ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #25 : บทที่เก้า เราคงต้องเดินเข้าทางออกเมื่อมันไม่มีทางเข้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 227
      2
      30 ส.ค. 56


    บทที่เก้า

    เราคงต้องเดินเข้าทางออกเมื่อมันไม่มีทางเข้า

    “ข้าคิดว่าเราควรเข้าทางออกเมื่อมันไม่มีทางให้เข้า”

                    ไม่ๆข้าไม่ได้กำลังพูดชื่อตอนซ้ำแล้วเติมบางคำ นี่ข้ากำลังพูดสิ่งที่ข้าคิดจริงๆ ตอนนี้พวกเราพักที่ป่านี้มาก็จะสามวันเข้าไปแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของอลาวสักนิด ข้าเกรงว่าอยู่ต่อไปแบบนี้มันไม่ดีแน่ๆ ยังไงเราก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะทำอะไรกับอลาวบ้างการที่จะบุกเข้าปราสาทนั่นให้เร็วที่สุดถือป็นเรื่องที่ดี

    “ทางออกงั้นหรือขอรับ?”

                    เดม่อนเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจในความคิดของข้านัก

    “ใช่ทางออกนั่นแหละ ในเมื่อทางเข้ามันเข้าลำบากนักก็เข้าที่ทางออกนั่นแหละ”

    “จะว่าไป...ทางออกของเมืองนี้ก็ไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่ด้วยสิขอรับ”

                    เดม่อนลูบคางพลางคิดตามที่ข้าเสนอ

    “แล้วทางออกนั่นมันอยู่ตรงไหนล่ะ มีปีศาจเฝ้าอยู่กี่ตัว ฝีมือมากมายแค่ไหน ถ้าเกิดปะทะกันจริงๆจะไหวหรือเปล่า?”ซีโร่ซักยาวพรืดจนเดม่อนเริ่มเอนไปทางนั้น

    “ถึงมันจะเป็นความคิดบ้าๆแต่ข้าก็เห็นด้วยนะขอรับ ในเมื่อทางเข้ามาเข้าลำบากนักก็เดินเข้าที่ทางออกกันซะก็สิ้นเรื่อง”เรย์เสนอเสียงฝ่ายข้าเป็นเสียงที่สอง ทีนี้ก็เหลือท่านพี่คนเดียวแล้วล่ะ

    “ข้าเห็นด้วยกับทั้งสองฝ่าย เหตุผลเท่ากัน”

                    ท่านพี่ตอบนิ่งๆก่อนตัดสินใจยืนขึ้น ท่านพี่...ข้าต้องการคำตอบที่ช่วยในการตัดสินใจท่านตอบแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ!

    “ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างมันจะสายเกินไป”

                    แต่อันนี้...เห็นด้วยอย่างยิ่ง ข้ารู้สึกห่วงอลาวขึ้นมาตงิดๆภาวนาให้อลาวไม่เป็นอะไรทีเถอะ ข้ายืนขึ้นตามด้วยเรย์ ซีโร่ และเดม่อนตามลำดับ พวกเรากลบร่องรอยทั้งหมดทั้งกลองไป กลิ่นที่ติดอยู่ตามต้นไม้ เพราะไม่แน่พวกทหารปีศาจอาจจะโพล่มาแถวนี้ก็เป็นได้ เหตุผลคือพวกเราไม่รู้ว่าเมลลาเวียร์จะเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านพ่อของมันหรือยัง แม้เดม่อนจะบอกว่ายังไงก็คงไม่มีทางแน่ๆ แต่อย่างว่าความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายกันไว้ดีกว่าแก้

    “แล้วพวกเราจะลอบเข้ากันตอนนี้เลยน่ะหรือขอรับตอนกลางคืนไม่ดีกว่าหรือ?”ซีโร่ที่คงเห็นว่าเถียงไปก็ไร้ประโยชน์เลยถามถึงแผน

    “นั่นสินะ บางทีการลอบเข้าไปในตอนกลางวันก็อาจจะทำให้เด่นสะดุดตาเกินไป”เรย์ลูบคางครุ่นคิด

    “แต่ตอนกลางคืนระบบรักษาความปลอดภัยจะแข็งแกร่งกว่าตอนกลางวันเนี่ยสิขอรับ”

                    ข้าเอาความคิดเห็นของทั้งคู่มาลองคิดดู มันก็สมเหตุสมผลทั้งสองฝ่าย บุกเข้าไปตอนกลางวันเราก็อาจจะเจอกับพวกที่รักษาการอยู่อย่างตัวต่อตัวเพราะว่ามันไม่มีความมืดให้อาศัยซ่อนตัวแต่ว่าถ้าเป็นตอนกลางคืนเองมันก็มีเวรยามที่แน่นหนากว่าเพื่อช่วยปิดจุดบอดให้ที่ข้าว่าไป การจะเข้าไปที่นั่นเหมือนมันจะง่ายแต่ว่าก็ยากเอาเรื่องต่อให้เป็นทางออกก็ตามแต่เถอะ

    “เอาไงดีขอรับท่านฟราน?”

                    ซีโร่ที่เห็นข้านิ่งไปหันมาถามอย่างต้องการความคิดเห็นเพราะตอนนี้ข้าเองก็ไม่ต่างอะไรกับแกนนำถึงแม้ว่าคนที่เหลือดูน่าจะมีวุฒิภาวะที่สูงกว่าข้าก็ตามแต่เถอะ

    “ข้าว่า......”

                    ตึง!!!!

