ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่สี่ เดินทางมาด้วยกัน....ทำไมวะ!!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 269
      1
      30 ส.ค. 56


     

    บทที่สี่

    เดินทางมาด้วยกัน....ทำไมวะ!!!

                เปลือกตาบางเปิดขึ้นรับแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องนอนกว้างขว้าง ร่างบางตามแบบที่ถูกเลี้ยงมาแบบผู้หญิงขยับตัวหลบแสงนั้นเล็กน้อยก่อนจะกลิ้งตัวบนเตียงคิงไซส์เล็กน้อย แขนเรียวยืดออกเพื่อบิดขี้เกียจก่อนทันรู้สึกตัวว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตนเอง ร่างบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะเสยผมสีดำสนิทที่ยาวลงมาปรกหน้าขึ้นไปก่อนสายตาจะไปสะดุดที่ปลายเตียง

    “เฮ้ย เจ้าเป็นใครเนี่ย?”เสียงทุ้มแห่บพล่าเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอน

                    ร่างปลายเตียงคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะค้อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วขยับแว่นที่หนาเท่าก้นขวดนมขึ้นไปบนสันจมูกเล็กน้อย เส้นผมสีน้ำตาลทองดูทอประกายต้องแสงแดด รูปร่างไม่สูงห่างไปจากคนบนเตียงมานัก

    “ข้าชื่อเนโรนัวร์ ลูซิเฟอร์ เมลลาเวียร์ เป็น.....”

    “เจ้าชายปีศาจสินะ”อลาวพูดแทรกเสียงเรียบ

    “อ...อืม”ร่างนั้นพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

                    อลาวส่ายหัวเบาๆ กับรอยยิ้มนั่นทำไมจะไม่รู้ว่าเก็บงำความรู้สึกแบบไหนไว้

    “ห้องน้ำอยู่ไหน ข้าจะอาบน้ำเหนียวตัว”อลาวบอกปัดพลางยืนขึ้นก่อนจะทรุดฮวบลง

    “ท่านอลาว!!”เมลลาเวียร์วิ่งเข้าไปหาแขกของเขาแทบไม่ทัน อลาวกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง แต่น่าเสียดายที่เตี้ยกว่าเมลลาเวียร์อยู่ดี

    “เจ้าก็ใจดีนี่ ไม่สมกับเป็นลูกตาแก่นั่นเลยนะ เมล”อลาวว่าพลางยิ้มร่าแต่เมลลาเวียร์กลับหน้าแดงแป๊ดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “ฮ่าๆๆ เอาเถอะๆข้าไม่แกล้งแล้วแต่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”อลาวเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านขวามือ

    อ้าวไหนเมื่อกี๊ยังถามหาห้องน้ำอยู่เลย

                    เมลลาเวียร์เป็นงงตึบกับการกระทำของเจ้าชายยมทูต พอสมองเริ่มกลับมาประมวลผลเหมือนเดิมเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองก็เดินตามอลาวไปทันที

    “เฮ้ๆ เดี๋ยวสิ นี่เจ้าจะตามมาเฝ้าข้าถึงในห้องน้ำเลยหรือไงกัน? ไม่ต้องน่าข้าไม่หนีไปไหนหรอก”อลาวดักขึ้นอย่างรู้ทัน

    “ไม่หนี? ทำไมล่ะหรือทำไม่ได้?”

                    อลาวถอนหายใจยาวพรืดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

    “หากข้าจะทำมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ข้าไม่ทำเพราะเดี๋ยวก็ต้องมาคนมาช่วยข้าแน่นอน ถึงมันจะดูพึ่งพาไม่ได้แต่ความจริงมันก็เป็นเพื่อนที่ข้ารักที่สุดและเชื่อใจที่สุดเลยล่ะ”

                    ร่างนั้นยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่จนฝากความหวังเอาไว้ก่อนจะเปลี่ยนมาหัวเราะคิกคิกในลำคอเมื่อนึกขำที่ตนเองไว้ใจอีกฝ่ายซะขนาดนั้น

    “ทำไมถึงไว้ใจคนคนนั้นขนาดนั้นล่ะ?”

