ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่สอง ไม่เห็นทางออกก็กลับไปออกทางเข้าสิ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      1
      30 ส.ค. 56


     

     

    บทที่สอง

    ไม่เห็นทางออกก็กลับไปออกทางเข้าสิ

                    ข้านั่งถอนหายใจยาวเหยียดรอที่ที่หน้าประตูที่ติดต่อระหว่างโลกมนุษย์และแดนนรก การที่จะไปแดนปีศาจเราไม่มีทางที่จะไปถึงที่นั่นได้เลยทันทีนอกเสียจากจะต้องผ่านโลกมนุษย์และไปยังป่าแห่งการสาปสูญที่เป็นเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และปีศาจ ข้าไม่เข้าใจอย่างแรงทำไมถึงเอาดินแดนแสนอันตรายนั่นไปอยู่ใกล้ๆดินแดนที่แสนเปราะบางอย่างแดนมนุษย์

    “จำไว้นะท่านฟราน ท่านและอีกสามคนห้ามหลงกลเจ้าวิญญาณไร้ญาติที่อยู่ชายป่าเด็ดขาด”เบลเฟ่กำชับหนัก

                    ข้าแอบแปลกใจสัพนามการเรียกวิญญาณผู้พิทักษ์ป่าอย่างแสดงถึงความไม่เกรงใจของเบลเฟ่ แต่หมอนี่ก็ไม่เคยเกรงใจใครอยู่แล้วนี่นา

    “ไปกันเถอะท่านฟราน”

                    ซีโร่ที่สามารถไปลากตัวของเดม่อนมาได้แล้วเอ่ยบอกกับข้า ส่วนท่านพี่เฟรนด์เพียงปัดผมที่อยู่บนไหล่ให้พ้นๆ ข้าสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจแก่ตนเองให้ได้มากที่สุด ภาระกิจนี้ต่อให้ถวายด้วยชีวิตข้าก็ต้องพาอลาวกลับมาให้ได้

    “ข้าจะพานายขอพวกเจ้ากลับคืนมา ข้าสัญญา”ข้าเอ่ยแผ่วเบากับสายลมก่อนจะก้าวเท้าตามอีกสามคนไป

                    ประตูมิติส่งเราที่ชานเมืองที่ใกล้กับป่าแห่งการสาปสูญที่สุด โชคดีที่สถานที่ที่พวกเราทั้งสี่โพล่ออกมาเป็นตรอกแคบๆที่ไร้ผู้คนสนใจ แต่ถึงจะบอกว่าไม่มีคนสนใจแค่ไหนแต่แค่เพียงแค่พวกข้าเดินออกมาจากตรอกนั่นก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที ก็คนหล่อสี่คนอยู่รวมกันนี่นา โฮะๆๆ

    “ท่านฟราน ขอร้องเถอะขอรับช่วยทำอะไรสักอย่าง ข้าไม่ชอบ”ซีโร่ร้องขอโดยมีเดม่อนช่วยพยักหน้าสนับสนุนอีกแรง

                    ข้าส่งยิ้มก่อนจะก้มหน้าคิดหาที่สิงสถิต เอ่อหมายถึงที่พักสำหรับวันนี้ แน่นอนพวกเรายังคงไม่เดินทางตอนนี้แน่ๆเพราะนี่ยังเป็นกลางวันอยู่การที่มีหนุ่มหล่อหน้าตาดีสี่คน(เกี่ยว?)เดินทางตรงดิ่งไปยังป่าแห่งการสาปสูญมันย่อมตกเป็นที่สงสัยแน่ๆ ข้าคิดว่าจะค้างที่นี่กันสักหนึ่งคืนเพื่อที่ว่าจะได้ทำเนียนเป้นนักท่องเที่ยว แล้วพอเย็นของพรุ่งนี้เราจะเช็คเอ้าท์แล้วออกเดินทางกันตอนกลางคืน

    “คนสวย สนใจไปอยู่ที่ร้านข้าไหมที่ร้านข้ามีบริการที่พักฟรีเชียวนะ”