                    เสียงโครมครามที่ทำเอาพวกข้าหันมองแทบจะในทันที เรย์ขมวดคิ้วขึ้นเป็นคนแรกก่อนจะเบนหน้ากลับมาที่พวกข้าที่ยังไม่รับรู้ถึงต้นเหตุของเสียง

    “มี...อะไรบางอย่างกำลัง...ไล่ล่ากัน?”เรย์พูดอย่างไม่แน่ใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางแบบที่ชอบทำประจำ

    “เราควรไปดูไหม?”ท่านพี่ถามความเห็นพวกข้า

                    ข้าแต่ละคนหันมองหน้ากันและกันเพราะเราต่างก็ต้องการคำตอบเช่นกัน  ซีโร่หลับตาลงเบาๆเพื่อที่จะหาต้นตอของเสียง แน่นอนว่าถ้าดูๆแล้วซีโร่ต้องแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราเพราะเขาเป็นเทพสวรรค์มาตั้งกี่ปีล่ะ? เอ่อ...ไม่ต้องส่งรังสีไม่อยากบอกมาให้ข้าก็ได้นะซีโร่ ไม่น่าถามนะข้า....

    “เหมือนจะเป็นปีศาจ”ซีโร่หันไปบอกกับเดม่อน อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง

    “งั้นเราควรไปดูสักหน่อย”

                    หา!! รู้ว่าเป็นปีศาจแล้วจะไปดูหาสวรรค์วิมารบ้านข้าหรือไงกัน? เดม่อนถอนหายใจจากสีหน้าคงได้ยินที่ข้าคิดแน่ๆ คุณพ่อบ้านตัวอย่าง(ตามทีอลาวบอก)หันมาหาข้าอย่างเหนื่อยจิตเหนื่อยใจ

    “ปีศาจไม่ได้แข็งแกร่งทุกตนนะขอรับท่านฟราน ดูแล้วพลังสองสายมันไม่เท่ากัน อีกฝ่ายหนึ่งากกว่าอย่างมหาศาล บางทีที่หนีอยู่อาจจะเป็นลูกปีศาจตัวเล็กๆก็ได้นะขอรับ”

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”

                    ข้าได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากทุกคนที่อยู่ตรงหน้าข้า ทำไมต้องทำสีหน้าแบบนั้นกันด้วย? ข้าแค่อยากรู้ว่าพวกเราจะต้องสอดมือเข้าไปช่วยทำไมทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเราเลยสักนิดเดียว

    “ท่านฟราน...ข้าสงสัยมานานแล้ว ท่านเป็นเทพสวรรค์ได้ยังไงกัน?”

    “ก็เกิดมาจากท้องท่านแม่ดิ”

    ......

    “ท่านเฟรนด์ๆๆๆ นั่นมันน้องชายท่านนะขอรับ^^;

                    ซีโร่รั้งเอวท่านพี่ที่กำลังทำหน้านิ่งๆแต่มือจะตะปบหัวข้าให้ได้...ท่านพี่อาจจะหงุดหงิดสะสมก็เป็นได้...

    “เอาเป็นว่าไปก็ไป”

                    ข้ายอมตกลงแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ เดม่อนเผยยิ้มขึ้นมาน้อยๆก่อนจะเดินนำไปทางเสียง

                    โครม!!!

    “เฮ้ย!!

                    พวกข้ากระโดดหลบต้นไม้ที่โค่นลงมาไปคนละทิศทาง ข้าสอดสายตามองความปลอดภัยของทุกๆคนก่อนจะเสรกลับมามองที่ต้นเหตุอีกครั้ง พลันสายตาข้าก็ไปสะดุดเข้ากับแมลงมุมตัวเท่า...ช้าง แม่เจ้า!! พ่อกับแม่เจ้าใครเป็นแมลงมุมใครเป็นช้างล่ะเนี่ย??

                    พลั่ก!

    “ไม่ใช่เวลาขอรับ”

                    ข้าโดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผลักหัวจนหน้าคว่ำไปด้านหน้า เดี๋ยวเหอะๆเอาใหญ่เชียวนะ ข้ามองอย่างคาดโทษด้วยสายตาก่อนจะเบนกลับมาที่แมลงมุมตรงหน้าอีกหน ที่ใต้ท้องของแมลงมุมข้าเห็นบางสิ่ง...เฮ้ยนั่นมันคน...ไม่เด่!! นั่นมันปีศาจนี่หว่าเฮ้ย!!

    “เดม่อน!!

                    เดม่อนพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วและรับรู้คำสั่งที่ข้าต้องการสั่ง ร่างของเดม่อนกายเป็นขีดสีดำสนิทพุ่งไปนำตัวปีศาจหลงฝูงที่อยู่ใต้ท้องปีศาจแมลงมุมออกมา ปีศาจที่ถูกนำตัวออกมามีสีหน้านิ่งๆจนดูไม่เหมือนปีศาจที่เพิ่งไปยืนเล่นอยู่ใต้ท้องปีศาจแมลงมุมตัวโคตรใหญ่เลย

    “ท่านไม่เป็นไรนะ?”

                    เดม่อนปรายตามองร่างที่เขาเพิ่งหิ้วมาจากใต้ทองปีศาจแมลงมุม ร่างนั้นพยักหน้าหน่อยๆก่อนจะยิ้มออกมา โห้สวยว่ะ ดวงตาเรียวสีเขียวข้างและสีฟ้าข้างหนึ่ง เรียวปากสวยประดับรอยยิ้ม เส้นผมสีม่วงอ่อนยาวถึงหลังถูกมัดรวบเบนมาที่ไหล่ขวา ช่างเป็นผู้....