                    อลาวยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจอะไรก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แยกอารมรณ์ไม่ออก

    “ก็เพื่อนกันนี่นะ”

     

                    ข้าจ้องร่างที่ยืนยิ้มสว่างอย่างไม่วางตา ไม่เข้าใจทำไมหมอนี่ต้องมากับพวกข้าด้วยญาติก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่ใช่ทำไมต้องตามมาเป็นวิญญาณอาฆาตตามติดด้วย ดูสิตัวเองสว่างโล่จนพวกข้าแทบไม่ต้องจุดฝืนกันแล้วแต่มาเห็นตอนกลางคืนมันหลอนนะเนี่ย ถึงข้าจะเป็นเทพแห่งความตายแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับวิญญาณ

    ลาวนะเออ

    “ท่านมีอะไรกับข้าหรือเปล่า ท่านฟราน?”

                    สงสัยการจ้องของข้าจะมากจนเกินไป

    “ก็เปล่า ข้าแค่สงสับวยาเจ้าจะตามข้ามาทำไมกัน งานการมีไม่ทำหรือไง?”สงสัยข้าจะอยู่กับอลาวมากไปปากเริ่มจะเหมือนอีกฝ่ายแล้วสินี่...

    “ข้าว่าท่านก็ปากหมาหาเรื่องเข้าตัวอยู่แต่แรกแล้วไม่ใช่รึ?”เรย์ว่กลับพลางหัวเราะ

                    ....ข้าอยากฆ่าวิญญาณ เอาข้าวสารเสก หวายอาคมหรืออะไรก็ได้มาที ข้าต้องการมันอย่างแรง...

    “เสียใจนะท่านฟรานที่ของพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

                    หมั่นไส้วุ้ย!!

    “ท่านฟรานที่นี้ท่านเข้าใจความรู้สึกท่านอลาวเวลาโดนท่านกวนใส่หรือยังล่ะขอรับ”ซีโร่ถามอย่างปลงๆ

    “ชิส์”

                    ข้าเอนหลังพิงต้นไม้ในป่าใหญ่ แน่นอนตอนนี้พวกข้าอยู่กันที่ป่าแห่งการสาปสูญของเจ้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เรย์ มันบอกว่าการที่จะไปยังโลกปีศาจได้ก็ต้องผ่านป่าแห่งนี้เท่านั้นไม่มีวิธีลัดใดๆ แต่การที่มันมาด้วยก็ไม่ต้องห่วงว่าตัวอะไรจะเข้ามาใกล้เพราะพวกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่านี้จะออกห่างจากวิญญาณสักดิ์สิทธิ์สิบเมตรเป็นอย่างต่ำ

    “แล้วนี่คิดกันไว้บ้างหรือยังว่าจะเข้าไปช่วยเจ้าหนูยังไง?”

                    เรย์ถามขึ้นหลังจากความเงียบเข้าปกคลุมพวกเรามาได้สักพัก ข้าหันไปมองหน้าคนถามก่อนจะหันกลับมามองผู้ร่วมขบวนการทุกคนแต่ทุกคนกลับ...มองหน้าข้ากลับมา ข้าถอนหายใจยาวพรืดก่อนจะเป็นคนหันไปให้คำตอบด้วยตัวเอง

    “ความจริงก็ไม่ได้มีแผนอะไรเท่าไหร่ ก่อนอื่นก็เข้าเมืองให้ได้ หาทางลอบเข้าไปเอาตัวอลาวออกมาแล้วก็ถ้าเกิดฉะกันกับพวกปีศาจจริงๆก็ต้องสู้บ้างอะไรบ้าง”ข้าบอกแผนที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆออกไป มันเป็นแผนที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความบ้าระห่ำแบบที่ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจแต่นั่นก็ไม่ใช่กับเรย์....

    “นับเป็นแผนที่ดี”

    ดียีงไงฟระ!!’