                    เสียงลุงโลลิค่อนดังแว่วเข้ามาในหูข้าทำให้สมองข้าหยุดการคิดหาที่พักทันทีก่อนจะเสรนัยน์ตาไปมองยังต้นเสียงที่จับข้อมือท่านพี่เฟรนด์ไว้แน่น ท่านพี่ข้าก็แค่มองนิ่งๆไม่ตอบโต้ ไม่หือ ไม่อือ อะไรของท่านเนี่ย!! ถ้าเป็นอลาวนะป่านนี้...คงโวยลั่นไปแล้ว

    “กรุณาอย่ามายุ่งกับพี่ชายของข้า”ข้าตรงเข้าไปคว้ามือลุงแก่ๆคนนั้น เขาหันมามองข้าอย่างงงๆสลับไปมาระหว่างข้าและท่านพี่ อ้าปากพะงาบๆราวกับจะถามว่า”ผู้ชายงั้นหรือ?”

    “ข้าเป็นผู้ชาย”

                    ในที่สุดท่านก็พูดเสียที! โอ้ขอบคุณบ้านข้า ท่านพูดแล้ว!! ข้านึกว่าจะต้องให้โดนลากไปที่ทำงานอะไรนั่นเสียก่อนท่านถึงจะยอมอ้าปากพูดเสียอีก! ลุงโลลิค่อนมองอย่างอึ้งๆอีกหนก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในฝูงชน เฮ้ๆท่านลุงท่านลืมเก็บเศษหน้าแน่ะ

    ท่านก็เป็นซะแบบนี้สิน่าให้ตายเหอะ”ข้าย่นอย่างปลงไม่ตรงกับนิสัยท่านพี่สุดที่รัก

    “เอาเถอะขอรับ ยังไงก็หาที่หลบภัยกันก่อนดีกว่าขอรับ ไม่งั้นเหตุการณืแบบเมื่อครู่คงเกิดอีกเป็นแน่”ซีโร่ว่าพร้อมสายตาหวาดละแวงเมื่อมองพวกมนุษย์ที่เริ่มมามุงดูกันอย่างสนอกสนใจ

                    ข้าพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำทั้งสามคนไปโดยไม่ลืมที่จะยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆพร้อมทั้งลากท่านพี่

    เฟรนด์ที่ยืนสวย(?)ให้เป็นอาหารพวกแก่ๆแถวนี้ โรงแรมที่พวกข้ามาพักเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มาก พวกข้าจองห้องเพียงห้องเดียวเท่านั้นเพราะไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องจองห้องหลายห้องให้ผาญเงินเล่นเพราะว่ายังไงเสียเราก็แค่ใช้ไว้สำหรับนอนเท่านั้น ถ้าเกิดเตียงมันเบียดกันมากเกินก็นอนพื้นเสียก็จบ และดูท่าว่าเจ้าของโรงแรมจะติดใจพวกเราเป็นพิเศษกับการที่หนุ่มหล่อสี่คน...พักอยู่ห้องเดียวกัน

     “วิญญาณที่ป่านั่นน่ากลัวมากหรือเปล่า?”

                    ข้าเอ่ยถามในร้านน้ำชาร้านหนึ่งที่ซีโร่แนะนำให้เราเข้ามานั่งเพราะขนมหวานที่นี่อร่อยมาก ดูท่าจะชำนาญจังนะซีโร่

    “ข้าไม่รู้รายละเอียดมากหรอกขอรับ ข้อมูลที่รู้คือเขาอยู่ที่ป่าแห่งนั้นมานานหลายร้อยปี ตามปกติแล้ววิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องหาตัวตายตัวแทนกันอยู่เป็นประจำ ก็เห็นจะมีแต่รุ่นนี้นี่แหละที่อยู่มาได้ตั้งนาน”