     “ขอบคุณท่านมากนะขอรับ”

                    ..ชายที่สวยมาก...ท่านพ่อครับทำไมท่านชอบส่งผู้ชายหน้าสวยมาให้ข้านักนะ ท่านอยากแกล้งข้ามากนักใช่ไหม? ต่อยกันมั๊ยท่านพ่อต่อยกันม๊ายยยยยยยยย

    “มะ..แมลงมุมหรอ..ฮ่าๆๆ”

                    ข้าได้ยินเสียงซีโร่แว่วๆก็เริ่มเลิกคิ้ว

    “ท่านฟรานช่วยข้าด้วย...ข้าขยับไม่ได้”

                    ข้ารีบหันควับไปหาซีโร่ที่ยิ้มทั้งน้ำตาพลางร้องขอความช่วยเหลืออยู่หน้าแมลงมุมยักษ์นั่น ซีโร่แทบจะเบ้หน้าร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วเมื่อแมลงมุมมันขยับขาที่มีแต่ขนยุบยับเข้ามาหา จะถอยก็คงก้าวไม่ออกแล้วนั่น

    “ว๊ากกกกกกกกกก”

    “ย๊ากกกกกกกกกกก”

    “แย๊กกกกกกกกกกก”

                    เสียงใครเป็นเสียงใครไม่รู้...รู้เพียงมันต้องมีเสียงซีโร่สักเสียงแน่ๆ ปีศาจแมลงมุมพุ่งเข้ามาหาซีโร่เหมือนจงใจแกล้งเพราะรู้ว่าซีโร่กลัวแน่ๆ แต่เดม่อนที่ไวกว่าก็พุ่งเข้าไปดึงร่างนั้นหลบให้พ้นรัศมีการโดนแมลงมุมทับเล่นของซีโร่ พอช่วยมาได้ข้าก็แทบปล่อยก๊ากออกมาเมื่อซีโร่ใช้สองแขนโอบคอเดม่อนไว้ส่วนอีกสองข้าก็เกี่ยวเอวเดม่อนไว้แน่นหนึบยังกับกลัวว่าเดม่อนจะปล่อยเขาไปให้แมลงมุมนั่นเหยียบเล่น หมดกันภาพลักษณ์ที่น่าเคารพของซีโร่ในความคิดข้ากว่าสิบเก้าปี หายวับไปกับตาเลย....

    “ซีโร่ๆ ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอกเพราะงั้นปล่อยข้าก่อนเถอะ”

                    เดม่อนยิ้มเครียดกับร่างที่เกาะเขาอยู่ มันก็น่าหรอกจะสู้ยังไงล่ะทีนี้

    “ไม่อาวววววว”

                    ซีโร่ว่าเสียงยาว เห้อ...แบ๊วเชียว นี่สินะเขาบอกว่าความรักทำให้คนเด็กลง

                    พลั่ก!/ผลั๊วะ!

    “ไม่ใช่เวลาเล่น”

                    เสียงท่านพี่กับเรย์ประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ทำไมเนี่ย ข้ารู้สึกได้ว่าภาคนี้ข้าเจ็บตัวหนักกว่าภาคที่แล้วเสียอีก คนเขียนมันมีอะไรแค้นใจกับข้าหรือเปล่าฟระ?(Cheekze:ก็ไม่ได้อะไร ก็หมั่นไส้เฉยๆ)

    “กรี๊ซซซซซซซซ”

                    เจ้าแมลงมุมส่งเสียงแหลมบาดแก้วหูมาให้เหมือนเป็นการเรียกร้องความสนใจอย่างหนึ่งเมื่อพวกข้าแทบจะไม่เห็นหัวมันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่มันตัวใหญ่เสียขนาดนี้

    “เอาเป็นว่าเดม่อนเจ้าดูแลซีโร่ที่อกสั่นขวัญเสียกับปีศาจนั่นไปก็แล้วกันนะ เจ้านี่พวกข้าจะจัดการ”

                    ข้าเอ่ยสั่งอย่างไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร เดม่อนพยักหน้ารับยิ้มๆก่อนจะถอยหลบฉากไปพร้อมๆกับซีโร่และปีศาจที่ข้าไม่ทราบชื่อทันที เทคนิคการหนีเจ้ามันระดับแพทตินั่มหรือไง? ไวสุดยอด!

    “กรี๊ซซซซซ กร๊าซซซซ”

                    เจ้าแมลงมุมขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมทั้งขยับเขี้ยวในปากเหมือนอยากจะกินพวกข้าเสียเต็มประดา เนื้อพวกข้ามันเคี้ยวยากนะจะบอกให้ อย่างน้อยๆก็มีวิญญาณพันปีกับเทวดาไม่ทราบอายุที่แท้จริงอยู่นะเว้ย!

                     พลั่ก!

    “เฮ้ยยยยยยย ท่านพี่! เรย์!

                    ข้าโวยวายพร้อมถลาลมไปด้านหน้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของปีศาจแมลงมุมตรงหน้า ข้าที่ยังตั้งตัวไม่ติดดีหลับตา(จริงๆ)เรียกสามง่ามคู่กายออกมาก่อนจะแทงฉึกเจ้าที่ด้านหน้าของมัน ฮ่าๆๆเป็นไงล่ะฤทธิ์สามง่ามที่รักของข้า

    “ท่านฟราน...ท่านเอาด้ามแทงมันไปนะขอรับ”

                    ห๊ะ?? จริงเด่! ข้าลืมตามองปีศาจแมลงมุมตรงหน้าที่เห็นแว๊บๆว่ามีเส้นเลือดปูดขึ้นขมับ(?)เป็นรูปกากบาทซึ่งบ่งบอกถึงระดับความโมโหได้ดีที่เดียว ด้ามสามง่ามข้าไมได้ทำให้มันเลือดตกยางออกแต่ว่าทำให้แมลงมุมตรงหน้าหัวโนและมีอาการหงุดหงิด....ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ ข้าแทบจะยกมือไหว้แมลงมุมนี่อยู่แล้ว!!!