                    ข้าได้ยินเสียงทุกคนตะโกนในใจขนาดพลังอ่านใจข้ายังไม่แข็งยังได้ยินเลยนะเนี่ย

    “ความจริงแล้วพวกปีศาจที่แข็งแกร่งจริงๆน่ะหาได้ยากยิ่ง ส่วนมากก็แค่เจ้าเล่ห์แล้วอาศัยหมาหมู่แค่นั้น ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอก”เรย์อธิบายตามความรู้ที่ตนเองมี

    “หมาหมู่มากก็หมาหมู่ไปไม่มีอะไรต้องกลัว”

     

                    ท่ามกลางความมืดมิดร่างสูงเดินไปด้านหน้าอย่างเชืองช้า นัยน์ตาสีม่วงเข้มมองสอดส่ายหารอบกายมองหาบุคคลอันเป็นที่รัก มองหาสิ่งที่หายไป

                    มองหา...สิ่งสำคัญที่หายไป

                    นัยน์ตาสีม่วงเบิกโพลงเมื่อเห็นร่างที่อยู่ไกลออกไป เส้นผมสีดำสนิทพริ้วไหวตามกระแสลม ดวงตาสีแดงไม่สื่อถึงอารมณ์อะไรแต่ริบฝีปากสวยกระตุกยิ้มออกมา

    “อลาว!”ฟรานวิ่งสุดแรงเข้าไปหาร่างที่เห็น แต่เมื่อยิ่งวิ่งเท่าไหร่ยิ่งไกลออกไปเท่านั้น

                    ความรู้สึกถึงการมีตัวตนยังคงอยู่รอบตัว กลิ่นไอของคนตรงหน้ายังคงรับรู้ได้เสมอแม้จะไม่สามารถแตะต้องได้ก็ตาม มือเรียวยื่นออกไปด้านหน้าอย่างหมดแรง

    “กลับมาได้ไหม?”

                    ประโยคคำถามนั้นทำเอาร่างสีดำเปลี่ยนสีหน้าไปก่อนจะกลับมายิ้มบางอีกหนพร้อมส่ายหัว

    “ทำไมล่ะอลาว ทำไมเจ้าถึงกลับมาไม่ได้?”ฟรานถามเสียงดังจนเหมือนจะตะคอก

    “มันไม่มีที่ให้ข้ายืน”เสียงนุ้มตอบกลับมา

    “อย่าเศร้าไปเลยสหายเอ๋ย...เราทั้งสองต่างเป็นเพื่อนที่ยิ่งกว่าเพื่อนความสัมพันธ์ของเราจะไม่จางหายต่อให้ไม่ได้พบกันก็ตาม”

                    ฟรานหลุบตาลงต่ำ แม้นั่นคือความจริงแต่เขาก็ขอคัดข้าน เขาอยากจะเจออีกฝ่ายทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา คอยตามกวนอีกฝ่ายให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเล่น และคอยปลอบ....เวลาที่อีกฝ่าสับสน เขาอยากจะเป็นคนยืนอยู่ข้างๆอีกฝ่าย

    “เจ้าอย่ามาเอาแต่ใจมากไปได้ไหม? ทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย ข้าต้องการอยู่กับเจ้าอลาว”

                    ดวงตาสีม่วงทอดลึกลงไปยังดวงตาสีแดงที่อยู่ไกลออกไปก่อนที่ร่างสีขาวจะก้าวเข้าไปหาร่างสีดำอย่างเงียบงัน

    “อย่าเข้ามา!

                    หมับ!

                    กว่าจะรู้ตัวฟรานก็ดึงอีกฝ่ายไปกอดอย่างแผ่วเบา แต่ทำไม...ทั้งที่กอดอยู่แท้ๆแต่กลิ่นไอทั้งหหลายกลับไม่หลงเหลืออยู่เลย

    “มันไม่มีที่ให้ปีศาจอย่างข้าอยู่หรอก ฟรานเอ๋ย...”น้ำเสียงเย็นเฉียบกล่าวออกมาก่อนร่างในอ้อมแขนจะฝังเขี้ยวลงมี่ต้นคออีกฝ่าย

    “อึก!!!

     

    “เฮือก!!!

                    ข้าสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางสายตางุนงงของเดม่อนและซีโร่ที่นั่งเฝ้ายามอยู่

    “มีอะไรหรือเปล่าท่านฟราน?”เดม่อนถามอย่างเป็นห่วง

    “ฝันร้ายงั้นหรือขอรับ”ซีโร่เอียงคอหน่อยๆ

    “อ่ะ...เอ่อใช่ คงไม่ชินที่มั้ง”ข้าตอบกลับส่งๆพลางยกมือลูบต้นคออย่างใจลอย ฝันนี่มันเหมือนจริงจนน่ากลัว ข้าไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้ายแต่กล้วว่าอลาวจะกลายเป็นปีศาจจริงๆ ถึงแม้จะเป็นฝันแต่ข้าก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดผ่านน้ำเสียงนั่น

    “ท่านฟรานไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าขอรับ?”ซีโร่ถามขึ้นในที่สุด อ่อ เขาไม่รู้หรอกว่าข้าคิดอะไรเพราะข้าปิดกั้นใจไปแล้วเพียงแต่ความกังวลของข้ามันบอกผ่านทางสีหน้าเท่านั้นเอง

    “นี่ซีโร่ อลาวน่ะมีเลือดแวมไพร์อยู่สามในสิบหกใช่ไหม?”