                    ข้ายกมือขึ้นลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด อยู่มานาน?ไม่ใช่ว่าหาตัวตายตัวแทนไม่ได้หรอกเหรอ แถมยังเรียกว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสียอีกดูท่าจะได้รับการนับถืออยู่ไม่นอน หรือจะเป้นเทพองค์ใดในสวรรค์ที่ท่านพ่อส่งลงมายังป่านี้เพื่อเฝ้าทางเข้าออกโลกปีศาจกัน

    “ข้ามีข้อมูล”ท่านพี่นั่งซึมซามกับชาชั้นดีได้ที่เอ่ยขึ้นมาทำให้พวกข้าหันไปมองกันอย่างพร้อมเพรียง

    “วิญญาณนั่น เป็นผู้มอบพลังให้แก่สิบพ่อบ้านของอลาว...ไม่ใช่เหรอ?”

                    ซีโร่กับเดม่อนหันมองหน้ากันก่อนจะรอง”เอ้อ!”นี่พวกเจ้าลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไงกันน่ะ หรือจะแก่แล้วเลยหลงๆลืมๆน่ะ

    “ท่านฟราน ข้ายังไม่แก่นะ”ซีโร่ขัดขึ้นหน้ามุ่ย ดันได้ยินเสียงข้าอีกให้ตายเถอะน่า

    “แล้วสิบพ่อบ้านของอลาวคืออะไร?”

                    ข้าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ข้าได้ยินอลาวพูดมาหลายรอบแล้วเพียงแต่ไม่ได้ถามให้ละเอียดเลยว่ามันคืออะไร

    “ก็คือหัวหน้าหน่วยอีกสิบคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ไงขอรับ สตาร์ แบล็ก เบลเฟ่ เดฟ คอรัส เจลาโต้ สมายด์ ชิลลี่ ซัมวันและจัสตินทั้งสิบคนเป็นพ่อบ้านขออลาว เป็นหน่วยงานลับๆที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อแดนนรกแต่ว่าขึ้นตรงต่อท่าน

    อลาวโดยตรง แม้จะมีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยบังหน้าแต่บางครั้งก็ทำงานลับตามคำสั่งของอลาว จะเรียกว่าสุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ก็ได้”เดม่อนว่าพลางรูปคาง

    “เจ้าน่ะอยากตายก่อนวัยอันควรหรือไงไปเรียกเจ้าพวกนั้นว่าแบบนั้น ถ้าเกิดท่านอลาวมาได้ยินได้ไม่เหลือซากแน่”

                    ซีโร่แขวะพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

    “แล้วพลังอะไรล่ะที่วิญญาณแห่งป่านั้นมอบให้?”ข้าถามต่อ ซีโร่กับเดม่อนหันมองหน้ากันอย่างอับจนปัญญาก่อนจะส่ายหัว

    “แม้แต่พวกเจ้าก็ไม่รู้?”ท่านพี่เฟรนด์ถามซ้ำอีกสองคนได้แต่ส่ายหัวแผล่วๆ

    “ข้าไม่เคยจะได้ถามรู้แต่พวกเขาทั้งสิบได้อำนาจมาก็เท่านั้น ท่านอลาวก็ไม่ได้เล่าอะไรมากนักในตอนที่พาทั้งสิบคนมาเป็นหัวหน้าหน่วย”ซีโร่ว่าก่อนจะยกชากุหลาบขึ้นจิบ

    “เฮ้อ! แบบนี้ก็เท่ากับว่าเราแทบจะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยนะเนี่ย”ข้าบ่นเบาๆพลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเรือนผมสีดำที่เด่นไม่สะดุดตาเท่า...ดวงตาสีแดงสดนั่น!