    “ย๊ากกกกกกกก”

                    แมลงมุมที่ข้าพยายามยิ้มโปรดเสน่ห์ใส่มันพุ่งมาวิ่งไล่ตามข้า ดูท่าเสน่ห์ข้าจะไม่ได้ผลมันอาจจะเป็นตัวผู้ไม่ก็เป็นทอมสินะ...แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้นะเฮ้ยตัวข้า!! ข้าตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเพราะไม่รู้จะหันไปสู้กับมันตอนไหนแล้วข้าก็ได้รู้ว่าข้าเป็นเจ้าชายสวรรค์ที่โชคดีที่สุดเมื่อข้า...สะดุดรากไม้ไม่ทราบที่มาแล้วล้มลงดังโครม เงาดำทาบมาบนตัวข้าที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นดินเย็นๆ ข้าค่อยพลิกตัวหันกลับมามองแมลงมุมที่อยู่เหนือหัวตัวเองพลางยิ้มหวานอีกหนเผื่อเสน่ห์จะช่วยข้าได้

                    ฉึก!!!

                    ขาแมลงมุมที่แหลมยังกับหอกเล่มหนึ่งแทงมาที่ทางข้า ข้าถอยหนีไปด้านหลังทำให้ขามันปักลงที่พิ้นดินห่างจากเป้ากางเกงข้าไปนิดเดียว...เกือบศูนย์พันธุ์แล้วมั๊ยตัวข้า ข้ายังคงยิ้มสู้แมลงมุมนั่นอยู่ก่อนเสียงถอนหายใจจะแว่วมาให้ได้ยิน ตัวข้าถูกลากตัวขึ้นจากพื้นไปยังต้นไม้เมื่อแมลงมุมนั่นทำท่าจะปักขาลงมาอีก มันหยุดชะงักแล้วเอนทั้งตัวไปด้านหลังก่อนจะล้มคว่ำไปดังโครมใหญ่ ฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วผืนป่า

    “แค่กๆๆ”ข้าสำลักฝุ่นอยู่บนต้นไม้โดยมีคนลากก็คือเรย์ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ

    “ข้าว่างานนี้ให้ผู้ใหญ่เขาลุยดีกว่านะ เด็กๆอย่างเจ้านั่งรออยู่นี่แหละ”ว่าจบร่างสง่าไม่สมกับเป็นผีก็พุ่งลงไปด้านล่าง

    “อะไรเนี่ย...ข้ายังไม่ได้ใช้พลังของเทพแห่งความตายเลยนะ”ข้าบ่นอย่างอดเสียดายไม่ได้

                    ท่านพี่กระโดดขึ้นสูงก่อนลอยตัวค้างอยู่กลางอากาศ ดวงหน้านิ่งเรียบขยับยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยพอให้อากาศติดลบก่อนจัตวัดเส้นเอนใสอาวุธของเขากลับมาจากการพัธนาการปีศาจแมลงมุมเมื่อครู่ เรย์ที่เพิ่งพุ่งไปกระโดดเป็นขั้นๆราวกับบนอากาศมีบันไดไปยืนลอยตัวอยู่ข้างท่านพี่ เถาวัลถ์สีเขียวดูแข็งแกร่งวิ่งวนอยู่รอบมือของเขาจนดูราวกับสิ่งมีชีวิตก่อนจะมีเส้นหนึ่งที่พุ่งไปด้านหลังตัวเขาเองแล้วรัดเข้ากับเส้นผมสีทองที่สยายอยู่ง

    “สักเส้นไหม?”

                    ก็ยังจะมีน้ำใจ...

    “ไม่”

                    ท่านพี่ตอบเสียงนิ่งก่อนบังคับเส้นเอนให้รัดเข้ากับใยแมลงมุมที่ถูกปล่อยออกมาจนขาดกระจุยเต็มกลางอากาศ ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างพิจารณาก่อนจะหันไปหาเรย์

    “ทำไมพลังมันน้อยเกินกว่าที่คิด?”

    “ข้าไม่รู้ไม่ใช่คนดูพลังนี่”

                    เฮ้ยๆๆๆ อย่าเพิ่งฆ่ากันเองนะเออ

    “กร๊าซซซซซซซซซ”

                    เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งร่างแมลงมุมที่พุ่งเข้ามา คราวนี้มันกลับไม่เคลื่อนที่มามากเท่าไหร่เมื่อถูกเถาวัลถ์ไม่ทราบจำนวนที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินรัดร่างเอาไว้ มันดิ้นพลางส่งเสียวร้องแสบแก้วหู ยิ่งมันดิ้นมากเท่าไหร่เถาวัลถ์นั่นยิ่งรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น

                    ฟิ้ว!!

    “ท่านพี่! เรย์!