                    ซีโร่เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ

    “ขอรับเลือดแวมไพร์สาม ซาตานสอง มนุษย์หนึ่ง นางฟ้าสองส่วนที่เหลือเป็นเลือดของชาวนรก มีอะไรอย่างนั้นหรือขอรับ”?

                    ขี้สงสัยจริงเชียวหมอนี่

    “เอ่อ...แล้วถ้าเกิดเลือดแวมไพร์กับซาตานมันกินส่วนของมนุษย์กับนางฟ้าไปแล้ว อลาวจะมีสัญชาติญาณแบบแวมไพร์หรือเปล่า?”

    “ก็ต้องมีสิขอรับ”เดม่อนแทรกขึ้นก่อนจะอธิบายขยายความ”ถึงแม้ว่าเลือดของซาตานจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าแต่เลือดของแวมไพร์ก็มีความยิ่งทะนงและดื้อด้านเพราะงั้นคงไม่ยอมให้เลือดซานตานกลืนกินตนเสียทั้งหมดทำให้อาจจะมีสัญชาติญาณความเป็นผีดูดเลือดอยู่น่ะขอรับ”

    “แล้วถ้าเกิด...เอ่อ...อลาวเขาโดนเลือดแวมไพร์ควบคุมเขาจะยังมีสติอยู่บ้างไหม?”

                    คราวนี้เป็นเดม่อนที่เลิกคิ้วสูงขึ้นแต่ก็ยอมอธิบายแต่โดยดี

    “ตามปกติแล้วก็น่ะใช่ ท่านอลาวไม่เคยถูกฝึกในฐานะแวมไพร์เพราะงั้นอาจจะควบคุมตนเองไม่ได้ อย่างตอนที่เกิดสงครามที่ท่านอลาวอาละวาดข้าเองยังได้กลิ่นของแวมไพร์ที่ลอยปะปนในบรรยากาศรอบตัวของเขา ในตอนนั้นเลือดแวมไพร์มันยังน้อยนิดก็เลยยังพอรู้สึกตัวว่าฆ่าใครได้และฆ่าใครไม่ได้แต่ถ้าเกิดเลือดแวมไพร์เป็นสักหนึ่งในสี่หรือสองในสี่ท่านอลาวก็คงไม่รู้สึกตัวและอาจ.....”

    “ฆ่าใครก็ได้ถึงคนคนนั้นจะเป็นพวกเราก็ตาม”ข้าพูดขึ้นสรุปกอ่นจะก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง

    “กลัวอลาวเจ็บปวดสินะ?”น้ำเสียงนุ้มที่เฉยชาแต่แสนอบอุ่นกล่าวขึ้นข้างตัว

    “ท่านพี่...”ข้าเรียกเสียงอ่อย

    “กลัวอลาวจะต้องเจ็บปวดหากรู้สึกตัวแล้วเห็นพวกเราบาดเจ็บจากฝีมือเขาสินะฟราน”

                    วินาทีนั้นข้าไม่ได้ใส่ใจว่าท่านพี่ข้าจะพูดยาวกว่าปกติแค่ไหนข้าเพียงพยักหน้ารับ

    “ข้าจะไม่พูดว่าข้าเข้าใจความรู้สึกของอลาว เพียงแต่...ข้าไม่ต้องการเห็นแววตาเจ็บปวดนั่นอีก ในตอนที่อลาวโดนหลอกด้วยภาพลวงตาแล้วทำร้ายข้าเข้าข้าเพิ่งมารู้ที่หลังว่าอลาวกรีดร้องจนแทบคลั่ง ถ้าเกิดเขาเป็นแบบนั้นอีกคงทรมานเกินไป ข้าไม่อยากเห็นเขา....”