                    ข้าลุกพรึบจนทุกคนตกใจก่อนมองฝ่าไปท่ามกลางฝูงชนที่คับคลั่งแต่แค่เพียงพริบตาเดียวสิ่งที่มองหาก็หลุดออกไปจากสายตาราวกับไม่ได้มีตัวตนแต่แรก เหมือน...เหมือนมากเกินไปแล้ว

    “เป็นอะไรหรือขอรับ?”เดม่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจก่อนมองไปทางเดียวกับที่ข้ามองอยู่

    “ช่างมันเถอะ ข้าคงฝาด”ข้าทรุดตัวนั่งลงนิ่งๆ

                    ตอนนี้เจ้าจะเป็นยังไงมั่งนะ...อลาว ข้ารู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายจับใจไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง หลายๆคนไว้ใจว่าข้าเท่านั้นที่จะช่วยอลาวได้ แม้ข้าจะคิดแบบนั้นแต่อีกใจหนึ่งกลับไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าข้าจะช่วยเขาได้หรือเปล่า ข้าสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตนเองก่อนจะทำจิตใจให้หนักแน่น ในเมื่อสัญญาไปแล้วก็ต้องทำตามที่สัญญาให้สำเร็จ

                    เมื่อปรึกษากันจนพอใจพวกข้าก็จ่ายเงินและเดินออกมาจากร้านเพื่อที่จะไปเดินเที่ยวเล่นให้ผ่อนคลายก่อนรับศึกหนัก พวกข้าไม่รู้แต่น้อยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไปยังโลกปีศาจนั่น ไม่รู้เลยด้วยว่าจะเอาตัวอลาวคืนมายังไง ต้องสู้กับท่านลุงของอลาวด้วยหรือเปล่า แล้วถ้าสู้ด้วยจริงๆพวกข้าแค่สี่คนนี่จะไหวหรือเปล่า ยิ่งคิดยิ่งเครียดว้อย!!!!

                    ปึก!

                    นี่สินะเขาเรียกขาหาเรื่อง...ท่านพี่เฟรนด์เดินไปชนกับชายสูงโคตรๆแถมตัวใหญ่เว่อร์ที่เดินมากับพรรคพวกอีกสามคนที่เตรียมจะเดินเข้าร้านน้ำชา ข้าชะงัก ซีโร่ชะงัก เดม่อนชะงัก ท่านพี่เฟรนด์ชะงัก พวกนั้นเองก็ชะงักก่อนทุกคนจะพร้อมใจกัน....เงียบ

    “ไม่คิดจะขอโทษสักคำเลยงั้นหรือท่านชาย?”ชายคนที่ท่านพี่เดินชนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

    “.....”

                    ท่านพี่ข้าเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่านิ่งๆตามแบบฉบับท่านพี่เอง

    “ขอโทษ”

                    เป็นการขอโทษที่หน้าตายที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา ไอ้น้ำเสียงนิ่งเรียบนั่นมันเหมือนกวนอวัยวะเบื้องต่ำชัดๆ

    “นี่เจ้ากวนข้างั้นหรือ?”

    “......”

                    เขาว่ากันว่าการเงียบคือการเถียงที่กวนทีนส์ที่สุด ข้าว่าจริง ท่านพี่ข้ามองหน้าชายตัวสูงสี่คนอย่างไม่แสดงอารมณ์ ไม่หือและไม่อือ....

    “เจ้า!!!

    “เอ่อ พี่ชายใจเย็นก่อน ท่านพี่ข้ามีความผิดปกติด้านการทำงานของต่อมอารมณ์เล็กน้อยโปรดอย่าได้ใส่ใจ”ข้าปรี่เข้าไปห้ามด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของ...ตัวเอง ใช่ตัวข้าเอง หากท่านพี่ที่เป็นรัชทายาทเพียงคนเดียว(ที่ยอมเป็น)เกิดเป็นอะไรไปข้าได้โดนท่านพ่อปาดคอทิ้งแล้วเอาไปย่างบนเตาถ่านทำเป็นเสต็กเนื้อคนหล่อแน่ๆ

    “ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า!!!

    ข้าที่เสนอหน้าแบบที่ไม่มีใครต้องการเข้าไปห้ามโดนผลักทีเดียวตัวปลิว โชคดีที่ซีโร่กับเดม่อนเข้ามารับทัน อยากบอกจากใจว่าโคตรจุก!