    ข้าตะโกนเรียกเมื่อหางตาเห็นอะไรแว๊บๆสะท้อนเข้าที่ลูกตา ทั้งสองเบี่ยงตัวหลบกันไปคนละทิศละทางก่อนที่เรย์จะบังคับเถาวัลถ์ให้เข้ารัดวัตถุที่พุ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้แต่วัตถุนั้นกลับฟันเถาวัลถ์จนขาดออกก่อนจะพุ่งไปตัดเถาวัลถ์ทั้งหมดที่รัดแมลงมุมไว้กับพื้น ท่านพี่ที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบส่งเส้นเอนไปรั้งไว้แต่เส้นเอนกลับขาดอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าท่านพี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าอาวุธที่แสนภูมิใจที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งมากกลับถูกทำให้ขาดลงได้เพียงแค่การฟันครั้งเดียวของวัตถุปริศนา

    “เลิกสนใจไอ้อาวุธบ้านั่นแล้วจัดการกับแมลงมุมนี่ให้เสร็จๆไปก่อนเถอะ!

                    ท่านพี่พยักหน้ารับกับเรย์ก่อนจะพุ่งไปหาแมลงมุมที่หลุดพ้นจากการพันธะนาการ เสียงร้องแสบหูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งร่างที่พุ่งมาทางข้า ข้าผงะไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัวเป็นเหตุให้สร้อยที่คอไปเกี่ยวกับกิ่งไม้โดยบังเอิญ

    “เฮ้ย!!!”ข้าร้องเสียงหลงพลางดิ่งตัวลงไปเก็บสร้อยและแหวนของอลาว

                    ร่างข้าที่รับแหวนและสร้อยได้กลับตัวกลางอากาศและลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย ข้าจ้องมองปีศาจแมลงมุมอย่างเอาเรื่อง เดี๋ยวเหอะๆ

    “นี่มันของรักของหวงของข้านะเจ้าบ้า!!”ข้าว่าพลางสวมสร้อยที่คอและพยายามผูกให้มันอยู่บนคอข้าได้เหมือนเดิม ไว้เข้าเมืองเมื่อไหร่ค่อยเอาไปซ่อมให้มันดีก็แล้วกัน

    “กร๊าซซซซซซซซซซ”

                    ร่างแมลงมุมยักษ์โถมเข้าใส่ข้าที่ยังง่วนอยู่กับการใส่สร้อย ครันข้าจะปล่อยมือก็ไม่ได้เพราไม่งั้นสร้อยอาจล่วงหายไปและหาไม่เจอ งานเข้าแน่ๆ ข้าเอี้ยวตัวไปด้านหลังหลบขาที่ตวัดข่วนมาก่อนจะล่นไปอย่างช่วยไม่ได สร้อยนี่ก็ผูกยากผูกเย็นจริงเว้ย!!

    แล้วพระเอกก็มาถึง ท่านพี่โพล่มาดักหน้าด้วยความเร็วสูงจนข้ามองไม่ทัน ดวงตาสีเดียวกับข้าจ้องไปที่ดวงตาหลายคู่ของแมลงมุมนั่น นิ้วทั้งสิบกางอยู่กลางอากาศแล้วพลิ้วไหวเหมือนกำลังดีดเปียโนอยู่ เส้นเอนที่พอเห็นบ้างจากการสะท้อนแสงเข้าไปรัดขาแมลงมุมให้ล้มดังตึง! ก่อนจะมีเถาวัลถ์ขึ้นมารัดใหม่อย่างหนาแน่นกว่าเดิม

    “ฆ่ามันได้ไหม?”

                    ท่านพี่เอ่ยเสียงเรียบด้วยดวงตาที่เรียบสนิทยิ่งกว่าน้ำเสียง เดม่อนพุ่งออกมาจากไหนก็ไม่รู้มายืนมองแมลงมุมที่โดนรัดพร้อมๆกับมีซีโร่เกาะหลังหนึบและปีศาจไม่ทราบชื่อมองอยู่ห่างๆ

    “ข้าว่าปล่อยมันไปเถอะขอรับ”

                    ว่าจบร่างของยมทูตผมน้ำเงินก็ทรุดตัวลงข้างแมลงมุมนั้นก่อนจะหลับตาลง ฝ่ามือที่ใส่ถุงมือหนังสีดำตลอดเวลาแตะเบาๆที่หัวของปีศาจแมลงมุมยักษ์ก่อนสายฟ้าสีฟ้าอ่อนที่ดูนุ่มนวลจะวิ่งวนไปทั่วร่างแล้วอันตธานหายไป เถาวัลถ์นั้นหลุดออกไปพร้อมๆกับการหลับไหลขอลปีศาจแมลงมุม เดม่อนยืดตัวขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้พวกเรา ใจดีเกิ๊นนนนน

    “ซ่อมได้ไหม?”

                    พอไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่ท่านพี่เลยหันมาถามข้าที่ยังยุ่งอยู่กับสร้อยบนคอ

    “ก็พอแก้ขัดได้นะขอรับ เกรงว่าคงต้องไปหาสร้อยใหม่ในเมือง”ข้าบ่นอย่างปลงๆแล้วปล่อยมือจากสร้อยที่คอ อย่าหล่นหายไปไหนก็พอ

    “ว้าวๆ พวกท่านเก่งจังนะขอรับ”

                    เสียงที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวคือคำว่าขอบคุณเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปรบมือแปะๆ

    “ขอแนะนำตัวนะขอรับ ข้าชื่อเรเวอร์เรีย เป็นพ่อค้าเร่นะขอรับบังเอิญอย่างมากที่ตอนที่กำลังหาเห็ดพิษกิ๊กกิ๊วอยู่ก็มาเจอกับเจ้านี่เข้า ขอบคุณท่านมากนะขอรับ”ร่างนั้นก้มหัวลงอีกหน

                    อะไรนะเจ้าชื่อกิ๊กกิ๊วออกมาหาเห็ดเรเวอร์เรีย?