                    ข้าหยุดฉะงักเมื่อฝ่ามืออบอุ่นวางลงบนไหล่ของข้า

    “จงเชื่อใจในคนที่อลาวเชื่อใจ”

                    เหมือนจะงงๆแต่ที่ท่านพี่บอกนั่นหมายถึง”จงเชื่อใจตนเอง แม้แต่อลาวยังเชื่อใจเจ้าแล้วมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะไม่เชื่อใจตนเอง”ประมาณนี้

    “อ้าวๆๆอย่ามาเครียดกันซะสิ เจ้าหนูมาเห็นจะไม่สบายใจเอานะ”เสียงวิญญาณกวนประสาทดังขึ้นกลางวง

    “อะไรของเจ้า?”

    “หึหึหึ ฟรานเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ”

    “หา?”

                    ข้าร้องหน้าเหวอไม่เข้าใจที่เรย์พูดสักนิด หมอนั่นพูดอะไรน่ะ?

    “เจ้าหนูน่ะมีแต่ชอบให้คนอื่นฝากชีวิตไว้กับตนไม่ชอบฝากชีวิตไว้กับใคร เจ้าเก่งนะที่ทำให้คนอย่างเจ้าหนูฝากชีวิตไว้ได้”รอยยิ้มละมุนประดับบนใบหน้านั้น

    “เอาล่ะๆไหนๆก็ตื่นกันแล้วเดินทางต่อกันดีกว่านี่ก็ใกล้เช้าแล้ว รีบเดินจะได้รีบถึง”เรย์เปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินนำไปด้านหน้า

                    พวกข้าได้เพียงถอนหายใจยาวกับวิญญาณที่ทำตนเป็นผู้นำกลุ่มก่อนจะเดินตามไปเพราะยังไงป่านี่มันก็คือบ้านของมันคงไม่มีใครรู้ทางไปได้ดีกว่ามันแต่ดูเหมือนข้าจะคิดผิด...

     

    “ตอนนี้เราอยู่ไหน”

    “ไม่รู้”

    “เราต้องเดินไปทางไหน”

    “ไม่รู้”

    “พ่อเจ้าตายหรือยัง”

    “ไม่....ท่านฟราน...”

                    มันกดเสียงต่ำหลังจากข้ากวนประสาทมันไปเล็กน้อย

    “จะมาท่านฟราน....อะไรมิทราบขอรับ ถามอะไรก็ไม่รู้ๆสรุปหลงทางใช่ไหม?”

    “.....จ๊ะ.....”

    “ท่านฟรานใจเย็นขอรับใจเย็น”

    “ปล่อยข้าเดม่อน ข้าจะฆ่าผีทิ้งจะจับใส่หมอถ่วงน้ำเลย!!

                    ข้าว่าข้าอยู่กับอลาวมากเกินไปไม่ก็...อาละวาดแทนอลาวล่ะมั้ง

    “ป่านี่มันหันหน้าไปทางทิศเหนือ พระอาทิต์เคลื่อนไปทางขวามือของเราเพราะงั้นทิศด้านขวามือคือทิศตะวันตก ด้านหลังก็คือทิศเหนือเราก็ต้องเดินตรงไปเพื่อจะไปยังทางออกที่เป็นทิศใต้ ป่านี้มันเป็นรูปกังหันส่วนป่าปีศาจที่มีเขตแดนติดต่อกับป่านี้ก็รูปกังหันเหมือนกันเพราะงั้นเดินตรงไปเดี๋ยวก็ถึงขอรับ”ซีโร่เอ่ยขึ้นในที่สุดข้าถึงได้ยอมหยุด

    “ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย”ข้าบ่นอุบอิบก่อนจะเดินตามซีโร่ไป

                    ซีโร่พึ่งได้แน่นอน....ซะเมื่อไหร่

    “ขอโทษขอรับท่านฟราน”ซีโร่ว่าเสียงสำนึกผิด

                    เปล่าๆซีโร่ไม่ได้นำทางผิดเพียงแต่จู่ๆก็มีแมงมุมตกลงมาด้วยความตกใจซีโร่เลยวิ่งเตลิดพวกเราก็วิ่งตามไปเพราะกลัวจะหลงกัน...แล้วพวกเราก็มาหยุดอยู่ในเขตที่ต้นไม้สูงลิบและมองไม่เห็นดวงอาทิตย์เลยทำให้บอกทิศทางไม่ได้เหมือนเคย

    “จะเอาไง?”