    พลั่ก!

    “อย่าเอามือสกปรกมาแตะน้องข้า”

                    ในระหว่างที่ข้ากับลังซาบซึ้งกับความจุกแบบขีดสุดอยู่นั้น ท่านพี่ที่เห็นการโดนผลักตัวปลิวราวกับแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งของข้าก็ซัดหมัดเข้าที่ท้องชายคนที่ผลักข้าทันที ผลคือมันลงไปนอนกุมท้องนิ่งอยู่กับพื้น ท่านพี่ข้านะพูดน้อยต่อยหนักนะ ข้าขอยืนยัน(เพราข้าเจอมาแล้ว)

    “เจ้า!!!!

                    ไอ้โรครักเพื่อนนี่ขอทีเหอะน่า สองในสามคนที่เหลือพุ่งเข้ามาหมายจะซัดหมัดใส่ท่านพี่อย่างจังเบอร์

                    กึก!!

                    ร่างทั้งสองหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อซีโร่กับเดม่อนเข้าไปกันไว้ได้อย่างทันท่วงทีด้วยหลังมือเพียงมือเดียวเท่านั้นดวงตาสีฟ้าและสีแดงทอแสงเรืองวูบในนัยน์ตาก่อนทั้งคู่จะแสยะยิ้มเบาๆ

    “เดม่อนกับซีโร่เป็นการจับคู่ที่สยองที่สุดในบรรดาหกคู่ของสิบสองหน่วยเลย เป็นไปได้อย่าไปมีเรื่องกับมันทั้งคู่ อาจจะไม่ได้ตายด้วยสภาพศพที่สวยนัก”

     นี่คือคำบอกเล่าของอลาวที่ข้าไม่เคยคิดจะเชื่อสักครั้ง แต่ว่ามาตอนนี้ข้าเชื่อแบบสนิทใจโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆเลยล่ะ

    “หน้าที่ของเราคืออารักขาองค์ชายทั้งสองเจ้าจำได้ใช่ไหม เดม่อน?”ซีโร่ถามเสียงนุ่ม

    “ข้าไม่ได้แก่จะเลอะเลือนแบบเจ้าเสียหน่อย”

    “หึ งั้นก็ดี”

                    ว่าจบซีโร่ก็เตะอัดเข้ากับท้องแข็งๆของชายที่อยู่ตรงหน้า ทางด้านเดม่อนก็เตะเสยปลายคางชายคนที่ตนรับมืออยู่เช่นกันผลคือพวกมันทั้งคู่ลงไปกองกับพื้นภายในเท้าเดียว

    “เจ๋งมาก”ข้าว่าพลางปรบมือเปาะแปะแล้วฉวยเอาแอปเปิ้ลจากแผงมากัด ข้าชอบกินแอปเปิ้ล~

    “ย๊ากกกกกกกกกก”

                    ลืมไปว่าเหลืออีกตัว ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บุกมาเงียบๆจะแหกปากเพื่ออะไร ให้ข้ารู้ตัวงั้นหรือ? ประสาท....

    “วี๊ดว๊ายกระตู้วู้แอปเปิ้ลล่วง”อย่าเพิ่งทำหน้าช๊อกขอบอกว่าข้าพูดเสียงเรียบพร้อมทำหน้าตายสนิท

                    แอปเปิ้ลสีแดงสดที่กัดไปหนึ่งคำกลิ้งคลุกไปหาร่างที่วิ่งมาก่อนที่มันจะเหยียบแผด!แล้วล้มดังโครมให้ชาวบ้าที่มามุงฮาเล่น

    “กะ...แก!!

                    พลั่ก!!!