    “เขาชื่อเรเวอร์เรียขอรับ”ซีโร่ที่ดูพอจะคุมตัวเองได้เอ่ยแก้ความคิดข้าให้

                    ข้าพยักหน้ารับเบาๆแล้วหันมาทางเรเวอร์เรียที่ยิ้มแฉ่งอยู่ นี่มันสมายด์สองนี่หว่าเฮ้ย!

    “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อฟรานนะ คนที่สวยๆนั่นๆพี่ชายข้าชื่อเฟรนด์ อีกคนที่คล้ายๆพี่ข้าชื่อ...เรย์อ่ะนะ แล้วก็นี่เดม่อนกับซีโร่”ข้ายิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย

    “โห้...ท่านนั้นชื่อเหมือนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เลยนะขอรับ”ร่างนั้นว่าพลางยิ้มร่าแล้วไปเดินมองพวกข้า

    “แม่ข้าปราบปลื้มวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษนะขอรับ ท่านแม่บอกว่าท่านเรย์ช่างหล่อเหลา หน้าตาดี สูง ใจดี คุยสนุก แล้วยัง....โอ๊ย!!!

                    ท่านพี่ที่อยู่ใกล้ๆยกเท้าขึ้นเหยียบลงไปไปนิ้วก้อยเท้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลงตัวเองมากเกินไป

    “ฮ่าๆๆ พวกท่านนี่ตลกกันจังเลยนะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ข้าช่วยเป็นการตอบแทนหรือเปล่าล่ะ?”

    “พาเข้าเมือง”

                    มิ๊งๆๆๆๆ

                    ทุกคนหยุดนิ่งแล้วมองหน้าท่านพี่ที่บอกออกไปอย่างไม่มีการระมัดระวังอะไรเลย เกิดเขาสงสัยขึ้นมาว่าทำไมชาวปีศาจถึงเข้าเมืองไม่ได้ขึ้นมาล่ะยุ่งเลยนะเออ เรเวอร์เรียมองหน้าพวกข้าอย่างคิดวิเคาระห์ เวรแล้วไหมล่ะ!!

    “อ๋อ...ข้านึกแล้วเชียวว่าทำไมพวกท่านถึงดูสว่างวิ๊งวับกันจัง”

                    บรรลัยแล้วไหมครับพี่ท่าน!!

    “ที่แท้พวกท่านก็เป็นเอลฟ์นี่เอง ใช่ไหมท่านเรย์ ท่านเฟรนด์ ท่านฟราน แล้วก็ท่านซีโร่”

                    นี่จ่ะ...หา?อะไรนะ?เอลฟ์? นี่เห็นข้าเป็นเอลฟ์งั้นหรือ? แต่ก็พอได้ท่านพี่กับเรย์เล่นเปล่งแสงแข่งกันซะขนาดนั้นมันก็พอถูไถได้นะ

    “ก็อ่ะ...เอ่อ นั่นแหละ”

                    ซีโร่ตอบแบบส่งๆไปเพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก

    “แล้วทำไมไม่ให้ท่านเดม่อนพาเข้าไปล่ะ ยังไงท่านเดม่อนก็เป็นปีศาจนะข้าได้กลิ่นแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นปีศาจอะไร แค่มีปีศาจพาเข้าก็เข้าได้แล้วพวกเราไว้ในกันว่าจะไม่ทรยศแผ่นดินตัวเองแน่ๆ เอาเถอะข้าจะพาเข้าเลยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลาด้วย ป่ะๆๆ ช้ากว่านี้จะมืดค่ำเอาจะลำบาก”

                    เรเวอร์เรียอธิบาย บ่นและสรุปเสร็จสับแบบที่ข้ายังคงงงๆอยู่เลยแต่ก็ตามเขาไปเฉย...ถ้าโดนลากไปปล้ำทำไงเนี่ย?

     

                    ปัจจุบันเป็นเวลาที่เรียกได้ว่าใกล้ค่ำแล้ว ที่จริงมืดแล้วล่ะ....ข้าทั้งหมดหกคนรวมเรเวอร์เรียด้วยนั่งอยู่บนถม้าบรรทุกสินค้าที่มีเรเวอร์เรียเป็นคนขับโดยที่ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างเต็มไปหมด หวังว่ามันคงไม่มีศพอ่ะนะ และรถม้าที่นั่งมาตอนนี้ก็หยุดอยู่หน้าทางเข้านานเป็นชั่วโมงแล้วเนื่องจากการเข้าไปด้านในดูยุ่งยากซับซ้อนมาก จนข้าอดหวั่นใจไม่ได้ว่าถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย?

    “คนเยอะจังเลยนะขอรับ นี่เรารอมานอนมากแล้วนะ”ซีโร่บ่นพลางมองท้องฟ้าที่กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่สามารถตอบได้

    “ก็แน่ล่ะขอรับ มีคนสำคัญอยู่ด้านในทั้งคน”เรเวอร์เรียหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม

    “คนสำคัญ? จักรพรรดิปีศาจหรอ?”ข้าอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้

    “ดูท่านจะไม่เคยมาที่นี่จริงๆน่ะสิขอรับท่านฟราน ที่นี่ท่านจักรพรรดิดูแลตัวเองได้นะขอรับไม่จำเป็นต้องตรวจอะไรขนาดนี้หรอก”เรเวอร์เรียว่าขำๆก่อนจะขยับมือกระตุกบังเหียนเพื่อให้ม้าเคลื่อนไปด้านหน้าเล็กน้อย

    “แล้วใครล่ะคนสำคัญที่ว่า?”