                    ท่านพี่เฟรนด์นั่งลงพักกับต้นไม้ต้นหนึ่ง มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อยที่ไหลลงมาบนใบหน้าหวาน สงสารท่านพี่โว้ยยยยยยย

    “ท่านไม่เป็นไรนะ?”ข้าใช้มือพัดๆเพื่อคลายร้อนให้พี่ชายสุดที่รัก

    “แล้วจะเอาไงล่ะ? ข้าบอกได้แค่ว่าตอนนี้พวกเราหลุดออกมาจากเขตของข้าแล้วนะ”

    “หา?!!!

                    เรย์ยิ้มแป้นก่อนพยักหน้ารับ”การที่แมลงมุมนั่นเข้ามาอยู่ใกล้ข้าได้แปลว่าที่นี่ไม่ใช่เขตของข้าที่ข้าจะมีอำนาจขับไล่สิ่งต่างๆได้”

    “แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่าขอรับ”เดม่อนกัดฟันพูด

    “ที่นี่น่ะอันตราย....”

                    สวบ!

                    ยังไม่ทันที่เดม่อนจะพูดจบ เสียงสวบสาบก็ดังขึ้น พวกเราทุกคนหันควับไปทางเสียงพพร้อมตั้งท่าเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะออกมา

                    สวบ!

                    สวบ!

                สวบๆๆๆ

    “เอิ่ม........”

                    เราทุกคนมองต้นเสียงที่เดินออกมาจากพุ่มไม้อย่างนิ่งงัน...หนูนาตัวเล็กเท่าฝ่ามือวิ่งดุ๊กๆออกมาจากพุ่มไม้นั้น ทำไมเสียงมันถึงได้ดูใหญ่โตแท้น่อ ข้าส่ายหัวอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปใช้มือชอนตัวเจ้าหนูนั่นมา

    “แค่หนูเอง”ข้าหันไปหาเหล่าสมาชิกที่ยืนทำหน้าเซ็งจิตอยู่

                    ฉึก!

    “ท่านฟราน!!!

                    เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับการกระโดดหลบของข้า บริเวณที่ยืนอยู่เป็นหลุมกว้างจนน่าตกใจ ข้าพุ่งมายืนด้านหน้าของทุกคนพลางจ้องไปด้านหน้าอย่างไม่วางตา ร่างๆหนึ่งปรากฎขึ้นแก่ส่ายตาทุกคู่ ร่างใหญ่สูงเกือบสามเมตรมีเขาสีเทาเหมือนกวางตัวผู้ตัวมีลักษณะคล้ายกระทิงสีน้ำตาลเข้มและมีหางสีแดงสดที่ปลายห่างมีหอกแหลมๆติดอยู่ ตัวอะไรวะเนี่ย!!!

    “ไม่เป็นไร?”

    “ขอรับ”ข้าตอบคำถามที่ไม่ค่อยเหมือนคำถามเท่าไหร่ของท่านพี่ก่อนคนถามจะหายไปจากด้านหลังของข้าอย่างฉับพลัน

                    ดวงตาสีม่วงจ้องไปยังร่าขงองปีศาจไม่ระบุประเภทอย่างเฉยชา เส้นผมสีทองพริ้วไสวสวยงาม...และเหมือนกับไหมพรมที่กำลังหยอกล้อกับแมวน้อยอยู่ ปีศาจนั่นใช่เท้าหน้าคว้าตะปบท่านพี่ที่กลางปีกบินอยู่กลางอากาศ ยิ่งมันพยายามเท่าไหร่ร่างนั้นก็ยิ่งออกห่างไปมากเท่านั้น...ห่างออกไปไกลแสนไกลจนไม่อาจแตะต้องได้เพียปลายเส้นผม ข้าสะบัดหัวพรึบเพื่อสียงสติตัวเองกลับคืนมา ท่านพี่ยังคงบินวนเพื่อยั่วโมโหมัน ใครจะคิดนิ่งๆอย่างท่านพี่จะกวนประสาทเก่งเป็นบ้า!!

    “ก๊าซซซซซซซซซซซ”

                    มันคำรามลั่นป่า....หรือคำรามเรียกพวกหว่า? ข้ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นเสทือนของพื้นดิน ให้เดานะสิ่งที่กำลังมาต้องม่ำกว่าห้าแน่ๆแล้วก็เป็นดังคราด ปีศาจตัวเหมือนกันโพล่ออกมาอีกเป็นสิบตัว มากกันทำไมเนี่ย..