    “เลิกเล่นไดแล้วมันน่าเบื่อ”

                    หมัดขวาฮุกตรงเข้าที่ท้องอย่างจัง อยากบอกว่าเจ็บมือโว้ย! แต่ว่าต้องวางฟอร์มไว้ครับ ร่างนั้นทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นตามเพื่อนๆอีกสามคน ข้าเดินนำทั้งสี่กลับไปยังโรงแรมด้วยท่าทางการเดินที่เท่ห์เหลือหลายด้วยการเสยผมที่ปรกตาขึ้น

    “นึกว่าจะเป็นพวกคุณชายไร้ฝีมือ ที่ไหนได้เก่งใช่ย่อย”

    “กรี๊ดดดดด คนผมขาวนั่นหล่อมากน่ะ”

    “ต๊ายยยยย แต่ข้าว่าคนผมทองนั่นก็ดูดีนะถึงเขาจะทำให้ข้าหมดความมั่นใจก็เถอะ”

    “คนผมดำกับผมน้ำเงินก็เท่ห์ดีนะ”

                    เป็นอันว่าได้ใจสาวๆไปทั้งตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย หวังว่าพวกมันคงไม่อาฆาตรแล้วตามไปจนถึงโลกปีศาจนะ

     

                    ข้ายืนตากลมอยู่บนหลังคาโรงแรมท่ามกลางแสงจันทรา ดวงดาราและหมู่เมฆา บรรยากาศแบบนี้ทำให้ข้ายิ่งนึกถึงการขึ้นมาทำงนบนโลกมนุษย์ครั้งแรกของข้ากับอลาว แม้ตอนนั้นมันจะวุ่นวายด้วยเรื่องมากมายแต่ว่าข้ากลับรู้สึกที่ได้อยู่กับอลาว รอยยิ้มของอลาวเป็นสิ่งที่งดงามมากข้าในตอนนั้นถึงได้เอาอกเอาใจเขาเสียยกใหญ่

    “พร้อมหรือยังขอรับ?”ซีโร่เอ่ยถามข้าจากด้านหลัง ทุกคนมากันพร้อมตั้งนานแล้วเพียงแต่ไม่มีใครกล้าขัดอารมณ์สุนทรีที่ไม่เข้าสถานการณ์ของข้าสักคน

    “อืมไปสิ”ข้าตอบรับ

                    หากย้อนเวลาได้ข้าคงจะบอกว่า”เดี๋ยวนะ ข้าขอเตรียมยาดมก่อน” ใช่พวกเจ้าอ่านไม่ผิดหรอก ข้าอยากของเวลาเตรียมยาดมสักสี่ห้าหลอดไว้สำหรับบรรเทาอาการหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป้นลมของข้า เมื่อท่านพี่ที่น่ารักดันเกิดรีบร้อนอะไรไม่สามารถทราบได้...ใช้เวทย์เคลื่อนย้ายเร็วจี๊ดพาพวกข้าทั้งสี่คนมาหยุดอยู่ที่หน้าป่าแห่งการสาปสูญโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าสักคำ...

    “ท่านพี่...ท่านรีบหรอ?”ข้าหันไปถามอย่างจะงับหัวท่านให้รู้แล้วรู้รอดหากท่านพี่ที่น่ารักตอบว่า...

    “อืม”

                    ใช่ตอบว่าอืมนั่นแหละ....

    “ท่านฟรานใจเย็นๆขอรับ เราต้องพึ่งท่านเฟรนด์อยู่เหมือนกันนะขอรับ อย่ามาตีกันตรงนี้สิขอรับ!!

    “ปล่อยข้าซีโร่ ข้าจะฆาตกรรมอำพรางศพพี่แท้ๆของตัวเอง ปล่อยยยยยยยยยยย!

                    ข้าส่งเสียงโวยวายแบบที่ติดมาจากอลาวลั่นป่าโดนไม่ทันคาดคิดว่าจะไปปลุกตัวอะไรเข้า

    “ใครมา...เสียงดังอยู่หน้าป่าของข้า”

                    เสียงนุ่มหยุดข้าที่กำลังโวยวายลงอย่างฉับพลัน ทั้งสามคนที่เหลือขยับตัวมาบังข้ากันเสียเกือบมิด ไอ้ซึ้งก็ซึ้งนะเพียงแต่ข้าเองก็ผู้ชายนะ....