    “ก็...ว่าที่จักรพรรดิรุ่นต่อไปไงขอรับ”

                    ข้าดเงียบกริบโดยฉับพลันเมื่อรู้สึกได้ถึงความกดดันที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาเกินกว่าจะเป็นของพ่อค้าเร่ตามที่บอก แต่เพียงครู่เดียวก็หายไป

    “รู้สึกไหม?”ข้าเอนตัวไปกระซิบกับท่านพี่

    “อะไร?”

                    ท่านพี่ถามหน้านิ่งแต่เจือปนความสงสัยเอาไว้ไม่น้อย ข้าได้เพียงส่ายหัวเบาๆแสร้งทำว่าไม่มีอะไรบางทีจิตกดดันนั่นอาจจะส่งมาหาข้าคนเดียวก็ได้...

    “คนวงในว่ากันว่าท่านว่าที่จักรพรรดิทรงเก่งกราจและรูปงามมาก ดวงตาสีแดงสดดุจโกเมนกับเส้นผมสีดำเข้มดุจขนอีกา รูปร่างผอมเพียวที่แฝงไว้ด้วยความคล่องตัว แถมยังมีเวทย์มนตร์ที่เป็นเลิศอีก ข้าว่าถ้าได้เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิจริงๆล่ะก็จะต้องดีมากแน่ๆเลย”

                    เรเวอร์เรียว่าอย่างสดใส ดูมันจะคราดหวังในตัวอลาวมากแต่เสียใจที่ต้องทำให้เจ้าผิดหวัง อลาวจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิปีศาจแน่ เชื่อข้าสิ

    “แล้วลูกชายคนรรองของจักรพรรดิปีศาจองค์ปัจจุบันเล่า ทำไมไม่ให้เขารับตำแหน่ง?”เดม่อนถามขึ้นเป็นคนถัดมาหลังจากที่พ่อค้าเร่หน้าสวยพล่ามเกี่ยวกับอลาวเสร็จ

    “ท่านเมลลาเวียร์น่ะแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่ค่อยมีใครมองเห็นเพราะเขานะอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นซาตานหรือจักรพรรดิปีศาจไงล่ะ”

                    น้ำเสียงทุ้มทอดนุ่มจนน่าแปลกใจ ในน้ำเสียงเจือเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ข้าจับสัมผัสได้ มันหมายความว่ายังไงกัน? รถม้าเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง คราวนี้แลดูยาวกกว่าเดิม เสียงกุบกับๆเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินเพราะตอนนี้กพวกเราต่างเงียบกันหมด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งนั้น

    “อ๊ะ! ท่านเร...”

                    ร่างหน้ารถยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตนเองเมื่ออยู่ตรงประตูเข้าเมือง ทหารหน้าเมืองพยักหน้ารับเบาๆก่อนรถม้านั้นจะเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างไม่มีใครทันสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น...นอกจากข้า ทำไมต้องเป็นข้าอีกแล้ววะ? ข้ามองร่างที่บังคับรถม้าอย่างไม่วางใจ ถ้าแค่พ่อค้าเร่ทหารหน้าเมืองจะเรียกขึ้นด้วยท่านเลยงั้นหรือ มันน่าแปลกเกินไป

    “เอาล่ะๆ ข้าคิดว่าพวกท่านน่าจะพักกันที่นี่ได้นะขอรับ ส่งแค่นี้ได้ใช่ไหมขอรับ”

                    พ่อค้าเร่หันกลับมาบอกกับพวกข้าด้วยรอยยิ้มปกติ พวกข้าเดินลงมาจากรถม้าทีละคน ในเมืองไม่ได้ผิดแปลกจากที่ข้าคิดเท่าไหร่ อย่างไรมันก็คือเมืองที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ บ้านเมืองอาจจะแตกแต่งไปนิดหน่อยทางด้านการตกแต่งเมื่อเทียบกับโลกมนุษย์แน่ล่ะ...อย่างน้อยมนุษย์คงไม่เอากระดูกมากั้นเป็นรั้วบ้านหรอก ร่างต่างๆที่สวนไปมาก็ดูไม่ประหลาดเท่าไหร่ แค่มีเขา มีหาง สูงมว๊าก(วิบัตรเพื่อความสมจริง) แล้วก็พวกผิวหนังแปลกๆแค่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจสำหรับข้า

    “พวกท่านน่าจะพักที่โรงแรมนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา ที่นั่นบริการดีมากนะขอรับ แล้วนี่ก็เงินสดนิดหน่อยที่ถือเป็นการตอบแทน”ถุงเล็กๆเท่ากำมือถูกโยนมาทางเรย์และมันก็รับถุงนั้นไว้ได้อย่างแม่นยำด้วยมือเพียงมือเดียว

    “ยินดีที่ได้พบทุกท่านนะขอรับ แต่ข้าคงจ้องขอตัวก่อน”

                    ร่างนั้นหันมาโปรยยิ้มนิดหน่อยก่อนจะเคลื่อม้าออกไป พวกข้าหันมองหน้ากันอย่างคิดตกลงก่อนเดินเข้าไปในโรงแรมนั้น พนักงานสาวยิ้มรับพลางกล่าวทักทายอย่างป็นกันเอง เรย์และข้าเป็นสองร่างแรกที่ไปถึงเคาน์เตอร์โดยมีท่านพี่ ซีโร่ และเดม่อนเดินตามมาตามลำดับ

    “ไม่ทราบว่ามากี่ท่านคะ?”

