงเพื่อนของเขา
“แล้ววันนี้มันอะไรของเจ้าถึงได้นัดข้ามาเนี่ย ว่างงานมากนักหรือไงท่านราชานรก”อีกฝ่ายถามน้ำเสียงประชดประชัน
“แหม ขนาดท่านราชาสวรรค์ยังว่างเลย ข้าว่าจะมาคุยเรื่องสาเหตุที่ทำให้ข้าว่างนี่แหละ”อลันประชดกลับไป
“อะไร?”ฟีเนอร์เอียงหัวน้อยๆ
“ลูกชายคนสุดท้องท่านหายไปใช่ป่ะ!?”
“ก็ใช่ ข้ากำลังหัวเสียอยู่เนี่ย มันน่าจับล่ามโซ่นักเชียว เผลอเป็นหายเผลอเป็น….”
“เขาอยู่กับข้า”อลันเอ่ยเรียบๆ
“หา อะไรนะ? เจ้าว่าใหม่อีกทีสิ”ฟีเนอร์ถามเสียงช้าๆ
“ข้าบอกว่าเขาอยู่กับข้า อยู่ที่เมืองนรกนี่แหละ”
“ไอ้อลัน!!!! ทำไมเจ้าไม่รีบบอกข้าฟร้า!!!!!”
ฟีเนอร์ตะโกนดังลั่นจนอลันต้องเอามือปิดหูตัวเองไว้ก่อนจะตอบเหตุผลที่ชวนทุบด้วยไม้หน้าสามยิ่งนัก
“ข้าอยากแกล้งท่าน”
ราชาสวรรค์นั่งใบรับประทานอ้าปาดพะงาบๆ ชี้หน้าราชานรกที่ยักคิ้วกวนบาทาอยู่
“ไอ้สัตว์ประหลาด!!!!!!!!”
“ข้าเปล่านะ”
“แก่จนไม่รู้จะแก่ยังไงแล้วยังจะมาแอ๊บเด็กอีกเรอะ!!”
“ข้าหวังว่าท่านคงยังไม่ลืมว่าท่านแก่กว่าข้าตั้งห้าปี!! ใครกันแน่ที่แก่น่ะ ข้ายังหนุ่มอยู่เลยนะจะบอกให้”อลันสวนกลับในทันที
“เหอะ! บ้านเรียกว่าไม่รู้จักโตต่างหากเล่า! เจ้าเด็กใจแตก”
“เสียใจที่บ้านข้ากับบ้านท่านไม่ใช่หลังเดียวกัน ดังนั้นท่านจะเอาบ้านท่านมาตัดสินบ้านข้าไม่ได้หรอกน่า แล้วข้าใจแตกตรงไหนมิทราบหา? เจ้าราชาสวรรค์หัวหงอก”
“โห้ยๆๆๆ ข้าอยากบอกเจ้าเหมือนกันว่าบ้านไหนเขาก็เรียกเหมือนกัน แล้วไอ้คนที่หนีออกจากบ้าน(แดนนรก)ตอนสิบสามนั่นไม่ใช่เด็กใจแตกเหรอ ไอ้เด็กสามหาว! หน้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส(ด้านกำลังสอง)”
“สี่หาว ห้าหาวข้าก็ทำได้! และถ้าข้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสท่านก็ลูกบาศก์แล้ว(ด้านกำลังสาม)”
แล้วมหกรรมด่าไม่บันยะบันยังก็เริ่มขึ้นจะหมดไส้หมดพุง เรียกว่าขุดเอาคำด่าออกมาจากโคตรเง่ารากตระกูลกันเลยทีเดียวเชียวล่ะ
“แต่ว่าลูกท่านอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน “อยู่ดีๆอลันก็เปลี่ยนอารมณ์กะทันจนราชาสวรรค์เบรกหัวทิ่ม
“ยังไง?”
“ก็ข้าไม่เคยเห็นอลาวร่าเริงแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สองคนนั้นจากไป”ใบหน้าอ่อนเยาว์ยังคงยิ้มไม่จางหาย แต่อยู่ด้วยกันมาเป็นพะ…เอ่อนาน ทำไมจะไม่รู้ว่ายิ้มนั้นเป็นเป็นยิ้มที่ฝืนให้มันออกมา
“แล้วเจ้าได้ข่าวสองคนนั้นบ้างไหม?”ถึงไม่อยากทำร้ายจิตใจแต่ก็ห้ามความอยากรู้ไว้ไม่อยู่
“ไม่ล่ะ”อลันส่ายหัวช้าๆพร้อมยิ้มแบบเดิม จนคนเห็นอยากจะตะคอกให้หยุดยิ้มแต่ก็ทำไม่ลง
“ไม่สิ มีนี่นา”พอได้ยินดังนั้นฟีเนอร์ก็ถึงกับยิ้มออกมาแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มฉับเมื่อได้ยินคำตอบ
“เมื่อหกเดือนก่อน จู่ๆพลังที่ทั้งสองเคยส่งมาช่วยสร้างแวดล้อมที่นี่ก็หายไป ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับอลาวเลย ทุกวันนี้ข้าใช้พลังส่วนของข้าเสริมอยู่”
“ทำไมเจ้าไม่บอกอลาว”
อีกฝ่ายส่ายหัวช้าๆอีกรอบ
“คนเรานั้นถ้ามีชีวิตอยู่ด้วยการรอคอยย่อมมีความหวังเสมอ อลาวเป็นเช่นนั้นเมื่อตอนเด็กๆอลาวมักจะบอกข้าพร้อมกับรอยยิ้มเสมอว่า”เผื่อวันพรุ่งนี้ท่านพี่ทั้งสองจะกลับมา ข้าจะรอ” ข้าไม่อาจพูดออกไปตัดความหวังของเขาได้ แม้ทุกวันนี้อลาวจะไม่พูดแต่ข้ารู้ว่าอลาวก็ยังคงรอเสมอ คนอย่างอลาวมีความหวังเป็นสิ่งพักพิงข้าไม่สามารถใช้คำพูดเพียงคำเดียวพังสิ่งพักพิงของลูกข้าได้ ฟีเนอร์”
ความเงียบเข้าครอบคลุมรอบๆ ฟีเนอร์ได้แค่นั่งมองอีกคนที่มองไปนอกหน้าต่าง จะว่าว่าทั้งพ่อลูกเหมือนกันก็ได้รู้ใจคนอื่นแต่ไม่เคยรู้ใจตัวเอง ชอบแสดงละครงี่เง่าว่ายังไหวแต่ที่จริงอาจจะเจ็บจนปรางตายไปแล้ว
ยิ้ม….ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บ
หัวเราะ….ไม่ได้แปลว่ามีความสุข
นิ่ง….ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก
ทำท่าทางเหมือนไม่เป็นไร…..แต่ความจริงข้างในล่อแล่เต็มทน
….มีใครคนหนึ่งกล่าวเอาไว้….คนที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่คนที่สามารถกลั้นน้ำตาเวลาที่เสียใจ….แต่เป็นคนที่ยิ้มออกมาได้ทั้งที่ข้างในเจ็บเจียนตาย
ความคิดเห็น