    “ท่านเป็นผู้ชายก็จริงแต่มีศักดิ์สูงกว่าข้ากับเดม่อนเพราะแบบนั้นข้าถึงต้องปกป้องท่าน”

    “เจ้าน้องข้า”

                    จ๊ะ...ลึกซึ้งมากจ๊ะ

                    ท่ามกลางความมืดมิดแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นอย่างไร้สุ่มเสียง ข้าและคนอื่นๆยกมือขึ้นบังสายตาอย่าช่วยไม่ได้ ความสว่างนั้นมันดูลึกลับแต่ก็ดูศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน เป็นแสงสว่างที่คล้ายกับแสงของทวยเทพมากจนข้าอดแปลกใจไม่ได้ ท่านพ่อไม่เคยบอกสักนิดว่ามีเทพมาจุตติอยู่ที่ป่าแห่งนี้ด้วย แม้แสงจะลดลงบ้างแต่ก็ยังคงสว่างอยู่ ข้าลดมือที่ยกป้องตาออกก่อนอ้าปากค้าง ร่างสง่างามยืนมองพวกข้าด้วยรอยยิ้มละไม เส้นผมสีทองยาวถึงกลางหลังดวงตาสีส้มมองพวกข้าอย่างไม่สื่ออารมณ์ อาภรณ์สีขาวทำให้พ่อคุณยิ่งสว่างขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ไม่ผิดหรอก....พ่อคุณจริงๆ สัญชาตญาณมันบอกข้า

    “ท่านคือ...วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งป่าผืนนี้?”

                    ร่างนั้นยิ้มๆบางก่อนจะเอ่ยตอบ”ใช่ ข้าชื่อเรย์ พวกท่านมีอะไรกับข้างั้นหรือ เหตุใดจึงมาส่งเสียงเอะอะที่หน้าป่าของข้า”

    “ข้าต้องการไปโลกปีศาจ”

                    ตรง...ตรงไปแล้วครับพี่ท่าน! ช่วยอ้อมค้อมบ้างก็ได้นะท่านพี่! เรย์เลิกคิ้วขึ้นเล้กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มละไมอีกหน

    “เห็นทีข้าคงให้ท่านผ่านไปไม่ได้หรอก องค์ชายเฟรนด์”

                    คน....พูดให้ถูกวิญญาณผมทองกำลังเล่นจ้องตากับเจ้าชายสวรรค์ผมทองอย่างไม่ลดละ มองเผินๆสองท่านนี้ช่างคล้ายกันดีเสียนี่ในเรื่องรูปลักษณ์น่ะ เดม่อนและซีโร่ที่ยืนเป็นตัวประกอบมานานแทรกกลางไประหว่างสองคน? ตัว? องค์? เอ่อนั้นแหละ เพื่อห้ามปราม

    “ท่านเรย์โปรดอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจตอนนี้ที่เราต้องไปยังโลกปีศาจย่อมมีเหตุผล”เดม่อนว่า

    “เหตุผล? เหตุผลอะไร?”

                    เดม่อนถอนหายใจก่อนถามกลับ”ท่านจำองค์หญิงอลาวดี้แห่งแดนนรกได้หรือไม่?”

                    เรย์ทำหน้านึกกอ่นจะร้องอ๋อออกมาดังๆ

    “เจ้าตัวแสบนั่นที่เอาพรทั้งสิบไปให้เจ้าพวกสิบเสี้ยววิญญาณแห่งซานอร์ทสินะ”

    “สิบเสี้ยววิญญาณแห่งซานอร์ท”พวกข้าทั้งสี่ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

    “จะช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้หรือไม่?”ซีโร่เอ่ยอย่าสุภาพ เรย์เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพึมพัม”นี่ไม่รู้เรื่องจริงๆหรือนี่?”

    “เอาล่ะข้าจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า.....”

     **********************************TBC.******************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×