    “ห้าคนขอรับ”เรย์ตอบพลางยิ้มหวาน

    “ค่ะ ห้าท่านนะคะ ไม่ทราบว่าจะจองห้องแบบไหนคะ?”

    “ระดับวีไอพีนี่เท่าไหร่ขอรับ?”ข้าเสนอหน้าถามบางพลางยิ้มเล็กๆ

    “คืนละสี่พันเมด่อนค่ะ”

    “แล้วถ้าจะจองห้องในหัวใจใช้เงินแค่ไหนถึงจะพอขอรับ?”

                    ข้ากับเรย์พูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันมาเขม่นกันเอง ท่านพี่ที่อยู่ด้วนหลังคงทนไม่ไหวผลักหัวพวกข้าพลางแทรกมาระหว่างกลาง

    “ข้าอยากได้ทั้งหมดสามห้อง ขอระดับปานกลางพอ”ท่านพี่พูดเสียงเรียบ แต่พนักงานสาวดูจะอึ้งกับท่านพี่ หน้าสวยจนสาวอายแต่เสียงงี้ทุ้มเชียว...

    “สามห้องนะคะ ได้ค่ะ ทั้งหมดหกพันเมด่อนค่ะ”พนักงานสาวยิ้มบางๆ

                    ท่านพี่ใช้ศอกกระทุ้งไปที่สีข้างของเรย์เพื่อให้คนถือถุงเงินหยิบเงินออกมา แต่เพียงแค่หยิบเงินออกมาเท่านั้นพนักงานสาวก็ทำสีหน้าตื่นเล็กๆก่อนจะรีบถามกลับมาทันที

    “พวกท่านน่าจะพักห้องวีไอพีห้องใหญ่พิเศษนะคะ เดี่ยวข้าไปบอกเถ้าแก่ให้ พวกท่านแค่ห้าคนน่าจะพักพอ”

                    ว่าจบพนักงานสาวก็ขอตัวแล้วเดินหายไปด้านหลัง

    “อะไร?”ข้ามองหน้าเรย์อย่างงงๆและงงมาก

    “ขอข้าดูเงินนั่นหน่อยขอรับ”เดท่อนยื่นมือไปหาเรย์ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ส่งถุงเงินให้อย่างไม่เข้าใจ

                    เดม่อนรับถุงเงินมาก่อนเปิดดูแล้วนัยน์ตาสีแดงก็เบิกโพลงอย่างตกตะลึง

    “นี่มัน...เงินของผู้พิทักษ์ซาตานนี่”

    “ผู้พิทักษ์ซาตาน?”พวกข้าทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

    “ผู้พิทักษ์ซาตานเป็นผู้ที่คอยดูแลรับใช้ราชวงศ์แต่ละคน เป็นตำแหน่งที่ไม่แน่นอนในเรื่องจำนวนเพราะราชวงศ์แต่ละคนมีความต้องการผู้พิทักษ์ไม่เท่ากัน เงินพวกนี้เป็นเงินที่จะมีใช้เฉพาะผู้พิทักษ์ซาตานเท่านั้น แล้วดูจากวัสดุที่ใช้ทำแล้วน่าจะเป็นระดับผู้พิทักษ์ของว่าที่จักรพรรดิ”เดม่อนร่ายแล้วแต่ดวงตายังคงจ้องเหรียญในมือ

    “ว่าที่จักพรรดิ? อลาวงั้นหรือ?”

    “ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ ว่าที่ย่อมไม่ได้มีคนเดียวไม่แน่ว่าอาจจะเป็นว่าที่อันดับสองอย่าง...”

    “...เมลลาเวียร์”

     

                    เสียงฝีเท้าของม้าดังกุบกับๆไปตามทางเดินกรวดที่ทอดยาวดูไร้จุดหมาย ร่างบนหลังม้าคุมบังเหียนไปพลางฮัมเพลงไปพลาง เสียงล้อบดขยี้กับก้อนกรวดฟังดูไม่น่าอภิรมณ์เท่าไหร่ รถม้าเคลื่อนมาได้เพียงเพลงจบไปครึ่งเพลงประตูขนาดใหญ่ก็ปรากฎตรงหน้า ร่างนั้นยิ้มอีกหนก่อนจะขับรถม้าเข้าไปยังประตูที่เปิดเอง

    “ท่าเรเวอร์เรีย กลับมาแล้วหรือขอรับ?”

                    ทหารชั้นผู้น้อยเอ่ยถามทันทีที่ร่างนั้นมาถึงคอกเก็บม้า ร่างสูงยิ้มรับก่อนจะกระโดดลงมาจากหลังม้า

    “อืม ข้ากลับมาแล้ว เอาของหลังไปเก็บด้วยล่ะ ว่าแต่..เชียร์รี่อยู่ไหน?”

    “อ๋อ..อยู่ที่หอสมุดนะขอรับ”

                    เรเวอร์เรียพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินไปยังหอสมุดที่ว่า บานประตูบ้านใหญ่ถูกเปิดออกอย่างไม่มีการเคาะให้เป็นมารยาทที่ดี

    “ข้ากลับมาแล้วเชียร์รี่”ร่างนั้นบอกอย่างลั้นลาอารมณ์ดีจนร่างที่นั่งอยู่บนโต๊ะขมวดคิ้ว

    “เฮ้อ...จะให้ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งว่าข้าชื่ออะไร ทำไมถึงเรียกข้าว่าเชียร์รี่นะ จำเอาไว้นะข้าชื่อเนโรนัวร์ ลูซิเฟอร์...”

    “...อลาว”

    ***************************************TBC.*****************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×