    “ช่วยๆกันหน่อย อย่ามัวแต่นิ่งนะเรย์”ข้าหันไปสั่งก่อนจะเรียกสามง่ามของตนเองออกมาเพื่อช่วยคนอื่นๆสู้อีกแรง ปีศาจไม่ทราบพันธุ์เท้าหน้าขึ้นสูงพลางตบลงมายังตำแหน่งที่ข้ายืนอยู่ ข้ากระโดดตัวลอยก่อนจะปักสามง่ามลงที่กลางหัวเจ้าปีศาจนั่นมันร้องคำรามก้องป่าหวังว่าคงไม่มีมาเพิ่มอีกนะ เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาทันทีที่ข้าชักสามง่ามออก

    “เฮ้ย!”ข้าร้องเสียงหลงมือปีศาจอีกตนเตรียมพุ่งเข้าใส่

                    แต่จู่ๆมันก็หยุดกึก...ข้ามองเลยไปด้านหลังยังเจ้าของดวงตาสีม่วงเหมือนข้า มือทั้งสองกลางออกด้านหน้าใบหน้าเรียบเฉยแฝงความเลือดเย็นเอาไว้ภายใน ดวงตาสีม่วงหรี่ลง

    “อย่าไปทางนั้น”น้ำเสียงเรียบเน้นย้ำทุกคำก่อนเจ้าของเสียงจะกระตุกมือกลับเป็นเหตุให้ร่างทั้งร่างของปีศาจไม่ทราบประเภทลอยลิ่วไปด้านหลังก่อนท่านพี่จะกระตุกมืออีกที แสงแดดที่พอส่องเข้ามองสะท้อนกับเส้นเอนที่ใช้ควบคุมร่างของปีศาจเมื่อครู่ เส้นเอนสังหาร...เพชรฆาตที่พูดได้เต็มปากว่าไร้ตัวตน

                    ข้าละสายตาจากท่านพี่มองไปทางซีโร่ที่บัดนี้กำลัง...สะบัดมือเพื่อปัดทรายออกจากฝ่ามือ ทรายที่ไหนน่ะหรือ?ก็จากซากปีศาจน่ะสิ ซีโร่มีอำนาจพิเศษเพียงตั้งใจทำลายแค่แตะที่ร่างนั้น ร่างทั้งร่างก็จะพลันสลายไปเป็นเพียงทรายที่ไร้ค่า ดวงตาสีท้องฟ้าสะท้อนอออกมาถึงความโหดของอดีตเทพแห่งความตายที่ข้าในตอนนี้มีได้ไม่ถึงครึ่งนึง ปีศาจตนหนึ่งบุกเข้ามาเพื่อหวังจะลองดีกับซีโร่อีกครั้ง เจ้าของร่างหมุนตัวด้วยความเร็วสูงจนเส้นผมสีดำสนิทพริ้วสะไหวก่อนจะใช้เท้าเตะแนวขว้างจากด้านซ้ายไปด้านขวา ร่างของปีศาจเหมือนจะสลายตัวเป็นทรายเพื่อหลบการโจมตีหากแต่ความจริงคือทันทีที่ซีโรเตะโดนร่างนั้นก็พลันสลายต่างหาก

    “อย่าเอาแต่เหม่อสิ”เสียงเรย์ดังขึ้นด้านหลัง

                    ข้าหันควับตามเสียง ร่างทอแสงยืนอยู่บนไหล่ของปีศาจไม่ทราบประเภทนั่นและที่สำคัญบนลำคอของมันมีเถาวัลถึงสองเส้นรัดรอบลำคอของมันอยู่ เรย์หัวเราะคิกคักเมื่อเห้นสีหน้าอึ้งๆของข้า

                    ฉึก!

                    ข้าเสียบสามง่ามรอดหว่างแขนตัวเองไปเสียบเข้ากับกลางลำตัวของปีศาจที่พุ่งเข้ามาก่อนจะปล่อยพลังอัดเข้าใส่ มันร้องก้องป่าไปอีกตน ข้าหันกลับไปมองก่อนดึงสามง่ามออกมาแล้วสะบัดเล็กน้อยเพื่อให้เลือดที่ติดอยู่กระเด็นออกไปบ้าง

    “โห้ๆ ทำไมเจ้าชายสวรรค์ถึงได้โหดกันขนาดนี้เนี่ย”

    “พูดมาก”ข้าหันไปต่อว่าแต่พอหันกลับมาก็ต้องเบิกตากว้าง....ปีศาจกว่ายี่สิบตัวที่มาตามกลิ่นเลือดและเสียงร้องยืนจ้องหน้าพวกเราทั้งหมดอยู่

    “โอ๊ะโอ่ หมดเวลาสนุกแล้วสิ”

                    พวกมันทั้งหลายต่างพุ่งเข้ามาอย่างสุดตัวพวกข้าล้วนแต่เตรียมตัวจะรับมือกับเหล่าปีศาจทั้งหลาย แต่แล้วมันกลับหยุดนิ่งราวกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง พวกมันถอยเท้ากันไปตัวละก้าวสองก้าวกอ่นจะโค้งคำนับลงราวกับเห็นนายเหนือหัว พวกข้าจึงหันกลับไปมองด้านหลัง....ณ ที่ตรงนั้น....บนต้นไม้นั่นมีร่างของเดม่อนที่ยืนกอดอกมองปีศาจเหล่านั้นด้วยหางตา น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยแล้วปีศาจพวกนั้นกลัวอะไรกัน ร่างที่หลบฉากหายไปนานกระโดดลงมายืนล้ำหน้าข้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยแบบที่สาบานเลยว่าไม่เคยเจอมาก่อน

    “กลับไปซะแล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”น้ำเสียงเรียบสนิทนั่นฟังดูราวกับการคำรามของสัตว์ร้าย

                    ปีศาจทุกตัวถอยล่าออกไปอย่างเกรงกลัว ไม่มีแม้สักตัวที่เหลียวหลังกลับมามองทั้งๆที่ร่างของเพื่อนพวกมันก็นอนสลบไสลหรือไม่ก็หมดลมหายใจอยู่ใกล้พวกข้า

    “วิ้ว~ไม่ยักรู้ว่าเจ้าหนูมีลูกน้องที่เก่งขนาดนี้ด้วย”เรย์เอ่ยแทรกบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงสัย

    “แล้วจะเอาไงดีขอรับกับการออกไปจากที่นี่?”

                     ไม่เพียงไม่สนใจเดม่อนกลับเปลี่ยนเรื่องไปจนน่าสงสัย แต่ข้าที่กำลังจะเอ่ยถามรู้สึกได้ถึงความเย็นหวาบที่หน้าอกตรงบริเวณที่แหวนของอลาวอยู่

    “แถวนี้อากาศดีนะ”

    “ขอรับ”

    “เห้!มีธารน้ำด้วย”

    “ขอรับ”

    “ท่านฟราขอรับ เป็นอะไรไปขอรับท่านฟราน?”ซีโร่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อข้านิ่งงัน

                    ข้ายืนนิ่งก่อนตัดสินใจวิ่งนำทุกคนไปตามต้นเสียง ไม่ผิดแน่เสียงนี้มันอลาว อลาวอยู่แถวนี้แน่ๆ ถ้าเป็นในป่าแบบนี้ล่ะก็การที่จะเอาตัวอลาวกลับมาย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!! ข้าวิ่งสุดขาอย่างไม่สนใจว่ามีใครวิ่งตามมาหรือเปล่ารู้เพียงต้องวิ่งไปให้เร็วที่สุดแล้วพบกับอลาวให้ได้เร็วที่สุด ข้าหยุดลงหลังพุ่มไม้ที่อยู่ริมธาร สายตามองตรงไปด้านหน้าด้วยความดีใจเปี่ยมล้น ร่างสง่าในชุดไม่คุ้นตากำลังเดินมาที่ริมธาร เส้นผมสีดำที่ยาวแค่ต้นคอเจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์ใช้เชือกเส้นเล็กๆผูกเอาไว้ไม่ให้รุ่มร่าม ดวงตาสีแดงสดยังเป็นประกายสดใสทำให้ข้าโล่งใจ บนดวงหน้าที่คุ้นเคยยังคงประดับรอยยิ้มที่แสนสดใส

    “ข้าเจอเจ้าแล้ว...อลาว”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×